กลุ่มรถคลาสสิคเชียร์บอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ต บาร์

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

คุณสยาม เศรษฐบุตร ประธานบริหาร เมอร์เซเดส เบนส์ คลับ (ประเทศไทย) เเละ คริสติน่า เศรษฐบุตร ภรรยาสาวไฮโซชื่อดัง และกลุ่มรถคลาสสิค “Classic Car” การลงทุนที่สร้างมูลค่าแถมยังได้ความสุขทางใจ ให้เกียรติมาร่วมเชียร์ศึกฟุตบอลโลก 2018 ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต แห่งแรกและแห่งเดียวในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ชมการแข่งขันอย่างเต็มอรรถรสด้วยจอแอลอีดีขนาดใหญ่กว้างถึง 165 นิ้ว และอีก 7 จอทีวีให้ได้เลือกรับชมพร้อมโปรโมชั่น

นอกจากนี้ ยังมีเกมมันส์ๆ ให้คุณได้สนุกกัน ที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แล้วพบกัน!

สยาม เศรษฐบุตร (นั่งที่ 3 จากขวา) ประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์คลับ (ประเทศไทย) นำกลุ่มรถคลาสสิคร่วมพบปะสังสรรค์และรับชมฟุตบอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

เมื่อเร็วๆนี้ สยาม เศรษฐบุตร  ประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์คลับ (ประเทศไทย) นำกลุ่มรถคลาสสิคร่วมพบปะสังสรรค์  และรับชมฟุตบอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต โดยได้รับเกียรติจาก
เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 และรองทั้ง 3 อันดับร่วมงาน โดยมี นฤมล  เฑียรฆโรจนกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด  ของโรงแรมให้การต้อนรับ

เปรมิกา พาเมล่า (ยืนที่ 5 จากขวา) มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 และรองทั้ง 3 อันดับร่วมงาน โดยมีนฤมลเฑียรฆโรจนกุล (ยืนที่ 3 จากซ้าย)

ภายในงานได้จัดให้มีการจำหน่ายของที่ระลึกและรับบริจาค เพื่อจะนำเงินบริจาคที่มิได้หักค่าใช้จ่ายดังกล่าว  ไปมอบให้กับ  มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย

จากซ้ายไปขวา:เปรมิกา พาเมล่า – มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017, ทวีพร พริ้งจำรัส – รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017, กมลรัตน์ ทานนท์ – รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017และศรุชา นิลจันทร์ – รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017

 

Sabai Sabai At Sukhumvit รู้แล้วจะหลงรัก!

โรงแรม สบาย  สบาย @สุขุมวิท
รางวัลคุณภาพระดับ Excellence
4 ปีซ้อนจาก Trip Advisor

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน กรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่สมบูรณ์แบบ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามหลากหลายรูปแบบที่รอการมาเยื่อนของนักท่องเที่ยวทุกช่วงอายุ รออะไรอยู่ละจ๊ะ มาค้นหาตัวตนที่ใช่กับอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากให้คุณไปเช็คอิน อัพรูปอวดโซเชียลรัวๆ กัน เลือกในสิ่งที่ใช่ สนุกในสิ่งที่ชอบ ถ่ายรูปให้โดนใจต้องมาถือเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่อยากแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการ

ในครั้งนี้พาท่านผู้ชมมาเที่ยวโรงแรมสบาย สบาย@สุขุมวิท โรงแรมขวัญใจนักท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ยังคงครองอันดับหนึ่งเมืองจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเยือนมากที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ตามมาด้วยกรุงลอนดอน จากการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 นี้ กรุงเทพฯ ยังติด 1 ใน 5 ของเมืองที่นักท่องเที่ยวพักค้างคืนมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดถึง 14.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เทรนด์ยุคนี้จะไปไหนทีก็ต้องมีภาพลงอินสตาแกรม เลยก่อให้เกิดกระแสนิยมใหม่ในหมู่นักท่องเที่ยวยุคปัจจุบันในการมองหาที่พักที่ดูแล้ว “เกิด” สุดๆ อยากจะขอเอาใจคนที่อยากเข้ามาท่องเที่ยวหรือมาทำธุระสำคัญในกรุงเทพ หรือที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเดิมที่ต่างจังหวัด มาเดินชอปปิ้งในกรุงเทพ มาเสพวัตถุนิยม ซื้อของสะสมเล็กๆ น้อยๆ มานอนนั่งอ้อยสร้อยในเมืองฟ้าอมร แนะนำโรงแรมในกรุงเทพ ครั้งนี้อยากขอเอาใจคนที่อยากหาโรงแรมหรือที่พักแนวน่ารัก น่ารัก กิ๊บเก๋ยูเรก้า ดูเท่ห์ มีสไตล์ อย่างโรงแรมสบาย สบาย @สุขุมวิท สวยอลังการสะท้านโลก

เพราะนี่คือ โรงแรมที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ โรงแรมสบาย สบาย @สุขุมวิท ที่พักสุดโรแมนติก สวย อลังการ  ปัจจุบันโรงแรมแต่ละแห่งนอกจากจะเน้นเรื่องการบริการที่ต้องมาเป็นที่หนึ่งแล้ว ตัวโรงแรมทั้งภายนอกและออกแบบตกแต่งด้วยโทรสีสดใส  ภายในโรงแรมและห้องพักเองก็ต้องมีการ Build in ตกแต่งให้ดูดี น่าพักสุดๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ ผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน แต่แฝงความหรูหรา  พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ทันทีที่เข้ามาในบริเวณ Lobby สัมผัสได้ถึงความโอ่โถง โปร่ง สบาย เพิ่มความสดชื่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีแดงสด ในกลิ่นอายที่ผสมผสานความอบอุ่นแบบสบาย สบาย สวยบรรยากาศดี๊ดีที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมสงบ กลางใจเมืองกรุงเทพ นอกจากสถานที่จะสวยงาม อุปกรณ์ทันสมัย ห้องอาหารพร้อมให้บริการอาหารเลิศรสหลากหลายสไตล์  พนักงานทุก  คนเอาใจใส่ผู้เข้าพักและพร้อมให้บริการด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนประทับใจ

โรงแรม สบาย สบาย ตั้งอยู่ใจกลางย่านสุขุมวิท71 ใกล้สถานที่สำคัญ เรียกว่าเดินไปไม่กี่เก้าก็เห็นแต่โรงแรมแล้วค่ะ สะดวกต่อการเดินทางโรงแรมอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS พระโขนง เชื่อมต่อกับทุกสถานีรถไฟฟ้า  ช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้นตลอดสายสุขุมวิท เช่น อ่อนนุช, เอกมัย, ทองหล่อ, อโศก, สยาม, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, หมอชิต เป็นต้น  ยังไม่นับรวมสายรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกันอีกในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า เช่น สายสีลม, สายสีเขียว, สายสีม่วง, สายสีน้ำเงิน, สายสีแดง เกตเวย์ เอกมัย ห่างจากเอกมัยเพียง 10 นาที สนามบินสุวรรณภูมิ 30 นาที  เรียกว่าหากมาพักผ่อนกับโรงแรม สามารถเดินทางเที่ยวได้ทั่วกรุงเทพแน่นอน คุ้มค่าต่อการมาพักผ่อนอย่างแน่นอน

โรงแรมสุดน่ารัก ที่จอดรถกว้างขวาง มีห้องพักราคาประหยัดรองรับหลายประเภทมากถึง 42 ห้อง 42 แบบ แบ่งเป็นห้อง EXECUTIVE ROOM เพนท์เฮ้าส์ ห้องสวีท ห้องดีลักซ์ ห้องดีลักซ์ทวินแบบครอบครัว  ห้องดีลักซ์ดับเบิลบัลโคนี ห้องซูพีเรียน์ขนาดมาตราฐาน รองรับด้วยเตียงนอนนุ่มใหญ่
Slumberland ที่นอนช่วยรองรับน้ำหนักด้วยวัสดุเสริม ดีไซน์ไทยโมเดิร์น ฝรั่งเศส จีน โมรอคโค ยุโรป  และตุ๊กตาหมีน่ารักๆ ตัวนุ่มๆที่มาใช้ตกแต่ง ภายนอกมีมุมนั่งเล่นที่เป็นโต๊ะไม้ หมอนอิง  เบาะนั่งหมอนอิงที่เป็นลายผ้าจากแคชเมีย สวยงามน่านั่ง  มีนี่บริการสปา และห้องอาหารผัดไทยเสวย ที่ได้รับการการันตีจากเชลล์ชวนชิม

ชั้น1 Lobby/RESTAURANT DELIGHT สำหรับ Breakfast เช้า/Spa

ชั้นลอย  ห้องออกกำลังกาย/ห้อง  Co-Working Space

ชั้น2  ทางเดินและห้องพักแบบโมเดริ์นสไตล์ แบบคลูๆ มีเสน่ห์กระจุ๊กกระจิ๊ก

ชั้น3 ไชนิสสไตล์เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความร่ำรวยทาง
ศิลปวัฒนธรรม/ห้องพัก

ชั้น4 ความสวยงามของสถาปัตยกรรมไทยโมรอกโก

ชั้น5 สุคชิคสไตล์วินเทจ แบบยูโรเปียนสไตล์

ชั้น6 EXECUTIVE ROOM เพนท์เฮ้าส์แบบคุณหนูหรูหรา ที่มีสวน และมีการตกแต่งสวนหย่อมแบบสวยงามที่สุดขยับร่างไปดริ้งค์พร้อมเสพวิวได้เลยสร้าง

 

หากคุณเป็นคนชอบความสะดวกสบาย ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ่มค่ากับวันพักผ่อนอันแสนอบอุ่นกับการเดินทางที่แสนยาวไกล ขอแนะนำที่พักเล็กๆ น่ารัก เจ้าของดูแลด้วยตัวเอง การบริการดีมาก ห้องพักสะอาด สวยสง่าไม่ได้มีแพ้โรงแรมใด มาที่นี่เหมือนกับหลุดอยู่ในเมืองเทพนิยายของยุโรป

แนวความคิดของโรงแรม สบาย สบาย นี้คือต้องการให้คนมาพักได้เข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง แต่ละห้องมีความแตกต่างที่แอบแฝงด้วยความเก๋ไก๋ อยากพักแบบชิคๆ ชิลๆ ก็ต้องที่นี่เลยล่ะ บวกกับสายลมเบาๆท่ามกลางสวนต้นไม้ เสียงนกร้อง ธรรมชาติยามพัดผ่านร่างกาย มันช่างสบายเสียจริงๆ พร้อมผ่อนคลายไปกับสวนสวยที่เงียบสงบนับว่า สบาย สบาย เป็นอีกโรงแรมที่น่าพักผ่อนของนักท่องเที่ยว

คุณบุญศิริ ตระกูลแสงรัศมี (เล็ก) กรรมการผู้จัดการ (เจ้าของ) ผู้ก่อตั้งและดูแลการทำตลาดให้กับโรงแรมสบาย สบาย @สุขุมวิท

ถ้าเอ่ยถึง  โรงแรมสบาย สบาย @ สุขุมวิท  นาทีนี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
คุณบุญศิริ ตระกูลแสงรัศมี (เล็ก) กรรมการผู้จัดการ (เจ้าของ) ผู้ก่อตั้งและดูแลการตลาด  ให้กับโรงแรมสบาย สบาย @สุขุมวิท โรงแรมที่กำลังเป็น Talk of the Town ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ และเธอยังได้ปลีกเวลาที่แสนวุ่นวายจากการเดินทางไปทั่วโลกมานั่งเล่าเรื่องราวในชีวิตให้เราได้ฟังกัน เริ่มต้นจากการเป็นลูกสาวในครอบครัวของนักธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ความเป็นครอบครัวของนักธุรกิจ ก็จะสอนและฝึกหัดให้ลูกๆ รู้จักทำงานมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ยังเรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นประถม  เรียกได้ว่าถูกหล่อหลอมมาด้วยความคาดหวังว่าจะได้เกิดและเติบโตในสายงานนักธุรกิจอย่างแท้จริง หลังจากเรียนจบด้านการโรงแรมจากประเทศออสเตรเลีย คุณเล็ก มีความชอบทางด้านของการให้บริการ และ ชอบพบปะผู้คน เป็นทุนเดิม ที่ทำให้ เล็กเลือก ตัดสินใจในการที่จะเข้าประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริหารโรงแรม

“จากจุดเริ่มต้นมาจนถึงทุกวันนี้ รู้สึกภูมิใจในผลของการทำงานที่ผ่านมา นอกจากจะภูมิใจในตัวเองแล้ว ยังสร้างความภูมิใจให้กับครอบครัว การเดินทางทุกๆ เส้นทาง เล็กต้อง ขอบคุณทุกๆ คำแนะ
นำที่ช่วยสอนช่วยแนะนำสนับสนุนให้เล็ก เติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง”

นอกจากนี้  คุณเล็กกล่าวว่า… “ที่นี่ไม่ใช่เพียงทำให้ผู้มาเยือนอิ่มเอมใจกับห้องพักสวยๆ ได้เท่านั้น แต่ยังมี จุดเด่นที่ทำให้ โรงแรมสบาย สบาย ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ด้วยทำเลที่ตั้ง ข้อเสนอที่ตรงใจ โดนใจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ของโรงแรมแห่งนี้ ที่มีบริการรับส่ง BTS  ,Airport link,  ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวไฟ มินิบาร์ ทีวี ตู้เย็น เรียกว่าถ้าสู้แดดร้อนๆไม่ไหว แค่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ห้องสบายๆ ก็แฮปปี้แล้วค่ะ”

Sabai Sabai at Sukhumvit Hotel
Goodplace Bestprice Niceroom

เสน่ห์ดึงดูดใจของที่นี่ คือการออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม  ความสะอาด บริการเรื่องการให้ความช่วยเหลือ ลูกค้า  ตัวอาคารที่คงเอกลักษณ์โครงสร้างเดิม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก โดดเด่นด้วยสีสันต่างแต่ละชั้นแต่ละห้องพัก เช่นโทนขาว-ฟ้า ซึ่งสร้างบรรยากาศอบอุ่นสบายตาได้เป็นอย่างดี  และมีการแต่งแต้มสีสดใสเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา
-คุณบุญศิริ ตระกูลแสงรัศมี (เล็ก)

อีกทั้งยังมีการเล่นระดับทางเดินเพื่อสร้างมิติและมุมมองที่น่าสนใจ รวมถึงมีกิมมิกน่ารักๆ เป็นข้าวของตกแต่งที่ประยุกต์ใช้เศษวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นงานแฮนด์เมด จากเชียงราย แพร่ โดยฝีมือคนท้องถิ่น

ปัจจุบันวันนี้มีจำนวนลูกค้ามากพอที่จะต่อยอดสู่บริการที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นได้รับรางวัลการันตีและเป็นที่ยอมรับจากสื่อมากมาย อาทิ  Sabai Sabai at Sukhumvit โรงแรมหรูหราไฮโซเทียบเท่า 4 ดาว   การันตีด้วยรางวัลคุณภาพระดับ Excellence 4 ปีซ้อน  จาก Trip Advisor 2013-2016

นอกจากนี้ยังมีห้องประชุม ห้องสัมมนาไว้รับรอง ราคาก็ไม่แพง จะอยู่รายวัน หรือจะอยู่แบบรายเดือน  ห้องสวย เก๋ มีสไตส์ ไม่ซ้ำแบบ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง แบบสบายๆ ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร ชนิดเดินเพียงไม่กี่ก้าว เงินในกระเป๋าก็ดีดดิ้นเต้นระบำแล้ว

บอกแล้วว่าที่ ความเป็นโรงแรมหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า โรงแรมสบาย สบาย อยู่ที่ความสะดวก สบาย คุ้มค่า ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่ชัดมากจากการสำรวจและได้รับรางวัลจาก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของรูปลักษณ์ที่มีความเฉพาะตัวของโรงแรมที่มีความปลอดภัย ต่างเคยได้ยินชื่อแบรนด์มาก่อนวันนี้โรงแรมสบาย สบาย @สุขุมวิท เปิดให้บริการสู่ปีที่ 7

Sabai Sabai At Sukhumvit
โปรโมชั่นพิเศษ!!!  สำหรับลูกค้าจาก  Toptotravel.com   (แจ้งพนักงาน)
ไปพักกันเลย Deluxe room จาก 3,000 บาท เหลือเพียงราคา 999 บาทแถมฟรีอาหารเช้า  เก็บกระเป๋าแล้วพุ่งตัวไปวันพรุ่งนี้ยังได้เลยเสมือนกับ
คุณอยู่บ้านพักของตัวเองแบบสบายๆ สมชื่อ

Welcome to Sabai Sabai!!
Sabai-Sabai @ Sukhumvit Boutique Resort and Spa takes pride in being one of the hotels located at the centre of the Sukhumvit road.
This area is about 20 kilometers from Suvannabhumi Airport, few kilometers from the Airport Link BTS.

It is very convenience to go by BTS to the restaurant and the entertainment at Nana, Thong Lor and Ekkamai for shopping at the Emporium, Central World, Siam Paragon, Isetan, Gaysorn Plaza, MBK, Platinum, Big C, Index Shopping Mall, Secon Square and Paradise Park.

It also takes about one hour by car to the beach, Pattaya (by highway) and as well, there are many tourist attractions near by, such as Anciently City Crocodile Farm Temples.

Sabai-Sabai @ Sukhumvit Resort and Spa
984/22-27 Sukhumvit 71 Rd., Soi Pridi Banomyong 40,Prakanong, Vadhana, Bangkok 10110
Tel. 66(0)-2255-7592-3, 66(0)-2391-6498-9
Fax. 66(0)-2655-5711, 66(0)-2672-7697

สนใจติดต่อ โรงแรมสบาย สบาย แอท สุขุมวิท
984/22-27 ซอยปรีดีพนมยงค์40 ถนนสุขุมวิท71 แขวงพระโขนง
เขตวัฒนา กทม. 10110
โทร. 02 391 6490

เว็ปไซต์ : http://sabai-sabai-sukhumvit.com
facebook: www.facebook.com/sabai.sabai.sukhumvit/

กินกิน เที่ยวเที่ยว ใกล้กรุงกันดีกว่า ตลาดอิงน้ำสามโคก

ตลาดอิงน้ำสามโคกสุดคึกคักฉุดเศรษฐกิจชุมชนโตต่อเนื่อง พร้อมช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น

มาชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิด ตลาดเล็กๆ มีเจ้าเสือพ่นน้ำเป็นสัญลักษณ์ ชาวบ้านใจดี ร้านค้าจัดน่ารัก น่าเดินเล่นและซื้อหาของ ด้วยความผูกพันของชาวชุมชน พร้อมใจกัน  สรรหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาและฝีมือของท้องถิ่นออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ชิม ช้อป อาทิเช่น ข้าวแช่ แกงมะตาด ขนมจีนชาวน้ำ หรือการปักสะไบมอญ  ด้วยอัธยาศัยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวสามโคกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมภายในตลาดอิงน้ำสามโคก

ชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ด้วยบรรยากาศชุมชนที่ยังคงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีความเป็นอยู่ ซึ่งมีแม่น้ำลำคลองเป็นเส้นทางสัญจร เป็นตลาดเก่าดั้งเดิมที่ทำมาค้าขายทางเรือกันมาอย่างราบรื่นหลายชาติพันธุ์ชาวไทย ชาวมอญ ชาวจีน และชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาจาก
เริ่มโครงการจนเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

นอกจากนั้นยังเสริมสร้างให้เด็ก เยาวชน ในท้องถิ่น โดยมีเวทีในการแสดงทางวัฒนธรรม เกิดทัศนคติที่ดีและหวงแหนชุมชน ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองผ่านการแสดงในทุกวันจัดกิจกรรมที่เวทีการแสดง

ธรรมชาติยังดีเหมือนเดิม มีชุมชนอาศัยอย่างปกติทีความเป็นกันเองกับผู้มาเยี่ยมเยือนมีร้านค้าพอสมควรมี ร้านอาหารให้เลือกทานมีร้านอาหารริมน้ำอร่อยมีศาลเจ้าติดริมน้ำมีมุมสวยๆหลายมุมให้จับภาพมี ร้านกาแฟมุมสวยให้พักผ่อน ร้านผัดไทยกุ้งสดขายดี มีร้านหมูสะเต๊ะอร่อย มีร้านทอดมันกุ้งทอดให้ลอง มีกล้วยทอดให้ชิม มีห่อหมกร้านอร่อยให้ซื้อกลับบ้าน แล้วมานั่งทานขนมจีนซาวน้ำ

จังหวัดปทุมธานีเผยผลสำเร็จโครงการถนนสายวัฒนธรรม  ตลาดอิงน้ำสามโคก ชาวชุมชนพร้อมใจต้อนรับนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ จีน มุสลิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของภาครัฐ เตรียมนำความสำเร็จจากโครงการนี้เป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวในงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการ ถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ว่า หลังจากจังหวัดปทุมธานี ได้จัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่าชาวชุมชนที่เคยค้าขายอยู่ในตลาดอิงน้ำสามโคก

ทั้งที่เลิกค้าขายไปแล้วและที่ออกไปค้าขายที่อื่นตามการเปลี่ยนแปลงของชุมชน ได้กลับมาค้าขายในพื้นที่ตลาดอิงน้ำสามโคกอีกครั้งเป็นจำนวนมาก จากที่ก่อนเปิดโครงการมีร้านค้าเพียง 20 กว่าร้าน จนในปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำนวนนักท่องเที่ยวจากที่เคยมีเพียงไม่เกิน 100 คน/วัน ในช่วงวันหยุด ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คนต่อวันและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งจากการประเมินตามร้านค้าพบว่าในแต่ละวันที่ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมมีเงินหมุนเวียนภายในชุมชนกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหากนับจากวันเริ่มโครงการ มีเงินสะพัดภายในตลาดเกือบ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน

“การจัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นการเปิดเส้นทางและพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีพื้นที่ในการนำเสนอและจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ กินดีอยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของภาครัฐ ความสำเร็จที่เกิด
ขึ้นจากโครงการนี้ จะเป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนา เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ อีกมากมาย” รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าว

ตลาดอิงน้ำสามโคก ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พาครอบครัวเดินมาเดิเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำแบบใกล้กรุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ
จีน มุสลิม จากชาวบ้านในพื้นที่ ราคาไม่แพง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น อาคารที่ว่าการอำเภอสมัย รัชกาลที่ 6 อนุสาวรีย์สุนทรภู่ วัดบางเตย ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ
พร้อมมุมถ่ายรูป ชิค ชิคทั้ง  Wall Art  วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยลงทางด่วน ที่ด่านถนนบางพูน (รังสิต-ปทุมธานี) ลงแล้วเลือกไปทางปทุมธานี ขับตรงมาอีกไม่ไกลเจอสามแยกไฟแดงโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส แล้วเลี้ยวขวา ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆไม่ต้องขึ้นสะพานไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ขับตามป้ายปทุมธานีไว้ จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขับข้ามสะพานตรงมา จะเจอสะพานข้ามแยก (สันติสุข) ไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้เลี้ยวขวาใต้สะพานไปทางอำเภอสามโคก ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตปั้ม PT ไว้และต่อมาจะเจอวัดบางเตยนอกและวัดบางเตยกลางจะอยู่ติดกัน ข้ามสะพานข้ามคลองเล็กๆลงมาชิดขวาไว้จะเจอช่องทางให้กลับรถ (ตรงที่กลับรถ มีป้ายบอกว่า สถานีตรวจคนเข้าเมือง  จังหวัดปทุมธานี) เลี้ยวขวาที่ช่องกลับรถเข้าซอยมา จอดรถที่ท่าน้ำ

ตลาดอิงน้ำสามโคก เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น.

ธุรกิจการถ่ายภาพ แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018

เตรียมตัวให้พร้อม  ไปงานของพวกเรา คนรักการถ่ายภาพ 

Toptotravel  มีโอกาสร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว PHOTO FAIR 2018 ผู้ที่รักการถ่ายภาพได้มาร่วมงาน PHOTO FAIR 2018  ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย และจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของการจัดงานในปีนี้ที่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่สนใจ เพราะทุกวันนี้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย เราควรต้องตามให้ทัน

เมื่อวันที่  19 มิถุนายน 2561  ที่  โรงแรมดิเอ็มเมอรรัล ถนนรัชดาภิเษก กทม.สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ จัดพิธีมอบตำแหน่งคณะกรรมการสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปี พร้อมนายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพท่านใหม่ นางณริภา ศรีสว่างวัฒน์ พร้อมแถลงข่าวการเปิดตัวกิจกรรม PHOTO FAIR 2018

สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018
คุณณริภา ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปีบริหาร 2561-2562 หลังจากรับตำแหน่ง พร่้อมทำงานจัดแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018 งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด Photo Graphy Power รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียวกัน สื่อถึงความมีพลังสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

นางณริภา นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพคนใหม่ กล่าวว่า งานกิจกรรม PHOTO FAIR 2018 จุดนัดพบของคนรักการถ่ายภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – วันที่ 2 ธันวาคม 2561 จำนวน 5 วัน ณ ไบเทคบางนา โดยทางสมาคมธุริจการถ่ายภาพได้จัดกิจกรรมนี้มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 ถึงปัจจุบัน ถือเป็นปีที่ 39 บนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร วัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางของผู้ประกอบการธุรกิจการถ่ายภาพที่มีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินการธุรกิจถ่ายภาพต่อไป ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้กับนักถ่ายภาพทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพ ซึ่งจะมีเครื่องมือและเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายภาพใหม่ๆที่ทันสมัยมากมาย รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการด้านการถ่ายภาพที่ตอบรับมาเข้าร่วมงานครั้งนี้จะนำสินค้าที่แตกต่างจากประเทศไทยเ ได้แก่ จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น จึงอยากเชิญชวนผู้ที่รักการถ่ายภาพว่าไม่ควรพลาดที่จะมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้

นางณริภา ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปี (บริหาร 2561-2562) หลังจากรับตำแหน่ง พร้อมทำงานจัดแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม PHOTO FAIR 2018 งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด PHOTO GRAPHY POWER รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียว

ประวัตินายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 
คุณณริภา (นวรัตน์) ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 เป็นบุตรสาว นายชัยพันธ์ วงจันทร์ศิลป์ และนางขาเฮียง แซ่อึ้ง เกิดในครอบครัวร้านถ่ายภาพวงจันทร์ เริ่มเป็นช่างภาพตั้งแต่อายุ 13 ปี มีความสามารถตั้งแต่สมัยที่วงการถ่ายภาพใช้ฟิล์มกระจก ซึ่งต่อมาก็เป็นฟิล์มแผ่นจวบจนถึงปัจจุบันนี้กว่า 50 ปี มีความสามารถในการถ่ายภาพทั้งในและนอกสถานที่ รวมทั้งการแต่งรูป แต่งฟิล์ม และขยายภาพ ได้สมรสกับคุณชาริษ (ชาลี) ศรีสว่างวัฒน์ ซึ่งเป็นเจ้าของ บริษัท ภาพยนตร์วีดีโอโปรดักชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนภาพยนตร์โฟโต้ ซึ่งได้มีการถ่ายภาพหมู่โดยใช้กล้องหมุนและถ่ายวีดีโอ พร้อมทั้งถ่ายภาพในการรับพระราชทานปริญญาบัตรในสถานบันมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับเชิญให้ไปถ่ายภาพหมู่กล้องหมุนหลายประเทศ ทั้งประเทศอเมริกา ฝรั่งเศส จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเก๊า มาเลเซีย อินโดนีเซีย เขมร ลาว เป็นต้น ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากมาย

ประวัติทางสังคม

-เป็นอุปนายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพหลายสมัย และดูแลฝ่ายต่างประเทศ

-เป็นอุปนายกสมาคมตระกูลเฮ้งแห่งประเทศไทย

-เป็นที่ปรึกษากลุ่มสตรีสมาคมตระกูลเฮ้งแห่งประเทศไทย

-เป็นที่ปรึกษากลุ่มสตรีสมาคมฮงสูนแห่งประเทศไทย

-เป็นสมาชิกไลออนส์ที่เป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากว่า 15 ปี สังกัดสโมสรไลออนส์จอมทอง กรุงเทพ ภาค 310D เคยดำรงตำแหน่งอดีตผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 D ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารสภาภาครวม 310 ประเทศไทย

พิธีมอบตำแหน่งคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพสมัยที่ 26 คุณณริภา (นวรัตน์) ศรีสว่างวัฒน์ ปีบริหาร 2561-2562 และงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม โฟโต้แฟร์ 2018  งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด Photo Graphy Power รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียว สื่อถึงความมีพลังสามัคคี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – วันที่ 2 ธันวาคม 2561ณ ไบเทคบางนา

สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ในงาน ติดต่อสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ
งาน PHOTO FAIR 2018 จุดนัดพบของคนรักการถ่ายภาพ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา บนพื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม.
ติดต่อที่ สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ 02-803-7570-1
โทรศัพท์ 0 2803 7570-1

#PhotoFair2018
#โฟโต้แฟร์2018
#PhotoFairThailand

โตชิบา ไทยแลนด์ รุกหนักครึ่งปีหลัง 2018

เปิดตัวสินค้าใหม่ 34 รุ่น หวังรายได้โต 2 ดิจิต

นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมด้วยนายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าว “A New Chapter Beyond All Limits ” เปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อม
ชูนโยบายและแผนการตลาดเชิงรุกในครึ่งปีหลัง

นายโตชิโระ  อิชิวาตาริ  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า…

โตชิบา ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ภายใต้มาตรฐานการดีไซน์และการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้น ด้านคุณภาพชีวิต และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค  จากการรวมกัน ของ TLSC และ Midea Group เรามุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดโลก (Global Market) มากยิ่งขึ้น ขยายกลุ่มสินค้าให้หลากหลาย

นอกจากนี้ นายโตชิโระ  อิชิวาตาริ   ยังกล่าวตอกย้ำว่า TLSC   ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะลงทุนในประเทศไทย ทั้งในแง่เป็นฐานการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการขายและการทำตลาด และโตชิบาจะยังคงเติบโต ยั่งยืน และก้าวไปด้วยกันกับคนไทย เรามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น และคำนึงถึง
ไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก  เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคน
ไทย ตามสโลแกนโตชิบา

นายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด

นายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย ภาพรวมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ในช่วงฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้น  โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตสูงถึง 4.1%   ซึ่งถือว่าเติบโตสูงสุดตั้งแต่ปี 2555 ส่วนค่า GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 4.8% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มในเชิงบวกว่าธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะดีขึ้น

สำหรับไตรมาสแรก  ของปี 2561 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน  ยังคงทรงตัวที่อัตราการเติบโต 0.2% เนื่องจากสภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศ มีผลติดลบ 9% อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ยังมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 7% ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าอนาคตจะเป็นไปในเชิงบวก

สำหรับผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ภาพรวมยอดขายโตชิบา โตขึ้นถึงกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ในส่วนของการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก โตชิบาเผยโฉมสินค้าใหม่มากถึง 8 หมวดหมู่ รวม 32 รุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างโตชิบาและไมเดีย และจากการลอนช์สินค้าดังกล่าว  จึงเป็นที่มาของยอดขายที่เติบโตสูงขึ้น

นายฮิโรยูกิ ทากาเสะ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวี

สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง โตชิบายังคงใช้ความได้เปรียบจากการรวมกันของ 3 ประเทศ ได้แก่สินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ความรวดเร็วในการผลิตและการพัฒนาจากประเทศจีน และประสบการณ์  การทำตลาดอันยาวนานจากประเทศไทย เปิดตัวคอนเซปต์ A New Chapter Beyond All Limits เพื่อตอกย้ำ โตชิบายุคใหม่ ที่จะก้าวทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด โดยคาดหวังจะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Top 3 ในประเทศไทย ภายใน 3 ปี และต้องเติบโตอย่างน้อย 2 ดิจิตขึ้นไป เราวางแผนที่จะขยายธุรกิจของเราให้เติบโตยิ่งขึ้น จากการที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากมาย โดยในครึ่งปีหลัง แผนเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มอีก 8 หมวดหมู่ 34 รุ่น

นายฮิโรยูกิ ทากาเสะ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวี กล่าวเสริมว่าจากข้อมูลเดือนมกราคมถึงเมษายน 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าการตลาดสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เติบโตขึ้น 0.2% โดยสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นเยอะได้แก่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (SDA – Small Domestic Appliances) ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 31% ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ 32% ตู้เย็น 19% และเครื่องซักผ้า 18% ส่วนการเติบโตสินค้ากลุ่มความเย็นและกลุ่มซักผ้า เติบโต 4% ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ ติดลบ 9% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโตสูงถึง 7.1% โดยเครื่องทำน้ำอุ่นโตถึง 31% และไมโครเวฟ 15%

ส่วนผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ยอดขายโตชิบาโตถึงกว่า 20% โดยมาจากตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และเครื่องทำน้ำอุ่นที่เติบโตถึง 38%, 35%, 189% และ 146% ตามลำดับ ส่วนเครื่องปรับอากาศ เติบโตเพียง 1%

ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 34 รุ่น ทั้งกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว เครื่องปั่นน้ำผลไม้ และเครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างของสินค้าที่โตชิบาขาดหายไป และถือเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายและครบถ้วนยิ่งขึ้น

นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลังนี้ โตชิบาจะเปิดตัวสินค้ามากมาย โดยเฉพาะตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่จะมาขยาย Market Share ของโตชิบาให้กว้างขึ้น ทั้งตลาดพรีเมียมและตลาดแมส สำหรับสินค้ากลุ่มตู้เย็น โตชิบาเป็นที่ 1 ในเรื่องตู้เย็นประตูเดียวมาตลอดหลายปีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีตู้เย็น 2 ประตู และตู้เย็นมินิบาร์ แต่ในปีนี้ เราจะมาครบไลน์อัพ เติมเต็มช่องว่างเค้กก้อนใหญ่ในส่วนของตู้เย็นมัลติดอร์ (Multi Doors) และตู้เย็นไซด์บายไซด์ (Side By Side) ที่มีมูลค่าการตลาดถึงหนึ่งพันล้านบาท โดยมีแผนออกสินค้าในไตรมาส 4 ส่วนในไตรมาส 3 เราส่งตู้เย็น 1 ประตูรุ่นใหม่ FIT ที่ปรับโฉมใหม่ เพื่อยังคงรักษาความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตู้เย็น 1 ประตู ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเกือบ 30%

ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โตชิบาจะใส่ใจเรื่องความต้องการของลูกค้า รวมถึงดูเทรนด์ผู้บริโภคเป็นหลัก เฉกเช่นการพัฒนาตู้เย็น ที่ผู้หญิงทำงานนอกบ้านมากขึ้น เวลามีจำกัด ดังนั้นการซื้อของกินของใช้ในแต่ละครั้งจึงมาก และเมื่อต้องเก็บมาก เราจึงออกแบบตู้เย็นให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงต้องเก็บรักษาความสดได้ยาวนาน และต้องออกแบบตู้เย็นให้จัดสรรของกินแต่ละประเภทให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงเป็นที่มาของการเกิดตู้เย็นไซด์บายไซด์ และมัลติดอร์

ตู้เย็นมัลติดอร์ โดดเด่นด้วย 3 Cycle Real Inverter มาพร้อมระบบทำความเย็น 3 Cooling กระจายความเย็นได้ทั่วถึง และระบบการกำจัดกลิ่นชั้นยอด นอกจากนี้ยังแบ่งช่องต่างๆ ในตู้เย็นได้มากถึง 26 ช่อง เพื่อให้คุณเลือกแช่ได้ตามใจ

ส่วนตลาดเครื่องซักผ้า เราตั้งเป้าเติบโต 50% โดยขยายไลน์อัพเพิ่ม ด้วยการเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถังสำหรับจับตลาดกลางถึงล่าง และเพิ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า และ 2 in 1 เครื่องซักอบผ้าฝาหน้า เพื่อจับกลุ่มคอนโด และตลาดกลางถึงบน ซึ่งใน 2 ตลาดดังกล่าว มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยเติมเต็มมาร์เก็ตแชร์ของกลุ่มเครื่องซักผ้าของโตชิบามากขึ้น

ในไตรมาส 3 นี้ โตชิบามีแผนเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถัง ซึ่งมาด้วยดีไซน์ที่สวยหรู ตัวถังกันสนิม พร้อมจุดเด่นท่อเติมน้ำแบบคู่ ที่ทำให้การซักและการปั่นสะดวก สะอาดยิ่งขึ้น มีให้เลือกมากถึง 4 ความจุ คือ 7.5 กก. 8.5 กก. 11 กก. และ 13 กก. เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือ Front Load จะมาด้วยเทคโนโลยี Great Wave ที่ช่วยให้ผ้าสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำร้อน จึงทำให้ประหยัดไฟ ประหยัดเวลา รวมถึงช่วยปกป้องสีสันของเสื้อผ้าให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น มาพร้อม 3 ความจุให้เลือก คือ 7.5 กก. 8.5 กก. และ 9.5 กก.

ส่วนตัวไฮไลท์ เป็นเครื่องซักอบฝาหน้า ที่มีความจุทั้งซักและอบที่เท่ากัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งมีให้เลือก 2 ความจุ คือ 10/10 กก. และ 8/8 กก. ซึ่งแพลนวางขายในไตรมาส 4

นายชาตรี พลสอนดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก กล่าวว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงมาก มีความต้องการใช้ต่อเนื่อง และด้วยความที่สินค้ามีหลากหลาย จึงตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้แตกต่างกัน สำหรับแบรนด์โตชิบา เราตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายใน 3 ปี โดยในครึ่งปีแรก เห็นผลชัดเจนว่าเราเติบโตมากในกลุ่มสินค้ากลุ่มไมโครเวฟ ซึ่งโตขึ้นถึง 189% จากการที่เราเปิดตัวไมโครเวฟใหม่ 7 รุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งโตขึ้นถึง 146% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ใน ไตรมาสที่ 3 นี้ เราแพลนออกเครื่องทำน้ำอุ่นใหม่อีก 8 รุ่น เพื่อเตรียมรับหน้าหนาวที่จะมาถึงในปลายปีนี้ สำหรับตลาดหม้อหุงข้าว เราตั้งใจขยายตลาดระดับกลางถึงล่าง โดยส่งหม้อหุงข้าวประเภท Jar Type หรือหม้ออุ่นทิพย์ดีไซน์ใหม่ สดใส และทันสมัยกว่าเดิม มีให้เลือก 2 ความจุ 5 รุ่น 3 ดีไซน์ มากไปกว่านั้น โตชิบากำลังขยายไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องปั่นน้ำผลไม้เพิ่ม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน และคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น เครื่องปั่นน้ำผลไม้ของโตชิบา มาด้วยเทคโนโลยี Off Center ที่ช่วยให้น้ำผลไม้ปั่นละเอียดยิ่งขึ้น

นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยโดยตรงจากกลุ่มผู้บริโภคด้วย อย่างแนวโน้มหรือเทรนด์ เรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว จะส่งผลต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องความสะดวกสบาย คุณภาพและเทคโนโลยี ดีไซน์ของสินค้า ที่อาจนับได้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน รวมถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ อย่างเรื่องการประหยัดเวลา นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ยังรวมถึงการรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน และการรักสุขภาพ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโตชิบา จึงถูกออกแบบมา โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นปัจจัยหลัก เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะ “นำสิ่งที่ดี มาสู่ชีวิต” ให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับกิจกรรมการตลาดในครึ่งปีแรก อัตราส่วนการลงทุน จะมุ่งเน้นที่ การสร้างแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ และการจดจำต่อสาธารณชน ซึ่งรวมไปถึง ณ จุดขาย การส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น และนอกจากการลงทุนข้างต้นแล้ว ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคได้มากที่สุด นอกเหนือจากการจัดจำหน่าย สินค้า ที่มีคุณภาพ หลากหลาย และแข่งขันได้

ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง เน้นเรื่อง 4P ได้แก่ สินค้า อย่างเรื่องการเพิ่มไลน์สินค้า การอัพเกรดสินค้าให้มีคุณภาพและทันสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึง การขยายช่องทางการขาย ช่องทางการจัดจำหน่าย ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงแพลนปรับโฉมร้านค้าให้ดูทันสมัย และสวยงามยิ่งขึ้น แผนการสื่อสารและการตลาดงบกว่า 12% เพื่อการลงทุนด้านโฆษณาและส่งเสริมการขาย ทั้ง Above the line และ Below the line เพื่อสร้างการรับรู้ และความเชื่อมั่นในตราสินค้า ทั้งนี้ ภาพรวมการตลาดจะผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะ Online & Social Media เป็นหลัก โดยเน้นเรื่อง Digital Marketing, Localized Marketing รวมไปถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เหมาะกับกลุ่มสินค้า ฤดูกาล และพื้นที่การขาย โดยจะมีแคมเปญออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ แคมเปญรับหน้าฝน แคมเปญฉลองวันเกิด แคมเปญรับปีใหม่ หรือแม้แต่การทำ Road Show และ Work Shop ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า และสุดท้าย เรายังคงให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย ที่ไม่ได้ต้องการให้เป็นตัวแทนขายสินค้า แต่เขาคือที่ปรึกษาส่วนตัว (Personal Consultant) เราจึงมีแผนพัฒนาบุคลากรให้ความรู้และฝึกอบรมทั้งในส่วนการขาย การสร้างประสบการณ์การใช้งาน การเป็นเลขาส่วนตัว รวมถึงการให้คำแนะนำหลังการขายอีกด้วย

นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท

นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท กล่าวเสริมว่า นอกจากบริษัทฯ จะเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และแผนการตลาดต่างๆ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีแผนการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบงานบริการหลังการขาย ระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล และระบบต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ขอให้เชื่อมั่นในโตชิบา เรายังคงเป็นแบรนด์ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นางกนิษฐ  กล่าวเสริมว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นคนไทย เรายังเชื่อมั่นในโตชิบา และในการรวมพลังของเรา 3 ประเทศ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่รวดเร็ว และเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านส่งเสริมกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคม (CSR – Corporate Social Responsibility) เช่นที่ผ่านมา โตชิบาจะต้องเป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีธรรมาภิบาลของสังคมไทย เป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการขายและการบริการเท่านั้น แต่ต้องเป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อท่านผู้แทนจำหน่าย ต่อสังคม ต่อคนรุ่นต่อไป ต่อประเทศชาติที่รักของพวกเราทุกคน และจะ “มุ่งมั่น …นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต”

รางวัลระดับเอเชียในเมืองหลวงของไทย พร็อพเพอร์ตี้กูรู

ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ปี 2018


โค้งสุดท้าย พร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 13

เตรียมจัดงานมอบ รางวัลชนะเลิศระดับเอเชีย

นับถอยหลัง  กับการมอบรางวัล  พร็อพเพอร์ตี้กูรู  ไทยแลนด์  พร็อพเพอร์ตี้
อวอร์ดส์ ปี 2018 หรือ PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ซึ่งจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 เวทีเฟ้นหานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย และเป็นรางวัลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดในประเทศ

ภายในปีนี้มหกรรมการมอบรางวัลประจำปีดังกล่าว เปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปให้เริ่มส่งรายชื่อโครงการต่างๆ   จนถึงวันที่ 29 มิถุนายนนี้  ส่วนการสมัครในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และดีไซเนอร์จากทั่วประเทศ

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ จำกัด หรือ JLL

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ จำกัด หรือ JLL ประธานคณะกรรมการตัดสินเปิดเผยว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ดังนั้น นักพัฒนาต่างเข้าใจถึงประโยชน์ของการรับรองคุณภาพโดยที่มีความเป็นเลิศในทุกด้านของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ มีระบบการตัดสินที่โปร่งใสและเป็นมืออาชีพ ดำเนินการโดย บีดีโอ BDO เครือข่ายการตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งทำให้ในปีนี้มีจำนวนผู้สมัครจากทั่วประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกปี”

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ดอทคอม

ด้าน นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ดอทคอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า “แม้ว่ารางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ จะเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลเอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ Asia Property Awards ที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก สำหรับรางวัลพร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อสิบสามปีที่ผ่านมา นับได้ว่า เป็นรางวัลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย และเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีการจัดงานมอบรางวัลระดับเอเชียในเมืองหลวงของไทยเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย”

นายพอล แอชเบิร์น ผู้บริหาร บีดีโอ ไทยแลนด์ ให้ความเห็นว่า “รางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเป็นลำดับ โดยได้สร้างระบบแรกที่ได้รับการยกย่องในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของราชอาณาจักรให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกการเพิ่มประเภทการตัดสินที่มากขึ้น ทำให้คณะกรรมการคาดว่า จะต้องมีการประเมินผู้เข้าร่วมประกวดที่มีจำนวนมากขึ้นไปด้วย ต้องมีวิธีการตรวจสอบยังที่ตั้งโครงการสถานที่จริง รวมถึงแนวทางการประเมินเจตนารมณ์ของแต่ละโครงการที่ผู้เข้าประกวดตั้งใจทำและส่งมอบให้กับลูกค้า นอกจากนั้น การมอบรางวัลนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และตัวผู้ประกอบการ เราเชื่อว่า การสนับสนุนให้มีการประกาศรางวัลอันทรงคุณค่า การสนับสนุนโครงการคุณภาพ จะช่วยเป็นตัวอย่างและสนับสนุนให้เกิดความเป็นเลิศต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยรวม”

มหกรรมการมอบรางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์
ปีนี้นำเสนอโดย โคห์เลอร์ Kohler และได้รับการสนับสนุนโดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ DDproperty.com  ในฐานะเว็บไซต์ชั้นนำ  ของวงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย โดยมีการเพิ่มประเภทรางวัลใหม่ รวมเป็น 40 ประเภท ได้แก่ ประเภทการพัฒนา Smart Home Development, การพัฒนา Best Co-working Space และการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สงอายุ และในปีนี้ยังมีรางวัลสำหรับนักออกแบบ (Designer) ด้วยรางวัลสาขาต่าง ๆ อาทิ Best Hotel Architectural Design เป็นต้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้ประกาศรางวัลพิเศษเพิ่มขึ้น ให้กับอาคารเพื่อการอำนวยสาธารณะประโยชน์ ซึ่งมอบให้กับอาคารที่มีการเปิดใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งการดูแลสุขภาพอนามัย การศึกษา บริการสาธารณะ การขนส่ง การบำเพ็ญประโยชน์และกิจกรรมทางศาสนาไม่ว่าอาคารนั้นจะเป็นของเอกชน หรือองค์กรภาครัฐก็ตาม ได้แก่  รางวัล Best Green Development,  Best Universal Design Development และ Special Recognition for Public Facility โดยคัดเลือกจากโครงการทั่วประเทศ ได้แก่​ กรุงเทพฯ​ เชียงใหม่ ตะวันออก หัวหิน เขาใหญ่ เกาะสมุย ภูเก็ต
พังงา สงขลา และตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ ในปีนี้คณะกรรมการตัดสินได้ให้ความสำคัญกับการได้รับความนิยมที่เติบโตสูงขึ้นของ co-working space ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากของออฟฟิสใหม่ ๆ และอาคาร multi-purpose เพื่อจะจัดบริการให้กับพนักงานหลากหลายประเภทในทุกวันนี้ รวมไปถึงบุคคลที่ทำงานอย่างอิสระผ่านช่องทางออนไลน์ที่จำเป็น และไม่ต้องการที่จะทำงานภายใต้สภาพห้องทำงานแบบเดิม ๆ อีกตลาดเฉพาะ (niche) ที่ควรได้รับความสนใจ ได้แก่ ตลาดที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างเล็กแต่มีศักยภาพสูงมากที่จะเติบโต ประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคเป้าหมายที่จะมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุงานสำหรับชาวต่างช าติรวมไปถึงคนท้องถิ่นที่มีฐานะร่ำรวยจำนวนมาก หากนำไปรวมกับอัตราค่าครองชีพที่เหมาะสมและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สามารถจ่ายได้แล้ว เชื่อว่า ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงหุ้นส่วนของพวกเขาจะต้องเข้ามาสู่ตลาดนี้ในเวลาอีกไม่นาน  จะปิดรับรายชื่อในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ได้ทาง AsiaPropertyAwards.com/nomination/thailand

โดยผู้เข้าร่วมประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง และวีไอพี  จำนวนกว่า 600 ท่าน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลในสาขาหลักจะได้รับการส่งไปประกวดใน Property Guru Asia Property Awards ครั้งที่ 8 รอบสุดท้าย ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นงาน Grand Final ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีเพื่อฉลองความสำเร็จของนักพัฒนาและนักออกแบบในสิงคโปร์ พม่า ฟิลิปปินส์ และมองโกเลีย จะเข้าร่วมด้วยเพื่อรับรางวัลในเวทีระดับภูมิภาคที่จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย นอกเหนือจากการประกวดใน PropertyGuru Asia Property Awards แล้วนั้น ทางผู้จัดงานยังมีงานสัมมนาหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ PropertyGuru Asia Real Estate Summit เช่นกัน  ในวันที่ 8 – 9 พ.ย. 2561

สำหรับงานกาลาดินเนอร์เพื่อแจกรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 13 จัดขึ้น ณ โรงแรมดิแอทธินี กรุงเทพฯ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
E-mail : awards@propertyguru.com
เว็บไซต์: AsiaPropertyAwards.com

ASIA FITNESS & WELLNESS EXPO 2018

AFW จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงสาธารณสุข, การกีฬาแห่งประเทศไทย

AFW Fitness Festival 2018  จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวงาน Asia Fitness & Wellness Expo ครั้งที่ 10 เป็นงานที่รวมอุปกรณ์และนวัตกรรมล่าสุดสำหรับผู้รักการออกกำลังกาย ตลอดจนโภชนาการ อาหารเสริม เสื้อผ้า หลักสูตรต่างๆ ตลอด 3 วัน การจัดงาน ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับบูธแสดงสินค้า กิจกรรมการแข่งขัน การสัมมนาเชิงปฏิบัติ การเข้าร่วมงานของ  เหล่าเซเลบริตี้และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าชมงาน ฟรี!

ด้วยแนวโน้มการเติบโตของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย
จากปี  2560 มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท มีโอกาสขยายอีกหลายเท่าตัว เนื่องจากสินค้าและบริการมีการแตกไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจอาหาร อาหารเสริม นาฬิกาบันทึกวัดการเต้นของหัวใจ วัดความดัน หรือแม้แต่ชุดกีฬา ซึ่งไม่ใช่แค่การสวมใส่เพื่อออกกำลังกาย แต่กลายเป็นเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ในทุกโอกาสด้วย

คุณสันติ ตันแสงวิไล นายกสมาคมการค้าเครื่องกีฬา

ทั้งนี้ยังมีการเติบโตของสปอร์ตสโตร์แนวใหม่   รวมถึงร้านกีฬาที่เจาะเฉพาะนิช มาร์เกต  กลุ่มผู้ค้าที่เน้นเจาะช่องทางออนไลน์อีกจำนวนมาก  สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมกีฬาที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

Kru Nicha & Kru Karn arrive for the AFW Fitness Festival & press launch for AFW Expo 2018. Get in touch at afw@aes-exhibitions.com

ASIA FITNESS & WELLNESS EXPO 2018  มีผู้ประกอบการร่วมงานกว่า 112 บริษัท กิจกรรมไฮไลฟ์ และโชว์ต่างๆในงานจะมี การแข่งขัน Physique Model , Mr & Miss AFW 2018 เพื่อท้าทายผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง รูปร่างและการดำเนินชีวิต ให้มีคุณภาพ เสริมสร้างความมั่นใจ และมีสุขภาพกายและใจที่ดี โดยเรียนเชิญผู้สนใจทั่วไป ร่วมสมัครได้จนถึงสิ้นเดือน มิถุนายนนี้ ตัดสินในงาน AFW 2018 เดือน ตุลาคม 2561

นายเดวิด เอ็ทคิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติรายใหญ่ในไทย เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ จะมีงานยิ่งใหญ่เร็วๆคืองาน AFW หรืองาน ASIA FITNESS & WELLNESS EXPO 2018

จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , กระทรวงสาธารณสุข, การกีฬาแห่งประเทศไทยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) สมาคมการค้าเครื่องกีฬา การจัดงานในครั้งนี้ตอบสนองตลาดเครื่องกีฬาที่กำลังเติบโตดาวรุ่งพุ่งแรงในไทยขณะนี้ โดยรายงานข้อมูลจากการกีฬาแห่งประเทศ ไทย แจ้งว่า อุตสาหกรรมกีฬาไทยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 2 แสนล้านบาท อัตราเติบโตอย่างน้อย 4-5% ต่อปี มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการจัดการแข่งขันกิจกรรมการกีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 27,663 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ การเติบโตที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระตุ้นให้ธุรกิจหลากหลายกลุ่มกีฬาแข่งขัน เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งและสร้างโอกาสใหม่ๆคึกคัก

การออกกำลังกาย การเต้น Piloxing  เป็นการบริหารร่างกาบการผสมผสานศาสตร์แห่งความยืดหยุ่น และผ่อนคลายด้วยท่วงท่าการเคลื่อนไหว  ที่นุ่มนวลของพิลาทีส เข้ากับกีฬาแมน ๆ อย่างมวยไทย ประยุกต์เข้ากับสเต็ปการเต้นเข้าจังหวะด้วยท่าทางที่ออกแบบมาอย่างลงตัว บริหารร่างกายได้ครบทุกสัดส่วน เป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400 – 900 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง

 

Zumba | King of Zumba Kru Num

การจัดงาน จัดงาน AFW FITNESS FESTIVAL 2018 ณ.  สเตเดียม วัน (Stadium One) เป็นส่วนหนึ่งของประชาสัมพันธ์ งาน ASIA FITNESS & WELLNESS EXPO 2018 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น มีการจัดแสดงการออกกำลังกาย การเต้น Zumba, Piloxing, และ การแข่งขันชกมวยไทยครูดามไฟท์, พบกับมวยไทยนานาชาติในรูปแบบมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 6 ขวบ – 53 ปี มีการจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ จาก บริษัท ฟิตเนส ต่างๆ มาร่วมออกบูธ จำหน่ายสินค้าและบริการ มีผู้สนใจมาร่วมกว่า 1,000 คน

การออกกำลังกาย การเต้น Piloxing  เป็นการบริหารร่างกาบการผสมผสานศาสตร์แห่งความยืดหยุ่น

พบกับแหล่งรวมอุตสาหกรรมด้านการออกกำลังการ ผลิตภัณฑ์ใหม่
ASIA FITNESS & WELLNESS EXPO 2018
ในวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ ที่ Hall 99 ไบเทค บางนา

สนใจข้อมูลรายละเอียดที่ http://asiafitnessexpobkk.com/home/

Familiarization Trip เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ เชื่อมโยง๔มรดกโลก

ทกจ.เพชรบูรณ์ จัดทริป ดึงผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติ เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เส้นทางประวัติศาสตร์ อุทยานประวัติศาสตร์ อีกแห่งที่นักเรียน นักศึกษา นิยมมาลั๊นลากันอยู่บ่อยครั้งหลายคนอาจจะคุ้นหู และได้ยินคำว่า ‘มรดกโลก’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งมรดกโลกที่ว่านี้ อาจจะ
ไม่ได้หมายถึงแค่เมือง หรืออนุสาวรีย์เสมอไป มาตามรอยเมืองแห่งตำนาน ๔มรดกโลกเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา  จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรม Familiarization Trip ดึงผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติ เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก อยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง พร้อมจัดสัมมนาทางวิชาการและเจรจาธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่าย  ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ดำเนินโครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ให้กับภาคเหนือ และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวใหม่และสนใจการท่องเที่ยวในประเทศไทย และเป็นสื่อแนะนำผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุน

โดยจัดกิจกรรม Familiarization Trip และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยใช้โอกาสด้านศักยภาพที่ตั้งที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างภาคและเชื่อมโยงการพัฒนาตาม North-South Economic Corridor และ East-West Economic Corridor และประตูเชื่อมโยงชายแดนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่จังหวัดตาก และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จังหวัดเลย

Familiarization Trip และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ที่ขึ้นชื่อว่า  เส้นทางดังกล่าวเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยจะมีการสัมมนาทางวิชาการและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมต่อยอดธุรกิจและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลบวกให้กับการท่องเที่ยวรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย

Toptotravel ได้เดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว โดยเราเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวทางมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่สำคัญที่บันทึกประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตมากว่า 5,000 ปี จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๒๑ มุ่งสู่จังหวัดเพชรบูรณ์

ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี และกำลังเสนอรายชื่อเป็น Tentative List เพื่อรับรองให้เป็นมรดกโลกในอนาคตของประเทศไทย จากนั้นเดินทางต่อผ่านเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่าของจังหวัดเพชรบูรณ์

ที่มีวัฒนธรรมไทหล่มที่มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยผ่านด่านพรมแดนบ้านนากระเซ็ง จังหวัดเลย เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากนั้นมุ่งสู่เมืองหลวงพระบาง แหล่งท่องเที่ยวทางมรดกโลกที่สำคัญ จากนั้นกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้ง แล้วเดินทางมุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก คือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองเก่าสุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เชื่อมโยงต่อไปยังจังหวัดตาก และออกจากประเทศไทยอีกครั้งที่ด่านแม่สอด ไปยังประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และหลังจากนั้นเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้งจากด่านแม่สอด จังหวัดตาก มายังจังหวัดพิษณุโลก และกลับสู่กรุงเทพมหานคร

ขอคุณข้อมูลการเดินทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Familiarization Trip
โครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก
ครั้งที่ 1 วันที่ 8-12 มิ.ย. 2561
ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 2561

 

ตามรอยเมืองแห่งตำนาน ๔มรดกโลก

เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่…
เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เรื่องประวัติศาสตร์นี่ไม่ต้องพูด  ถึงยาวนานมาตามลำดับ ตั้งแต่ยุคโบราณอยู่แล้ว ท่านที่ชื่นชอบกับแผ่นดินในแนวเทพนิยายนี่บอกเลยว่าอย่าพลาดเมืองที่มีสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในโลก” เมืองที่ซุกตัวอยู่ใต้เงาของเทือกเขาไม่มีเบื่อเมื่อต้องเดินทาง ฤดูฝนของที่นี่วิวสวยอากาศสบาย อาหารอร่อย ดีใช้ได้ ที่น่าสนใจเยอะแยะมาก สับขา ลางาน แล้วไปเที่ยวกันเถอะ

สำหรับในช่วงวันหยุดสุดสัมปดาห์แบบนี้  ใครที่เบื่องานในเมืองกรุง อยากจะหมายมุ่งตามรอยเมืองแห่งในตำนานมรดกโลก โดยการเริ่มต้นจากการออกเดินทางจากกรุงเทพฯ  มุ่งหน้า จังหวัดที่ฤดูฝนสวยกว่าฤดูหนาวอย่างเพชรบูรณ์  แวะรับประทานอาหารกลางวัน เจ้าแรกในตำนาน ณ. ร้านไก่ย่างตาแป๊ะ 2 ที่ร้านขายไก่ย่างต้นตำรับหนังกรอบเนื้อนุ่ม ของอำเภอวิเชียรบุรี ส่งต่อความอร่อยมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งอยู่ริมถนนสายสระบุรี-หล่มสัก
ว่ากันว่าใครมาถึงเพชรบูรณ์แล้ว ไม่แวะมากินไก่ย่างร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง
เพชรบูรณ์

อิ่มท้องแล้วไปตามจุดหมาย  การเยี่ยมชม  อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่ง ของจังหวัดเพชรบูรณ์ หนึ่งในมกรดกโลก ที่เราอยากไปชมให้เห็นด้วยตาตัวเองคือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นเมืองน่าเที่ยวน่าสัมผัสความเก่าแก่แบบลึกลับ เมื่อก้าวแรกที่ข้ามผ่านประตูเมืองโบราณ เหมือนได้เข้าสู่เมืองเทพนิยาย ตัวเมืองเก่าถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองใหญ่ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงและมีความงดงาม

ศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่อยู่ในท้องที่อำเภอศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า “เมืองอภัยสาลี” ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า “เมืองศรีเทพ” เมื่อปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ ที่ตั้งของเมืองอยู่ในชุมทาง ที่สามารถติดต่อกับภาคอื่นๆ ได้สะดวก
ดังนั้น  จึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียง มาผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น

อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ

เมืองศรีเทพ สร้างขึ้นในยุคของขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่า  มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม สันนิษฐานว่าเจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16

วัดธรรมยาน  เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2554 พระอุโบสถวัดธรรมยานนี้ มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบล้านนา-ล้านช้าง เข้ากับสถาปัตยกรรมไทยแบบร่วมสมัย ที่มีความเรียบง่าย แต่งดงามภายใน

บริเวณสระน้ำด้านหน้าพระอุโบสถ ยังมีประติมากรรมพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตน ตั้งคู่กัน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและสักการะขอพร โดยผู้ที่ออกแบบพระอุโบสถและประติมากรรมพญานาค โดย คุณเทวินทร์ วรรณะบำรุง สถาปนิกอาวุโส บริษัท เอสซีจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างดังกล่าว จึงทำให้พระอุโบสถวัดธรรมยาน และประติมากรรมพญานาค เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประกอบกับความร่มรื่น เงียบสงบภายในบริเวณวัด ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

เพื่อความรู้ ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม  และสิ่งที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเส้นทางเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ศรีเทพ-สุโขทัย-พระนครศรีอยุธยา-หลวงพระบาง มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

Toptotravel  จึงเดินทางไปยัง หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2556 เดิมเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า เมื่อมีการย้ายศาลากลางจังหวัดไปอยู่ศูนย์ราชการ ทางเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ จึงขอใช้สถานที่นี้  เพื่อทำเป็นหอโบราณคดี  โดยมีดำริมาจากบุคคลที่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นห้องโถงต้อนรับ ห้องกาแฟและห้องว่าด้วยของกินในเพชรบูรณ์ ชื่อว่า “ห้องครัวเพชรบูรณ์” การจัดแสดงเรื่องราวของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคศรีเทพ  จัดแสดงในช่วงต่อมาคือ สมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ จนถึงยุคร่วมสมัย มีห้องสมุดทางวัฒนธรรมของเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์อีกด้วย สำหรับชื่อ เพ็ชรบูรณ์อินทราชัยนั้น เป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสอันดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เดินชมด้านในการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ห้องที่ 1 โรงหนังไทยเพชรบูรณ์เป็นการจำลองโรงหนังแห่งแรกของเพชรบูรณ์ ห้องที่ 2 ห้องจากเขาคะนาถึงศรีเทพจัดแสดงเป็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคศรีเทพ ห้องที่ 3 จัดแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองเพชรบูรณ์ในสมัยสุโขทัย พบหลักฐานสำคัญให้ทราบว่าชื่อเดิมของเพชรบูรณ์คือเพชบุระ และห้องที่ 4 จัดแสดงเกี่ยวกับแผนการให้จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองหลวงของไทย มีห้องหลักเมือง ห้องเพชรบูรณ์เมื่อวันวาน ห้องตำนานเพชรบูรณ์ และห้องครัวเพชรบูรณ์ มาที่นี่ครบจบทุกเรื่องราว

 

หลังจากนั้น  เราออกเดินทางต่อไปยัง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งอยู่บริเวณ
ไม่ไกลจากหอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย  เพื่อไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ เป็นแท่งเสาหินทรายสีเทา มีลักษณะปลายป้านโค้งมน มีความสูงจากฐานล่างถึงปลายยอด 184 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 15-16 เซนติเมตร มีจารึกอักษรขอมทั้ง
4 ด้าน ปลายฐานด้านล่างสุดมีลักษณะแผ่ขยายออกคล้ายวงกลมแบน

ในปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ทำการอ่านและแปลศิลาจารึกเสาหลักเมืองเพชรบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สรุปได้ความว่า เป็นการจารึก  ลงในเสาหินทรายสีเทาใน 2 ยุคด้วยกัน คือ ครั้งแรก  เป็นการจารึกในด้านที่ 1 เป็นอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต มีข้อความ 22 บรรทัด จารึกเมื่อมหาศักราช 943 ตรงกับพุทธศักราช 1564 เป็นข้อความการสรรเสริญพระศิวะ
ในศาสนาพราหมณ์ ส่วนการจารึกครั้งที่ 2 เป็นการจารึกใหม่ในด้านที่
เหลือ 3 ด้านเมื่อจุลศักราช 878 ตรงกับพุทธศักราช 2059 เป็นอักษรขอม ภาษาไทย บาลีและเขมร เป็นข้อความเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีข้อความ
ที่ให้ช่วยกันสืบสานพระพุทธศาสนาให้ได้ 5,000 ปี

บนเส้นทาง ท่องวิถี๔มรดกโลก ท่านใดเดินทางมา  จังหวัด เพชรบูรณ์
ต้องแวะ  สักการะและชมความงดงามของ  พระพุทธมหาธรรมราชา พระประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะ  หล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นองค์ประธาน ประดิษฐาน
ณ พุทธอุทยานเพชบุระ ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดพระเกตุบรรจุพระบรม สารีริกธาตุ  ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร มีความหมาย 1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์

อยากเดินเที่ยวถนนคพื้นเดิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอหล่มสัก พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์” สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก” ชุมชนที่มีประวัติมาช้านานและมีความสำคัญอย่างมากของจังหวัดเพชรบูรณ์ มาจัดแสดงไว้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึง  ของเส้นทาง  ท่องวิถี๔มรดกโลก  หากใครที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศถนนคนเดินไทหล่ม สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านถนนคนเดิน ไทหล่ม ตลาดนัดน่าเดินบนถนนสายรณกิจ ถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก ซึ่งตลอดสองฟากฝั่งถนนยังคงความคลาสสิกของบ้านเรือนไม้โบราณ 2 ชั้น ไว้ให้เห็นอย่างงามตา สีสันความคึกคักของถนนคนเดินไทหล่มจะเริ่มต้นทุกเย็นวันเสาร์ตั้งแต่ 5 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม จัดแสดงได้สวยงามมากๆ

ชมวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึงในพิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เราเริ่ม
หิวใกล้กันนั้น เป็นถนนคนเดิน ไทหล่ม จึงออกเดินทางเพื่อไปเพลิดเพลินชมบรรยากาศวิถีชีวิตกับการออกร้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวหล่มสัก ทั้งร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองที่หารับประทานขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ สินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าทำมือของชาวบ้านที่สามารถซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกมากมาย

นอกจากนี้ ที่บริเวณโดยรอบของถนนคนเดินมีการแสดงทางวัฒนธรรม ซุ้มสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ที่สืบทอดช่างฝีมือมานานนับ 100 ปี จากช่างชาวเวียงจันทน์ การแสดงดนตรีพื้นเมือง ตลอดจนกิจกรรมรำวงย้อนยุคให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมรำวงกันอย่างสนุกสนาน

เช้าวันที่สาม ของการเดินทางท่องวิถี๔มรดกโลก เดินทางไปต่อเพื่อสักการะพระธาตุศรีสองรัก บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ พระธาตุศรีสองรัก  สร้างขึ้นตั้งแต่ในปี พ.ศ.2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา(ไทย) และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) เนื่องจากยุคนั้นพม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่างๆ เพื่อขยายอำนาจ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์จึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง

จึงได้กระทำสัตยาธิษฐานว่า  จะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน พร้อมได้ร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นถวายมีพระนามว่า  “พระธาตุศรีสองรัก”   ริมลำน้ำหมัน เป็นดังสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และจะมีการจัดงานสมโภชพระธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ผู้ที่จะมาสักการะพระธาตุศรีสองห้ามใส่เสื้อผ้า “สีแดง” หรือถือสิ่งของที่มีสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เพราะสีแดง อาจเปรียบได้กับเลือดที่เป็นผลของการทำสงคราม คนโบราณจึงมีการห้ามไม่ให้ผู้ที่สวมเสื้อผ้าสีแดง เข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบันด้วยเช่นกัน

เราเดินทาง ต่อเเพื่อเข้าสู่อำเภอเขาค้อ ด้วยการไปชม วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อ พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ไปแล้วจะหลงรัก ที่นี่เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่งดงามที่พึ่งพิงธรรมชาติอย่างชาญฉลาดไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้าน มองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ  คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป วิถีชีวิตคนที่จังหวัดสุขโขทัย ไปไหนมาไหนยิ้มทักท้าย ดูแล้วมีความสุขจริงๆ

ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม บนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น  มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา มีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ  วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเดิมชื่อ  พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม มีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ ถ้าอยากจะถ่ายรูป มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดงต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า ผาซ่อนแก้ว พุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขา พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

อุทยานประวัติศาตร์สุโขทัย หรือ เมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่นอกตัวเมืองสุโขทัย ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุโขทัยไป ตามทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย-ตาก ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร

เดินทางสู่ จังหวัดสุโขทัย พักรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊แฮ แล้วไปต่อ  เมื่อผ่านเข้าเขตเมืองเก่า จะแลเห็นยอดพระเจดีย์แบบต่างๆ อันสง่างามและวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ กำแพงเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่ตำบลเมืองเก่า เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นกำแพงพูนดิน 3 ชั้น โดยการขุดเอาดินขึ้นมาถมเป็นกำแพงและพื้นดินที่ขุด ขึ้นยังเป็นคูขังน้ำไว้ ใช้สอยและเป็นกำแพงน้ำขึ้นอีก 2 ชั้น กำแพงด้านทิศเหนือจดทิศใต้ยาว 2,000 เมตร ด้านทิศตะวันตกยาว 1,600 เมตร มีประตูเมือง 4 ประตู ด้านเหนือเรียกว่า “ประตูศาลหลวง” ด้านใต้เรียกว่า “ประตูนะโม” ด้านทิศตะวันออกเรียกว่า “ประตูกำแพงหัก” ด้านทิศ ตะวันตกเรียกว่า “ประตูอ้อ” ภายนอกกำแพงเมืองในรัศมี 5 กิโลเมตร มีโบราณสถานประมาณ 70 แห่ง สร้างขึ้นไว้ในพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม  โดยกรมศิลปากร ได้รับการจัดตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 2537

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะในยุคสุโขทัย ภายในยังคงเหลือร่องรอยพระราชวังและวัด ช่วงเช้าร่วมกิจกรรมตักบาตรรับอรุณ บริเวณวัดตระพังทอง

ครั้งนี้  ในช่วงเช้าเรารีบตื่นมาชมวิถีชีวิตคนไปเที่ยวแบบง่ายๆ คืออัศจรรย์ธรรมชาติที่แท้จริงแล้วอยู่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของผู้คน ที่เมืองนี้นักท่องเที่ยวจะรู้กันเลยว่าผู้คนมีความเป็นมิตรสูงมากๆ เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตำนานเก่าแก่ของเมืองเก่าสุโขทัย

เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่นักเดินทางมากมายต่างอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอดีตราชธานีที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองจำนวนทั้งหมด 33 พระองค์ ในช่วงระยะเวลาอันยาวนานนี้ บรรพชนของไทยได้สร้างสรรค์ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์มากมาย ปรากฏเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า มีพื้นที่โบราณสถานทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ไร่

เคยถูกรุกรานจากกองทัพต่างชาติ เมืองนี้มีความน่ารักสามารถเดินเล่นสบายๆ จัดไว้ในแพลนให้เป็นเมืองผ่านคั่นกลางในการเดินทางได้ดีทีเดียว โดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์โบราณสถานเมืองพระนครศรีอยุธยาภายใต้ชื่อ โครงการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2525 และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมกิจกรรมมากมาย

ขอคุณข้อมูลการเดินทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Familiarization Trip
โครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก
ครั้งที่ 1 วันที่ 8-12 มิ.ย. 2561
ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 2561

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค

ขยายธุรกิจสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์
นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค
ป้อนตลาดเอเชีย

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค สบช่องคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ รุกตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค นมสด-โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAMจนประสบความสำเร็จเปิดตลาดมานานกว่า 7 ปี มียอดขายพุ่งขึ้นทุกปีๆ ละ 7-10 %พร้อมขยายฐานธุรกิจก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค เพื่อป้อนตลาดเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วเอเชียฯ โดยปีนี้ บัตเตอร์ฟลายตั้งเป้าก้าวกระโดด เน้นเสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยยอดขายรวมที่ตั้งไว้ปี 2018  100 ล้านบาท

นางสาว อาศยา ทรัพย์มนู ประธานบริหาร บริษัท บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค จำกัด เปิดเผยว่า  บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค เป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ภายใต้แบรนด์    บัตเตอร์ฟลาย (Butterfly) โดยได้รับมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAM  มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่
ใจคนรักสุขภาพ

ทั้งนี้ ผลตอบรับดีเกินคาด มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปีๆ ละ 7-10 % จากความสำเร็จ ส่งผลให้ปัจจุบัน สามารถขยายฟาร์มวัวนมออร์แกนิคและโรงงานผลิต ที่มีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ป้อนตลาดได้อย่างพอเพียง อีกทั้ง ก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ให้แก่นักลงทุนจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย อีกด้วย”

ล่าสุด แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้นำผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ยกทัพไปร่วมจัดแสดงภายในงาน ThaiFEX World of Food Asia 2018 โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา บัตเตอร์ฟลายการรุกตลาดจะจัดกิจกรรม บีโลว์เดอะไลน์ ได้แก่ โรดโชว์ เพื่อให้ข้อมูลและแจกให้ทดลองชิมฟรี ได้สัมผัสกับรสชาติที่แตกต่างจากนมโคทั่วไป

ในการรุกตลาดในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ ด้วยการสะท้อนแบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ผ่านสโลแกน Add Value Rhythm Vital “เติมคุณค่าให้ทุกจังหวะชีวิต ผ่านแคมเปญเด็ก Generation Z ซึ่ง โดยมีชื่อกลุ่มว่า Team Talent เป็นการรวมตัวของเด็ก ที่มีพลังเต็มเปี่ยม มีพรสวรรค์ และพรแสวงในการเรียนรู้จากเทคโลโลยียุคใหม่ด้วยตนเอง และก็ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ มั่นใจว่า จะสื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และช่วยผลักดันให้ บัตเตอร์ฟลาย ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ภายใต้แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้รับนมจากวัวที่กินหญ้าออร์แกนิคและไม่ใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ ให้ความใส่ใจต่อการเลี้ยงดูทุกขั้นตอน เพื่อให้วัวมีอารมณ์ดี โดยปล่อยวัวเดินเล่นในทุ่งกว้างใหญ่ ในส่วนของการผลิต จะไม่เติบสารปรุงแต่งรสชาติให้มีความข้นหรือมัน รสของนมวัว จะเป็นไปตามธรรมชาติและฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทำให้มีคุณภาพที่ดีกว่าและมีความปลอดภัยสูงกว่านมทั่วๆ ไป อีกทั้ง นมมอร์แกนิคจะมีกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สูง ช่วยบำรุงสมองและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มีวิตามิน A และ E ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิว นอกจากนั้น ยังมีสารแอนติออกซิแดนท์สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ไม่ทำให้อ้วน และช่วยลดอัตราการเกิดไขมันสะสมอุดตันในเส้นเลือด เพราะให้คลอเลสเตอรอลต่ำ

ปัจจุบัน ตลาดคนรักสุขภาพ มีความต้องการบริโภคนมออร์แกนิคสูงมากขึ้นโดยคาดว่า มูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม มีประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค และ นมอัลมอนด์ จัดอยู่ในกลุ่มนมทางเลือก ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 5% ส่วนอีก 95% จะเป็นกลุ่ม นมวัวและนมถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสการดูแลสุขภาพ ทำให้เซ็กเมนต์ของนมทางเลือกเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมั่นใจว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ยังคงมีโอกาสเติบโต ตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค ก็มีความพร้อมในการทำหน้าที่ OEM รับจ้างผลิตให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในประเทศต่างๆ ในเขตเอเชียฯ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited by IFOAM” นางสาว อาศยา กล่าวสรุปในที่สุด

ผลิตภัณฑ์ บัตเตอร์ฟลาย ประกอบด้วย นมออร์แกนิค มี 4 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา, ช็อคโกแลตสูตรไขมันต่ำ ขนาดบรรจุ 180 มล. ราคาขาดละ 38บาท ในส่วนของผลิตภัณฑ์ เซทโยเกิร์ตออร์แกนิคมี 7 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา,สตรอว์เบอร์รี่,น้ำผึ้งออร์แกนิค,สูตรไม่มีน้ำตาล,สูตรไขมันต่ำและสูตรผสมเมล็ดเจียขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา กระป๋องละ 28 บาท อีกทั้ง ยังมีผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม อีก 4 รส คือ ออริจินัล  วานิลลาสูตรไม่มีน้ำตาล และ สูตรไขมันต่ำ  ขนาดบรรจุ 200 มล. ราคาขวดละ 38  บาท นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ นมอัลมอนด์ ขนาดบรรจุ.180 มล. ราคาขวดละ
35 บาท

โดยมีวางจำหน่ายภายในร้าน Butterfly Organic Place ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 36, ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ท๊อปซุปเปอร์มาร์เก็ต และ วิลล่า มาร์เก็ต ฯลฯ ทั่วประเทศ

โฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ www.facebook.com/butterflyorganicmilk