ม้วนเดียวจบ (เจสสิก้า เอสพินเนอร์) มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017

Miss Grand Bangkok 2017

มิสแกรนด์ไทยแลนด์  (Miss Grand Thailand) เป็นชื่อของการประกวดนางงามในประเทศไทย จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2556 และมีณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นผู้อำนวยการประกวด เพื่อส่งผู้ชนะเลิศเป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล

Miss Grand Bangkok 2017 จัดขึ้นอย่างเรียบหรูเก๋ไก๋จริง ที่ห้องดุสิตฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี ทีมคณะกรรมการตัดสินโดย ซุปเปอร์โมเดลตัวจริงแห่งสยามประเทศ  คุณลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม โดยมีซุปเปอร์โมเดลรุ่นใหญ่จริง ลูกหมี ทองสิริไพรศรี ผู้บริหารจากโรงเรียนสอนเดินแบบวีอาร์โมเดล We Are Model  และเป็นผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร Miss Grand Bangkok 2017 และได้รับเกียรติจาก คุณสายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานอำนวยการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษา เป็นประธานการตัดสิน

ในงานมีเหล่าไฮโซ ดารา คนดังมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก อาทิ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการมิสแกรนด์ไทยแลนด์ Miss Grand Thailand ขึ้นกล่าวบนเวทีว่าเวทีประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ต้องการเปิดโอกาสและพัฒนาศักยภาพของสาวไทยให้มากขึ้น

ยังมี โกโก้ เดอะเฟซ 2 อารยะ ศุภฤกษ์ ,อ้อย ชัชฎาภรณ์ กิมากรณ์ มิสซูปราเนชั่นแนล Miss Supranational Thailand 2016 และมิสแกรนด์ราชบุรี 2016 ,ดาราสาว อาทิ เดียร์ สงครามนางงาม หงษ์ หงษ์หยก พรพรรณ ฤกษ์อัตการ ,ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ ,แม็กกี้ อาภา ภาวิไล ,อดีตนักร้องวงแจมป์ ปอ ภคมน ภูวะปัจฉิม , พิธีกรสุดจี๊ด โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา และเพื่อนสนิทเซเลป นักธุรกิจสาวชื่อดัง ผิง สุภาวดี ทัพมาลัย มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย

รางวัล รองอันดับ 1 มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017 (ซ้าย) หมายเลข 7 นางสาวทรัพย์อนันต์ นิตยารส (น้องนางฟ้า) รางวัล มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017 (กลาง) หมายเลข 3 นางสาว เจสสิก้า เอสพินเนอร์ (น้องเจส) รางวัล รองอันดับ 2 มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร2017 (ขวา) หมายเลข 19 นางสาวนัสนา เบญญาวรรณ (น้องเคท)

สาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คนออกมาเฉิดฉายให้คณะกรรมการดูชัดๆ มีโชว์จาก คริสโตเฟอร์ จันวอง แมคคิแกน
คั่นเวลากันหน่อย รอไม่นานได้รู้ผลการประกวดมีดังนี้

รางวัล มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017
หมายเลข 3 นางสาว เจสสิก้า เอสพินเนอร์  (น้องเจส)
กำลังรอเปิดเทอมเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะวารสารศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ

รางวัล รองอันดับ 1 มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017
หมายเลข 7 นางสาวทรัพย์อนันต์ นิตยารส (น้องนางฟ้า)
การศึกษาปริญญาตรี คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

รางวัล รองอันดับ 2 มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2017  
หมายเลข 19 นางสาวนัสนา เบญญาวรรณ (น้องเคท)
สาวลูกครึ่งเยเมน-ปากีสถานกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
คณะบริหารธุรกิจ ปี 2

นางสาว เจสสิก้า เอสพินเนอร์ (น้องเจส)

Miss Grand Bangkok 2017 โดยงานจัดขึ้นอย่างเรียบหรูเก๋ไก๋
ที่ห้องดุสิตฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2560

 

 

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย เปิดตัวแคมเปญ Adopt A Dog ตามหาบ้านให้สุนัขจรจัด

เลี้ยงหมาไทย ใครว่าไม่เท่

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ร่วมกับสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จัดแคมเปญ Adopt A Dog  ณ CentralFestival EastVille เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจรับอุปการะสุนัขข้างถนนพันธุ์ไทยที่ถูกทอดทิ้งซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ และเพิ่มช่องทางการติดต่อในการอุปการะผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้น

นอกจากนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนในสังคม เห็นความสำคัญของสุนัขพันธุ์ไทย สร้างความเข้าใจแก่คนในสังคมว่าการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไทยดูดีได้ไม่แพ้คนที่เลี้ยง สุนัขพันธุ์ต่างประเทศ โดยในงานจะมีกิจกรรมมากมาย อาทิ บูทตรวจสุขภาพน้องหมาโดย น.สพ. ตันติกร รุ่งพัฒนะ คุณหมอจากมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ บูทเล่นเกมส์เพื่อลุ้นรับของรางวัลเพื่อสุนัขที่คุณรัก รวมถึงบูทแนะนำสุนัขของมูลนิธิสุนัขในซอย และอื่นๆอีกมากมาย พร้อมพูดคุยกับแขกรับเชิญ คุณป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รวมไปถึงแฟชั่นโชว์น้องหมาพันธุ์ไทย ในธีม Street Style และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจาก กลม อรวี



ผลจากการสำรวจจำนวนประชากรสุนัขประจำปี 2559 ของสำนักงานปศุสัตว์ทั่วประเทศ พบว่า เมืองไทยมีสุนัขมากกว่า 6.7 ล้านตัว ในจำนวนนี้เป็นสุนัขมีเจ้าของ 6.05 ล้านตัว สุนัขไม่มีเจ้าของ 7.5 แสนตัว (เฉพาะในกรุงเทพฯสำรวจพบสุนัขจรจัดมีมากกว่า 100,000 ตัว) และมีแนวโน้มว่าจำนวนสุนัขจรจัดจะทะลุ หลักล้านตัวภายในสิ้นปีนี้ ถึงแม้ว่าจำนวนสุนัขในประเทศไทยจะมีจำนวนมากดังกล่าว ประชาชนก็ยังนิยมที่จะซื้อสุนัขมาเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศ ในขณะที่ชาวต่างชาติกลับให้ความสนใจขอรับอุปการะสุนัขจรจัดเพื่อเป็นการช่วยโลกและสังคม ลดจำนวนสุนัขจรจัดและเพิ่มจำนวนสุนัขที่มีเจ้าของ โดยสุนัขสายพันธุ์ไทยเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในชาวต่างชาติ เพราะเป็นสุนัขที่มีคุณสมบัติที่ดี ดูสง่า และเลี้ยงง่าย ทางมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยจึงเห็นความสำคัญ ที่จะกระตุ้นให้คนไทย หันมาสนใจรับอุปการะสุนัขจรจัดโดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์ไทยมากขึ้น

