RAIL Asia Expo 2018

RAIL Asia Expo 2018 คึกคัก
ตอบโจทย์หน่วยงานภาครัฐ เอกชน

การประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ อุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทยครั้งที่ 4 และ RAIL Asia Expo 2018 ปี 2561 นับเป็นปีสำคัญที่โครงการระบบรางในประเทศไทยด้วยสัญญาการประมูลและจัดซื้อจำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้น บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้จัดงานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงคมนาคม สนข. และภาคเอกชน สมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ผนึกกำลัง RISE Symposium

จัดงานวันที่ 28-29  มีนาคม  2561  งาน The 4th Thai Rail Industry Symposium and Exhibition (RISE) and RAIL Asia Expo 2018
(การประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทยครั้งที่ 4 และ RAIL Asia Expo 2018) ขึ้น ที่อาคารสถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน ลานฮอลล์ เอ็กโปร ชั้น 2 ในงานมีการการประชุมสัมมนาวิชาการ จัดใต้แนวคิด “อนาคตระบบรางของอาเซียน” และ มีหัวข้อที่อยู่ในกระแสความสนใจ พิเศษมากมาย ด้านการแสดงเทคโนโลยีรถไฟฟ้า มีบริษัทต่างชาติทั่วโลก ร่วมแสดงเทคโนโลยีกว่า120 บริษัท

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ภายหลังเป็นประธานเปิดงาน การประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ อุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 4 และ RAIL Asia Expo 2018 ที่มีขึ้นวันที่ 28-29 มีนาคม 2561 ณ. ฮอลล์แสดงสินค้า สถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน ว่า งานนี้มีความสำคัญ เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ แหล่งรวมบริษัทผลิตสินค้าและเทคโนโลยีระบบรางรถไฟฟ้าจากทั่วโลก ถือเป็นจุดดูงานสำหรับประเทศเราที่เร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะระบบราง

ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน 8 ปี ของกระทรวงคมนาคม ที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558–2565 นั้น ลงทุนให้ระบบรางจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เร่งจัดทำแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง ลดภาระการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ พัฒนาบุคลากร ด้านเทคนิควิศวกรรมระบบรางไปพร้อมๆ กัน เพราะมีการคาดการณ์ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า (2561-2564) ไทยจะมีความต้องการบุคลากรด้านระบบราง มากถึง 3 หมื่นคน ตลอดจนเร่งส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมระบบรางของไทยด้วยจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนระบบรางได้บางชิ้นส่วน ส่วนใหญ่เป็นประเภทที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงนัก เช่น ไม้หมอนและชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งภายในตัวรถ ส่วนการผลิตตัวเครื่องยนต์แคร่ ขบวนรถโดยสาร และราง ผู้ประกอบการไทยยังไม่สามารถผลิตได้เอง เพราะไทยยังไม่มีโรงเหล็กต้นน้ำ และเป็นระบบที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

ซึ่งขณะนี้ กระทรวงคมนาคมได้ทำความตกลงกับประเทศเจ้าของเทคโนโลยีระบบรางชั้นนำ ระบบรางของโลกหลายประเทศ เพื่อจัดทำโปรแกรมร่วมกัน ด้านการถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยี และการฝึกอบรมพัฒนาระบบราง อาทิ ประเทศจีน ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กทม.- หนองคาย ญี่ปุ่น ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กทม.- เชียงใหม่ รวมถึงเกาหลีและเยอรมัน เป็นต้น



การเซ็นเอ็มโอยู 3 กระทรวงหนุนพัฒนาวิจัย-บุคลากรรางในปี 2560 ที่ผ่านมา การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือทางวิชาการด้านการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาระบบราง เพื่อนำงานวิจัยพัฒนาระบบรางมาใช้ประโยชน์ด้านการขนส่ง การเดินรถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบรางของประเทศ รวมทั้งมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะผู้ใช้ชิ้นส่วนรายใหญ่ ไปจัดทำแผนความต้องการใช้ชิ้นส่วนระบบรางในระยะยาวว่ามีความต้องการใช้อุปกรณ์ หรือชิ้นส่วนชนิดใดบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ให้กล้าตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมระบบรางรวงทั้งประสานความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อสำรวจข้อมูล ว่าชิ้นส่วนชนิดใดในระบบรางที่ผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ เพื่อเร่งรัดจัดทำแผน ส่งเสริมการลงทุนด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้มีการจัดตั้งโรงงานผลิตและประกอบขบวนรถไฟฟ้าและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่เกี่ยวกับชิ้นส่วนภายในประเทศ และยังมีความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกร ช่างเทคนิค พนักงานจัดการระบบราง โดยขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัยกว่า 10 แห่ง เพื่อวางหลักสูตรการเรียนการสอบ เพื่อเตรียมบุคลากรที่จะมารองรับระบบราง ทั้งวิศวกร ช่างเทคนิค ผู้ที่จะประกอบการเดินรถ และประกอบการซ่อมบำรุงรถไฟในอนาคต ในอนาคตอาจจะเสนอให้รัฐบาลจัดหาทุนการวิจัยระบบรางด้วย

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เปิดเผยว่า การพัฒนาระบบรางจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ถือเป็น 1 ใน 10ยุทธศาสตร์หลักที่รัฐบาลต้องการเร่งรัดให้ดำเนินการ ทั้งนี้ สนข. ได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี ตั้งเป้าลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มสัดส่วนขนส่งทางรางได้กำหนดวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,822,581 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งในเมือง ระหว่างเมือง และระหว่างประเทศ ให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนการเชื่อมโยงไประหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และได้มาตรฐาน  โดยตั้งเป้าหมายที่จะปรับลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 14.2% ให้เหลือ11.9% ภายในปี 2579
และปรับลดต้นทุนค่าขนส่งต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ จาก 7.4% ให้เหลือ 6.7% ภายในปี 2579 รวมทั้งเร่งรัดผลักดันสัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน1.4% ให้เป็น 10% ภายในปี 2579 เนื่องจากเป็นระบบที่มีต้นทุนการขนส่งที่ถูกเพียง 0.93 บาท/ตัน/กม.
หากเทียบกับการขนส่งทางถนนซึ่งอยู่ที่ 1.72 บาท/ตัน/กม.

