ดีป้า จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพเข้มข้น ครู – ต่อยอดสู่เวทีนานาชาติ

ดีป้า จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพเข้มข้น ครู – นักเรียน จำนวน 100 ทีม ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น จากทั่วประเทศ เข้าคอร์สติวเข้มทักษะโค้ดดิ้ง จากผู้เชี่ยวชาญ ฝึกนำเสนอผลงานและรับข้อเสนอแนะ ก่อนร่วมประชันไอเดียเพื่อชิงความเป็นหนึ่งบนเวที Coding War เวทีแข่งขันทักษะโค้ดดิ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ภายใต้โครงการ Coding for Better Life

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ดำเนินกิจกรรม Coding Bootcamp & Coding Roadshow และ Coding War ใน 8 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเฟ้นหา 100 สุดยอดทีมจากโรงเรียนทั่วประเทศ ที่มีทักษะโค้ดดิ้งเป็นที่ประจักษ์ เข้าสู่กิจกรรมยกระดับศักยภาพด้านโค้ดดิ้งเข้มข้น ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่ความรู้ด้านดิจิทัลในระดับที่สูงขึ้น

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้ทักษะการนำเสนอโครงการ (Pitching) และการบอกเล่าเรื่องราว (Storytelling) ให้น่าสนใจ พร้อมรับข้อเสนอแนะจากทีมวิทยากรระดับ
แนวหน้าของไทยที่จะมาเป็นที่ปรึกษา (Mentor) ใน 4 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย โค้ดดิ้งในชีวิตประจำวัน โค้ดดิ้งเพื่อการเกษตร โค้ดดิ้งวิถีชุมชน และโค้ดดิ้งสำหรับอนาคต พร้อมนำตัวอย่างการนำเสนอโครงการโค้ดดิ้ง และ AI ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแนวทางการเรียนรู้ให้ได้ฝึกฝน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ นอกจากนี้จะได้เรียนรู้เรื่องการประเมินขนาดของตลาด โมเดลธุรกิจเบื้องต้น และการออกแบบโมเดลธุรกิจ

“กิจกรรมทั้งหมดถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับทุกทีม ก่อนร่วมประชันไอเดียเพื่อชิงความเป็นหนึ่งบนเวที Coding War เวทีแข่งขันทักษะโค้ดดิ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 กันยายนนี้ ณ MCC Hall เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เพื่อชิงชัยสู่การเป็น 10 สุดยอดผลงานนวัตกรรมดิจิทัล ที่จะได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์ดิจิทัลและทุนการศึกษา มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันโค้ดดิ้งบนเวทีระดับนานาชาติ อย่าง Seoul International Invention Fair 2024 (SIIF 2024) ณ สาธารณรัฐเกาหลี” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ด้าน นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า หลักสูตรในกิจกรรมบ่มเพาะ เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อพัฒนาทักษะรอบด้าน ช่วยฝึกฝนและเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน โดยเฉพาะการนำเสนอผลงานให้น่าสนใจ มีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้มุมมองทางธุรกิจที่จะต่อยอดไปสู่ Startup ที่เป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียนเพื่อเห็นภาพกว้าง และมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น โครงการ Coding for Better Life ถือเป็นต้นแบบของการยกระดับการศึกษาที่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่เพียงแต่สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ แต่ยังมีการพัฒนาบุคลากร สร้างเครือข่าย และการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบให้นำไปต่อยอดพัฒนาการศึกษาด้านอื่น ๆ ได้ในอนาคต

พร้อมกันนี้ โครงการ Coding for Better Life ยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัด โดย บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การมอบ Micro:bit ให้โรงเรียนภายใต้กิจกรรมอัปเกรดห้องเรียนโค้ดดิ้ง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และสนับสนุนกิจกรรม AI Roadshow สร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับ AI ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ให้กับเยาวชน ครู ผู้ปกครอง และบุคคลทั่วไป รวม 8 จังหวัด และในกิจกรรม Coding War ได้สนับสนุนเงินรางวัล และผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดฟรีตลอด 1 ปีสำหรับทีมผู้ชนะในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา พร้อมรางวัลพิเศษสำหรับระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาจำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 600,000 บาท บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนหลักสูตร HUAWEI CLOUD DEVELOPER บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุนคูปองการเรียนรู้ผ่าน TRUE DIGITAL ACADEMY เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณให้แก่โรงเรียนในโครงการฯ และ เทโร เพอร์ฟอร์แมนซ์ คอร์ส ที่มีเป้าประสงค์เดียวกัน คือ การปลูกฝังความรู้ด้านโค้ดดิ้งแก่ประชาชนไทยตั้งแต่ระดับเยาวชน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นกําลังคนดิจิทัลที่มีคุณภาพ และเป็นกําลังสําคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ร่วมพลิกโฉมการเรียนรู้ Coding ไปพร้อมกันกับโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร และรายละเอียดโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ได้ที่ www.depa.or.th, CodingforBetterLife.com และเพจเฟซบุ๊ก depa Thailand และ Coding Thailand by depa

ครั้งแรก “ทรู เวิลด์ ทราเวล” ร่วมกับ “แอร์ปูซาน” จัดทริปเที่ยว 2 ประเทศเปิดเส้นทางใหม่ที่เดียวในไทย

กลับมาอีกครั้งกับงานที่ทุกคนรอคอย ฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลี 2024-2025
ต้อนรับฤดูการท่องเที่ยวเกาหลี ถึงอีกครั้ง “ทรู เวิลด์ ทราเวล” ร่วมกับ “แอร์ปูซาน” จัดทริปเที่ยว 2 ประเทศ “ปูซาน – มัตสึยามะ” เปิดเส้นทางใหม่ที่เดียวในไทยพร้อมต้อนรับและบริการนักท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยว ยกระดับจุดหมายทางการท่องเที่ยวระดับโลก มีความสวยงามหลากหลายแบบหลายมุม แตกต่างกันไป

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล ร่วมกับ สายการบิน ปูซานแอร์ไลน์ เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลี NEW SEASON OPENING ชวนคนไทยท่องเที่ยวฉ่ำๆ สองประเทศ เกาหลีและญี่ปุ่น ครั้งแรกในเมืองไทย โดยมีนักท่องเที่ยวและเอเยนซี่ ร่วมเปิด season อย่างคับคั่ง

Mr. Kim Jongcheol General Manager Bangkok Branch Air Busan

Mr. Kim Jongcheol General Manager Bangkok Branch Air Busan กล่าวว่า “แอร์ปูซาน ยินดีต้อนรับผู้โดยสารคนไทยทุกท่าน แอร์ปูซาน เรามีเส้นทางการบิน กรุงเทพ-อินชอน และกรุงเทพ-ปูซาน และนี่เป็นการเปิดเส้นทางใหม่ครั้งแรก ร่วมกับกับบริษัททรู เวิลด์ ทราเวล คือ ปูซาน – มัตสึยาม่า ปูซาน เมืองใหญ่ที่น่าเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ และเมืองมัสสึยะมะซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น”

นางสาว พธู ณ สงขลา ผู้บริหาร บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล จำกัด

ด้านนางสาว พธู ณ สงขลา ผู้บริหาร บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล จำกัด กล่าวถึง การเปิดเส้นทางใหม่ เที่ยวสอworldงประเทศในครั้งนี้ว่า NEW SEASON OPENING ปี 2024-2025 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลีกลับมาอีกครั้ง รอบนี้ทรู เวิลด์ ทราเวล มาเปิดตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินแอร์ปูซาน เป็นการร่วมมือครั้งแรกของทรู เวิลด์ ทราเวล ซึ่งซีซันที่ผ่านมา ปี 2023-2024 ทรู เวิลด์ ทราเวล พาคนไทยไปเที่ยวเกาหลีรวม 50,000 กว่าคน และได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีมาก ๆ กระแสตอบรับล้นหลาม ทำให้ครั้งนี้ ทรู เวิลด์ ทราเวล เปิดทริปเที่ยวเกาหลีเพิ่มเติมขึ้นมา เป็นทริปพิเศษ นอกเหนือจากทริปที่เป็นซิกเนเจอร์ของ ทรู เวิลด์ ทราเวล ไม่ว่าจะเป็น ปูซาน โซลพลัสที่ให้เที่ยวอิสระ เป็นเคทีเอ็กซ์ให้เที่ยวทั้งปูซานและกรุงโซล รวมถึงเกาะเจจูรอบนี้เปิดด้วย และรอบนี้พิเศษสุดๆ กับทริปที่เที่ยวสองประเทศในครั้งเดียว คือไปทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นในคราวเดียว

โดยบินกับแอร์ปูซาน สายการบินที่บินทั้งสี่ไฟล์ทเป็นอินเตอร์ทั้งหมด ที่ญี่ปุ่น เที่ยวที่เมืองมัตสึยามา หลายคนยังไม่รู้จัก เพราะประเทศไทยไม่มีบินตรงไปที่นั่น ใครอยากเที่ยว เมืองเก่าแก่ ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ต้องบินไปกับเรา เพราะเราพาบินจากปูซานไปมัตสึยาม่า ใช้เวลาบินแค่ห้าสิบนาที ทริปของเรา 6 วัน 4 คืน เที่ยวสองประเทศ จุกๆ รับรองว่าประทับใจแน่นอน ญี่ปุ่นของเราเริ่มเดินทางวันนี้ วันที่ 20 สิงหาคม 2567 และออกเดินทางทุกวันอังคาร ยาวไปถึง เดือนธันวาคม ใครอยากเที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหิมะตก เตรียมพร้อมจองทัวร์กันได้เลย ส่วนซีซันใหม่ของเราเริ่มวันนี้วันแรก เช่นเดียวกัน มีทั้ง ปูซาน 4 วัน 2 คืน ปูซาน 5 วัน 3 คืน โซลพลัส 4 วันและ โซลพลัส 5 วัน รวมถึงเจจู พบกันแน่ๆ เร็ว ๆ นี้คะ ถ้าไปเที่ยวเกาหลี แค่มี KETA สามารถเข้าไปท่องเที่ยวเกาหลีได้ ถ้าใครเลือกทริปเกาหลี – ญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่น ใช้ visit Japan ลงทะเบียนตอนนี้ ทรู เวิลด์ ทราเวล ลงทะเบียนให้ด้วย แค่คุณมีพลาสปอร์ต และ KETA และ visit Japan สามารถไปเที่ยวกับได้แล้ว

สามารถจองผ่านบริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล หรือ ตัวแทนจำหน่าย
บริษัทเอเยน ซีทั่วประเทศไทย สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง
facebook : True World Travel และ www.gotrueworld.com

Sheep ปล่อยใยมัดใจแฟนพันธุ์แท้ยอดมนุษย์แมงมุม ชูลายเคสเรืองแสง&ขยับได้

พร้อมยกระดับงานคอลแลปส์ ดึงศิลปินระดับโลก Tokidoki  ออกแบบลาย Mickey & Friends เปิดตัวพร้อมกัน 2 คอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

แบรนด์ “Sheep” เคสสัญชาติไทยผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ต ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดรวมถึงการให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และตัวตนของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าจากร้าน AppleSheep ที่รวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอทีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ล่าสุดปล่อยหมัดเด็ด ยกระดับงานคอลแลปส์พร้อมกัน 2 คอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ   ด้วยการประกาศเข้าสู่จักรวาล Marvel ต้อนรับการมาขอ Avenger Phrase 2 ออกเคสโทรศัพท์ที่สัมผัสถึงพลังของซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง Marvel  ลาย Spider-Man    และอีกคอลเลคชั่นเป็น อุปกรณ์ตกแต่งมือถือ จากผลงานการออกแบบลาย Mickey&Friends และ Winnie The Pooh  จาก Global Artist อย่าง Simone Legno (Tokidoki)  ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sheep and Friends โดยเปิดตัวในงาน  Disney Toy Expo Thailand 2024          

นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์  Founder&CEO บริษัท  ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด กล่าวว่า “การร่วมงานกับ Marvel (Spider-Man) เป็นการปูทางสำหรับ Marvel Phrase 2 ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายงานออกแบบเป็นอย่างมาก เนื่องจากการออกแบบแต่ละครั้งเราต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะดึงภาพจำและเอกลักษณ์ของ Character นั้นๆ มานำเสนออย่างดีที่สุด ในขณะเดียวกันเราต้องให้ความสำคัญอย่างมากที่สุดต่อภาพพจน์ของผู้ใช้งานสินค้า เป้าหมายของแบรนด์ Sheep ทำให้ผู้ใช้สินค้าต้องดูดีและเข้ากับสไตล์ของผู้ใช้เป็นอย่างดี โดยแน่นอนว่าแฟนตัวยงของ Spider-Man นั้นจะเป็นผู้ชายเป็นส่วนมาก ซึ่งจะเป็นนักสะสมของเล่น เราตีโจทย์ว่าจะต้องทำลายที่มีความพิเศษสุดๆแต่ดูเรียบง่ายไม่หวือหวา เหมือนกับ Spider-Man ที่กลางวันเป็นเด็กธรรมดาแต่กลางคืนกลับกลายเป็นยอดมนุษย์ที่มีพลังลึกลับน่าสนใจโดยรอบนี้เราเลยหยิบเทคนิคการพิมพ์ลายแบบพิเศษมาใช้โดยทำให้ภาพบนเคสขยับได้และเรืองแสงในที่มืดซึ่งเป็นการนำเสนอความเป็น Spider-Man ได้อย่างลงตัว และเป็นลายที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยพลังพิเศษที่ผู้ใช้เท่านั้นถึงจะสัมผัสได้  เคสคอลเลคชั่นนี้รองรับโทรศัพท์ iPhone 13ไปจนถึงเคส iPhone 15และเคสซุมซุง S23/S24 Ultra   นอกจากนั้นยังมีเคส iPad , Macbook, Airpods, Magsafe Wallet, Phone Charm, และ Mousepad และอีกคอลเลคชั่นที่เปิดตัว เป็นอุปกรณ์ตกแต่งมือถือจากผลงานการออกแบบลายโดยไอคอนสตรีทอาร์ตระดับโลก ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ (Simone Legno) ซึ่งหยิบ Mickey&Friends และ Winnie The Pooh มาวาดใหม่เป็น Version Tokidoki  ซึ่งผมและทีมรู้สึกสนุกและภูมิใจมากๆทุกครั้งที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ รอบนี้เรายกระดับไปอีกขั้นจริงๆ

จากการร่วมมือสองฝ่าย เป็นการร่วมมือสามฝ่าย คือ  Sheep x Tokidoki  x Disney ซึ่งความยากของการทำงานสามฝ่ายคือการทำให้ทุกฝ่ายโดดเด่นเท่ากัน ไม่มีฝ่ายไหนหายไปหรือใครเด่นกว่าใคร ซึ่งจะยากกว่าการทำงานแบบสองฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะเราต้องแบ่งสัดส่วนให้ดี โดยผลงานที่ออกมาจะเป็นอุปกรณ์ตกแต่งมือถือ Mickey&Friends และ Winnie The Pooh ที่มีลายเส้นการวาดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Tokidoki โดยมีฟังก์ชั่นแบบ Sheep Style สินค้าที่เป็นไฮไลท์รอบนี้คือ Spinning Magsafe Griptok ที่เราทำหมุนได้ 360 องศา เป็นวงล้อสุ่ม Characters ซึ่งเราตั้งใจเปลี่ยน Gadget ธรรมดาๆให้เป็นจุดเริ่มต้นของความสนุกในวงเพื่อนพ้องที่ชื่นชอบ Disney และทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงกลิ่นไอความรู้สึกของการดูการ์ตูน Mickey&Friends และ Winnie The Pooh ที่เหล่า Character จะมาล้อมวงเล่นสนุกกันตลอดเวลา

นายอภินันท์กล่าวต่อว่า “สำหรับแบรนด์ Sheep การหยุดนิ่งเท่ากับถอยหลัง เพื่อเป็นหนึ่งในวงการ และเป็นตัวแทนของแบรนด์ไทยและสินค้าไทย เราจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าให้คุ้มค่าต่อเงินทุกบาทที่ลูกค้ามอบให้เรา เมื่อเทียบกับสินค้าที่ราคาเท่ากันแล้ว สินค้าของแบรนด์ Sheep ต้องดีที่สุดทั้งในเชิงของ การใช้งาน ความสวยงาม และภาพลักษณ์ของผู้ใช้งาน ในปีที่ผ่านมาเราออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่แทบทุกเดือน นอกจากจะเพิ่มตัวเลือกใหม่ให้ลูกค้าเดิมแล้ว การออกคอลเลคชั่นใหม่คือการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า แบรนด์เราไม่เคยหยุดพัฒนา ทุกครั้งที่มีการออกคอลเลคชั่นใหม่ นั้นคือเรามีการพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ไปด้วย

ปัจจุบันเรามีสินค้าหลักเป็นอุปกรณ์เสริม เคสมือถือ เคส iPad, เคส Macbook, เคสAirpods, และทำสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์หลากหลายมากขึ้น รวมถึงกล่องสุ่มสินค้าไอทีด้วยครับ   ปัจจุบันSheep ถือเป็นแบรนด์อันดับต้นๆในไทย ที่มีผลงานการออกแบบร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากขนาดนี้ ที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกับ  Esther Bunny , Disney, Sanrio, Care Bears, One Piece, Doraemon, Shinchan, และ อื่นๆอีกมากมายซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดีซึ่งนอกจากการจัดจำหน่ายในร้าน AppleSheep แล้ว แบรนด์ Sheep ยังได้รับความไว้วางใจจากร้านค้าชั้นนำระดับประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็น Loft, Matchbox, Freak, Seek and Keep Club, Medium and More, Banana, Studio7, B2S, Yumeya, True Shop และ จากทิศทางผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบรนด์เดินหน้าบุกขยายตลาดต่างประเทศเริ่มจากในภูมิภาคอาเชียน เพื่อขยายฐานลูกค้า  เป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์ไทยเรามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ   เราจะนำเสนอสินค้าสร้างสรรค์อย่างไม่รู้จบ” คุณอภินันท์กล่าวทิ้งท้าย  

ปัจจุบัน AppleSheep มีหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าอยู่ 10 แห่งด้วยกัน ร้าน Sheep Exhibition Store ชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์  และ Flagship Store  อีก 9แห่ง เซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลลาดพร้าว ,เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลรามอินทรา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ,เมกา บางนา , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, และอีกสองสาขาต่างจังหวัด เซ็นทรัลเหาดใหญ่ , เซ็นทรัลขอนแก่น ติดต่อช่องทางออนไลน์ได้ที่  www.applesheepth.com,
Line: @applesheep, FB :AppleSheep เคส ipadpro มีที่เก็บปาก, IG applesheepth, Tiktok applesheepth

เริ่มแล้ว! Disney Toy Expo Thailand 2024 วันแรกสุดคึกคัก

แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ตบเท้านำของเล่นของสะสมมาโชว์เต็มลานเซ็นทรัลเวิลด์

( 15 สิงหาคม 2567 ) เปิดฉากวันแรกอย่างยิ่งใหญ่ สิ้นสุดการรอคอยงานใหญ่แห่งปีของสาวกแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์แห่ร่วมงานคับคั้ง เรียกว่าหลายคนที่มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งานนี้จัดเต็มทำถึง เพราะเป็นครั้งแรกในไทยและในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยกกองทัพของเล่นของสะสมทุกคาแรคเตอร์
ที่แฟนๆ ชื่นชอบจาก Disney ,Pixar ,Marvel และ Star Wars ภายใต้ชื่องาน Disney Toy Expo Thailand 2024 งานที่รวบรวมสินค้าลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการมากมาย ของสะสมจากแบรนด์ระดับโลกสินค้ารุ่นลิมิเต็ด คอลเลคชันใหม่จากความร่วมมือของศิลปินชื่อดัง พร้อมเสริฟความบันเทิงใกล้ชิดเหล่าคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่มามอบความสุขสนุกสนานส่งตรงจากต่างประเทศ งานนี้เนรมิตพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น1ถึงชั้น3 ให้เป็นแหล่งรวมความสุขสนุกสนานและย้อนความทรงจำในวัยเด็ก ตลอด4วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่15-18สิงหาคมนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการงานของเล่นของสะสมเลยทีเดียว

คุณปรีชา อาชามงคล ผู้อำนวยการลิขสิทธิ์สินค้าอุปโภคบริโภคประจำประเทศไทยและเวียดนาม และคุณชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ Chief Executive Officer บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมพบกับนักแสดง และนักร้องสุดฮอต โฟร์ท- ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล ที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ การเป็นแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์ และสนุกสุดฟินกันแบบฉ่ำๆ กับการแสดงมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN ปิดท้ายด้วย Mickey & Friends คาแรคเตอร์จะออกมาทักทายแฟนๆอีกด้วย

โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน), บริษัท เอส เอฟคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ขวัญชนกโปรดักชั่น จำกัด,บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด

ภายในงานบรรยากาศสนุกสุดฟินที่แต่ละแบรนด์ต่างครีเอตบูธและสินค้าได้อย่างน่าตื่นตาและน่าสนใจทั่วทุกบริเวณงานทั้ง 3ชั้น มีแบรนด์ชั้นนำเผยโฉมสินค้าแปลกใหม่ของหายาก และเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่สุดพิเศษจากแบรนด์ ต่างๆอาทิ Royal Selangor มาพร้อมกับ BE@RBRICK IRONMAN เปิดตัวครั้งแรกของโลก AppleSheepที่เตรียมเปิดตัวสินค้าจากการร่วมมือสุดพิเศษกับศิลปินชื่อดังระดับโลก ซิโมเน่เล็กจ์โน่ Simonelegno ( Tokidoki) ไอคอนสตรีทอาร์ตที่มีคาแรคเตอร์เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจ นำลายเส้นสไตล์น่ารักอันเป็นเอกลักษณ์มาสู่ Mickey & Friends ด้วย Collection เสื้อผ้าเครื่องประดับหลากหลายอย่างที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน ,แบรนด์Sheepเปิดตัวเคสโทรศัพท์ ลาย Spider-Man โดยมี วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร มาร่วมงาน และ Asaki ที่มาพร้อมกับ Box Set สุดพิเศษ ปิดท้ายด้วย Wongdek Toysland ที่มาพร้อมการเปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุดจากแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Cars จาก Pixarพร้อมพบกับบรรดาแบรนด์ของเล่นของสะสมชั้นนำระดับโลกมากมาย อาทิเช่น LEGO,Royal Selangor, Threezero,funko,Loungefly ,URDU,BEAST KINGDOM, Makeitloud และ AppleSheep รวมร้านค้าทั้งหมดมากกว่า 40 บูธ นอกจากได้พบสินค้าแล้วยังมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การแจก Voucher ผ่าน Shopee Live และโปรโมชั่นประจำบูธลุ้นรับของรางวัลมากมาย

Meet & Greet กับ Mickey &Friends ที่มาสร้างความสนุกสนานอบอุ่นหัวใจให้กับผู้ชมทั่วโลกมานานหลายทศวรรษเตรียมเปิดรับโอกาสสุดพิเศษที่จะได้พบปะ และทักทายกับ Mickey พร้อมผองเพื่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวตลอด 4 วัน ภายในงาน DisneyToy Expo Thailand 2024 เพื่อพบกับแฟนๆ ชาวไทย

กิจกรรมพิเศษจากกลุ่มแฟนชาวไทย การแสดงร้องเพลงจากกลุ่มแฟนๆโดย DMCT จะทำการแสดงขับร้องบรรดาเพลงฮิตของดิสนีย์อันเป็นที่รักของทุกคน ผ่านกลุ่มแฟนๆมากความสามารถพวกเขาตัวกันด้วยความหลงใหลในดนตรีของดิสนีย์โดยพวกเขาเคยถ่ายทำเพลงดิสนีย์เวอร์ชั่นของตัวเองมาแล้วด้วย มาร่วมย้อนสู่วัยเด็กที่ชวนคิดถึงและร้องเพลงท่วงทำนองที่คุ้นเคยผ่านเพลงโปรดของแฟนๆ

บูธจากกลุ่มแฟนๆ โดย 501st Thailandหากคุณเป็นแฟนของ Star Wars ห้ามพลาดบูธของ 501st Legion Thailand กลุ่มแฟนๆที่จะแต่งกายด้วยแรงบันดาลใจจากความหลงใหลใน Star Wars พร้อมเปิดโอกาสในการถ่ายรูปรับของที่ระลึกตามธีม และอื่นๆ อีกมากมายการแสดงคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN กลุ่มศิลปินบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยโดยพวกเขาจะมาสร้างสีสัน มอบความสนุกสนานให้กับแฟนๆ และผู้เข้าร่วมงาน

พบกับงาน Disney Toy Expo Thailand 2024 ตลอด 4 วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่วันนี้ – 18สิงหาคม 2567 ภายในพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram DTX Thailand 2024

สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย ขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Touris


สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย จับมือ ททท. ส่งเสริม “ท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ Organic Tourism” ต่อเนื่องสานพลังเกษตรกรและผู้ประกอบการ สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก ผ่านเมนูอินทรีย์ และ
Earth Points

สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Tourism
ให้เป็นเสน่ห์และจุดขายทางการท่องเที่ยวใหม่ของประเทศ พร้อมสานพลังผู้บริโภค เกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และนักวิชาการ ร่วมขยายสังคมอินทรีย์ทั้งระบบ ชูจุดเด่น คุณค่าของการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ที่ทรงคุณค่า ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ และสัมผัสได้ด้วยตนเองทันที ผ่าน TOCA Platform กิจกรรมสะสมคะแนน “Earth Points” และกิจกรรมสร้างความรู้ สร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ที่จะช่วยนำทางให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลโลก และเริ่มลงมือทำจาก “การกินอาหารอินทรีย์และท่องเที่ยววิถีอินทรีย์” ที่ดีต่อทั้งกาย ดีต่อใจ และดีต่อโลก

นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย เปิดเผยว่า จากการทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกัน ของสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (Thailand Organic Consumer Association หรือ TOCA) และเครือข่ายพันธมิตรตลอดห่วงโซ่สังคมอินทรีย์ ทั้งเกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักวิชาการ และเครือข่ายผู้บริโภคอินทรีย์ ในจังหวัดต่างๆ ที่ TOCA ได้เข้าไปดำเนินงานเชื่อมโยง และจากการพัฒนา แอปพลิเคชัน “TOCA Platform” ให้เป็นจุดเชื่อมต่อคนในสังคมอินทรีย์ทั้งระบบ เป็นที่น่าดีใจที่ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศไทยมีความตระหนักรู้และเข้าใจคุณค่า ประโยชน์ของการบริโภคอาหารอินทรีย์ ในหลากหลายมิติมากขึ้น คือ นอกจากจะบริโภคอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพแล้ว
ยังให้ความสำคัญถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และสถานการณ์โลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน เพื่อขยายคุณค่าของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นการผลิตที่ไม่มีการใช้สารเคมี หรือยาฆ่าแมลง ทำให้มีอาหารปลอดภัย ทั้งยังช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมให้กับโลก และสังคมอินทรีย์ที่มุ่งสร้างระบบอาหารยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร บนฐานการค้าที่เป็นธรรม TOCA จึงได้ร่วมกับ ททท. ภายใต้โครงการ “Amazing Organic Tourism for Sustainable Living ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Tourism ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการทำงานเชิงรุกในการสร้างความร่วมมือของเครือข่ายสังคมอินทรีย์ทั้งห่วงโซ่ คือทั้งเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักวิชาการ และผู้บริโภค โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่ 2 จังหวัดใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก คือ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดภูเก็ต ที่ได้เริ่มทำงานร่วมกับชุมชนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566

“เชื่อมั่นว่าจากการทำงานเชิงรุกร่วมกัน เราจะสามารถได้แนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์หรือ Organic Tourism ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าประทับใจและเปี่ยมคุณค่ามากมาย ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง ที่ล้วนเป็นเสน่ห์และสามารถใช้เป็นจุดขายใหม่เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย”

ด้าน นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท. กล่าวว่า แนวคิดและกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ นั้นสอดคล้องและตรงกับกับนโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ของ ททท. ภายใต้ BCG Economy Model เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน ภายใต้แคมเปญ Amazing Organic ททท. มีการสื่อสารและจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อจุดประกาย ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลก ที่สามารถร่วมได้ทันที และทำได้ง่ายมาก คือ เริ่มจาก เปลี่ยนมากินอาหารอินทรีย์ และหันมาท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ที่ในกระบวนการผลิตนอกจากเกษตรกรอินทรีย์ จะไม่ใช้สารเคมีในการทำเกษตรแล้ว ยังช่วยดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ ให้กับโลก

“อยากให้เริ่มจากเรื่องง่ายก่อน นั่นคือ การบริโภคอาหารอินทรีย์ ที่ดีต่อสุขภาพ จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปทำความรู้จักกับเกษตรกรอินทรีย์ ที่ใส่ใจและดูแลผลผลิตของตนเพื่อรักษาคุณภาพ ให้ท่านเล่าเรื่องของท่านให้ฟัง แล้วเราก็จะรู้ว่า อาหารจานหนึ่ง ทำให้เรารู้จักสภาพแวดล้อมและเข้าใจถึงการทำงานของท่านเหล่านั้น เราจะเป็นอีกหนึ่งกำลังที่ช่วยสนับสนุนคนที่ทำดี ซึ่งสิ่งนี้มีความหมายและสำคัญมาก”

ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยววิถีอินทรีย์นำร่อง ซึ่งนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภค สามารถดูข้อมูล ความเป็นมา จุดเด่น และสถานที่ติดต่อบน TOCA Platform ได้แล้ว เช่น ชุมชนแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญา การส่งต่อแนวคิดอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่น ได้รู้จักพื้นผักพื้นบ้าน ผักตามฤดูกาล และการใช้ประโยชน์และรักษาสิ่งแวดล้อม และได้รับประทานอาหารเหนือจากวัตถุดิบอินทรีย์ของชุมชน ขณะที่ชุมชนบ้านบางโรง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ยินดีเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัสประสบการณ์วิถีชีวิตชุมชน อาหารพื้นถิ่น พร้อมนำชมธรรมชาติที่งดงามของทะเลใต้ เป็นต้น

“ขอบคุณความร่วมมือของ ททท. และเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ และผู้ประกอบการ นักวิชาการทุกภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมกันส่งเสริมผลักดัน ให้เราสามารถสร้างและขยายแหล่งท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ รวมถึงตลาดชุมชน ให้เข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังยินดีเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ดังเช่น สวนผักฮักร้องขุ้ม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่, ออนใต้ฟาร์ม อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่, โซนสินค้าอินทรีย์ ตลาดจริงใจ Farmers Market เชียงใหม่, ตลาดนัดฅนดี เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม PGS อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต, Pansook Eco Store &Tea Room อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และตลาดสุขใจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น”

สำหรับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ เป็นที่น่าดีใจที่ มีผู้ประกอบการที่เข้าใจมาร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์กับทาง TOCA มากขึ้น พร้อมยินดีให้สิทธิพิเศษเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคได้ร่มกิจกรรม Earth Points เช่น ร้านอาหารเอื้องคำสาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนโยบายใช้วัตถุดิบอินทรีย์ในทุกเมนูให้มากที่สุด มีการติดป้าย โปรโมท Earth Points เพื่อเราเพื่อโลก ตั้งแต่หน้าร้านและในร้าน พร้อมให้สิทธิประโยชน์ จากการแลกคะแนน Earth Points เป็นส่วนลดเครื่องดื่ม

ผู้สนใจร่วมขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ ใช้TOCA Platform หรือคะแนน Earth Points สามารถสมัครเป็นสมาชิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย) โดยดาวน์โหลด TOCA Platform จาก App Store หรือ Play Store หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย www.tocaplatform.org หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ Facebook: TOCA Platform และในวันที่ 15-18 สิงหาคม 2567 นี้

TOCA จะไปร่วมออกบูธในงาน Amazing Green Fest 2024 ซึ่งจัดโดย ททท. และ The Cloud “สามารถมาพบกับเราเพื่อรู้จักเรามากขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ไปด้วยกัน ได้ที่พารากอนฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร”