All posts by Shanya

GIT เตรียมจัด งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8

GIT เตรียมจัด งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025)” ในธีม Responsible Gem & Jewelry Supply Chain ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ 8-9 ก.ย. นี้

กรุงเทพฯ, 22 ก.ค. 68 : สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT แถลงข่าวเตรียมจัด “งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025)” ในธีม : Responsible Gem & Jewelry Supply Chain ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการชั้นนำในสาขาอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้นำความคิดจากทั่วโลก ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม และงานวิจัยล้ำสมัย รวมถึงแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ตลอดจนการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจากทั่วโลก หวังประเทศไทยเป็นผู้นำทางความคิดและนวัตกรรมในชุมชนอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก ณ โรงแรมแกรนด์
ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT มีกำหนด จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025) ขึ้นระหว่างวันที่ 8 ถึง 9 กันยายน 2568 เพื่อตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการชั้นนำในสาขาอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค เพื่อเปิดเวทีการประชุมที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักวิชาการ นักวิจัย นักออกแบบ ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนความองค์ความรู้ นำเสนอผลงานทางวิชาการ และอภิปรายเกี่ยวกับนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยในการจัดงานในครั้งนี้มุ่งเน้นด้านอุตสาหกรรมอัญมณีและความยั่งยืน ซึ่งมีผู้ตอบรับเข้าร่วมทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ สถาบันการศึกษา และองค์กรในอุตสาหกรรม เช่น สมาคมช่างทองไทย สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงิน สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี สมาคมค้าทองคำ และสถาบัน Gemological Institute of America”

งานประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติที่เข้มแข็ง ที่ไม่เพียงแสดงถึงขีดความสามารถทางวิชาการและความเป็นผู้นำของสถาบันในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรม โดยจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้าง และการจัดหาอย่างรับผิดชอบ การออกแบบเชิงนวัตกรรม และรูปแบบธุรกิจที่มีจริยธรรม รวมถึงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะ “ศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก” อีกด้วย

ทั้งนี้ GIT จัดงานประชุมอัญมณีและเครื่องประดับอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ทุกครั้งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยงานประชุมที่ผ่านมาไม่เพียงแต่เป็นเวทีทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำหรับสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนร่วมวงการ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม นับเป็นโอกาสในการพบปะกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงร่วมกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในอนาคต

งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025) จะต้อนรับผู้ร่วมงานจากทั่วโลกภายใต้ธีม “Responsible Gem & Jewelry Supply Chain” ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้รับโอกาสพิเศษเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 72 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

สำหรับหัวข้อในการนำเสนอผลงานทางวิชาการที่น่าสนใจ โดยวิทยากรระดับโลก มีดังนี้

วันที่ 8 กันยายน 2568
เวทีกลาง พบกับวิทยากรหลัก นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่
จำกัด (มหาชน) หัวข้อ: Towards a Sustainable Future for the Thai Gem and Jewelry Industry,
Mr. Wallace Chan นักรังสรรค์จิวเวลรี่ระดับโลกชาวจีน หัวข้อ: Future Trends: Sustainability in Jewelry Art 2025, ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หัวข้อ: Transforming Thailand’s Gem and Jewelry Industry through Research and Innovation, Mrs. Ashoo Sinchawla กรรมการผู้จัดการ บริษัท สันต์ เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด หัวข้อ: The Role of Women in the Gem and Jewelry Industry.

พบกับวิทยากรรับเชิญ Mr.Kinjal Shah ตัวแทนจาก Responsible Jewellery Council (RJC),
ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล ตัวแทนจาก Precious Metal Refining Company Limited Mr. Wasantha Gamlath ตัวแทนจาก Gem and Jewellery Research and Training Institute (GJRTI), Mr. Tobias Häger
ตัวแทนจาก Johannes Gutenberg University, ดร.พรสวาท วัฒนกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ, นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ตัวแทนจาก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน), Ms. Song Zhonghua ตัวแทนจาก National Gems & Jewelry Testing Group (NGTC), China, ดร.วสุรา สุนทรตันติกุล ตัวแทนจาก สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งอเมริกา (GIA)

วันที่ 9 กันยายน 2568
เวทีกลาง พบกับวิทยากรหลัก Mr. Edward Johnson ตัวแทนจาก Gemfields Group หัวข้อ: Building a Responsible Coloured Gemstone Supply Chain, Mr. Kenneth Scarratt ตัวแทนจาก CIBJO Academy หัวข้อ: Transparency is not an option, it is a necessity, Mr. Richard W. Hughes ตัวแทนจาก Lotus Gemology หัวข้อ: Describing Color in Gems: A Fool’s Guide

พบกับวิทยากรรับเชิญ Mr.Daniel Nyfeler Ph.D กรรมการผู้จัดการ Gübelin Gem Lab, Ms. Anna Minakova ตัวแทนจาก Eurus Gallery, และพบกันผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากมายมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ได้แก่ Mr. Vincent Pardieu ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณี นายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) Dr.Liu Shang I, Edward ตัวแทนจาก The Gemmological Association of Hong Kong: GAHK และปิดท้ายโดยProf.Yan Li ตัวแทน Wuhan University ประเทศจีน

พลาดไม่ได้กับ “งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ
ครั้งที่ 8 (GIT 2025)” ในธีม : Responsible Gem & Jewelry Supply Chain ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568

วศิน วรรณพฤกษ์ คว้ารางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐ จากเวที ASIA TOP AWARDS 2025

งานประกาศรางวัล ASIA TOP AWARDS 2025 ครั้งที่ 4 เพื่อยกย่องบุคลากร-องค์กร วัตถุประสงค์ในการจัดงานในปีนี้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนามูลค่าเศรษฐกิจ เป็น Soft Power อันทรงพลัง ได้แก่ อุตสาหกรรมบันเทิง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การแพทย์ สุขภาพและความงาม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อขับเคลื่อน และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกด้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศใน ภูมิภาคเอเชีย และ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ไทย-จีน จึงมีการแต่งตั้งฑูต จากโครงการ ASIA TOP AWARDS จัดขึ้น เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ที่ Phenix Grand Ballroom ภายใต้ธีม “Soft Power & Wellness Grand Tourism” การประกาศเกียรติคุณครั้งนี้มี ศิลปิน ดารา นักร้อง ทั่วทั้งเอเชีย อาทิ ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง อินโดนีเซีย พม่า เวียตนาม มาเลเซีย เป็นต้น

ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชน ที่มีผลงานดีเด่นถูกเสนอชื่อให้ขึ้นรับรางวัล หนึ่งในนั้น คือ นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสึแดง ขึ้นรับรางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐยอดเยี่ยม ขึ้นรับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน

“เป็นเกียรติสำหรับผมและครอบครัวมากครับ ผมได้รับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน คือกำลังใจที่วิเศษในการทำงาน ผมจะตั้งใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และหัวใจ ปฎิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม และยึดหลักการธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนแถวชานเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับความเท่าเทียมและมีความสุขในการได้รับบริการระบบขนส่งสาธารณะทางราง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ขอบคุณครับ” นายวศิน กล่าวทิ้งท้าย

เปิดประสบการณ์รสชาติระดับไฮเอนด์ที่ REIGNWOOD PARK

REIGNWOOD PARK กับสองจุดหมายปลายทางใหม่ของนักชิม SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO และ THECHAMPIONSHIP RESTAURANT ที่ผสานศิลปะการกินกับไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

REIGNWOOD PARK แลนด์มาร์กใหม่ของการใช้ชีวิตคุณภาพระดับเวิล์ดคลาส ชวนสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยจาก 2 ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และอาหารนานาชาติสุดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT ร้านอาหารที่สะท้อนความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบจากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เพื่อรังสรรค์เมนูหลากหลายทั้งอาหารไทย อาหารจีน และนานาชาติ ผสานการนำเสนอในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่ตอบโจทย์นักชิมสายลักชัวรี ภายใต้แนวคิด “ REIGNWOOD LIFE ” ที่ออกแบบ “วิถีชีวิต” ที่ให้ได้ใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพในทุกวัน ผ่านหลากหลายมิติ ทั้งธรรมชาติ กีฬา สุขภาพ ศิลปะ และอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่สะท้อนอัตลักษณ์ระดับโลก

หนึ่งในประสบการณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ REIGNWOOD LIFE คือการได้ใช้เวลากับอาหารที่ไม่เพียงแต่รสชาติดี แต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย ทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เรื่องเล่า และแรงบันดาลใจที่ใส่ลงไปในทุกจานทุกแก้ว โดยมี SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เป็นตัวแทนของแนวคิดนี้อย่างชัดเจน

SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และร้านอาหารที่หอมกรุ่นไปด้วยความใส่ใจ ที่ SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ทุกเมนูคือการบอกเล่าเรื่องราว ผ่านวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถูกนำมาแปรรูปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อาทิ BAITOIE BREWED น้ำใบเตยหอม GI จากปทุมธานีที่มีกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ โดยไร้คาเฟอีน และ MATCHA BAITOIE ที่กลมกล่อมละมุนระหว่างมัทฉะและกลิ่นใบเตยอย่างพอดี นอกจากนี้ยังมี SILVERSKIN’S COPY-CHAM เครื่องดื่มที่หอมละมุนด้วยชาไทยผสมกาแฟแบบโบราณ,YUZU LYCHEEและ YUZU COLD BREW ที่สดชื่นด้วยผลไม้จริง รสเปรี้ยวหวานละมุนซ่อนกลิ่นน้ำผึ้งและกาแฟสกัดเย็น

สำหรับใครที่รักอาหารสไตล์โฮมเมด พลาดไม่ได้กับ HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA พิซซ่าสูตรดั้งเดิมจากอิตาลี แป้งสดใหม่อบในเตาไฟแรง แป้งบางฟู ขอบนุ่ม มาพร้อมกลิ่นหอมแบบต้นตำรับที่สัมผัสได้ตั้งแคำแรก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติที่หาที่ไหนไม่ได้

THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เมนูอาหารที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจสุดประณีตจากครัวโลกสู่ครัวไทย หาก SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO
คือบทกวี THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT คือบทละครของรสชาติที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องเล่า จากครัวไทยสู่ยุโรป จากกลิ่นเครื่องเทศสู่ไวน์แดง ทุกจานล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่ได้ลิ้มลอง รู้สึกถึงความหมาย

THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT นิยามใหม่ของการรังสรรค์อาหารที่ส่งมอบทั้งรสชาติและสุนทรียแห่งอารมณ์ที่รังสรรค์จากแนวคิด WORLD-INSPIRED CUISINE ที่นำวัฒนธรรมอาหารจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ เริ่มด้วย สลัดปูนิ่มทอดกรอบ สะท้อนความลงตัวของผักหลากสี ผลไม้สด และน้ำสลัดรสจัดจ้านแกงเขียวหวานพริกแกงตำสด เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพริกแกง สมุนไพร และกะทิที่คล้ายพาเราย้อนกลับไปในครัวของบ้านในวัยเด็ก ซุปกระเพาะปลา บทพิสูจน์ของความเรียบหรูในแบบจีนคลาสสิก และซี่โครงแกะย่าง หรือ สเต็กเนื้อวากิวเกรดพรีเมียม ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของมื้อค่ำที่ต้องการให้รสชาติอยู่ในความทรงจำไปแสนนาน ทุกจานถูกเสิร์ฟด้วยความตั้งใจในรายละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบ การย่าง ไปจนถึงการพักเนื้อและการเลือกซอสคู่จาน อย่างลงตัว

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากไปลิ้มลองความอร่อย ในโครงการ
Reignwood Park ขนาดโครงการจำนวน 2,000 ไร่ ลำลูกกาคลอง11 เพียงแจ้งชื่อช่อง www.toptotravel.com รับฟรี HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA
หน้า HAWAIIAN 1 ถาด *เมื่อใช้บริการครบ 500 บาท ขึ้นไป ที่ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ระยะเวลาโปรโมชั่น 15/07/2568 – 30/09/2568

ร้านอาหารไทยรางวัล Thai SELECT signature award 2024 หนึ่งเดียวในพระนครศรีอยุธยา

กระทรวงพาณิชย์ผลักดันและส่งเสริมร้านอาหารไทยให้เข้มแข็ง สามารถยกระดับสู่มาตรฐานสากลประกอบกับการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ผ่านตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ซึ่งจะสร้างจุดขายสำคัญให้กับประเทศไทย และผลักดัน Soft power อาหารไทยนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงพาณิชย์ขอแนะนำร้านอาหารไทย ซึ่งเป็นร้านเดียวในจังหวัดอยุธยา ที่ได้รับรางวัล Thai SELECT Signature award 2024 โดยรางวัล Thai SELECT Signature Award เป็นรางวัลที่แสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานของร้านอาหารไทยที่มีความโดดเด่นในด้านรสชาติ ความเป็นเอกลักษณ์ และการบริการที่ดีเยี่ยม คือร้าน The Artisans Ayutthaya ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ร่วมสัมผัสวิถีชีวิต ผ่านการทำอาหารของป้ายายในชุมชน สะท้อนวิถีชีวิตแบบไทย ที่ The Artisans Ayutthaya เปิดประสบการณ์ใหม่ในการทานข้าวที่หุงแบบเช็ดน้ำข้าวหอมมะลิหุงหม้อดินเผาเตาถ่าน ฝีมือป้าอี่ข้าวจะมีความนุ่มฟู หอมกรุ่นกลิ่นจากเนื้อดินเผาทานกับอะไรก็อร่อย

เนตรนภางค์ หงษ์อุปถัมภ์ไชย CMO ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า The Artisans Ayutthaya เกิดจากแนวคิดต้องการช่วยเหลือคนในชุมชน เป็นแหล่งที่รวบรวมองค์ความรู้ และผู้มีฝีมือภาชนะและอุปกรณ์ทั้งหมดของThe Artisans Ayutthaya เป็นงานฝีมือแบบโบราณมาจากหลายอำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเครื่องปั้นดินเผา ป้ายอ ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา
อรัญญิก อ.นครหลวง เครื่องเป่าแก้ว อ.บางปะอิน เต่าเล่า อ.บางซ้าย และเขียนลายเบญจรงค์บนเครื่องปั้นดินเผา อ.บางซ้าย งานฝีอมือทุกชิ้นมากจากคนในชุมชน โดยเฉพาะเหล่าป้า ๆ ยาย ๆ พิเศษของปู่ย่าตายายจากรุ่นสู่รุ่น ที่มีฝีมือทำอาหารแต่ขาดโอกาสสร้างรายได้ ร้านจึงเปิดพื้นที่ให้พวกป้าๆ มากประสบการณ์เข้ามาปรุงอาหารไทยด้วยรสมือและตำรับดั้งเดิม เพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนในการใช้ชีวิต เพราะไม่มีลูกหลาน หลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ป้า ยาย หลายท่านมีความเป็นอยู่และมีชีวิตที่ดีขึ้นพร้อมเติมเต็มคุณค่าและความหมายให้กับผู้สูงวัยในชุมชน

“แรงบันดาลใจในการสร้าง ดิ อาร์ทิซานส์ อยุธยาอาหารที่ทำจากแม่ครัวชาวบ้านจริงๆ เป็นร้านอาหารไทยโบราณ เป้าหมายเพื่อต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่า เราได้สัมผัสกับคนในชุมชนที่มีองค์ความรู้ ภูมิปัญญา ที่ตกทอดรุ่นสู่รุ่น มีคุณค่าและมีพลังมากพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จของจังหวัด และประเทศไทยอย่างแท้จริง

The Artisans อยุธยา ตัวร้านมีเอกลักษณ์ เป็นทรงสามเหลี่ยมที่มี5หลัง แต่ละหลังจะมีชื่อเป็นของตัวเอง คือ ป้าเสงี่ยม , ป้าขันทอง , ป้ารี , ป้าอี่ และป้าแตน ซึ่งเป็นร้านที่รวบรวมฝีมือการปรุงอาหหารของคนในชุมชน เป็นแนวความคิดที่ดีมากก รสชาติอาหารแบบไทยดังเดิม เหมือนได้นั่งกินที่บ้านบรรยากาศดี ติดแม่น้ำ ร้านถูกซ่อนตัวอยู่ในชุมชนที่เป็นชายขอบของจังหวัดอยุธยา ซึ่งตอนนั้นที่เจอป้า ๆ บางคนรับจ้างรายวัน บางคนทำไร่ทำนา ส่วนคุณป้า ที่หุงข้าว คือป้าที่เข็นรถขายน้ำแก้วละสิบบาท ซึ่งแต่ละคนมีองค์ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร เรื่องของงานฝีมือ หรือว่าวิถีชีวิตวัฒนธรรมต่าง ๆ การดำรงชีวิตหระสบการณ์ที่หลอมรวมอยู่ในคนคนนึง เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพดานอายุ สูงสุดตอนนี้อยู่ที่อายุเจ็ดสิบสี่ เราก็ให้ทำงานกับเราซึ่งปรับแต่งตำแหน่งที่เหมาะสม เราสามารถที่จะช่วยส่วนไหนได้เราช่วย ถ้าไม่ได้มาทำงานที่นี่ สามารถส่งวัตถุดิบส่งสินค้ามาให้เรา ยกตัวอย่างที่อรัญญิก ยังมีอีกประมาณสิบครอบครัว เนื่องจากอรัญญิกเมื่อก่อนตีแต่ดาบ เราจะเคยเห็นแต่มีดอรัญญิก แต่ว่าตอนนี้มีดอรัญญิกไม่มีใครเลือกซื้อเยอะ ต้องปรับตัว โดยผลิตเป็นจานอาหารจานของอรัญญิก ช้อนส้อมของอรัญญิก และเราเอาวิธีการทานแบบสมัยก่อนที่ชาวบ้านรองด้วยใบตอง วิธีการกินอาหารแบบนี้เป็นวัฒนธรรมเก่า ๆ ดั้งเดิมและอยากให้คนได้สัมผัสเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างใช้ฝีมือในการทำของภูมิปัญญาดั้งเดิม อย่างเช่น ข้าวหุงหม้อดินเช็ดน้ำไม่ง่ายนะคะ ต้องมีความเชี่ยวชาญ คือเหมือนเป็นช่างฝีมือที่เกี่ยวกับด้านอาหา รและขนมโดยเฉพาะ คำว่า ไทย คราฟท์ทีซานส์ คูซีน เหมาะกับเรามาก ๆ เวลาใครถามเราบอกว่า เราไม่ใช่ authentic เราไม่ใช่ royal เราไม่ใช่ progressive เราไม่สามารถนิยามตัวเราเองว่าอะไรเลย จนกระทั่งเรามาคุยกันเองในครอบครัว โดยเราแยกทุกอย่างออกจากกันไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านอาหารแต่มีภูมิปัญญา มีองค์ความรู้ดั้งเดิม วิถีการกิน หรือ วัฒนธรรมการทานแบบเก่า ๆ ที่ยังมีอยู่ที่นี่ ดังนั้นแล้วถ้าเกิดมาสัมผัสแล้วไม่ใช่เข้ามาทานอาหารแล้วจบ ทุกคนจะได้พบกับประสบการณ์อื่น ๆ ที่ ดิ อาร์ทิซานส์ซ่อนอยู่ในอยุธยา อย่างแน่นอน

ส่วนเมนูที่ประทับใจ รังสรรค์ทีไรแล้วปลื้มใจทุกครั้ง เมนูข้าวปลาเกลือย่างถ่าน เริ่มจากข้าวใช้ข้าวหุงหม้อดิน เป็นวิธีแบบเช็ดน้ำ ที่ป้าๆ ยายๆ หุง เวลาเช็ดน้ำเสร็จก็จะมีน้ำข้าว เสิร์ฟร้อมน้ำข้าวและงบน้ำอ้อย กับดอกเกลือ อันนี้เป็นวิธีการทานแบบดั้งเดิม และผงโรยข้าว ชื่อว่า พริก กับเกลือ มีส่วนผสมของ น้ำตาลมะพร้าว มะพร้าว แล้วก็ดอกเกลือ 3 อย่าง เป็นพริกกับเกลือที่ไม่มีพริก อีกอันนึง ก็จะเป็นพริกขิงแห้งที่ไม่มีขิง ความหมายคือเผ็ดเท่าขิง แต่ไม่มีขิง ใช้คำว่า พริกขิงแห้ง ก็เป็นผงโรยข้าวอีกอันนึง ต่อมาก็จะเป็นตัวปลาเกลือย่างถ่าน ตัวปลาเกลือ เราเอามาจากเสนา เป็นอำเภอที่อยู่ในอยุธยา เราก็นำปลาไปย่างใช้เวลาย่างประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง ย่างด้วยไฟอ่อน ๆ มีความหอมของควัน เเกลิ่นของใบตอง และเนื้อปลา ย่างเตาถ่ายไฟอ่อนให้มันสุกมีความฟู มีความเค็มอ่อน ๆ ทานคู่กับแตงโมและมะม่วงสุก อันนี้เป็นเมนูที่ทำให้เพลิดเพลิน เพราะว่าเราใช้มือทานได้เลย เราจะได้สัมผัสถึง ข้าวหุงหม้อดินแบบเช็ดน้ำ ปลาเกลือทานพร้อมแตงโม หรือ มะม่วงสุก ยกนิ้วให้เลยค่ะเมนูนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด

เชิญชวน ลิ้มลองรสชาติอาหารแบบไทยดั้งเดิม เสิร์ฟแบบ Private เมนูเด็ดที่อยากแนะนำและทำเป็น Thai Select คือ แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง เมนูนี้กะทิคั้นเอง ใช้กะทิสด พริกแกงตำเอง ผัดขี้เหล็กปลูกเองของชาวบ้าน ใช้ใบเพสลาด เพราะว่าถ้าอ่อนเกินไปเมื่อนำไปต้ม จะแข็งเกินไปทานรสชาติไม่อร่อย เพราะฉะนั้นที่นี่ก็ทุกองค์ประกอบทางร้านทำเองหมด ปกติบางร้านจะใช้น้ำปลาร้าแต่ของทางร้านเป็นปลาอินทรีย์แล้วก็ใส่เนื้อปลากดย่างเข้าไปอีกต้องบอกว่าเป็นเมนูที่ใครไม่เคยทานขี้เหล็ก หรือเคยทานแล้วบอกว่าไม่ชอบมาทานที่นี่ รับรองว่าทานได้ทุกคน รสชาติดีไม่ขมยังมีสรรพคุณเดิมอยู่ เพราะว่าป้าและยายที่นี่ สมมุติว่าไปวัด แล้วคุยกันว่า…. เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย พรุ่งนี้จะต้มแกงขี้เหล็กทานอันนี้เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ถ้าเกิดนอนไม่หลับกินแกงขี้เหล็กจะช่วยได้ ซึ่งทานแล้วมีประโยชน์สำหรับร่างกายของเราด้วย

ทั้งนี้ ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ รางวัลนี้เป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นสืบสานอาหารไทยพื้นบ้านสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือนทุกท่าน ขอบพระคุณทุกการสนับสนุนจากทางกระทรวงพาณิชย์ มอบสัญลักษณ์ Thai select ซึ่งเป็นการการันตีได้ว่าร้านมีคุณภาพด้านการบริการ อาหาร และรสชาติ และช่วยให้ร้านอาหารได้มีพื้นที่ในการบอกต่อ และเชื่อมั่นว่า The Artisans อยุธยา เป็นร้านอาหารไทยแท้สูตรต้นตำหรับได้อย่างภาคภูมิใจ รวมถึงยังช่วยสนับสนุนเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้The Artisans อยุธยาเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับทุกท่านที่อยากร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ The Artisans Ayutthaya ร้านอาหารพื้นบ้านงานฝีมือโดยคนในชุมชนวัตถุดิบจากชุมชน เพื่อคนในชุมชน เรามั่นใจว่าที่นี่จะมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้แน่นอนค่ะ กล่าว”

พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/YU88hBZ7QWi9KjDZ8
Tel : 061 195 9514
Facebook : The Artisans Ayutthaya อาร์ทิซานส์

#Ayutthaya #อยุธยา #ร้านอาหารอยุธยา #คาเฟ่อยุธยา #TheArtisansAyutthaya

จุ๊บ – นัยนา ยังเกิด เปิดฟาร์มเห็ดพร้อมแบ่งปันความรู้ให้ผู้ที่มาเยือนได้ลองทำอะไรสนุกๆ


วันนี้ toptotravel มีโอกาสมาเยี่ยมชม กระท่อมเห็ดฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ @ ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และทานอาหารเมนูพิิเศษจากเห็ดสายพันธุ์ต่างๆ บรรยากาศร้านดูร่มรื่น ขนาดของร้านไม่ได้ใหญ่มากนัก ด้านหน้าทางเข้าเจอกระท่อมที่ใช้ในการปลูกเห็ดเรียงรายอยู่รอให้เพื่อนๆ และเด็กๆ เข้ามาเก็บเห็ด พร้อมโซนกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับครอบครัว และโซนคาเฟ่ สำหรับสายชิล เป็นกิจกรรมที่ให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน

มัชรูม คอตเทจ ฟาร์มเห็ด ที่นี่เกิดขึ้นจากความคิดของ คุณนัยนา ยังเกิด กรรมการผู้จัดการ ที่นี่มีจุดเริ่มต้นมาจากเดิมตัวเองเป็นพนักงานสถาบันการเงินและได้ใช้เวลาว่างการการทำงานมาทำเกษตรเพาะเห็ด Mushroom Cottage Farm จากฟาร์มเห็ดเล็ก ๆ ในจังหวัดนนทบุรี  เริ่มจากเป็นธุรกิจเล็ก ๆ เมื่อก่อนนี้ ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนทั่ว ๆ ไป แต่คิดว่างานประจำไม่มีอะไรแน่นอนเลยมองหาอาชีพเสริมไว้รองรับเพื่อความมั่นคง ความที่เราชอบทานเห็ดเลยอยากทำในสิ่งที่เราชอบ ก็เริ่มไปหาความรู้ ไปเข้าศึกษาหลักสูตรสั้น ๆ ใน ม.เกษตร ฯ  หลังจบปี 2555 ตัดสินใจลงทุนทำฟาร์มเห็ดกับเพื่อนคุณปรียนันท์ แสงดี เริ่มจากเช่าพื้นที่แถวบางบัวทอง 300 ตรว. ก่อนจะมาซื้อที่ดินที่นี่ 2 ไร่ ซึ่งเลยเซ็นทรัลเวสต์เกท เพียงสิบกว่ากิโลเท่านั้น”

คุณจุ๊บ – นัยนา ยังเกิด ต่อยอดสู่ธุรกิจจากเห็ดแบบครบวงจร ศูนย์การเรียนรู้ นำเห็ดนานาสายพันธุ์ มารังสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูเห็ดสุดครีเอทีฟที่ไม่เคยลองมาก่อน รวมไปถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร รวมไปถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกมากมาย

กระท่อมเห็ด ฟาร์ม นอกจากจะเป็นศูนย์เรียนรู้การเพาะเห็ดและสร้างอาชีพแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ระดับดีมากจ.นนทบุรี ( ปี 2565-2568 ) และล่าสุด Mushroom Cottage Farm ได้เข้าร่วมการยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ( Agro Genius DIPromt 2566 ) จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยการนำ “เห็ดนางนวลสีชมพู” หาสารสกัดที่มีความโดดเด่นแตกต่างกว่าสินค้าเกษตรอื่นๆสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เซรั่มบำรุงผิวหน้าจากเห็ดนางนวลสีชมพู ที่พัฒนาร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้รับรางวัล ‘The Best Success Case’ จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 

นัยนา ยังเกิด ก่อตั้ง Mushroom Cottage Farm ในปี พ.ศ. 2555 จากความชอบรับประทานเห็ดเป็นการส่วนตัว เริ่มต้นจากการทำกระท่อมเห็ดจิ๋ว ควบคู่กับการแบ่งปันความรู้การเพาะเห็ดเบื้องต้น และเปิดหลักสูตรอบรมสำหรับผู้ประกอบการฟาร์มเห็ดรุ่นใหม่ พร้อมทั้งขยายพื้นที่ เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องการเกษตรเชิงท่องเที่ยว เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้ามาทำกิจกรรมและเรียนรู้เรื่องราวของเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากเพาะเห็ด ก็เปิดหลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการเพาะเห็ดสมัยใหม่ให้มีประสบการณ์ มีโรงเรือนแบบ SMART MUSHROOM COTTAGE มีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ การรักษาความชื้น ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เพื่อผลผลิตที่สม่ำเสมอและการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ เป็นโรงเรือนแบบปิด
ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาเรียนรู้ ที่นี่เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องของการเกษตรเชิงท่องเที่ยว อยากให้เด็ก ๆ ได้เข้ามาเรียนรู้เห็ดสายพันธ์ต่างๆ และยังสามารถเก็บเห็ดใส่ในตะกร้า แล้วกลับบ้าน เพื่อยกระดับคุณภาพเกษตรปลอดภัยด้วยสินค้าและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากกระท่อมเห็ด ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ มีบริการหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นที่ฟาร์มหลัก อ.ไทรน้อย , ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ที่ สยามพารากอน (โซนกรูเม่ มาร์เก็ต) อีกทั้งเตรียมรุกตลาดต่างประเทศ ยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่าง ๆ ก้อนเห็ดคุณภาพสูงพร้อมให้ผลผลิตเร็วและสม่ำเสมอสูตรเฉพาะของฟาร์ม อัตราการออกดอกดี คุ้มค่าในการลงทุนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น ให้คำแนะนำและสอนดูแลโรงเรือนแวะมาเยี่ยมชมและเรียนรู้เทคนิคการดูแลเห็ดที่ง่าย โตไว ออกดอกสวยได้ที่ฟาร์ม เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่จำหน่ายก้อนเห็ด แต่ยังสอนการดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้มือใหม่เพาะเห็ดได้อย่างมั่นใจ

Mushroom Cottage Farm and Cafe 
มัชรูม คอตเทจ ฟาร์ม และ คาเฟ่
ตั้งอยู่ที่ไทรน้อย นนทบุรี เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์)
ติดต่อที่ 097 3246155
หรือแอดไลน์: @mushroomcottage

ฉลองครบรอบ 2 ปี “โรงแรมลิลิต บางลำพู”

สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมมือกับ “กลุ่มลูกเหรียง” รังสรรค์เชฟเทเบิลสุด Authentic

เรียกว่าเป็นโรงแรมที่มีความ Authentic และความนำสมัย ให้บริการครบรอบมา 2 ปีแล้ว สำหรับ โรงแรม “LILIT BANG LUMPHU” (ลิลิต บางลำพู) ในการยืนหยัดให้ประสบการณ์แบบ The Best of Both World ผสมผสานย่านเมืองเก่าและความทันสมัยของยุคใหม่ พร้อมกับให้ทุกคนสามารถมาค้นพบเรื่องราว Find Your Story in Every Stay ที่ลิลิต ทั้งประสบการณ์เข้าพักระดับ Luxury ทุกการเข้าพัก โดยล่าสุดได้ ครีเอต “ลิลิต บางลำพู x ครัวลูกเหรียง” ร่วมมือกันในการรังสรรค์ เชฟเทเบิล สุดพิเศษโดยนำเอาวัตถุดิบจากทางภาคใต้และวัตถุดิบจากย่านบางลำพูมาผสมผสานร่วมกัน เริ่มตั้งแต่ 27 มิถุนายน – 26 กรกฎาคม 2568 เอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 4 รอบเท่านั้น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับกลุ่มลูกเหรียง

คุณวรินดา ดำรงผล หรือ ดีเจ.ดาด้า ผู้ร่วมก่อตั้งโรงแรมลิลิต บางลำพู กล่าวว่า ลิลิต บางลำพู แห่งนี้เกิดขึ้นจากใจของทุกคนในตระกูลดำรงผล พวกเราเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ จึงมานั่งตกผลึกกันว่าอยากพัฒนาอาคารเหล่านี้ที่มีอายุกว่า 60 ปี ให้กลุ่มนักท่องเที่ยวสามารถมาสัมผัสบรรยากาศในย่านโอลด์ทาวน์ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสบาย Facility ครบครัน ด้วยตัวคอนเซ็ปต์โรงแรมเองเราอยากเล่าย้อนไปถึงย่านเมืองเก่า ที่แถบนี้จะมีต้นลำพู มีหิ่งห้อย ฉะนั้นในโลโก้ของเราจะมีแฝงความสว่างของหิ่งห้อยอยู่ในนั้นด้วย ส่วนชื่อ ลิลิต ที่หมายถึงหนังสือที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงและร่าย ก็เป็นการเล่าย้อนไปยังอดีตของย่านนี้ด้วยเช่นกัน อยากให้ทุกคนที่มาพักได้สัมผัสประสบการณ์ของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างครบครัน สำหรับลิลิต บางลำพู เรามีการจัดเชฟเทเบิลเป็นประจำในทุกๆ ปี แต่ในปีนี้ความพิเศษในโอกาสครบรอบ 2 ปี จึงคุยกันกับทางกลุ่มลูกเหรียง เพราะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ มีการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับโรงแรม ที่มีการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารที่ครัวลูกเหรียงได้รังสรรค์ขึ้นนั้น มีความแปลกใหม่เสมอ เราจึงร่วมมือกันในพัฒนาเมนู และใช้วัตถุดิบทางภาคใต้และวัตถุดิบจากย่านบางลำพูมาผสมผสานออกมาเป็นเมนูสุดพิเศษในครั้งนี้

ด้าน คุณวรรณกนก เปาะอีแตดาโอะ หรือ คุณชมพู่ นายกสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ หรือกลุ่มลูกเหรียง กล่าวว่าสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ หรือกลุ่มลูกเหรียง เติบโตจากการรวมตัวของเด็กเยาวชนที่สูญเสียบุคคลในครอบครัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จชต. รวมตัวกันเพื่อเยียวยาและดูแลกัน จากจุดเริ่มต้น คุณแม่ชมพู่ ผู้ก่อตั้งบ้านลูกเหรียง สูญเสียครอบครัว 4 คนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ท่ามกลางการสูญเสียและความรับผิดชอบที่ต้องดูแลเด็กๆหลายคน จนก่อตั้งเป็นบ้านลูกเหรียงในวันนี้ โดยในส่วนของครัวลูกเหรียง เอง เราตั้งใจทำอาหารเพื่อให้อาหารมื้อนี้ทำมาเพื่อคุณเป็นพิเศษ จากวัตถุดิบ ผัก ผลไม้ อาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น เป็นเมนูดั้งเดิมในพื้นที่ชายแดนใต้รังสรรขึ้นมาให้แบบฟิวชั่น ครัวเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ดำเนินการโดยคนที่ทำงานเพื่อสังคม มีเชฟชุมชนที่ทำอาหารอร่อย พัฒนาเมนูต่างๆจากวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าทางอาหาร นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้วยังอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปด้วย

สำหรับเมนูพิเศษของ “ลิลิต บางลำพู X ครัวลูกเหรียง” ในการสร้างสรรค์ขึ้นมานั้น มีหลากหลายได้แก่ ตูปะซูตง อาหารกึ่งคาวกึ่งหวานของชาวไทยมุสลิม มีลักษณะเป็นปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียว นิยมรับประทานในแถบจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส, เมี่ยงปูมะม่วงเบา ที่ให้รสชาติแบบออริจินัล แต่เซอร์ไพรส์รสชาติที่คุณคาดไม่ถึง, ข้าวยำข้าวตัง, ไก่สะเตะซอสถั่วโรตีบากา, ตาลโตนดโซดา, ชาชัก ฯลฯ

นอกจากนั้น ภายในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้น นอกเหนือจากทีมผู้บริหารที่มาร่วมภายในงานแล้ว ยังมีเหล่าคนดัง ที่มาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 2 ปี อาทิ เอ – ศุภชัย, ป้าตือ – สมบัษร ถิระสาโรช, ดีเจ.ต้นหอม – ศกุนตลา, ดีเจ.บุ๊คโกะ – ธนัชพันธ์, ดีเจ.มะตูม – เตชินท์, ดีเจ.อ๋อง – เขมรัชต์, นานา ไรบีนา, ดีเจ.บอย – ฌาฆฤณ คุณชลรัศมี งาทวีสุข ฯลฯ ในครั้งนี้อีกด้วย

มาร่วมสัมผัสประสบการณ์เชฟเทเบิลสุดเอ็กซ์คลูซีฟรสฝีมือจาก ลิลิต บางลำพู และครัวลูกเหรียง ที่รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปช่วยพัฒนาให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและสร้างสันติสุข
โดยจัดทั้งหมด 4 รอบ ได้แก่ 27 – 28 มิถุนายน 2568 และ 25 – 26 กรกฎาคม 2568 รอบละ 30 ที่นั่งเท่านั้น (Early Booking ภายใน 31 พฤษภาคม 2568 พิเศษเพียง 2,900 บาท จากราคาปกติ 3,200 บาท)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองที่นั่งได้แล้ววันนี้ทาง
โทร. 061 879 3436 หรือ 02 026 6949

ม.ราชภัฏเพชรบุรีร่วมกับ บพข. จัดกิจกรรมทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เมื่อวันที่ 25-26 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โดยอาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี อาจารย์ ดร.มลทิชาโอซาวะ และ อาจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ เพ็ญวันศุกร์ จัดกิจกรรมทดสอบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดเพชรบุรี “วัฒนธรรมละมุน ธรรมชาติละไม เที่ยวสุขใจที่พริบพรี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเรื่อง การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ภายใต้แผนงานวิจัยการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดยครั้งนี้ได้นำภาคีที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และคณะนักท่องเที่ยว เยือนชุมชนบางตะบูน ชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จำนวนกว่า 50 ราย โดยมี ผอ. ดวงใจ คุ้มสอาด ผอ.ททท.สำนักงานเพชรบุรี ร่วมเดินทาง

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผู้รับผิดชอบกิจกรรมในครั้งนี้ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการทดสอบกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อประเมินเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้ออกแบบขึ้นมา ศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและภาคีที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาและส่งเสริมเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เหมาะสมของจังหวัดเพชรบุรี

หลักการของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีทั้งหมด 7 อ. ได้แก่ อ.1 คือ อาหาร รับประทานอาหารของท้องถิ่นที่ผ่านการปรุงและใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดสารและปลอดภัย เช่น อาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเค็ม ความหวาน เป็นต้น

อ.2 อากาศ อยู่ในพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติ สร้างความสดชื่นเพื่อช่วยให้ปอดได้พักและรับออกซิเจน พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไม่แออัดและไม่มีมลพิษสูง เช่น ฝุ่น PM 2.5, ควัน, และสารเคมีโลหะหนัก เป็นต้น

อ.3 ออกกำลังกาย การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเพื่อบริหารร่างกายให้เกิดการเคลื่อนไหว ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มการกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนดี เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำบัดความเครียด ลดอาการเจ็บปวดบางอย่าง และช่วยให้ระบบประสาททำงานดีขึ้น

อ.4 อารมณ์ มีอารมณ์รื่นเริง ยินดี มีความสุข ผ่อนคลาย สนุกสนาน มีจิตแจ่มใส และเพลิดเพลิน จากการทำกิจกรรมหรือการได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน

อ.5 อดิเรก ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพิ่มพูนคุณค่า มีคุณค่าทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความสุข และสนุกสนาน

อ.6 อนามัย แหล่งท่องเที่ยว สินค้า และบริการที่มีความสะอาดและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย

อ.7 อนุรักษ์ ใส่ใจและตระหนักการสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะ การรักษาธรรมชาติ การสนับสนุนวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการกระตุ้นจิตสำนึกในการดูแลโลกและตัวเอง”

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี กล่าวต่อว่า ทางคณะผู้จัดการทดสอบได้กำหนดลงพื้นที่ชุมชนเพื่อทำกิจกรรมไว้ 3 ชุมชน คือบางตะบูน อำเภอบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านศักยภาพในการจัดการท่องเที่ยวและมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น ในทั้ง 7 อ. ดังที่กล่าวมาแล้ว

อย่างชุมชนบางตะบูน จัดให้มีการล่องเรือเพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับวิถีชุมชนชาวประมง นอกจากทางนักท่องเที่ยวจะได้ล่องเรือสัมผัสกับบรรยากาศของผืนน้ำและชุมชนสองฝั่งแม่น้ำ ยังมีการจัดให้ชมการเลี้ยง หอยนางรม หอยแครง หอยแมลงภู่ บริเวณปากอ่าวบางตะบูน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งบริเวณท่าน้ำวัดปากอ่าวบางตะบูนมีเรือสำหรับนำนักท่องเที่ยวโดยไต๋เรือชาวชุมชนคอยให้การต้อนรับ

ผู้จัดกิจกรรมกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ก่อนที่จะล่องเรือ ทางคณะผู้จัดฯ ได้นำสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เทศบาลตำบลบางตะบูน เพื่อทำเวิร์คช็อป การทำผ้ามัดย้อม การนำวัสดุเหลือใช้เช่นแห อวนมาถักทอเป็นกระเป๋าใส่ของใช้ การทำขนมโบราณ การใช้ปลิงบำบัดนำเสนอการรักษาสุขภาพโดยปลิง

ร้านยุ้งเกลือ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่บ้านแหลม ที่ที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหารที่มีวิวสวยแต่อาหารอร่อย แต่ถือเป็นร้านที่มีตำนานของชุมชนนาเกลือที่ทำนาเกลือมากว่าแปดสิบปี และบอกเล่าเรื่องราวผ่านพิพิธภัณฑ์ของทางร้านโดยคนรุ่นที่สี่

การเยือนชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง เริ่มต้นกิจกรรมจากที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลาชัย ด้วยการเวิร์คช็อปเรียนรู้การตอกกระดาษ ก่อนจะพาคณะเดินชมชุมชนเก่าริมน้ำ เดินชมสตรีทอาร์ทและวิถีชุมชน นมัสการหลวงพ่อวัดมหาธาตุ ก่อนจะกลับมาทานอาหารในแบบขันโตกโดยนำเสนออาหารเชิงสุขภาพ พร้อมกับรับชมหนังใหญ่และการฝึกเชิดหนังใหญ่ การแสดงละครชาตรีละครพื้นบ้านที่ส่งต่อทางวัฒนธรรมจากเด็กๆ และชาวชุมชน โดยพี่น้อย – คุณรมยกรณ์ เอราวัณ

ในวันถัดมา เป็นการทำกิจกรรมที่ชุมชนถ้ำเสือที่ขึ้นชื่อด้านชุมชนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ จัดให้ร่วมกิจกรรมสาธิตทำทองม้วนเงินล้าน ทองม้วนน้ำตาลโตนด โดย คุณยายวรรณา อินมี ผู้คิดสูตร เรียนรู้กิจกรรมเสือปั้นไข่ สอนการทำไข่เค็มหมักดอกอัญชัญ การร่วมอนุรักษ์ป่าด้วยการนำเมล็ดพันธ์พืชไม้ยืนต้นไปปั้นดินยิงหนังสติ๊กเพื่อปลูกป่าโดย พี่น้อย – คุณสุเทพ พิมพ์ศิริ เป็นกิจกรรมสุดท้าย”

ทั้งนี้ หลังจากการทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทางคณะผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้จะนำข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นต่างๆ จากผู้ร่วมกิจกรรมเพื่อนำไปปรับปรุงและนำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่อไป

JEJU Comeback นักท่องเที่ยวไทยบินตรงแบบเช่าเหมาลำสู่เกาะเชจู

ประสบความสำเร็จล้นหลาม ! JEJU Comeback นักท่องเที่ยวไทยบินตรงแบบเช่าเหมาลำสู่เกาะเชจู คึกคัก “ทรู เวิลด์ ทราเวล” เผยเตรียมเปิดบริการอีกครั้งวันฉัตรมงคลนี้

สายการบินโลว์คอสอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ Jeju Air บริษัท เจจูแอร์ จำกัดสายการบินราคาประหยัดแห่งแรกและที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ที่มีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู และมีสำนักงานใหญ่ในนครเชจูประกาศความร่วมมือกับบริษัททัวร์อันดับต้นๆ ของไทย ทรู เวิลด์ ทราเวล ทำสัญญาเช่าเหมาลำนำคนไทยเที่ยวเกาะเจจูแบบบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเจจู กลับมาอีกครั้งรอบสองปี เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา

นาย ยุนโฮ ชอย ผู้จัดการประจำภูมิภาคเชจูแอร์ สำนักงานในประเทศไทย (Mr. Yoonho Choi Regional Manager Jeju Air) เผยว่า “สายการบิน เชจูแอร์ สายการบินโลวคอสอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ มีความยินดีที่จะประกาศการกลับมาให้บริการเส้นทาง กรุงเทพ–เชจู อีกครั้งในรอบ 2 ปี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเชจู ซึ่งเป็นเกาะที่สวยที่สุดของเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องแวะพักหรือเปลี่ยนเครื่องให้ยุ่งยากอีกต่อไป

เส้นทางสู่เกาะเชจูได้เปิดให้บริการขึ้นอีกครั้ง ภายใต้สัญญาเช่าเหมาลำร่วมกับบริษัททัวร์ทรูเวิลด์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เกาหลียอดนิยมของ Netflix เรื่อง “ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน ” ขอเชิญชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมความงดงามของเชจูด้วยกันนะครับ

นางสาวพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel กล่าวว่า “เกาะเชจูมีจุดเด่นตรงที่เป็นเกาะมรดกโลก ที่ใครหลายๆ คนอยากไปเที่ยว นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่เป็นเมืองธรรมชาติ มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทุ่งดอกไม้สวยงาม เช่นทุ่งโบกอม โดยเฉพาะเป็นเมืองที่อากาศดี อากาศที่บริสุทธิ์ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงการที่มี ซีรี่ส์เกาหลีหลายๆ เรื่องไปถ่ายทำกันที่นั่น เราก็ไม่หลุดเทรนด์ ก็จัดให้คนไทยได้ไปเที่ยวเกาะเชจูด้วยกัน

เกาะนี้ไม่ใช่เส้นทางใหม่ของบริษัทฯ สายการบินไม่ได้เปิดบินตรงมาสองปี รอบนี้กลับมา เรียกว่า Come back ให้กลับไปเที่ยวเกาะเชจูกันได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องแวะเมืองอื่น ทำให้คนไทยที่คิดถึงเกาะเชจูอยู่ได้ไปเที่ยวเกาะนี้ได้สมใจแบบสะดวกสบายเกาะเชจูรอบนี้ เปิดไฟล์ทนี้เป็นไฟล์ทแรก คือช่วงสงกรานต์ และไฟล์ทที่สองเป็นวันฉัตรมงคล ในวันที่ 2-5 พฤษภาคม 2568

ส่วนนักท่องเที่ยวต้องการท่องเที่ยว สามารถเที่ยวจองตรงกันได้บินตรงเหมือนกันและ หลังจากนั้นเดือนมิถุนายน สายการบินเปิดกันแบบระยะยาวไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า บินทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ไฟล์ท ให้คนไทยได้ไปเที่ยวกันอย่างเต็มที่

นอกจากเกาะเจจูแล้ว ทางทรู เวิลด์ ทราเวล ยังมีบริการเส้นทางหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นปูซาน กรุงโซล และเส้นทางใหม่ที่หลายคนบอกว่า ปังมากคือการไปเที่ยวเกาหลีคู่กับญี่ปุ่น ตอนนี้เปิดสองเส้นทาง เกาหลีใต้คู่กับเมืองมัตสึยามะและเกาหลีใต้คู่ฮอกไกโด


ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับผู้ที่สนใจ อยากไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้กับทรู เวิลด์ ทราเวล ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอะไร สามารถเดินทางได้ในแบบสบายกระเป๋า ได้เที่ยวจริง ไม่มีจกตา True World Travel รับจัดทัวร์ที่ประเทศเกาหลี ทัวร์ที่แรกที่ไปเกาะเซจูแบบบินตรงไปลงที่เซจู โปรแกรมท่องเที่ยวเมืองต่างๆ ของประเทศเกาหลี

สามารถจองผ่าน Facebook Fanpage : trueworldtravel และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศได้ในราคาเท่ากับที่ทรู เวิลด์ ทราเวล

“Sheep” เคสสัญชาติไทย เปิดตัว 75 Years of Peanuts™ Collection

Sheep x True รุกเดินหน้าขยายฐานลูกค้า เปิดตัว 75 Years of Peanuts™ Collection คอลเล็กชันสุดพิเศษที่ทรูช็อปเท่านั้น

Sheep ผนึก True ขยายช่องทางการจำหน่ายใน True Shop ครอบคลุมลูกค้าที่หลากหลาย หลังจากเปิดตัวคอลเล็กชันครั้งใหญ่แห่งปี Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ย้ำภาพเคสแบรนด์ไทยคุณภาพสากล นำเสนอคาแรกเตอร์น่ารักสดใสในดวงใจของคนทั่วโลก โดยแบรนด์ Sheep ยังมอบความพิเศษให้กับลูกค้า True Shop โดยการปล่อย 75 Years of Peanuts™ Collection (Limited Edition) สะท้อนความหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเอ็กซ์คลูซีฟที่ True Shop เท่านั้น พร้อมเดินหน้าครีเอทสินค้าใหม่

“Sheep” เคสสัญชาติไทย ผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าและคำนึงถึงภาพลักษณ์การใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าไทยจากร้าน AppleSheep แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอที ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ True ในการวางจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Sheep ใน True Shop

นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์ Founder&CEO บริษัท ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ Sheep เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า “แบรนด์ Sheep ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและคุณภาพสินค้าที่เหมาะสมกับราคา เรามั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าคนไทย เราจึงอยากให้ลูกค้าคนไทย ได้สัมผัสสินค้า ได้เข้าถึงสินค้าของเราง่ายขึ้น รวมถึงต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และเติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ เนื่องจากทรูถือเป็นเครือข่ายอันดับ 1 ที่มีช่องทางให้บริการที่แข็งแกร่ง แต่ละวันมีผู้เข้าใช้บริการใน True Shop เป็นจำนวนมาก เราเชื่อว่าการที่ Sheep มาอยู่ใน True Shop จะช่วยส่งเสริมความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานระหว่างแบรนด์และผู้ใช้สินค้า รวมถึงเป็นการขยายฐานลูกค้าของเราอีกด้วยครับ

ปัจจุบันสินค้าประเภทเคส อุปกรณ์เสริม และสินค้าไอทีหลากหลายรายการภายใต้แบรนด์ Sheep วางจำหน่ายใน True Shop รวม 48 สาขา ครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศไทย และอนาคตมีเป้าหมายขยายสาขาใน True Shop รวมทั้งการนำเสนอสินค้าที่เหมาะกับผู้ใช้บริการของ True Shop และการคัดสรรสินค้าที่เหมาะสมเข้าสู่ช่องทาง Hyper Market ใน True Shop เช่น พาวเวอร์แบงก์ หูฟัง และ อื่นๆ ซึ่งไม่มีขายในช่องทางหลักของเรา Sheep ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang ถ่ายทอดความน่ารักสดใสอันเป็นเอกลักษณ์จากการ์ตูน Peanuts กับคาแรกเตอร์ Snoopy ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนในดวงใจที่ครองใจคนทุกวัยทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ประกอบด้วยเคสมือถือ (ไอโฟน 11 – 16 และซัมซุง S23 Ultra – S25 Ultra) พร้อมขบวนอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone, iPad และ MacBook อาทิ MagSafe Griptok , MagSafeWallet, และ Phone Charm รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ อีกหลายรายการ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวคอลเล็กชันครั้งใหญ่สำหรับปีนี้

สำหรับ Collection Snoopy ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่น จากโทนสีที่เลือกมาอย่างพิถีพิถัน ตอบโจทย์ทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายเท่ หรือสายสดใส พร้อมคอนเซ็ปต์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี เพิ่มลูกเล่นด้วยการประสานความเป็น Snoopy กับมาสคอตของแบรนด์ อย่างการนำหมวกของ Rambie มาใส่ในตัว Snoopy นอกจากจะได้พบความน่ารักสดใสของ Snoopy และเหล่าแก๊ง Peanuts ในสินค้าต่าง ๆ แล้ว Sheep ยังได้เตรียมตกแต่งดิสเพลย์ภายในร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมถ่ายภาพ เพิ่มบรรยากาศของความสุขเมื่อเข้ามาใช้บริการความร่วมมือระหว่าง Sheep และ True ยังนำเสนอผ่านการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 75 ปีของ Peanuts™ โดยจะวางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ กับ คอลเล็กชันพิเศษ 75 Years of Peanuts™ Collection ที่ True Shop 48 สาขาเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจ ส่งต่อความสนุกสดใสให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ประกอบด้วย Phone Charm, MagSafe Wallet และ MagSafe Griptok จุดเด่นของคอลเล็กชันพิเศษนี้คือสีทองที่เพิ่มความหรูหราพรีเมียมเป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีการจัดแสดงคอลเล็กชันพร้อมทั้งดิสเพลย์ในร้าน True Shop อีกด้วย

นายอภินันท์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการสร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ระดับสากลมาหลายคอลเล็กชัน รวมทั้งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Sheep เข้าใจความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความเป็นตัวตนให้กับผู้ใช้งาน ความร่วมมือกับ True Shop จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตต่อไป

ทางด้านคุณสุจิตรา อมิตรพ่าย หัวหน้าสายงานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ทรู รีเทลช็อป บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทรูมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงแค่บริการโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงการคัดสรรสินค้าไอทีและอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ดีไซน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างให้ True Shop เป็นมากกว่าร้านค้า แต่เป็น ‘One Stop Lifestyle Destination’ ที่ลูกค้าจะรู้สึกสนุก มีแรงบันดาลใจ และอยากแวะเข้ามาอยู่เสมอ

การร่วมมือกับแบรนด์ Sheep ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของทรูในการมองหาแบรนด์ไทยคุณภาพ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีจุดยืนชัดเจนด้านดีไซน์และความใส่ใจในรายละเอียดของสินค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่มีความหมายให้กับลูกค้า ทรูไม่เพียงเปิดพื้นที่ให้สินค้าไทยได้แสดงศักยภาพ แต่ยังสร้างโอกาสให้คนไทยได้ร่วมสนับสนุนแบรนด์ที่พร้อมเติบโตสู่เวทีสากลสินค้าของ Sheep ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่เข้ามาซื้อสมาร์ตโฟน จ่ายค่าบริการ หรือนั่งพักผ่อนที่ร้าน TrueCoffee เพราะเรามองว่าทุกจุดสัมผัสภายใน True Shop ควรมีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจได้ ความหลากหลายของสินค้าไลฟ์สไตล์เช่นนี้ ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการใช้บริการ และสะท้อนภาพลักษณ์ของทรูในฐานะผู้นำเทคโนโลยีที่ใส่ใจในรายละเอียดของชีวิตประจำวันของผู้คน

คอลเล็กชันพิเศษ ‘75th Years of Peanuts™ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัส เพราะนอกจากความน่ารักของตัวการ์ตูน Snoopy แล้ว ยังมีดีไซน์ที่สื่อถึงความพรีเมียม ความสุข และความทรงจำที่ดี เป็นสินค้าลิมิเต็ดที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ True Shop 48 สาขาทั่วประเทศ อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง ทั้งบรรยากาศการจัดดิสเพลย์ในร้าน และประสบการณ์สินค้าที่แบรนด์ Sheep ถ่ายทอดร่วมกับศิลปินแบรนด์ดังจากทั่วโลก เพราะทุกการเลือกสรรและบริการจากเราคือความตั้งใจที่อยากให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข

พบกับความน่ารักสดใสในคอลเล็กชั Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang ได้ที่ AppleSheep ทุกสาขา และ True Shop 48 สาขา รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่ www.applesheepth.com, Line: @applesheep, Facebook: AppleSheep เคส ipadpro มีที่เก็บปากกา, Instagram: applesheepth, Tiktok: applesheepth

โสฬสคลินิก ศูนย์การค้าพาราไดร์พาร์ค

Toptotravel อยู่ที่ สถานีสุขภาพดีที่พาราไดซ์ พาร์ค จุดหมายของคนรักสุขภาพ ศูนย์การค้าที่รวบรวมไลฟ์สไตล์การดูแลตัวเองทั้งกายและใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย คลินิกเสริมความงาม ร้านนวด คลินิกกายภาพบำบัด และคลินิกแพทย์ทางเลือกอย่าง โสฬสคลินิก (SOROT CLINIC) ศูนย์การค้าพาราไดร์พาร์ครักษาไมเกรนและโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

วันนี้ ทีมงาน Toptotravel อยู่สถานีสุขภาพที่พาราไดซ์ พาร์ค โสฬสคลินิก (SOROT CLINIC) คลินิกรักษาไมเกรนและโรคกล้ามเนื้อเรื้อรังมีโอกาสใช้บริการและคุณหมอโสฬส (กวินทัศน์ รัฐรวีธนาฤทธิ์ ) ผู้ก่อตั้งโสฬสคลินิก
ให้เกียรติต้อนรับและ กล่าวถึง คลินิกรักษาโรคไมเกรนและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หมอโสฬส จบการศึกษาโรงเรียนแพทย์อายุรเวทศิริราช รุ่น 19 (แพทย์อายุรเวท รุ่น 21 เริ่มก่อตั้ง หลักสูตรปริญญาตรี สาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) นำองค์ความรู้การแพทย์แผนไทย ซึ่งถือว่าเป็นองค์ความรู้ของชาติ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา

วิธีการรักษา ทีมแพทย์โสฬสคลินิก จะใช้เพียงแค่นิ้วมือในการรักษาด้วยวิธี
“กดจุดลีกปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (Deep Acupressure and Muscle Restructuring)” ผสมผลานกับ “การบำบัด

Trigger Points คืออะไร ทำไม? จึงสำคัญต่อการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง”พร้อมสาธิตวิธีทดสอบความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูกข้อต่อเบื้องต้น

จุดกดเจ็บ (Trigger Points Therapy) เป็นเทคนิคเฉพาะที่ได้ประยุกต์และพัฒนาจากประสบการณ์การรักษา ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดย ไม่มีการบิด ดัด กระดูก ไม่มีการใช้ยา ไม่มีการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆซึ่งการรักษาส่วนใหญ่มักจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่อาจจะไม่หายปวด 100% เนื่องจากผู้ป่วยมักมี

อาการปวดมาระยะเวลานาน จนมีการสะสมความตึงตัว แข็งเกร็ง ของปม Tigger Points ดังนั้น ในช่วงแรกของการรักษาแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยมารักษาต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อกลับไปตึงตัว ในระดับเดิมอีกสำหรับระยะเวลาในการรักษาของแพทย์ จะไม่มีการจำกัดเวลา แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาการรักษาครั้งละประมาณ 30-50 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของปม Trigger Points ระยะเวลาของตัวโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย

โดย “หมอแต๊ก” สุธีรา ภูมิภักดี  การศึกษาปริญญาโท สาขาเภสัชวิทยา คณะบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาตรี สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ปัจจุบัน –  แพทย์แผนไทยประยุกต์ โสฬสคลินิก (SOROT CLINIC) คลินิกรักษาโรคไมเกรนและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

การรักษาไมเกรนและโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ออฟฟิสซินโดรม โดยไม่ใช้ยา คลินิกการแพทย์ทางเลือก ที่มีประสบการณ์ในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังและไมเกรนโดยไม่ใช้ยา ด้วยวิธีการรักษาแบบการกดจุดและการปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อ (Deep Acupressure and Muscle Restructuring) ผสมผสานกับทฤษฎี การบำบัดจุดกดเจ็บ (Trigger Point Therapy) และการบำบัดปมกล้ามเนื้อ (Muscle Knot Therapy)

สุธีรา ภูมิภักดี ( หมอแต๊ก ) จบการศึกษาปริญญาโท สาขาเภสัชวิทยา คณะบัณฑิกล่าวถึงแนวทางการรักษา ไม่เกรนโดยไม่ใช้ยาการรักษาแบบแพทย์แผนไทยจะอยู่ใกล้ตัวเรามาก ๆ  แต่ควรดำเนินการรักษากับแพทย์แผนไทยที่มีใบประกอบโรคศิลปะที่ถูกต้องตามกฎหมาย และหากกำลังดำเนินการรักษาอยู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน  ไม่ว่าจะเป็นโรคเดียวกันกับที่ต้องการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนไทย หรือโรคอื่น ๆ จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ทั้ง 2 ฝั่งให้ครบถ้วน

และนี่คือ โสฬสคลินิก บริการตรวจ วินิจฉัย รักษา โรคไมเกรนและกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เช่น ปวดต้นคอ บ่า สะบัก ปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดเข่า โดยทีมแพทย์อายุรเวทศิริราช ซึ่งมีประสบการณ์รักษามามามากกว่า 20 ปี

สามารถเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ประเมินอาการและวางแผนการรักษา ได้ฟรี ทุกวัน
เวลา 11.00 -20.00 น. โสฬสคลินิก (SOROT CLINIC)

ชั้น 3 ศูนย์การค้าพาราไดร์พาร์ค

สนใจปรึกษาแพทย์หรือนัดทำการรักษาได้ทุกวัน
0841546253 , 0612629725
ชั้น 3 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค
เปิดบริการทุกวัน 10.30 – 20.00 น.
รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ลงสถานี สวนหลวง ร.9 ทางออก 2