 

น.สพ. ตันติกร รุ่งพัฒนะ ผู้อำนวยการด้านสวัสดิภาพสัตว์  ประจำมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (กรุงเทพฯ) กล่าวว่า ” ในปัจจุบัน ปัญหาเรื่องของสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะสุนัขจรจัดเป็นอีกหนึ่งในปัญหาใหญ่ของสังคมที่ทุกคน ควรร่วมมือกันแก้ไข ไม่ใช่เพียงบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่หลายประเทศทั่วโลกให้การยอมรับ คือ การรับอุปการะสุนัขจรจัด เพื่อเป็นการช่วยลดจำนวนสุนัขจรจัดในประเทศ โดยสุนัขที่ได้รับความนิยมในการขอรับ อุปการะโดยชาวต่างชาติผ่านทางมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยนั้น ส่วนใหญ่เป็นสุนัขสายพันธุ์ไทย ซึ่งทางมูลนิธิและโครงการ  Adopt A Dog จึงอยากที่จะรณรงค์ให้คนไทยคนเห็นความสำคัญของสุนัขพันธุ์ไทยว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่น่าสนใจ ในสายตาชาวโลกไม่แพ้สุนัขพันธุ์อื่นๆ และหากสนใจอยากเลี้ยงสุนัข การรับอุปการะสุนัขที่ถูกทอดทิ้งจะส่งผลดี ต่อสังคมและประเทศมากกว่าการซื้อมาเลี้ยง”

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย หรือ Soi Dog Foundation เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อช่วยเหลือ สุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้งหรือโดนทำร้ายและได้จดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีสาขาอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ และแคนาดา โดยในประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ จังหวัดภูเก็ต โดยมูลนิธิสามารถบรรลุเป้าหมายในการจัดการปัญหาเกี่ยวกับการค้าสุนัขเพื่อบริโภคและรณรงค์ให้มี การลดจำนวนสุนัขโดยการทำหมัน ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจจากทั่วโลกและขอรับสุนัขภายใต้การดูแลของมูลนิธิ เพื่อสุนัขในซอยไปอุปการะเป็นจำนวนมาก


โครงการหาบ้านให้สุนัข จัดทำโดยนักศึกษาสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย
(Soi Dog Foundation) ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆมากมาย รวมถึงร้านขายสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อน้องหมาที่คุณรัก
งานเริ่มตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ในงาน
หรือผ่านทาง Facebook – Adopt A Dog -Soi Dog

คิง เพาเวอร์ เข้าใจนักเดินทาง พลิกโฉมสู่ไทยแลนด์ 4.0

มกหรรมลดหมดห้าง  สูงสุดถึง 70%
เติมของเพิ่มให้ช็อปได้ตลอด
7หมวดสินค้า See You Soon Sale Party2017

คิง เพาเวอร์  ผู้นำธุรกิจปลอดอากรภาษีระดับสากล จัดงานปาร์ตี้ส่งท้ายการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ สาขา รางน้ำ ปรับโฉม คิง เพาเวอร์ See You Soon Sale Party เนรมิตพื้นที่กลางศูนย์ให้เป็นรันเวย์สุดชิค และพบกับมินิคอนเสิร์ตความสนุกสุดมันส์พร้อมหลากหลายกิจกรรมสุดหรรษาที่ คิง เพาเวอร์นำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยงานนี้ศิลปินดาราชั้นนำ ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ และ น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์
จะมาร่วมกิจกรรมภายในงานดังกล่าว พร้อมทั้งชมมินิคอนเสิร์ตจากเจ้าพ่อดิสโก้แห่งวงการเพลงไทย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

ผู้นำการประกอบธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรีติด 1 ใน 5 ของโลกกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 28 พร้อม ๆ กับการเดินหน้าธุรกิจเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 เสริมความแข็งแกร่งทางการลงทุน   ในฐานะผู้นำบุกเบิกการพัฒนาร้านค้าปลอดภาษีและอากร (duty Free) โดยได้คัดสรรสิ่งใหม่ในโลกนี้มาให้คนที่ชอบค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ครบเครื่องทั้งเรื่องความคิดเชิงสร้างสรรค์ ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี การปรับโฉมครั้งใหญ่สำนักงานใหญ่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ กรุงเทพฯ

“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำรุ่นใหม่ เปิดเผยว่า ได้จัดมหกรรมตอกย้ำศักยภาพของ คิง เพาเวอร์ ที่เชี่ยวชาญและช่ำชองในการคัดสรรสินค้าจากการเดินทางไปทั่วโลกที่ได้เรื่องราวมากมายให้ผู้ใช้บริการได้ค้นพบ รู้จัก รู้สึกตื่นเต้น สนุกที่ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ จึงตั้งใจสรรหานำประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นหลายมิติที่มีคุณค่ามาสร้างความกระตือรือร้นเปิดมุมมองให้ผู้คนได้รู้จักสิ่งต่างๆ จากทุกมุมโลกอยู่เสมอ กับการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษระดับโลกโฉมใหม่ของ คิง เพาเวอร์ ด้วยการเตรียมเงินอีกกว่า 2,500 ล้านบาท เนรมิตแหล่งช้อปปิ้งแห่งเอเชียแนวใหม่เปิดบริการภายใน 5 เดือนข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2560 ก่อนปิดปรับโฉม คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ จัดกิจกรรมตอกย้ำความทรงจำและคืนกำไรลูกค้าคนไทยและนานาชาติด้วยโครงการ See You Soon Sale Party 2017 นำสินค้าในร้านดิวตี้ ฟรี ทั้งหมด ลดกระหน่ำทั้งสินค้าแบรนด์เนมนานาชาติกว่า 200 แบรนด์ และสินค้าไทยที่มีเอกลักษณ์ครองกำลังซื้อนักท่องเที่ยวต่างชาติ

มหกรรมรายการส่งเสริมการขาย See You Soon Sale Party ด้วยโปรโมชั่นเทกำไรคืนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติช้อปปิ้งสินค้าที่มีส่วนลดมากกว่า 70% พร้อมด้วย Gift Voucher Redeem 30% ของสินค้าราคาปกติ ของสมนาคุณ และคูปอง  Pop up Store เพื่อการนำไปช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีครั้งต่อไป บริเวณชั้น1 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ
ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน—30 กันยายน 2560

ลูกค้าคนไทย  และสมาชิก คิง เพาเวอร์ ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม ช้อปกับโปรโมชั่น See You Soon Sale Party เพียงซื้อสินค้าราคาปกติ ครบทุก 10,000 บาท (Gross Sale) ทางบริษัทพร้อมตอบแทนด้วยการคืน Gift Voucher ทันที 3,000 บาท พร้อมจัดจุดแลกรับไว้ยังจุดโปรโมชั่นบริเวณชั้น 2 ทางเข้าร้านจำหน่าย หรือห้องเมมเบอร์ คลับ

