เล่อคังคลินิก กับนวัตกรรมแห่งแพทย์แผนจีนก้าวสู่ปีที่ 3

เพื่อวิถีชีวิตคนยุคใหม่ครบวงจร ที่สุดแห่งการนำศาสตร์แพทย์แผนจีนมาใช้ดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง และนับว่าเป็นการผสมผสานแพทย์แผนโบราณกับเทคนิคอันทันสมัยเพื่อเป็นศูนย์สุขภาพด้วยแพทย์แผนจีน เล่อคังคลินิกให้ความสำคัญกับศาสตร์แผนจีนแบบแผนโบราณ รวมทั้งสมุนไพรจีนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 3,000 ปีแล้ว นำมาพัฒนาเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตของยุคปัจจุบันเข้ายุคสมัย พร้อมเพิ่มศักยภาพแพทย์แผนจีนดูแลสุขภาพ

คุณจู้ เหมย น่า หรือ คุณภาวนา จู้ ประธานบริหารเล่อคังคลินิก กล่าวว่าด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน
ที่มีการแข่งขันสูง ทำให้ใช้ชีวิตการทำงานที่ไม่หยุดนิ่ง การเดินทางที่แสนยาวนาน การนั่งทำงานในที่แคบห้องปิดเป็นวันๆ สั่งสมความเครียด ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่ทำอาหารกินเอง จึงไม่สามารถเลือกอาหารที่ถูกหลกโภชนาการและมีคุณค่าได้มากนัก อีกทั้งการพักผ่อนนอนหลับที่ไม่เพียงพอ เพราะกลางคืนที่เป็นเวลาพักผ่อนก็มีสิ่งบันเทิงมากมายที่มารบกวนทำให้ลืมเวลานอน ผลจากไลฟ์สไตล์ข้างต้น ทำให้สร้างควาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อ่อนเพลียอ่อนล้า รู้สึกไม่สบายตัว หลายคนไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุ แต่จากการตรวจสุขภาพก็ไม่พบปัญหาที่สามารถระบุชี้ชัดถึงโรคใดๆได้ภาวะดังกล่าวทางองค์การอนามัยโลกได้ระบุเรียกว่า ภาวะ Sub health (ซับเฮลท์) หรือภาวะที่อยู่ระหว่าง “สุขภาพดี” และ “การเจ็บป่วย”

เมื่อการตรวจสุขภาพร่างกาย  และการตรวจทางพยาธิสภาพ โดยเครื่องมือทางการแพทย์ พบว่าผลทุกอย่างปกติ แต่ตัวบุคคลนั้นมีความรู้สึกว่าไม่สบาย และบางครั้งมีความเจ็บปวดตามอวัยวะต่างๆ อาทิ มีอาการนอนไม่หลับ ขี้ลืม เวียนศีรษะ จิตใจเหนื่อยล้า แขนขาตัง เจ็บบ่าหลัง ขาดสมาธิ เป็นหวัดง่าย เบื่ออาหาร การมองเห็นพร่ามัว หงุดหงิดโกรธง่าย ใจสั่นปั่นป่วน ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมถอย เข้าสู่วัยทอง และแก่ก่อนวัย

ด้านแพทย์แผนจีน พญ.นุชฐรัตน์  ศรีเลิศรส (หมอฝ้าย) แพทย์แผนจีนประจำ เล่อคังคลินิก กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีทางเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพมากมาย หนึ่งในนั้น คือ แพทย์แผนจีน ที่ปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมในวงกว้างที่เล่อคังคลินิกใช้ศาสตร์และศิลป์แห่งการรักษาดูแลสุขภาพแบบแพทย์แผนจีน ที่เน้นการรักษาที่รากฐานของโรค เน้นให้ผู้เข้ารับบริการรับรู้ปัญหาสุขภาพ ป้องกัน และดูแลสุขภาพก่อนจะป่วยเป็นโรคที่เรื้อรัง โดยการรวมตัวกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แผนจีน และทีมบริหารมืออาชีพจากกลุ่มบริษัทยา

