มื้อเที่ยงวันนี้ Toptotravel อยู่ที่ ร้านอาหารไทยชื่อดัง ‘กินรี’ ย่านสุขุมวิท ภายในตกแต่งสวยงาม นั่งสบาย บรรยากาศดี ทางร้านมีเมนูความอร่อยให้เลือกหลากหลายรสชาติไทยแรงบันดาลใจเกิดจากความชำนาญ สู่ร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวไทยชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มยุโรป และ เอเชีย ร้านอาหารไทยต้นตำรับบรรยากาศดีที่มีเมนูอาหารอร่อยถูกปากแน่นอน
กินรี เปิดมาสิบเจ็ดปี เมื่อตั้งชื่อร้านกินรี มีเรื่องเล่าที่อยู่ภายใต้ชื่อ กินรี เป็นสัตว์ในวรรณคดีที่มีรูปร่างครึ่งนก ครึ่งผู้หญิง อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ กินรี คนไทยส่วนมากรู้จักกินรีจากนิทาน ชาดก และวรรณคดีเรื่องราวเป็น Love Story ของคนไทย เป็นเรื่องความรักระหว่างเจ้าชายกับกินรี โดยทางร้านตกแต่งร้านให้มีดอกไม้ ใบไม้ ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการออบแบบตกแต่งในเมนูอาหารด้วย ปรับความคิดว่า อาหารธรรมดาของไทย เป็นอาหารที่ชาวต่างชาติ ว้าว!!! หนึ่งในเมนูอาหารที่เมื่อมาเมืองไทยต้องมากิน ร้านนี้จึงเสิร์ฟอาหารไทยเอาใจชาวไทยและต่างชาติ นอกจากอาหารไทยมีรสชาติอร่อยแล้ว ที่ร้านยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกหลากหลายมุมภายในและบริเวณภายนอก รวมไปถึงมีโซนนั่งชิลจิบ Cocktail อีกด้วย
วนัสนันท์ กนกพัฒนางกูร Vanessa WU ผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรมและที่ปรึกษา ด้านร้านอาหารไทยในต่างประเทศ Kinnaree Gourmet Thai Co,Ltd ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ Kinnaree Gourmet Thai Co,Ltd ( Kin Academy)
เชฟหน่อย เจ้าของร้าน ผู้สรรค์สร้างรสชาติอาหารไทยที่ถูกลิ้นชาวต่างชาติ
สู่การต่อยอดและสร้างอาหารไทยให้แข็งแรงด้วยการศึกษาไกลถึงต่างประเทศ ชวนเปิดประสบการณ์อาหารไทยร่วมสมัยใน Kinnaree สุขุมวิท 8 รังสรรค์เมนูไทยรสชาติต้นตำรับ เพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ในทุกจาน
เพียงเพราะว่า…เชฟอยากให้คนไทย ทานอาหารไทยแท้ที่มีคุณภาพ เสิร์ฟความอร่อยแบบจานต่อจานจากเชฟมากประสบการณ์รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร
วันนี้ เชฟหน่อยนำเสนออาหาร โดยเริ่มต้นจานแรกอยากให้ทานก่อน เป็นอาหารจานทอด “ค้างคาวเผือก” ชื่อแปลกเป็นอาหารโบราณ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า เชฟแกะจากสูตรโบราณ แล้วนำมาลองทําเป็นอาหารร่วมสมัย ใช้ข้าวเม่ากรอบเพื่อที่ทานควบคู่ไปด้วย นำดอกไม้ตกแต่งสวยงาม (ดอกไม้สามารถทานได้หมด) ทางร้านมีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายเมนูยอดนิยมทั่วประเทศไทย วันนี้ขอแนะนำเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดต่อไปนี้
ยำส้มโอ
ต่อมาเป็น “ยําส้มโอ” เชฟหน่อย เล่าต่อว่า “ใช้ผลไม้ไทยเสริฟ แล้วทําให้เกิดยำแดง คือ สีของน้ำยำ มีส่วนผสมจากน้ำพริกเผาเป็นส่วนช่วยทำให้ออกเป็นสีแดง และเพิ่มความน่าทานด้วยกลิ่นหอมของมะพร้าวคั่วและกลิ่นหอมของน้ำมันน้ำพริกเผา รสชาติของเชฟหน่อยมเปรี้ยวของส้มโอท็อปอัพด้วยหอมเจียว ซึ่งเมนูนี้ใช้เวลานานมากในการเจียวหัวหอม ใช้ฝีมือในการยํา รสชาติไม่เผ็ด เน้นความหอมและความเปรี้ยว เหมาะมากสําหรับทานในหน้าร้อน ซึ่งในเมืองไทยคนต่างชาติชอบมาก เพราะมาถึงร้านกินนรี มาเมืองไทยต้องทานผลไม้ไทย เป็นที่มาของเมนูยำไทย
ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนลำไย
ถัดมาอีกหนึ่งเมนู ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนใส่ลำไย นำความหวานจากลําไย ปกติทานลำใยเป็นผลไม้ หรือขนมหวานข้าวเหนียวเปียกลำไย เชฟนำลำไยใช้ความหวาน เป็นส่วนประกอบอาหารในต้มแซ่บ
ทำให้ความเปรี้ยวเค็มของต้มแซ่บให้เกิดความละมุน พอเราเคี้ยวลําไยไปจะทําให้รู้สึกว่าไม่เผ็ดและกลมกล่อม
เมี่ยงคำ
เสริฟมาในภาชนะที่ต่างชาติเห็นแล้ว ว้าว! อีกเช่นกัน เป็นตัวชูโรงให้อาหารไทยเลยทีเดียว เพราะว่าสมุนไพรไทย ในจานนี้ มีขิง มีพริก มีมะนาวหั่น มีหอมแดง มีมะพร้าว ซึ่งเป็นมะพร้าวซอยและอบทางร้านไม่ใช้กุ้งแห้ง เพราะฝรั่งทานกุ้งแห้งแล้วจะรู้สึกว่าแข็งและมีกลิ่นคาวมากกว่ากุ้งธรรมดา มีไก่ และถั่ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้ำซอสมีความกลมกล่อม หอม เครื่องปรุงรสกลมกล่อม ทานกับใบชะพลู วิธีการห่อแบบคนไทยสมัยโปราณ ทำให้ลูกค้าต่างชาติเห็นว่า คนไทยสมัยโบราณทานอาหารด้วยมือ เพราะฉะนั้น การทานเมื่องคำห่อ เมื่อทานกัดเข้าไปข้างใน ลูกค้าจะชอบเมนูนี้มาก เพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทานอาหารแบบนี้
ลาบเป็ดส้มกินรี
ด้วยความที่เราใช้ผลไม้หลากหลาย เมนูนี้ใช้ส้ม รวมกับความเผ็ดจัดจ้านของลาบ ซึ่งส้มกับเป็ดมันคู่กัน เมื่อทานคู่กันและน้ำลาบแบบอีสาน สิ่งที่เป็นเสน่ห์คือ ของจานนี้ คือ หอมแดงเวลากินลาบแล้วกัดหอมแดงเข้าไปจะรู้สึกเข้ากัน และรู้สึกว่าลงตัวด้วยความสดชื่นของหอมแดง และหมี่กรอบ
ห่อหมกทะเล
เมนูที่มีผลไม้เป็นส่วนประกอบอีกแล้ว มะพร้าว ขูดเอาเนื้อมะพร้าวอ่อนลงมาผัดกับพริกแกงแดง เมนูนี้ว้าวเช่นกัน เวลาทานได้ความหอม ความมันของตัวมะพร้าว บวกกับตัวกะทิและพริกแกงแดง เชฟปรุงแต่งด้วยความสดของเครื่องปรุงรสมีส่วนผสมของซีฟู้ดรวมไปด้วย
ปลาย่างทักษิณา
ถัดมาจึงเป็น ปลาย่างทักษิณา คลุกซอสให้มีรสชาติเค็ม หอม ทักษิณาใช้สะตอผัดกับเนื้อหมู ใช้พริกเหลืองเพื่อให้เกิดความหอม สีสวย สองอย่างนี้ดูไม่เข้ากันนะแต่นำมาทานด้วยกันอร่อยมาก
ข้าวผัดปลาร้า
เชฟใช้สูตรเด็ด น้ำปลาร้าที่มาจากปลาช่อน และยังมีปลาช่อน ปลากะดี่ ที่เชฟทำเป็นกากปลาร้า เพื่อที่จะทำเป็นท็อปอัพและโรยด้านบนของข้างผัด วิธีการคล้ายกับข้าวคลุกกะปิมีหอมแดง พริก ความเปรี้ยวจากมะม่วง คลุกเคล้าเกิดความหอมและความลงตัวที่เกิดจากปลาร้า โดยปกติกินปลาร้าจากส้มตำและเป็นอาหารจานเย็น แต่วันนี้เราทำเป็นอาหารจานร้อน ทำเป็นน้ำแล้วนำมาคลุกเคล้าเป็นเมนูข้าวผัด ข้าวผัดผ่านความร้อนเป็นข้าวผัดปลาร้าบวกกับความลงตัวของ Herb มะม่วงและพริกให้ความลงตัวทานแล้วละมุนปากอยากให้ทานเป็นจานสุดท้าย ให้ความรู้สึกว่าจบ แปลว่าอิ่มสบายท้อง ความทรงจำในรสชาติทั้งหมดจะโหยมาอยู่ในคำสุดท้าย อร่อยคุ้นปากทุกเมนูจริงๆ
สำหรับเมนูขนมหวาน
ข้าวเหนียวมะม่วงและไอติมน้ำตาลโตนด
ปิดท้ายความอร่อยมื้อนี้ด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง จบด้วยไอศกรีมน้ำตาลโตนด โดยได้มาจากหนังสารคดีที่เชฟไปถ่ายทำ ไปเจอคนทำน้ำตาลโตนดรสชาติหวานไทย หวานละมุน
ร้านกินรี สุขุมวิท 8 Kinnaree Sukhumvit 8
เลขที่ 43 ซอย สุขุมวิทซอย 8 ( 250 เมตร)
เปิดบริการ ทุกวันตั้งแต่เวลา 12:00-15:00 | 18:00-24:00
โทร. 094 229 8998
เดินทางรถไฟฟ้า BTS สถานี นานา ซอย 4
Our team pleasured for your visit
Transportation BTS NANA (Exit 4)
https://maps.app.goo.gl/EZWPG6EoqL2JWEsz7?g_st=ic