มารุเซ็น แบรนด์ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ ผลิตชาเขียวนอกประเทศญี่ปุ่น
ครั้งแรกในเมืองไทย มารุเซ็น ที เจแปน จัดตั้ง บริษัท มารุเซ็น ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดโรงงาน
ที่ไร่บุญรอด ได้โนฮาวและเทคนิคต่างๆ ในการปลูก และดูแลรักษาในแต่ละวัน เกษตรกรจะเก็บใบชาสด
เพื่อส่งเข้าสู่โรงงาน แปรรูปเป็นชาเขียวญี่ปุ่นชง ทั้งในรูปแบบชาเขียวใบ ชาเขียวชนิดซอง ชาเขียวผง
เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการเติบโต ของร้านอาหาร สายการผลิต ทุกขั้นตอน
จากประเทศต้นกำเนิด ส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาดูแลด้วยตนเองเองอย่างใกล้ชิด
ได้เห็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย กับขั้นตอนการผลิตชา ในโรงงานแห่งนี้ จึงทำให้มั่นใจได้ทันทีว่า ที่นี่ผลิต
ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ คุณภาพญี่ปุ่นแน่นอน
Maruzen มืออาชีพด้านชาเขียว อันดับต้นของญี่ปุ่น กับปรากฏการณ์ผลิตชาเขียวนอกประเทศ
วันนี้การเดินทางเพื่อชม ไร่บุญรอด ได้เห็นพื้นที่ปลูกชาที่ทันสมัย และดีที่สุดในประเทศไทย ด้วยการนำเข้าเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพื่อผลิตชาเขียวคุณภาพดี มารุเซ็นเป็นมืออาชีพที่แข็งแรงเรื่องการผลิตชาเขียว จากประเทศญี่ปุ่น เมื่อมาพบไร่ชาคุณภาพ ตั้งอยู่ บนพื้นที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย (ไร่บุญรอด) มารุเซ็น ตัดสินใจผลิตและส่งออก จัดจำหน่ายชาเขียวที่เพาะปลูก ไปยังตลาดโลก เรื่องที่สำคัญที่สุด คือ การตัดสินในเลือกตั้งโรงงาน ชาเขียว ที่ประเทศไทย ในจ.เชียงราย ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกรู้ว่า ประเทศ
ไทย เป็นแหล่งผลิตชาชั้นดีที่สุด มาถึงเมืองไทยแล้วอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงรายนี่เอง
การเปิดโรงงานที่ไร่บุญรอด ในครั้งนี้ เป็นความพิเศษทางเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าใครใคร อยากดื่มชาเขียวที่
ผลิตจากประเทศไทย ดูแลทุกขั่้นตอนโดยผู้ชำนาญการเรื่องชา จากญี่ปุ่นโดยตรง ข้อมูลเบื้องต้น และผลสำรวจสุขภาพของคนญี่ปุ่น จากชิสึโอกะ ซึ่งที่นี่เป็นต้นกำเนิดของ Maruzen Tea Japan ที่มีสุขภาพดี
กว่าจังหวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่น พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนไทยนิยมและได้รู้จัก ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ เครื่องดื่มที่ผลิตและให้ประโยชน์สูงสุด มารุเซ็น มีตลาด
และช่องทางการขายที่ดีอยู่แล้วนอกจากตลาดในไทย ในอนาคต มารุเซ็น ยังมีแผนส่งชาเขียว ส่งขายยัง ประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ใต้หวัน รวมทั้งประเทศต่างๆ ในอาเซียน
ไปเที่ยวไร่ชา อยากให้ทุกท่านรู้จักกับประเภทของชาเขียวที่เราดื่มกัน
รู้ไหมว่า? ชาเขียวแบบญี่ปุ่น กับ ชาเขียวแบบจีน ต่างกันอย่างไร?
ชาเขียวแบบจีนชื่อของชา ก็บอกอยู่แล้วว่า ชาเขียว แบบจีน ซึ่งจะแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องการผลิต การดูแลใบชา ชาเขียวแบบจีน วิธีการทําให้ใบอ่อนนุ่ม ด้วยการนำไปคั่วในกระทะร้อน การผ่านความร้อนด้วยวิธีนี้ ทำให้วิตามินและสารอาหารต่างๆ สูญหายไป เมื่อนำชาที่ได้ มาชงด้วยน้ำร้อนสีของชาจะออกสีเหลือง-เขียว
จะมีสีเขียวอ่อนๆรสชาติฝาด และขม ดื่มแล้วช่วยระงับกลิ่นปาก
ชาเขียวแบบญี่ปุ่นแท้ แตกต่างที่การดูแล การเลือกใบชา การผลิตชาเขียวญี่ปุ่นไม่ต้องคั่วใบชา หลังจากเก็บใบชามาแล้ว จะใช้วิธีการ “อบไอน้ำ” เป็นชาเขียวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด เป็นชาที่ไม่ผ่านกรรมวิธีการหมัก ทำให้ใบชานั้น ไม่สูญเสียองค์ประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปในระหว่างการหมัก เหมือนกับ ชาเขียวแบบจีน วิธีการผลิตชาเขียวญี่ปุ่น คือ ทำใบชาให้แห้งที่อุณหภูมิสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบชายังคงความเขียว เหมือนใบชาสดๆ ผ่านความร้อน ด้วยการเป่า และอบไอน้ำ หลังจากนั้น จึงนำมานวดใบชา และนำไปอบแห้งอีกครั้ง ผลที่ได้จากการผลิตแบบนี้ ทำให้คงสภาพสีและกลิ่นของของชาเอาไว้ได้ ใบชาเขียวที่นำมาชงดื่ม มีกลิ่นหอม สีเขียวสด กลิ่นคล้ายๆ กับสาหร่าย ทำให้ชาเขียวญี่ปุ่น มีสารอาหาร พวกโปรตีนวิตามินซีสูง เป็นสารต้านมะเร็ง ช่วยการเผาผลาญไขมัน ลดระดับคลอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยควบคุมการทำงานของสมอง
ยอดชาสด การผลิตชาให้ได้คุณภาพดี ต้องเริ่มจากใบชาที่มีคุณภาพ ยอดชาที่ดีที่สุดในการผลิตชา คือยอดชา
ที่มี 1 ยอด กับ 2 ใบ ยอดชาเขียว มารุเซ็น ตัดด้วยเครื่องจักร จากประเทศญี่ปุ่น นำใส่ภาชนะ เช่น กระสอบ ยอดชาต้องไม่อัดแน่น เพราะจะทําให้ยอดใบชาเขียวช้ำเสียหาย เกิดความร้อนจากการหายใจของใบชา เมื่อเข้าสู่กระบวนการนึ่งในอุณหภูมิสูง สารแทนนินในใบชาจะเข้มข้นขึ้น มีผลต่อรสและสีของน้ำชาเขียว
อยากให้มาดูขั้นตอนผลิตชาเขียวญี่ปุ่น ของ มารูเซ็น ที่ประเทศไทย
เริ่มกันแต่เช้าตรู่ ไปดูการเก็บใบชาเขียวสด ตัดด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย ใบชาสด จะถูกลำเลียงเข้าโรงงาน
อาจมีการเป่า ในกรณีที่ใบชามีความชื้นสูง เพื่อให้ใบชาเกิดการคายน้ำ อากาศมีผลกระทบต่อสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในใบชา ควรหลีกเลี่ยงความชื้น เพราะความชื้นจะเป็นตัวทำลายคุณภาพของใบชา จากนั้นใบชา
จะถูกนำไป เพื่อหยุดการทำงานของ เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส (Polyphenol oxidase) ที่มีอยู่ในใบชา
สด ทำให้ เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส ไม่สามารถเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ของสารประกอบฟีนอลที่อยู่ใน