ทั้งนี้ยังเสนอความพิเศษสุดให้แก่สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ประเภท ONYX , CROWN , VEGA เฉพาะ 15 คนแรก จะได้ทั้ง 2 สิทธิ์หลัก ประกอบด้วย การแลกรับสิทธิ์ที่ห้องเมมเบอร์ คลับ และหากช้อปครบ 1,500,000 บาทขึ้นไป (Gross Sale) รับเพิ่ม Gift Voucher  50,000  บาท

นอกจากส่วนลด  และสิทธิประโยชน์หลากหลายรูปแบบแล้ว ในวันเปิดมหกรรมลดราคาครั้งยิ่งใหญ่โครงการ  See You Soon Sale Party 2017
วันที่ 21 เมษายน 2560 มีกิจกรรมความบันเทิงจากศิลปิน ดารา ชั้นนำ มาบอกเล่าเรื่องราวด้วยธีมต่าง ๆ ของสินค้าไฮไลต์ในร้านคิง เพาเวอร์ ถึง 7 หมวด ประกอบด้วย

1.เครื่องสำอางค์และความสวยความงาม (beauty)
2.นาฬิกาแบรนด์ชั่นนำของโลก
3.ผลิตภัณฑ์การเดินทาง (Jouney)
4.อาหาร (Food)
5.ปาร์ตี้
6.สินค้าไทย
7.แฟชั่นครบวงจร

“อัยยวัฒน์” กล่าวว่า ตลอดการจัดกิจกรรม  See You Soon Sale Party 2017  จัดมหกรรมคืนกำไรให้นักเดินทางทั้งตลาดในประเทศและทั่วโลก ไปพร้อมกับมุ่งมั่นตอกย้ำคอนเซ็ปต์  We are Travellers Too อันหมายถึง เรากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้าใจนักเดินทางทุกคน ตอบรับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผสมผสานการขยายความโดดเด่นของธุรกิจด้วยคอมเพล็กซ์ช้อปปิ้งระดับโลก ควบคู่กับโรงแรมชั้นนำและลานกิจกรรมกลางแจ้ง ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว

โดยจะใช้เวลาภายใน 5 เดือน ระหว่างพฤษภาคม-กันยายน 2560  ปูพรมสร้างอนาคตบริการโฉมใหม่เป็นสร้างแม่เหล็กดึงดูดรายได้เข้าประเทศได้ตามเป้าหมายตลอดปี 2560 ให้ได้กว่า 92,000 ล้านบาท ต่อเนื่องไปถึงแผนพัฒนาธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่จะขยายการลงทุนเพื่อสร้างชื่อเสียงประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ให้กลายเป็นผู้นำการประกอบธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรีติด 1 ใน 5 ของโลก

การปรับปรุงโครงสร้าง คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ กับปรากฏการณ์ใหม่ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกสินค้าปลอดอากร ซึ่งสามารถผสมผสานนวัตกรรมการตลาดด้วยความคิดสร้างสรรและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี มานำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งล้ำสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยสร้างกระแส Talk of The Town กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ครบทุกมิติถึงแหล่งช้อปปิ้งระดับโลก  ใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะได้พบและสัมผัสประสบการณ์แหล่งไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของเมืองไทย

นอกจากร้านค้าปลอดอากร คิง เพาเวอร์ แล้วยังจะมี โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โรงละครอักษรา ภัตตาคารรามายณะ ร้านอาหารแบรนด์ดังรายใหม่สไตล์ สตรีท ฟู้ด และลานกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อจัดนิทรรศการแสดงสินค้า คอนเสิร์ต งานบันเทิงหลากหลายรูปแบบเทรนด์สมัยใหม่

“อัยยวัฒน์” อธิบายถึงนโยบายการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจดิวตี้ฟรีในประเทศตลอด 28 ปีที่ผ่านมา ยังได้มุ่งพัฒนาทำโครงการคืนประโยชน์สู่สังคมหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ 3 โครงการหลัก ประกอบด้วย

โครงการแรก สร้างธุรกิจชุมชนสู่ตลาดโลก ด้วยการร่วมมือกับ 3 กระทรวง คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย สร้างผู้ประกอบการกลุ่มขนาดกลางและขนาดย่อมระดับท้องถิ่นผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน เพื่อคัดสรรมาวางจำหน่ายในร้านค้าดิวตี้ฟรี สร้างการรับรู้และยอดขายหมุนเวียนคืนสู่ชุมชนท้องถิ่น มีรายได้เติบโตจำนวนหลายเท่าอย่างรวดเร็ว

โครงการที่ 2 ส่งเสริมทางด้านการศึกษาแก่เยาวชน ทั้งการมอบทุนการศึกษาโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร และภายในปี 2560 จะริเริ่มบุกเบิกทำโครงการมอบทุนจัดทำสนามฟุตบอลโรงเรียน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการจัดกิจกรรมตามจังหวะและโอกาสความเหมาะสมตลอดทุกปี

โครงการที่ 3 FOX HUNT Leicester City Academy การคัดเลือกนักเตะเยาวชนไทยไปฝึกฝนและเรียนฟรีในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาถึง 2 รุ่นแล้ว ทำให้นักเตะรุ่นแรกที่สำเร็จการศึกษาและวิชาชีพฟุตบอลปี 2560 มีโอกาสเติบโตด้วยทักษะฝีมือระดับอินเตอร์พร้อมลงสนามแข่งอย่างภาคภูมิใจในฐานะคนไทยที่จะไปสร้างชื่อเสียงในเวทีโลก

ปัจจุบันคิง เพาเวอร์ มีร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง (duty Free downtown) บริการ 4 สาขา ได้แก่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ ดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Duty Free) ที่ชนะการประมูลอย่างถูกต้องตามเกณฑ์สากลจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” 4 แห่ง ได้แก่ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภูเก็ต หาดใหญ่ ภูเก็ต และดิวตี้ฟรีบนเครื่อง (duty free on broad) 2 สายการบิน คือ การบินไทย และไทย แอร์ เอเชีย

การปรับโฉมธุรกิจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในปี 2560 เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นอีกปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในการทั้งสร้างชื่อเสียงไทยให้กลายเป็นประเทศผู้นำแหล่งช้อปปิ้งเอเชีย รวมถึงผู้สร้างตำนานคืนกำไรสู่สังคมแนวใหม่ให้แก่เด็กเยาวชน รักษาฐานราก 3 ขา ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ได้อย่างแท้จริง

โดยพิธีเปิดงานจะจัดขึ้น ในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560
เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ณ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ช็อปได้ตลอด โอกาสสุดคุ้ม ที่มีแค่ 5 วันเท่านั้น
“SEE YOU SOON Sale Party”
วันนี้ ถึง 25 เมษายนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด!

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
โทร. 02 677 8888 ต่อ 1510

หรือสอบถามโทร. 1631
www.kingpower.com
#KingPowerSeeYouSoon

 

เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ
โรงหนังหรู จับตรงจุด ยึดกลยุทธ์พันธมิตรขยายฐานผู้ชม ปีนี้เพิ่มอีก 3 ราย

ล่าสุดพร้อมรับส่งผู้ชมผ่านบริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท คาดส่งยอดขายตั๋วผ่านพันธมิตรทะลุ 60% ของยอดตั๋วทั้งหมด
มั่นใจทั้งปีรายได้รวมโตง่ายๆ อีก 10%

นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท  เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า  ภาพรวมรายได้ของโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ ในปี 2560 นี้เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ พันธมิตรจากเดิม 8 ราย ปีนี้จะเพิ่มอีก 3 ราย, สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี เปิดให้บริการครบทุกพื้นที่ เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้น  และรายชื่อภาพยนตร์เข้าฉายในปีนี้เป็นหนังทำเงินค่อนข้างมาก

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทำการตลาดหนักกว่าปีนี้เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้มากขึ้น ส่งผลให้ปีก่อนมีการเติบโตถึง 18% แต่ในปีนี้จากฐานผู้ชมและพันธมิตรที่ดีขึ้น
รูปแบบการทำตลาดทำได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน บวกกับปัจจัยบวกต่างๆ จึงทำให้ปีนี้การเติบโต 10% มีความเป็นไปได้สูงมาก ส่วนสำคัญมาจากกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อและยังพร้อมใช้จ่ายกับการชมภาพยนตร์ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม

รูปแบบการจับมือกับพันธมิตรเพิ่มมูลค่าบริการพิเศษให้แก่ลูกค้า ถือเป็นรายได้ที่บริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ปีนี้บริษัทมุ่งจับมือกับพันธมิตรอีกอย่างน้อย 3 ราย ในกลุ่ม ยานยนต์, ไอศกรีม แลอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มโรงพยาบาล ในระดับพรีเมียม มั่นใจว่าจะทำให้ยอดตั๋วหนังที่เกิดจากพันธมิตรยังมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60% และอีก 40% มาจากการเข้ามาซื้อที่หน้าโรงเช่นปีที่ผ่านมา จากปกติต่อเดือนจะจำหน่ายตั๋วหนังได้ราว 8,000 ที่นั่ง ปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ที่นั่ง หรือเฉลี่ยต่อโรงมียอดเข้าชมที่ 40% จากราคาตั๋วหนังตั้งแต่ 900-1,400 บาท กับโรงภาพยนตร์ 5 โรง รวม 208 ที่นั่ง และกำลังพยายามเพิ่มอีก 20 ที่นั่ง

ล่าสุดปีนี้ได้จับมือกับบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด รุกทำตลาดรูปแบบมูฟวี มาร์เกตติ้ง เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

ร่วมมือระหว่างยนตรกรรมระดับโลกรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์กับโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมทสกรีน ให้บริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท  รับส่งลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มลูกค้า VIP   ซื้อบัตร Embassy Gift Card มูลค่า 12,000 บาท  รวมถึงทำมูฟวี มาร์เกตติ้งในรูปแบบต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นนำเสนอสื่อโฆษณาแนวสร้างสรรค์ โปรโมชันส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ตลอดทั้งปี

จากแผนในปีนี้ที่จะเน้นทำ CRM มีการทำดาต้าเบส แมเนจเมนต์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอย่างมีระบบเพื่อให้ลูกค้าประทับใจการให้บริการแบบเพอร์ซันนัลลิสต์เซอร์วิส โดยแต่ละเดือนจะมีโปรแกรมสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยโปรแกรม Because you’re special!

ใน ขณะเดียวกัน จากกระแสดิจิตอล ดิสรัปทีฟ จึงมีการอินทิเกรตสื่ออนไลน์ออฟไลน์ นำเสนอช่องทางและรูปแบบสื่อสารมัลติ  แพลตฟอร์ม ที่สามารถสร้าง Brand Excitement ให้กับสินค้าของลูกค้า  เชื่อว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมโตขึ้นอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 65-70% มาจากตั๋วหนังและเครื่องดื่ม 30%มาจากสปอนเซอร์และโฆษณา และอีก 5% มาจากงานอีเวนต์ที่จัดในโรงภาพยนตร์

ขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีจาก Guardian System

เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System
ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะ

สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี อุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง เพื่อการรณรงค์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

และอีกหนึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัย  บริษัท  เกียรติธนาขนส่ง  จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) รุกก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด บริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง
ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีจาก Guardian System ประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมแนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT  ตั้งเป้าเติบโตรวม 10%  ในปีนี้

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์ และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษในประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 62.5 ล้านบาท เป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเติบโต พร้อมทั้งพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่กับการเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมุ่งยกระดับมาตรฐานการขนส่งของประเทศสู่มาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัย

KIAT กำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เติบโตรวม 10% ในปี 2560 นี้
และตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจใหม่

นอกเหนือจากการเติบโตจากธุรกิจหลักในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษ ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัท เคจีพี จำกัด ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันเรื่องการขับขี่ปลอดภัยโดยตรง โดยเฉพาะกับรถบรรทุกขนส่งที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงสุด” นายคีรินทร์กล่าว
เกียรติธนาขนส่ง รุกขยายธุรกิจ ตั้งบริษัทลูก ลุยธุรกิจโซลูชั่นขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี

ย้ำอุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ
เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยี

กล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง
ล่าสุด บริษัท เคจีพี จำกัด ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าและเทคโนโลยีทั้งหมดจาก Guardian System
แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Guardian System เข้ามาทำตลาดในประเทศ เพื่อเป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT โดยระบบดังกล่าวเป็นโซลูชั่นป้องกันอุบัติเหตุ

ตั้งแต่ในห้องโดยสารของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ KIAT คาดหวังว่าระบบดังกล่าว จะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบการขนส่งบนท้องถนนในประเทศและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งในทุกภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด

ทางด้าน นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขนส่งสินค้าบนท้องถนนมีความปลอดภัยนั้น
นอกจากความพร้อมในด้านตัวรถที่ต้องมีมาตรฐานสูงแล้ว ผู้ขับขี่รถ ยังถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ บนท้องถนน ซึ่งจากข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่ากว่า 70 % ของสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ได้แก่ การขับรถเร็วเกินกำหนด การละสายตา การหลับใน และสาเหตุอื่น ๆ
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การควบคุมชั่วโมงการขับขี่และการพักผ่อน การจัดหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย นโยบายหยุดงาน การย้ำเตือน การสุ่มตรวจ รวมถึงการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์ GPS และ กล้อง IVMS ซึ่งยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุที่ผู้ขับขี่ได้ บริษัท เคจีพี จำกัด จึงได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System เข้ามาแนะนำให้กับผู้ประกอบการ หลังจากได้ทดลองใช้จริงกับรถขนส่งทุกคันของ KIAT เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานการขับขี่ปลอดภัยของรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อการขนส่งของประเทศ เพื่อความปลอดภัยให้กับคนในภาคอุตสาหกรรมขนส่งในประเทศและสังคมโดยรวม” นายเมฆกล่าว

นายเมฆ กล่าวต่อ เบื้องต้น บริษัทฯ ได้แนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยี โดยระบบดังกล่าวประกอบด้วย กล้องจับสายตาของผู้ขับขี่ กล้องส่องถนน อินฟราเรท กล่องรับสัญญาณ มอเตอร์สั่นใต้ที่นั่งผู้ขับขี่ และกล่องประมวลผล ชุดอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในห้องโดยสารของผู้ขับขี่นี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่แบบ Real Time ตลอดเวลาของการขับขี่ ด้วยการสื่อสารผ่านดาวเทียมส่งข้อมูลและบันทึกภาพเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่ตลอดการปฏิบัติหน้าที่แบบ Real Time ซึ่งจะมีการตรวจสอบและประมวลผลตลอดเวลา ทันทีที่ตรวจพบเหตุการณ์ที่จะ

นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการละสายตาหรือการเหนื่อยล้า หรือการหลับในของผู้ขับขี่ ระบบจะส่งสัญญาณไปที่มอเตอร์ให้ทำการสั่นเตือนจากใต้ที่นั่งของคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่ ในขณะเดียวกัน ระบบก็จะส่งรายงานเหตุการณ์ไปยัง SafeGuard Center ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลางของ Guardian System เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ก่อนส่งกลับมาให้ผู้ประกอบการที่ใช้ระบบดังกล่าว โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ จะใช้เวลาทั้งหมดเพียง 2 นาที โดยที่ทีมงานบริหารการขนส่งของผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบรถบรรทุกทุกคันของบริษัทผ่านการเชื่อมต่อทาง Internet ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มาใช้นี้ นับเป็นการมีส่วนสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานธุรกิจการขนส่งในประเทศสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนให้ธุรกิจขนส่งไทยเติบโตบนรากฐานความมั่นคงอย่างยั่งยืน

ระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มีให้เลือกใช้บริการ 2 รูปแบบ คือ การซื้อระบบ หรือ การใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน
กรณีซื้อระบบ ราคาอุปกรณ์เริ่มต้นที่ 59,500 บาท ต่อคัน และมีค่าใช้บริการโปรแกรม SafeGuard เดือนละ 2,000 บาทต่อคัน

กรณีใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน ราคาค่าใช้บริการอุปกรณ์และค่าใช้บริการโปรแกรม Safe Guard ราคาเริ่มต้นเดือนละ 4,500 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเบอร์โทรศัพท์ 0-2501-7330-8

โชว์ ดีซี ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรู ครบวงจรแห่งแรกของไทย

SHOW DC GRAND OPENING WEEK SUMMER FEST 2017

วันนี้แวะมางาน เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ โชว์ ดีซี ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรู ครบวงจรแห่งแรกของไทย บนถนนพระราม 9 พร้อมเชิญประชาชนร่วมสัมผัสความเป็น International Entertainment Destination (อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เดสทิเนชั่น ที่ดีที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยงานเฉลิมฉลองการเปิดตัวศูนย์การค้าโชว์ ดีซี จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตลอดทั้งสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน ภายใต้ชื่องาน “SHOW DC GRAND OPENING SUMMER FEST 2017”

โดยบรรยากาศงานแกรนด์โอเพนนิ่งวันแรกที่จัดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2560 เริ่มคึกคักกันตั้งแต่ช่วงเย็น จากบรรดาแขกผู้มีเกียรติ เซเลบริตี้ และแฟนคลับของดาราและศิลปิน ที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง จนกระทั่งเวลา 18.45 น. ก็ได้เหล่าดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทยร่วมเดินพรมแดง อาทิ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ, หมาก ปริญ สุภารัตน์, แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์, เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุ, เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์,หลุยส์ สก๊อต, นุ่น รมิดา ประภาสโนบล ,วง FIVERA (ฟิเวร่า) และดาราเกาหลี “คิมซองซู” (Kim Sung Soo) พระรองจากซีรีส์ดังเรื่อง “Full House สะดุดรักที่พักใจ” ที่เคยโด่งดังสุดขีดในไทยเมื่อหลายปีก่อน รวมถึง “ลีซอจิน” (Lee Seo Jin) พระเอกหนุ่มจากซีรีส์เรื่องดัง “ลีซาน” ที่รอยยิ้มละลายใจสาวๆ มาแล้วทั่วเอเชีย ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับได้ถล่มถลาย

จากนั้นเริ่มพิธีเปิดศูนย์การค้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คุณชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด ขึ้นกล่าวรายงานความเป็นมาของศูนย์การค้า โชว์ ดีซี พร้อมพิธีเปิดศูนย์การค้าอย่างยิ่งใหญ่ การแสดงโชว์ องค์บาก, การแสดง หิมพานต์ ก่อนปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปิน บอดี้สแลม และ เจ เจตริน ถือเป็นการเปิดตัว โชว์ ดีซี ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรแห่งแรกของไทย อย่างเป็นทางการด้วยความสุขสนุกและความ

SHOW DC BANGKOK ศูนย์กลางด้านความบันเทิง และไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดในเอเชีย อย่าลืมแวะมางาน Wow! ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หน้าตาเพื่อนๆ ในงานมีความสุขกันเหลือเกิน เมื่อเหล่าศิลปินเกาหลีสุด Hot มาเดินพรมแดงทั่ว SHOW DC เยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย

5 สิ่งที่ต้องเตรียมเปียก ก่อนไปสงกรานต์สยาม

สงกรานต์แบบไทย ปันน้ำใจให้แก่กัน
วันที่ 13-15 เมษายน 2560

วันนี้ มาเล่นสงกรานต์ คนมากเป็นปรากฎการณ์ งงเด้ งงเด้
ปักหมุดตัวเปียก มาร่วมสาดความสนุกสดชื่น ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่างกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  ชวนมาสนุกสุดๆๆ เดินทางง่าย  ภายใต้งาน สงกรานต์เมษาผ้าขาวม้ายกสยาม  งานสงกรานต์เมษาผ้าขาวม้ายกสยาม @สยามสแควร์ เนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2560 ที่ สยามสแควร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2560 ไปชมภาพบรรยากาศการเล่นน้ำแบบไทยๆ กันคร้า

สงกรานต์เมษาผ้าขาวม้า ยกสยาม มาร่วมสนุกลั่น สนั่นกรุง ภายในงานท่านจะได้พบกับกิจกรรมความสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 3 ช่า EDM กับดีเจชื่อดัง, 3 ช่า CarRavan ซุปตาร์ 3 ช่า แต่งชุดไทย ในขบวนรถตุ๊กๆ, 3 ช่านิยม Flash Mob โจ๊ะจังหวะ 3 ช่า สร้าง “ท่านิยมไทย”, สาด, ช้อป,ชิม สัมผัสบรรยากาศสงกรานต์แบบไทย ๆ


วันนี้ มาเล่นสงกรานต์ คนมากเป็นปรากฎการณ์ งงเด้ งงเด้
มาร่วมสาดความสนุกสดชื่นไปกับ หน้ากากจิงโจ้ เป๊ก ผลิตโชค กัน
ที่งาน “สงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้ายกสยาม ”

1. ไม่ต้องเอาน้ำมาเล่นที่งาน เพราะสงกรานต์เมษาผ้าขาวม้า ยกสยาม เขามีน้ำให้เล่นฟรีตลอดทั้งวัน
2. ห้ามพกอาวุธ แต่พกปืนฉีดน้ำ ขัน ไม้พรมน้ำมนต์ และอื่น ๆ ได้หมดถ้าสดชื่น ปลอดภัย
3. เสื้อ, กางเกง, ชุดไทย, ชุดจีน และอื่น ๆ ได้หมดแต่ห้ามโป๊
4. ไม่เล่นแป้ง แต่อย่าลืมครีมกันแดดครีมรองพื้น ครีมทาผิวนะจ๊ะ
5. ไม่พกสิ่งมึนเมา เพราะที่นี่ห้ามเมา เพราะถ้าเมาคุณจะเข้ามาสนุกที่สยามไม่ได้

สุดท้าย  หน้ากากทุเรียนและผองเพื่อนรูม39 มางานสงกรานต์สยาม….
13 – 15 เมษานี้ เจอกัน!!! สาดฟรีตลอดงาน

ตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน 2560
เริ่มสาดความมันส์กันตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 18.00 น.
ณ สยามแสควร์ งานนี้ฟรีตลอดงาน

 

ไทยสมายล์คว้า 3 รางวัลใหญ่จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก

ไทยสมายล์คว้า 3 รางวัล ประเภทสายการบินโดยเว็บไซต์ TripAdvisor ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย, สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบิน ยอดเยี่ยมระดับโลก

สายการบินไทยสมายล์ ได้รับ 3 รางวัล ระดับโลกจาก TripAdvisor Travellers’ Choice® Awards for Airlines จากเว็ปไซต์ TripAdvisor
1) สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย (Best Airline in Thailand)
2) สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
(Best Regional Airline in Asia Pacific)
3) 1ใน10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก (World’s Best Airline – Top 10)

สายการบินไทยสมายล์ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้งด้วยการคว้า 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัลสายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย ควบอีก 2 รางวัลในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก ประจำปี 2560 ประเภทสายการบิน โดยเว็บไซต์ TripAdvisor ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดังที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ลั่นเดินหน้าพัฒนาบริการระดับเวิลด์คลาสไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทาง เปิดประสบการณ์ใหม่บนเส้นทางบินใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง

กัปตันวรเนติ  หล้าพระบาง  รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า

“ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่สายการบินไทยสมายล์ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในฐานะสายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย (Best Airline in Thailand) สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Best Regional Airline in Asia pacific) และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก (World’s Best Airlines – Top 10) จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก ประจำปี 2560 ประเภทสายการบิน โดยเว็บไซต์ TripAdvisor และการที่เราได้รับถึง 3 รางวัลในปีนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึงการทำงานอย่างหนักและการทุ่มเทของพนักงานไทยสมายล์ทุกคน ทำให้เราเชื่อมั่นว่า ไทยสมายล์มีความพร้อมที่จะแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค การบริการอย่างทุ่มเทถือเป็นหัวใจสำคัญของเรา และความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ touch point ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองรางวัลนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าในทุกๆ เที่ยวบินของไทยสมายล์อีกด้วย”

ผมในฐานะตัวแทนผู้บริหารและพนักงานสายการบินไทยสมายล์ทุกคนขอขอบคุณทุกๆ รีวิวจากผู้โดยสารทั่วโลก รวมถึงความทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานไทยสมายล์ทุกคน ผมขอยืนยันว่า สายการบินไทยสมายล์จะยังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานและพัฒนาต่อยอดการให้บริการที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ภายในอนาคตอันใกล้นี้


ทั้งนี้เว็บไซต์ TripAdvisor ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย, สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก เป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดัง เปิดให้สมาชิกและนักเดินทางทั่วโลกรีวิวและให้เรตติ้งสายการบินที่ชื่นชอบ โดยครอบคลุมสายการบินหลักทั่วโลก ให้คะแนนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ตลอดระยะเวลา 12 เดือน คะแนนที่ได้รับล้วนแสดงถึงความโดดเด่นของทั้งด้านบริการ คุณภาพ และความคุ้มค่าที่ลูกค้าชื่นชอบ

สายการบินไทยสมายล์ เป็นสายการบินลูกของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจสายการบินภูมิภาคในระยะพิสัยใกล้และระยะพิสัยกลาง ภายใต้รหัสสายการบิน“WE” โดยมีเป้าหมายเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส ที่มุ่งเน้นในมาตรฐานการให้บริการที่เยี่ยมยอดควบคู่ไปกับความคุ้มค่าของราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้านักเดินทางระยะสั้น แต่ขณะเดียวกันยังคงให้ความสะดวกสบายสูงสุด สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการบริการที่เป็นเลิศ สายการบินไทยสมายล์ให้บริการด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-body Fleet) จำนวน 20 ลำ โดยมีฐานปฏิบัติการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายการบินไทยสมายล์ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการในหลากหลายมิติเพื่อสอดรับกับความต้องการของนักเดินทาง โดยปัจจุบันเรามีแนวคิดหลักในการให้บริการ คือ FLY SMART, FLY SABAI, FLY THAI SMILE.

ปัจจุบัน สายการบินไทยสมายล์ให้บริการ 10 เส้นทางภายในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงราย หาดใหญ่ อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และกระบี่ นอกจากนี้ ไทยสมายล์ยังให้บริการเส้นทางข้ามภาคระหว่างเชียงใหม่และภูเก็ต พร้อม 13 เส้นทางบินต่างประเทศสู่ เสียมราฐ, ปีนัง, ฉางซา, ฉงชิ่ง, เจิ้งโจว, คยา, พาราณสี, ชัยปุระ, ลัคเนา, ย่างกุ้ง, โคตาคินาบาลู, พนมเปญ และจิตตะกอง โดยมีแผนที่จะเพิ่มความถี่การบินในเส้นทางในประเทศและเปิดตัวเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศต่อไป

โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น Foremost Hero Station ครั้งแรกใจกลางเมือง!!!

ส่ง ฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย สงกรานต์สุข ปี 3

ร่วมเดินทางกลับบ้านกับโฟร์โมสต์ ด้วยขบวนรถโค้ชสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โฟร์โมสต์นมโคแท้ 100% อยากเห็นครอบครัวคนไทย  แข็งแรงแบบ 100% ขอชวนคนไทยทุกคนร่วมส่งฮีโร่กลับบ้าน

นมโค 100% เหมือนกันหมด จริงเหรอ?
นมโคแม้จะผลิตจากน้ำนมดิบ 100% เหมือนกัน แต่มาตรฐานการผลิตที่ต่างกัน ก็ทำให้คุณค่าและคุณภาพของนมต่างกัน โฟร์โมสต์นมโคไทย มาตรฐานเนเธอร์แลนด์อยู่คู่ครอบครัวไทยมากว่า 60 ปีโดย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่ง ฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทยคณะผู้บริหารและดารา ร่วมตีธงปล่อยคาราวาน โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี 3 เพื่อส่งฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย

โฟร์โมสต์  ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทย  ให้มีความแข็งแรง 100%
จับมือ เกรท – วรินทร ร่วมส่ง ฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัวตัวจริงให้แข็งแรง 100%กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในแคมเปญ “โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3

ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกครอบครัวไทยจะได้มีโอกาสพบปะหรืออยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โฟร์โมสต์ จึงจับมือ “เกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์” ดาราหนุ่มยอดกตัญญู ผู้เป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง มาร่วมส่ง “ฮีโร่” ผู้เสียสละกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ โฟร์โมสต์ ได้เนรมิต “โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น (Foremost Hero Station)” สถานีขนส่งใจกลางเมืองเป็นครั้งแรก!!! ที่มาพร้อมกับรถโดยสารปรับอากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟระดับวีไอพี ที่สะอาดเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ยังได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ รสจืด น้ำนมโคแท้ 100% มามอบให้ดื่มกันฟรีๆ ตลอดการเดินทาง เสมือนเป็นของขวัญให้ผู้บริโภคในช่วงสงกรานต์  โฟร์โมสต์ผลิตภัณฑ์นมที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า 60 ปี โดยบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผุด “โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น” (Foremost Hero Station) สถานีขนส่งใจกลางเมืองเป็นครั้งแรก!!! ที่ยกขบวนรถโดยสารปรับอากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟระดับวีไอพี สะอาด เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดเต็มกับผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ รสจืด น้ำนมโคแท้ 100% ที่มามอบให้เหล่าฮีโร่ดื่มกันฟรีๆ ตลอดการเดินทาง โดยได้จับมือ “เกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์” ดาราหนุ่มยอดกตัญญู หนึ่งในตัวแทนของความเป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง ร่วมส่งเหล่า “ฮีโร่” กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ สนามมอเตอร์ สปอร์ต แลนด์

คุณพิมจันทร์  วิมุกตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัม
พิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม “โฟร์โมสต์” กล่าวว่า…

เพราะเข้าใจถึงความจำเป็นหลายๆ อย่าง ที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องเสียสละเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิด และบุคคลอันเป็นที่รัก เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหารายได้เพื่อที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “โฟร์โมสต์” ในฐานะผลิตภัณฑ์นมไทยมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า 60 ปี ที่มีเป้าหมายไม่เพียงแค่ต้องการที่จะสนับสนุนให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงผ่านโภชนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องการร่วมส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้แข็งแรง 100% อีกด้วย จึงขอเชิดชูความเสียสละของเหล่าฮีโร่เหล่านี้ ด้วยการสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ

คุณเกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์ ดาราหนุ่มยอดกตัญญู ผู้เป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเหล่า “ฮีโร่” กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทยในวันนี้ ด้วยความ มุมานะ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ จนทำให้ผมก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงการบันเทิงอยู่ทุกวันนี้ อาจจะทำให้ผมเป็น “ฮีโร่” ในดวงใจของใครหลายๆ คน แต่ในขณะเดียวกันความสำเร็จดังกล่าวอาจเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งนั่นก็คือ “ครอบครัว” หากไม่มีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ เป็นทั้งที่พึ่ง ให้ความอบอุ่น คอยเป็นกำลังใจ และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ก็อาจจะไม่มี เกรท – วรินทร ในวันนี้ ฉะนั้นผมจึงเชื่อว่า ครอบครัว  คือสิ่งสำคัญที่สุด พ่อและแม่คือ  “ฮีโร่”  ตัวจริง และ ครอบครัว คือ แรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้ผมกลายเป็น “ฮีโร่” ในดวงใจของคนอื่นๆ และในช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง  ผมจึงอยากขอเชิญชวนทุกๆ คน ใช้ช่วงเวลาอันมีค่า  ร่วมกับบุคคลอันเป็นที่รัก และให้ความดูแลเอาใจใส่สุขภาพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกับการสรรหาสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์กับร่างกายอย่างเช่น น้ำนมโคแท้ 100% ที่ดื่มได้ทุกคนครับ”

ในนามของ  โฟร์โมสต์ โดยบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสร้างสรรค์คุณค่าให้กับสังคมไทย เพื่อสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง และมีสุขภาพดี เราเชื่อว่าสงกรานต์นี้จะมีแต่ความสุข เมื่อทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน โฟร์โมสต์ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทยให้มีความแข็งแรง 100%” คุณพิมจันทร์ กล่าว

นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ ยังได้จัดทำไวรัลวิดีโอชวนกลับบ้านในวันสงกรานต์สุดซึ้ง ภายใต้ชื่อ ฮีโร่ ซึ่งถูกสร้างและดำเนินเรื่องราวจากเค้าโครงจริง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้สังคมฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วความแข็งแรงแบบ 100% ของสถาบัน “ครอบครัว” คือสิ่งสำคัญที่สุด เริ่มออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านช่องทาง www.facebook.com/ForemostMomTalk และ www.youtube.com/Foremostforlife

ติดตามภาพบรรยากาศกิจกรรมส่ง “ฮีโร่” ของครอบครัวกลับบ้าน
พร้อมกันทั่วไทย ในแคมเปญ “โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ForemostForLife.com/Hero
และ Foremost Family Facebook Fanpage

 

 

ร้านอาหารฝรั่งเศส อเล็กซ์ บราสเซอรี่ แอนด์ บาร์ : Alex Brasserie& Bar

เชฟ อาโนลด์ ดรูวิลล์ (Arnaud Drouvillé)
ผู้คิดค้นเมนูอาหารที่สั่นสะเทือน  วงการอาหารฝรั่งเศส

นับเป็นเวลากว่าสิบปี หลังจากการเปิดตัวของร้าน บิสโตรเมเนีย (Bistromania) ซึ่งเป็นกระแสหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ  และร้านอาหารคลื่นลูกใหม่ ย่านสุขุมวิท ซอย 11 ก็ไม่เปิดตัวใหม่ในรูปแบบร้านอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิมแนว บราสเซอรี่ (Brasserie)

ในค่ำคืนของวันที่ 5 เดือนเมษายน 2560 บนถนนสุขุมวินซอย 11 เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะต้องมาเยือนเพื่อลิ้มลองอาหารอันเลิศรสไปพร้อม ๆ กับดื่มด่ำบรรยากาศ nightlife แลนด์มาร์คแห่งใหม่ Grand Opening อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่พร้อมเสริฟคุณด้วยอาหารอินเตอร์หลากหลายชนิด และเป็นจุดนัดพบสังสรรค์รับประทานอาหาร หรือเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ด้วยการผสมผสานของร้านอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิมและบาร์ได้อย่างกลมกลืน จุดประกายความสนุกสนานด้วยเสียงเพลงในราคาที่เป็นมิตร

ในเซ็ปท์ art-de-vivre ซึ่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสแท้ บนพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. ประกอบด้วย ส่วนร้านอาหาร บาร์ และเล้าจ์ เตรียมพร้อมพบกับการรังสรรค์เมนูอาหารจากเชฟมืออาชีพ เครื่องดื่มคุณภาพที่คิดค้นและรักษามาตรฐาน โดยบาร์เทนเดอร์ผู้มากประสบการณ์ และนักดนตรีอาชีพ การจัดพื้นนั่งให้มีทั้งภายใน และภายนอกร้าน รวมกันประมาณ 170 ที่นั่ง และเคาน์เตอร์บาร์ ที่จัดวางอย่างโดดเด่นลงตัว สร้างมุมมองแบบพาโนรามา มองเห็นได้จากทุกทิศทาง การเลือกใช้วัสดุตบแต่งผิวเป็นคอนกรีตเปลือย โลหะ และตัดกับไม้สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นขึ้น จัดวางเก้าอี้หนังสีม่วงเบอร์กันดี สไตล์นิวยอร์กอินดัสเตียรลอฟท์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และกระตุ้นความอยากอาหารโดยการทำครัวเป็นแบบเปิด สามารถมองให้ขั้นตอนการทำอาหารผ่านหน้าต่าง กระจกใส

ร้านอเล็กซ์ บราสเซอรี่ บริหารงานโดยเชฟจากประเทศฝรั่งเศส เชฟ อาโนลด์ ดรูวิลล์ (Arnaud Drouvillé) ผู้มีประสพการณ์ในตำแหน่งเอ็กซ์เซ็คคูทีฟเซฟจากร้าน Masaharu Morimoto ร้านเซฟกระทะเหล็กชื่อดัง ผู้คิดค้นเมนูอาหารที่สั่นสะเทือนวงการอาหารฝรั่งเศส โดยการรังสรรค์อาหารอาหารฝรั่งเศส สไตล์ฟิวชั่นโฮมเมด แบบผสมผสาน ที่ทุกท่านต้องประทับใจ


ด้วยพรสวรรค์ของ เชฟ อาโนลด์ ผู้นำวัตถุจากแหล่งเมอริเตอร์เรเนียนมาผสมผสาน กับรสชาติความเป็นอาหารไทย อย่างลงตัวโดยคงรสชาติดั้งเดิมไว้ กลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของเชฟ ทั้งเมนู Pizza Beef Carpaccio และอีกหลากหลายเมนูประยุกต์แบบสร้างสรรค์ เช่น การนำสลัดแบบเวียดนามกับน้ำตกหมูมารวมกันเสริฟพร้อมสปริงโรลเป็นต้น”

และอีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด คือ สเต็กเนื้อลูกวัว แฮม และชีสจากสวิสเซอร์แลนด์ กับเห็ดและมะเขือเทศ มาอบรวมกัน ในแบบของฝรั่งเศสจากสูตรของ เชฟ อาโนลด์ ซึ่งเป็นการนำเนื้อส่วน Short Ribs 1.5 กก. ไปปรุงผ่านระบบสูญญากาศ (Vacuum) 48 ชั่วโมง กับโรสเมรี่ เกลือ และพริกไทย เสริฟพร้อมมัสตาร์ด ผักดอง ผลเบอร์รี่ เป็นเมนูสำหรับสองท่าน เหมาะสำหรับคนรักเนื้อพลาดไม่ได้ สำหรับเมนูของหวานนั้น เชฟ อาโนลด์ ได้นำศาสตร์แห่งศิลปะมาดึงดูดสายตา โดยการนำซอสผลไม้หลายสี มารังสรรค์เป็นงานศิลปะบนจานอาหาร พร้อมไอศครีมและช็อคโกแลตหลากหลายชนิดมาให้ลิ้มลอง

ทุกเมนูที่ร้าน นำเสนอให้ลูกค้าทุกท่านในราคาที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยจะน้อยกว่า 1,000 บาทต่อท่าน และราคาเซ็ทอาหารกลางวันจะอยู่ที่ท่านละ 300 บาทเท่านั้น เชฟ Arnaud ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารคุณภาพดี ในราคาไม่แพง ทางร้านจึงต้องการนำเสนออาหารคุณภาพที่ดีเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม ด้วยแนวคิดที่อยากจะนำเสนอมื้ออาหารค่ำที่เข้าถึงได้ทุกคน โดยวัตถุดิบของที่ร้านเน้นใช้ที่มีในประเทศ และมีบางส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีการตรวจสอบและอัพเดทกันทุกๆสามเดือน”

โซนเคาน์เตอร์บาร์ นำเสนอซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้งห้าสูตรใหม่ โดยบาร์เทนเดอร์ผู้มีประสพการณ์ พร้อมเสริฟเครื่องดื่มในราคาเหมาะสม อาทิเช่น แชมเปญ เบียร์ ไวน์ และค็อกเทล ตลอดค่ำคืน พร้อมร่วมสนุกสนานไปกับเสียงเพลงจากดีเจระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่เปิดแสดงสดตั้งแต่เวลา 21:30 ถึง 01:30 น. ตัวอย่างเช่น วันอาทิตย์ พบกับ Soon to be Hip-hop & RnB night

พบกับอาหารรสเลิศที่มีการผสมผสานรสชาตกันอย่างลงตัว กับการออกแบบสไตล์ไฮบริดของว่า อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตกลางคืนของคนเมืองที่ต้องการประสบการณ์ความสนุกสนานหลังอาหารค่ำ


สถานที่ตั้ง: ร้านอาหารฝรั่งเศส อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie)
ชั้นล่างของโรงแรมเมอเคียว (Mercure Bangkok) เลขที่ 18 สุขุมวิท ซอย 11
เปิดบริการทุกวัน : เวลา 6 โมงเช้า ถึงตี 2
สำรองที่นั่ง: โทร 02 057 3079
https://www.facebook.com/AlexBrasserie/