นายดิสพล ผดุงกุล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย เปิดเผยถึง การจัดงาน การประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ อุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 4 และ RAIL Asia Expo 2018 ( The 4th Thai Rail Industry Symposium and Exhibition (RISE) and RAIL Asia Expo 2018) หรือ The 4th RISE Symposium & RAIL Asia Expo 2018 วันที่ 28-29 มีนาคม นี้นับเป็นการเติบโตของงานแสดงสินค้าด้านระบบราง ซึ่งงาน RAIL Asia Expo 2018 จัดโดยบริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ที่มีการจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่หกแล้ว

ในปีนี้ งาน RAIL Asia Expo 2018 มีการผนึกกำลังกับ RISE การประชุมสัมมนาระบบรางภายใต้ การสนับสนุนจากภาครัฐ ร่วมกันจัดงานสินค้าระบบรางระดับชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย และการประชุมสัมมนาด้านอุตสาหกรรมระบบรางขั้นสูง “ งานนี้ถือเป็นการพัฒนาระบบรางครั้งสำคัญยิ่ง เนื่องด้วยจะมีหน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการเดินรถ ผู้ผลิตเทคโนโลยีระบบ อุปกรณ์ มาร่วมแสดงผลงานอย่างเต็มรูปแบบไปพร้อมๆกัน”

การพัฒนางานวิจัยระบบรางของไทยนั้น ได้มีการสนับสนุนงบประมาณจากเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) โดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งได้กำหนดให้งานวิจัยระบบรางเป็นหนึ่งในแผนงานวิจัยมุ่งเป้าของประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดำเนินการบริหารแผนงานวิจัย เพื่อให้มีผลงานวิจัยที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในด้านการคมนาคมระบบรางและตรงตามความต้องการของประเทศ พร้อมทั้งส่งมอบผลงานวิจัยสู่หน่วยงานผู้รับประโยชน์ โดยในปีนี้ เป็นการส่งมอบผลงานวิจัย เรื่อง “การพัฒนารถยนต์รางขนาดเบาวิ่งบนรางรถไฟมิเตอร์เกจหรือถนน” โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรฏฐ์ สุคนธนกานต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยส่งมอบผลงานให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) -นายดิสพล กล่าว

งาน The 4th Thai Rail Industry Symposium and Exhibition (RISE) and RAIL Asia Expo 2018

ด้านนายเดวิด เอ็ทคิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด เปิดเผยว่า งาน The 4th Thai Rail Industry Symposium and Exhibition (RISE) and RAIL Asia Expo 2018

ในปีนี้เป็นการผนึกงาน RAIL Asia Expo ครั้งที่ 6 และงาน RISE การประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ อุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 4 สองงานใหญ่ เข้าไว้ด้วยกัน เป็นงานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีรถไฟ และรถไฟใต้ดิน ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะรวบรวมผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านรถไฟ รถไฟใต้ดิน ผู้รับเหมา ระบบราง ผู้ให้บริการระบบรถไฟ ระบบไอที การสื่อสาร อาณัติสัญญาณ  อุปกรณ์ในสถานีระบบความปลอดภัย ฯลฯ  ผู้ผลิตต่างประเทศ ชั้นนำทั้งจากยุโรป อเมริกา, เอเชีย มาจัดแสดงในงาน โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมงานและตัวแทนจำหน่ายถึง 120 บริษัท จากทั่วโลก มีผู้เกี่ยวข้องผู้ผลิต ผู้ให้บริการเดินรถ ที่ปรึกษา ผู้รับเหมา นักลงทุน วิศวกร กว่า 1,000ราย คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานถึง 3,000 คน

ในปีนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ วงการขนส่งระบบรางจากทั่วโลก อาทิ บอมบาร์เดีย, ชไนเดอร์,ซีเมนส์,ซีอาร์เอสซี,และวอร์สทอนไพน์ มีพาวิเลียนจาก สหราชอาณาจักร จีน และเกาหลี จะนำเทคโนโลยีล่าสุด นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้มานำแสดงรองรับเมกะ
โปรเจกต์ระบบรางของไทย

สนใจรายละเอียดต่อผู้จัดงานได้ที่
Email : rail@aesexhibitions.com

สอบถามงานแสดงสินค้า RAIL Asia Expo
บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด
โทร.+66 (0) 2207 2412
Facebook : RAIL.Asia on facebook

สอบถามงานประชุม
คุณเชาวรัตน์ ศิรินนท์ธนเวช  E-mail: treainfo@trea.or.th
โทร.+66 9 7001 4603

ประสานงานประชาสัมพันธ์
นิตยา โสมทนงค์  Email newmkt2010creation@gmail.com
โทร. 083 244 4613

เปิดตำนานเชฟชื่อดัง เม็กซิกาโน่

เปิดตัว “Carlos’s Creation Menu”
พร้อมเสิร์ฟเมนูสุดพิเศษ เป็นประจำทุกเดือน
ที่ทุกท่านต้องห้ามพลาด!

เปิดตำนานอาหารแม็กซิกัน รสต้นตำรับ พร้อมเทคนิคการปรุงอาหารแบบ
โมเดิร์สุดอลังการ “เม็กซิกาโน่” (Mexicano) ห้องอาหารเม็กซิกันที่มีชื่อเสียงระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์​โดยโรงแรมแรมแบรนดท์ กรุงเทพฯ ​เพิ่มความจัดจ้านบทใหม่ให้กับอาหารเม็กซิกันแท้

เปิดตัว  Carlos’s Creation Menu  เมนูสุดว้าว!  ที่จะรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ให้สายชิมได้ลิ้มรสกันเป็นประจำทุกเดือน แบบไม่ซ้ำ โดย “เชฟคาร์ลอส  บราโว” เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน พร้อมสาดสีสันความสนุกสนานให้มากกว่าที่เคย ด้วยความบันเทิงแปลกใหม่ ซัลซ่าแดนซ์  (Salsa Dance)  ที่จะทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นเต้นตาม ซึ่ง “เม็กซิกาโน่” เติมเต็มช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือนได้รับประทานอาหารอร่อย รสชาติดี พร้อมได้พักผ่อนแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ภายใต้กลิ่นอายของบรรยากาศงานรื่นเริงที่มีแต่ความสนุกสนาน

เชฟคาร์ลอส บราโว เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน

“เชฟคาร์ลอส  บราโว” เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน

เม็กซิกาโน่ (Mexicano) ห้องอาหารเม็กซิกัน ที่มีชื่อเสียงระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ ​เป็นห้องอาหารยอดนิยม ที่มีบริการที่เป็นกันเอง สัมผัสกับอาหารแม็กซิกันรสต้นตำรับแบบพรีเมี่ยมที่ทั้งอร่อยกว่าและหลากหลายกว่าอาหารแม็กซิกันแบบทั่วๆ ไป ​เพิ่มความจัดจ้านบทใหม่ให้กับอาหารเม็กซิกันแท้