ใบชา ต่อจากนั้นนำใบชาไปอบไอน้ำ ส่วนใหญ่การผลิตแบบนี้มีการแปรรูปในประเทศญี่ปุ่น ทำให้สีน้ำชาประเภทนี้จะมีสีเขียว ตามอุณหภูมิความร้อนที่กำหนด ขั้นตอนต่อไป นำไปรีดน้ำ และ นวด (Rolling) ให้เป็น
เส้นด้วยเครื่องนวด การนวดใบชา เป็นการทำให้เซลล์แตกตัว เมื่อเซลล์แตกทำให้สารประกอบต่างๆ ที่อยู่
ในเซลล์ไหลออกมานอก เซลล์ที่เคลือบอยู่บนส่วนต่างๆ ของใบชา ขั้นตอนต่อไป นำไปอบแห้ง (Drying) ด้วยเครื่องอบแห้ง เพื่อลดปริมาณความชื้นในใบชา ตามด้วยขั้นตอนสุดท้าย การคัดขนาด (Sorting) คัด
เกรด (Grading) และ บรรจุ (Packaging) ผลิตภัณฑ์ ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ ที่ได้จะมี ลักษณะเป็นเส้น มีสีเขียว
เมื่อนำใบชาที่ได้มาชง ด้วยน้ำร้อน สีของน้ำชาที่ได้ มีสีเขียวอ่อนๆ หอมน่ารัปทานดมดูกลิ่นคล้ายสาหร่าย
ดังนั้น ที่ไร่บุญรอด เทคนิคในการผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพแบบชาเขียวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ชาที่ไร่บุญรอด เป็น
ที่ได้รับความนิยม ของตลาดในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศ เนื่องจาก ชาเขียว มีรสชาติชาที่หวานไม่มีรสฝาด อร่อยไม่แพ้ชาจากแหล่งผลิตอื่นในโลก ผลผลิตที่ได้ จะถูกนําไปแปรรูปในโรงงาน บริษัท มารุเซ็น ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด พื้นที่ปลูก การแปรรูปจากใบชาสดเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อขายปลีกและขายส่ง ตลาดชาใน ปัจจุบัน ผลิตเองในประเทศไทย ทำให้ มารุเซ็น ฟู้ด ได้เปรียบคู่แข่ง เรื่องที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ จากประเทศญี่ปุ่น นำมาขายในรูปแบบต่างๆ เป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
ดูสิคะ!! ไม่ใช่เพียง ได้ความรู้เรื่องการผลิตชาเขียวญี่ปุ่น ถ้าเราดื่มทุกวัน เราจะได้ประโยชน์ที่ได้จากการดื่ม
ชาเขียวมากมาย ถ้าเราดื่มชาเขียวแบบธรรมชาติ แบบร้อน หรือเย็น ไม่ผสมน้ำตาล ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ ยังสามารถช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งในระบบย่อยอาหาร และยังมี บทบาทยับยั้งมะเร็งผิวหนังและมะเร็งตับได้อีกด้วย
สิงห์ปาร์ค เชียงราย (ไร่บุญรอด)
โทร 091 576 0374/ 053 172 870
——————————————————————-
ไร่สิงห์ปาร์คเชียงราย เปิดให้เข้าเที่ยวชมตลอดปี
บริการรถฟาร์มทัวร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.15 น.
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชมไร่ วันจันทร์-ศุกร์
รถฟาร์มทัวร์ให้บริการเป็นรอบๆ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.15 น.
โดยออกรอบทุกๆ ครึ่งชั่วโมง นักท่องเที่ยวต้องไป-กลับ
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
รถฟาร์มทัวร์ให้บริการแบบ Shuttle Bus
ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.15 น. ออกรถทุก 15 นาที นักท่องเที่ยวไป-กลับ รถคันใดก็ได้และใช้เวลาในแต่ละจุดได้ตามที่ต้องการ