Category Archives: Travel

Travel-Food-Drink-Party

The Oasis Spa : ดิโอเอซิสสปา สุขุมวิท 31 

อยากชวนไปพักผ่อนสบายๆ หยุดพักจากชีวิตที่เร่งรีบและให้เวลาตัวเองได้เพลิดเพลินไปกับการนวดแผนไทยที่สปาที่วิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ Oasis Spa สาขาสุขุมวิท 31 สัมผัสความงามจากสระบัว ที่ให้ความรู้สึกสงบ รายล้อมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่เขียวขจีพร้อมบรรยากาศสวนสวยที่ร่มรื่นซ่อนอยู่ใจกลางเมือง


Oasis Spa สาขาสุขุมวิท 31 การพักผ่อนที่ดีที่สุดกับห้องสปาทรีทเมนต์ จำนวน 12 ห้อง ที่พร้อมให้บริการ ทั้งชาวเวอร์กลางแจ้ง อ่างอาบน้ำสำหรับแช่ตัว และเตียงนวดพักผ่อนในบรรยากาศสวนสวยที่ร่มรื่นซ่อนอยู่ใจกลางเมือง ตั้งอยู่ในบ้านสีขาวตกแต่งกลิ่นอายล้านนาท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวที่มีต้นไม้ใหญ่ และสระบัว แบบสวนในบ้านของโมเนต์รู้สึกเหมือนมาเที่ยวรีสอร์ทหรู ย่านสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอชวนคุณดื่มด่ำกับบรรยากาศในโอเอซิสแห่งนี้ไปด้วยกัน

ทันทีที่เข้ามาภายในบริเวณ ดิโอเอซิสสปา พนักงานต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี
นั่งพักผ่อนใหในบริเวณส่วนรับรอง พร้อมจิบเครื่องดื่มสมุนไพรที่เป็น welcome drink สำหรับลูกค้าทุกท่าน จากนั้นพนักงานจะให้ท่านกรอกข้อมูลด้านสุขภาพ
และเลือกทรีตเมนท์แพคเกจตามต้องการ

ไฮไลท์ King of Oasis ยืน 1 ในใจ
แพ็กเกจ King of Oasis เป็นการนวดไทยผสานการนวดแบบอโรม่า เทคนิคการนวดแก้อาการปวดเมื่อยเพื่อฟื้นฟูร่างกาย การนวดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกแบบหนึ่งของ โอเอซิส สปา มุ่งเน้นการปรับสมดุลร่างกาย กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ ศีรษะ และส่วนที่สำคัญเพื่อบำบัดอาการเจ็บหรือตึงเครียดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนของนักบําบัดผู้เชี่ยวชาญ บอกเลยนวด 2 ชั่วโมง สบายตัวจนอยากนวดต่อ!! หลังจบทรีตเมนต์ ตัวเบาสบาย รู้สึกเลยว่าได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่ตึงเครียด จากนั้นเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งรอในห้อง พนักงานจะนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้อีกครั้ง

Oasis Spa สาขาสุขุมวิท 31 ปัจจุบันเปิดถึงเที่ยงคืน
พิกัด : https://goo.gl/maps/LSGTNJFMhCmrdmzP6

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-24.00 น.
สอบถามเพิ่มเติม : https://oasisspa.net
สาขาสุขุมวิท 31 ซอยสวัสดี แยก 4 สุขุมวิท 31 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

(มีที่จอดรถสำหรับคนที่นำรถส่วนตัว หรือสามารถใช้บริการรถรับส่งฟรี
จาก BTS สถานีพร้อมพงศ์ สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถสาธารณะ)

#ThaiMassage #OasisSpa #ชัญญ่าว่าดี #toptotravel

สายการบิน ITA Airways เปิดเส้นทางบินตรงใหม่จากกรุงเทพฯ สู่กรุงโรม

ITA Airways นิยามของคำว่า “Made in Italy” ที่แท้จริง จัดงานแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ เปิดตัวแบรนด์ เครือข่ายเส้นทางบิน และไฮไลท์สำหรับฤดูหนาวนี้

กรุงเทพฯ/โรม, 19 พฤศจิกายน 2567 – สายการบิน ITA Airways (อิตาแอร์เวย์) เปิดตัวเที่ยวบินตรงครั้งแรกสู่ประเทศไทย เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ และกรุงโรม (สนามบินโรม ฟิอูมิซิโน) นับเป็นครั้งแรกที่สายการบินสัญชาติอิตาลีนี้บินตรงมายังประเทศไทย โดยจะให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ330นีโอ (Airbus A330neo) ให้บริการ 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เที่ยวบินปฐมฤกษ์จากสนามบินโรม ฟีอูมีชีโน เที่ยวบินที่ AZ 758 ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) เวลา 8:25 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน ส่วนเที่ยวบินแรกของสายการบิน ITA Airways จากกรุงเทพฯ ไปยังโรม ฟีอูมีชีโน เที่ยวบินที่ AZ 759 ได้ออกเดินทางเวลา 12:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ ได้มีการจัดพิธีตัดริบบิ้นที่ประตูขาเข้าของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยมีผู้เข้าร่วมงานหลายท่าน ได้แก่ คุณเอมิเลียนา ลิโมซานี (Emiliana Limosani) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ ITA Airways และซีอีโอของ Volare คุณเปียร์ฟรานเชสโก คาริโน (Pierfrancesco Carino) รองประธานฝ่ายขายต่างประเทศของ ITA Airways คุณเบเนเดตโต้ เมนคาโรนี โพยอานี (Benedetto Mencaroni Poiani) ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ ITA Airways คุณศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฯพณฯ เปาโล ดีโอนีซี (H.E. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) คุณกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคุณกรรณิการ์ เปรมประเสริฐ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ในการเปิดตัวสู่ตลาดไทย สายการบิน ITA Airways ได้จัดงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ เพื่อแนะนำเส้นทางบิน และบริการต่าง ๆ ที่สายการบินจะนำเสนอในช่วงฤดูหนาวนี้ให้แก่สื่อมวลชนและพันธมิตรในวงการท่องเที่ยวไทยได้รู้จักเส้นทางบินใหม่ระหว่างกรุงโรมและกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายเครือข่ายสู่ตลาดที่มีศักยภาพสูง กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจระดับโลก การเปิดเส้นทางบินตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ITA Airways มุ่งมั่นที่จะมอบตัวเลือกการเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสาร และยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายเครือข่ายเส้นทางบินในแผนการเติบโตของบริษัท

เป็นก้าวสำคัญของบริษัท ในการขยายเครือข่ายไปสู่ตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวและธุรกิจ การเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ITA Airways ในการนำเสนอทางเลือกการเดินทางที่ดีที่สุด พร้อมทั้งตอกย้ำความสำคัญของการขยายเครือข่ายในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท

คุณเอมิเลียนา ลิโมซานี (Emiliana Limosani) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ ITA Airways และซีอีโอของ Volare กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจมากที่ได้เปิดเส้นทางบินตรงใหม่ระหว่างกรุงเทพฯ และกรุงโรม ซึ่งเป็นเส้นทางบินตรงเพียงหนึ่งเดียวระหว่างสองเมืองหลวงนี้ เส้นทางนี้ช่วยเสริมแผนธุรกิจของเราในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างทวีปของ ITA Airways ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเรา เนื่องจากเป็นการเปิดตัวในตลาดไทยและขยายการให้บริการในเอเชียเพิ่มเติม นอกเหนือจากเส้นทางบินไปยังโตเกียว นิวเดลี และเมืองมาเล่ในมัลดีฟส์ กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางใหม่แห่งที่ 8 ของเราในปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร โดยเรามองว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญทั้งสำหรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ”

ฯพณฯ เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างกรุงโรมและกรุงเทพฯ ของสายการบิน ITA Airways จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิตาลีและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการค้า ธุรกิจ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการติดต่อระหว่างผู้คน ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้น”เส้นทางบินตรงใหม่จากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโรม (สนามบินฟิอูมิซิโน) จะให้บริการดังนี้

เส้นทางกรุงเทพฯ – โรม (ฟิอูมิซิโน) เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน โดยจะบินในวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ ออกเดินทางเวลา 12:15 น. (เวลาท้องถิ่น) และถึงกรุงโรมเวลา 19:00 น. (เวลาท้องถิ่น)
เส้นทางโรม (ฟิอูมิซิโน) – กรุงเทพฯ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน โดยจะบินในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ ออกเดินทางเวลา 15:15 น. (เวลาท้องถิ่น) และถึงกรุงเทพฯ เวลา 07:40 น. (เวลาท้องถิ่น)
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเส้นทางบินใหม่นี้ สายการบินจะยังคงให้บริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-กรุงโรม 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ในช่วงฤดูร้อนปี 2568

เส้นทางนี้ใช้เครื่องบินแอร์บัสรุ่น เอ330นีโอ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทในด้านเทคโนโลยี ระบบดิจิทัล นวัตกรรม ประสิทธิภาพ และการออกแบบ โดยแสดงถึงความเป็นเลิศของคำว่า “Made in Italy” เครื่องบินรุ่นนี้มาพร้อมกับห้องโดยสารแบบ Airspace ที่เพิ่มความสะดวกสบายและความกว้างขวาง มีระบบแสงสว่างใหม่ที่ทันสมัย ระบบความบันเทิงบนเครื่อง และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ครอบคลุม เครื่องบินแบ่งเป็น 3 ชั้นโดยสาร ได้แก่ ชั้นธุรกิจ (ที่นั่งปรับเอนได้ 30 ที่นั่ง) ชั้นพรีเมียม (24 ที่นั่ง) และชั้นประหยัด (237 ที่นั่ง รวมที่นั่งแบบ Comfort Economy 36 ที่นั่ง) นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงระหว่างเที่ยวบินแบบ 4K ผ่านจอสัมผัส (ขนาด 17.3 นิ้วในชั้นธุรกิจ 15.6 นิ้วในชั้นพรีเมียม และ 13.3 นิ้วในชั้นประหยัด) พร้อมระบบเสียงบลูทูท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสำหรับการส่งข้อความ การท่องเว็บ และการสตรีมมิง

