Category Archives: Lifestyle

บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่ ภูมิคุ้มกันดี ผิวสวยสดใส!


พิเศษรับลมหนาว แบบซอง เพียง 39 บาท ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา!  ลมหนาวมาเยือน…อย่าปล่อยให้สุขภาพอ่อนแอ! ช่วงนี้เป็นเวลาที่ร่างกายต้องการการดูแลเป็นพิเศษ วิตามินซีไม่เพียงแต่ช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแล ผิวพรรณให้สวยสดใส ไม่หมองคล้ำแม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศแห้งและเย็น

โปรโมชั่นพิเศษ รับลมหนาว บริษัท บีไชน์ นูทริชั่น พลัส จำกัด จัดโปรโมชั่นต้อนรับลมหนาวด้วย “บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” วิตามินซีธรรมชาติ 100% แบบซองพกพาสะดวก ขนาด 6 เม็ด ราคาพิเศษ เพื่อช่วยดูแลทุกคนให้สุขภาพดีและแข็งแรง เพียงซองละ 39 บาท (จากปกติ 49 บาท) และพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิก ALL member รับส่วนลดเพิ่มอีก 1 บาท ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 3 มกราคม 2569 ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ

2 คุณประโยชน์ครบถ้วน: สุขภาพแข็งแรงและผิวสวยกระจ่างใส
“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” (B Shine NaturC) วิตามินซีจากธรรมชาติ 100% โดดเด่นด้วยอะเซโรลา เชอร์รี่สกัดมากถึง 1000 มก.ต่อเม็ด มาจากผลสด 4000 มก. เข้มข้น 4 เท่า และที่พิเศษกว่าเดิมคือการ เพิ่มปริมาณสารสกัดจากทับทิมมากถึง 70 มก. ซึ่งสารสกัดจากทับทิมนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยเรื่อง ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวสว่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื้น

ดังนั้น สูตรใหม่นี้จึงมอบ 2 คุณประโยชน์แบบครบถ้วน ทั้งการ เสริมภูมิคุ้มกันป้องหวัด/ภูมิแพ้ และช่วยให้ ผิวสวยสดใสสุขภาพดี ยิ่งขึ้น บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่ ยังมีสารสกัดที่มีประโยชน์จากผลไม้และผักหลากชนิด ที่อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์และสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง เช่น ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ 100 มก., เบอร์รี่มิกซ์ 120 มก., สารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ และแคโรทีนอยด์ ทานง่าย ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

ด้วยความเป็นวิตามินซีธรรมชาติ 100% ทำให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี และคงอยู่ในร่างกายได้นาน ทั้งยังมีซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ในปริมาณสูงที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และไม่มีสารตกค้างในร่างกาย เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร มื้อเช้าหรือเย็น เหมาะสำหรับทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ

สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและดูข้อมูลเพิ่มเติมของ “บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” ได้ที่ www.bshine.co.th, FB : B Shine และ Line : @Bshine

เปิดตัว โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ

กลุ่มแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เดินเกมรุกต่อเนื่องเปิดตัว “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” คาดดันรายได้กลุ่มโรงแรมปี 2569 ทะลุ 8,000 ล้าน

กลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล (LHMH) ผู้บริหารเครือโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรมไทย เดินเกมรุกครั้งสำคัญส่งท้ายปี 2568 ด้วยการเปิดตัว “แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” (Grande Centre Point Prestige Bangkok) มูลค่าลงทุน 4,500 ล้านบาท Prestige Tier แห่งที่ 2 ของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ชูกลยุทธ์ Experience Marketing ตอบโจทย์ เทรนด์นักเดินทางรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าและประสบการณ์มากกว่าราคา เตรียมเปิดตัวโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง คาดดันรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในปี 2569 ทะยานแตะ 8,000 ล้านบาท

คุณสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเติบโตของ “กลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกลและกำลังซื้อสูง” (High Spending) จากยุโรป ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อตลาดโรงแรม 4 – 5 ดาว ในทำเลศักยภาพ ทำให้โจทย์ของการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมทวีความท้าทาย ไม่ได้วัดกันที่จำนวนห้องพักหรือราคา แต่แข่งขันกันที่ว่าใครจะสามารถส่งมอบ “ประสบการณ์เฉพาะตัว” ที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ซึ่งถือเป็นโอกาสของกลุ่มฯ ที่เน้นลงทุนเชิงคุณภาพ ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลศักยภาพสูง การออกแบบบริการที่มีเอกลักษณ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง

“ปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของเรา ในปีนี้เครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เปิดตัว 2 โรงแรมใหม่ ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี โรงแรมระดับ Prestige Tier แห่งแรกของแบรนด์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดคือ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ในย่านราชประสงค์ ที่ผสานความหรูหราสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) เข้ากับเสน่ห์ของศิลปะไทยร่วมสมัย มอบประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายสูงสุดใจกลางมหานคร ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ เพื่อยกระดับพอร์ตโฟลิโอของเราไปอีกขั้น ในฐานะผู้นำธุรกิจโรงแรมไทย ที่มีความเข้าใจในหัวใจของความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง และสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างร่วมสมัย”

คุณกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด กล่าวถึง ความพิเศษของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ว่า “ได้ใช้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท โดยวางจุดยืนให้เป็นโรงแรมในกลุ่ม ‘Prestige Tier’ หนึ่งในไฮไลต์ที่ทำให้โรงแรมโดดเด่นยิ่งขึ้น คือตั้งอยู่เคียงคู่กับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการแรกของแบรนด์เปิดตัวไปเมื่อปี 2551 จึงตั้งใจออกแบบให้เป็น “Twin Towers” รวมกันแล้วกว่า 1,000 ห้อง สะท้อนเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ จากจุดเริ่มต้นสู่ความหรูหราระดับโลก”

ทั้งนี้ คุณกิตติยังสะท้อนถึงความสำเร็จของการเปิดตัวโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า “ได้รับกระแสการตอบรับดีมาก ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 80% และมียอดจองเข้าพักล่วงหน้าช่วงไฮซีซันจนถึงต้นปีหน้าสูงถึง 90% ทำให้เชื่อมั่นว่าการเปิดตัวแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมในปี 2568 จะอยู่ที่ราว 6,000 ล้านบาทและด้วยทิศทางของตลาดท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง ทางเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จึงมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4 ปี 2569 มีแผนเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ วอยาจ พัทยา ซึ่งเป็น Limited Tier แห่งที่ 2 ในเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ต่อจากแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ ด้วยสวนน้ำขนาด 20,000 ตารางเมตร จึงคาดการรายได้ในปี 2569 ของกลุ่มโรงแรมเติบโตไปอยู่ที่กว่า 8,000 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 3 ของปี 2571 ทางกลุ่มจะเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ไชน่าทาวน์ ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราชในย่านประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ เท่ากับว่าในปี 2571 บริษัทจะมีโรงแรมเปิดครบ 11 แห่ง รวมกว่า 5,000 ห้อง และคาดว่าจะสร้างรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท”

ด้าน คุณเมสินี แก้วราตรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เผยถึงแผนการตลาดของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ว่า “จะมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และกลุ่มนักเดินทางธุรกิจระดับพรีเมียม ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาดการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่ม High-Spending และ Long-haul Tourists จากยุโรป สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และรัสเซีย ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมุ่งขยายฐานประชุมสัมมนา อีเวนต์ และจัดเลี้ยง เพื่อ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย”

“หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเรา คือ Experience Marketing โดยเน้นให้ความสำคัญกับทุก Touch Point ของการเข้าพัก ตั้งแต่การออกแบบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์บรรยากาศภายในโรงแรม ไปจนถึงการออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแขกผู้เข้าพักในทุกกลุ่ม”

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ได้รับการกล่าวถึงและยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้เข้าพักอย่างต่อเนื่อง คือ การให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทางเรามีทีม Social Listening ที่รับฟังความคิดเห็นจากแขกที่เข้าพัก ที่โรงแรมทั้ง 9 สาขาของ เครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในทุกช่องทางแบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ถูกนำไปยกระดับบริการได้ทันที ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าใหม่ นำไปสู่การออกแบบบริการและที่พักที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ความใส่ใจนี้พิสูจน์ได้จากคะแนนรีวิวจากผู้เข้าพักจริงซึ่งมีคะแนนสูงในทุกช่องทางทั้งทาง OTA และ Social media”

คุณประวีร์ เหวียนระวี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ กล่าวถึงจุดเด่นของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ว่า “ตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางย่านราชประสงค์ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส 2 สถานี คือ สถานีราชดำริ และสถานีชิดลม ภายในออกแบบอย่างหรูหรา โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและการพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากความสะดวกสบายในการพักผ่อนแล้ว ยังพร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มองหาที่พักหรูในโลเคชั่นที่ดีที่สุด ทั้งลูกค้าต่างชาติและไทย ที่ให้ความสำคัญกับบริการมาตรฐาน กลุ่มครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่ต้องการพื้นที่กว้างและฟังก์ชันครบ นักธุรกิจยุคใหม่ที่ผสมงานกับการพักผ่อน (Bleisure) และกลุ่ม Urban Staycation ที่ต้องการเติมพลังในที่พักพรีเมียมใจกลางเมือง ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนลูกค้าแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จะเป็นนักท่องเที่ยวที่เน้นการพักผ่อน 70% และเป็นการเดินทางมาเพื่อติดต่อธุรกิจอีก 30%”

ทั้งนี้ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยห้องพัก ห้องสวีท และเพนต์เฮาส์ จำนวน 509 ห้อง แขกผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามได้จากห้องพักทุกห้อง ทั้งวิวเมืองย่านราชประสงค์ที่เต็มไปด้วยสีสัน หรือวิวพื้นที่สีเขียวของสนามราชกรีฑาสโมสร (RBSC) ห้องพักทุกห้องจัดเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ครบครัน อาทิ สมาร์ท ทีวี, เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso, ไดร์เป่าผม Dyson และชุดผลิตภัณฑ์

อาบน้ำจาก LRL นอกจากนี้ ยังพร้อมเสิร์ฟประสบการณ์ความอร่อยผ่านร้านอาหารชื่อดัง อาทิ Chef Man Restaurant ร้านกวางตุ้งชื่อดังที่ได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ การันตีคุณภาพด้วยเมนูติ่มซำและเป็ดย่างสูตรพิเศษ หรือจะเป็น Brass House Bangkok รูฟท็อปแจ๊ซบาร์ในสไตล์การตกแต่งยุค1920s สุดคลาสสิก พร้อมวิวเมืองยามค่ำคืน เสิร์ฟอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์แคสชวลรสชาติต้นตำรับ พร้อมเพลิดเพลินกับค็อกเทลซิกเนเจอร์ และดนตรีแจ๊ซบรรเลงสด Bloom & Brew Café คาเฟ่คอนเซ็ปต์ใหม่ที่นำเสนออาหารไทยร่วมสมัยในสไตล์โมเดิร์น พร้อมบริการอาฟเตอร์นูนที

“ทางโรงแรมยังตอบโจทย์ Wellness Lifestyle มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเพลิดเพลินกับ ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ Let’s Relax Onsen & Spa ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สำหรับแขกที่เข้าพัก โรงแรมมีพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ ครอบคลุม 2 ชั้น ทั้งสระว่ายน้ำลอยฟ้ายาว 50 เมตร ชมวิวเมืองแบบพาโนรามา ฟิตเนส อุปกรณ์พรีเมียม TechnoGym และ Steam Sauna ให้บริการ โดยมีคลาสออกกำลังกาย เช่น มวยไทย โยคะ รองรับทุกความต้องการ สนุกผ่อนคลายได้ทั้งครอบครัวที่ Games Room อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ที่รวบรวมทั้งบอร์ดเกม เกมอาร์เคด และเกมส์ออนไลน์ อีกทั้งยังมีบริการ Kids Club พร้อมของเล่นเสริมพัฒนาการจาก Plan Toy ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน”

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 โดยติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม ได้ที่

        • Website: https://grandecentrepointprestige.com/

        • Line@: @gcpprestige

        • Facebook: @gcpprestige

        • Instagram: grandecentrepoint.gcpprestige

        • Email: prestige@gcphotels.com

        • เบอร์โทรศัพท์ : 02 124 1888
#toptotravel

สาธิต คำกองแก้ว อดีตข้าราชการกรมประมงเพาะขายพันธุ์ปลาหายากแม่น้ำโขง

คุณสาธิต คำกองแก้ว อดีตข้าราชการกรมประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด หนองคาย เจ้าของ วิภาวรรณ ฟาร์ม ดูแลฟูมฟักพันธุ์แบบผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะพันธุ์ ก่อนส่งขายแบบมืออาชีพ จากเพาะขายพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง สู่เกษตรผสมผสาน แนวทางอาชีพ สร้างรายได้ยั่งยืนของเกษตรกร จังหวัดหนองคาย

ปัจจุบันทำเกษตรผสมผสานด้วยการเพาะขายพันธุ์ปลาและกบ และเลี้ยงสัตว์ พร้อมนำมูลสัตว์และเศษพืชผักมาผลิต กลับมาใช้ทุกกิจกรรม ทั้งยังแปรรูปปลาและกบเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสร้างมูลค่า เสริมรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน…

เจ้าของฟาร์มรายนี้เริ่มต้นจากการเพาะพันธุ์ปลาน้โขงหายาก เพราะมองว่าใช้เวลาเลี้ยงไม่นานก็มีรายได้แล้ว พันธุ์ปลาแม่น้ำโขงที่กำลังจะสูญพันธุ์ ที่เพาะ-ขาย ได้แก่ปลาชะโอน ปลาคัง ปลากดเหลือง พันธุ์ปลาที่เพาะขายจะเน้นชนิดที่คนอีสานตอนล่างรู้จักและนิยมกินเพราะตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง

โดยพันธุ์ที่นิยมมากที่สุดคือปลากดเหลือง ปลาชะโอน และปลาชะโอน จะเพาะในบ่อซีเมนต์ก่อนแล้วย้ายไปอนุบาลในบ่อดิน ตอนนี้มีบ่อทั้งสองชนิดรวมกัน แล้วจะคัดแยกพ่อ-แม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ไว้เพื่อใช้ขยายพันธุ์ในแต่ละรุ่นต่อไป

คุณสาธิต บอกว่า ปลาชะโอน ได้รับความนิยมมาก คุณสมบัติที่ดีของชะโอนแม่น้ำโขง คือ มีขนาดใหญ่ จำนวน 3-5 ตัวต่อกิโลกรัม จึงทำให้เป็นจุดเด่นของความต้องการจากลูกค้า ทั้งผู้บริโภคและพ่อค้า อีกประการเนื่องจากปลาชะโอน แม่น้ำโขง หนองคาย ที่โตตามธรรมชาติมีขนาดเล็กมาก ต่างจากปลาเลี้ยง จึงทำให้ผู้บริโภคสนใจปลาเลี้ยงมากกว่า

คุณสาธิต ไม่ได้เพาะขายพันธุ์ปลาเป็นรายได้เท่านั้น ยังเพิ่มความรู้เปิดโอกาสให้เกษตรกร ศีกษาดูงาน สอนเทคนิคการเพาะพันธุ์ปลาชะโอน และปลาแม่น้ำโขงที่หายาก มีจุดเด่นตรงการคัดสายพันธุ์ของพ่อ-แม่ที่แข็งแรง มีการเจริญเติบโตดีแล้วนำมาผสมไขว้ เพื่อทำให้ลูกปลามีความแข็งแรง มีความสมบูรณ์ทั้งขนาดและเนื้อ มีความทนทานต่อโรค สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นที่ที่ใช้เลี้ยง

สนใจเรียนรู้ ศึกษา รายละเอียดกับคุณลุงสาธิตได้ที่
Facebook : วิภาวรรณ ฟาร์ม
โทร 081 965 4756

พัฒนพงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการ ททท. กรุงโซล

เที่ยวเมืองไทยครองใจชาวเกาหลีใต้ ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) และจุดหมายปลายทางระดับโลก

ภารกิจหลักของ ททท. กรุงโซล คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยในตลาดเกาหลีใต้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเกาหลีให้เดินทางมายังประเทศไทย โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้านตลาดประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทย ณ กรุงโซล เพื่อสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

เกาหลีใต้ หนึ่งในดินแดนที่คนไทยเคยเดินทางไปท่องเที่ยว ภาระกิจการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยเพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขอเป็นหน่วยงานหลักที่ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย ในการสร้างประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและมีความหมายไปพร้อมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อสร้างรายได้ กระจายประโยชน์อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนร่วมกัน

โดย นายพัฒนพงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำกรุงโซล ที่ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศไทย และแนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวประเทศไทยของทั้งนักท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand พร้อมตอบโจทย์ความสนใจของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายการท่องเที่ยวคุณภาพ ทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยว รายได้ และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง

นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ให้ความสนใจจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าเชียงใหม่คือเมืองแห่งธรรมชาติ เมืองสุขภาพ และเมืองศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มักเดินทางซ้ำ หากสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างยั่งยืน

#toptotravel
#ผู้อำนวยการทททกรุงโซล

โรงแรม วารานา กระบี่ โรงแรมต้นแบบเพื่อความยั่งยืนของโลก

‘วารานา’ ที่มาของความหมายที่ลึกซึ้ง เพราะการออกแบบของทุกพื้นที่มีความหมายและได้ประโยชน์สูงสุด การมาพักที่นี่ถือเป็นเปิดประสบการณ์ใหม่การพักผ่อน และการดูแลสุขภาพ กับโรงแรมที่ออกแบบทุกองค์ประกอบด้วยหัวใจแห่งความยั่งยืน จากแนวคิด “การใช้ชีวิตอย่างสมดุล” สู่ดีไซน์ร่วมสมัยที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

การเข้าพักเริ่มต้นด้วยการ Check-in เลือก Welcome Drink จากตู้เย็น เลือกดื่มน้ำสมุนไพรท้องถิ่น ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะพาเรานั่งรถตุ๊กๆไฟฟ้า EV เพื่อแนะนำสถานที่โดยรอบของโรงแรม และส่งยังห้องพัก แนะนำข้อมูลต่างๆ ขอโรงแรมโดยละเอียด โรงแรมนี้เปิดใหม่ได้ไม่นานมีพื้นที่ขนาดใหญ่เราพักอาคาร 2 ห้อง 228 จากห้องพักมองเห็นสระว่ายน้ำ OLYMPIC POOL ขนาดสระ 7 x 50 ม. สำหรับว่ายน้ำแบบแข่งขันว่ายน้ำ และความลึกสูงสุดที่ 3 ม. สามารถดำน้ำฝึกสกิล Freediving มีฟินให้ใช้ Paddle board ให้พาย และมี Sea Scooter ให้เล่นไม่ต้องกังวลเพราะมีไลฟ์การ์ด สแตนบายในช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ กิจกรรมที่เปิดให้ทุกคนเข้าร่วมคลาสไม่เหมือนกัน สามารถดูได้จากบอร์ดกิจกรรมและโปรแกรมตอนเช็คอิน

โรงแรมนี้มีเรื่องความยั่งยืน Wellness Hotel และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทุกท่านที่มาพักจะได้สัมผัสกับประสบการณ์พักผ่อนแบบ ‘เวลเคชัน’ ท่ามกลางวิวอันงดงามของภูเขาและทะเลอันดามัน ทั้งยังเปิดรับแนวคิดการเป็นที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่นี่มีการจัดการอย่างยั่งยืนเอาใจสายรักตัวเองและรักโลกและสังเกตได้จากทุกอย่างภายในโรงแรม เน้นการพักผ่อน อากาศดี มีกิจกรรม ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพตนเองอย่างยั่งยืนด้วยวิถีธรรมชาติ
บำบัด

โรงแรมวารานา ออกแบบด้วยแนวคิด Minimal Luxury เน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสวยงาม หรูหราและทันสมัยมากด้วยประโยชน์ใช้สอย อาคารที่พักแยกออกเป็น 6 หลังมีห้องพักจำนวน 141 ห้อง โดยมีห้องหลากหลายรูปแบบ อันได้แก่ Presidential Suite, Three Bedroom Suite Pool Access, Horizon Suite, Luxe Plus, Luxe Room โรงแรมวารานาจึงสอดคล้องกับนโยบาย BCG Model หรือการพัฒนาเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนเพราะ ‘เรา’ อยากเป็นจุดแวะพักที่อยู่ในความทรงจำของผู้มาเยือนด้วยประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบการเติมเต็มแรงบันดาลใจในชีวิต ด้วยการดูแลสุขภาพกายและใจ แล้วยังได้ร่วมจับมือดูแลรักษ์โลกไปพร้อมกัน”

นอกเหนือจากการห้องพักที่ทันสมัย สะดวกสบาย แล้ว สิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องพักยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ประณีตและให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พรมปูพื้นที่ถักทอด้วยเส้นใยที่ผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้แล้ว โซฟาบุจากผ้าที่ทอจากเส้นด้ายที่ผลิตจากเศษผ้ารีไซเคิล โคมไฟทำจากไม้ไผ่ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว จึงเป็นทางเลือกในการใช้วัสดุอย่างยั่งยืน เฟอร์นิเจอร์ไม้บางชิ้นผลิตจากเศษไม้เก่าที่กําลังจะกลายเป็นขยะ โดยผ่านกระบวนการ ออกแบบและแปรสภาพเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่เป็นการสร้างชีวิตใหม่ที่มีคุณค่าให้กับเศษไม้

เรื่องอาหาร ใช้วัตถุดิบจากสวนปลูกเอง และยังสนับสนุนสินค้าจากคนท้องถิ่น คัดมาแล้วว่าปลอดสารพิษ สดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซีฟู๊ดจากเรือประมง เนื้อสัตว์จากฟาร์มออแกนิก นำมาใช้ในส่วน ห้องอาหาร

โรงแรม วารานา กระบี่ เน้น “เรื่องกิน คือ เรื่องใหญ่” ความพิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบและจัดการเรื่องโภชนาการอาหาร ที่ทำให้สุขภาพกายดีไปพร้อมกับความอร่อยด้วยอาหารเช้าโฮมเมด สร้างความประทับใจเรื่องราว “Food Story”ด้วย ไฮไลท์ของเมนูไข่จากแม่ไก่เลี้ยงปล่อยอิสระตามธรรมชาติ น้ำผลไม้แยกกาก เครื่องดื่มดีทอกซ์ ชา กาแฟออแกนิค ขนมปังแป้งหมัก (Sour Dough) เชื้ออายุ 200 ปี มาจากหมู่บ้านสวิส ครัวซอง ชีส แยมผลไม้ เนยถั่ว อะโวคาโด้ เป็นวัตถุดิบพิเศษ และเพื่อมอบประสบการณ์ในการกินที่หลากหลาย โดยมีห้องอาหารให้เลือกถึง 6 แห่ง


KIN : The Taste of Asian เป็นห้องอาหารหลักที่เน้นอาหารไทยจากมิชิลินเชฟ เดวิด ทอมป์สัน อาหารจีนที่รังสรรค์เมนู โดยเชฟป้อม กระทะเหล็ก

NOOK : All Day Dining ให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และเบเกอรี่ที่ทำสดใหม่ทุกวัน

SALA : Mediteranean Cuisine สัมผัสกับบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงจนถึงยามราตรี เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและอาหารสไตล์ทาปาสร่วมสมัย

SIP : บาร์เครื่องดื่มและอาหารว่างริมสระว่ายน้ำ

CLUB VARANA: Afternoon Tea, Lounge


THE BEACH CLUB อาหาร ดนตรี ริมหาด เมนูพิซซาเตาฟืน พาสต้า สลัดต่างๆ อาหารทะเลจากชุมชมประมง สถานที่จัด งานเลี้ยงรองรับได้ 300 คน กิจกรรม
บีชวอลเลบอล พายเรือ ปิงปอง และกิจกรรมอื่นอีกมากมาย

สุขภาพดี = ความสุข คือ หัวใจของการมาพักผ่อนที่โรงแรม วารานา กระบี่ อาหารอร่อยและปลอดสารเคมีทำให้สุขภาพกายแข็งแรง ความสุขทำให้จิตใจเบิกบาน จึงเป็นที่มาของ FAA Spa และ NAAM Wellness แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย


วัตถุดิบที่นำมาใช้ปรุงอาหารจะเน้นจัดหาในท้องถิ่นหรือในระยะรัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตร โดยเน้นวัตถุดิบที่ปลอดภัยและปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี นอกจากนั้นยังมีแปลงผักและสมุนไพร ที่บุคลากรในโรงแรมช่วยกันปลูกและดูแล เป็นแปลงเกษตรปลอดสารที่ใช้ปุ๋ยจากใบไม้แห้ง เศษวัชพืชและเศษอาหารที่ผ่านการคัดแยกมาทำการหมักเป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นการจัดการขยะมูลฝอยภายในโรงแรมอย่างเป็นระบบและยั่งยืนและยังเป็นการช่วยลดขยะอินทรีย์
เข้าสู่ระบบขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste)


FAA Spa & Onsen (ฟ้าสปา) โดมสปาทรงสามเหลี่ยมสมดุล เพราะเชื่อว่าธรรมชาติมีพลังพิเศษ จึงได้นําศาสตร์ความรู้แพทย์แผนไทยมาปรับใช้ในรูปแบบที่ทันสมัยให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน ให้บริการนวดแบบผ่อนคลายหรือแบบรักษา นวดไทย นวดน้ำมัน นวดรักษาอาการเจ็บ อาหารไม่ย่อย นอนไม่หลับ มีห้องสตีมและห้องซาวน่า โดยเน้นการใช้สมุนไพรไทยในการอบตัว นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติ โดยมีบ่อแช่ตัวเพิ่มวิตะมินดีกลางแจ้ง ทั้งอุณหภูมิร้อนและเย็น ทั้งนี้น้ำในบ่อจะมีมวลขนาดเล็กของออกซิเจนแทรกอยู่ เป็นผลจากการนํานวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีมาเติมออกซิเจนลงไป
ซึ่งจะทำให้สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก

NAAM Wellness แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ผสมผสานธรรมชาติบําบัดกายและจิตผ่านเรื่องราวของน้ำ ใน 10 ขั้นตอน DIY ( Do it yourself ) เช่น การพอกโคลน อบสตีมสมุนไพร ว่ายทวนกระแส แช่ออนเซ็น แช่น้ำเย็น บ่อลอยสมาธิ ซึ่งขั้นตอนการทำธาราบําบัดนี้ (Hydrotherapy) ได้ถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์ สำหรับ NAAM Wellness โดยเฉพาะ ประกอบด้วย 10 ขั้นตอน
เป็นการใช้น้ำในการรักษาและบรรเทาอาการปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขจัดสารพิษ และช่วยทำให้หลับสบาย ทำให้ผ่อนคลายและเป็นการรักษาสุขภาพองค์รวม ปัจจุบันนี้ธาราบําบัดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกายภาพบําบัดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู

SWIM – SPORTS – ACTIVITIES – EXCURSION
FAB ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ครบครันในสไตล์ฟังก์ชันนอลยิม ที่ได้มาตรฐานสากลที่นักกีฬาอาชีพใช้ นอกจากนี้ยังมีสตูดิโอ
อเนกประสงค์รองรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 60 คน สำหรับการออกกําลังกายประเภทตางๆ เช่น มวยไทย โยคะ ดนตรีบําบัด
(Sound Healing) โดยเทรนเนอร์มืออาชีพ บริเวณโดยรอบโรงแรมได้ออกแบบถนนที่สามารถเชื่อมต่อกันใช้เป็นลู่วิ่งรวมระยะทางโดยรอบยาว 1 กิโลเมตร ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆเพิ่มเติม อาทิเช่น เกมวิบากสปาตั้น สตรีทยิม ผนังฝึกปีนหน้าผา ลานโยคะกลางแจ้ง ลานหินกรวดสำหรับนวดฝาเท้า เป็นต้น
SWIM อีกไฮไลท์หนึ่งสำหรับกิจกรรมกลางแจงคือสระว่ายน้ำต่างระดับจำนวน 4 สระ อันได้แก่สระสำหรับเด็ก สระสำหรับผู้ใหญ่ สระนวด และสระโอลิมปิกความยาว 50 เมตร มาตรฐานโอลิมปิก จำนวน 7 ลู่

โรงแรมวารานา กระบี่ ได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาว่ายน้ำเยาวชนมาใช้สระโอลิมปิกในการฝึกซ้อมประจำสัปดาห์ โดยทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อร่วมพัฒนาการท่องเที่ยว เช่น การจัด ทริปพิเศษให้ลูกค้า นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือสัมผัสวิถีชาวเล เยี่ยมชมธนาคารปู และทดลองเพ้นท์ผ้า และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

โรงแรมวารานา กระบี่ มีเป้าหมายเพื่อจัดการขยะมูลฝอยภายในโรงแรมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งปลูกฝังจิตสํานึกให้บุคลากรของโรงแรมมีความรู้ความเข้าใจ เห็นความสำคัญของการลดและคัดแยกขยะโดยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องด้วยหลักการ 1A3R : Avoid ,Reduce , Reuse , Recycle คือการเลี่ยง ลด ใช้ซ้ำและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ตัวอย่างเช่น การเลิกใช้ถุงพลาสติกและกล่องโฟมและทดแทนด้วยการใช้ปิ่นโต บรรจุอาหารสำหรับแขกนําไปรับประทานในระหว่างทัศนศึกษานอกสถานที่ลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวด้วยการใช้ขวด น้ำ ที่ให้บริการในห้องพักและร้านอาหารเป็นขวดแก้วทั้งหมด หลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกเล็กๆ ที่บรรจุสบู่เหลวและแชมพูใช้ขวดปั๊มแบบรีฟิล เพื่อลดการ
ใช้วัสดุสิ้นเปลือง

รายละเอียดเพิ่มเติม
FB : Varana Hotel Krabi

Tel : 075-656989
Reservation: 065 928 6852
rsvn@varanahotel.com
Website: varanahotel.com/kkt
Map : maps.app.goo.gl/e3oNeVJ8d9XY5uQb8

𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗖𝗹𝘂𝗯 𝗞𝗹𝗼𝗻𝗴 𝗠𝘂𝗮𝗻𝗴

ทริปนี้ที่จังหวัดกระบี่ ที่ THE BEACH CLUB บรรยากาศริมทะเล พิซซ่าอร่อย พระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยสะกดใจ ใครกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ริมทะเล แนะนำเลย ร้านนี้ตรงข้าม โรงแรม วารานา กระบี่ บรรยากาศสบายๆ ลมทะเลเย็น วันนี้มีฝนปรอยๆๆ นั่งชิลได้ทั้งกลางวันและชาวงเย็น ถ้าฝนไม่ตกช่วงพระอาทิตย์ตก บอกเลยว่าวิวหลักล้าน

วันนี้ Toptotravel มาทานอาหารค่ำที่ THE BEACH CLUB KRABI อาหารอร่อย วิวคือดีมาก ส่วนตัวชอบ-3 เมนูนี้
Protein Bowl : สลัด
Pizza :pramaham and Andaman Seafood
Shish Kebab Chicken : เคบับไก่

Protein Bowl : สลัด
Pizza :pramaham and Andaman Seafood
Shish Kebab Chicken : เคบับไก่

พิซซ่าที่นี่อร่อยมาก แป้งบางกรอบส่วนตรงขอบนุ่มกำลังดี อบร้อนในเตาฟืนแบบอิตาเลียน อาหารที่นี่คุณภาพดี ใช้ผักสดออร์แกนิค เน้นใช้วัตถุดิบ อาหารทะเลจากท้องถิ่น พร้อมเสิร์ฟความอร่อย มื้อกลางวันและมื้อเย็นริมทะเล ติดทะเลแบบเดินไม่กี่ก้าวถึงทราย มุมดี แสงสวย เมนูมีหลากหลายด้วย มาที่นี่ แนะนำพิซซ่าเตาฟืนที่นี่อร่อยมาก ลองไปหลายเมนู ทุกจาน อาหารจานใหญ่ อร่อยมาก

The Beach นั่งชิลล์ริมชายหาดวิวสวยมากๆๆ ลมเย็นสบาย ใส่บิกินี่หรือชุดว่ายน้ำพักผ่อนหย่อนใจ บริเวณมีสระว่ายน้ำ มีบริเวณให้นั่งๆ นอนๆ เล่นน้ำ ตากแดด บีชคลับ ริมทะเลในบรรยากาศแสนผ่อนคลาย ที่นี่เสิร์ฟค็อกเทลเย็น พิซซ่าเตาถ่าน พร้อมเสียงเพลงจาก DJ ตอนเย็นวิวพระอาทิตย์ตก คือสวยมาก อยากให้ลองมาสัมผัสเองถึงจะรู้ว่ามันดี ที่นี่ เหมาะสำหรับการนัดพบเพื่อนฝูง หรือเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการพักผ่อนริมทะเล สัมผัสบรรยากาศโรแมนติก เพลิดเพลินกับอาหารอร่อย ท่ามกลางทะเลสวยและบรรยากาศสุดพิเศษ

ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่สวยสะกดใจ เป็นอีกหนึ่งที่ฮีลใจ เข้าพักที่ VARANA ข้ามถนนจากหน้าโรงแรมมาที่ THE BEACH CLUB ริมทะเล เพียงเดินออกมาจากโรงแรมไม่ถึง 100 เมตร จะมี Beach Club & restuarant บรรยากาศ ท้องฟ้ากับวิวทะเล เดินเหยียบพื้นทราย ฟังเพลงจากดีเจ ไปพร้อมกับเสียงคลื่นซัดชายฝั่ง ตัวร้านตั้งอยู่ติดหาด วิวทะเลแบบพาโนรามา นั่งรับลมธรรมชาติได้เต็มที่ มีทั้งโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ โต๊ะริมหาด คือไฮไลท์ของที่นี่เลย รับรองว่าฟินมากๆ คะ

𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗖𝗹𝘂𝗯 𝗞𝗹𝗼𝗻𝗴 𝗠𝘂𝗮𝗻𝗴
Experience the perfect blend of good vibes, international cuisine, delightful desserts, and refreshing tropical drinks.
This beachside retreat is ideal for socializing, from relaxed gatherings to lively pool parties.

ร้านอาหารติดทะเล รสชาติอาหารอร่อย พนักงานให้บริการดีมาก
มาเที่ยวกระบี่ อย่าแวะมาชิมและชมวิวสวยๆ ได้ที่
THE BEACH Club Krabi
258 Moo 3, Tambon Nongtalay Krabi, Thailand,
โทร. 075 656 858

การท่องเที่ยวแห่งมาเลเซียจัดงาน Global Tourism Meet 2025

ขับเคลื่อนแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ปุตราจายา การประชุมการท่องเที่ยวระดับโลก 2025: มาเลเซีย เตรียมเป็นเจ้าภาพงานธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ขับเคลื่อนแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ปุตราจายา 

วันที่ 1 ตุลาคม 2025 – การท่องเที่ยวแห่งมาเลเซียจัดงาน Global Tourism Meet 2025  ซึ่งเป็นงานธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่คาดว่าจะกลายเป็นการรวมตัวสำคัญของอุตสาหกรรม งานนี้จะเชื่อมต่อผู้ซื้อระหว่างประเทศจำนวน 600 คน และผู้แทนสื่อ 100 คนจากทั่วโลก กับผู้ขายชาวมาเลเซียจำนวน 400 รายที่เป็นตัวแทนของโรงแรม ตัวแทนท่องเที่ยว สายการบิน และผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบรวมอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ถึง 3 ตุลาคม 2025 ที่ศูนย์การค้าระดับโลกกัวลาลัมเปอร์ 

โดยโปรแกรมสามวันนี้มุ่งเสริมสร้างตำแหน่งของมาเลเซียในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ผู้คนชื่นชอบ พร้อมปูทางสำหรับ Visit Malaysia 2026 (VM2026) ซึ่งประเทศตั้งเป้าหมายผู้มาเยือนระหว่างประเทศจำนวน 47 ล้านคน ตลอดงาน ผู้เข้าร่วมจะมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) กิจกรรมเครือข่ายที่มีผลกระทบสูง กิจกรรมจับคู่ธุรกิจเชิงกลยุทธ์

วายบี ดาทุก ไครุล ฟิรเดาส์ อัคบาร์ ข่าน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของงานนี้ว่า “Global Travel Meet 2025 เป็นมากกว่าแค่กิจกรรม แต่เป็นเวทีที่เปลี่ยนความคิดไปสู่การปฏิบัติ งานนี้ถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญในการจุดประกายพลังใหม่และขับเคลื่อนแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสู่ปีข้างหน้า ผ่านความพยายามร่วมกันของรัฐบาล ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และพันธมิตร ในการบรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานของเราสำหรับ VM2026”

ด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากสายการบินในมาเลเซีย เช่น มาเลเซียแอร์ไลน์ แอร์เอเชีย และบาติกแอร์ Global Travel Meet 2025 จึงจัดขึ้นผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสมาคมการท่องเที่ยว

สมาคมการท่องเที่ยวและการเดินทางชาวอินเดียมาเลเซีย (MITTA) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญอื่นๆ ภาคการท่องเที่ยวของมาเลเซียแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง ไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

ในปี 2567 มาเลเซียได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38.0 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31.1% เมื่อเทียบกับปี 2566 และเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดใหญ่ในปี 2562 ตลาดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสูงสุด ประกอบด้วยสิงคโปร์ อินโดนีเซีย จีน ไทย บรูไน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และจีน ไทเป แรงกระตุ้นเชิงบวกนี้ ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2568   เฉพาะ เดือนมกราคม ถึง กรกฎาคม ประเทศมาเลเซีย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 24.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 16.8%   เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

วศิน วรรณพฤกษ์ รับรางวัล ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลดีเด่นที่ได้รับรางวัล “คุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ” ประจำปี 2568 ในสาขา “ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ” สาขาหนึ่งของรางวัล “ซึ่งมอบให้กับบุคคลหรือองค์กรที่สร้างคุณประโยชน์และทำความดีต่อสังคมไทยอย่างโดดเด่น เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เช่น การพัฒนาสังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการทำจิตอาสา

โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 แล้วสำหรับปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำความดีและสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างโดดเด่น จัดขึ้นโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่ดีงามตามหลักปรัชญา ส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ศึกษา คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ พัฒนาสังคม อนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานศาสนา ส่งเสริมกีฬา และมุ่งมั่นจิตอาสาแบบบูรณาการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน นักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมรับรางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงาน และนายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

วศิน วรรณพฤกษ์ คว้ารางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐ จากเวที ASIA TOP AWARDS 2025

งานประกาศรางวัล ASIA TOP AWARDS 2025 ครั้งที่ 4 เพื่อยกย่องบุคลากร-องค์กร วัตถุประสงค์ในการจัดงานในปีนี้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนามูลค่าเศรษฐกิจ เป็น Soft Power อันทรงพลัง ได้แก่ อุตสาหกรรมบันเทิง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การแพทย์ สุขภาพและความงาม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อขับเคลื่อน และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกด้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศใน ภูมิภาคเอเชีย และ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ไทย-จีน จึงมีการแต่งตั้งฑูต จากโครงการ ASIA TOP AWARDS จัดขึ้น เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ที่ Phenix Grand Ballroom ภายใต้ธีม “Soft Power & Wellness Grand Tourism” การประกาศเกียรติคุณครั้งนี้มี ศิลปิน ดารา นักร้อง ทั่วทั้งเอเชีย อาทิ ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง อินโดนีเซีย พม่า เวียตนาม มาเลเซีย เป็นต้น

ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชน ที่มีผลงานดีเด่นถูกเสนอชื่อให้ขึ้นรับรางวัล หนึ่งในนั้น คือ นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสึแดง ขึ้นรับรางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐยอดเยี่ยม ขึ้นรับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน

“เป็นเกียรติสำหรับผมและครอบครัวมากครับ ผมได้รับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน คือกำลังใจที่วิเศษในการทำงาน ผมจะตั้งใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และหัวใจ ปฎิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม และยึดหลักการธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนแถวชานเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับความเท่าเทียมและมีความสุขในการได้รับบริการระบบขนส่งสาธารณะทางราง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ขอบคุณครับ” นายวศิน กล่าวทิ้งท้าย

เปิดประสบการณ์รสชาติระดับไฮเอนด์ที่ REIGNWOOD PARK

REIGNWOOD PARK กับสองจุดหมายปลายทางใหม่ของนักชิม SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO และ THECHAMPIONSHIP RESTAURANT ที่ผสานศิลปะการกินกับไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

REIGNWOOD PARK แลนด์มาร์กใหม่ของการใช้ชีวิตคุณภาพระดับเวิล์ดคลาส ชวนสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยจาก 2 ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และอาหารนานาชาติสุดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT ร้านอาหารที่สะท้อนความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบจากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เพื่อรังสรรค์เมนูหลากหลายทั้งอาหารไทย อาหารจีน และนานาชาติ ผสานการนำเสนอในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่ตอบโจทย์นักชิมสายลักชัวรี ภายใต้แนวคิด “ REIGNWOOD LIFE ” ที่ออกแบบ “วิถีชีวิต” ที่ให้ได้ใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพในทุกวัน ผ่านหลากหลายมิติ ทั้งธรรมชาติ กีฬา สุขภาพ ศิลปะ และอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่สะท้อนอัตลักษณ์ระดับโลก

หนึ่งในประสบการณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ REIGNWOOD LIFE คือการได้ใช้เวลากับอาหารที่ไม่เพียงแต่รสชาติดี แต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย ทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เรื่องเล่า และแรงบันดาลใจที่ใส่ลงไปในทุกจานทุกแก้ว โดยมี SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เป็นตัวแทนของแนวคิดนี้อย่างชัดเจน

SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และร้านอาหารที่หอมกรุ่นไปด้วยความใส่ใจ ที่ SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ทุกเมนูคือการบอกเล่าเรื่องราว ผ่านวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถูกนำมาแปรรูปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อาทิ BAITOIE BREWED น้ำใบเตยหอม GI จากปทุมธานีที่มีกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ โดยไร้คาเฟอีน และ MATCHA BAITOIE ที่กลมกล่อมละมุนระหว่างมัทฉะและกลิ่นใบเตยอย่างพอดี นอกจากนี้ยังมี SILVERSKIN’S COPY-CHAM เครื่องดื่มที่หอมละมุนด้วยชาไทยผสมกาแฟแบบโบราณ,YUZU LYCHEEและ YUZU COLD BREW ที่สดชื่นด้วยผลไม้จริง รสเปรี้ยวหวานละมุนซ่อนกลิ่นน้ำผึ้งและกาแฟสกัดเย็น

สำหรับใครที่รักอาหารสไตล์โฮมเมด พลาดไม่ได้กับ HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA พิซซ่าสูตรดั้งเดิมจากอิตาลี แป้งสดใหม่อบในเตาไฟแรง แป้งบางฟู ขอบนุ่ม มาพร้อมกลิ่นหอมแบบต้นตำรับที่สัมผัสได้ตั้งแคำแรก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติที่หาที่ไหนไม่ได้

THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เมนูอาหารที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจสุดประณีตจากครัวโลกสู่ครัวไทย หาก SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO
คือบทกวี THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT คือบทละครของรสชาติที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องเล่า จากครัวไทยสู่ยุโรป จากกลิ่นเครื่องเทศสู่ไวน์แดง ทุกจานล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่ได้ลิ้มลอง รู้สึกถึงความหมาย

THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT นิยามใหม่ของการรังสรรค์อาหารที่ส่งมอบทั้งรสชาติและสุนทรียแห่งอารมณ์ที่รังสรรค์จากแนวคิด WORLD-INSPIRED CUISINE ที่นำวัฒนธรรมอาหารจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ เริ่มด้วย สลัดปูนิ่มทอดกรอบ สะท้อนความลงตัวของผักหลากสี ผลไม้สด และน้ำสลัดรสจัดจ้านแกงเขียวหวานพริกแกงตำสด เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพริกแกง สมุนไพร และกะทิที่คล้ายพาเราย้อนกลับไปในครัวของบ้านในวัยเด็ก ซุปกระเพาะปลา บทพิสูจน์ของความเรียบหรูในแบบจีนคลาสสิก และซี่โครงแกะย่าง หรือ สเต็กเนื้อวากิวเกรดพรีเมียม ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของมื้อค่ำที่ต้องการให้รสชาติอยู่ในความทรงจำไปแสนนาน ทุกจานถูกเสิร์ฟด้วยความตั้งใจในรายละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบ การย่าง ไปจนถึงการพักเนื้อและการเลือกซอสคู่จาน อย่างลงตัว

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากไปลิ้มลองความอร่อย ในโครงการ
Reignwood Park ขนาดโครงการจำนวน 2,000 ไร่ ลำลูกกาคลอง11 เพียงแจ้งชื่อช่อง www.toptotravel.com รับฟรี HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA
หน้า HAWAIIAN 1 ถาด *เมื่อใช้บริการครบ 500 บาท ขึ้นไป ที่ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ระยะเวลาโปรโมชั่น 15/07/2568 – 30/09/2568