ไปเที่ยวใหม่ให้ใจฉ่ำ ฟินฝนพรำในอ้อมกอดเขา จ.ตาก

เอนกายในสายหมอก บอกรักสายลม ชื่นชมวิถีม้ง

ยามเช้าอันสดชื่น คือการเริ่มต้นที่ดีในแต่ละวัน เมื่อมีโอกาสได้ออกเดินทางอีกครั้ง ทุกคนต่างหวังว่าจะได้เจอกับภาพบรรยากาศที่ชื่นตาชื่นใจ ผ่อนคลายกันตั้งแต่ตื่นลืมตา แบ่งเบาความเหนื่อยล้าด้วยวิวสวย ๆ และอากาศบริสุทธิ์ ใครยังไม่เคยไปเยือน จ.ตาก อาจจะยังไม่รู้ว่า นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวหลากสไตล์ที่มีให้เลือกเที่ยวกันได้ทั้งปีแล้ว ใน อ.พบพระ ยังมีมุมมองดี ๆ ที่รอให้เราไปสัมผัสกับความชื่นตา ชื่นใจ มองไปทางไหนก็สวยงาม เริ่มต้นกันตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เย็น ไปจนตลอดค่ำคืน 

“ม่อนหมอกตะวัน”1 ใน Unseen New Siries

โครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนไปดื่มด่ำท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาณ “ม่อนหมอกตะวัน”1 ใน Unseen New Siries อ.พบพระ จ.ตาก ชวนกันไปเดินเล่นในสายลมหนาว เคล้าบรรยากาศในอ้อมกอดของขุนเขา รับอรุณด้วยสายหมอกขาวที่เข้ามาหยอกเย้ากันไปจนยามสาย ชื่นใจกับวิถีถิ่นชาวเชาเผ่าม้ง ที่ยังคงเอกลักษณ์อันน่าชื่นชม

ม่อนหมอกตะวัน มุมชวนฝันแห่งบ้านป่าหวาย
“ม่อนหมอกตะวัน” บ้านป่าหวาย อ.พบพระ จ.ตาก เป็นพื้นที่ราบบนดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,100 เมตร เดิมเป็นพื้นที่ทางการเกษตรของขาวเขาเผ่าม้ง มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี และจะเริ่มหนาวมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายฝนไปจนถึงต้นปี สร้างแรงจูงใจให้สายแคมป์ปิ้งเข้ามาปักหลักกางเต้นท์ เกิดเป็นภาพแห่งความสุขที่บอกเล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปาก จนเมื่อสามปีที่ผ่านมา ชาวบ้านป่าหวายได้รวมตัวเป็น “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนหมอกตะวัน”เปิดให้บริการที่พักร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ทำให้นักท่องเที่ยวโดยทั่วไป สามารถเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศท่ามกลางสายหมอกขาวได้ไม่ยาก

บนม่อนหมอกตะวันมีที่พักและร้านอาหาร รวมทั้งลานกางเต้นท์ให้บริการ เป็นลานกว้างใหญ่บนดอยกว่า 300 ไร่ รายล้อมด้วยหุบเขาใหญ่น้อย ในมุมมองแบบ 360 องศา ไฮไลต์ของม่อนหมอกตะวัน คือการได้แอบอิงอยู่ในสายหมอกกันตั้งแต่ยามเช้าไปถึงยามสาย ตลอดช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว ส่วนหน้าแล้งสภาพอากาศบนม่อนหมอกตะวันยังคงเย็นสบายพร้อมสีสันของหุบเขาสีทอง มีการปลูกดอกไม้ที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาล อาทิ ดอกเสี้ยน ที่เจริญเติบโตได้ง่ายในพื้นที่แห่งนี้

ด้วยพื้นที่กว้างขวางบนม่อนหมอกตะวัน ที่พักต่าง ๆ จึงกระจายตัวอยู่คนละมุม ต่างก็มีวิวที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ ไม่ต้องดั้นด้นออกไปไหนไกล ก็สัมผัสกับบรรยากาศแห่งสายหมอกได้ง่าย ๆ  โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนนี้

ม่อนหมอกตะวัน เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ ชื่นชอบความเงียบสงบ จึงไม่เหมาะกับสายเฮฮาปาร์ตี้ โดยเฉพาะหลัง 22.00 น. ต้องงดใช้เสียงอย่างเด็ดขาด ระบบไฟฟ้าของที่นี่ใช้โซลาร์เซลล์เป็นหลัก จึงต้องช่วยกันประหยัดไฟ ไม่นำอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกินความจำเป็นขึ้นมาใช้ แต่ถือว่ามีความสะดวกสบายเพียงพอ ที่พักส่วนใหญ่ออกแบบอย่างมีสไตล์กลมกลืนกับธรรมชาติ ตามแนวทางของธุรกิจชุมชนเพื่อความยั่งยืน

เส้นทางขึ้นม่อนหมอกตะวัน ตั้งแต่หมู่บ้านป่าหวายขึ้นไป เป็นถนนคอนกรีตแคบ ๆ เลนเดียว  ค่อนข้างมีความคดเคี้ยวพอสมควร แม้จะมีระยะทางไม่ไกลมากนัก รถเก๋งทั่วไปสามารถขับขึ้นไปได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้ขับรถขึ้นไปในช่วงกลางคืน หากมาถึง อ.พบพระ หรือ อ.แม่สอด  แนะนำให้หาที่พักก่อนจะเริ่มต้นเดินทางขึ้นสู่ม่อนหมอกตะวันในตอนเช้า ในตัวเมืองแม่สอดจะมีที่พักให้เลือกหลากหลายระดับ อาทิ โรงแรมฟอร์จูน แม่สอด ที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้กับศูนย์การค้าโรบินสันและร้านอาหารต่าง ๆ
ติดต่อท่องเที่ยวม่อนหมอกตะวัน
สุเมธ ศรีธีระวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านป่าหวาย 
โทร 083 903 1263 

ไก่ต้มสมุนไพร เมนูโดนใจได้สุขภาพ
ชาวเขาเผ่าม้งที่หมู่บ้านป่าหวาย และในพื้นที่ใกล้เคียง ในเขต อ.พบพระ จ.ตาก ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร ทำสวน ทำไร่ และทำนาข้าวที่เรียกว่า “ข้าวม้ง” หรือ “ข้าวดอย” ปัจจุบันบนม่อนหมอกตะวัน ยังคงทำการปลูกข้าวตามไหล่เขา เกิดเป็นภาพที่สวยงาม

ไก่ต้มสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกาย 

วิถีของชาวม้งยังคงความเข้มแข็งตามรากฐานดั้งเดิม ในเทศกาลงานประเพณี เช่น งานปีใหม่ม้ง ชาวบ้านจะแต่งกายชุดชาวเผ่าออกมาร่วมงาน เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสุข อาหารที่นิยมทำกินกันทุกครัวเรือนคือ “ไก่ต้มสมุนไพร” ที่อาศัยไก่ที่เลี้ยงไว้ ทั้งไก่บ้านและไก่ดำ นำมาต้มกับสมุนไพรในท้องถิ่น อาทิ พลูคาว ว่านท้องใบม่วง ก้ามปูหลุด ตะไคร้ ฯลฯ ล้วนเป็นสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย 

มนูไก่ต้มสมุนไพร

เมนูไก่ต้มสมุนไพรมีกระบวนการง่าย ๆ เพียงเตรียมน้ำตั้งไฟให้เดือด ไส่เนื้อไก่ที่หั่นและล้างแล้วลงไป รอประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อเนื้อไก่เปื่อยได้ที่ ก็โปรยสมุนไพรนานาชนิดลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเพียงเล็กน้อย ได้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพรที่เต็มไปด้วยประโยชน์ ผักทุกชนิดสามารถกินได้  ไม่มีความขม แถมยังหวานอร่อย ในสมัยก่อน ใครที่ป่วยไข้ หรือเหนื่อยหน่ายจากการทำไร่ทำสวน รวมทั้งคนท้อง ก็จะต้องปรุงเมนูไก่ต้มสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกาย 

ชาวเขาเผ่าม้ง ยังสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าจากใยกัญชง เพื่อนำมาเป็นเครื่องแต่งกาย ด้วยกระบวนการอันพิถีพิถัน จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทผ้าทอที่ออกแบบเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และของใช้ต่าง ๆ รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาล

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนหมอกตะวัน
วรรณวิไล แซ่กือ 
Facebook/ม่อนหมอกตะวัน – Mon mok tawan ดอยป่าหวาย 
โทร 082 647 6202 

ตระเวนเที่ยวน้ำตกป่าหวาย ทุ่งดอกไม้บนดอย
ใกล้กับม่อนหมอกตะวัน ยังมีเส้นทางท่องเที่ยวแสนสวย เชื่อมโยงวิถีเกษตรอันตื่นตาตื่นใจท่ามกลางสภาพของหุบเขาใหญ่น้อยที่จะเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล เช่น “น้ำตกป่าหวาย” ที่อยู่ไม่ไกลจากม่อนหมอกตะวันมากนัก นอกจากนั้นระหว่างเส้นทางที่รถแล่นผ่านตลอดสองข้างทาง ใน อ.พบพระ ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศอันแสนสดชื่น ทั้งการปลูกนาข้าว รวมทั้งไร่ดอกกุหลาบ รวมทั้งไร่ดอกดาวเรือง ที่จะทอแสงสีเหลืองสวยงามท่ามกลางบรรยากาศอันเขียวชอุ่ม

ออกจากม่อนหมอกตะวันแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะรับประทานอาหารในจุดชมวิวสุดชิลที่“ญั่งสู ฟาร์มฮัก”แปลงดอกไม้บนเนินเขาเตี้ย ๆ ที่มีการปลูกไม้ดอกชนิดต่าง ๆ ตามฤดูกาล อย่างในช่วงหน้าฝนนี้ มีทุ่งดอกเสี้ยนที่กำลังชูช่อสวยงามต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมมุมรับประทานอาหารอันแสนร่มรื่น มีเมนูท้องถิ่นให้เลือกลิ้มหลายรายการ รวมทั้งเมนูดเด็ดของทางร้านอย่าง “ไก่ต้มสมุนไพร” สูตรชาวม้งแท้ ๆ เพราะเจ้าของร้านญั่งสูฟาร์ม ก็คือชาวม้งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่เกิด และได้พัฒนาพื้นที่ทางการเกษตรของตัวเอง เป็นร้านอาหารแสนสวย เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะกับผู้ที่รักธรรมชาติ มีเมนูอร่อยหลากหลายรายการ ที่พลาดไม่ได้ก็คือ “โยเกิร์ตโฮมเมด” สูตรของทางร้าน มาในสไตล์โยเกิร์ตเกล็ดน้ำแข็งเย็นชื่นใจ รสชาติละมุนสุด ๆ 

ญั่งสู ฟาร์มฮัก
ปวีณา ขวัญอาชากุล 
โทร 097 9344269 Facebook/ญั่งสู ฟาร์มฮัก

โยเกิร์ตโฮมเมด

เมื่อสายฝนพรำพากันไปเที่ยวให้ชื่นฉ่ำหัวใจ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนไปสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขท่ามกลางขุนเขา จ.ตาก ไปกอดเขากอดหมอก ออกไปผ่อนคลาย ให้ลมหนาวช่วยเพิ่มความอบอุ่นใจกันตั้งแต่เช้าไปจนค่ำ เป็นอีกเส้นทางที่อยากให้ทุกคนจูงมือกันไปบอกรักเมืองไทยให้หายคิดถึง

Facebook/ญั่งสู ฟาร์มฮัก

ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ททท. สำนักงานตาก โทร 0 5551 4341 – 3 
Facebook/taktravel

Amazing ยิ่งกว่าที่เคยรู้จัก รักกว่าที่เคยรู้สึก

สักครั้งหนึ่ง การพาตัวเองออกไปในที่ใหม่ ๆ ก้าวออกจาก comfort zone ลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำ ออกไปพบเจอผู้คนที่ห่างไกลออกไป อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามองโลกใบนี้เปลี่ยนไป การเที่ยวตากครั้งใหม่ อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปทำให้นักท่องเที่ยวและประชาชนรู้จักแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตากเป็นอย่างมากและลึกซึ้ง ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ ในพื้นที่จังหวัดตากอย่างต่อเนื่อง ททท.ตากชู”ตากเที่ยวได้ไม่ธรรมดา”