“Carlos’s Creation Menu” จะถูกรังสรรค์ขึ้นโดย “เชฟคาร์ลอส บราโว” มาสเตอร์เชฟแห่งห้องอาหารเม็กซิกาโน่ ผู้มีสัญชาติเม็กซิกันแท้ ๆ และคร่ำหวอดในวงการอาหารมาอย่างยาวนาน โดยจะถ่ายทอดฝีมือของเขาสู่เมนูพิเศษในแต่ละเดือนแบบไม่ซ้ำกัน และจัดจ้านกว่าเดิม ตั้งแต่ขั้นตอนการเฟ้นหาวัตถุดิบที่แปลกใหม่และมีคุณภาพมากที่สุด วิธีปรุงที่พิถีพิถัน และวิธีการนำเสนออาหารแต่ละจานที่ครีเอทมากยิ่งขึ้นจนต้องอยากมาเช็คอิน

นอกจากนั้น Mexicano Restaurante  มีเครื่องดื่มให้เลือกนานาชนิด
ดนตรีสดจากวงแม็กซิกันด้วยแถมด้วยวงดนตรีแม็กซิกันที่มาร้องเพลงให้
ฟังกันแบบสดๆ สนุกสุดเหวี่ยงไปกับวงดนตรีละตินของเราที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมเวลา วงดนตรีสดสไตล์ละติน แบบฟูลแบนด์ แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่จะมาโชว์พลังเสียงอันเร้าใจเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งความบันเทิง   และโชว์สุดพิเศษในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อย่าง ซัลซ่าแดนซ์ (Salsa Dance) ที่จะทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นเต้นตาม

 

มาลองอร่อยไม่ซ้ำใครสุดยอดอาหารแม็กซิกันรสต้นตำรับ ทุกคนต้องห้ามพลาด  ต้นตำรับที่ดีที่สุดประกอบกับกรรมวิธีการปรุงอาหาร วัตถุดิบและการจัดจานแบบโมเดิร์นโดยเชฟ Carlos’s Creations  ด้านเมนูอาหารต่างติดใจในรสชาติเผ็ดๆ แถมยังทำให้ลิ้นชา แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ที่มาของและเครื่องดื่มก็อลังการไม่แพ้บรรยากาศร้าน มาชมความพิเศษของเมนูอาหารและเครื่องดื่มกับความแปลกใหม่ทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบ กรรมวิธีการปรุงแบบสมัยใหม่และการจัดจานที่สวยงามมากๆ

Mr.Eric Hallin : General Manager Rembrandt Hotel@Towers Bangkok
เชฟคาร์ลอส บราโว” มาสเตอร์เชฟแห่งห้องอาหารเม็กซิกาโน่ ผู้มีสัญชาติเม็กซิกัน
ซัลซ่าแดนซ์ (Salsa Dance)

เครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ “เม็กซิกาโน่” คัดสรรบรรดาเตอร์กีล่า ชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกันไว้ที่บาร์แห่งนี้ ​ โดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์จะแสดงลีลาวาดลวดลายภายในบริเวณบาร์ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด เมนูเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้ของเม็กซิกาโน่ ได้แก่ La Hacienda Margarita , Margarita El Rey, Copa Especial La Hacienda and La Fruta Margarita และ Mexicano’s Pisco Sour

มาชมเมนูอาหารสุดพิเศษเซ็ตแรก ต้อนรับซัมเมอร์ เดือนเมษายน 2561
1 CAMARONES EN AGUACHILE Y TARTAR DE AGUACATE กุ้งแช่อิ่มกรุบกรอบกับอะโวคาโดทาร์ทาร์รสกลมกล่อม

2.GORDITA DE COCHINITA PIBIL
แป้งข้าวโพดทอดสอดไส้หมูผัดปรุงรสจัดจ้าน

3.HUACHINANGO CON ALMEJAS Y CHORIZO A LA VERACRUZANA
ปลากะพงแดงเนื้อชุ่มฉ่ำกับหอยสด ๆ และไส้กรอกโชริโซสไตล์เบรากุซ

4.FILETE DE RES CON MOLE NEGRO Y HABANERO
เนื้อสันในนำเข้าเกรดพรีเมี่ยมย่างจนหอมกรุ่น เสิร์ฟมาพร้อมซอสแบล็คโมล และพริกฮาบาเนโร

5.TORRIJA DE TRES LECHES
เค้กสุดนุ่มชุ่มช่ำไปด้วยนม ขนมหวานสไตล์เม็กซิกันแท้

โดยรวมแล้ว อาหารแม็กซิกันของ Mexicano Restaurante อร่อยง่าย เฉียบขาดด้วยรสชาด และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว  @REMBRANDT HOTEL BANGKOK, สุขุมวิท 18 อาหารจานเด่นของแม็กซิโกที่หลายคนอาจจะพอรู้จัหรือแม้แต่เป็นเมนูโปรด ด้วยความง่ายและอร่อยเครื่องเคียงที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ ในอาหารเม็กซิกัน กลิ่นอายแม็กซิกัน ที่รสชาดจัดจ้าน ไม่แพ้สีสัน

ห้ามพลาด หากไปเยือนเพราะความพิเศษของร้าน Mexicano Restaurante ตั้งแต่บรรยากาศร้านที่ชั้น4 ของโรงแรม พร้อมกับการตกแต่งร้านแบบแม็กซิกันของ Mexicano Restaurante ที่ผสมผสานกับการตกแต่งสไตล์สมัยใหม่ที่สวยจนสามารถเป็นแลนมาร์คย่อมๆ ที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ถูกปากชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแน่นอน

ชวนเพื่อนๆ ชิมอาหารแม็กซิกันแบบต้นตำรับภายใต้บรรยากาศแบบแม็กซิกันแท้ๆ มาชนแก้วด้วยเครื่องดื่มสุดพิเศษ เม็กซิกาโน่” ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแรมแบรนด์ กรุงเทพฯ (ชั้น 1) สุขุมวิท ซอย 18 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 – 24.00 น.​ มีวงดนตรีเม็กซิกันบรรเลงสดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) นอกจากนั้น ยังมี “เอล บรันซ์” (El Brunch) ให้เลือกอิ่มอร่อยในมื้อสายทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 ­– 15.00 น.
ราคา 800​ บาท และ  เด็ก ราคา 200 บาท

บริการจัดเลี้ยงส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และเทศกาลอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี สำรองที่นั่ง  โทร. 02 261 7100 mexicano@rembrandtbkk.com
Website: http://www.rembrandtbkk.com/restaurants/
Facebook: https://www.facebook.com/Mexicanobkk

ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นของร้านเม็กซิกาโน่ และ โรงแรมแรมเบรนดท์
สุขุมวิท 18กรุงเทพฯ
https://www.rembrandtbkk.com/restaurants/ และ www.facebook.com/rembrandtbkk

#mexicanobkk #rembrandtbkk #mexicanfood #foodie #bangkok #mexican #brunch #family

For advance reservations email us at
Location: โรงแรม Rembrandt Hotel Bangkok, สุขุมวิท 18

มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง

โค้งสุดท้าย…มหกรรมสินค้า และ บริการ
ท่องเที่ยวฯ โรดโชว์สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลางจำหน่าย เน้นคุณภาพ

มหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  ยกทัพของดีภาคกลางโรดโชว์ที่สุพรรณบุรี เน้นสินค้าดี มีคุณภาพ และราคาถูก เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมนำศิลปะพื้นบ้าน ศิลปินชื่อดัง เข้าร่วมโชว์ในงานสุดตระการตา ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า


ในกิจกรรมย่อยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว Road Show/Table top Sale นั้น เป็นการนำผู้ประกอบการจำนวน 100 ราย ซึ่งมาจากจังหวัดสุพรรณบุรีและอีก 18 จังหวัดภาคกลาง ไปจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ใน 5 จุดดำเนินการ ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี และสุพรรณบุรี

การจัดงานดังกล่าว ได้ดำเนินการมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ภายใต้สโลแกน “สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย” นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่สนใจเข้าร่วมชมงานและเลือกซื้อสินค้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นยอดจำหน่ายหน้างาน ยอดสั่งซื้อ ของผู้ประกอบการแต่ละรายในแต่ละจุดดำเนินการเป็นที่น่าพอใจผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักของดี สินค้าเด่น และมีคุณภาพในจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง อันจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคกลางเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการจัดงาน มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้น เป็นจุดดำเนินการที่ 5 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี

การจัดงานครั้งนี้ได้เน้นการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าดี ราคาย่อมเยา โดยได้มีการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาลดพิเศษ ไข่ไก่ฟองละ 1 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสเลือกซื้อ สินค้าคุณภาพดีของภาคกลาง

ผู้ว่าราชการจังวัดสุพรรณบุรี เผยอีกว่า นอกจากการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคกลางแล้ว ภายในงานยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอและบรรยายกาศของการเที่ยวในรูปแบบนิทรรศการ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยว เทศกาล และประเพณีที่สำคัญของสุพรรณบุรี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี

ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทอง ให้ผู้เข้าชมงานได้มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลของแจก และซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ และยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมชม การแสดงจากศิลปินชื่อดังของเมืองไทยที่จะมาสร้างความครื้นเครงสนุกสนานภายในงานอีกด้วย

ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง มาเที่ยวชมงานมหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  มาชม ชิม ช้อป ของดีจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง  ระหว่าง  วันที่ 23-25 มีนาคม นี้  ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี  งานนี้ชมฟรีตลอดงาน

แมริออทเอ็กเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์สาทร วิสต้า ครบรอบ 9 ปี

เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 9 ปี

งานเลี้ยงสุดเอ็กคลูซีฟในบรรยากาศสนุกสนาน เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 9 ปีแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ พันธมิตร ทางธุรกิจ และสื่อมวลชนคนสำคัญของเราเข้าร่วมงาน สำหรับความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของโรงแรมฯ โอกาสดีๆ แบบนี้ ในการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจแก่แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าคนสำคัญที่ให้ความไว้วางใจและความผูกผันที่เรามีให้แก่กันมาตลอดเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสต่อยอดมิตรภาพอันแน่นแฟ้นนี้และสร้างความสำเร็จร่วมกันต่อไปในภายภาคหน้า



ตลอด 9 ปี แมริออท เอ็กเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า ได้รับการออกแบบให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสทุกความสะดวกสบายของคำว่า “บ้าน” อย่างแท้จริง เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับห้าดาวภายใต้แบรนด์แมริออทให้บริการห้องพักรายวันและรายเดือน มีห้องพัก 186 ห้องบนอาคารสูง 32 ชั้น ทั้งหมดเป็นห้องสวีทตั้งแต่หนึ่งถึงสามห้องนอน กว้างขวางและครบครันด้วยเฟอร์นิเจอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ชุดครัวและเครื่องครัว ห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นสัดส่วนพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารนานาชาติ โมโม่ คาเฟ่ สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่ และฟิตเนสที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนนสาทรใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงและช่องนนทรี ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงของมหานครกรุงเทพฯ

สำหรับค่ำคืนแห่งความพิเศษฉลองครบรอบ 9 ปี ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนเอ็กซ์คลูซีพ มร. อเล็กซานเดอร์ โชว์, ผู้จัดการทั่วไป แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า นำทีมผู้บริหารและเพื่อนพนักงานให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานเลี้ยงริมสระน้ำในช่วงเย็น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานต่างเพลิดเพลินไปกับการลิ้มลองอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทางห้องอาหาร MoMo Cafe ของโรงแรมฯ รังสรรค์มาเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดง street dance จากทีมนักเต้นมากความสามารถและวงดนตรีสดที่ขนเอาเพลงฮิตจากยุค 90’s มาขับกล่อมสร้างสีสันให้ได้สนุกสนานมอบความสุขตลอดค่ำคืนแห่งการฉลองครั้งใหญ่นี้

มร. อเล็กซานเดอร์ โชว์, ผู้จัดการทั่วไป แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า

ความเพลิดเพลินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มร. อเล็กซานเดอร์ โชว์, ผู้จัดการทั่วไป แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า แสดงความขอบคุณไปยังเพื่อนพนักงานของเราทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม เพื่อสร้างความมั่นใจและความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขอขอบคุณพวกเราทุกคนที่ช่วยเป็นกำลังเสริมความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กรตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา” มร. อเล็กซานเดอร์ โชว์, ผู้จัดการทั่วไป แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า -กล่าว

แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับห้าดาวใจกลางย่านธุรกิจอย่างสาทร ออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มนักเดินทางและนักธุรกิจที่กำลังมองหาที่พักอาศัยที่สะดวกสบายและมีระดับ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับระดับโรงแรม 5 ดาวมาตรฐานแบรนด์ระดับโลกอย่างแมริออท

ในปีที่ผ่านมา แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้าได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของโรงแรมในฐานะเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ชั้นนำที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อาทิ ประกาศนียบัตรแห่งความเป็นเลิศจากเว็บไซด์ TripAdvisor ประจำปี 2560, รางวัลชนะเลิศ Guest Review Award ประจำปี 2560 จากเว็บไซด์จองห้องพักออนไลน์บุคกิ้งดอทคอม รวมถึงรางวัลเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ระดับหรูหราประจำปี 2560 จากทางลักซูรี่ ทราเวล ไกด์ เป็นต้น

ติดตามข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ของทางโรงแรม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-343-6789
www.facebook.com/marriottsathornvista

World Day for Water ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี

World Day for Water หรือ วันอนุรักษ์น้ำโลก

วันอนุรักษ์น้ำโลก ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมวลมนุษยชาติ เพราะมนุษย์เราต้องใช้ทรัพยากรนี้ในการดำรงชีวิตเพื่อตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ ต้นไม้และป่าเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำ เมื่อต้นไม้ถูกตัดแล้วก็จะไม่มีแหล่งดูดซึมน้ำฝนและก่อให้เกิดสภาวะแห้งแล้งตามมา ฉะนั้นเราทุก
คนจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ป่าเพื่อรักษาต้นน้ำแหล่งธรรมชาติของเราไว้

ประหยัดน้ำ เริ่มทำได้ง่ายๆ เริ่มจากที่บ้าน
การอาบน้ำแค่ 3-4นาทีเท่ากับการใช้น้ำไป 50–150 ลิตร ซึ่งถ้าอาบนานกว่านี้ปริมาณของน้ำที่ต้องใช้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เราควรอาบน้ำให้เร็วขึ้นอีกนิด ใช้เวลาให้น้อยลงจะเปิดน้ำทิ้งไปทำไม ในระหว่างที่สระผมหรือถูสบู่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงควรปิดน้ำให้สนิทแล้วค่อยเปิดน้ำอีกครั้งหลังจากชำระร่างกายด้วยสบู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว


บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ นำโดย นางสาวอรอนงค์ สว่างไพบูลย์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการ จัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค นางสาวสุรีย์ ชูรัฐเจริญ  เป็น (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร นายนรบดี เรืองศรี (ซ้ายสุด) ผู้จัดการสาขารัชดา จับมือ นายชัยณรงค์ ตรงนามสุขกิจ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายขาย หน่วยธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ นางสาววรรัตน์ รัฐวณิช (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดร้านค้า และ นางสาวกิดารัตน์ ปุณวัตร์ (ขวาสุด) ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

 

จัดกิจกรรม “วันอนุรักษ์น้ำโลก ปีที่ 2” เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ และมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนเครือข่ายอนุรักษ์น้ำ ภายใต้โครงการเยาชนพิทักษ์สายน้ำ

โดยภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับวันอนุรักษ์น้ำโลก และความสำคัญของน้ำ ณ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดาภิเษก วันก่อน

​ พิเศษ! เมื่อซื้อน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ขนาด 600 มล แพ็ค 12 ขวด หรือ 1500มล แพ็ค 6 ขวด สองแพคราคาเพียง 94 จาก 124 บาท เนสท์เล่บัดดี้ ขนาด 330 มล.ราคา 99 บาท และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าบิ๊กซี เมื่อซื้อน้ำดื่มยี่ห้อใดก็ได้ครบ 299 บาท รับส่วนคูปองลดทันที 30 บาท วันนี้ ถึง 28 มีนาคมนี้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ www.BigC.co.th
โทร.1756

ไปลองเถิด แล้วจะติดใจ!

MoMo Cafe
ในโรงแรม Marriott Sathorn Vista 

Totptotravel มีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำที่ MOMO CAFÉ – MARRIOTT EXECUTIVE APARTMENTS SATHORN VISTA  โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ถนนสาทรใกล้ สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงและช่องนนทรีท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งในซอยสวนพลู ซึ่งเป็นย่านที่มีประวัติอันยาวนานแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เสน่ห์ของที่นี่เต็มไปด้วยความร่มรื่นเงียบสงบ แม้จะอยู่ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสาทร ร้านอยู่ชั้น1 ฝั่งตรงข้าม Lobby ภายในห้องอาหาร โล่งโปร่งสบาย ด้วยกระจก รอบด้านทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศด้านนอกที่ร่มรื่น และไลฟ์สไตล์ ของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา  โดยส่วนตัวแล้วชอบที่ตั้งของโรงแรม ที่นี่หาง่าย เดินทางสะดวกใจกลางสาทรเข้า ซอยสาทร 3 (ซอยสวนพลู) ประมาณ 20 เมตร เลือกนั่งตามใจปรารถนา ในห้องแอร์ มีที่นั่งทั้งแบบเก้าอี้มาตรฐาน โซฟา และเก้าอี้บาร์

 

Totptotravel มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นของ Momo Cafe บุฟเฟ่ต์ และ A-La-Carte  ภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern Living,Modern Eating  เต็มอิ่มจุใจทั้งคอซีฟู้ดและมีทเลิฟเวอร์กับบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำ เชฟยีราฟ เชฟสุวิรัตน์ นำยงกุล Executive Chef  ได้เลือกเอาเมนูอาหารนานาชาติน่าทานมากมายหลายรายการ ด้วยการบรรจงคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนรังสรรค์เมนูจานเด็ดสุดพิเศษที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้ห้องอาหารโมโม่ คาเฟ่ เรามาลองดูหน้าตาอาหารกันดีกว่าค่ะ ว่าจะกระตุ้นต่อมหิวกันได้แค่ไหน

Buffet นานาชาติ ที่ MoMo Cafe ที่ Toptotravel ยกให้ว่าดีและเหมาะสมกับราคาที่สุดในเวลานี้  มีไลน์อาหารน่าทานมากมายหลายรายการให้บริการ อยากให้รีบมาทานด่วนๆ  มาแล้วปลื้มมากได้อารมณ์แบบกินยังไงก็ไม่หมด

สเต๊ก กับหอยนางรมแบบเต็มๆ ซึ่งส่วนตัวแล้วชอบ Lamp Steak หอมนวลลิ้นละมุนละมัย รวมถึงสเต็กวากิว สเต็กทูน่า ที่เอาใจสายเนื้อ  หอมกรุ่น นุ่ม
ส่วนซีฟู้ดก็มาเต็ม ทั้งกุ้ง หอยแมลงภู่ หอยนางรมสดๆ ที่นี่เลอค่ามาก เนื้อหวานและน้ำจิ้มเด็ดค่ะ

ส่วนเมนูที่ เป็นกุ้งจะเป็นกุ้งแบบเต็มปากเต็มคำเนื้อแน่นๆ หอยนางรมเป็น
อีกหนึ่งอาหารยอดนิยมของลูกค้าหลายท่าน  ตามด้วยอาหารญี่ปุ่นอย่างแซลมอนซาชิมิ ซูชิและซาชิมิระดับพรีเมี่ยมนี่สุดยอด  มุมสลัดผักออร์แกนิก เมนูที่ตักเองได้ทั้งหมด ซีฟู้ด สลัด ยำ ข้าวผัด  ขนมหวาน เครื่องดื่ม รวมถึงการบริการ เรียกว่าเต็มที่ไม่มียั้ง ดูแล้วท้องน่าจะร้องไปตามๆ กัน

สำหรับอาหารจานหลักอย่าง สเต็กเนื้อวากิว จะเป็นการปรุงสดจากครัว โดยสามารถเลือกรับประทานได้จากเมนูอย่างไม่จำกัด พนักงานรับออเดอร์จากเรา ค่อยๆ ทำค่อยๆย่าง รออาหารแป๊ปนึง ไม่ว่าจะเป็น พิเศษกว่านั้น Momo Cafe ลูกค้าสั่งปรุง ร้อนจานต่อจานแค่หอยนางรมสดกะเนื้อวากิวก็คุ้มแล้ว

บรรดารายการอาหารที่ เชฟยีราฟ ได้คัดสรรค Yellowfin Tuna เกรดพรีเมี่ยม หรือ BBQ Pork Spare Ribs พร้อมซอสโฮมเมดสตูรเด็ดของทางร้าน  หอยนางรมสดคัดคุณภาพส่งตรงจากประเทศเกาหลี หอยแมลงภู่จาก ประเทศนิวซีแลนด์ กุ้ง และ ปูม้าสดเนื้อแน่น เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้มหลายรสชาติ รวมไปถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านแบบไทยอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม

นอกจากนั้นยังมี อาหารไทยรสจัดจ้าน ที่มีทั้ง  ต้มยำ ลาบ รวมไปถึงผัดเผ็ดทำเลและน้ำพริกต่างๆ แต่อย่า ลืมเก็บท้องไว้ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่มีทั้งขนมไทยต่างๆ ไปจนถึงขนมเค้ก ขนมอบนานาชนิดมากมายด้วยนะคะ


ห้องอาหาร โมโม่ คาเฟ่ ถือเป็นตัวแทนของคนที่มีแนวคิดรุ่นใหม่ ไม่เน้นความหรูหรา แต่แฝงด้วยความมีสไตล์ เชื่อว่าที่นี่จะเป็นที่ๆ ทำให้วันพักผ่อนธรรมดาของเรากลายเป็นวันพิเศษได้แน่นอนนับว่าเราได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า บางทีการไปเที่ยวก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องออกเดินทางไกลเสมอไป บางครั้งการมา นั่งพักผ่อนที่สบายๆ ทานอาหารอร่อยๆ ไม่ต้องเดินทางกันไกลมากก็สนุกและคุ้มค่าได้เหมือนกัน และครั้งนี้นอกจากได้พักผ่อนกันแล้ว ยังได้เต็มอิ่ม ใครไปก็เดินดูให้ดีก่อน แล้วค่อยๆ ตักกัน เดี๋ยวจะพุงระเบิดซะก่อน กินได้ฟินๆยาวๆ 4 ชม. ทานกันให้พุงแตกไปเลย

โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำ ณ.ห้องอาหาร MoMo Café อิ่มเพลินจุใจในราคาสบายกระเป๋าเพียงท่านละ 899++ บาท ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ลิ้มลองทุก 2 เดือน

Surf and Turf Buffet Dinner : บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำ รวมดื่ม
เวลา 18:00-22:00 น.  ร้านโมโม่ คาเฟ่ – MoMo Café  ชั้น Lobby

Marriott Executive Apartments Sathorn Vista
โรงแรม แมริออท เอ็กเซกคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า Marriott Executive Apartments Sathorn Vista
1 ซอยสาทร 3 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ 10120
1 Sathorn Soi 3, South Sathorn Rd., Bangkok 10120 Thailand
โทร : 02 343 6789
website: www.marriott.com
Facebook Page: www.facebook.com/marriottsathornvista

 

โครงการเทศกาลนครแห่งอาหารทะเล เทศบาลนครสมุทรสาคร

กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ในนามของ นครแห่งอาหารทะเล ตำบลท่าฉลอม มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกับสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อส่งเสริม สร้างภาพลักษณ์ และพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโชว์การเป็นผู้นำแห่งการผลิตอาหาร แปรรูปและจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูป และเพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เทศบาลนครสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสาคร

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิด  “โครงการเทศกาลนครแห่งอาหารทะเล เทศบาลนครสมุทรสาคร” โดยมี นายชิงชัย บุญประคอง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมทั้ง ประธานสภาเทศบาลฯ เลขานุการสภาเทศบาลฯ สมาชิกสภาเทศบาลฯ   และรองปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาล เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นที่รู้จักกันในนามของ

ชม ช็อป ชิม บรรยากาศริมทะเล  ในงาน“นครแห่งอาหารทะเล” แบบดั่งเดิมกับชุมชนที่สนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง  รวมทั้งการจัดงานยังเป็นการช่งย กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์  การท่องเที่ยว และพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ของเทศบาลนครสมุทรสาคร

 

จึงขอเชิญร่วมชม ช็อป ชิม ท่ามกลางบรรยากาศชิลๆ  ในงาน   “ นครแห่งอาหารทะเล” ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 18 มีนาคม 2561 เริ่มตั้งแต่  เวลา 16.00 น เป็นต้นไป ณ บริเวณสะพานริมเขื่อนหน้าวัดสุทธิวาตวราราม หรือวัดช่องลม ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร มาร่วมย้อนรอยประวัติศาสตร์  สุขาภิบาลแห่งแรกประเทศไทย  โดยมีการจัดนิทรรศการประวัติความเป็นมา มุมถ่ายรูปย้อนยุค ล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวประมงและวิวปากอ่าว ฟรี ช็อปอาหารทะเลทั้งสดและแปรรูป ชิมเมนูเด็ด/อาหารพื้นบ้าน ในบรรยากาศสุดชิลริม

ขอเชิญ ร่วมงานโครงการเทศกาลนครแห่งอาหารทะเล เดินชมนิทรรศการ และร้านจำหน่ายอาหาร ณ บริเวณริมเขื่อนหน้าวัดสุทธิวาตวราราม
(วัดช่องลม) และ ถนนถวาย ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร
จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 18 มีนาคม 2561

ดันอาหารไทยสู่เวทีโลก เพราะ อาหารคือหนึ่งในปัจจัยสี่

บุญรอดฯ ตั้ง Food factors
สร้างเครือข่ายธุรกิจ เชื่อมต่อช่องทางอาหารไทยสู่เวทีโลก

อาหาร คือหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ล่าสุดได้จัดตั้ง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด เพื่อเข้ามาสร้างเครือข่ายการดำเนินธุรกิจอาหาร ทั้งตลาดภายในไทยและต่างประเทศ โดยวางแผนกรอบการลงทุนในระยะ 3 ปี ข้างหน้า (2561-2563) จะใช้เม็ดเงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งการลงทุนออกเป็นการลงทุนใน บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ในวงเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท และ ลงทุนในบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ในกลุ่มธุรกิจซัพพลายเชน 2,500 ล้านบาท

ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการธุรกิจซัพพลายเชน และกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด

“ปิติ ภิรมย์ภักดี” กรรมการผู้จัดการธุรกิจซัพพลายเชน และกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร เปิดเผยถึงแผนและยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจกลุ่มบุญรอดฯ ว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมเดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจอาหารในเชิงรุก ด้วยเชื่อว่าอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น อาหารจึงเป็นกลุ่มธุรกิจ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่จะไม่ได้รับผลกระทบจาก
ดิจิทัลดิสรัปชั่น

ทั้งนี้ การจัดตั้ง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด มีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตร เชื่อมต่อช่องทางธุรกิจอาหารสู่ตลาดโลก (Network) โดยรูปแบบการลงทุนเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
ซึ่งที่ผ่านมา ได้เจรจากับผู้ประกอบการท้องถิ่นหลายราย ในจำนวนนี้มีอยู่
3-4 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุน ทั้งนี้ หลังจากได้ข้อสรุปการร่วมลงทุนภายในไตรมาส 2 แล้ว เชื่อว่าความร่วมมือ ที่เกิดขึ้นจะช่วยสร้างฟู้ดเน็ตเวิร์กให้กับสินค้ากลุ่มอาหารของบุญรอดฯ  ให้มีความแข็งแกร่งมาก
ยิ่งขึ้น

บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด มีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตร เชื่อมต่อช่องทางธุรกิจอาหารสู่ตลาดโลก (Network)

“การขยายกลุ่มธุรกิจอาหารในช่วงที่ผ่านมานั้น กลุ่มบุญรอดฯ จะอาศัยเครือข่ายของเบียร์สิงห์ ในการขยายตลาดเป็นหลัก แต่หลังจากจัดตั้งบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด จะช่วยให้ทางกลุ่มเพิ่มช่องทางในการขยายตลาดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตลาดในต่างประเทศ” นายปิติ กล่าว

นายปิติ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัท ให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายช่องทางจัดจำหน่ายอาหาร เพื่อศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เรามีความพร้อมทั้งในด้านงานวิจัยและพัฒนาสินค้าอยู่แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บุญรอดได้มีการจัดตั้ง ฟู้ด แล็บ ในจังหวัดปทุมธานี เพื่อการวิจัยและพัฒนาอาหาร

ปัจจุบันมีบริษัทผลิตอาหารในเครือบุญรอดฯ ซึ่งพร้อมที่จะสนับสนุนการขยายตลาดของธุรกิจอาหาร อาทิ บริษัท เฮสโก โซลูชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจซอสปรุงรส และอาหารพร้อมทาน, บริษัท มหาศาล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจข้าว ตราพันดี เป็นต้น โดยปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอาหารในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีรวมมูลค่าทางธุรกิจอาหารในมือประมาณ 2,500 ล้านบาท

ในส่วนแผนดำเนินธุรกิจในกลุ่มธุรกิจอาหารของกลุ่มบุญรอดฯจากนี้ไป เน้นการพัฒนาอาหารไทยเป็นหลัก โดยจะมีการพัฒนาทั้งอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงปีแรกจะให้ความสำคัญกับตลาดไทย โดยวางเป้าว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศ 80% และรายได้จากตลาดต่างประเทศ20% และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นภายในสามปี

อย่างไรก็ดี การขยายตลาดในต่างประเทศจะให้น้ำหนักการขยายตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปก่อน เนื่องจากสินค้ามีราคาดีและสามารถสร้างกำไรได้สูง รวมทั้งยังคงให้น้ำหนักการขยายตลาดอาเซียนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังวางแผนโยกฐานการผลิตของ บริษัท เฮสโก โซลูชั่น จำกัด จากระทุ่มแบนและบริเวณย่านบางนา มาที่โครงการ “World Food Valley Thailand” จังหวัดอ่างทอง เพื่อรองรับกับความต้องการในอนาคตขณะเดียวกันในโครงการดังกล่าวมีความพร้อมทางด้านการผลิตช่วยลดต้นทุนลงได้

นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง บริษัท เอสบีพี ดิจิทัล เซอร์วิส จำกัด ดำเนินธุรกิจทางด้านดิจิทัล เพื่อรองรับกับโลกดิจิลทัล ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจต้องปรับตัว สำหรับเป้าหมาย 3 ปี ภายใต้ 3 บริษัทใหม่ของบุญรอดฯ สามารถสร้างรายได้แตะ 15,000 ล้านบาท จากปัจจุบันโครงสร้างรายได้มาจากกลุ่มซัพพลายเชนราว 2,500 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอาหาร 2,500 ล้านบาท และหากธุรกิจอาหารของบุญรอดบุกตลาดต่างประเทศได้สำเร็จ มีแผนใช้โมเดลธุรกิจอาหารเป็นต้นแบบการขยายธุรกิจเครื่องดื่ม เพื่อเปิดตลาดต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย ณ.โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ททท. กระตุ้นการท่องเที่ยว
จัดเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสกับ
ว่าวจากทั่วโลก ขบวนฮีโร่แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงานกับกิจกรรมสุดพิเศษ DIY ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้ออกแบบและระบายสีว่าว และบูมเมอแรง ประดิษฐ์กังหันและโมบาย ด้วยตนเอง รวมถึงพื้นที่สำหรับครอบครัวเล่นว่าวได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ พร้อมกับอิ่มอร่อยจากขบวน Food Truck ที่เป็นเมนู Signature ของหัวหิน มีตลาดนัดว่าวที่ใหญ่ที่สุด ให้ได้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลิน ปิดท้ายด้วยการฟังเพลงสบายๆ ผ่อนคลายสไตล์หัวหิน

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวถึงกลยุทธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่า “ในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มีวัตถุประสงค์ที่จะให้กลุ่มกระแสหลักเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อและท่องเที่ยวสูง ซึ่งงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีความน่าสนใจ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของกลุ่มกระแสหลัก จึงคาดว่างานนี้จะสร้างแรงจูงใจ และเร่งการตัดสินใจท่องเที่ยวในประเทศให้กับกลุ่มเป้าหมาย”

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว

นอกจากนี้ นางสุจิตรา ยังกล่าวต่ออีกว่า ช่วงเวลาของการจัดงาน เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวภาคใต้ของประเทศไทย
เป็นจำนวนมาก อันเป็นการสร้างรายได้ใหักับคนในพื้นที่ และขยายวันพักผ่อนของนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย โดยในปีนี้มีแนวคิดหลักของการจัดงานคือ “HERO IN THE AIR…กองทัพแห่งความสุข สนุกยกครอบครัว”

ที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับขบวนฮีโร่ แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงาน

ในงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทยในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับการแสดงว่าว หลากหลายชนิด  จากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ, ชมการแสดงแปลอักษรประกอบดนตรี, Stunt Kite ที่โชว์ทักษะการบินขั้นสูง จากประเทศญี่ปุ่น และเอกลักษณ์ของว่าวไทยกับการต่อสู้ จุฬา – ปักเป้า รวมถึงนิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย เป็นต้น

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เน้นย้ำเรื่องความพร้อมของ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า “ทางจังหวัด ได้มีการประชาสัมพันธ์ภายในจังหวัดให้คนในพื้นที่ ร้านค้า และเจ้าหน้าที่ในทุกภาคส่วน ได้ทราบกันอย่างทั่วถึง ว่าจะมีการจัดงานดังกล่าว ในวันที่ 23 – 25 มี.ค. นี้ ซึ่งคาดว่า จะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดระเบียบเส้นภายในจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานอีกด้วย”

ในส่วนของพื้นที่ใช้ในการจัดงาน พล.ต. ศุภวัฒน์  ธีรเนตร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก กล่าวว่า

“เนื่องด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เลือกให้โรงเรียนนายสิบทหารบกเป็นพื้นที่ในการจัดงานใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ อันเป็นหน้าตา และชื่อเสียงของประเทศ ทางโรงเรียนนายสิบทหารบก จึงเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในพื้นที่กิจกรรม และพื้นที่โดยรอบอย่างเข้มงวด รวมถึงได้วางแผนการจัดสรรยานพาหนะของนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานไว้อย่างรัดกุม เพื่อความคล่องตัวและเกิดปัญหาน้อยที่สุดของผู้ทีมาร่วมงาน”
-พล.ต. ศุภวัฒน์ กล่าว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระตุ้นการท่องเที่ยวจัดงานใหญ่เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย  คาดมีนักท่องเที่ยวร่วมงานมากกว่า 3 หมื่นคน และมีเงินสะพัดมากกว่า 40 ล้านบาท ตลอด 3 วัน  ของการจัดงาน พร้อมกิจกรรมมากมาย ขบวน Food Truck ในบรรยากาศสบายๆ สไตล์หัวหิน
ระหว่างวันที่ 23 – 25 มีนาคม นี้  ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (ติดกับอุทยานราชภักดิ์)

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน หรือต้องการสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  โทร. 1672

ชวนช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย

สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนช้อป ชม ชิม

จังหวัดสุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนชาวปักษ์ใต้ร่วมช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย ในงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2561
ณ สุราษฎร์ธานี ฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี
โดยมี นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็น ประธานเปิดงาน

นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า การจัดงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ครั้งนี้เป็นการจัดงานในจุดดำเนินการที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี โดยนำเอาของดีสินค้าเด่นและบริการด้านการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการใน 19 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 100 ราย ไม่ว่าจะเป็นของฝาก ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว อาหารการกินที่มีเอกลักษณ์ของภาคกลาง โดยครอบคลุมประเภทธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจที่พัก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มาร่วมจัดแสดงและจำหน่ายตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน

การจัดงานมหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและสันทนาการ กิจกรรมหลักที่ 2 : พัฒนาช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต สันทนาการ โดยมีเป้าหมายที่จะนำสินค้าของดีในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ทั้ง ๑๙ จังหวัด ไปโรดโชว์ใน 5 จุดดำเนินการ


เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และทำการตลาด การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคกลางเชิงรุก เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ๓ จุดดำเนินการ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลตอบรับจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ เป็นอย่างดีและในครั้งนี้ก็คาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อีกเช่นกัน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี เผยอีกว่า ภายในงานจะได้ช้อป ชม ชิม สินค้า OTOP ทั้งประเภทอาหารและของฝาก เช่น ขนมทองม้วนขึ้นเครื่อง ปลาสลิดวัดป่าฯ ข้าวเกรียบปลาสลิด กระยาสารทธัญพืช รวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย อย่างผ้าทอบ้านหนองลิง ของดีจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีความ โดดเด่นสวยงามคงทนและสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

นอกจากนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนของจังหวัดสุพรรณบุรี การแสดงพื้นบ้าน กิจกรรม ส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทองที่ทุกท่านจะได้ซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ รวมไปถึง
การแสดงดนตรี และการแสดงของศิลปินดังที่จะมาสร้างสีสัน ความสนุกสนานในวันเปิดงานอีกด้วย