Category Archives: ข่าว

HKTDC จัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong

องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong ขนทัพสินค้าและบริการคุณภาพเยี่ยมจากฮ่องกงสู่ประเทศไทย เปิดโอกาสฮ่องกงร่วมมือธุรกิจไทย ในงานแสดงสินค้าสุดยิ่งใหญ่แห่งปี

4 กรกฎาคม (กรุงเทพ ประเทศไทย) – องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council: HKTDC) กำลังจะมีจัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) ณ ใจกลางกรุงเทพมหานครในเดือนนี้ งานดังกล่าวได้นำเสนอฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรม ที่เปิดโอกาสให้แก่ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 13-14 กรกฎาคม ณ เซ็นทารา แกรนด์ และ บางกอก คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิล์ด กลุ่มธุรกิจทั้งไทยและฮ่องกง จะได้รับโอกาสในการหาคู่ค้าทางธุรกิจผ่านงานแสดงสินค้า สัมมนา และกิจกรรมเฟ้นหาเครือข่ายทางธุรกิจ


นาย โรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง กล่าว “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) มีประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ทางธุรกิจอันแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานกับฮ่องกง และเป็นคู่ค้าทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสอง งาน TBTHK ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้ จะนำเสนอสินค้าและบริการจากฮ่องกงในอาเซียน อีกทั้งเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาค ค้นหาคู่ค้าเพื่อลงทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและห่วงโซ่อุปทานแบบผสมผสาน

“เป้าหมายหลักของเราคือการชูจุดแข็งของฮ่องกงในด้านสินค้าและบริการ และแนะนำเสนอการพัฒนาด้านต่างๆ ของฮ่องกง เพื่อแสดงให้กลุ่มธุรกิจไทย มองฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางธุรกิจนานาชาติชั้นนำ และในฐานะแพลตฟอร์มทางธุรกิจและการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าอย่างสูงสุดในประเทศจีน ในขณะเดียวกัน เราต้องการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มธุรกิจไทยและฮ่องกงสามารถร่วมมือกันสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่กันและกัน และรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าอย่างยาวนานได้”

“โอกาสเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยหน่วยงานรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ เช่นเดียวกับข้อตกลงทางการค้า เช่น เขตการค้าเสรี (FTAs) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่ช่วยประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค” นายโรนัลด์กล่าว

ฮ่องกงเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของเอเชีย และทำหน้าที่ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ ด้วยข้อได้เปรียบที่เด่นชัดต่างๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านระบบกฎหมาย การเงิน การลงทุน และภาษี ช่วยผลิตสินค้าและบริการการค้าคุณภาพสูงและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจและพัฒนาทางธุรกิจ ที่เชื่อมไปสู่ประเทศจีน ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ

ฮ่องกงเป็นสะพานระหว่างประเทศจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับกระแสเงินทุน สินค้า ข้อมูล และผู้คน เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอมา แผนพัฒนาต่างๆ เช่น โครงการ Belt and Road Initiative และเขตเศรษฐกิจ Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area (GBA)
แผนพัฒนาเหล่านี้ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ขยายบทบาทของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม กล่าวได้ว่า ฮ่องกงเป็นพาร์ทเนอร์ในอุดมคติของบริษัทในไทยที่ต้องการค้นหาโอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษของฮ่องกงและตลาดนานาชาติ

ในปีนี้ งาน TBTHK จะเป็นแพลตฟอร์มแบบองค์รวมที่ธุรกิจการค้าของไทยจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของฮ่องกง ในฐานะประตูสู่โอกาสในประเทศจีนและตลาดระดับนานาชาติ และเพื่อเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ทางการค้าอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและฮ่องกง งานแสดงสินค้า (Trade Expo) ในครั้งนี้จะนำแสดงสินค้าคุณภาพสูงจากกว่า 100 บริษัท รวมถึง Chow Tai Fook, Green Common, B.Duck, Vita Green, Memorigin, Smart City consortium และอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทจากฮ่องกงแนะนำสินค้าเหล่านี้สู่ตลาดภูมิภาค ในขณะเดียวกัน บริษัทจากไทยจะได้โอกาสพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อการร่วมงานกันในอนาคต

ในระหว่างการรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนในครั้งนี้ บริษัทสินค้ามากมายจากฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็น บริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ บ้านและของขวัญ ความยั่งยืนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่างได้แสดงตัวอย่างงานแสดงสินค้าให้สื่อมวลชนได้รับทราบ

สินค้าที่จัดแสดงในงานประกอบด้วย

  • กระเป๋าผ้า Kapture ซึ่งผสานเทคโนโลยีแอนตี้ไวรัส BioNTex™ และผ้า upcycled จากการผลิตผ้า
  • กระบอกน้ำสุญญากาศ Camel ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีสุญญากาศมาตั้งแต่ปี 1940
  • นาฬิกา Temporis ที่มีดีไซน์ทันสมัย เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ประดับด้วยคริสตัล K1 แทนกระจกเทมเปอร์ นับเป็นการยกระดับสินค้าเมื่อเทียบกับนาฬิกาข้อมือยี่ห้ออื่นๆ ในกลุ่มราคาเดียวกัน
  • นาฬิกา Romago เป็นนาฬิกาแบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่เริ่มธุรกิจจากการสร้างนาฬิกาหรูแบบสั่งทำเฉพาะ ปัจจุบัน แบรนด์ให้ความสำคัญกับนาฬิกาที่โดดเด่นด้านดีไซน์โก้หรู โดยใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ในการพัฒนานาฬิกาดำน้ำ
  • Derangedsign เป็นสตูดิโอออกแบบสินค้าจากฮ่องกง ที่จะจัดแสดงชุด Coexistence ซึ่งประกอบไปด้วยถาด 2 ใบที่ถูกแกะสลักเป็นรูปทรงภูมิทัศน์ เหมาะสำหรับเสิร์ฟผลไม้ ลูกอม ถั่ว และอัญมณี ชุดถาดเซ็ทนี้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย
  • B.Duck เป็นแบรนด์สินค้าออกแบบลิขสิทธิ์ชื่อดังจากบริษัท Semk Products Ltd. จะนำเสนอโคมไฟรูปเป็ดอันโด่งดัง

นอกจากนี้ จะมีการจัดช่วงการเสวนา (Trade Talks) ระหว่างช่วงจัดแสดงงาน ซึ่งจะเน้นย้ำข้อได้เปรียบของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการค้า ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มสินค้าปลีก องค์กร และบริษัทนวัตกรรมที่จะมาร่วมกันในช่วงการเสวนาเพื่อพูดคุยในหัวข้อต่างๆ อาทิ การรังสรรค์อนาคตของการค้าปลีก การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยลิขสิทธิ์ การเปลี่ยนโฉม E-commerce และ การโอบรับความยั่งยืนและ ESG

วันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงาน จะมีกิจกรรมลุ้นรับของรางวัล ซึ่งรวมไปถึงสมาร์ทโฟน นาฬิกาTourbillon แท็บเล็ต และของรางวัลอื่นๆ ผู้ร่วมงานยังได้รับสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินในช่วงระยะเวลาวันงาน นอกจากนี้ ยังมีโฟโต้บูธซึ่งมีฉากหลังเป็นตึกอันเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง พร้อมด้วยรถตุ๊กตุ๊กติดป้าย TBTHK ที่จะทำให้ผู้ร่วมงานดื่มด่ำไปกับประสบการณ์แสนสนุก อีกทั้งเป็นการโปรโมตวัฒนธรรมของฮ่องกงและฉากอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยเข้าด้วยกันอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรา กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.hktdc.com/aboutus
ติดตามเราได้ที่ Twitter @hktdc และ LinkedIn

Rado Centrix เสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ Rado ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกาเผยโฉมผลงานใหม่ล่าสุด “Rado Centrix” มาในช่วงฤดูร้อนจัดแบบนี้ เพราะเสน่ห์อันน่าหลงใหลของนาฬิกาเรือนล่าสุดเปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่านทะเลทรายและความร้อนให้ความรู้สึกสบายได้อย่างน่าทึ่ง Centrix เน้นการใช้โทนสีทอง สีเหลืองสด และสีน้ำตาล สร้างสรรค์ขึ้นมาจากไฮเทคเซรามิกและคริสตัลแซฟไฟร์อันเป็นความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ผสานรวมกับกลไกการเดินที่ล้ำสมัยและแม่นยำทำให้ Centrix รุ่นนี้พัฒนาจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.2010 มาไกลเหลือเกิน ทั้งวัสดุ นวัตกรรม และการดีไซน์อันงดงามส่งให้ Centrix กลายเป็นนาฬิกาเรือนหรู ที่น่าเชื่อถืออย่างไม่มีใครเทียบได้


ความโดดเด่นของ Centrix รุ่นใหม่นั้นชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น เริ่มจากรูปทรงโค้งมนดูอ่อนโยน วัสดุไฮเทคเซรามิกเบา ดูดี มีความทนทาน และที่พิเศษคือสัมผัสนุ่มนวลอันน่าหลงใหลที่เพิ่มมากขึ้นประหนึ่งเป็นเสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน นอกจากความอ่อนโยนที่เพิ่มขึ้นแล้ว Centrix รุ่นนี้ยังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ช่องหน้าปัดกว้างขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. ด้านบนเสริมกระจกยาวจรดขอบตัวเรือน ขณะเดียวกันก็มีรุ่นเล็กเป็นอีกทางเลือกซึ่งมาในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30.5 มม. ทั้งสองแบบมีความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า “ความเรียบง่ายคือจิตวิญญาณแห่งความสง่างาม”


คริสตัลแซฟไฟร์ที่ใช้กับ Centrix รุ่นนี้เป็นคริสตัลแซฟไฟร์รูปแบบใหม่ มีความกลม ดีไซน์ขอบโค้งมน ต่างจากขอบคมๆ แบบเก่าในนาฬิกาเรือนอื่น ให้ทั้งความรู้สึกสบายตาและให้ผิวสัมผัสเรียบสบาย โดยมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ทั้งสองด้าน ช่วยให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนส่วนพื้นผิวนั้นนักออกแบบใช้เทคนิคพิเศษทำเป็นรูปแบบซันเรย์ ปั๊มแล็กเกอร์จนได้พื้นผิวเรียบลื่นสมบูรณ์แบบ Centrix มีสีหน้าปัดให้เลือกตั้งแต่สีเข้มแนวหรูหรา เฉดสีเงินที่ขับผิวแบบซันเรย์ให้โดดเด่น รวมทั้งเรือนที่เล่นสีพื้นหลังให้มีทั้งความเข้มและสว่างในตัว เข้ากับดัชนีบอกเวลาของแต่รุ่นอย่างลงตัว



ความพิเศษบนหน้าปัดยังไม่หมดเท่านี้ เพราะโลโก้ Rado บน Centrix รุ่นใหม่ยังมีขนาดใหญ่ขึ้น และแบรนด์นำคำว่า “Jubilé” กลับมาอยู่บนหน้าปัดอีกครั้ง บ่งบอกถึงการนำอัญมณีล้ำค่ามาประดับไว้บริเวณดัชนีบอกเวลา ถัดลงมาด้านล่างเป็นช่องบอกวันที่ซึ่งไม่ใช่ทรงกระบอกเรียบๆ ที่หลายคนคุ้นตาอีกต่อไป เพราะ Rado ออกแบบให้มุมทั้งสี่โค้งมนสอดคล้องกับดีไซน์โดยรวมของรุ่นนี้ ส่วนตรงจุดยึดเม็ดมะยมก็มีการเลเซอร์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อพลิกไปด้านหลังก็จะพบกับฝาหลังดีไซน์ใหม่ ใช้เลเซอร์สลักหมายเลขซีเรียล และเช่นเดียวกับนาฬิกาออโตเมติกของ Rado ทุกรุ่นคือใช้คริสตัลแซฟไฟร์เพื่อให้เราเห็นกลไกการเดินพร้อมแฮร์สปริง NivachronTM ป้องกันสนามแม่เหล็ก สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง (รุ่นเล็ก) และ 80 ชั่วโมง (รุ่นใหญ่) ทุกเรือนผ่านการทดสอบความแม่นยำถึง 5 ตำแหน่ง สำหรับ Centrix รุ่นควอตซ์มีคุณสมบัติล้ำสมัยพร้อมเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวกะทันหันหรือการกระแทกแล้วตอบสนองอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบอกเวลาที่น่าเชื่อถือเสมอ ปิดท้ายด้วยคุณสมบัติเด่นอีกหนึ่งอย่างของนาฬิกาควอตซ์ คือมีความแม่นยำสูงมาก ไม่ว่าอุณหภูมิหรือความชื้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงานทั้งสิ้น


นอกจากตัวเรือนแล้ว องค์ประกอบส่วนอื่นก็ได้รับการออกแบบและตรวจสอบอย่างประณีตทุกขั้นตอน แบรนด์ปรับสายนาฬิกาให้เข้ากับรูปทรงของตัวเรือนอย่างงดงาม แทนที่ตัวล็อกแบบเดิมด้วยหัวสายบักเคิ้ลแบบพับสามทบเพิ่มความปลอดภัยให้ Centrix รุ่นใหม่ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้พร้อมขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของทุกคนทันที

กลับมาอีกครั้ง !“เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II”