ผอ.หน่อง ผอ.ททท. สำนักงานตาก ชวนเที่ยวชมชวนสัมผัสประสบการณ์กลางแจ้ง เสริมคุณค่าทางใจ และเที่ยวเพื่อให้คืน การเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อนมัสการพระบรมธาตุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และการมาสัมผัสชีวิตวิถีชีวิต ชนเผ่า ชุมชนชาวเผ่าต่าง ๆ ของจังหวัดตาก โดย ททท.ตาก ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อมวลชน และสื่อรูปแบบต่างๆ
เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่

นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก เล่าถึง ศักยภาพของจังหวัดตากที่ดีอยู่แล้ว ด้านความพร้อมในการรองรับ เที่ยวได้ไม่ธรรมดา ชวนสัมผัสธรรมชาติชีวิตกลางแจ้ง ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนกรีนซีซั่น จังหวัดตากมีเรื่องท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม เราเปิดฤดูท่องเที่ยวทีลอซูวันที่ 1 ตุลาคม เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ติดอันดับของโลก เรียกว่านักท่องเที่ยวเริ่มมาท่องเที่ยวในช่วงนั้น

เส้นทางท่องเที่ยวของจังหวัดตากในช่วงปลายฝนต้นหนาวต้อนรับทะเลหมอก ช่วงหลังฝนใหม่ๆ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เดินทางมาแบบครอบครัว กลุ่มเพื่อน ๆ โดยมาจากเพจรีวิวต่างๆ และมาแบบหมู่คณะ มาเที่ยวชมในพื้นที่ อ.เมืองตาก – อ.แม่สอดตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เหมือนกับอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา สัมผัสทะเลหมอก เรายังมีเส้นทางท่องเที่ยว สวนดอกไม้ ไร่อุ่นไอรัก ไร่พบรักแดนสวรรค์และมาชิมกาแฟที่ไร่เตตราวรรณ ชมพิพิธภัณฑ์ที่นี่ น่าสนใจอีกที่หนึ่ง

อีกจุดหนึ่งคือเส้นทางของม่อนหมอกตะวัน นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเส้นทางของทุ่งดอกไม้และทะเลหมอกที่งดงาม หากต้องการสัมผัสวิถีชุมชน มีที่พักที่หลากหลายและมีน้ำตกป่าหวาย เป็นไฮไลท์ อยู่ไม่ไกลจากม่อนหมอกตะวัน เที่ยวได้ทั้งปี เรามีอโวคาโด้เป็นผลไม้ประจำจังหวัดตาก เพราะเราปลูกบนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 600-800 เมตร ทำให้รสชาติค่อนข้างดี มีทุเรียนน้ำแร่ แมคคาเดเมีย ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มสายน้ำแร่ที่อยากให้นักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดตากได้ลองชิม วันที่ 5-8 พย.นี้ มีงานอีเวนท์ยิ่งใหญ่ประจำปี เป็นงานลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง เรามีภูมิทัศน์แม่น้ำปิงที่สวยที่สุดอยู่ในจังหวัดตาก และล่องแม่น้ำปิงทำให้กระทงสายเป็นสายสวยงาม กระทงต้องลอยตั้งแต่หนึ่งพันไมล์กะลา เป็นรูปตัวเอสกลางแม่น้ำปิง อลังการและอเมซิ่งมาก เป็นสิ่งอันซีนที่ต้องมาเที่ยว

น้ำตกป่าหวาย

เส้นทางอีกเส้นหนึ่งคือ เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนโค้งเรียกว่าเขื่อนพ่อ ชมชุมชนทำปลาแห้งที่บ้านสันป่าป๋วย หมู่บ้านอยู่ ใต้แม่น้ำปิงแต่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เขาทำปลาอบแห้งที่อร่อยและ ถัดลงมาไปกราบขอพรหลวงพ่อทันใจ ที่วัดพระบรมธาตุบ้านตาก สำหรับท่านที่เกิดปีมะเมีย ลงมามีชุมชนกาดป้าตง ปิดมาสองปี ก็เตรียมเปิดรับนักทองเที่ยวในปลายปีนี้ เป็นชุมชนริมแม่น้ำปิงที่มีอัตลักษณ์เป็นบ้านไม้เก่า มีวิถีชุมชนที่น่ารัก และถัดลงมาเรามีไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลกเพิ่งได้รับการบันทึกกินเนสเวิล์ดเรคคอร์ดอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย
เรายังมีแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองตาก เรามีกาดนั่งยอง-คล้องย่าม 16.00-21.00 น. ทุก ส.อ. ยำข้าวเกรียบก็ไปหาททานได

ย้อนขึ้นมาทางแม่สอด เราจะเห็นดอยมูเซอ เป็นตลาดวิถีชุมชนชาวมูเซอ ผลไม้ท้องถิ่น สัมผัสวิถีชุมชนได้ที่เป็นโฮมสเตย์ที่บ้านห้วยปลาหลด มีต้นกาแฟที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้ชาวมูเซอปลูกขึ้นมาอีกนิด จะมีอุทยานแห่งชาติลานสาง สัมผัสทุ่งดอกไม้ ได้เห็นความงดงามของอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จะเห็นต้นกะบากยักษ์ ยี่สิบคนโอบขึ้นมาทางอ.แม่สอด วัดไทยสไตล์พม่า ที่วัดไทยสามัคคี จะมีพระนอนตาหวานองค์ใหญ่รอรับนักท่องเที่ยว ไหว้เจดีย์ชเวดากองที่วัดนี้ได้ ทางด้านบ้านแม่กะสา เส้นทางนั้นจะมีหลวงพ่อทันใจเช่นเดียวกันอยู่วัดไทยสามัคคี ตับไตไส้พุงเป็นเงินเหมือนมนุษย์ สร้างในหนึ่งวันเสร็จ มีพุทธคยาจำลองด้านหลังวัดสำหรับท่านที่เกิดปีมะเส็ง ท่านไหนอยากไปขอพรอีกเส้นทางหนึ่งคือ ท้าวเวสสุวรรณโณองค์ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือที่วัดศรีพรเพ็ญมาตรยาราม เส้นทางสายมู ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หากเมื่อยแล้วไปอโยคยาสารโป่งคำราม เป็นออนเซ็นน้ำแร่ในสไตล์ญี่ปุ่นเป็นถังไม้โอ๊กและไปขอพรพระพิฆเนศ

เส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดตาก ค่อนข้างหลากหลาย มีวิสดอมฟิลเป็นกาแฟแล้ว
มีภาพกราฟฟิตี้ที่มีความสวยงามสำหรับกลุ่มเจนวาย ไปเซลฟี่ได้ เราเที่ยวได้ทุกวัย มัลติเจนเนอเรชั่น เรามีที่พักที่หลากหลายที่จะให้นักท่องเที่ยวได้เลือกได้สัมผัสที่หลากหลาย ตั้งแต่ห้าดาวลงมา ด้านอาหารการกิน ถ้าไปเดินตลาดในเมืองตลาดพาเจริญ เป็นไฮไลท์จะได้เห็นวิถีชุมชนหลายชาติพันธ์ ชาวจีน เมียนม่า มุสลิมไทย อินเดีย ไปตลาดนี้ได้ครบ ไปชิมเส่งเผฮาลาหว่า ขนมของชาวไทยใหญ่ของฝาก ก็มีหลากหลายได้เลือก ชิมอาหารทะเลบนดอยที่แม่สอด เรามีทะเลติดกับเมียนม่า เรามีอาหารทะเลสดๆไม่ว่าจะเป็นปลากะพง กุ้งแม่น้ำเผา อาหารจีนก็มีให้เลือกหลายสไตล์ มีมนต์เสน่ห์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่ สำคัญๆ และ ท่องเที่ยวที่ สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอีกมากมาย

ผอ.หน่อง ผอ.ททท. สำนักงานตาก ชวนเที่ยวชม ม่อนหมอกตะวัน จังหวัดตาก แนวคิด สุขง่ายจากการให้ ที่มุ่งนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ร่วมกับกิจกรรม csr ไปยังนักท่องเที่ยว ให้ได้ร่วมส่งมอบคุณค่าจากการท่องเที่ยวคืนสู่ท้องถิ่น
มีแหล่งท่องเที่ยวอันซีนในอำเภอพบพระ เป็นหนึ่งใน 25 แห่ง ของประเทศ มาสัมผัสช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเห็นทุ่งดอกเสี้ยน ดอกคอสมอส เดินทางไม่ไกล ไปทางอำเภอแม่สอดไปที่อำเภอพบพระกม.ที่ 49 เข้าไปประมาณ 12 กิโลจะได้สัมผัสขุนเขา นักท่องเที่ยวสามารถนำรถโฟร์วิวหรือรถเก๋งก็ได้ขึ้นไป ท่านใดที่ต้องการหาที่พักก็เลือกจองได้ในเพจของทางสำนักงานททท. สำนักงานตาก
ม่อนหมอกตะวัน มาแล้วจะหลงรัก อำเภอพบพระจังหวัดตาก น้ำตกพาเจริญ
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยม อ.พบพระ น้ำตกหินปูนที่มีน้ำไหลตามชั้นหินเป็นลำดับชั้นลดหลั่นกันมา จำนวน 79 ชั้น มีต้นกำเนิดจากแหล่งซับน้ำและห้วยในป่าบริเวณหมู่บ้านชิบาโบ

เนื่องจากความหลากหลาย ปลายเดือนตุลาก็จะได้ชิมส้มสายน้ำผึ้งและแมคคาเดเมีย และจะได้สัมผัสวิถีชุมชนชาวม้ง จะแต่งชุดชาวม้งก็ได้ประสานกับทางผู้ใหญ่บ้าน สัมผัสความงดงามและสัมผัสชุมชนวิถีจริงๆ
หรือทานอาหารพื้นถิ่นอย่างไก่บ้านต้ม หรือไก่ผีปู่ย่าเป็นอาหารท้องถิ่น ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ก็จะมีข้าวใหม่ม้ง รสชาติอร่อยมาก

ในปลายเดือนธันวาคมหรือต้นมกราคม จะมีปีใหม่ม้ง จะเห็นชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดประจำเป่า น่ารักๆ เป็นงานประจำปีของชาวม้ง ติดตามในเพจททท.สำนักงานตาก ว่าจะจัดขึ้นในวันไหน แต่อย่าลืมอย่าพลาดมาสัมผัสกับม่อนหมอกตะวัน เชื่อมไปทางอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญและไปน้ำตกทีลอซู ที่อุ้มผางได้

นส.ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตาก

ททท. สำนักงานตาก
193 ถ.ตากสิน ต.หนองหลวง, Muang Tak, Tak, Thailand 63000.
https://www.google.com/maps/dir//16.886281,99.122922/@16.8862482,99.0528605,12z

#amazingTHAILAND #เที่ยวตากAmazingยิ่งกว่าเดิมเที่ยวตาก #Gud2Go2TAK #TAKtheNewChapter #toptotravel

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ ดื่มด่ำวิถีระยอง ในมุมมองน่ารัก สไลว์ไลฟ์ริมชายหาด  อัศจรรย์ป่าชายเลน เดินเล่นสวนไม้หอม

ความเร่งรีบกดดันในแต่ละวัน อาจทำให้คนเราสะสมความเครียดไว้โดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีคือการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ พาตัวเองออกไปพบเจอกับมุมมองที่โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเติมเต็มแรงบันดาลใจจากผู้คนรอบข้าง อย่างที่จังหวัดระยอง แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็มีมุมสโลว์ไลฟ์ให้เลือกชิลอยู่หลายจุด ภายใต้บรรยากาศของท้องทะเลชายฝั่ง ที่ยังคงความเงียบสงบ

โครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยชวนออกเดินทางไปผ่อนคลายในมุมที่น่าชื่นตาชื่นใจ ในจังหวัดระยอง ขับรถออกจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะได้พักสายตาไปกับชายหาดที่ทอดยาว ไล่เรียงตั้งแต่หาดแหลมเจริญ หาดแสงจันทร์ ไปถึงหาดสุชาดา โดดเด่นด้วยโค้งเว้าของแนวกำแพงหินที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่ง และทำให้การลงเล่นน้ำเป็นไปอย่างปลอดภัย เรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ผสมผสานเรื่องราวของวิถีชาวประมงชายฝั่ง ที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย

หาด Coffee Truck เพียงแรกพบก็ตกหลุมรัก
ประโยคที่ว่า “อยากไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเล” แม้จะออกแนวประชดประชัน แต่สะท้อนภาพความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การได้นั่งเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดกังวลใด ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตบนชายหาดแหลมเจริญ บรรดา Food Truck และ Coffee Truck พร้อมบูทจำหน่ายสินค้าและอาหารแบบดั้งเดิม เรียงรายไปตลอดทาง แต่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนได้สัมผัส

ที่โดดเด่นมากในตอนนี้คือบรรดา Coffee Truck คาเฟ่เคลื่อนที่สไตล์มินิมอล ให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ มาพร้อมสไตล์ของตัวเอง เป็นสีสันใหม่ของการนั่งเล่นริมชายหาด นอกจากเมนูเด็ดของแต่ละร้านแล้ว การเลือกเก้าอี้ชายหาดเก๋ ๆ มาให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวระยอง เข้ามานั่งเล่นกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ต่างก็นั่งหันหน้าทิ้งสายตาไปกับทะเลกว้าง นับเป็นบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีต่อใจสุด ๆ

วิถีชาวเล กลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ
บริเวณชายหาดแหลมเจริญ เป็นที่ตั้งของชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องราวชีวิตชาวประมงที่ยังคงสืบสานวิถีชีวิตของชาวบ้านชายทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน คนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดง ยังทำประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่าย อบอุ่นใจเมื่อได้พบเจอ

“ส้ม-กุสุมา ชูทอง ทรัพย์ประเสริฐ”สมาชิกวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยองเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านบริเวณนี้เป็นประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่ผูกพันกับทะเลมานานในทุกวันสามีของเธอจะออกไปวางอวนทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นก็จะออกไปเก็บอวนกันตั้งเช้ามืด จากนั้นเธอและลูก ๆ ก็นำมาคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่ติดอวนมาจะค่อนข้างพัลวัน หากเส้นอวนขาดก็ต้องเสียเวลาซ่อม จึงต้องใช้เวลานาน สมาชิกในบ้านก็ต้องมาช่วยกันทั้งหมด

ผลผลิตที่ได้ก็คละ ๆ กันไป ทั้งปูดำ ปูม้า ปูแป้น หอย ปลา รวมทั้งขยะที่ติดมากับอวน จึงต้องใช้เวลาทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนจะนำไปวางในทะเลอีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน สนใจมาชมแนะนำว่าให้มาประมาณแปดโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมาก หากต้องการซื้อก็สามารถติดต่อได้ทันที บางเจ้าก็นำไปส่งให้ร้านอาหาร บ้างก็ส่งตลาดในระยอง บางส่วนก็วางขายกันหน้าหาด ในราคาแบบชาวบ้าน และรับประกันความสด นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแดดเดียว ฯลฯ วางจำหน่ายริมสองข้างทางบริเวณหน้าหาด

ล่องเพลิน เดินชิล ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
ระยองเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่จับต้องได้ไม่ยาก จากเอกลักษณ์ของตัวเมืองที่ติดทะเล โดดเด่นด้วยทรัพยากรอันสมบูรณ์ ชื่นตาชื่นใจจากความอลังการของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ขนาด 500 ไร่ ครอบคลุม ต.ปากน้ำ และ ต.เนินพระ เป็นผืนป่าที่อยู่คู่เมืองระยองมาอย่างยาวนานประกอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นแสม โกงกาง เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหลากชนิด จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญคือสวยงามมาก

ความอลังการของผืนป่ากว้างที่มองได้จากมุมสูง นอกจากการขึ้นหอชมวิวแล้ว สามารถเลือกที่พักริมชายหาดที่มองเห็นผืนป่าได้อย่างอลังการเช่น หาดแสงจันทร์ อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและที่พักสวยหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ระเบียงของทุกห้องจะมองเห็นความอัศจรรย์ของสองฝั่ง ทั้งฝั่งชายทะเล และฝั่งของคลองที่ลัดเลาะเลียบแนวป่าชายเลน เป็นภาพประทับใจ ท่ามกลางการเข้าพักที่แสนสะดวกสบาย

โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป
ซึ่งได้เปิดกิจการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัด ระยอง เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาวเลียบหาดแสงจันทร์เป็นโรงแรมน้องใหม่ที่ทันสมัยบรรยากาศริมทะเล ติดแม่น้ำ ที่สวยงาม มีการออกแบบโครงสร้างให้ทันสมัยรายล้อมด้วยทะเลอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์และป่าชายเลน
ที่เขียวชอุ่ม ประกอบด้วย อาคารมีที่ห้องพักทั้งหมด 7 ชั้น

ห้องพักจำนวน 107ห้อง ประกอบไปด้วยห้องพัก ห้องดีลักซ์ 48 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ซี วิว 16 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ริเวอร์วิว 28 ห้อง/28.7 ตร.ม. พรีเมียร์ 1 ห้อง/44 ตร.ม. พรีเมียร์ ซี วิว 12 ห้อง/29.1 ตร.ม.เอ็กเซ็คคูทิฟ สวีท ซี วิว 2 ห้อง/58.8 ตร.ม. มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง รวมถึงร้านอาหารไทยร่วมสมัย อาหารท้องถิ่น ห้องฟิตเนส และห้องประชุม ห้องประชุมแสงจันทร์ธารา พื้นที่217 ตร.ม.จ รองรับได้ถึง 200 ท่าน ขึ้นไป

ทั้งนี้ โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง  ได้การยอมรับด้วยมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการ SHA” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัย อีกทั้ง  โรงแรม ยังตอบสนองของนโยบาลรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูน เป็นโรงแรมอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือหรือเดินเล่นบนสะพานเลียบป่าชายเลนระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตรเพื่อชื่นชมความงดงามของ “ป่าในเมือง” หรือทีเรียกกันว่า“ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ล้อมด้วยป่าชายเลนท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์สร้างขึ้นตั้งแต่งปี พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ผู้ที่เดินเรือรู้ว่ามาถึงระยองแล้ว สามารถเดินล่องเรือหรือขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก

กรุ่นกลิ่นกฤษณา กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลาย
เพราะกลิ่นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความผ่อนคลาย ในเส้นทางเที่ยวระยองครั้งนี้ จึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สอดแทรกความรู้เรื่องไม้กฤษณา พร้อมช่วงเวลาอันน่าประทับใจ ในพื้นที่ของ “มีสุข ฟาร์ม” (Mesook Farm)ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 

“พิกุล กิตติพล”ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาเล่าว่าในพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180  ชนิด นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ

มาแล้วต้องแวะร้านจำหน่ายสินค้า “บ้านมีสุข” มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด เช่นธูปปั้น ธูปหอม น้ำมันหอม น้ำหอมระงับกลิ่นกาย โลชั่น แชมพู เซรั่มโฟมล้างหน้า ฯลฯ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาอุดหนุนสินค้า จะได้สัมผัสกับน้องหมาซามอยด์แห่งผืนป่ากฤษณาที่จะร่วมแอคท่าถ่ายรูปกับทุกคน

“มีสุข ฟาร์ม” ยังนำเสนอความสุขของการเข้าพักในสวนป่าที่รายล้อมบึงน้ำขนาดใหญ่  มีบริการทั้งที่พัก และร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดพร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อาทิ กาแฟน้ำผึ้ง กฤษณามรกต กฤษณารัญจวน ฯลฯ อิ่มแล้วก็ไปพบกับฐานการเรียนรู้แนวแอดเวนเจอรอีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย

มีสุขฟาร์ม
(ห่างจากตัวเมือง 42 กิโลเมตร)
เปิดบริการทุกวัน : 09.00 – 17.00 น. โทร. 0828987886
(กรุณาติดต่อล่วงหน้า สำหรับกิจกรรมฐานเรียนรู้ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)

ใครที่อยากเติมพลังรับพลังธรรมชาติตามศาสตร์ฮวงจุ้ย แนะนำได้เดิมข้าม“สะพานเปี่ยมสุข” และ “สะพานแขวน” ที่ได้รับการยืนยันจากปากของซินแสขาวสิงคโปร์ว่า สายลมที่พัดโชยในผืนป่ากว้าง พร้อมอากาศอันบริสุทธิ์
ถือเป็นแหล่งรับพลังที่ดีมาก

 ออกไปผ่อนคลายในบรรยากาศอันน่าชื่นใจที่จังหวัดระยอง กับโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนท่องเที่ยวเมืองไทย ไปซบไหล่ธรรมชาติ รับพลังอันแสนบริสุทธิ์ พร้อมสนับสนุนแง่มุมดี ๆ ให้กับชุมชน ถือเป็นเส้นทางแห่งความสุขและการส่งต่อแรงบันดาลใจ เติมพลังจิตพลังใจก่อนที่จะกลับมาต่อสู่กับงานอีกครั้ง

วิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยอง (กุสุมา ชูทอง)
โทร.0824618933
(มีบริการปูนึ่งพร้อมน้ำจิ้ม-หากต้องการเนื้อปูแกะต้องสั่งล่วงหน้า)

ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1  โทร. 038 020 070
ติดต่อเรือ โทร. 095225 7993
(เรือออกช่วงบ่าย ค่าบริการรอบละ 300 บาท นั่งได้ 6 ท่าน)
ททท.สำนักงานระยองโทร : 038 655 420

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ บันทึกความทรงจำที่ชุมพร ล่องทะเลสุดฟินกินปูห้อยขาลั้นลาวิถีถิ่น

Toptotravel มีโอกาสได้มาท่องเที่ยวจังหวัดชุมพรอีกครั้ง ความงดงามบรรยากาศท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตา พาให้เรารู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย  ได้ย่ำเท้าบนชายหาดสีขาวนวล ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนให้ผ่อนคลาย ใครหลายคนจึงตกหลุมรักทะเลแบบหัวปักหัวปำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็คิดถึงทะเลอยู่เสมอ อย่างที่จังหวัดชุมพร ประตูสู่ภาคใต้ เมืองที่หลายคนอาจมองผ่าน แต่เต็มไปด้วยความชื่นบาน จนอยากจะหยุดเวลาไว้นาน ๆ

               
โครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศแห่งท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ปักหมุดให้สุดชิลกันที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เมืองเลียบทะเลชายฝั่งอ่าวไทย อันเป็นที่ตั้งของสนามบินชุมพร  เริ่มต้นกันที่ “บ้านเกาะเตียบ”เวิ้งหาดเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กับแนวป่าโกงกางอันกว้างไกลสุดสายตา ที่อยู่อาศัยของกุ้ง หอย ปู ปลา ที่พร้อมเสิร์ฟตลอดทั้งปี

กินปูห้อยขา ลั้นลาที่บ้านเกาะเตียบ
“เกาะเตียบ” เป็นเกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดบ้านเกาะเตียบ มองจากฝั่งที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง จะสังเกตเห็นลักษณะคล้ายฝ่ามือ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านมีความเชื่อว่าเมื่อมาขอพรที่เกาะเตียบ หากสมหวังแล้วก็จะปีนขึ้นไปผูกผ้าแพรไว้บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ ท่ามกลางวิถีอันเรียบง่าย ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อ กลุ่มคนรักการกินปูต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “สดและคุ้ม”

สายรุ้ง สาธิตศานนท์ หนึ่งในผู้นำท่องเที่ยวชุมชนบ้านเกาะเตียบ เจ้าของกิจการ “สายรุ้งนำเที่ยว”

“สายรุ้ง สาธิตศานนท์”หนึ่งในผู้นำท่องเที่ยวชุมชนบ้านเกาะเตียบ เจ้าของกิจการ “สายรุ้งนำเที่ยว” เล่าให้ฟังว่า ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่บ้านเกาะเตียบ บริเวณอ่าวทุ่งมหา มาจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะพันธุ์ปู ซึ่งชาวบ้านจะนำปูไข่นอกกระดองมาปล่อยให้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ประกอบกับแนวป่าชายเลนนับพันไร่ จึงเป็นระบบนิเวศที่เป็นมิตรกับการอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ทำให้บ้านเกาะเตียบมีกุ้ง หอย ปู ปลา ให้กินทั้งปี พร้อมนำเสนอไอเดีย “กินปูห้อยขา” เพื่อสร้างสีสันแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว

จากชายหาดบ้านเกาะเตียบ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เรือหางยาวพาเรามาถึงเกาะยอ เกาะเล็ก ๆ อันเป็นที่ตั้งของแพขนาดใหญ่ จุดเช็คอินกลางทะเลอันแสนสดชื่น ภายในแพมีการออกแบบโต๊ะกระจกใส และช่องสำหรับการนั่งหย่อนขาลงไป เพื่อให้มองเห็นน้ำทะเลด้านล่าง นักท่องเที่ยวที่ติดต่อเข้ามาล่วงหน้า สามารถจองแพ็กเกจ “กินปูห้อยขา” ที่เสิร์ฟทั้งปูม้า ปูทะเล และอาหารทะเลอีกหลายชนิดที่หาได้จากแหล่งธรรมชาติ รับประกันความสด ในรสชาติอร่อยเด็ด หลายคนร้องว้าวกับไข่ปูดำที่อัดแน่น ใครเห็นแล้วอยากตามไปชิม ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น

อิ่มท้องกันแล้วเดินข้ามสะพานไม้ไปชมวิวกันบนเกาะยอ  หรือจะเดินทางต่อออกไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะร้านเป็ด และเกาะร้านไก่ ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียง นักท่องเที่ยวต่างบอกต่อกันว่า เป็นแนวปะการังที่มีดอกไม้ทะเลที่สวยงามอลังการแห่งหนึ่งของประเทศไทย หากวันไหนอากาศเป็นใจก็จะได้ชมฉลามวาฬยักษ์ที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลชุมพรอีกด้วย

กิจกรรมกินปูห้อยขา เกาะยอ
เปิดทุกวัน เวลา8.00 -16.00 น.
สายรุ้งนำเที่ยว
โทร.0872769390
Facebook/กินปู ห้อยขา พาดูปะการัง กับสายรุ้งนำเที่ยว

เช็คอินวิวอลังการร้านต้นไม้ไอเดียเก๋
บริเวณชายฝั่งบ้านเกาะเตียบ มีบริการท่องเที่ยวของชุมชน ร้านค้า ร้านอาหาร
ตั้งอยู่อย่างกลมกลืนกับวิถีชุมชน ชายหาดแห่งนี้ยังเป็นที่นิยมของเหล่าแคมป์ปิ้ง หรือจะเลือกพักแบบโฮมสเตย์ ก็สามารถดื่มด่ำบรรยากาศอันแสนสดชื่นท่ามกลางความเงียบสงบ

ออกจากบ้านเกาะเตียบแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถแวะจุดชมวิวที่วัดแก้วประเสริฐ จะสามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวทุ่งมหาได้แบบสุดลูกหูลูกตา การันตีความอุดมสมบูรณ์ด้วยภาพของป่าชายเลนสีเขียวที่ปกคลุมเป็นผืนกว้างหรือจะแวะที่
“ซุ้มทิพย์” ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าวัด เป็นร้านขายไม้ประดับสุดเก๋ นอกจากทำเลอันอลังการแล้ว เจ้าของยังมีไอเดียว่า คนที่มาซื้อต้นไม้จะต้องใช้เวลาในการคัดเลือกสินค้านาน จึงสร้างคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด ให้ผู้ติดตามที่รอคอยได้โชว์ฝีมือชงเครื่องดื่มด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ก็คิดราคาเพียง 20 บาทเท่านั้น

ชื่นวิถีดีต่อใจ บ้านไม้ชายคลอง
ชุมพรเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมาเยือนเมื่อไหร่ก็จะได้สัมผัสกับภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก นั่นเป็นเพราะความเข้มแข็งของชุมชนที่ร่วมมือกันป้องป้องทรัพยากรธรรมชาติในบ้านของตัวเองเอาไว้ และวันนี้เราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศดี ๆ นี้ได้จะเป็นอย่างไรต้องลองแวะไปที่ “บ้านไม้ชายคลอง” ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร

สมโชค พันธุรัตน์ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนคลองบางสน

“สมโชค พันธุรัตน์”ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนคลองบางสน เจ้าของ “บ้านไม้ชายคลอง โฮมสเตย์” เล่าว่า ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะได้สัมผัสกับธรรมชาติริมคลองบางสน ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมดำน้ำ ตกหมึก ตกปลา พายเรือคายัค ล่องเรือไปหาหอย ไปชมหิ่งห้อย หรือออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ปากอ่าว ได้ดื่มด่ำกับวิถีชุมชนอันเรียบง่าย กินอยู่แบบคนพื้นถิ่น แน่นอนว่าจะต้องได้ชิมเมนูอร่อย ๆ จากอาหารทะเลสด ๆ  รวมทั้งได้ร่วมลงมือทำอาหารหรือขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมจาก ที่ใช้วัสดุใกล้ตัวมาสร้างสีสันของวันพักผ่อน

จากความตั้งใจของชุมชนในการสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาได้เป็นหนึ่งของกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การอนุรักษ์พันธุ์ปูม้า  กิจกรรมปลูกป่าชายเลน ฯลฯ ถือเป็นการท่องเที่ยวเพื่อชุมชน เพื่อสังคม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าของบ้านและนักท่องเที่ยว

บรรยากาศของบ้านไม้ชายคลองเต็มไปด้วยความสดชื่น ลานระเบียงกว้างขวางของที่พักเหมาะสำหรับการเลือกมุมเหมาะ ๆ นั่งพักสายตาไปกับสายน้ำและผืนป่าชายเลนตรงหน้า บริเวณชั้น 2 ของบ้านยังเปิดเป็น “บ้านไม้ชายคลองคาเฟ่” ในบรรยากาศสุดว้าว เหมาะกับการจิบเครื่องดื่มเพื่อความผ่อนคลาย ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่ปลูกในจังหวัดชุมพรเบลนด์กับกาแฟอาราบิก้าของทางเชียงราย จนได้รสชาติของตนเองอีกทั้งยังสร้างสรรค์เมนูจากวัตถุดิบท้องถิ่น อาทิ กาแฟนมมะพร้าว มะม่วงหาวมะนาวโห่สมูทตี้ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีสินค้าชุมชนวางจำหน่ายในร้านอีกด้วย

ชื่นกายชื่นใจ มาแล้วได้มากกว่าการพักผ่อน แต่หมายถึงการส่งต่อสิ่งดี ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อชุมชน ให้เราได้มีธรรมชาติสวย ๆ ของกินอร่อยๆ พร้อมรอยยิ้มอันยืนยาวของทุกคน

บ้านไม้ชายคลอง โฮมสเตย์
โทร. 0807791650
Facebook /บ้านไม้ชายคลองโฮมสเตย์ 

ตามนายใหญ่เข้าสวนชวนเล่นหนาม
ในเขตอำเภอปะทิว จ.ชุมพร นอกจากวิถีชีวิตแบบชาวเลแล้ว ยังมีวิถีชาวสวนให้ตามไปชมกันอีกหลายจุด เพราะจังหวัดชุมพร เป็นหนึ่งในดินแดนแห่งผลไม้ หากสนใจเข้าไปเรียนรู้หรืออุดหนุนผลผลิต หนึ่งในสวนเกษตรที่น่าสนใจคือ “สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม” เห็นชื่อแล้วไม่ต้องตกใจ นายใหญ่ใจดี แถมหนามที่ว่า ยังนำมาซึ่งความอร่อยอีกด้วย

สุวัชช์ ขยายแย้ม” เจ้าของสวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม เล่าวว่าที่นี่เป็นสวนเกษตรผสมผสานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อยู่ห่างสนามบินชุมพรเพียง 2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่รอขึ้นเครื่องจึงนิยมแวะเข้ามาเที่ยวชมและชิมผลผลิตทางการเกษตร ภายในพื้นที่ 10 ไร่ ปลูกพืชสวนผสมตามคอนเซ็ปต์ “คนเล่นหนาม” โดยจะเน้นต้นไม้ที่มีหนาม เช่น ทุเรียน และสละ รวมทั้งการปลูกพืชผักสวนครัว และการเลี้ยงผึ้ง นอกจากแวะเข้ามาซื้อหาผลไม้แล้ว ยังเปิดให้ทุกคนได้เรียนรู้วิถีเกษตร เช่น การผสมเกสรดอกสละ เนื่องจากสละเป็นพืชที่แยกเพศอย่างชัดเจน ต้นตัวผู้จะไม่มีลูก ส่วนต้นตัวเมียจำเป็นต้องรอเกสรจากตัวผู้มาผสมเพื่อออกผล เราจึงต้องนำเกสรตัวผู้มาผสมกับเกสรตัวเมีย หลังจากนั้นก็ติดป้ายบอกวันเวลาไว้ นับไปอีก 8 เดือนก็จะออกผลที่หอมหวานพร้อมรับประทาน หากสนใจผลสละจากการผสมเกสรของตัวเอง ก็สามารถสั่งจองไว้ได้

สุวัชช์ ขยายแย้ม เจ้าของสวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม

“สุธารัตน์ ขยายแย้ม” ทายาทคนเล่นหนาม อธิบายเพิ่มเติมว่า หากนักท่องเที่ยวเข้ามาที่สวน จะพบผลผลิตตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน และมังคุด ส่วนผลผลิตที่มีให้ชิมทั้งปีคือสละ ทั้งสละสด และสละลอยแก้ว รวมทั้งน้ำผึ้งเดือนห้า ซึ่งทางสวนจะทำบ้านพักผึ้งไว้ตามป่าชายเขาและริมคลอง เมื่อผึ้งมารวมตัวกันแล้ว ก็จะนำกลับมาเลี้ยงไว้ในสวน เลี้ยงด้วยเกสรสมุนไพรต่าง ๆ และจะเก็บน้ำผึ้งตอนเดือนห้าเท่านั้น

 นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ  เช่น ปลาดุกร้าดองน้ำผึ้งเดือนห้าโดยการนำผลผลิตจากชุมชนมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ตะกร้าจักสาน ที่ชาวบ้านร่วมกับผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม
โทร.0937319587  , 0927726788
Facebook/สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม

ร่วมเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ กับวิถีของชาวชุมพรอันน่าชื่นชม ในโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” ชวนทุกคนออกเดินทางสร้างความสุขจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใส มีโอกาสเมื่อไหร่ ต้องชวนกลับไปให้หายคิดถึง

ร่วมเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ กับวิถีของชาวชุมพรอันน่าชื่นชม ในโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนทุกคนออกเดินทางสร้างความสุขจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใส มีโอกาสเมื่อไหร่ ต้องชวนกลับไปให้หายคิดถึง

14 จุดเช็คอิน ฟินทั้งกายและใจ เส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี”


อุทัยธานีอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติที่เขียวขจี ภายใต้วิถีอันเรียบง่าย พร้อมความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันงดงาม ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ต่างอาศัยพื้นที่ทางการเกษตรในการหล่อเลี้ยงชีวิต ชาวอุทัยธานีจึงมีใจ “รักษ์” ในทรัพยากรในถิ่นอาศัย กิน ใช้ ในวิถีปลอดภัย ทั้งต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ทุกคนไปสัมผัส กับเส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” นำเสนอแหล่งท่องเที่ยว ทั้งจุดเช็คอิน ที่กิน ที่พัก ที่ผ่อนคลายทั้งกายใจ เปิดมุมมองกว้างใหญ่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ ท่ามกลางวิถีชุมชนอันน่าชื่นชม

เส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” ได้คัดสรร14 จุดเช็คอินฟินทั้งกายและใจ ในอำเภอเมืองอุทัยธานี อำเภอทับทัน อำเภอลานสัก และอำเภอบ้านไร่ มาให้ทุกคนได้ชื่นใจ ก่อนจะไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นด้วยกัน

1.ล่องวิถีสะแกกรัง ฟังเรื่องราววิถีชาวแพ
เริ่มต้นจาก แม่น้ำสะแกกรัง อ.เมืองอุทัยธานี เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแม่น้ำสะแกกรัง คือ วิถีชีวิตชุมชนชาวแพสะแกกรังใน อ.เมืองอุทัยธานี ที่อยู่มานานกว่า 100 ปี ส่งต่อภูมิปัญญาวิถีชาวเรือนแพจากรุ่นสู่รุ่น ชาวแพในปัจจุบันมีอาชีพที่หลากหลายทั้งงานรับจ้าง เลี้ยงปลา หาปลา ค้าขาย รวมทั้งภูมิปัญญาการทำเกษตรลอยน้ำ ทั้งการปลูกผักบุ้ง ผักกระเฉด และเตยหอม โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาประชังน้ำจืด ซึ่งมีจุดกำเนิดที่แม่น้ำสะแกกรังแห่งนี้

แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนสะแกกรังแล้ว จะต้องได้ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์จากสายน้ำ อาทิ ปลาย่าง ปลาจ่อม และน้ำพริกปลาย่าง ที่ “แพป้าแต๋ว”จากนั้นเมื่อขึ้นฝั่งแล้วยังมีเวลา สามารถแวะชมความงดงามของ “วัดโบสถ์”ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองอุทัยธานีมาอย่างยาวนาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสเมืองอุทัยธานี ชาวบ้านจึงได้ทำแพรับเสด็จที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันยังมีสิ่งของพระราชทานจัดแสดงอยู่ภายในวัดอีกด้วย

2.แรดได้ใจ ต้อง ปลาแรด GI อุทัยธานี
ชุมชนริมแม่น้ำสะแกกรัง บนเกาะเทโพ มีการรวมตัวของ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงปลาแรดสะแกกรังตำบลท่าซุงซึ่งได้การรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงเป็น “ปลาแรด GI” หนึ่งเดียวในเมืองไทยจุดเด่น คือ “เกล็ดหนา หน้างุ้ม เนื้อนุ่ม แน่นหวาน”ด้วยการเลี้ยงแบบผสมผสานกับพืชผัก ผลไม้นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาแรดให้เลือกซื้ออีกมากมาย
หากอยากชิมเมนูปลาแรด ของดีจังหวัดอุทัยธานี ที่การันตีได้ว่าไม่มีกลิ่นสาบโคลนแน่ ๆ เพราะเลี้ยงในกระชังที่มีน้ำไหลเวียนตลอดเวลา บนเกาะเทโพยังมีร้านอาหารให้เลือกชิมหลายร้าน อาทิ ร้านป้าสำราญ ที่มีสารพัดเมนูปลาแรด ปลาในท้องถิ่น รวมทั้งเมนูพื้นบ้านต่าง ๆ ให้เลือกชิม ในบรรยากาศริมน้ำอันแสนสดชื่น

Facebook/กลุ่มแปรรูปปลาตำบลท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

3.วันวานยังชื่นใจ “อุไทย เฮอริเทจ”

ในตัวเมืองอุทัยธานี ยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย มีวิถีสโลว์ไลฟ์แบบที่หลายคนชื่นชอบ ท่ามกลางกลิ่นอายของวันวานจากตึกรามและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ เช่นที่“อุไทย เฮอริเทจ” โรงแรมที่ได้รับการออกแบบปรับโฉมจากอาคารโรงเรียนเก่าที่มีอายุราว 80 ปี จึงคงกลิ่นอายแบบวินเทจให้ผู้ที่คิดถึงวัยเด็กเข้ามาชื่นชม

ปัจจุบัน “อุไทย เฮอริเทจ” เปิดให้บริการห้องพักหลายรูปแบบ ภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น สะท้อนคุณค่าของเมืองอุทัยธานีผ่านเรื่องราวของโรงเรียน ข้าว และงานไม้ ทุกเช้าและเย็น ยังมีกิจกรรมเคารพธงชาติในทุกวัน นอกจากการเข้าพักแล้ว สามารถแวะมาจิบกาแฟและเครื่องดื่มในคาเฟ่ของโรงแรมได้
Facebook/uthaiheritage

4.ส่งต่อสิ่งดี ๆ สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท มาถึง อ.ทัพทัน
นักท่องเที่ยวจะเห็นภาพของพื้นที่ทางการเกษตรอันอุดมสมบูรณ์ ที่นี่มีการทำนาทำไร่กันมาอย่างยาวนาน และมีการพัฒนาผสมผสานเป็นการเกษตรยุคใหม่ที่น่าสนใจ เปิดให้ทุกคนเข้าชม ในบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนสไตล์บ้านไร่บ้านสวนอย่างแท้จริง

ทริปนี้ขอแนะนำ “สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท” พื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชาที่ว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียงปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา ในพื้นที่กว่า 26 ไร่ มีที่พักสไตล์ลอฟท์พร้อมสระว่ายน้ำเพื่อต้อนรับผู้ที่ต้องการเข้ามาชื่นชมธรรมชาติ ตื่นมาพร้อมบรรยากาศอันแสนสดชื่น และการรับประทานอาหารอร่อย ๆ จากวัตถุดิบปลอดภัยภายในสวน
Facebook/สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ทอ.ทัพทัน อุทัยธานี

5.บ้านไร่วรัญญ์รัช มุมของคนรักแคคตัส

หรือจะแวะไปที่ “บ้านไร่วรัญญ์รัช” ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฟาร์มแคคตัสและบอนสี ตั้งอยู่กลางทุ่งนากว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะได้เรียนรู้การเลี้ยงแคคตัสและบอนสี ภายในไร่ยังปลูกผักปลอดสารพิษ และการเลี้ยงปลา ส่วนของคาเฟ่มีวิวชมนาข้าวที่จะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล แวะมาจิบกาแฟ หรือกินก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ สูตรของทางร้าน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ยังมีแพทย์แผนจีนมาเปิดให้บริการตรวจรักษาในราคาย่อมเยาอีกด้วย

Facebook/banraiwaranrach


6.หุบป่าตาด ดินแดนแห่งความเร้นลับ

จาก อ.ทับทัน เข้าสู่ อ.ลานสัก กับบรรยากาศแห่งขุนเขาและทุ่งกว้าง หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความชื่นใจจากบรรยากาศที่เขียวชอุ่มใน อ.ลานสัก มีผืนป่าโบราณ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “อันซีนไทยแลนด์” นั่นคือ “หุบป่าตาด” ดินแดนอันเร้นลับที่ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2522 โดย พระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง จากสภาพป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาด ไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม ด้วยลักษณะของป่าที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาอันลึกลับ จึงเรียกที่นี่ว่า “หุบป่าตาด” 

หุบป่าตาด อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน ไดรับการประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากหลากชนิด  รวมทั้ง “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ที่จะพบได้ในช่วงฤดูฝนนับเป็นสัตว์หายากพบได้ที่หุบป่าตาดเท่านั้น

7.เช็คอินสุดว้าว ที่จุดชมวิวบ้านชายเขา

ห่างจากหุบป่าตาดเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศแห่งขุนเขาที่โอบล้อม ท่ามกลางแปลงเกษตรผืนใหญ่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง เป็นที่ตั้งของจุดชมวิวบ้านชายเขา มีลานกางเต้นท์และร้านอาหารเล็ก ๆ ให้บริการ ด้วยความสดชื่นในมุมมองอลังการ จึงถูกเปรียบเทียบว่า “สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย” 
DCIM\100MEDIA\DJI_0108.JPG

8.ต้นไม้ยักษ์ คุณทวดแห่งป่า อ.บ้านไร่

มาถึง อ.บ้านไร่ เป็นอีกดินแดนของความ “อยู่ดี Green ดี” ท่ามกลางวิถีทางวัฒนธรรมอันงดงาม เมื่อมาถึงแล้ว ต้องไปรายงานตัวกับคุณทวดแห่งผืนป่า “ต้นไม้ยักษ์” ขนาด 40 คนโอบ อายุราว 300-400 ปี ยืนต้นตระหง่านท่ามกลางป่าหมากและป่าสมุนไพร มาแล้วยังแวะอุดหนุนผลผลิตจากชาวสวนชาวไร่และของดีจากชุมชนในตลาดต้นไม้ยักษ์ได้อีกด้วย

9.แจ่ว 100 สำรับ ชุมชนลาวครั่ง

ชาวบ้านลาวครั่งอาศัยอยู่ในบ้านสะนำ อ.บ้านไร่ มาอย่างยาวนาน และมีภูมิปัญญาการกินอยู่ที่เรียบง่าย แต่ก็มีสไตล์ ตั้งแต่การกินน้ำพริก หรือ แจ่ว ซึ่งดัดแปลงสูตรเป็น “แจ่ว 100 สำรับ” นั่นมาจากการผสมผสานวัตถุดิบต่าง ๆ ในหมู่บ้าน รวมทั้งวัตถุดิบตามฤดูกาล อาทิ “แจ่วมะเขือด้าน” ที่จะใช้มะเขือเจ้าพระยาลูกใหญ่“แจ่วบักเขียเคีย” ทำจากมะเขือส้ม หรือมะเขือเครือ“แจ่วน้ำข้าวใส่หมู”ที่มีส่วนผสมของน้ำซาวข้าว ฯลฯ

10.จานใบไม้ รวมใจรักษ์บ้านสะนำ
ในละแวกบ้านสะนำ มีป่าหมากรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า “ป่าหมากล้านต้น”ชาวบ้านยังเห็นว่ากาบหมากที่ร่วงหล่นลงมาเป็นขยะ น่าจะนำมาปรับโฉมเป็นของใช้ได้ จึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มผลิตจานจากใบไม้ นอกจากกาบหมากยังใช้ใบไม้ขนาดใหญ่นำมาแปลงเป็นภาชนะ เช่น ใบไม้สัก ใบตองตึง ใบมะเดื่อกวาง ที่อยู่ในละแวกหมู่บ้าน นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ชาวบ้านก็กลับมาปลูกต้นหมากกันมากขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศที่ดีสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับหมู่บ้าน

(ติดต่อวิถีลาวครั่งบ้านสะนำ โทร. 06 2259 1285)

11.บ้านไร่สไตล์อินเตอร์ พิซซ่าหน้าผักกูด

เดิมทีผักกูดเป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ หาเก็บได้จากป่า แต่ปัจจุบันชาวบ้านใน อ.บ้านไร่ ได้หันมาปลูกผักกูด เพื่อป้อนให้กับร้านอาหาร ปรุงเป็นเมนูโปรดของนักท่องเที่ยว  เพราะเป็นผักที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีในการปลูก จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย แถมรสชาติยังกรอบอร่อย ปัจจุบันร้านพิซซ่าห้วยป่าปก อ.บ้านไร่ ได้นำมาต่อยอดเป็น “พิซซ่าหน้าผักกูด”และ “ผักกูดอบชีส” ใช้เป็นส่วนผสมหนึ่งของหน้าพิซซ่า กลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ขายดิบขายดี เพราะอร่อยและเข้ากันได้ดี แถมยังใช้เตาฟืนในการอบพิซซ่าจึงหอมเป็นพิเศษใครอยากมาชิม ต้องมาวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น 
และทางร้านใช้แป้งสดแบบวันต่อวัน จำกัดเพียงวันละ 50 ถาดเท่านั้น
Facebook/พิซซ่าห้วยป่าปก

12.ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ มุมเช็คอินสุดสร้างสรรค์
เดิมทีฝายปูนกั้นน้ำแห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นเพื่อชะลอการไหลของน้ำ เพื่อให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ในการเกษตร แต่ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งอันเขียวขจี มีฉากหลังเป็นภูเขาอยู่ไกล ๆ ในช่วงหน้าฝนที่มีปริมาณน้ำมากจนเอ่อล้น เกิดเป็นม่านน้ำตกเล็ก ๆ ไหลลงมาจากทั้งสองฝั่งของฝายกั้นน้ำ สามารถลงไปเพื่อเล่นน้ำหรือถ่ายรูปได้ บริเวณฝายมีตลาดนัดชุมชนเล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้อุดหนุนสินค้าจากชาวบ้าน

13.ไร่ลูกรักของพ่อ ในอ้อมกอดของขุนเขา

(Facebook/ railookrakkongpor)

14.ตลาดซาวไฮ่ บ้านไฮ่ บ้านเฮา
“ตลาดซาวไฮ่” แหล่งรวมคนมีใจแบบฉบับบ้านไร่ เป็นตลาดที่ชาวบ้านทุกคนมีส่วนร่วม ตั้งใจนำเสนอวิถีชีวิตแบบเกษตรพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น พืชผักปลอดสารพิษ แหล่งรวมของกินของใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านจะนำสินค้าทางการเกษตร ทั้งของกิน ของใช้ รวมทั้งไอเดียหลากสไตล์ของผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และผ้าทอบ้านไร่ วางจำหน่ายกันทุกวันเสาร์และอาทิตย์ พร้อมกิจกรรมน่ารัก ๆ ที่ทางชุมชนเตรียมให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม

Facebook/sawhai2018

อุทัยธานี เป็นดินแดนแห่งความสุขใจ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความเขียวขจี ผู้คนอยู่อย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ แต่ละจุดหมายเต็มไปด้วยความ “อยู่ดี Green ดี” ที่อยากให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสความรู้สีกดี ๆ นี้ไปด้วยกัน

เส้นทางท่องเที่ยว “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี”สร้างสรรค์
โดย MEETTHINKS (www.meetthinks.com) ติดตามภาพแห่งความสุข

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
• e-book “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” ได้ที่ https://online.anyflip.com/maibb/zrfn/mobile/ หรือQRCode ด้านล่างนี้(สำหรับการเปิดด้วยโทรศัพท์มือถือ สามารถรับชมได้ทั้งแบบหน้าเดี่ยวในแนวตั้ง และการแสดงผลแบบหน้าคู่ในแนวนอน)

• คลิปวิดีโอเส้นทางอยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี ตามลิงค์ด้านล่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=oz3p4FCJzbQ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุทัยธานี โทร. 056514651
Facebook/TAT.Uthai

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ ดื่มด่ำวิถีระยอง ในมุมมองน่ารัก

สไลว์ไลฟ์ริมชายหาด  อัศจรรย์ป่าชายเลน เดินเล่นสวนไม้หอม

ความเร่งรีบกดดันในแต่ละวัน อาจทำให้คนเราสะสมความเครียดไว้โดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีคือการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ พาตัวเองออกไปพบเจอกับมุมมองที่โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเติมเต็มแรงบันดาลใจจากผู้คนรอบข้าง อย่างที่จังหวัดระยอง แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็มีมุมสโลว์ไลฟ์ให้เลือกชิลอยู่หลายจุด ภายใต้บรรยากาศของท้องทะเลชายฝั่ง ที่ยังคงความเงียบสงบ

โครงการ Refresh life …by the wayไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำชวนออกเดินทางไปผ่อนคลายในมุมที่น่าชื่นตาชื่นใจ ในจังหวัดระยอง ขับรถออกจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะได้พักสายตาไปกับชายหาดที่ทอดยาว ไล่เรียงตั้งแต่หาดแหลมเจริญ หาดแสงจันทร์ ไปถึงหาดสุชาดา โดดเด่นด้วยโค้งเว้าของแนวกำแพงหินที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่ง และทำให้การลงเล่นน้ำเป็นไปอย่างปลอดภัย เรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ผสมผสานเรื่องราวของวิถีชาวประมงชายฝั่ง ที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย

หาด Coffee Truck เพียงแรกพบก็ตกหลุมรัก

                ประโยคที่ว่า “อยากไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเล” แม้จะออกแนวประชดประชัน แต่สะท้อนภาพความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การได้นั่งเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดกังวลใด ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตบนชายหาดแหลมเจริญ บรรดา Food Truck และ Coffee Truck พร้อมบูทจำหน่ายสินค้าและอาหารแบบดั้งเดิม เรียงรายไปตลอดทาง แต่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนได้สัมผัส

                ที่โดดเด่นมากในตอนนี้คือบรรดา Coffee Truck คาเฟ่เคลื่อนที่สไตล์มินิมอล ให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ มาพร้อมสไตล์ของตัวเอง เป็นสีสันใหม่ของการนั่งเล่นริมชายหาด นอกจากเมนูเด็ดของแต่ละร้านแล้ว การเลือกเก้าอี้ชายหาดเก๋ ๆ มาให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวระยอง เข้ามานั่งเล่นกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ต่างก็นั่งหันหน้าทิ้งสายตาไปกับทะเลกว้าง นับเป็นบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีต่อใจสุด ๆ

วิถีชาวเล กลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ

บริเวณชายหาดแหลมเจริญ เป็นที่ตั้งของชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องราวชีวิตชาวประมงที่ยังคงสืบสานวิถีชีวิตของชาวบ้านชายทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน คนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดง ยังทำประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่าย อบอุ่นใจเมื่อได้พบเจอ

“ส้ม-กุสุมา ชูทอง ทรัพย์ประเสริฐ”สมาชิกวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยองเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านบริเวณนี้เป็นประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่ผูกพันกับทะเลมานานในทุกวันสามีของเธอจะออกไปวางอวนทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นก็จะออกไปเก็บอวนกันตั้งเช้ามืด จากนั้นเธอและลูก ๆ ก็นำมาคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่ติดอวนมาจะค่อนข้างพัลวัน หากเส้นอวนขาดก็ต้องเสียเวลาซ่อม จึงต้องใช้เวลานาน สมาชิกในบ้านก็ต้องมาช่วยกันทั้งหมด

ผลผลิตที่ได้ก็คละ ๆ กันไป ทั้งปูดำ ปูม้า ปูแป้น หอย ปลา รวมทั้งขยะที่ติดมากับอวน จึงต้องใช้เวลาทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนจะนำไปวางในทะเลอีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน สนใจมาชมแนะนำว่าให้มาประมาณแปดโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมาก หากต้องการซื้อก็สามารถติดต่อได้ทันที บางเจ้าก็นำไปส่งให้ร้านอาหาร บ้างก็ส่งตลาดในระยอง บางส่วนก็วางขายกันหน้าหาด ในราคาแบบชาวบ้าน และรับประกันความสด นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแดดเดียว ฯลฯ วางจำหน่ายริมสองข้างทางบริเวณหน้าหาด

ล่องเพลิน เดินชิล ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ

ระยองเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่จับต้องได้ไม่ยาก จากเอกลักษณ์ของตัวเมืองที่ติดทะเล โดดเด่นด้วยทรัพยากรอันสมบูรณ์ ชื่นตาชื่นใจจากความอลังการของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ขนาด 500 ไร่ ครอบคลุม ต.ปากน้ำ และ ต.เนินพระ เป็นผืนป่าที่อยู่คู่เมืองระยองมาอย่างยาวนานประกอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นแสม โกงกาง เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหลากชนิด จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญคือสวยงามมาก

ความอลังการของผืนป่ากว้างที่มองได้จากมุมสูง นอกจากการขึ้นหอชมวิวแล้ว สามารถเลือกที่พักริมชายหาดที่มองเห็นผืนป่าได้อย่างอลังการเช่น หาดแสงจันทร์ อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและที่พักสวยหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ระเบียงของทุกห้องจะมองเห็นความอัศจรรย์ของสองฝั่ง ทั้งฝั่งชายทะเล และฝั่งของคลองที่ลัดเลาะเลียบแนวป่าชายเลน เป็นภาพประทับใจ ท่ามกลางการเข้าพักที่แสนสะดวกสบาย

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือหรือเดินเล่นบนสะพานเลียบป่าชายเลนระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตรเพื่อชื่นชมความงดงามของ “ป่าในเมือง” หรือทีเรียกกันว่า“ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ล้อมด้วยป่าชายเลนท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์สร้างขึ้นตั้งแต่งปี พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ผู้ที่เดินเรือรู้ว่ามาถึงระยองแล้ว สามารถเดินล่องเรือหรือขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก

กรุ่นกลิ่นกฤษณา กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลาย               

เพราะกลิ่นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความผ่อนคลาย ในเส้นทางเที่ยวระยองครั้งนี้ จึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สอดแทรกความรู้เรื่องไม้กฤษณา พร้อมช่วงเวลาอันน่าประทับใจ ในพื้นที่ของ “มีสุข ฟาร์ม” (Mesook Farm)ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 

“พิกุล กิตติพล”ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาเล่าว่าในพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180  ชนิด นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ

มาแล้วต้องแวะร้านจำหน่ายสินค้า “บ้านมีสุข” มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด เช่นธูปปั้น ธูปหอม น้ำมันหอม น้ำหอมระงับกลิ่นกาย โลชั่น แชมพู เซรั่มโฟมล้างหน้า ฯลฯ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาอุดหนุนสินค้า จะได้สัมผัสกับน้องหมาซามอยด์แห่งผืนป่ากฤษณาที่จะร่วมแอคท่าถ่ายรูปกับทุกคน

“มีสุข ฟาร์ม” ยังนำเสนอความสุขของการเข้าพักในสวนป่าที่รายล้อมบึงน้ำขนาดใหญ่  มีบริการทั้งที่พัก และร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดพร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อาทิ กาแฟน้ำผึ้ง กฤษณามรกต กฤษณารัญจวน ฯลฯ อิ่มแล้วก็ไปพบกับฐานการเรียนรู้แนวแอดเวนเจอรอีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย

               

ใครที่อยากเติมพลังรับพลังธรรมชาติตามศาสตร์ฮวงจุ้ย แนะนำได้เดิมข้าม“สะพานเปี่ยมสุข” และ “สะพานแขวน” ที่ได้รับการยืนยันจากปากของซินแสขาวสิงคโปร์ว่า สายลมที่พัดโชยในผืนป่ากว้าง พร้อมอากาศอันบริสุทธิ์ ถือเป็นแหล่งรับพลังที่ดีมาก

               

ออกไปผ่อนคลายในบรรยากาศอันน่าชื่นใจที่จังหวัดระยอง กับโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” ชวนท่องเที่ยวเมืองไทย ไปซบไหล่ธรรมชาติ รับพลังอันแสนบริสุทธิ์ พร้อมสนับสนุนแง่มุมดี ๆ ให้กับชุมชน ถือเป็นเส้นทางแห่งความสุขและการส่งต่อแรงบันดาลใจ เติมพลังจิตพลังใจก่อนที่จะกลับมาต่อสู่กับงานอีกครั้ง

วิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยอง

กุสุมา ชูทอง

โทร.0824618933

(มีบริการปูนึ่งพร้อมน้ำจิ้ม-หากต้องการเนื้อปูแกะต้องสั่งล่วงหน้า)

ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ

เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1  โทร. 038 020 070

ติดต่อเรือ โทร. 095225 7993 (เรือออกช่วงบ่าย ค่าบริการรอบละ 300 บาท นั่งได้ 6 ท่าน)

ททท.สำนักงานระยองโทร : 038 655 420

มีสุขฟาร์ม(ห่างจากตัวเมือง 42 กิโลเมตร)
เปิดบริการทุกวัน : 09.00 – 17.00 น.
โทร.0828987886

(กรุณาติดต่อล่วงหน้า สำหรับกิจกรรมฐานเรียนรู้ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)

theAsianparent (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์) เผยโฉมสุดยอดแบรนด์ผลิตภัณฑ์ บริการ เพื่อแม่และเด็ก

สื่อโซเชียลสายครอบครัวแห่งปี ในเวทีการประกวด ‘theAsianparent Awards 2022’

นางนิธินันท์ อัศวทร กรรมการบริษัท ทิคเคิลด์ มีเดีย จำกัด ผู้บริหาร theAsianparent ประเทศไทย คอมมูนิตี้ออนไลน์อันดับ 1 เรื่องแม่และเด็ก ครบเครื่อง ครอบคลุม ทุกเรื่องในครอบครัว จัดงานประกาศผลและมอบรางวัล theAsianparent Awards 2022 (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์ อวอร์ด 2022) หรือ TAP Awards สุดยอดแบรนด์ผลิตภัณฑ์ บริการ เพื่อแม่และเด็ก และเหล่าคุณแม่ผู้ทรงอิทธิพลในสื่อโซเชียลแห่งปี 2565 โดยในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 81 รางวัล โดยได้แบ่งการประกวดออกเป็น 5 กลุ่มรางวัล ประกอบด้วย Experts’ choice awards, Parents’ choice awards, Proudly Local awards, Most Promising awards และ Most Innovative awards โดยมีแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรวม 315 แบรนด์ จาก 74 หมวดสินค้า พร้อมรางวัลพิเศษที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับผู้ทรงอิทธิพลด้านสื่อโซเชียลสายครอบครัว ที่มอบให้แก่สุดยอด influencer ที่พ่อแม่ชื่นชอบ ซึ่งรางวัลในกลุ่มต่างๆ ได้รับการตัดสินจากคะแนนโหวตของเหล่าพ่อแม่บนแพลตฟอร์มของ theAsianparent ที่ร่วมโหวตกว่า 2,448 โหวต และจากการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูบุตรจากโรงพยาบาลชั้นนำของไทย

ชิลล์ริมโขงที่ โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม Fortune River View Hotel Nakhonpanom

จังหวัด นครพนม สถานที่ที่เชื่อว่าหลายคน ได้ไปสัมผัสแล้วจะหลงรัก เสน่ห์ความเป็นเมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขง ยังอบอุ่นเช่นเดิม ด้วยวิถีชีวิตแบบดั่งเดิม ลองจินตนาการถึงจังหวัดที่เราสามารถตื่นเช้ายามเช้ามาชมอากาศที่บริสุทธิ์เย็นสบายผู้คนที่อัธยาศัยดี มีน้ำใจ หากใครได้มาเยือนจังหวัดนครพนม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตวิถีชีวิต มาลั๊นลาเดินชมวิวทิวทัศน์อันสวยสดใสของวิวริมแม่น้ำโขง ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างไว้อย่างงดงามเว่อร์วัง
อลังการทิวเขาสีเขียวชะอุ่มชุ่มชื่น ไม่แพ้ที่ใดในเมืองไทย “นครพนม พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตามฝั่งโขง”

DCIM\100GOPRO\GOPR6082.JPG

ในช่วงปลายวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันลาพักร้อน วันพักผ่อนหย่อนใจ ใครที่กำ
ลังวางแผนมาเที่ยวในจังหวัดนึรพนม และอยากมาพักค้างคืนสักคืนสองคืน แต่ยังไม่รู้จะไปเลือกพักโรงแรมใหนดี วันนี้ โวยวาย ขอมาแนะนำ โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม ตั้งอยู่บนถนนเส้นวัฒนธรรม ติดกับแม่น้ำโขงในระยะที่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ช่วยสร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีงามให้นักท่องเที่ยวมาเยือน

ลานพญาศรีสัตตนาคราช ในยามเย็น

มาถึงนครพนมก็ต้องกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อน ที่ พญาศรีสัตตนาคราช เป็นแลนด์มาร์คศักดิ์สิทธิ์สองฝั่งแม่น้ำโขง โบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของชาวนครพนม ซึ่ง พญานาค ด้วยความเชื่อและความศรัทธาของพี่น้องชาวไทยและชาวลาวเกี่ยวกับองค์พญานาคที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม การท่องเที่ยวมาชมวิถีชีวิตของพี่น้องริมฝั่งโขง ด้วยทำเลที่บรรยากาศดี ก็มีที่พักมากมาย ควรค่าแก่การมาพักผ่อน บรรยากาศริมแม่น้ำโขงที่สงบและค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีสนามหญ้าริมน้ำเหมาะกับคนที่อยากเดินเล่นรับลมเย็นและอากาศดีๆ ห้องพักกว้างขวางตกแต่งอย่างเรียบง่ายพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ค่อนข้างครบครัน มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และบาร์ เอาไว้คอยให้บริการด้วยห้องพักที่มีให้เลือก เช่น ห้องพักแบบซูพีเรียร์ เตียงแฝดวิวแม่น้ำ ห้องแบบดีลักซ์ วิวแม่น้ำ ห้องพักแบบพาโนรามา วิวแม่น้ำ ห้องพักแบบจูเนียร์ สวีท วิวแม่น้ำและห้องพักแบบเพรสซิเดนท์ สวีท แค่วิวแม่น้ำสุดจะคุ้มค่าแล้ว อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก ที่จัดวางอย่างสวยงาม ที่มีบริการอาหารบุฟเฟ่ต์ในช่วงเช้าและที่น่าประทับใจ มีสระว่ายน้ำ ให้เพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำโขง และรับประทานอาหารเช้าไปพร้อมทั้งชมวิวแม่น้ำโขงอย่างมีความสุข

วิวริมโขง

โดยรอบของโรงแรมติดริมแม่น้ำโขง และทางโรงแรมก็ได้อำนวยความสะดวก จัดโซนจุดให้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น และมีเส้นทางเชื่อมโยงมแหล่งท่องเที่ยวติดกับโรงแรมถือเป็นจุดแลนด์มาร์คบ้านวัฒนธรรมโบราณ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและสินค้าพื้นเมือง ตั้งอยู่บริเวณ ถนนสวรรค์ชายโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยที่นี่รวมเอาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของคน 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในนครพนม ในรูปแบบบ้านวัฒนธรรมโบราณของแต่ละชนเผ่าที่อาศัยอยู่ใน อำเภอของตนเองขึ้นมา จำนวน 12 หลัง ใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ที่อยู่ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากองค์พญาศรีสัตตนาคราชไปทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตรบ้านแต่ละหลังจะสร้างจากไม้เก่าทั้งหมด ลักษณะตัวบ้านเป็นแบบบ้านยกสูงมีชานยื่นออกมาโดยทุกหลังจะมีลักษณะแข็งแรงถาวร

โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม เป็นที่พักซึ่งอยู่ในเขตชุมชน สะดวกสบายในการมองหาร้านอาหารและร้านค้า เป็นที่พักโขงเจียมราคาดีและค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว บรรยากาศในที่พักตกแต่งอย่างเรียบง่าย ห้องพักกว้างและมีรูปแบบให้เลือกพักได้ตามความต้องการ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย การตกแต่งเน้นความจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ครบครัน และแบ่งพื้นที่สัดส่วนการใช้งานในห้องพักได้อย่างสะดวกและลงตัว ทำเลโรงแรมติดริมแม่น้ำโขง วิวสวยบรรยากาศดีเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีความงดงามทางธรรมชาติ

ประเภทห้องพักโรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม มีห้องหลายฟังก์ชั่นให้เลือกใช้บริการ

Superior River View King Bed

Superior River View Twins Bed

Deluxe River View King Bed

Deluxe River View Twin Beds

Deluxe Pool Side

Panorama River View King Bed

Panorama River View Twin Beds

Junior Suites Room

President Suites

โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม มีห้องพักให้บริการ 122 ห้อง ห้องพักปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขงจากห้องพักทุกประเภทได้อย่างชัดเจน มีบริการครบวงจร ห้องพัก​กว้างขวาง​สะอาดจัดได้ลงตัว และทันสมัย มองเห็นวิวแม่น้ำโขง มีอาหารเช้าฟรี Wi-Fi ฟรี ที่จอดรถสะดวกสบาย มาเที่ยวนครพนมต้องห้ามพลาด

โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม
Fortune River View Hotel Nakhon Phanom
Tel. 042 522 334
Line OA : @fortunehotelgroup https://lin.ee/Bj1vy7p
9 ถนนนครพนม-ธาตุพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม 48000

FB : Fortune River View Hotel Nakhon Phanom
LINE : @FortuneHotelGroup (มี @ ทุกครั้ง)

เส้นทาง :
www.google.com/travel/hotels/s/cvErUNSae7SfCuSU9

GIT จับมือ eBay สร้างความเชื่อมั่น หนุนอัญมณีและเครื่องประดับขยายตลาดออนไลน์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประกาศความร่วมมือ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ eBay ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU เดินหน้าสร้างความความเชื่อมั่นสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย พร้อมหนุนผู้ประกอบการขยายช่องทางการตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ GIT เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เห็นได้ว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2565 เติบโตได้ร้อยละ 76.33 เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 5,545.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 9,778.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 3
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.66 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 4,439.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 36.16 และตลาดส่งออกสำคัญของไทยส่วนใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย ฮ่องกง เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็ยังมีอัตราการขยายตัวตัวเนื่อง นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์ ได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างมาก


GIT ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้ร่วมมือกับ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก โดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ Buy with Confidence หรือ BWC
ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง การซื้อขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ผู้ซื้อไม่มีโอกาสเห็นสินค้าจริง บ่อยครั้งมักเกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ในเรื่องคุณภาพและคุณลักษณะของสินค้า ซึ่งการจำหน่ายสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบและออกใบรับรองนั้นจากแลปที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จะเป็นเสมือนใบรับประกันคุณภาพว่าอัญมณีและเครื่องประดับนั้นเป็นของแท้ คุณสมบัติตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และนำไป
สู่มูลค่าทางการค้า รวมถึงสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศด้วย

นายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “อัญมณีทั้งแบบเม็ดและขึ้นเรือนเป็นเครื่องประดับเป็นกลุ่มสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ที่ผู้ขายจากไทย ทำการขายและส่งออกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกผ่านอีเบย์ ในวันนี้ จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบัน GIT ซึ่งเมื่อมีโครงการ “ซื้อด้วยความมั่นใจ” หรือ Buy with Confidence จะยิ่งช่วยยกระดับความมั่นใจของผู้ใช้อีเบย์ 138 ล้านคนทั่วโลกที่มีต่อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากไทย และช่วยให้ยอดขายของผู้ขายชาวไทยพัฒนาไปได้เร็วขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการ eBay NextGen ที่จะมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่เอสเอ็มอีผู้ประกอบกิจการเครื่องประดับ ที่มาเปิดร้านออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
ของอีเบย์”

นอกจากการลงนามลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU แล้ว ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 GIT ยังเปิดให้บริการตรวจสอบและออกใบรับรองอัญมณีและเครื่องประดับแบบ Onsite ณ คูหาเลขที่ A01, 03, 05 และ B02, 04 ,06 และยังมีการจัดกิจกรรมสัมมนาที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การสัมมนาหัวข้อ Next Step for Gem and Jewelry METAVERSE, New Level up of Thai Silver และ Workshop จี้เงินตาไม้ ที่คุณจะได้รับเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลก หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2565

ณ คูหา Gems Treasure บริเวณด้านหน้าทางเข้า Challenger Hall 2
อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกด้วย

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ รับพลังธรรมชาติ ที่ บ้านไร่ยายชะพลู

วิถีเกษตรปลอดภัย สุขกาย สุขใจ ในมุมมองใหม่ของมวกเหล็ก

เที่ยวหน้าฝน รับอากาศเย็น เห็นทะเลหมอก ตามแบบฉบับคนรักการท่องเที่ยว
สีเขียวเป็นสีที่มองเห็นแล้วสบายตา วันที่ผ่านการทำงานอย่างเหนื่อยล้าอยู่กับหน้าจอ เราจึงอยากพักสายตาเพื่อมองหาความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า ไม่ว่าจะอยู่ในกระถางเล็ก ๆ บนโต๊ะทำงาน หรือจะมองออกนอกหน้าต่าง แต่จะดีแค่ไหน หากได้เดินทางออกไปในที่โล่งกว้าง ผ่านถนนหนทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี ได้ซึมซับรับพลังบวกท่ามกลางขุนเขา พื้นที่เที่ยวมีความกว้างใหญ่มาก อุดมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เหล่าต้นไม้ใบหญ้าได้ส่งพลังธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูกายใจ ให้สดใสยิ่งกว่าเดิม

โครงการ “Refresh life …by the wayไป เที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวรับพลังธรรมชาติท่ามกลางความเขียวขจี ในดินแดนที่แสนดีต่อใจ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ที่เที่ยวหน้าฝน ใกล้กรุงเทพ สัมผัสกับความกรีนแบบฉ่ำๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นภาพภูเขาเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย เต็มไปความเขียวขจีของภูเขาและต้นไม้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นสีเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่

ที่นี่เครือขายเกษตรปลอดภัยรวมตัวอยู่กันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ
“บ้านไร่ยายชะพลู” ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มุมพักกายพักใจที่แสนอบอุ่น จากบรรยากาศอันแสนสงบ ด้วยสภาพอากาศอันบริสุทธิ์ ลมพัดโชยเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ที่จะมีอากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้น

พักกาย พักใจ ในมุมผ่อนคลาย บ้านไร่ยายชะพลู

พักกาย พักใจ ในมุมผ่อนคลาย บ้านไร่ยายชะพลู
“บ้านไร่ยายชะพลู” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 400 เมตรจากระดับน้ำทะเล  ภายในไร่มีการปลูกพืชผักสวนครัว สวนผลไม้ สวนสมุนไพร และไม้ดอกไม้ประดับ  อาทิ อะโวคาโด มัลเบอร์รี่ ฯลฯ ตามแนวทางของการทำการเกษตรอย่างปลอดภัย และเป็นหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อการผลิตพืชผักผลไม้เพื่อความปลอดภัย (GAP)

นอกจากความโดดเด่นด้านธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์แล้วการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ประกาศให้บ้านไร่ยายชะพลู เป็นหนึ่งในเส้นทาง Dark Sky Thailand เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ (Astro Tourism) ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างที่สามารถมองเห็นทิศเหนือ ทิศตะวันออกทิศ และทิศตะวันตกได้อย่างชัดเจน ประกอบกับสภาพท้องฟ้าที่มีคุณภาพในระดับที่ดีเหล่าสาวกดวงดาวหรือนักดาราศาสตร์ จึงมุ่งหน้าเข้ามาลงหลักปักเต้นท์กันอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งนักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้ง ที่หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองเพื่อมานอนนับดาวกันที่นี่ นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ในที่เดียวกันอีกด้วย

แพทย์หญิงวนิดา ศศิวิมลกุล เจ้าของบ้านไร่ยายชะพลู เล่าให้ฟังว่า เดิมทีคุณหมอวนิดา และคู่ชีวิต “นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล”เป็นคุณหมออยู่ในกรุงเทพฯ จนถึงวัยเกษียณ เมื่อปี 2554 จึงมองหาพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและการทำงานที่เรียบง่าย หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง ออกจากสภาพการดำเนินชีวิตที่ส่งผลต่อความเครียดโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้มาเจอที่นี่แล้วได้มองเห็นวิวโล่งกว้างท่ามกลางความเขียวขจี จึงรู้สึกผ่อนคลาย สบายทั้งกายและใจ

สำหรับ “บ้านไร่ยายชะพลู” ตั้งตามหลานยายที่มีเพียงคนเดียวในกลุ่มหลาน 7 คน สื่อความหมายเป็นบ้านไร่ที่คุณยายสร้างขึ้น และคุณยายมีหลานยายชื่อ “ชะพลู” เพื่อแสดงถึงความรักความผูกพัน และความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้เด็ก ๆ เกิดความรักธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับแนวคิดที่ว่า อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัวอย่างแท้จริง เนื่องจากสภาพพื้นที่บริเวณ ต.หนองย่างเสือ มีเนินเขาสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยความเขียวขจีและอากาศอันบริสุทธิ์

นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล และ แพทย์หญิงวนิดา ศศิวิมลกุล

“จุดเริ่มต้นเมือ 10 ปีก่อน เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร เราจึงเริ่มเข้ามาปลูกผัก ผลไม้ และร่วมก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนจากการรวมตัวของเกษตรกรในพื้นที่ ส่วนใครอยากปลูกอะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ในแนวทางของเกษตรปลอดภัย เน้นใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อสร้างอาหารจากธรรมชาติเพื่อการบริโภคและจำหน่ายผลผลิตที่ปลอดภัยส่งต่อให้ลูกค้า”คุณหมอวนิดา กล่าว

เริ่มต้นเที่ยวพักผ่อนที่ บ้านไร่ยายชะพลู จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบธรรมชาติ และรักความสงบ ทางไร่มีลานกางเต้นท์ให้บริการ หรือจะนำเต้นท์มาตั้งแค้มป์เองได้ บริเวณลานกางเต้นท์มีบริการปลั๊กไฟ มีห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านเป็นสัดส่วน

นอกจากนั้นบ้านไร่ยายชะพลู ยังให้บริการห้องพักท่ามกลางธรรมชาติ เป็นบ้านเดี่ยวสำหรับ 2-6 ท่าน จำนวน 2 หลัง ซึ่งแต่ละหลังมีลานระเบียงพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ไมโครเวฟ อ่างล้างจาน อุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร ฯลฯ และยังมีบ้านแคปซูล 5 หลัง พักได้ 2 ท่านต่อหลัง (ไม่มีส่วนครัว) แอบอิงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบวิวแบบมินิมอลแต่ให้ภาพสวยหลักล้าน

“แม้จะอยู่ใกล้เมือง ด้วยความห่างจากถนนใหญ่เพียง 500 เมตร แต่สถานที่แห่งนี้มีสภาพเหมือนเข้ามาอยู่ในป่า เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องอาหาร คงต้องใช้เวลา หากท่านประสงค์ให้เราบริการเรื่องอาหารก็ต้องแจ้งล่วงหน้า” คุณหมอวนิดากล่าว

นอกจากบรรยากาศแสนดี พร้อมที่พักวิวสุดแจ่มแล้ว บ้านไร่ยายชะพลูยังมีร้านกาแฟสด พร้อมจุดเช็คอินเพื่อชมวิวท่ามกลางหุบเขา หากวันไหนอากาศเปิดสามารถมองเห็นเขื่อนป่าสักได้อย่างชัดเจน ให้บริการกาแฟสดที่คั่วบดใหม่ ที่เป็นไฮไลต์คือผลผลิตจากการเกษตร อย่าง นมสดมัลเบอร์รี่ ที่ทุกคนห้ามพลาด

รังสรรค์ผลผลิตเกษตรปลอดภัย ไปสู่เมนูสุขภาพสุดเก๋

สุกัลยา ไชยเชาวน์ หรือ “คุณยิ้ม” เจ้าของไร่สอาดจิตร

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อการผลิตพืชผักผลไม้เพื่อความปลอดภัย (GAP)
ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก มีสมาชิก 10 ราย ก่อตั้งมาแล้ว 8 ปี โดยมี “นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล”เป็นประธาน สมาชิกแต่ละรายเป็นเกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้ และปศุสัตว์ อาทิ ทุเรียน หม่อน (มัลเบอร์รี่) อะโวคาโด มะม่วง น้อยหน่า การเลี้ยงแพะ ฯลฯ   นอกจากการรวมตัวในการทำเกษตรอย่างปลอดภัยแล้ว ยังมีการพัฒนาไปสู่การแปรรูป และการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตอีกด้วย

นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล ประธานสมาชิกเกษตรกร
มัลเบอร์รี่อัญชัน

หนึ่งในนั้นคือ “นางสาวสุกัลยา ไชยเชาวน์” หรือ “คุณยิ้ม” เจ้าของไร่สอาดจิตร ที่ได้ต่อยอดผลผลิตทางการเกษตร มาสู่แบรนด์ “มียิ้ม” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากมัลเบอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยอุดมไปด้วยวิตามินซี ธาตุเหล็ก วิตามินเค 1 วิตามินอี และโพแทสเซียม โดยได้แปรรูปเป็น แยม ท้อปปิ้ง น้ำสลัดมัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ทูอินวัน ฯลฯ  ปัจจุบันวางจำหน่ายที่ร้านกาแฟ บ้านไร่ยายชะพลู และร้านข้าวโพดหวานไร่สุวรรณ รวมทั้งรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่

หากนักท่องเที่ยวนัดหมายล่วงหน้า ก็จะได้ลิ้มลองความสด สะอาด ปลอดภัย พร้อมเมนูอร่อย ๆ จากเกษตรกรในพื้นที่ เช่นเดียวกับวันนี้ ทางคุณยิ้มได้นำผลผลิตมาเสิร์ฟที่บ้านไร่ยายชะพลู ให้ทุกคนได้ร้องว้าวกับเมนูสุขภาพที่อร่อยเกินคาด

เรียกน้ำย่อยด้วย “มัลเบอร์รี่อัญชัน” เครื่องดื่มลูกผสมสีสันสดใส รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ดื่มแล้วชื่นใจ ตามมาด้วย “สลัดผักกับน้ำสลัดมัลเบอร์รี่” ชิมแล้วต้องบอกว่ากระปุกนี้ต้องมีติดบ้าน วันนี้ได้ผักสด ๆ เป็นผักปลอดสารพิษจากเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมด้วยผลมัลเบอร์รี่สดและอะโวคาโด ยิ่งทำให้สลัดชามนี้พิเศษยิ่งขึ้น โดยน้ำสลัดมัลเบอร์รี่แบรนด์ “มียิ้ม” เป็นน้ำสลัดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู แต่จะใช้มัลเบอร์รี่สีแดงที่ให้ความเปรี้ยวแทน สีของน้ำสลัดจึงเป็นสีชมพู มี 2 สูตร คือ สูตรผสมพริกไทย และสูตรไม่ผสมพริกไทย รสชาติไม่หวานมาก เปรี้ยวกำลังดี

เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน
เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน

มาถึงเมนูหลักในวันนี้ “เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน” ใช้ยอดใบหม่อน หรือ ใบของต้นมัลเบอร์รี่มาต้มสุกแทนถั่วงอก รสชาติหวานมัน น้ำซุปหอมเข้มข้นด้วยสมุนไพร  ใช้กระเทียมและกระชายเป็นส่วนผสม เคี่ยวหมูตุ๋น 4 ชั่วโมงจนเปื่อย เพิ่มความหอมด้วยโหระพาซอยละเอียด กินกับน้ำจิ้มสูตรของทางไร่ เน้นรสเผ็ดเปรี้ยว ซึ่งผักต่าง ๆ มาจากพืชสวนครัวที่ปลูกเองในเส้นทางเกษตรปลอดภัย อร่อยและมั่นใจได้ ส่วนที่ใช้เส้นหมี่ เพราะเป็นเส้นที่มีอยู่คู่ครัว เกษตรกรสามารถซื้อติดบ้านไว้ใช้ได้ตลอดเวลา

“มักกะโรนีซอสมัลเบอร์รี่
สลัดผักกับน้ำสลัดมัลเบอร์รี่

              

มัลเบอร์รี่ชีสพาย

อีกเมนูที่อยู่ในขั้นตอนการสร้างสรรค์ คือ “มักกะโรนีซอสมัลเบอร์รี่”โดยใช้ตัวซอสที่ผลิตจากมัลเบอร์รี่ เกิดเป็นรสชาติใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ ปิดท้ายกันที่ของหวาน“มัลเบอร์รี่ชีสพาย” ดูเผิน ๆ เหมือนบลูเบอร์รี่ชีสพาย แต่ใช้มัลเบอร์รี่เป็นท้อปปิ้งแทน ด้านล่างเป็นแคร็กเกอร์ผสมเนย ชั้นที่สองเป็นครีมชีส ส่วนชั้นบนสุดจะก็คือมัลเบอร์รี่ชีสที่เก็บจากสวน

นอกจากจากมัลเบอร์รี่แล้วยังมี “น้อยหน่าฝ้ายเกษตร” ที่ปลูกในไร่ตามหลักการเกษตรปลอดภัย ให้ชิมกันอีกด้วยนับเป็นช่วงเวลาแสนอร่อยและอบอุ่นใจ ได้เห็นผลผลิตจากสวนที่ปลอดภัยต่อร่างกาย แปลงร่างมาเป็นเมนูที่เป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจ ด้วยรสชาติที่ถูกปากถูกใจ กินไปยิ้มไป เสมือนชื่อแบรนด์เลยจริง ๆ

อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก
อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก

รับพลังแห่งธรรมชาติที่อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ไม่ไกลจากบ้านไร่ยายชะพลู ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้แวะชมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไร่องุ่น สวนผลไม้ สวนดอกไม้ หรือน้ำตก และที่สดใหม่ไม่อยากให้พลาด คือ “อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก”ที่สามารถขับรถออกจากบ้านไร่ยายชะพลูได้ในระเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ตั้งอยู่ที่ ต.คำพราน อ.วังม่วง จ.สระบุรี มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน กว้าง 9 เมตร สูง 44 เมตร ยาว 1,157 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ราว 61 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานกว่า 25,500 ไร่ ใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปา และส่งให้พื้นที่ชลประทานอีก เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร

ความสวยงามของอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก มาจากสภาพพื้นที่โล่งท่ามกลางผืนป่าและผืนน้ำกว้างใหญ่ มีภูเขาน้อยใหญ่เป็นฉากหลัง ถนนรอบอ่างเก็บน้ำมีความคดเคี้ยวเป็นระยะทางยาว ถือเป็นจุดชมวิวที่เงียบสงบ เพียงได้มายืนนิ่ง ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ก็ได้รับพลังบวกให้กับวันพักผ่อนอย่างสดชื่นในทุกเวลา โดยเฉพาะยามเย็นที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันงดงาม หลายคนหลงรักจนต้องมาซ้ำเมื่อมีโอกาส ท้องฟ้าหลังฝนตกยังสวยอย่าบอกใคร

กดปุ่มรีเฟรชเติมความสดใส กับโครงการ “Refresh life …by the wayไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ”ชวนทุกคนออกไปเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง เติมพลังทั้งกายและใจ เพราะเมืองไทยยังมีหลากเรื่องราวให้เราไปค้นหา หลายมุมมองให้เราได้ค้นพบการพักผ่อนในช่วงเวลาอันแสนพิเศษ

บ้านไร่ยายชะพลู (กรุณาติดต่อล่วงหน้า)
บ้านหนองมะกรูด ตำบล หนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก สระบุรี
Facebook/บ้านไร่ยายชะพลู โทร. 081443 4016

ผลิตภัณฑ์จากไร่สอาดจิตร แบรนด์ “มียิ้ม”
โทร.0915621987 (คุณยิ้ม)

ติดตามชมเส้นทางท่องเที่ยว Refresh life …by the way
ท่องเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ได้ที่ YouTube : https://youtu.be/xlnOuzFrf-Y

Refresh life …by the way
ท่องเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี