All posts by Shanya

กลิ่นไอดิน คาเฟ่ ของ เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ สไตล์ธรรมชาติกลางป่ากลางเขา บรรยากาศสุดกรีน

กาแฟกลิ่นไอดิน Cafe & Restaurant ฟีลธรรมชาติ บรรยากาศดี
ในวันที่แดดจ้ากำลังดี เรื่องมันมีอยู่ว่า กลิ่นไอดิน ชื่อของคาเฟ่ มีกลิ่นอายที่ทำให้เรารู้สึกดีในธรรมชาติ ย้ำเตือนให้ระลึกถึงความทรงจำของการเชื่อมโยงกับธรรมชาติซึ่งกลิ่นแต่ละกลิ่นที่ออกมาจะมีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง rเจ้าของร้านต้อนรับเราด้วยเวลคัมดริงก์ สีสดใสทั้งแบบร้อนและเย็นชื่นใจให้เรานั่งพักคลายร้อนจากการเดินทาง เสมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ท้ายที่สุดมันก็เลยออกมาเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานสิ่งที่ทุกคนอยากทำเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว

วันนี้เราตั้งใจปักหมุดไปที่ ร้านกาแฟที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ท่ามกลางบรรยากาศร่มครึ้มของต้นไม้ที่ขึ้นตามริมถนน อีกหนึ่งร้านกาแฟที่จังหวัดกำแพงเพชร ไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดี ยังมีกาแฟกลิ่นไอดิน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ที่น่าสนใจพาตัวเองออกไปหาความสุข ด้วยการนั่งจิบกาแฟ พักผ่อนชิลๆ เป็นลานระเบียงแบบเก้าอี้ โต๊ะไม้ มองเห็นวิวบ่อปลาด้านล่าง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านท้ายที่สุดมันก็เลยออกมาเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานสิ่งที่ทุกคนอยากทำเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว บรรยากาศโดยรอบของที่นี่ยังคงให้ความรู้สึกสุขและสงบนิ่งทำให้คาเฟ่แห่งนี้ ทวีความอบอุ่นมากขึ้น

วันนี้ toptotravel พาทุกคนไปชิมกาแฟของ ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน พอเดินเข้ามาด้านในที่นี่เป็นทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ เป็นคาเฟ่ที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่มทั่วไปตามแบบฉบับของร้าน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกำแพงเพชร (ระยะห่างประมาณ 3 กิโลเมตร) เกิดขึ้นจากความตั้งใจจากคอกาแฟชาวกำแพงเพชร ตัดสินใจกลับบ้านมาดูแลครอบครัว พี่หนุ่ยก็อยากมาช่วยแฟนและสร้างความมั่นคงไปด้วยกันที่นี่เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ ในบรรยากาศอบอุ่นเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ที่บ้าน ทุกมุมในร้านสามารถเป็นมุมถ่ายรูปได้สวยเก๋ไม่ซ้ำใคร ร้านนี้เกิดจากความชอบและตัวตนของเจ้าของร้าน เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ (โอ๋ ) ชาวกำแพงเพชร และภรรยาเป็นชาวกำแพงเพชร คาเฟ่บนที่ดินของครอบครัว ทั้งคู่ตั้งใจให้ร้านนี้เป็นคาเฟ่สไตล์โฮมมี่ บรรยากาศเหมือนห้องรับแขกต้อนรับเพื่อนฝูง เหมาะกับการอ่านหนังสือ หรือนั่งทำงาน เราสะดุดตากับเปียโนเก่า เปียโนอังกฤษโบราณปลายยุคคลาสสิค ทุกอย่างในมุมนั้นดูเรียบแต่ว่ามีเสน่ห์ สไตล์ร้านและสวนโดยรอบเป็นการรวมความชอบของทุกคนในครอบครัว ล้อมรอบไปด้วยสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งมีสไตล์ต่างออกไปจากที่เคยเห็น ตามมุมสวนตกแต่งด้วยของพื้นเมืองที่หาได้ในพื้นที่ ของสะสมของครอบครัว และต้นไม้หลากหลายชนิด พื้นที่สนามหญ้า และสวนรอบๆ ปลูกต้นไม้จัดสวนเต็มพื้นที่ ด้วยความตั้งใจว่าอยากทำให้บ้านนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รายละเอียดทุกอย่างในร้านเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่ พี่โอ๋ เสฏฐวุฒิ หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้อยากแชร์บรรยากาศที่บรรจุรายละเอียดไว้เต็มๆ

ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นกันเอง สะดวกสบาย เป็นคาเฟ่ที่ไม่เหมือนคาเฟ่ทั่วไป ไม่ได้เพอร์เฟกต์ แต่ต้องเป็นคนต้องการธรรมชาติ รักความสงบ เพราะร้านไม่พลุกพล่าน ตั้งอยู่บนโลเคชั่นธรรมชาติสนามหญ้าเขียวๆ กลางไร่อ้อน บรรยากาศดี โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ร้านถูกตกแต่งไปด้วยกระจกบานใหญ่ สามารถมองวิวทิวทัศน์โดยรอยได้ บรรยากาศดี ร่มรื่น น้ำในบึงที่มีสปริงเกอร์หมุนวนก็ช่วยลดอุณหภูมิ ที่นี่จึงเหมาะแก่การนั่งชิลๆ พักผ่อนสบายๆ ภายในร้านมีที่นั่งทั้งโซนด้านนอกและด้านใน ให้ลูกค้าเลือกนั่งตามสบาย ใครอยากนั่งโซนในห้องแอร์ที่มีวิวกระจกบานใหญ่มองเห็นบรรยากาศรอบๆ ไร่อ้อย-ไร่มันอันกว้างใหญ่ เมนูอาหารของทางร้านที่ตั้งใจทำทุกขั้นตอนในเมนูสไตล์ไทย และเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหายเมนู สดชื่นหวานซ่าในเมนูโซดา หรือจะจิบเข้มๆ กับกาแฟ

เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ (โอ๋ )
เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ และความอบอุ่นของครอบครัว ที่เคียงข้างด้วย คุณพรทิพย์ ภรรยา
และน้องธันยาภัทร์ บุตรสาว

ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน เลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นหลัก และมีเมล็ดพิเศษหมุนเวียนมาให้ลูกค้าลองกันเรื่อยๆ ส่วนอาหารสไตล์โฮมมี่ที่ขายในร้านจะเน้นเมนูที่กินง่ายและรสชาติถูกปากคนไทย เสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่ม หลากเมนูเด็ดไทย-อีสาน ปรุงแบบเชฟบ้านๆ มาแบบจานใหญ่ให้เยอะ และอาหารจานหลักที่ทำจานต่อจาน คุ้มค่า คุ้มราคา กับกาแฟดีๆ อาหารอร่อย บรรยากาศโดยรอบท่ามกลางบรรยากาศชาวสวนชาวไร่ มองไปมีทั้งสวนมะพร้าว ไร่อ้อย ไร่มัน เป็นอีกเสน่ห์ที่ต่อยอดมูลค่าของท้องถิ่นสำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมธรรมชาติเย็นๆก็มีซุ้มส่วนตัว ให้นั่งชิลๆ ดูปลา มองท้องฟ้าเพลินๆ พร้อมชื่นชมบรรยากาศสวยๆ ได้ ใครสายที่เน้นการถ่ายรูปบอกเลยว่าที่ร้านมีมุมสวยน่ารัก มากมาย อยากให้ทุกคนได้มาลิ้มลองกัน

เมนูแนะนำ : กุ้งถังทะเล
เมนูแนะนำ : ขาหมูเยอรมัน
เมนูแนะนำ : ตำกลิ่นไอดิน
เมนูแนะนำ : สายใยกลิ่นไอดิน

ใครแวะมาเที่ยวกำแพงเพชร ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด มาเยือนมาสัมผัสกับความอบอุ่นของร้านแห่งนี้ วันหนึ่งคงจะเห็นสนามฟุตบอล สนามกีฬาสำหรับเยาวชนในชุมชนแห่งนี้ การกลับมาบ้านเกิดของครอบครัวนี้
ถือเป็นอีกหนึ่งบริบทของคนที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ในเมือง และพร้อมแล้วที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิดด้วยหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเยาวชนและชุมชน ของจังหวัดกำแพงเพชร หากวันไหนที่คุณอยากผ่อนคลาย จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ สักแก้ว
และเริ่มต้นบทสนทนาดีๆ พื้นที่หน้าบาร์ของ กลิ่นไอดิน ยินดีต้อนรับคุณเสมอ

ใครแวะมาเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชร ลองมาแวะที่ ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน
ทเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน Earthy Coffee
ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
กาแฟสด เปิด 07:00-18:00 น.
ครัวเปิด 10:00-20:00 น.
เบอร์โทร 082 4959798 และ 061 9428996

ร้านอยู่ ซอยสุขุมวิท1 ข้างอนามัยบ้านใหม่
พิกัด : https://goo.gl/maps/2yzv7sAVmDEjcEmaA

#คาเฟ่กำแพงเพชร
#ร้านอาหารกำแพงเพชร
#kamphaengphet
#คาเฟ่กลิ่นไอดิน
#toptotravel

deeSMSX โชว์จุดแข็ง “ราคาที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด”

ลุยบริการส่ง SMS อย่างเหนือชั้น หนุนการสื่อสารธุรกิจอย่างทรงพลัง

“ดีคอมเมิร์ซ กรุ๊ป” ส่งแบรนด์  บริการส่งข้อความสั้น เสริมประสิทธิภาพการสื่อสารธุรกิจ เสนอบริการแบบครบวงจร ยืดหยุ่นได้ ติดตามแบบเรียลไทม์ ในราคาคุ้มค่าที่สุดในตลาด พร้อมเทคโนโลยี AI เสริมความปลอดภัย เชื่อถือได้ เผย ส่งSMS  ยังทรงพลัง เหนือชั้นกว่าสื่อโซเชียล ด้วยจุดแข็งการสื่อสารที่ตรงจุดเข้าถึงได้โดยไม่พึ่งอินเตอร์เน็ต ชี้แนวโน้มตลาดเติบโตต่อเนื่อง OTP ยังคงมาแรง ด้านสถานการณ์มิจฉาชีพยังรุนแรง เตือนผู้บริโภคตระหนักพร้อมตั้งรับภัยคุกคาม

นายชินนริทธิ์ โชติสุริยพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการส่งข้อความสั้น (SMS) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการเติบโตของสื่อโซเชียลมีเดีย แต่การส่งSMS ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจในประเทศไทย เนื่องจากเป็นช่องทางที่น่าเชื่อถือในการเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงจุดทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ SMS ยังมีอัตราการเปิดอ่านที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับอีเมลหรือ สื่อโซเชียล

ปัจจุบันบริการ ส่งSMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการแจ้งเตือนแบบ OTP (One-Time Password) สำหรับการยืนยันตัวตน และการส่งข้อความแจ้งเตือนการทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมถึงการใช้ SMS เพื่อการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง  ปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ ส่งSMS คือ การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและบริการธนาคารออนไลน์ที่ต้องการระบบการยืนยันตัวตนและการแจ้งเตือนที่รวดเร็ว ความจำเป็นในการส่งข้อความแจ้งเตือนที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูง รวมทั้งการตลาดแบบ  SMS ที่เน้นความตรงจุดและเข้าถึงลูกค้าได้ในทันที 

deeSMSX ยืดหยุ่น แม่นยำ ในราคาคุ้มค่าที่สุดในตลาด
deeSMSX เป็นแบรนด์บริการส่งข้อความสั้น (SMS) ดำเนินการโดย บริษัท ดีคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ก่อตั้งปี 2560 และเปิดบริการส่งข้อความสั้น (SMS) ในปี 2562 ตามใบอนุญาตที่ขอ กสทช. โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล  โดย deeSMSX มีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน  อาทิ ความยืดหยุ่นในการชำระเงินตามการใช้งานจริง (Pay-as-You-Go) เทคโนโลยีติดตามผลการส่งข้อความแบบเรียลไทม์ (Real-time Tracking) ราคาที่ย่อมเยาและคุ้มค่าที่สุดในตลาด (Lowest Price) ด้วยอัตราเริ่มต้นเพียง 0.35 บาทต่อข้อความ และราคาต่ำสุด 0.15 บาทต่อข้อความ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) พร้อมระบบแจ้งผลลัพธ์การส่งข้อความที่รวดเร็วและแม่นยำ (DR Callback) สามารถส่งสถานการณ์ส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของลูกค้าโดยตรง อีกทั้งยังมีบริการทดลองใช้งานฟรี (Free Trial) เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อ ช่วยให้มั่นใจได้ว่า deeSMSX เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีคุณภาพตามที่ต้องการ

นายชินนริทธิ์  กล่าวเสริมว่า deeSMSX เป็นการพัฒนาต่อยอดจากแบรนด์ deeSMS ซึ่งคำว่า “deeSMS” มาจาก Deecommerce กับ SMS และในภาษาไทย “dee” ยังสื่อถึงคำว่า “ดี” อีกด้วย ดังนั้น deeSMSX จึงหมายถึงการให้บริการ SMS ที่ดีเลิศ ซึ่งมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยบริการที่ยอดเยี่ยม ส่วนการเพิ่มตัวอักษร “X” เข้ามาในแบรนด์ deeSMSX มีความหมายเชิงบวก 4 ประการ  คือ X = Experience:  ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม  X = Expansion: การขยายบริการที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ  X = Excellence: เน้นความเป็นเลิศในทุกมิติ ทั้งประสิทธิภาพในการส่งข้อความ หรือ ความคุ้มค่าในราคา  และ X = Express: ความรวดเร็ว ในการส่งข้อความและการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

นายชินนริทธิ์ กล่าวเสริมว่า เป็นการพัฒนาต่อยอดจากแบรนด์ deeSMS ซึ่งคำว่า “deeSMS” มาจาก Deecommerce กับ SMS และในภาษาไทย “dee” ยังสื่อถึงคำว่า “ดี” อีกด้วย ดังนั้น deeSMSX จึงหมายถึงการให้บริการ SMS ที่ดีเลิศ ซึ่งมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยบริการที่ยอดเยี่ยม ส่วนการเพิ่มตัวอักษร “X” เข้ามาในแบรนด์ deeSMSX มีความหมายเชิงบวก 4 ประการ คือ X = Experience: ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม X = Expansion: การขยายบริการที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ X = Excellence: เน้นความเป็นเลิศในทุกมิติ ทั้งประสิทธิภาพในการส่งข้อความ หรือ ความคุ้มค่าในราคา และ X = Express: ความรวดเร็ว ในการส่งข้อความและการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หนุนศักยภาพลูกค้าองค์กร 
ปัจจุบัน deeSMSX ให้บริการส่งข้อความสั้น (SMS หรือ Short Message Service) ที่ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความในประเทศหรือต่างประเทศ ผู้ใช้สามารถเลือกจ่ายตามจำนวนข้อความที่ใช้งานจริง โดยไม่จำเป็นต้องผูกมัดกับแพ็กเกจ  กลุ่มเป้าหมายหลักของ deeSMSX  คือ ลูกค้าองค์กร (B2B) ที่ต้องการเครื่องมือในการสื่อสารทางธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ต้องการส่งข้อความแจ้งเตือน การโฆษณา หรือข้อมูลบริการต่าง ๆ ให้ถึงมือกลุ่มลูกค้าโดยตรงอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง   

ชูเทคโนโลยี AI เสริมความมั่นใจ ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
สำหรับสถานการณ์ของ SMS หลอกลวง (Phishing SMS) ถือเป็นปัญหา ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น นายชินนริทธิ์  ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า มิจฉาชีพเหล่านี้มักส่ง SMS จากต่างประเทศหรือเครือข่ายที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเคร่งครัด ทำให้หลุดรอดการดูแลของหน่วยงานภาครัฐ และส่งผลเสียหายแก่ผู้บริโภค ทั้งในด้านทรัพย์สินและความปลอดภัยส่วนบุคคล ผู้บริโภคจึงควรตระหนักถึงภัยคุกคาม ด้วยการหลีกเลี่ยงการเปิดลิงค์ใน SMS ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่ได้มาจากแหล่งที่รู้จัก  ปัจจุบัน deeSMSX  เป็นผู้ให้บริการส่งข้อความที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้วยใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ส่งผลให้ deeSMSX เป็นผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยสูง และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งข้อความอย่างเคร่งครัด ป้องกันการนำระบบไปใช้ในทางมิชอบ

ทั้งนี้ deeSMSX ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการตรวจสอบและป้องกันการส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ นอกจากนี้การใช้ระบบ Cloud ยังช่วยให้ deeSMSX สามารถรองรับการขยายตัวของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในและต่างประเทศ

นายชินนริทธิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า deeSMSX มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับ “SMS คุณภาพดี” ซึ่งหมายถึงการส่งข้อความที่สามารถเข้าถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็ว มีความเสถียร ไม่ตกหล่น และสามารถส่งผลลัพธ์ได้ในทันที  มีระบบติดตามผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการส่งข้อความที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม  โดย deeSMSX  ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านบริการส่งข้อความสั้น พร้อมพัฒนาและปรับปรุงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง   

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ deeSMSX บริการส่ง SMS คุณภาพดี พร้อมทดลองใช้ฟรี ที่ https://deesmsx.com

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส

ทีเส็บ เดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออก จัดกิจกรรมแฟมทริป สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซีกิจกรรมแฟมทริปในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด FAM TRIP
One More Step of a Prosperous EEC ก้าวไปอีกขั้น…มุ่งสู่ความสำเร็จ

โดยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และ สื่อมวลชนกว่า 30 ราย ร่วมเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านความหลากหลายของ
อัตลักษณ์เชิงพื้นที่และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงที่มีคุณค่าทั้งในด้านความพร้อมเชิงโครงสร้างของภาคตะวันออก ความพร้อมของการจัดงานไมซ์ รวมถึงการสัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์ชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ พร้อมการเรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำขนมเปี๊ยะ และเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเราตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะ แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ

ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม ที่ตั้งอยู่ กม.13 ทางหลวงสายฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราในช่วงแรกคุณปิยะพรคิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ อลังการริม ถ.บางปะกง-ฉะเชิงเทรา
ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม สัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม “ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ” โดยคุณปิยะพร ตันคงคารัตน์


สิ่งที่ทำให้ครอบครัว ตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะให้เรา แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ” ในช่วงแรก คุณปิยะพร คิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ
เวลาเปิด – ปิด
จ. – พฤ เวลา 08.00-17.30 น.
ศ. – อา เวลา 08.00-19.00​ น.

พิกัด ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา
https://maps.app.goo.gl/PNEPB62AhJ1Fvzg39?g_st=ic

สั่งซื้อสินค้าออนไลน์
Shopee: https://shopee.co.th/tsj1932
Line : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=tsj1932
https://www.facebook.com/tsjsaenphudat
ig : https://instagram.com/tsjsanphudat
tiktok : https://www.tiktok.com/@tsj1932sanphudat

#toptotravel #MICE #minieecfair2024
#TCEB #CENTRALEASTERNMICE #ECCMICEFAMTRIP2024
#EEC #eccmicefamtrip2024

Mini EEC Fair 2024 เปิดงานยิ่งใหญ่

ดึงทุนสู่ EEC พร้อมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าการลงทุนระดับโลก

พัทยา 8 ตุลาคม 2567 – สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือ สกพอ. จัดงาน Mini EEC Fair 2024 ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน ชูแนวคิด “EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals”

ตั้งเป้าดึงเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์แห่งอนาคตเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,500 คนจากทั้งในและต่างประเทศ

ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวในพิธีเปิดงานว่า “Mini EEC Fair 2024 เป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพื้นที่ EEC ในการรองรับการลงทุน ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายสนับสนุน และการให้สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่จูงใจ มั่นใจว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนครั้งใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด

พื้นที่ EEC ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักลงทุน ปัจจุบันการดึงการลงทุนจึงต้องวางแผนและรับเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะการลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยฟื้นและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ EEC มีความพร้อมทั้งเรื่องของสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ข้อกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิติกส์ สาธารณูปโภค และสภาพแวดล้อม ที่จะสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศได้”

ด้านนายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า “งาน Mini EEC Fair 2024 เป็นการใช้การจัดงานหรือไมซ์ ช่วยขับเคลื่อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุน การจัดประชุมและนิทรรศการในภูมิภาค พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลไกไมซ์ในการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการ มั่นใจว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการใช้อุตสาหกรรมไมซ์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่ EEC ทั้งใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมและ 5 อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของประเทศ การผลักดันอุตสาหกรรมเหล่านี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน”

กิจกรรมสำคัญของงานวันนี้เริ่มต้นด้วยปาฐกถาพิเศษโดย ดร. จุฬา สุขมานพ ในหัวข้อ “EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals” นำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาของ EEC ในอนาคต ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวและความยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น ต่อด้วยการเสวนาเรื่อง “บทบาทภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC” โดยผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับโอกาสทางการเงินสำหรับนักลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วงบ่าย มีการนำเสนอหัวข้อ “5 Clusters Business Opportunities: Status/Eco System/New Trend” ครอบคลุมโอกาสทางธุรกิจใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล BCG การแพทย์ และอุตสาหกรรมบริการ โดยผู้อำนวยการจากสำนักต่าง ๆ ของ สกพอ. การนำเสนอนี้ได้เผยให้เห็นถึงสถานะปัจจุบัน ระบบนิเวศ และแนวโน้มใหม่ของแต่ละอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น EECi, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, และการใช้งาน 5G ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ EEC OSS: การบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุน

การสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Trends for Enhancing Country’s Competitiveness” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย การบรรยายเรื่อง “Increase High Business Potential for Future Competitiveness” จาก TMA Center for Competitiveness และการเสวนาหัวข้อ “Support for Start-up in EEC” โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำ บริษัท Fintech ที่ประสบความสำเร็จ และกองทุนที่ลงทุนในนวัตกรรม การสัมมนานี้นำเสนอแนวทางการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและการสนับสนุน Start-up ในพื้นที่ EEC ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือกิจกรรม “Thailand EEC Wellness MICE Destination” ซึ่งมีการจัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Shaping the Future of Wellness Investment in EEC” โดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการ การสัมมนานี้นำเสนอวิสัยทัศน์และโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและสุขภาวะ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ EEC ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการจัดงานไมซ์ระดับโลก

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอแนวคิด “EEC Medical & Wellness Hub for the Future” ซึ่งมุ่งสร้างศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพในพื้นที่ EEC ให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข การส่งเสริมนวัตกรรมทางการแพทย์ และการยกระดับคุณภาพการบริการด้านสุขภาพ เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยในประเทศและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากทั่วโลก พร้อมมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภาคตะวันออก และการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเติบโตของ EEC

งาน Mini EEC Fair 2024 จะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานในวันสุดท้าย สามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) โทร. 02-694-6000 และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โทร. 02-033-8000

นิทรรศการ งานรำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที ผ่านรูปแบบ Art Exhibition “ชูเพชร”

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-17.00 น. ที่ผ่านมา มีการจัดงานนิทรรศการ รำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที ผ่านรูปแบบ Art Exhibition “ชูเพชร” แสดงผลงานและประวัติ ครูปัญญา เพ็ชรชู ได้สำเร็จสมบูรณ์ สานฝันครูปัญญา เพ็ชรชู ที่วันหนึ่งอยากมีพื้นที่กว้างๆ จิบกาแฟ และชมภาพศิลปะไปด้วยกัน โดยมี คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เป็นประธานเปิดงาน At Whispering Garden Café Sampran Nakhonprathom สามพราน นครปฐม
งานรำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที เริ่มขึ้นในช่วงเช้าเวลา 10.00-11.00 เป็นการสนทนากัลยาณมิตร กับพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ ที่เมตตาให้ข้อธรรม และ ทำไมต้องมีครู ในความหมายของการสร้างคน เพื่อสร้างสังคม ที่เป็นที่อยู่ของผู้ทำประโยชน์ ภาคบ่าย เริ่ม เวลา 13.30-15.00 เขียนทราย ประวัติผลงาน ครูปัญญา เพ็ชรชู โดย อาจารย์ก้องเกียรติ กองจันดี ศิลปินเล่าประวัติ ครูปัญญา เพ็ชรชู ผ่านการเขียนทราย ผู้เล่าเรื่องจากเม็ดทรายได้อย่างประณีตและมหัศจรรย์ สลับกับการเล่าเรื่องครูผ่านลูกศิษย์ลูกหามากมาย ที่มาพร้อมกัน เพื่อเล่าเรื่องครูในความทรงจำ ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเพราะครู
ตัวอย่างเช่น ศิลปินเขียนภาพเหมือน ลาภ อำไพรัตน์ ถึงขนาดกล่าวว่า ถ้าไม่ครูปัญญา จะไม่มีวันมี ลาภ อำไพรัตน์ ณ วันนี้ ปัจจุบัน ครูผู้เป็นผู้ให้โอกาสและสร้างศิลปินอย่างแทัจริง ปัจจุบัน ลาภ อำไพรัตน์ ตำแหน่งนายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน สังกัดกลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

ต่อมามีการแสดงดนตรีชุด “ชูเพชร” ครูปัญญา เพ็ชรชู โดย วงจีวันแบนด์ ศิลปินดินป่า จีวัน เล่าถึงครูปัญญา ผ่านบทเพลง ที่รังสรรค์ แด่ครูปัญญา เพ็ชรชู 4เพลงคือ ครูผู้เสียสละ ปฐมบท ครูปัญญาเพ็ชรชู ภูมิใจในความเป็นครู ครูผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ เป็นการสรุปเรื่องราว ความคิด ชีวิตของครู ได้อย่างชัดเจนสั้นกระชับ และเต็มไปด้วยความหมายผ่านตัวโน๊ต ท่วงทำนอง และเนื้อหาของเพลง ที่แต่งโดย ดินป่า จีวัน ศิลปินจิตรกร นักแต่งเพลงบทเพลงธรรม และในช่วง เวลา 16.00 อาจารย์วัชระ ประยูรคำ ผู้ปั้นรูปครูปัญญา เพ็ชรชู กล่าวถึงความเป็นมา “เพาะช่างเน้นหนัก ความเป็นครู ผู้สร้าง ศิษย์ ให้เป็นช่าง ผู้สร้างชาติ ครูปัญญา เพ็ชรชู คือประจักษ์พยานที่แท้จริง ของการเป็นครูที่แท้ “ครูของครู” ครูผู้สร้างคนให้รับใช้สังคม และช่วยเหลือผู้อื่น”

คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เล่าให้ฟังถึงคุณแม่ที่เป็นครู และความหมายของครูผู้สร้างคน ซึ่งมีค่ากว่าการสร้างวัตถุ งานจบลงด้วยดีและสมบูรณ์แบบ ของความเข้าใจจิตวิญญาณของครู ดั่งตัวอย่างครูต้นแบบ ที่ควรเป็นแบบอย่างของครูในทศวรรษนี้ และในอนาคต การสร้างมนุษย์ ให้เป็นผู้รักษาโลก รักษาความดี ความงาม ความเสียสละ ที่จำเป็นอย่างยิ่งในยามนี้ ยามที่สังคม กำลังขาดแคลน

ศิลปะสอนมากกว่าที่มองเห็นความงาม
ศิลปะคือความงามแห่งการดำเนินชีวิต”
-ปัญญา เพ็ชรชู ครูเพาะช่าง

“วันนี้ได้แรงบันดาลใจ ในการเป็นครูมากๆครับ ขอบคุณครับ ”
จากคำพูดของครูคนหนึ่งหลังจากชมงาน งานนิทรรศการ ชูเพชร ครูปัญญา เพ็ชรชู จะดำเนินการแสดง ตั้งแต่วันที่ 5-27 ตุลาคม 2567 โดนผู้สนใจสามารถติดต่อที่ whispering garden cafe ขอเข้าชมผลงาน และประวัติครู ได้ตลอดทั้งเดือน ในทุกอาทิตย์ ของวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 0626289549 หรือที่ Whispering garden cafe สวนสา

สลินน์จัดโปรพิเศษ ซื้อ 1 แถมฟรีอีก 1 ซอง ที่ 7-Eleven ทุกสาขาใกล้บ้าน

“สลินน์” อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่ใส่ใจดูแลรูปร่างให้สมส่วน และมีสุขภาพดี จากสารอาหารที่หลากหลาย มั่นใจ ปลอดภัย เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานผลิตอาหารที่ได้รับการรับมาตรฐานการผลิตที่ดี “GMP/GHPs/HACCP/ISO22000:2018 ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรอันทันสมัย มีการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน

“สลินน์” มีส่วนผสมที่สำคัญประกอบด้วย ได้แก่ 1. แอล-คาร์นิทีน ช่วยนำไขมันที่สะสมในร่างกายมาเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงาน เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้กระชับ 2. สารสกัดจากถั่วขาว มีสารฟาซิโอลามีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลได้ถึง 66% ทำให้ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย 3. สารสกัดจากกระบองเพชร ให้เส้นใยอาหารที่ดูดจับโมเลกุลของไขมันในกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่สามารถดูดซึมเข้าผนังลำไส้เล็ก 4. สกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ และเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ทำให้รูปร่างเพรียวกระชับ 5. สารสกัดจากผลส้มแขก มีสารไฮดรอกซี่ ซิตริก แอซิด จะออกฤทธิ์ยับยั้งน้ำตาลส่วนเกินไม่ให้ถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน เก็บเป็นพลังงานสำรองในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย 6. สารสกัดจากเคลป์ คือ สาหร่ายเคลป์ ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในร่างกาย เพื่อสร้างเป็นพลังงาน 7. วิตามินบี 6 ทำงานร่วมกับ แอล-คาร์นิทีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันให้ดียิ่งขึ้น 8. โครเมียม พิโคลิเนต ช่วยดึงไขมันที่สะสมตามเนื้อเยื่อต่างๆ มาเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงาน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และยับยั้งความอยากอาหาร

วิธีทาน “สลินน์” ให้ได้ผลดีด้วยวิธีง่ายๆ แค่รับประทานวันละ 1-2 เม็ด ก่อนอาหารมื้อหนัก 15 – 30 นาที ที่ทานเยอะ เช่น กลางวัน หรือเย็น ควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้น

“สลินน์” ขนาดแบบซองบรรจุ 5 เม็ด (แถมฟรีอีก 2 เม็ดในซอง) จัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 ซอง แถมฟรีอีก 1 ซอง เพียง 69 บาท จากปกติ 138 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 23 กันยายน 2567 หาซื้อได้ที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขาใกล้บ้าน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bshine.co.th,
FB : https://www.facebook.com/BnpHealth
Line : @Bshine

สายสีแดง จัดกิจกรรม CSR ตั้งศูนย์บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดกิจกรรม “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” เดินหน้าสานต่อโครงการ CSR เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์จำนวน 9 คัน ให้แก่ชุมชน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า โครงการ “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” เกิดขึ้นจากความตั้งใจของบริษัทฯ ที่ต้องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีของชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยเฉพาะชุมชนหมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 7 ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีหลักหก ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและสภาวะแวดล้อม ที่มีการแพร่ระบาดของโรคต่างๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มุ่งเน้นในเรื่องของการสนับสนุนชุมชนในการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพ การให้ความรู้ด้านสุขอนามัย และการส่งเสริมการป้องกันโรคภายในชุมชน เพื่อให้ประชากรทุกคนในชุมชนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากการส่งเสริมด้านสุขอนามัยแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์จำนวน 9 คัน ให้แก่ชุมชน เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว ถือเป็นการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการสานต่อจากความสำเร็จในปีแรก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในชุมชน โครงการ “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” จัดขึ้นในวันที่ 6-7 กันยายน 2567 ณ โรงเรียนวัดรังสิต โดยภายในงานยังได้รับเกียรติจาก “แอมป์” พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ นักแสดงจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง7 มาร่วมกิจกรรมภายในงานด้วย โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนและโรงเรียนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความร่วมมือและขับเคลื่อนกิจกรรมที่ช่วยยกระดับสุขภาพและชีวิตของประชาชน บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอย่างยั่งยืน และพร้อมที่จะสานต่อโครงการ CSR ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ …ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิมอันวิจิตร มูลค่านับพันล้าน โดยปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ผู้รังสรรค์สัญลักษณ์มงคลแห่งพระราชวังต้องห้ามอันลือนามที่สุดแห่งงานจิตรกรรมอันวิจิตรงดงามและหาชมยากยิ่งแห่งทศวรรษ กับนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสานด้วยพุทธศาสนาอย่างลงตัว หนึ่งในสถานที่ซึ่งได้รับการโหวตได้รับคะแนนสูงสุดให้เป็นสุดยอด Unseen น่าเที่ยวประจำจังหวัดสระบุรี ขอชวนทุกท่านร่วมชมงานนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย ชมสุดยอดฝีมือไฟน์อาร์ต ท่ามกลางหุบเขางดงาม โดยศิลปินฝีมือลือเลื่องในระดับสากล ปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินผู้ฝากผลงานไว้ในพระราชวังต้องห้าม ณ ประเทศจีน ซึ่งท่านได้ให้เกียรตินำงานศิลป์ที่บรรจงวาดพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยมีเทคนิคพิเศษหนึ่งเดียวในโลก ขนาดยักษ์

สุุดถึง 4 เมตร มาจัดแสดงมากถึง 6 ภาพ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งพันล้านบาท จัดงานแสดงนิทรรศการภาพเขียน “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” โดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินนักวาดภาพพระพุทธศาสนาระดับหอเกียรติยศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำศิลปะแห่งศรัทธาจากฝั่งตะวันออก ได้รับความนิยมจากฝั่งตะวันตก จากความสำเร็จในการแสดงภาพวาดที่โรม ฟลอเรนซ์ ซิดนีย์ ลอนดอน และปารีส ผลงานโดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ จึงได้รับการยกย่องจากวงการศาสนาว่าเป็นบุคคลที่สร้างผลงานให้มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งรูปแบบโบราณและสมัยใหม่ จนทำให้พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ พากันสะสม และหลายชิ้นถูกนำไปเป็นของขวัญแห่งชาติ มอบแด่ผู้นำของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ในปี 2014 อาจารย์หวัง ฉางลี่ได้ออกแบบมังกรและหงส์น่ารักคู่หนึ่งชื่อว่า “จ้วงจ้วงและเหม่ยเหม่ย” และได้รับเลือกเป็นสัญลักษณ์มงคลของพระราชวังต้องห้ามอีกด้วย

จากการที่อาจารย์ได้มีโอกาส มาเยือนหอมนสิการ แล้วเกิดความประทับใจในความสงบงามของสถานที่ อาจารย์จึงตัดสินใจนำภาพเขียนสุดพิเศษทั้ง 6 ภาพนี้มาจัดแสดง จึงเกิดงาน แสดงนิทรรศการภาพเขียนต้นฉบับพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย นิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์ครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชิดชูคุณธรรมอันสูงส่งของพระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา คอยขจัดปัดเป่าทุกข์โศก บันดาลพรและความสุขให้มวลมนุษย์ พระองค์เป็นที่ศรัทธาอย่างยิ่งโดยเฉพาะชาวจีน และเพื่อสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันงดงามระหว่างไทยและจีน ผ่านงานศิลปะชั้นสูงที่มีความเป็นสากล โดยสุดยอดฝีมือศิลปินชาวพุทธประจำชาติระดับหอเกียรติยศของสาธารณรัฐประชาชนจีน กับผลงานศิลปะพู่กันจีนที่ถูกยกย่องให้เป็นจิตรกรรมวิจิตรลายเส้นที่งดงามและทรงคุณค่า

อาจารย์หวัง ฉางลี่ ได้สร้างสรรค์เทคนิคพิเศษเพียงหนึ่งเดียว ทั้งกระดาษและสีที่ทำขึ้นเอง ด้วยเคล็ดลับเฉพาะตัวที่ไม่มีการถ่ายทอดให้แก่ผู้ใด ปณิธานของอาจารย์ที่ตั้งมั่นคือการวาดภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนทั้งหมด 33 ปาง ปัจจุบันท่านได้วาดเสร็จแล้วจำนวน 11 ปางด้วยกัน และจะนำมาจัดแสดงให้ทุกท่านเข้าชมในครั้งนี้จำนวนมากถึง 6 ปาง
ปางที่ 1. พระโพธิสัตว์กวนอิมจ้งเป่า ผู้มีพลังอันไร้ขอบเขต และเปี่ยมด้วยคุณงามความดีที่นำมาซึ่งประโยชน์และความมั่งคั่งแก่โลก
ปางที่ 2. พระโพธิสัตว์กวนอิมเหลียนอั้ว ผู้ทรงมีโพธิญาณแห่งการนำโชค สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งทางกายและใจ ช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงอย่างไม่มีอุปสรรค
ปางที่ 3. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยางหลิ่ว ผู้สามารถขจัดภัยพิบัติและโรคภัยทั้งปวง บันดาลลมฝนสม่ำเสมอตกต้องตามฤดูกาล ผลผลิตทางการเกษตร ผลิดอกออกผล ประเทศชาติมั่งคั่ง ประชาชนผาสุก
ปางที่ 4. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยวนกวง ผู้ทรงขจัดปัดเป่าภัยพิบัติและความยากลำบากในชีวิตให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นำพาซึ่งความสงบสุขและความยินดีมาให้
ปางที่ 5. พระโพธิสัตว์กวนอิมเต๋อหวัง สัญลักษณ์ของคุณธรรมอันล้ำเลิศ หรือ ธรรมราชา เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้าในงานราชการ ตำแหน่งสูงส่ง และอำนาจยิ่งใหญ่ ประชาชนทุกคนเคารพนับถือ
ปางที่ 6. พระโพธิสัตว์กวนอิมฉือเหลียน ปกปักคุ้มครองลูกหลานให้มีความสามารถโดดเด่นเป็นเลิศ เจริญรุ่งเรือง

ภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมทุกภาพ สร้างสรรค์ชิ้นงานบนกระดาษและสีที่สร้างขึ้นเฉพาะด้วยเคล็ดลับที่จะไม่มีวันถ่ายทอดให้กับผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอัจฉริยภาพของศิลปินที่สามารถเขียนภาพพระโพธิสัตว์ให้มีใบหน้างดงาม เปี่ยมล้นด้วยกระแสเมตตาและรายละเอียดในองค์ประกอบน้อยใหญ่ ทำให้ผลงานของอาจารย์หวัง ฉางลี่ มีมูลค่าสูงเริ่มต้นตั้งแต่สองล้านเหรียญสหรัฐ ถูกจัดว่าเป็นภาพวาดที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคนี้อย่างแท้จริง

การได้ชมภาพวาดชั้นสูงในนิทรรศการ “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามอันลงตัวของความสงบงามและทิวทัศน์ของหุบเขาพระพุทธบาทน้อย ที่สวยงามลงตัวของ “หอมนสิการ” หนึ่งเดียวใน จังหวัดสระบุรี ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากนักท่องเที่ยวในโครงการ UNSEEN NEW CHAPTER 2023 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังสามารถเข้าชมนิทรรศการหลักของหอมนสิการ “Journey to the Life of Buddha” ที่จัดแสดงประวัติองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาลในรูปแบบสื่อผสม พร้อมเข้าสักการะองค์ “พระบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปปิดทองคำแท้เนื้อสัมฤทธิ์ที่ประดิษฐานภายในหอจัตุรัสเพื่อความเป็นสิริมงคล

กำหนดการจัดแสดงนิทรรศการ เริ่มวันที่ 1 กันยายน ถึง 14 ตุลาคม 2567 เปิดใจให้ศิลปะชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยพระมหาเมตตา งดงามยิ่งขององค์พระโพธิสัตว์ นำความเป็นสิริมงคลและความปลื้มปิติ พิสูจน์ความงามที่ถูกจิตรกรเสกสรรจะเปล่งประกายเอิบอาบจิตใจของผู้คนได้เพียงใด เชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสด้วยตนเอง ณ อาคารรับรองหอมนสิการ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นอกจากนี้ผู้ชมยังสามารถเข้าชมหอมนสิการนิทรรศการจำลองมรรคา Journey to the Life of Buddha ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในรูปแบบสื่อผสมอีกด้วย
บัตรเข้าชมจำหน่ายในราคา:

  • คนไทย: 250 บาท
  • ชาวต่างชาติ: 500 บาท
  • เด็กต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียงครึ่งราคา
    ซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่
    https://megatix.in.th/events/wang-changli-at-manasikarn

ททท. จัดกิจกรรม Mega Fam Trip เพื่อตอกย้ำคำพูดที่ว่า ความสุขง่าย ๆ หาได้ที่ประจวบคีรีขันธ์

เมื่อวันที่ 27-29 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง นำโดย นายอัครวิทย์ เทพาสิต ผู้อํานวยภูมิภาค ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท. ผอ.อาชวันต์ กงกะนันทน์ ผอ.ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ นำคณะสื่อมวลชนและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวร่วมห้าสิบกว่าชีวิต เพื่อเดินทางไปสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวกับกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเพื่อตอกย้ำคำพูดที่ว่า … ความสุขง่าย ๆ หาได้ที่ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมค้นหาแหล่งเที่ยวเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ การเดินทางที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติและสภาพอากาศและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ กิจกรรมนี้จะช่วยเร่งผลักดันการเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทยของพื้นที่

เช้าตรู่ของวันที่ 27 สิงหาคม 2567 รถตู้ 8 คัน เตรียมพร้อมด้านหน้าอาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หลังเช็คชื่อเสร็จก็ต้องถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกก่อนออกเดินทางและแล้วก็ได้เวลาล้อหมุน นำพาขบวนรถตู้ มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยจุดแรก วัดอ่าวน้อย เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอ่าวน้อย ตำบลอ่าวน้อย
วัดอ่าวน้อย วัดสวย ประจวบคีรีขันธ์ สักการะ ขอพร ถ้ำพระนอน โดดเด่นด้านความงดงามของอุโบสถไม้สัก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาวจากเมียนมา มีภาพวาดเกี่ยวกับพระพุทธศาสนารอบผนังโบสถ์และมีรูปปั้นพญานาคล้อมรอบอุโบสถส่วนฝั่งตรงข้ามบนภูเขาด้านติดทะเลอ่าวน้อย จะมีถ้ำพระนอน อ่าวน้อยคือ ถ้ำพระนอน ที่ตั้งอยู่บนภูเขาฝั่งติดทะเลอ่าวน้อย นักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นไปตามบันได พร้อมชมวิวทะเลจากมุมสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะมีจุดพักให้หนึ่งจุดสำหรับคนที่เดินระยะยาวไม่ไหว …

หากจะขึ้นไปสักการะก็เดินขึ้นไปตามขั้นบันไดราว 10-15 นาที ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ศิลปะร่วมสมัยอู่ทอง-รัตนโกสินทร์ ห่มจีวรเหลืองลักษณะเดียวกันเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามและหาชมได้ยาก ในอดีตถ้ำแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ชาวเรือมักเข้ามาอาศัยหลบพายุฝนอีกด้วย

วัดอ่าวน้อย
215 ตำบล อ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ประจวบคีรีขันธ์ 77000
พิกัด : https://goo.gl/maps/9GyvLLnwv9434Qrb9
เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ (Prachuap Khiri Khan City Pillar Shrine)
หลังจากทานอาหารมื้อแรกกันที่ อ่าวน้อยซีฟู้ด ก็เดินทางกันต่อไปยัง ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ถนนสละชีพ ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด เป็นหลักชัยคู่บ้านคู่เมืองประจวบคีรีขันธ์ และยังเป็นศาลหลักเมืองที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

ที่นี่ คุณสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคณะผู้ดูแลศาลหลักเมืองและผู้บริหารของเมือง ให้การต้อนรับคณะของเราอย่างอบอุ่น พร้อมกับเตรียมข้อมูลประวัติความเป็นมาของศาลหลักเมืองให้ผู้มาเยือนได้รับรู้ถึงความสำคัญของสถานที่

โดยศาลแห่งนี้ ออกแบบเป็นศิลปะแบบลพบุรี มีจตุรมุขยอดปรางค์ 9 ชั้นตามแบบสยามลพบุรี ชั้นสูงสุดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและชั้นที่เหลือประดิษฐานองค์เทพต่าง ๆ ส่วนหน้าบันแรกนั้น เป็นรูปรอยตราพญาราหูอมจันทร์ และหน้าบันที่เหลือประดิษฐานองค์เทพล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสองชั้นองค์หลักเมืองมีนามว่า “จตุโชค” ทำจากไม้ตะเคียน ส่วนยอดแกะเป็นรูป 4 เศียร 4 พักตร์ ศิลปะศรีวิชัย และลงรักปิดทองด้วยอัญมณีทั้งองค์ ศาลหลักเมืองแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในสมัย ร.ต.อำนวย ไทยานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ในขณะนั้น และวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2536 ต่อมาวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์เป็นประธานศาลหลักเมืองแห่งนี้

ศาลหลักเมือง ประจวบคีรีขันธ์
ที่อยู่ : ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/uHGx3NNeC1fSwMTY8
เปิดให้เข้าชม : 08.00-19.00 น.

คาเฟ่บ้านฝั่งคลองแคมป์ & ร่อนทองบางสะพาน ทองนพคุณ

หลังจากสักการะศาลหลักเมืองเป็นสิริมงคลแก่คณะกันแล้วก็เริ่มเดินทางกันต่อ คราวนี้ไปยังพื้นที่ที่มีการร่อนทองแถบบางสะพาน ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีแหล่งร่อนทองหลายแห่ง แต่ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งร่อนทองแล้ว ยังพัฒนาสถานที่ผืนดินแห่งนี้ให้เป็นที่กางเต๊นท์ และบริการร่อนทองพร้อมกับเปิดร้านกาแฟเล็กๆ รองรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสกับชุมชนวิถีในอดีตด้วย บริหารโดย คุณพัชรินทร์ สุขสุรัตน์ หรือแอปเปิ้ล เจ้าของคาเฟ่บ้านฝั่งคลองแคมป์ อดีตพนักงานแบงค์ที่ผันตัวเองมาเริ่มต้นธุรกิจในบ้านเกิด

จากข้อมูลตำนานการร่อนทอง… เล่ากันต่อมาว่า มีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าบรมโกศ ปี 2289 ผู้ตั้งเมืองกุยได้ส่งทองร่อนหนัก 3 ตำลึง ถวายพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์จึงเกณฑ์ไพร่จำนวน 2,000 กว่าคน ไปร่อนทองที่บางสะพานเป็นเวลาปีเศษ ได้ทองคำหนัก 90 ชั่งเศษ คิดเป็นน้ำหนัก 54 กิโลกรัม หรือ 3,600 บาทในสมัยนั้น จากนั้นนำทองทั้งหมดไปแผ่เป็นทองแผ่นใหญ่หุ้มยอดมณฑป พระพุทธบาทสระบุรี

สำหรับคุณสมบัติของทองบางสะพานหรือทองบางตะพานมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ทองนพคุณ’ หรือ ‘นพคุณเนื้อเก้า’ เป็นทองที่พบในธรรมชาติ ทองร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องถลุงจะเห็นเป็น ‘Nuggest’

“เตรียมอุปกรณ์ร่อนทองเอาไว้ทางนี้เลยคะ” คุณแอปเปิ้ล บอกกับคณะหลังจากกล่าวต้อนรับและบอกเล่าถึงความเป็นมาของ “คาเฟ่บ้านฝั่งคลองแคมป์”

“วิธีร่อน แบบนี้นะคะ” เจ้าของแคมป์คนเดิม เดินลงมาชี้แนะ ให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างขะมักเขม้นกับการเริ่มร่อนทอง สำหรับการมาร่อนทอง เพียงแค่คุณเตรียมชุด เป็นกางเกงขาสั้น เท่านั้น เรียกว่ามาแต่ตัว อื่นๆ ที่นี่เตรียมไว้ให้ทั้งหมดหากใครที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้โชว์ท่าร่อน แต่อยากได้ทองนพคุณไว้ครอบครอง ทางคุณแอปเปิ้ลก็มีให้บริการ โดยเลี่ยมใส่กรอบเอาไว้ให้สำหรับการบูชา เนื่องจากเป็นทองนพคุณ สนนราคาก็ไม่แพง ส่วนจะเท่าไหร่ หรืออย่างไรสามารถติดตามได้ทางเพจ คาเฟ่บ้านฝั่งคลองแคมป์

ร่อนทองบางสะพาน ถือว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งเดียวในไทย เพราะ สถานที่แห่งนี้ มี สิ่งล้ำค่า อยุ่ในดิน คือทองบางสะพานนั่นเอง เป็นพื้นที่เดียวที่มีทองให้ร่อน สามารถหาทองได้ตามคลองบริเวณนั้น สามารถหาทองโดยการร่อนไม่ต้องผ่านการถลุง

1.เป็นทองบริสุทธ์ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หาเจอได้ด้วยการร่อน
2.เป็นทองคำที่ดีทีสุดในประเทศไทยและในโลก
3.เป็นทองที่มีเนื้อทองอ่อน สุกปลั่ง 100%
4.เป็นทอง100% ทองเนื้อเก้า
5.เชื่อกันว่าสามารถป้องกันภัยอันตราย. และภูตผีปีศาจ.
6.เชื่อกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ บูชาแล้วรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น
7.หายากมาก และในอนาคตอาจไม่มี

การติดต่อร่อนทอง
1. กำหนดวันกับผู้ร่วมทริป แล้วแจ้งแอดมินทางเพจ. ล่วงหน้า1-2วัน เพื่อแอดมินจัดคิววิทยากรให้ท่านได้ เมื่อได้คิววิทยากรแล้ว แอดมินจะแจ้งเบอร์โทรวิทยากรให้ได้บริการความสะดวกลูกค้า

2. ค่าบริการ เช่าเพียงอุปกรณ์ 100บาท/วัน (พร้อมสอนวิธีการร่อน การดูดิน การสังเกตุทอง )
-เตรียมชุดพร้อมเลอะพร้อมเปียก. หมวก เสื้อแขนยาว มาให้เรียบร้อย

3.สถานที่กางเต้น ค่าใช้จ่ายการแคมป์ปิ้ง
ค่ากางเต้นท์. หัวละ. 50 บาท. / คืน

ค่าใช้จ่ายการร่อนทอง

5 ค่าบริการปิคนิค. หัวละ 50 บาท รายได้เป็นของวิทยากรที่ช่วยสอนซึ่งเป็นชาวบ้านในชุมชนเป็นการช่วยหารายได้ให้ชาวบ้านคาเฟ่บ้านฝั่งคลอง ถือว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งเดียวในไทย เพราะ สถานที่แห่งนี้ มี สิ่งล้ำค่า อยุ่ในดิน คือทองบางสะพานนั่นเอง เป็นพื้นที่เดียวที่มีทองให้ร่อน สามารถหาทองได้ตามคลองบริเวณนั้น สามารถหาทองโดยการร่อนไม่ต้องผ่านการถลุง นอกจากมีทองให้ร่อนกันแล้ว ยังมี เสาไฟฟ้าแรงสูงที่่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะ ตรงที่เสาลงนั้นเป็นเสาหักมุม เลยต้องมีขนาดใหญ่กว่าเสาอื่นๆ มีแหล่งน้ำคลองไหลผ่าน ให้เราได้เล่นคลายร้อน ในคาเฟ่ มีน้ำ มีขนม เปิดให้กางเต้นท์นอนกอดธรรมชาติ นอนให้ธรรมชาติกอด เพราะคาเฟ่เราอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ ฝากคาเฟ่เล็กๆคิดจะพักคิดถึงคาเฟ่บ้านฝั่งคลองแคมป์

สำหรับลูกค้าที่ต้องการร่อนทองมีค่าบริการ

  • เช่าเพียงอุปกรณ์ 100บาท/วัน (สอนวิธีการร่อน การดูดิน การสังเกตุทอง )
  • เตรียมชุดพร้อมเลอะพร้อมเปียก. หมวก เสื้อแขนยาว มาให้เรียบร้อย
    เส้นทาง=เกาะยายฉิม เลี้ยวเข้าซอย รร.ธนาคารออมสิน แล้วตรงมา 7 กิโล
    เลยหมูทะใบเหลียง. ข้ามสะพาน เลี้ยวขวา ตรงไป 200 เมตร

https://maps.app.goo.gl/LZjVMp9xPr41toXW9
โทร. 0997028068
Line:banfangklong

หลังจากนั้นปิดทริปวันแรกกันด้วย ร้านอาหารหนูโภชนา ก่อนจะเข้าพักผ่อนกันที่ บ้านกรูด อคาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยมี คุณ อัจจิมา โชคกิจการ MD บ้านกรูด อคาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปาให้การต้อนรับ

เริ่มต้นทริปเช้าวันที่สองสำรวจเส้นทางท่องเที่ยว Mega Fam Trip
เริ่มต้นด้วยการสักการะกราบพระเพื่อเป็นศิริมงคล
ที่ วัดทางสาย วัดสวย ที่สร้างขึ้นจาก พลังแห่งศรัทธา

เริ่มเช้าวันใหม่ เดินทางกันต่อไปสักการะ พระพุทธกิติสิริชัย ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปที่ทางคณะสงฆ์วัดทางสายร่วมกับชาวบ้านสร้างขึ้นถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบโดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกประธานถวายนามว่า “พระพุทธกิติสิริชัย” ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าบนยอดเขาธงชัย เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางสมาธิแบบคันธาระ ศิลปะอินเดีย ลักษณะประทับขัดสมาธิดอกบัว หันพระพักตร์ออกสู่ทะเล ใกล้กัน เป็นทางขึ้นสู่ วัดทางสาย วัดสวย ริมทะเลบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหนึ่งในที่เที่ยวสวยห้ามพลาด

ไฮไลท์คือ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ เจดีย์เก้ายอด
สวยอลังการยิ่งใหญ่ ของ วัดทางสาย ศ เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่ในหลวงร.9 ทรงพระราชทานชื่อให้ เป็นสถาปัตยกรรมไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อพระมหากษัตริย์ โดยไม่ใช้เงินของทางราชการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลโดยเฉพาะในวโรกาสครองราชย์ครบรอบ 50 ปี โดยเจดีย์ทรงระฆังนี้ จะตั้งอยู่บนฐานไพที รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีอาคารสูง 5 ชั้น ที่หมายถึง การครองราชย์ครบ 50 ปี หรือมีความหมายถึงขันธ์ 5 และมีเจดีย์หมู่ 9 องค์ ที่หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9

วัดทางสาย ประจวบคีรีขันธ์
ที่อยู่ : ริมทะเลบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/KyUU8qooBH4Ypmzu6
เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.30 น.

วัดเขาถ้ำม้าร้อง (Wat Khao Tham Ma Rong)
หลังจากสักการะองค์หลวงพ่อใหญ่กันแล้ว คณะเราก็เดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ วัดเขาถ้ำม้าร้องวันนี้ นายอำเภอ “สุทิน ประเสริฐศักดิ์” แห่งบ้านม้าร้อง และชาวชุมชนท่องเที่ยวม้าร้องซิตี้หรือบ้านม้าร้อง ร่วมกันต้อนรับขับสู้ทั้งอาหารคาวหวาน กาแฟ และผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านผลิตมาจำหน่ายด้วยตัวเอง นอกจากจะจัดอาหารพื้นถิ่นแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นใบเหลียงผัดไข่ คั่วเคย โดยเฉพาะแกงไก่เหมงมะพร้าว อาหารพื้นบ้านที่ใช้ผลมะพร้าวอ่อน(ซึ่งยังไม่สร้างเนื้อมะพร้าว) นำมาแกงไก่ใส่กะทิ อร่อยเลิศจนต้องขอเพิ่มมีผลิตภัณฑ์ชุมชนเช่นไข่เค็มสมุนไพรบ้านม้าร้อง หมวกถัก น้ำผึ้งป่า บาล์มสมุนไพร น้ำยาอเนกประสงค์ ส่วนด้านการท่องเที่ยวก็มีกิจกรรมเช่น มีรถซาเล้งพานำชมสวนป่าชุมชน มีนำเที่ยวถ้ำม้าร้อง มีฐานผึ้งโพรง กิจกรรมทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ต่างๆ เหล่านี้
สามารถสอบถามได้ที่ คุณประวิทย์ รัตนพงศ์ 081 292 8141

ได้เวลา ขึ้นสู่วัดเขาถ้ำม้าร้องด้วยเพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ที่แห่งนี้มีความสวยงามของหินงอก หินย้อย บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และหินย้อยที่รูปร่างลักษณะคล้ายหัวม้าอยู่ภายในถ้ำ วัดเขาถ้ำม้าร้อง เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหลายคูหา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ และพระพุทธรูปปางพุทธไสยาสน์ตามจุดต่างๆ ภายในถ้ำ มีแสงไฟส่องสว่างและทางเดินที่สะดวกสบาย ทำให้เราได้เข้าไปกราบไหว้พระและชมความงามภายในถ้ำได้อย่างสบายใจค่ะ ไฮไลท์ของวัดเขาถ้ำม้าร้องก็คือ หินงอกหินย้อยรูปหัวม้า บริเวณขวามือของทางเข้าถ้ำ
จึงเป็นที่มาของชื่อ ถ้ำม้าร้องที่วัดแห่งนี้เป็นที่พักสงฆ์มาตั้งแต่สมัยชาวศรีลังกาและชาวอินเดียเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในไทยและพม่า ใช้เป็นที่พักพิง ต่อมาในรัชสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ได้ออกปราบโจรตามหัวเมืองเมื่อราว 2385 ได้นำทัพมาพักที่หนองหัดไทย ปรากฏว่าม้าของท่านหายไปแต่หาไม่พบ ได้ยินแต่เสียงม้าร้อง จึงเรียกภูเขานี้ว่า เขาถ้ำม้าร้อง

ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำด้านหนึ่งเป็นที่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวนมาก เรียงรายลดหลั่นภายใต้การสาดแสงจากโคมไฟขณะที่บนเพดานถ้ำแลเห็นค้างคาวจำนวนมาก เกาะหัวห้อย สยายปีกผับ ๆ อวดโฉมให้ผู้มาเยือนได้ยลแบบไม่ยี่หร่ะต่อสายตา แต่บางคนอาจจะโชคดีได้ขี้ค้างคาวหล่นใส่เป็นสิริมงคลเพิ่มเติมก็เป็นได้บริเวณตรงกลางโถงถ้ำพบโพรงปล่องขนาดกว้างราวเมตรกว่า ทำให้แสงลอดลงมาตามทางสวยงาม เดินถัดขึ้นไปนิดเดียวก็จะพบกับหินย้อยที่มีรูปร่างคล้ายหัวม้าและมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่นำไปใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เมื่อมีพิธีสำคัญ ๆ ทางวัดจะจัดพิธีตักน้ำทิพย์เพื่อนำไปถวายแด่ในหลวง เช่นงานพิธีครบรอบ 60 พรรษา และ 72 พรรษา ที่สำคัญน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่เคยเหือดแห้ง

วัดเขาถ้ำม้าร้อง
วัดเขาถ้ำม้าร้อง ประจวบคีรีขันธ์
ที่อยู่ : ตำบลพงค์ประสาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/Bj7ZGU7opjbauZeVA
เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด

หลังจากเมื่อวานเราไปเมล่อน เมล่อนกัน วันนี้ได้เดินทางยังศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด ที่นี่มี หนุ่มโจ้ –จิรฐกรณ์ อิสระพาณิชย์ ชาวอำเภอบางสะพาน ที่หลงใหลเรื่องราวของทองบางสะพานมานานหลายปี พร้อมกับเริ่มสะสมทองและศึกษาความเป็นมา ศูนย์เรียนบ้านทองเม็ด เป็นสถานที่ท่องเที่ยงเชิงอัตตลักษณ์ของจังหวัด ไว้สำหรับมาเรียนรู็วิถีชีวิตการร่อนทองบางสะพาน จำหน่ายเครื่องประดับจากทองบางสะพาน ปรับพื้นที่บ้านส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด” มีการนำทองบางสะพานในรูปแบบต่างๆ ทั้งทองผง-ทองเกล็ด-ทองเม็ดและทองอมหิน พร้อมข้อมูลที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของทองบางสะพานมาจัดแสดง นอกจากนี้ยังพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับทองจำหน่ายให้ผู้เข้าเยี่ยมชมอีกด้วย

ศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โจ้ บ้านทองเม็ด โทร 0875565697

วัดกุยบุรี ( Wat Kuiburi )

ด้วยเวลาที่มีไม่มากนัก คณะของเราเริ่มเดินทางกันต่อไปยัง วัดกุยบุรี ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่สวยงาม และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นอย่างมาก

วัดกุยบุรี เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พร้อมกับการสร้างเมืองกุยบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจในสมัยนั้น ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชน เดิมชื่อว่าวัดกุย ตั้งอยู่ในอำเภอกุยบุรีติดกับแม่น้ำกุยบุรีชาวเมืองให้ความเลื่อมใสศรัทธา โดยเฉพาะอดีตเจ้าอาวาสวัดกุยบุรี หลวงพ่อมากหรือบุญมาก หรือชาวมักเรียกว่าท่านว่า “หลวงพ่อในกุฏิ” เนื่องจากเมื่อท่านว่างเว้นจากภารกิจต่างๆของทางวัดแล้ว จะนั่งบำเพ็ญภาวนาเป็นประจำเล่ากันว่าบางครั้งจะเข้าสมาธิวิปัสสนาอยู่แต่ในกุฏิตลอด 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง โดยจะไม่ลุกและออกจากกุฏิไปไหนเลย ด้วยเหตุอันนี้เอง จึงได้มีคำเรียกท่านอีกคำหนึ่งว่า “หลวงพ่อในกุฏิ“

หลวงพ่อในกุฏิเป็นผู้เคร่งครัดในด้านวิปัสสนากัมมัฎฐาน จนทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าหลวงพ่อในกุฏิเป็นผู้มีวาจาสิทธิและมีวิชาอาคมแกร่งกล้า เป็นผู้มีเมตตาจิต ช่วยเหลืออนุเคราะห์และสงเคราะห์กับคนทุกเพศ ทุกวัย เป็นที่พึ่งอาศัยของคนทั้งหลายหลังจากหลวงพ่อในกุฏิได้มรณภาพไป ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันสร้างรูปเหมือนของท่านและบรรจุอัฐิของท่านไว้ภายใน ให้ชาวบ้านได้ระลึกถึงและสักการะบูชา…

วัดกุยบุรี
https://maps.app.goo.gl/yJGCYw27KSJjoqos5

หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังที่พักในอำเภอหัวหิน ที่ โรงแรมเวล หัวหิน WHALE HUAHIN โดย คุณธีระเมฆ เศียรศิลาเจริญ หรือคุณบุ๊ค MD ให้การต้อนรับก่อนจะไปรับประทานอาหารค่ำกันที่ ชิมวิว ซีฟู้ด ชะอำ- หัวหิน ที่ที่ทางททท.ภูมิภาคภาคกลางและททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง

DAY 3 สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว Mega Fam Trip

วนอุทยานปราณบุรี (Pran Buri Forest)
ย่างเข้าสู่วันที่สามของการร่วมทริป สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว Mega Fam Trip กันแล้ว วันนี้ก่อนกลับกรุงเทพมหานคร ทางททท.ได้พาเราไปชมพื้นที่ป่าโกงกางขนาดใหญ่ ชมป่าชายเลน วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันในวันนี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเที่ยวทั้งครอบครัว สถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ตั้งอยู่ใน ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าไม้ และบริเวณของชายหาด มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น เป็นโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่มีเส้นทางให้เดินศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนเป็นระยะทางยาวกว่า 1,000 เมตร

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ป่าชายเลนด้านทิศเหนือของแม่น้ำปราณบุรี ได้ถูกบุกรุกทำลายกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ในปี พ.ศ. 2517 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร บริเวณหมู่บ้านปากน้ำปราณบุรี ทรงมีความสนพระทัยเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ป่าชายเลน และทรงมีพระราชเสาวนีย์สนับสนุนให้มีการปลูกพันธุ์ไม้ต่าง ๆ บริเวณชายทะเลปากน้ำปราณบุรี เพื่อพัฒนาเป็นป่าอเนกประโยชน์ผลิตไม้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ป้องกันลมพายุ และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงอนุบาลสัตว์น้ำกรมป่าไม้ จึงได้จัดทำ โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น ในปี 2517 ครอบคลุมพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า คลองคอย ประกอบด้วย ป่าชายเลน และมีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ป่า ซึ่งภายหลังได้มีการจัดตั้งเป็น “วนอุทยานปราณบุรี” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2525

…. ณ ปัจจุบัน ผืนป่าโกงกางที่งดงามแห่งนี้ ถือแหล่งเรียนรู้ด้านระบบนิเวศน์ป่าชายเลนอันสำคัญ ที่เป็นมรดกส่งต่อให้กับลูกหลานคนไทยได้ร่วมกันสืบทอดเจตนารมณ์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมที่ทรงคุณค่านี้ต่อไปตราบนานเท่านาน

วนอุทยานปราณบุรี
ที่อยู่ : วนอุทยานปราณบุรี 14 ผาสุกวนิช 16 ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/BkhG9dpcsnpudRnC7
เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

“ประจวบคีรีขันธ์ เมืองมหัศจรรย์สามอ่าวของท้องทะเลอ่าวไทย เป็นจังหวัดตอนใต้สุดของภาคกลาง มีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้กว่า 212 กิโลเมตรจนได้ชื่อว่า ประจวบย๊าวยาว แต่ยังคงมีสถานที่น่าสนใจและสวยงามซุกซ่อนเอาไว้รอให้นักท่องเที่ยวได้มาค้นหาและรับรู้ว่าประจวบคีรีขันธ์ มีอะไรให้เที่ยว ให้ชม ให้อร่อย”

ข้อมูลจากททท.แนะนำการท่องเที่ยวของทริป Mega Fam Trip ครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากปราศจากซึ่งผู้มาเยือน … ผู้มาร่วมค้นหา… ผู้มาร่วมติดตามรับรู้ความเป็นเมืองมหัศจรรย์ประจวบคีรีขันธ์ ….แล้วคุณล่ะพร้อมหรือยัง ? กับการตามรอย ทริป “ประจวบ…ย๊าว…ยาว”

ขอขอบคุณ :
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.ภูมิภาคภาคกลาง ผอ.อัครวิชย์ เทพาสิต
ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ผอ.อาชวันต์ กงกะนันทน์
ชาวบ้านชุมชนวัดเขาม้าร้อง นายอำเภอ สุทิน ประเสริฐศักดิ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสมคิด จันทมฤก
รองผอ.ททท.ภูมิภาคภาคกลาง นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ
ทีมงาน ททท. น้องแพค น้องเก้า น้องตั๊กและอีกหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยนาม

Aviyana Hua Hin เปิดตัว! รีสอร์ทใหม่ริมชายหาดชะอำพร้อมมอบประสบการณ์พักผ่อนสุดชิลล์”

อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรีสอร์ทติดทะเลแห่งใหม่อย่างเป็นทางการโดยมี คุณสุมาลี คูรานา ประธานกรรมการผู้จัดการรีสอร์ท ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้นและกล่าวเปิดงานร่วมกับ คุณชาญชัย ปรีชา ผู้จัดการทั่วไปและคุณณิชาภัทร ศรีสำราญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมในงาน ณ ห้อง AVOWS Ballroom

คุณสุมาลี กล่าวว่า “ความตั้งใจของรีสอร์ทแห่งนี้คือการสร้างสถานที่สำหรับคนทุกเจเนอเรชันสามารถมาพักผ่อนและสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน เราต้องการให้ อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin) เป็นรีสอร์ท ที่ผู้คนสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่น ความสุข และความสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในชีวิตประจำวัน” เราจึงเลือกทำเลบนพื้นที่ชายหาดชะอำ เพราะเราอยากให้ผู้ที่เข้ามาพักได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เปรียบเสมือนสวรรค์แห่งการพักผ่อน และยังให้ความรู้สึกเหมือนบ้านสำหรับทุกคนที่มาเยือน โดยกลยุทธ์การลงทุนของทางรีสอร์ทคือการเลือกโลเคชั่นที่เห็นวิวดี ความสวยงามของวิวธรรมชาติติดทะเล เป็นจุดขายสำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมถึงการเดินทางที่สะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

คุณชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางรีสอร์ทฯให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้เข้าพักเป็นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนสามารถมาพักผ่อนอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการมาพักผ่อนกับครอบครัว การจัดงานแต่งที่เนรมิตความโรแมนติกในบรรยากาศริมทะเล หรือการจัดกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เช่น งานเลี้ยงและสัมมนา โดยทางรีสอร์ทมีพื้นที่ให้บริการสำหรับการจัดงานในโอกาสพิเศษ คือ Siamara พื้นที่จัดงานเลี้ยงบนด้านฟ้ากลางแจ้งแบบไพร์เวท และ AVOWS Ballroom ห้องบอลรูมสำหรับการประชุมและงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถรองรับแขกได้มากถึง 300 คน คุณชาญชัยยังกล่าวเสริมว่า “ทางรีสอร์ทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในหัวหิน ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีด้วยพื้นที่สำหรับการรองรับในการทำกิจกรรม”

คุณณิชาภัทร เผยว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมในหัวหินขณะนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้ ทางรีสอร์ทจึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมเชิงลึกของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อหาจุดเด่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด เธอระบุว่า “นอกจากคนไทยจะชื่นชอบอาหารรสจัดแล้ว เรายังพบว่านักท่องเที่ยวต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น” ด้วยแนวคิดนี้ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ จึงเน้นย้ำจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ ผ่านร้านอาหารของรีสอร์ทอย่าง Miss T Beach Café และ Pomelo All-Day Dining ซึ่งยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทย เช่น กะปิ สาโท และใบชะคราม ให้กลายเป็นเมนูหรูหราที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
“ที่นี่เราภูมิใจที่จะบอกว่าลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอาหารฟิวชั่นสไตล์นานาชาติริมชายหาด พร้อมฟังเสียงคลื่นทะเลที่สงบพร้อมดื่มด่ำกับรสชาติอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ” คุณณิชาภัทรกล่าว

ด้วยการออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่กลมกลืนไปได้อย่างลงตัวกับธรรมชาติอันงดงามของอ่าวไทย รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 115 ห้อง โดยมีห้องพักหลากหลายประเภทให้เลือกดังนี้:
• ห้อง Superior ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 37 ห้อง
• ห้อง Deluxe Sea View ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 62 ห้อง
• Oasis Beachfront Villa ขนาด 53 ตร.ม. จำนวน 8 ห้อง
• Ambassador Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 247 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (2 ห้อง)
• Ocean View Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 165 ตร.ม. จำนวน 3 ยูนิต (2 ห้อง)
ราคาที่เริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อคืน

นอกจากนี้ รีสอร์ทยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำท่ามกลางวิวทะเลแบบพาโนรามา โดยผู้เข้าพักสามารถเดินลงจากที่พักเพื่อเดินเล่นบนชายหาดได้ทันที รวมถึงรีสอร์ทยังมีห้องอาหารและบาร์สำหรับให้บริการแก่ผู้เข้าพัก ได้แก่ ร้าน Pomelo All-Day Dining ที่ให้บริการอาหารเช้าร่วมถึงยังมีบริการขายอาหารตลอดทั้งวัน, ร้าน Miss T Beach Café สุดชิลล์ที่สามารถรับประทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยายริมทะเลไปพร้อมกัน และ Nest Pool Bar ที่สายค็อกเทลห้ามพลาด สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนสุดชิลล์ ณ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin)

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 032-512-311
อินสตาแกรม: @aviyanahuahin
จองห้องพักได้ที่: booking@aviyanahuahin.com
🌐 Website: https://aviyanahuahin.com/
🌐 Facebook: Aviyana Hua Hin
📍 พิกัด: No. 1515 Phet Kasem Rd, Sai Tai, Cha-am District,
Phetchaburi, Thailand, Phetchaburi