กลับมาอีกครั้ง ! ททท. เปิดอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ติดอาวุธผู้ประกอบการไทยต่อเนื่อง เจาะบทเรียนเพื่อพัฒนาทักษะต้อนรับนักท่องเที่ยวยุค Next Normal

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมอบรม หลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรม หลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com ครอบคลุมบทเรียนการทําตลาดดิจิทัล การออกแบบสินค้าและบริการ ด้านการท่องเที่ยวสอดรับเทรนด์และพฤติกรรมนักท่องเที่ยว พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ร่วมจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของพันธมิตร เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้โครงการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters” ในพื้นที่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ประกอบกับ ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนาฝั่ง ห่วงโซ่อุปทาน (Shape supply) อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมแก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริม ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย จึงได้ต่อยอดกิจกรรมอบรมหลักสูตรออนไลน์ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com โดยเนื้อหาจะครอบคลุม ถึงเรื่องการเพิ่มทักษะการตลาดดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมและการบริการสู่ความเป็นเลิศ เพิ่มเจาะลึก เทรนด์ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุค NEXT NORMAL เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เสริมภาพลักษณ์ และ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมสู่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้โครงการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters” ในพื้นที่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ประกอบกับ ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนาฝั่ง ห่วงโซ่อุปทาน (Shape supply) อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมแก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริม ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย จึงได้ต่อยอดกิจกรรมอบรมหลักสูตรออนไลน์ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com โดยเนื้อหาจะครอบคลุม ถึงเรื่องการเพิ่มทักษะการตลาดดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมและการบริการสู่ความเป็นเลิศ เพิ่มเจาะลึก เทรนด์ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุค NEXT NORMAL เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เสริมภาพลักษณ์ และ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมสู่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี 
       
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” จะได้รับตราสัญลักษณ์โครงการ“เจ้าบ้านที่ดี”และได้รับสิทธิประโยชน์เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ ททท. จัดขึ้น ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายกับแพลตฟอร์มพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ Traveloka, Wongnai, Gowabi, Local alike และ PPT Blue Card เพื่อเพิ่ม โอกาสทางการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว และถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาศักยภาพ ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว ตลอดจนช่วยผลักดันการขับเคลื่อน การท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตในเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน (High value and sustainability)

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II”
สามารถ ลงทะเบียนอบรมได้ทาง เว็บไซต์
www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ทาง Line Official : @Thaisuperhost

พรรคเสมอภาคขอยืนยัน มีความตั้งใจ มุ่งส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองทุกศาสนาและทุกความเชื่อ

รฎาวัญ (ลดาวัลลิ์) เผยไม่กังวล ถูกโจมตี ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ พรรคได้ทำชี้แจงเป็นแถลงการณ์ เป็นลายลักษณ์อักษร เชื่อจะสร้างความเสมอภาค เท่าเทียม ทั่วถึง และยุติธรรม รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น
พรรคเสมอภาค นำโดย รฎาวัญ (ลดาวัลลิ์) วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรคเสมอภาค ,ดร.ฐิติพร ฌานวังศะ เลขาธิการพรรค , ดร.พนิดา เกษมมงคล รองหัวหน้าพรรค ,นาดา ไชยจิตต์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน ลงพื้นที่ได้รับเสียงตอบรับในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่า อยากได้เสียงจากประชาชนเป็นจำนวนมากเพื่อเข้าไปทำงานสำคัญแทนพี่น้องประชาชน
จากกรณีการเผยแพร่ภาพป้ายหาเสียงของพรคเสมอภาคซึ่งปรากฏข้อความ “แก้ ร.ธ.น. ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ…”จนเกิดผู้ที่เห็นชอบจำนวนมาก และผู้ที่คิดต่างให้ข้อเสนอแนะเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเซียล ออนไลน์ที่ดังสนั่น ฝ่ายเห็นชอบกับฝ่ายเห็นต่างได้ให้ข้อเสนอเรื่องความเสมอภาค พูดกันถึงความเหมาะสมและการขัดต่อหลักการความเสมอภาค ซึ่งเป็นชื่อของพรรคหรือไม่

กรณีดังกล่าวนี้ พรรคเสมอภาคขอยืนยันว่า มีความตั้งใจที่จะมุ่งส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองทุกศาสนาและทุกความเชื่อของพี่น้องประชาชน ให้เกิดความเสมอภาค เกิดความกลมเกลียวทางสังคม ยึดมั่นในหลักการที่ว่ารัฐกับศาสนาต้องแยกเป็นอิสระจากกันเป็นรัฐโลกวิสัย(secular state) ให้ประชาชนอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาได้ดีด้านวัฒนธรรม ให้การส่งเสริมและสนับสนุนภาครัฐดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ในการสร้างอัตลักษณ์และอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและการส่งเสริมการท่องเที่ยว

โดยพรรคเสมอภาคจะผลักดันให้มีมาตรการทางกฎหมายในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นให้อยู่ในกรอบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญบัญญัติโดยคำนึงถึงอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยในการรับรองรับการถือเสียข้างมากเป็นสำคัญ ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศให้การนับถือมาช้านานให้เป็นศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการศึกษาในการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทในสถาบันการศึกษาทุกระดับทุกสถานการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจให้มีคุณธรรมรักความสุจริตรักความเป็นธรรมและเกิดปัญญาในการพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนจะผลักดันให้มีมาตรการทำกฎหมายในการสร้างกลไกให้พุทธศาสนิกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และ ตั้งใจยกร่างกฎหมาย “พ.ร.บ.ส่งเสริมเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการนับถือศาสนาและความเชื่อทางจิตวิญญาณ พ.ศ….”

“ดิฉันขอยืนยันว่ายิ่งไปกว่าด้วยร่างกฎหมายฉบับนี้ หากผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะให้การรับรองและคุ้มครองทุกศาสนา ทุกความเชื่อที่มีความหลากหลายยิ่งของประชาชนในประเทศไทย อาทิ การนับถือการไหว้บรรพบุรุษ การบูชาสถานที่ศักด์สิทธิ์และพิธีกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” รฎาวัญ หัวหน้าพรรคเสมอภาคกล่าว
พรรคเสมอภาคยึดมั่นหลักเสมอภาคและเคารพความหลากหลาย ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อและเขตของพรรคนั้นมีทั้งผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะคุณนาดา ไชยจิตต์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านความเสอมภาคและสิทธิมนุษยชน นอกจากจะเป็นทั้งบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศแล้วยังเป็นมุสลิมหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย ด้วยประสบการณ์ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนที่มองเห็นว่ารัฐบาลที่ผ่านมาละเลยหรือให้ความสำคัญกับความเชื่อของประชาชนทุกภาคส่วนน้อยกว่าที่ควรจะเป็นในการนี้เลขาธิการพรรคเสมอภาค ดร.ฐิติพร ฌานวังศะ กล่าวย้ำว่าพรรคเสมอภาคได้ส่งแถลงการณ์แจ้งต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ เป็นลายลักษณ์อักษร ดังข้อความตามที่ปรากฎในแถลงการณ์ฉบับนี้ แสดงจุดยืน เรื่องความเสมอภาค ของพรรคเสมอภาค พร้อมขอบคุณผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่เห็นต่าง สื่อรณรงค์หาเสียงของพรรค เสมอภาคมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมไทยในทุกมิติ และยกระดับให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์การท่องเที่ยว การสร้างคุณค่าด้านความหลากหลายทางเพศและคุณค่าทางวัฒนธรรมเชิงจิตวิญญาณ หรือความเชื่อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองต่อไปในภายภาคหน้า เพราะพรรคเสมอภาคเชื่อว่า “ความเสมอภาคเป็นเรื่องที่รอไม่ได้”

กรณีดังกล่าวนี้ พรรคเสมอภาคขอยืนยันว่า มีความตั้งใจที่จะมุ่งส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองทุกศาสนาและทุกความเชื่อของพี่น้องประชาชน ให้เกิดความเสมอภาค เกิดความกลมเกลียวทางสังคม ยึดมั่นในหลักการที่ว่ารัฐกับศาสนาต้องแยกเป็นอิสระจากกันเป็นรัฐโลกวิสัย (secular state) ให้ประชาชนอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาได้ดีด้านวัฒนธรรม ให้การส่งเสริมและสนับสนุนภาครัฐดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ในการสร้างอัตลักษณ์และอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ดร.พนิดา เกษมมงคล กล่าวปิดท้ายว่า พรรคเสมอภาค มีนโยบายเร่งด่วนเพื่อพี่น้องประชาชนที่เข้าไปและพร้อมทำงานทันที

ร่วมน้อมรำลึก 153 ปี ชาตกาล “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ฟื้นรอยธรรมปฏิบัติบูชาสมาธิ ๑๕๓ ปีชาตกาล “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ หวังกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน ประชาชน คนรุ่นใหม่ได้หวนกลับมาเรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติของพระสายป่า สอดแทรกศีลธรรม อันเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๓ ปีชาติกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ระหว่างวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อน้อมรำลึกถึงองค์ ทั่วประเทศและต่างประเทศ และ วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพมหานคร

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถือว่าเป็นบุคคลที่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักและให้ความนับถือ เคารพกราบไหว้ตลอดมา ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในการปฏิบัติตัวขององค์ท่าน ซึ่งนับว่า ตลอดชีวิตขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้น องค์ท่านมีความแน่วแน่ในการสั่งสอนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แถบประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ได้รู้จักเรื่องของการทำสมาธิ เจริญภาวนา ซึ่งทำให้บุคคลผู้ปฏิบัติได้รู้เองเห็นเองว่า ความสงบที่เกิดขึ้นในใจของตน จากการทำสมาธิภาวนานั้น ทำให้จิตใจมีความสงบ เยือกเย็น ไม่ร้อนรุ่ม วุ่นวาย จนทำให้ชื่อเสียงขององค์ท่านได้แผ่ขจรขจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ
แม้องค์ท่านจะได้ละสังขารไปแล้วก็ตาม จวบจนปัจจุบันก็ยังมีประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็ได้ยอมรับและปฏิบัติตามกันอย่างกว้างขวาง ในเรื่องของการทำสมาธิภาวนา ตามแนวทางคำสั่งสอนขององค์ท่านอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ องค์การยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องเชิดชูให้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ประจำวาระปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ และทางคณะศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศก็ได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการขึ้น ในวันที่ ๒๐ มกราคม ของทุกปีอย่างต่อเนื่องกันมา

พระอาทิตย์ อธิปุญโญ (วงศ์แสนสุข) ผู้ประสานงาน ฝ่ายจัดงาน ๑๕๓ ปีชาตกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เปิดเผยถึงที่มาของการจัดงานว่า “อาตมาได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมน้อมรำลึก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งครบ ๑๔๙ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๒)จนถึง ๑๕๒ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๕) ที่ผ่านมาซึ่งก่อให้เกิดกระแสต่อสังคมมาก โดยเฉพาะเมื่อปี ๒๕๖๔ อาตมาได้รับรางวัล ค่าของแผ่นดิน จากผลงานผู้ริเริ่มเสนอหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต่อ UNESCO บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ วาระปี ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ ด้วยแล้ว ทำให้เกิดแรงผลักดันมุ่งมั่นต่อการจัดงานดังกล่าว


จึงร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ หน่วยงานต่าง ๆ องค์กรการศึกษาทั้งโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ได้เล็งเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้น ว่าสามารถสร้างแรงจูงใจ สร้างความสมานสามัคคี ให้กับมวลมนุษยชาติเป็นรูปธรรมให้เห็น และสร้างประโยชน์ได้อย่างแท้จริง จึงได้มีการเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมจัดงานวาระครบรอบในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในวาระปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งจะครบรอบวาระ ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงได้กำหนดการจัดกิจกรรมวันน้อมรำลึก ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดังนี
๑. วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อน้อมรำลึกถึงองค์ ณ วัด สถานปฏิบัติธรรม สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ทำงาน ที่บ้าน ทั่วประเทศ และต่างประเทศ
๒. วันเสาร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ มูลนิธิโรครักษ์ตับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับภาคีเครือข่าย และคณะศิษยานุศิษย์ จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
๑. กิจกรรมการรวมตัวของจิตรกรจิตอาสา จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วาดภาพในหัวข้อ “หลวงปู่มั่นกับสมาธิและสันติภาพ จากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต” เพื่อรวบรวมพลังความสามัคคีจากกลุ่มจิตรกรจิตอาสา ในการสร้างแรงจูงใจ การรวมพลังแสดงออกถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่คาดหวังว่าจะเกิดการแผ่ขยายในเรื่องชีวประวัติ คำสอน เป็นแบบอย่างอันดี ให้แก่เยาวชนของชาติในอนาคตต่อไป โดยจะนำภาพวาดดังกล่าวมาจัดแสดง และมีการประมูลภาพฯ ตั้งเป็นกองทุนฯ อีกด้วย
๒. การแสดงเดี่ยวเปียโนจากคุณ Ivan Sharapov นักเปียโนระดับโลก/วงดุริยางคศิลป์จากคณะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร/การขับร้องเพลงบูชาพระคุณหลวงปู่มั่น จาก ดร.โฉมฉาย อรุณฉาน และดร.อโนมา วิจิตรวิกรม และคณะ เพื่อรวบรวมพลังความสามัคคีจากกลุ่มนักดนตรี ร่วมกิจกรรมแสดงดนตรี ในหัวข้อ “ดนตรี และสมาธิภาวนา ในการบำบัดจิตใจ” อันจะสร้างแรงจูงใจให้ทั้งเด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ในการรวมพลังแสดงออกถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และขอเชิญผู้สนใจทุกท่าน ร่วมร้องเพลงเทิดเกียรติคุณ ๑๕๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อกราบน้อมรำลึกถึงองค์ท่าน
๓. กิจกรรมเจริญสมาธิวิปัสนนากรรมฐานแบบพระสายวัดป่า เพื่อให้มีเกิดสติ ในการใช้ชีวิต สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ โดย พระอาทิตย์ อธิปุญโญ M.D. อดีตอาจารย์หมอ ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น “ค่าของแผ่นดิน” ๒๕๖๔ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
๔. นิทรรศการแสดงภาพวาด จากกลุ่มนักเรียนระดับประถม มัธยม มหาวิทยาลัย และ ประชาชนทั่วไป ในหัวข้อ “หลวงปู่มั่นกับสมาธิและสันติภาพ ในมุมมองของฉัน” ภาพที่ส่งเข้าร่วมประกวดในงาน ๑๕๒ ปีชาตกาลฯ ซึ่งภาพวาดแต่ละกลุ่ม บ่งบอกถึงความรู้ ความสนใจในองค์หลวงปู่มั่น ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ หลักคิด ที่ได้จากการภาพวาดในมุมมองของแต่ละกลุ่มด้วยความศรัทธาที่เกิดจากผู้วาดภาพ
๕. นิทรรศการเผยแพร่ชีวประวัติหลวงปู่มั่น ข้อวัตรปฏิบัติและคำสอนขององค์ท่าน และองค์ความรู้ต่าง ๆ จากหนังสือชุดหลวงปู่มั่น ที่คนรุ่นหลังจะได้ศึกษา เรียนรู้ธรรมะด้วยตนเอง
นอกจากกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจำหน่ายชุดหนังสือหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มอบซีดีชีวประวัติหลวงปู่มั่น แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ และได้เผยแพร่องค์ความรู้ต่าง ๆ ในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อีกด้วย

จึงขอเชิญชวนเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรมน้อมรำลึก ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ ณ วัดที่จัดกิจกรรมทั่วประเทศ หรือปฏิบัติสมาธิ ที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียน ฯลฯ และในส่วนกลาง ขอเชิญชวนร่วมกิจกรรมฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ

สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ ๐๘๑ ๙๒๖๕๘๙๕

“ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของบริการสุดลักชูรี่ผสานเสน่ห์ไทย

กรุงเทพฯ ประเทศไทย (วันที่ 7 ธันวาคม 2565) – “ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้” (Chatrium Hospitality) กลุ่มโรงแรมอิสระชั้นนำของไทย เปิดตัว “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” (Chatrium Grand Bangkok) อย่างเป็นทางการ คอลเลกชันแบรนด์โรงแรมระดับลักชูรี่ในเครือแห่งแรก ประกาศก้าวสู่บทใหม่ของแบรนด์โรงแรมสัญชาติไทยแท้ ที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวยุคใหม่ บนทำเลทองย่านสยาม นำเสนอการบริการที่หรูหรา พิถีพิถัน ผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ววันนี้

ในภาพจากซ้าย: นายแดเนียล เคอร์ ผู้จัดการทั่วไป ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ, นางสาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้และเจ้าของ ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ และ นายเรเน่ บาลเมอร์ ผู้จัดการกลุ่ม ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้

“โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” ตั้งอยู่ใจกลางย่านสยาม ใกล้แหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงอันโด่งดังของกรุงเทพฯ ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง ทำให้โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ สามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกโดยทางรถยนต์และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สถานีสยาม) ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้ายอดนิยมอย่าง “สยามพารากอน” รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งอื่น ๆ มากมาย และสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ บ้านจิม ทอมป์สัน สะพานหัวช้าง และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้น ยังตั้งอยู่ริมฝั่งคลองแสนแสบ คลองสายหลักของกรุงเทพฯ อีกด้วย

โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ เป็นคอลเลกชันโรงแรมสุดหรูของเครือ
“ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้” และได้รับการพัฒนาโดย “ซิตี้ เรียลตี้” (City Realty) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลโสภณพนิช ด้วยเงินลงทุนในโครงการมูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาท (ประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ)

โรงแรมสุดหรูแห่งนี้ยังจะดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้วยการออกแบบที่สวยงาม โดยเป็นผลงานสร้างสรรค์ของ โรเบิร์ต ฟิลิป โฮล์มส์ (Robert Philip Holmes) สถาปนิกชื่อดังระดับโลก และ DWP บริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบระดับสากลที่มีประสบการณ์มาหลายสิบปีในประเทศไทย ผ่านการนำเสนอศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ของไทย อันสอดคล้องกับมาตรฐานการบริการระดับสูงของโรงแรม สู่การสร้างความรู้สึก “เหนือระดับยิ่งกว่า” (Feel the Remarkable) อย่างแท้จริง

คุณสาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ และเจ้าของ ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวโรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ อย่างเป็นทางการในวันนี้ โรงแรมเรือธงที่โดดเด่นและเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันระดับไฮเอนด์ของเรา โรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งนี้จะสะท้อนถึงมาตรฐานสูงสุดของการต้อนรับระดับสากล ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสง่างามที่แท้จริงของวัฒนธรรมไทยผ่านการออกแบบภายในและบริการอันประณีตของเรา และพร้อมแล้วเพื่อต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในช่วงไฮซีซั่น นอกจากนั้น เรายังพยายามที่จะเชิดชูมรดกไทยผ่านทักษะของช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีความสามารถ เพื่อนำเสนอการตีความที่สดใหม่ของศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ของไทยอีกด้วย”

โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ ให้บริการห้องพัก ห้องสวีท และเรสซิเดนซ์ รวม 582 ห้องภายในตึกแฝด ประกอบด้วยห้องพักที่กว้างขวาง ขนาดตั้งแต่ 46 ตารางเมตร ห้องสวีท 1-3 ห้องนอน ขนาด 170 ตารางเมตร ไปจนถึงเพนต์เฮาส์ ขนาด 321 ตารางเมตร ทุกห้องตกแต่งสไตล์เรียบหรู มีหน้าต่างแบบพาโนรามาพร้อมวิวเมืองที่สวยงาม เทคโนโลยีล้ำสมัย และห้องน้ำหินอ่อน พร้อมอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวขนาดใหญ่ หัวเตียงประดับภาพศิลปะดอกบัวอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งจะสร้างประสบการณ์เสมือนบ้านสำหรับแขกที่เข้าพักระยะยาวอีกด้วย

นักชิมสามารถลิ้มลองรสชาติอาหารเลิศรสที่มีร้านอาหารและบาร์ถึง 5 แห่งภายในโรงแรม ได้แก่ “Savio” นิยามใหม่ของร้านอาหารเสิร์ฟอาหารไทยแท้และอาหารนานาชาติ “Casia” ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียนฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ จับคู่กับไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดี “Flow” เลานจ์ริมสระว่ายน้ำบรรยากาศสบาย ๆ “Lobby Lounge” สถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนด้วยกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มเบา ๆ ได้ทุกช่วงเวลาของวัน และ “Club Lounge” เป็นพื้นที่เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแขกที่เข้าพักในห้องพรีเมียมและห้องสวีทเพื่อผ่อนคลายได้ทุกเวลา ด้วยเครื่องดื่มฟรีและบริการพิเศษ

นักธุรกิจและผู้วางแผนการประชุมสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่จัดงานที่สามารถจัดกิจกรรมทุกรูปแบบ ด้วยห้องประชุมหลากหลายขนาด รวมถึงห้องแกรนด์บอลรูมขนาด 500 ตารางเมตร สูง 10 เมตร รองรับผู้ร่วมงานได้สูงสุด 700 คน มีแสงธรรมชาติส่องถึง ไม่มีเสากลาง พร้อมจอ LED ที่ทันสมัย เหมาะสำหรับเป็นเวทีสำหรับงานกาล่าอลังการ หรืองานแต่งงานสุดพิเศษ โดยจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเนรมิตให้ทุกงานตรงกับทุกความต้องการ

ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายในสระว่ายน้ำขนาด 40 เมตร รายล้อมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์กลางเมือง หรือออกกำลังกายในศูนย์ออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ Life Fitness ครบครัน ต่อด้วยการฟื้นฟูร่างกายที่สปาที่ดำเนินงานโดย THAAN Wellness Sanctuary และนวัตกรรมห้องบำบัดด้วยเกลือและออกซิเจน ในขณะที่คุณหนู ๆ สนุกได้อย่างเต็มที่ที่คิดส์คลับ

Chatrium Hospitality ดำเนินกิจการโรงแรมและเรสซิเดนซ์ 12 แห่ง ซึ่งปัจจุบันดำเนินงานใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และพม่า ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ 9 แห่งในกรุงเทพฯ รวมทั้งโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ (Chatrium Hotel Riverside Bangkok) ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Chatrium Hospitality กรุณาเยี่ยมชมที่ www.chatriumhospitality.com

มหกรรมหนังสือ บิ๊กแบดวูล์ฟ บุ๊ค เฟสติวัล

มอบความสุขส่งท้ายปลายปีอิมแพ็ค ร่วมกับ บิ๊ก แบด วูล์ฟ บุ๊คส์ และ ไทยบุ๊คส์ ยูไนเต็ด ผนึกกำลังจัดเทศกาลหนังสือ บิ๊กแบดวูล์ฟ ครั้งแรก เชิญชวนผู้รักการอ่านมาเลือกชมและซื้อหนังสือคุณภาพทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษมากกว่า 1 ล้านเล่ม จากสำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วโลก รวมถึงสำนักพิมพ์ของไทยกว่า 40 แห่งที่พร้อมใจเข้าร่วมจัดแสดงหนังสือและมอบโปรโมชั่นพิเศษเฉลิมฉลองส่งท้ายปีลดราคาสูงสุดถึง 95% ครอบคลุมในทุกหมวดหมู่หนังสือ เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็ก หนังสือเฉพาะด้านการออกแบบ ดนตรี กีฬา ภาพยนตร์ กราฟฟิค แฟชั่น ธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ การจัดสวน ทำอาหาร งานอดิเรก จิตวิทยาและแรงบันดาลใจ หนังสือป๊อบอัพ รถยนต์ นวนิยาย ความรัก สืบสวน ชีวประวัติ วรรณกรรมเยาวชน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีสื่อการเรียนการสอน สมุด ของตกแต่ง อีกทั้งโซนของเล่นบอทเกม,ไดโนเพลย์สเปซโดยแปลนทอยส์กิจกรรมประจำวันที่น่าสนใจ

พบปะนักเขียน เสวนาให้ความรู้และอีกมากมายตอกย้ำนี่คือเทศกาลหนังสือสุดยิ่งใหญ่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วพบกันระหว่างวันที่ 7–18ธันวาคม2565 เวลา 10.00 – 24.00 น. ณ อาคาร4 อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี งานนี้เข้าฟรี ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/bbwbooksthailand หรือ อินสตาแกรมbigbadwolfbooks_th

https://www.toptotravelvariety.com/2022/11/blog-post_66.html

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ ดื่มด่ำวิถีระยอง ในมุมมองน่ารัก สไลว์ไลฟ์ริมชายหาด  อัศจรรย์ป่าชายเลน เดินเล่นสวนไม้หอม

ความเร่งรีบกดดันในแต่ละวัน อาจทำให้คนเราสะสมความเครียดไว้โดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีคือการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ พาตัวเองออกไปพบเจอกับมุมมองที่โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเติมเต็มแรงบันดาลใจจากผู้คนรอบข้าง อย่างที่จังหวัดระยอง แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็มีมุมสโลว์ไลฟ์ให้เลือกชิลอยู่หลายจุด ภายใต้บรรยากาศของท้องทะเลชายฝั่ง ที่ยังคงความเงียบสงบ

โครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยชวนออกเดินทางไปผ่อนคลายในมุมที่น่าชื่นตาชื่นใจ ในจังหวัดระยอง ขับรถออกจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะได้พักสายตาไปกับชายหาดที่ทอดยาว ไล่เรียงตั้งแต่หาดแหลมเจริญ หาดแสงจันทร์ ไปถึงหาดสุชาดา โดดเด่นด้วยโค้งเว้าของแนวกำแพงหินที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่ง และทำให้การลงเล่นน้ำเป็นไปอย่างปลอดภัย เรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ผสมผสานเรื่องราวของวิถีชาวประมงชายฝั่ง ที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย

หาด Coffee Truck เพียงแรกพบก็ตกหลุมรัก
ประโยคที่ว่า “อยากไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเล” แม้จะออกแนวประชดประชัน แต่สะท้อนภาพความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การได้นั่งเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดกังวลใด ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตบนชายหาดแหลมเจริญ บรรดา Food Truck และ Coffee Truck พร้อมบูทจำหน่ายสินค้าและอาหารแบบดั้งเดิม เรียงรายไปตลอดทาง แต่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนได้สัมผัส

ที่โดดเด่นมากในตอนนี้คือบรรดา Coffee Truck คาเฟ่เคลื่อนที่สไตล์มินิมอล ให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ มาพร้อมสไตล์ของตัวเอง เป็นสีสันใหม่ของการนั่งเล่นริมชายหาด นอกจากเมนูเด็ดของแต่ละร้านแล้ว การเลือกเก้าอี้ชายหาดเก๋ ๆ มาให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวระยอง เข้ามานั่งเล่นกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ต่างก็นั่งหันหน้าทิ้งสายตาไปกับทะเลกว้าง นับเป็นบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีต่อใจสุด ๆ

วิถีชาวเล กลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ
บริเวณชายหาดแหลมเจริญ เป็นที่ตั้งของชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องราวชีวิตชาวประมงที่ยังคงสืบสานวิถีชีวิตของชาวบ้านชายทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน คนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดง ยังทำประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่าย อบอุ่นใจเมื่อได้พบเจอ

“ส้ม-กุสุมา ชูทอง ทรัพย์ประเสริฐ”สมาชิกวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยองเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านบริเวณนี้เป็นประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่ผูกพันกับทะเลมานานในทุกวันสามีของเธอจะออกไปวางอวนทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นก็จะออกไปเก็บอวนกันตั้งเช้ามืด จากนั้นเธอและลูก ๆ ก็นำมาคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่ติดอวนมาจะค่อนข้างพัลวัน หากเส้นอวนขาดก็ต้องเสียเวลาซ่อม จึงต้องใช้เวลานาน สมาชิกในบ้านก็ต้องมาช่วยกันทั้งหมด

ผลผลิตที่ได้ก็คละ ๆ กันไป ทั้งปูดำ ปูม้า ปูแป้น หอย ปลา รวมทั้งขยะที่ติดมากับอวน จึงต้องใช้เวลาทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนจะนำไปวางในทะเลอีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน สนใจมาชมแนะนำว่าให้มาประมาณแปดโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมาก หากต้องการซื้อก็สามารถติดต่อได้ทันที บางเจ้าก็นำไปส่งให้ร้านอาหาร บ้างก็ส่งตลาดในระยอง บางส่วนก็วางขายกันหน้าหาด ในราคาแบบชาวบ้าน และรับประกันความสด นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแดดเดียว ฯลฯ วางจำหน่ายริมสองข้างทางบริเวณหน้าหาด

ล่องเพลิน เดินชิล ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
ระยองเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่จับต้องได้ไม่ยาก จากเอกลักษณ์ของตัวเมืองที่ติดทะเล โดดเด่นด้วยทรัพยากรอันสมบูรณ์ ชื่นตาชื่นใจจากความอลังการของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ขนาด 500 ไร่ ครอบคลุม ต.ปากน้ำ และ ต.เนินพระ เป็นผืนป่าที่อยู่คู่เมืองระยองมาอย่างยาวนานประกอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นแสม โกงกาง เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหลากชนิด จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญคือสวยงามมาก

ความอลังการของผืนป่ากว้างที่มองได้จากมุมสูง นอกจากการขึ้นหอชมวิวแล้ว สามารถเลือกที่พักริมชายหาดที่มองเห็นผืนป่าได้อย่างอลังการเช่น หาดแสงจันทร์ อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและที่พักสวยหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ระเบียงของทุกห้องจะมองเห็นความอัศจรรย์ของสองฝั่ง ทั้งฝั่งชายทะเล และฝั่งของคลองที่ลัดเลาะเลียบแนวป่าชายเลน เป็นภาพประทับใจ ท่ามกลางการเข้าพักที่แสนสะดวกสบาย

โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป
ซึ่งได้เปิดกิจการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัด ระยอง เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาวเลียบหาดแสงจันทร์เป็นโรงแรมน้องใหม่ที่ทันสมัยบรรยากาศริมทะเล ติดแม่น้ำ ที่สวยงาม มีการออกแบบโครงสร้างให้ทันสมัยรายล้อมด้วยทะเลอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์และป่าชายเลน
ที่เขียวชอุ่ม ประกอบด้วย อาคารมีที่ห้องพักทั้งหมด 7 ชั้น

ห้องพักจำนวน 107ห้อง ประกอบไปด้วยห้องพัก ห้องดีลักซ์ 48 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ซี วิว 16 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ริเวอร์วิว 28 ห้อง/28.7 ตร.ม. พรีเมียร์ 1 ห้อง/44 ตร.ม. พรีเมียร์ ซี วิว 12 ห้อง/29.1 ตร.ม.เอ็กเซ็คคูทิฟ สวีท ซี วิว 2 ห้อง/58.8 ตร.ม. มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง รวมถึงร้านอาหารไทยร่วมสมัย อาหารท้องถิ่น ห้องฟิตเนส และห้องประชุม ห้องประชุมแสงจันทร์ธารา พื้นที่217 ตร.ม.จ รองรับได้ถึง 200 ท่าน ขึ้นไป

ทั้งนี้ โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง  ได้การยอมรับด้วยมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการ SHA” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัย อีกทั้ง  โรงแรม ยังตอบสนองของนโยบาลรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูน เป็นโรงแรมอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือหรือเดินเล่นบนสะพานเลียบป่าชายเลนระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตรเพื่อชื่นชมความงดงามของ “ป่าในเมือง” หรือทีเรียกกันว่า“ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ล้อมด้วยป่าชายเลนท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์สร้างขึ้นตั้งแต่งปี พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ผู้ที่เดินเรือรู้ว่ามาถึงระยองแล้ว สามารถเดินล่องเรือหรือขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก

กรุ่นกลิ่นกฤษณา กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลาย
เพราะกลิ่นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความผ่อนคลาย ในเส้นทางเที่ยวระยองครั้งนี้ จึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สอดแทรกความรู้เรื่องไม้กฤษณา พร้อมช่วงเวลาอันน่าประทับใจ ในพื้นที่ของ “มีสุข ฟาร์ม” (Mesook Farm)ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 

“พิกุล กิตติพล”ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาเล่าว่าในพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180  ชนิด นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ

มาแล้วต้องแวะร้านจำหน่ายสินค้า “บ้านมีสุข” มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด เช่นธูปปั้น ธูปหอม น้ำมันหอม น้ำหอมระงับกลิ่นกาย โลชั่น แชมพู เซรั่มโฟมล้างหน้า ฯลฯ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาอุดหนุนสินค้า จะได้สัมผัสกับน้องหมาซามอยด์แห่งผืนป่ากฤษณาที่จะร่วมแอคท่าถ่ายรูปกับทุกคน

“มีสุข ฟาร์ม” ยังนำเสนอความสุขของการเข้าพักในสวนป่าที่รายล้อมบึงน้ำขนาดใหญ่  มีบริการทั้งที่พัก และร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดพร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อาทิ กาแฟน้ำผึ้ง กฤษณามรกต กฤษณารัญจวน ฯลฯ อิ่มแล้วก็ไปพบกับฐานการเรียนรู้แนวแอดเวนเจอรอีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย

มีสุขฟาร์ม
(ห่างจากตัวเมือง 42 กิโลเมตร)
เปิดบริการทุกวัน : 09.00 – 17.00 น. โทร. 0828987886
(กรุณาติดต่อล่วงหน้า สำหรับกิจกรรมฐานเรียนรู้ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)

ใครที่อยากเติมพลังรับพลังธรรมชาติตามศาสตร์ฮวงจุ้ย แนะนำได้เดิมข้าม“สะพานเปี่ยมสุข” และ “สะพานแขวน” ที่ได้รับการยืนยันจากปากของซินแสขาวสิงคโปร์ว่า สายลมที่พัดโชยในผืนป่ากว้าง พร้อมอากาศอันบริสุทธิ์
ถือเป็นแหล่งรับพลังที่ดีมาก

 ออกไปผ่อนคลายในบรรยากาศอันน่าชื่นใจที่จังหวัดระยอง กับโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนท่องเที่ยวเมืองไทย ไปซบไหล่ธรรมชาติ รับพลังอันแสนบริสุทธิ์ พร้อมสนับสนุนแง่มุมดี ๆ ให้กับชุมชน ถือเป็นเส้นทางแห่งความสุขและการส่งต่อแรงบันดาลใจ เติมพลังจิตพลังใจก่อนที่จะกลับมาต่อสู่กับงานอีกครั้ง

วิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยอง (กุสุมา ชูทอง)
โทร.0824618933
(มีบริการปูนึ่งพร้อมน้ำจิ้ม-หากต้องการเนื้อปูแกะต้องสั่งล่วงหน้า)

ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1  โทร. 038 020 070
ติดต่อเรือ โทร. 095225 7993
(เรือออกช่วงบ่าย ค่าบริการรอบละ 300 บาท นั่งได้ 6 ท่าน)
ททท.สำนักงานระยองโทร : 038 655 420

theAsianparent (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์) เผยโฉมสุดยอดแบรนด์ผลิตภัณฑ์ บริการ เพื่อแม่และเด็ก

สื่อโซเชียลสายครอบครัวแห่งปี ในเวทีการประกวด ‘theAsianparent Awards 2022’

นางนิธินันท์ อัศวทร กรรมการบริษัท ทิคเคิลด์ มีเดีย จำกัด ผู้บริหาร theAsianparent ประเทศไทย คอมมูนิตี้ออนไลน์อันดับ 1 เรื่องแม่และเด็ก ครบเครื่อง ครอบคลุม ทุกเรื่องในครอบครัว จัดงานประกาศผลและมอบรางวัล theAsianparent Awards 2022 (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์ อวอร์ด 2022) หรือ TAP Awards สุดยอดแบรนด์ผลิตภัณฑ์ บริการ เพื่อแม่และเด็ก และเหล่าคุณแม่ผู้ทรงอิทธิพลในสื่อโซเชียลแห่งปี 2565 โดยในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 81 รางวัล โดยได้แบ่งการประกวดออกเป็น 5 กลุ่มรางวัล ประกอบด้วย Experts’ choice awards, Parents’ choice awards, Proudly Local awards, Most Promising awards และ Most Innovative awards โดยมีแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรวม 315 แบรนด์ จาก 74 หมวดสินค้า พร้อมรางวัลพิเศษที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับผู้ทรงอิทธิพลด้านสื่อโซเชียลสายครอบครัว ที่มอบให้แก่สุดยอด influencer ที่พ่อแม่ชื่นชอบ ซึ่งรางวัลในกลุ่มต่างๆ ได้รับการตัดสินจากคะแนนโหวตของเหล่าพ่อแม่บนแพลตฟอร์มของ theAsianparent ที่ร่วมโหวตกว่า 2,448 โหวต และจากการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูบุตรจากโรงพยาบาลชั้นนำของไทย

GIT จับมือ eBay สร้างความเชื่อมั่น หนุนอัญมณีและเครื่องประดับขยายตลาดออนไลน์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประกาศความร่วมมือ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ eBay ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU เดินหน้าสร้างความความเชื่อมั่นสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย พร้อมหนุนผู้ประกอบการขยายช่องทางการตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ GIT เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เห็นได้ว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2565 เติบโตได้ร้อยละ 76.33 เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 5,545.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 9,778.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 3
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.66 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 4,439.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 36.16 และตลาดส่งออกสำคัญของไทยส่วนใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย ฮ่องกง เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็ยังมีอัตราการขยายตัวตัวเนื่อง นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์ ได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างมาก


GIT ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้ร่วมมือกับ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก โดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ Buy with Confidence หรือ BWC
ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง การซื้อขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ผู้ซื้อไม่มีโอกาสเห็นสินค้าจริง บ่อยครั้งมักเกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ในเรื่องคุณภาพและคุณลักษณะของสินค้า ซึ่งการจำหน่ายสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบและออกใบรับรองนั้นจากแลปที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จะเป็นเสมือนใบรับประกันคุณภาพว่าอัญมณีและเครื่องประดับนั้นเป็นของแท้ คุณสมบัติตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และนำไป
สู่มูลค่าทางการค้า รวมถึงสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศด้วย

นายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “อัญมณีทั้งแบบเม็ดและขึ้นเรือนเป็นเครื่องประดับเป็นกลุ่มสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ที่ผู้ขายจากไทย ทำการขายและส่งออกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกผ่านอีเบย์ ในวันนี้ จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบัน GIT ซึ่งเมื่อมีโครงการ “ซื้อด้วยความมั่นใจ” หรือ Buy with Confidence จะยิ่งช่วยยกระดับความมั่นใจของผู้ใช้อีเบย์ 138 ล้านคนทั่วโลกที่มีต่อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากไทย และช่วยให้ยอดขายของผู้ขายชาวไทยพัฒนาไปได้เร็วขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการ eBay NextGen ที่จะมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่เอสเอ็มอีผู้ประกอบกิจการเครื่องประดับ ที่มาเปิดร้านออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
ของอีเบย์”

นอกจากการลงนามลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU แล้ว ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 GIT ยังเปิดให้บริการตรวจสอบและออกใบรับรองอัญมณีและเครื่องประดับแบบ Onsite ณ คูหาเลขที่ A01, 03, 05 และ B02, 04 ,06 และยังมีการจัดกิจกรรมสัมมนาที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การสัมมนาหัวข้อ Next Step for Gem and Jewelry METAVERSE, New Level up of Thai Silver และ Workshop จี้เงินตาไม้ ที่คุณจะได้รับเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลก หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2565

ณ คูหา Gems Treasure บริเวณด้านหน้าทางเข้า Challenger Hall 2
อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกด้วย