เล่อคังคลินิก
เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านการบำบัดและดูแลฟื้นฟูผู้เป็นโรคเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ ปวดคอบ่าใหล่ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดศรีษะไมแกรน ชามือ ออฟฟิสชินโดรม ปัญหาระบบย่อยอาหาร สมรรถนทางเพศ ซึ่งทุกโรคมีส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบัน เล่อคังคลินิก  เน้นค้นหาต้นเหตุรากฐานของโรคโดยใช้วิธีการของแพทย์แผนจีน ซึ่งหมายรวมถึง การปฏิบัติทางการแพทย์ แผนโบราณที่อาศัยยิน-หยางและธาตุทั้ง 5 เป็นทฤษฎีพื้นฐาน ใชการเปี้ยนเจิ้งลุ่นจื้อ การทะลวงเส้นลมปราณ การปรับสมดุลยิน-หยาง เป็นหลักในการรักษาโรค ใช้วิธีรักษา อาทิ ยาจีน ฝังเข็ม ทุยหนา อาหาร นวด ชี่กง เป็นต้น การไหลเวียนที่ราบรื่นของเส้นลมปราณ ทำให้ช่วยปรับยิน-หยาง และฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นให้การรักษาด้วยวิธีการอันหลากหลาย อาทิ ฝังเข็ม เป็นวิธีการรักษาโรคของชนชาติจีนมาแต่โบราณ เข็มที่ฝังลงจุดเข็มจะช่วยกระตุ้นเส้นลมปราณหลักของร่างกาย เพื่อช่วยการไหลเวียนลมปราณ ปรับซี่เลือด ปรับประสิทธิภาพการทำงานร่างกาย ยับยั้งการเกิดโรค ข้อมูลทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า การฝังเข็มมีผลรักษาได้หลายโรคอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งปัญหาระบบทางเดินอาหาร ความปวดเรื้อรัง โรคระบบเส้นประสาท ปัญหาทางอารมณ์ เป็นต้น

คุณสุรัสวดี  สุขสวัสดิ์  ผู้จัดการคลินิก กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านศาสตร์ความงาม  ซึ่งแพทย์แผนจีนนั้นมีมาช้านาน
ย่างเข้าสู่ปีที่ 3 เล่อคังคลินิกเข้าใจถึงปัญหาของคุณสุภาพสตรี หรือคุณสุภาพบุรุษที่ใส่ใจดูแลตนเองทั้งภายในและภายนอก จึงจัดให้มีคอร์สการรักษาเพื่อความงาม ชะลอวัย และการปรับสมดุลวัยทอง เป็นการรักษาองค์รวมครบวงจร ใช้การฝังเข็มเพื่อความงามและปรับรักษาความสมดุลภายในของร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งการรักษาความงามตามแบบแผนจีนนั้น คือ การเข้าไปรักษาและบำรุงระบบอวัยวะภายใน ทั้งตับและม้าม การบำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีกว่าที่เคยเป็น เมื่อข้างในดี เลือดลมดี ผิวพรรณก็ดีเช่นกัน

กวาชา คือ การใช้อุปกรณ์เช่น เขาสัตว์ แผ่นหยก มาขูดลากที่ผิวหนังตามศาสตร์แพทย์จีน เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย บรรเทาอาการกล้ามเนื้อแข็งตึง ช่วยขับพิษความชื้น ความเย็น ซึ่งเป็นสาเหตุของความปวดและอาการไม่สบายต่างๆ ช่วยให้ทราบประสิทธิภาพของอวัยวะภายใน  ค้นพบสาเหตุของโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ ในส่วนของโรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เล่อคังคลินิกยังใช้การรักษาด้วย ยาสมุนไพรจีน ที่อาศัยคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรรักษาจากรากฐานของโรค ปรับจากภายใน ฟื้นฟูซี่ พลัง สลายสิ่งอุดตัน ปรับสมดุล ยิน-หยาง ฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งยาสมุนไพรของเล่อคังคลินิกล้วนผ่านการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐาน จนเป็นยาสำเร็จรูปที่ง่ายต่อการใช้

เล่อคังคลินิก การผลักยาจีนด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เป็นการบำบัดที่บูรณาการระหว่างระบบเส้นลมปราณของแพทย์แผนจีน และการใช้คลื่นไฟฟ้า กระตุ้นไปยังจุดฝังเข็มเพื่อรักษาโรคอย่างได้ผล โดยการสั่นสะเทือนของอุปกรณ์ผลักยา สามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการบวม อักเสบ นอกจากนี้ ยังช่วยฟื้นฟูความมีชีวิตของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ คลื่นไฟฟ้าและความร้อนยังช่วยผลักยาสมุนไพรซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ระบบประสาท และจุดลมปราณ ช่วยกระตุ้นพลังงานในร่างกาย และช่วยรักษาเนื้อเยื่อและอวัยวะ
ที่มีปัญหา  การรักษาแบบครอบกระปุก คือ การรักษาโดยการใช้อุปกรณ์เป็นถ้วย หรือแก้วเป็นอุปกรณ์ในการบำบัด โดยมาทำให้เกิดสุญญากาศภายใน จากนั้นนำไปครอบในตำแหน่งที่ต้องการรักษา

การรักษาด้วยการครอบกระปุกช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย ขับร้อนถอนพิษ ขจัดลม กระจายความหนาวเย็น
ขับความชื้น ทำให้เส้นลมปราณโล่ง ช่วยให้ซี่ขับเคลื่อนได้คล่อง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตสลายเลือดที่อุดกั้น ระงับปวด บรรเทาอาการบวม ปรับแก้ไขอาการพร่องและอาการแกร่งของอวัยวะต่างๆ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมสมรรถภาพภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย

ในการย่างเข้าสู่ปี่ที่ 3 เล่อคังคลินิก จึงได้มีแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญศาสตร์การชะลอวัยและการดูแลสุขภาพผู้เข้าสู่ภาวะวัยทองโดยเฉพาะ มาดูแลเข้ารับบริการอีกด้วย เพื่อให้สมกับสโลแกนที่ว่า…
เล่อคังคลินิก ยกระดับสุขภาพคุณให้มีชีวิตอย่างมีความสุข (Happiness) สุขภาพดี (Healthy)

เล่อคังคลินิก มีโปรโมชั่น  สำหรับผู้ที่จองคอร์ส ทรีทเม้นต์ ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นปี 2559
โดยคอร์ส 10 ครั้ง รับฟรีอีก 2 ครั้ง พร้อมรับคูปองส่วนลดเงินสดสำหรับมอบเป็นของขวัญแด่ตัวคุณเอง
หรือคนที่คุณรักมูลค่า 600 บาททันที!

ปรึกษาเพิ่มเติม: เล่อคังคลินิก
10/37 อาคารเดอะเทรนดี้ ชั้น 1A  ซ.สุขุมวิท13  ถ.สุขุมวิท
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

Lekang Clinic
10/37 The Trendy Bldg., 1A Flr., Sukhumvit 13 Rd.,
North Klongtoey., Wattana., Bangkok 10110
Tel: 02-168-7288-9, 081-355-8736
Fax: 0-2168-7290
E-mail:info@lekangclinic.com
http://www.lekangclinic.com

หัวเว่ย มีเดียแพดเอ็ม 3 แทบเล็ตที่
ถ่ายทอดเสียง  ออกมาได้สะใจถึงอารมณ์

หัวเว่ย  เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลกในปี 2558 โดย จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง
กว่า 170 ประเทศทั่วโลก  มีผู้ใช้งานคิดเป็นหนึ่งในสาม  ของประชากรทั่วโลก เราให้ความสำคัญ  ด้านการวิจัย
และพัฒนาเป็นอย่างมาก มีศูนย์วิจัย และพัฒนาอยู่ 16 แห่ง  ในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวีเดน รัสเซีย อินเดีย
และจีน หัวเว่ยคอนซูมเมอร์บิสสิเนสกรุ๊ปเป็นหนึ่งใน3 ธุรกิจหลักได้แก่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์พีซีและแทบเล็ต อุปกรณ์ไอทีที่สวมใส่ได้ และบริการบนเทคโนโลยีคลาวด์ ในด้านระบบเครือข่าย หัวเว่ยมีประสบการณ์มานานกว่า 20 ปี ในอุตสาหกรรมเทเลคอม และได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก

คุณทศพร นิษฐานนท์
รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย
คุณทศพร นิษฐานนท์ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย  รับผิดชอบด้านการวางกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ พร้อมทั้งดูแลภาพรวม  การดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ คอนซูมเมอร์ ประจำประเทศไทย  คุณทศพรเริ่มต้นจากการเป็นนักปฏิบัติ แล้วก้าวสู่การเป็นนักกลยุทธ์ จนกลายเป็นผู้นำที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาธุรกิจต่างๆภายใต้แบรนด์ซัมซุงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีประสบการณ์กว่า 12 ปี ในธุรกิจด้านโทรคมนาคม และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด  สมาร์ทโฟนของซัมซุงจาก 7% ในปี 2006 เป็น 35% ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ต่อได้รับตำแหน่งเป็นผู้บริหารของซัมซุงในระดับภูมิภาค โดยดูแลงานด้านการกำหนดกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจกลุ่มไอทีและโมบายของซัมซุงในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ตั้งแต่ปี 2011–2015 ซึ่งเข้าไปช่วยสร้างความสำเร็จทั้งด้านยอดขายและความแข็งแกร่งทางการตลาดให้แก่ธุรกิจดีไวซ์ของซัมซุงในประเทศต่างๆ

ด้วยความสามารถและความทุ่มเทในการทำงาน ทำให้คุณ ทศพรได้รับรางวัลมากมายจาก Samsung  Value Award: Outstanding Performance และดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ให้แก่หัวเว่ยเปิดตัว ‘มีเดียแพด เอ็ม3’  ชูจุดเด่นคุณภาพเสียงเหนือระดับและมัลติมีเดียระดับพรีเมียม แทบเล็ตรุ่นล่าสุดที่สร้างสรรค์จากความร่วมมือกับ “ฮาร์แมน” ผู้นำระบบเสียงของโลก

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป  เผยโฉม “หัวเว่ย มีเดียแพด เอ็ม3”  (Huawei MediaPad M3)  แทบเล็ตรุ่นแฟลกชิป ประกาศความยิ่งใหญ่ด้านคุณภาพเสียงและมัลติมีเดีย ที่เกิดจากความร่วมมือกับผู้นำระบบเสียงของโลก “ฮาร์แมน อินเทอร์เนชั่นแนล” ที่ผสานความเชี่ยวชาญของทั้งสองแบรนด์เพื่อสร้างสรรค์แทบเล็ตที่มีประสิทธิภาพและให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม

มร. ไมเคิล จิ่ง ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)  กล่าวว่า  หัวเว่ย เป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพ ประสบการณ์ของลูกค้า เราจึงมุ่งมั่นในการพัฒนา  และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่จะทำให้ผู้ใช้วางใจและมีความสุขกับการใช้งาน นอกจากนั้นหัวเว่ยยังจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้นำธุรกิจอื่นๆ เพื่อนำจุดแข็งของทุกฝ่ายมาผสานกันเพื่อสร้างสรรค์และนำเสนอสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพสูง มีคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่นเหนือระดับ

คุณทศพร นิษฐานนท์  รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า “หัวเว่ยพร้อมที่จะยกระดับความบันเทิงเพื่อลูกค้าของเรา โดยเมื่อต้นปีนี้ หัวเว่ยได้พัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพในรุ่นP9  โดยร่วมมือกับ  ‘ไลก้า’  ผู้นำของโลกด้านเลนส์กล้อง นอกจากนั้น เรายังเป็นพันธมิตรกับ  แบรนด์ดัง อย่าง‘ฮาร์แมน คาร์ดอน’ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์  เพื่อนำเสนอประสบการณ์ประทับใจด้วยคุณภาพเสียงสุดยอดบนแทบเล็ต MediaPad M3  ซึ่งนำความเชี่ยวชาญด้านเสียงของฮาร์แมนมาใส่ในแทบเล็ตทำให้กลายเป็นแทบเล็ตที่มีคุณภาพเสียงดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด”

Huawei MediaPad M3  วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในราคา 12,900 บาท
ในวันที่ 29 กันยายน นี้ ณ งาน Thailand Mobile Expo และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยลูกค้า 100 ท่านแรกที่ซื้อHuawei MediaPad M3ภายในงาน TME จะได้รับลำโพง harman/kardonรุ่น Onyx Studio 2 ฟรีทันที พร้อมทั้งยังมอบบริการหลังการขายสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ Huawei MediaPad M3

คุณภาพเสียงและมัลติมีเดียเหนือระดับ
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงจากฮาร์แมน คาร์ดอนได้เข้ามาร่วมออกแบบและปรับแต่งระบบเสียง เพื่อให้ลำโพงของ Huawei MediaPad M3ให้ประสบการณ์เสียงที่สามารถเก็บทุกรายละเอียดของเสียงและทุกช่วงเวลาของการชมภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอรรถรส ระบบเสียง Super Wide Sound 3.0 ของหัวเว่ยยังช่วยปรับระบบเสียงที่เหมาะสมสำหรับการฟังเพลงและการชมภาพยนตร์เพื่อให้เสียงที่ออกมานั้นสอดรับกับประสบการณ์การฟังหรือชมภาพที่ปรากฏบนจอได้อย่างแม่นยำ เมื่อได้ยินเสียงของมันแล้วจะวางแทบไม่ลง มันยังสะท้อนให้เห็นมรดกอันล้ำค่าของ Harman Kardon

หน้าจอความละเอียดสูงพร้อมเทคโนโลยีถนอมสายตา
หน้าจอของ  Huawei MediaPad M3  ยังมาพร้อมภาพที่คมชัดเหมือนจริงด้วยความละเอียดสูงระดับ 2K หรือความละเอียด2560×1600 พิกเซล จึงทำให้แท็บเล็ตเครื่องนี้  เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 8.4 นิ้วในตลาด โดยสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม  ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่คุณกำลังชมภาพยนตร์เรื่องโปรด หรือรายการโทรทัศน์ที่ชื่นชอบ หรือจะเป็นกิจกรรมการใช้หน้าจอในเวลากลางคืน ซึ่งแท็บเล็ตรุ่นนี้สามารถปรับความสว่างของหน้าจอให้ลดลงต่ำที่สุดได้โดยยังสามารถชมทุกวีดิโอโปรดได้อย่างเต็มที่  และเก็บได้ทุกรายละเอียดของภาพ แม้ในช่วงเวลาที่คุณเปิดไฟสลัว นอกจากนี้ โหมด Eye Protection ยังช่วยกรองแสงสีฟ้าเพื่อลดความล้าของตาในขณะที่คุณอ่านหนังสือบนเตียงหรือในห้องที่มีแสงสว่างน้อย และด้วยสัดส่วนระหว่างหน้าจอและตัวเครื่องที่มากถึง82%Huawei MediaPad M3จึงเป็นแท็บเล็ตที่จะยกรับดับประสบการณ์การรับชมได้อย่างเหนือชั้น

ประสิทธิภาพเครื่องระดับพรีเมี่ยม
โปรเซสเซอร์แบบ คิริน  950  “Kirin950”  ช่วยให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ บน Huawei MediaPad M3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น รับชมวีดิโอความละเอียดสูงระดับ HD และ เล่นเกมแบบ 3  มิติได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือที่ทำให้การเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย รวมทั้งใช้งานสะดวก แบตเตอรี่ขนาด 5100มิลลิแอมป์ ใช้งานได้นาน เช่น ชมวีดิโอแบบ  Full HDได้นานถึง 11 ชั่วโมง และเล่นเกม 3Dได้นานถึง 6 ชั่วโมง และเล่นเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 45 ชั่วโมง

Huawei MediaPad M3  จะวางจำหน่ายในประเทศไทย  อย่างเป็นทางการในราคา 12,900 บาท
ในวันที่ 29 กันยายน  นี้ ณ งาน  Thailand Mobile Expo และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
โดยลูกค้า 100 ท่านแรกที่ซื้อ  Huawei MediaPad M3  ภายในงาน TME จะได้รับลำโพง harman/kardon
รุ่น Onyx Studio 2 ฟรีทันที  พร้อมทั้งยังมอบบริการหลังการขายสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ Huawei MediaPad M3  ทุกท่าน

MR.& MISS PARATA THAILAND 2016
ครั้งแรกในเมืองไทยกับการประกวดเทพบุตรไทยแลนด์ แดนภารตะ

ครั้งแรกในเมืองไทยกับการประกวดสุดอลังการ
Toptotraval มีโอกาสได้รับเกียรติ เข้สชมการประกวดเทพบุตรไทยแลนด์ แดนภารตะ(Mr.& Miss. Bharata)
แบบติดขอบเวที ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น  การประกวดเทพบุตรไทยแลนด์ แดนภารตะ ซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
โดย สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นไทยและวัยทำงาน  มหาภารตะราชา  มหาภารตะรานี  ในปีนี้สุดอลังการ
สมกับเวทีอันทรงเกียรติ

กล่าวถึงชาวอินเดีย นิยมเรียกประเทศตนเองว่า ภารตะ หรือ ภารตวรรษ แปลว่า “ ประเทศภารตะ ” และเรียกตนเองว่าเป็น “ ชาวภารตะ” สืบเนื่องจากความเชื่อที่ว่า ชาวอินเดียสืบเชื้อสายมาจากท้าวภรต  (อ่านว่า พะ-รต) ซึ่งเป็นต้นวงศ์ของเรื่องราวในมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ของชาวอินเดีย คือ “มหาภารตยุทธ์” ซึ่งมีชื่อเสียงคู่กัน  กับ มหากาพย์รามายณะ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อรามเกียรติ์

ประเทศอินเดียในครั้งที่เรียกว่า ชมพูทวีปนั้น มีพื้นที่กว้างขวางมากกว่าประเทศอินเดียในปัจจุบันนี้มาก โดยกินอาณาบริเวณเมื่อเทียบกับปัจจุบัน 7 ประเทศรวมกัน
1. อินเดีย 2. ปากีสถาน 3. บังกลาเทศ 4. เนปาล 5. ภูฎาน 6. สิกขิม (รัฐในอารักขาของอินเดีย) 7. บางส่วนของอาฟกานิสถาน ซึ่งรวมทั้ง 7 ประเทศแล้ว จะมีจำนวนประชากรพอ ๆ กับประเทศจีนทีเดียว อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศจีน คือ ประมาณ หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่า อินโด-อารยัน ชนพื้นเมืองเดิมคือเผ่าดราวิเดียน หรือ ทมิฬ  นอกนั้นเป็นเผ่ามองโกล ทิเบต

อินเดียเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมอารยธรรมที่เก่าแก่ พุทธศาสนามีอิทธิพลต่ออินเดียที่เป็นวัฒนธรรมทางวัตถุและทางจิตใจมีสถาปัตยกรรม และปติมากรรมทางพุทธศาสนา ล้วนมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่นสังเวชนียสถาน อันเป็นสถานที่สำคัญที่ชาวพุทธทั่วโลกไปกราบนมัสการ

วัฒนธรรมอินเดียแม้จะมีการเลือกปฏิบัติ แต่ให้เกียรติผู้หญิง คนอินเดียจะไม่แตะต้องร่างกายผู้หญิงในที่สาธารณะ มารยาทในการทักทายกัน ทั้งหญิงและชายจะพนมมือไหว้เหมือนคนไทย แต่ไม่ก้มศีรษะ ไม่มีการจับมือกันแบบเช็คแฮนด์เช่นชาวยุโรป ในชนบท ผู้ชายมักจ้องมองผู้หญิงโดยเฉพาะหญิงต่างชาติอย่างจริงจังไม่ต้องตกใจกลัว พวกเขามองเพราะสนใจและสงสัย ไม่ได้มีเจตนาจะมาทำร้ายแต่ประการใด

ภารตะ แปลว่า ลูกหลานของท้าวภรตะ (อ่านว่า พะ –ระ -ตะ) หรือ แว่นแคว้นแห่งท้าวภรตะ ท้าวภรตะเป็นวีรบุรุษในตำนานของอินเดีย ตามตำนานกล่าวว่า เป็นโอรสที่เกิดแต่ท้าวทุษยันต์ (อ่านว่า ทุด-สะ-ยัน) กับนางศกุนตลา (อ่านว่า สะ -กุน-ตะ -ลา)  ท้าวภรตะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

ในภาษาไทยใช้คำว่า ภารตะ หมายถึง ชาวอินเดีย เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศอินเดีย เช่นดินแดนภารตะ ชาวภารตะ ภารตนิยาย (อ่านว่า พา-ระ-ตะ-นิ-ยาย) หมายถึงนิยายอินเดีย ภารตวิทยา คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี และความรู้อื่นๆ เกี่ยวกับประเทศอินเดีย

ภารตะ นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  ความงดงามและเรื่องราวของภารตะ  ไม่ใช่แค่การแต่งชุดประจำชาติ กันในประเทศเท่านั้น แม้แต่เดินทางไปต่างประเทศก็ยังเห็นสวมใส่กันสาวๆ แดนภารตะโดยเฉพาะทางภาคเหนือของอินเดียนิยมสวมใส่กันมากที่สุดเพราะสวมใส่สบาย ราคาไม่แพงและคล่องตัว โดยชุดดังกล่าวจะประกอบไปด้วยเสื้อตัวยาวคลุมไปถึงเข่าที่เรียกว่า Kameez สวมทับกางเกงขาลีบ หรือขาพองแต่มีรัดที่ข้อเท้า ที่เรียกว่า Salwar และชิ้นสุดท้ายที่สำคัญมาก ด้วยเหตุนี้ ผ้าคล้องคอขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Dupatta สำหรับใช้คล้องคอแบบพาดไหล่จากด้านหน้าไปด้านหลัง ซึ่งทั้งสามชิ้นนี้จะต้องเลือกให้สีเข้ากันเพื่อความสวยงาม

ซึ่งในปีที่แล้ว  เป็นการเฟ้นหาหนุ่มมหาภารตะ ส่วนในปีนี้ มีความพิเศษเพิ่มขึ้น ด้วยการเฟ้นหา มหารานี สาวที่มีความสวยมากความสามารถ ด้วยการแต่งกายชุดอินเดีย  เพื่อเดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  ได้พัฒนาต่อยอด ความร่วมมือทางการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอีกทั้งผู้เข้าประกวดยังเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของทั้งสองดินแดนภารตะ  กับดินแดนสุวรรณภูมิ ผ่านชุดแต่งกายของกันและกัน

ในรอบการแข่งขัน บนเวทีที่มีความระยิบระยับงดงาม อลังการสวยงามกลมกลืนทีเดียวกับชุดส่าหรีเต็มยศ  และเครื่องประดับในแบบมหารานี ซึ่งบรรยากาศการประกวดตัวแทนของสาวภารตะ ตอกย้ำว่านี่คือความสำเร็จของอินเดียลุคอย่างแท้จริง

จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว MISS PARATA of THAILAND 2016 เชิญชวนหนุ่มสาวที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนภารตะเข้าร่วมประกวด ผ่านวัฒนธรรมการแต่งกายของประเทศอินเดีย จากปีที่แล้ว เป็นการเฟ้นหาหนุ่ม
มหาภารตะ มาในปีนี้มีความพิเศษเพิ่มขึ้น โดยสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นไทยและวัยทำงาน โดยคุณสุริยะ วรรณะตรีภพ นายกสมาคมฯ และผู้อำนวยการกองประกวด จัดการประกวด MR. & MISS PARATA of THAILAND 2016

เชิญชวนหนุ่มสาวที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนภารตะ  เข้าร่วมประกวดผ่านวัฒนธรรมการแต่งกายของประเทศอินเดีย เป็นครั้งแรกในประเทศไทย  นำเอาวัฒนธรรมการแต่งกายระหว่างประเทศไทย  และประเทศอินเดียมาใช้ในการประกวด  เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ เปิดโอกาสหนุ่มสาวที่มีอายุตั้งแต่
18  ปีขึ้นไป เพศชายไม่เกิน 30 ปี และเพศหญิงไม่เกิน 27 ปี เดินตามความฝัน สู่วงการบันเทิง เรียนรู้จากประสบการณ์จริง  และมิตรภาพจากเวทีอันทรงเกียรติ

นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งจะได้รับมงกุฎอินเดีย มหาภารตะราชา และมหาภารตะรานี คู่แรกของประเทศไทย ผลิตจากผ้าไหมไทย ทับทิมและเพชร SWAROVSKI จากอุมามันตราภรณ์ ผ้าไหม และเงินรางวัลทุนการศึกษา รวมมูลค่าทั้งสิ้น 500,000 บาท โดยรอบคัดเลือกจัดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.  2559 คัดจากผู้สมัครทั้งหมดเหลือ จำนวนผู้เข้ารอบ ผู้ชาย 25 คน และผู้หญิง 25 คน ที่เดอะพาซิโอ สุขาภิบาล 3 กทม.

MR. & MISS PARATA of THAILAND 2016
ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น  การประกวดเทพบุตรไทยแลนด์ แดนภารตะ (Mr.& Miss. Bharata ) ซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นไทยและวัยทำงาน เวทีการประกวดที่นำเอาวัฒนธรรมการแต่งกาย วัฒนธรรมการดำรงชีวิตของชาวอินเดีย ซึ่งถือเป็นรากฐานเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย นำมาส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ให้แก่เยาวชนไทย ได้แสดงออกทางความสามารถ ตลอดจนแลกเปลี่ยนสายสัมพันธ์วัฒนธรรมอันดีงานระหว่าง ไทย-อินเดีย

หมวกมงกุฏ มหาภารตะราชา มหาภารตะรานี สมกับเวทีอันทรงเกียรติ

Mr.& Miss. Bharata 2016 ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น  ล่าสุดนายสุริยะ วรรณะตรีภพ นายกสมาคมพัฒนา
ผู้ประกอบการวัยรุ่นไทย และวัยทำงาน จัดงานแถลงข่าวการประกวดเทพบุตรไทยแลนด์ แดนภารตะ
(Mr.& Miss. Bharata 2016)  ณ.โรงละครเดอะบาซาร์ เธียเตอร์  เนรมิตค่ำคืน  “Bharata Party Night”
ให้ผู้ร่วมงานชื่นชมแฟชั่นสวยๆ ในธีมอาหรับราตรี บรรยากาศในงาน Bharata Party Night ได้รับเกียรติจาก
รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา เป็นประธานแถลงข่าวการประกวด Mr. & Ms.Bharata 2016 ยังได้รับเกียรติจาก
คุณไพโรจน์ ทุ่งทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษก,  คุณอรสา มงคลกิติ,
คุณสถาปนิก ทุ่งทอง เข้าร่วมแสดงความยินดี กับความสำเร็จของกองประกวด Mr.& Miss. Bharata 2016

เพราะความสวยงามตระการตาสไตล์ภารตะแบบครบสูตร  ทำให้เป็นการจัดการประกวดเป็นอีกหนึ่งเวทีที่น่าจับตามอง มีเหล่าคนบันเทิง อาทิ ยุ้ย-กันธิชา ฉิมศิริ มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์  2016,  ประเสริฐ เจิมจุติธรรม,วทัญญู มุ่งหมาย, ชายแฮคส์-สุทธา ทวีศรีธนโชค ฯลฯ มาร่วมงานในสไตล์การแต่งตัวภารตะ สำหรับขั้นตอนรับสมัคร รับผู้เข้าประกวดอายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไป เพศชาย ไม่เกิน 30 ปี และเพศหญิงไม่เกิน 27 ปี

โดยในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 กองประกวดจะคัดเลือกเหลือเข้ารอบสุดท้าย ชาย 25 คน หญิง 25 คน ก่อนไป
เก็บตัวทำกิจกรรมที่ โรงแรมเอ็น-สิริ รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล ส่วนในวันตัดสิน จะจัดวันที่ 9 กันยายน 2559 ผู้ที่ได้
รับตำแหน่ง ฝ่ายชายจะได้รับมงกุฎอินเดีย มหาภารตะราชา และฝ่ายหญิง มงกุฎอินเดีย มหาภารตะรานี คู่แรกของประเทศไทย ผลิตจากผ้าไหมไทย ทับทิม และเพชร  SWAROVSKI จาก อุมามันตราภรณ์ ผ้าไหม รวมไปถึงชิงเงินรางวัลทุนการศึกษา รวมมูลค่าทั้งสิ้นถึง 500,000 บาท


ผลการประกวด Mr.&Miss Parata of Thailand2016 มหาราชา และมหารานีคู่แรกของเมืองไทย
Mr. Parata of Thailand 2016
The Winner.. 26  ปาร์ค นายปณิธาน ใจคง
1st runner-up.. 8 แรมโบ้
2nd runner-up..20  ณัฏฐ์
3rd runner-up. 22  ปุ๊
4th runner-up. 17  เป๊ก

Miss Parata of Thailand 2016
The Winner.. 26 ฝ้าย  เกศโมฬี  โรจนประดิษฐ์
1st runner-up..22 เนยหวาน
2nd runner-up..24 ลูกปลา
3rd runner-up..4 ป็อป
4th runner-up..21เซร่ามูน

รอบคัดเลือก 25 สิงหาคม พ.ศ .2559
คัดจากผู้สมัครทั้งหมด เหลือผู้เข้ารอบ ผู้ชาย 25 คน และผู้หญิง 25 คน ที่เดอะพาซิโอ สุขาภิบาล 3

รอบเก็บตัว วันที่ 6-8 กันยายน พ.ศ. 2559 ที่ โรงแรมเอ็น-สิริ รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล

รอบตัดสิน วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559 ที่จรินทร์ทิพย์ แกรนด์ ออล์ ถนนศรีนครรินทร์

ประกวดรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 28 กันยายนนี้ ณ จรินทร์ทิพย์ แกรนด์ ฮอลล์

ดีใจที่ได้มีโอกาส นำเสนอเรื่องราว การประกวด Mr.& Miss. Bharata  ที่พวกเราได้ย้อนเวลาความพิเศษเพิ่มขึ้นด้วยการเฟ้นหามหารานี สาวที่มีความสวยมากความสามารถ เป็นการแต่งกายชุดอินเดีย เพื่อเดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันของสองประเทศ

ขอบคุณ MR.& MISS PARATA THAILAND 2016  เปิดโอกาสให้เข้าชม เวทีนี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทยกับการประกวดสุดอลังการ ขอแสดงความยินดีอย่างมาก กับน้องๆ ที่ได้รางวัลทุกท่านด้วยค่ะ