ฝูงบินของสายการบิน ITA Airways ประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัสทั้งหมด โดยมีเครื่องบินที่ให้บริการอยู่ 100 ลำ โดย 60 ลำเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ เอ321นีโอ 7 ลำ เอ320นีโอ 19 ลำ เอ220-300 9 ลำ เอ220-100 8 ลำ เอ330-900 11 ลำ และ เอ350-900 6 ลำ การมีฝูงบินที่ทันสมัยนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ITA Airways ในด้านความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ 90% ของเครื่องบินทั้งหมดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแผนยุทธศาสตร์ปี 2566-2570 เครื่องบินรุ่นใหม่เหล่านี้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง 25% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสายการบินที่จะเป็นสายการบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในยุโรป

ในช่วงฤดูหนาวปี 2567/2568 สายการบิน ITA Airways จะเปิดให้บริการเที่ยวบินไปยัง 55 จุดหมายปลายทาง เพื่อขยายเครือข่ายการบินอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 16 เส้นทางภายในประเทศ 24 เส้นทางระหว่างประเทศ และ 15 เส้นทางข้ามทวีป หลังจากเปิดเส้นทางบินไปดูไบเมื่อ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา และเริ่มให้บริการเที่ยวบินตรงไปกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในไทย ITA Airways มีแผนขยายบริการเพิ่มเติม โดยจะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงโรมและมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ สูงสุดถึง 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เส้นทางนี้จะให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330-900 สายการบิน ITA Airways เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 โดยมีเครื่องบินในฝูงบินทั้งหมด 52 ลำ บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนนำเสนอความเป็นอิตาลีสู่สายตาชาวโลกหรือ “Made in Italy” ด้วยการให้บริการแบบเฉพาะตัวและสร้างประสบการณ์การบินสไตล์อิตาลีแท้ ๆ สิ่งนี้สำเร็จได้ผ่านความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำของอิตาลี เช่น Brunello Cucinelli ผู้ออกแบบชุดเครื่องแบบสำหรับลูกเรือและพนักงานภาคพื้น Walter De Silva ผู้ออกแบบภายในเครื่องบินรุ่นใหม่ของ ITA Airways และเชฟชื่อดังชาวอิตาลีที่สร้างสรรค์เมนูอาหารบนเครื่องบิน บัตรโดยสารของ ITA Airways สามารถซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์
ita-airways.com หรือผ่านศูนย์บริการลูกค้า ITA Airways
บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว และเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารที่สนามบิน

Toytopia ผนึก Robotime โหมกระแสฮอตกล่องสุ่ม-ของสะสม DIY

เปิดตัว Rolife Flagship Store ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตลาดของเล่นของสะสมพุ่งแรงต่อเนื่อง Toytopia ผนึกกำลัง Robotime ยักษ์ใหญ่ผู้สร้างสรรค์ของสะสม DIY ระดับโลก ปักธงเมืองไทย เปิดตัว Rolife Flagship Store @Central Westgate ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอกองทัพสินค้าสุดน่ารัก อัพเดท Rolife ได้ครบทุกคอลเล็กชัน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ เผยเทรนด์อาร์ตทอย-กล่องสุ่ม-DIY มัดใจสาวกชาวไทย โชว์จุดแข็งด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล จัดเต็มไอเดียสุดสร้างสรรค์ เหนือชั้นทุกรายละเอียด ตั้งเป้าขยายสาขาครบ 10 แห่งภายในปี 2568 

นายชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด (Toytopia) เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตลาดของเล่นของสะสมในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มของ “อาร์ตทอย” และ “กล่องสุ่ม” อันเป็นที่นิยมของนักสะสมชาวไทย และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  จากการพัฒนารูปแบบสินค้าที่หลากหลายทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นสินค้ากลุ่ม DIY ประเภท Asccessories และ Plush Doll ที่ให้ความสนุกผ่านการสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง ภายใต้กลไกการออกแบบที่เหนือชั้น ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มความนิยมมากขึ้นเช่นกันล่าสุด Toytopia ผนึกความร่วมมือกับ Robotime Group Company ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ของสะสม DIY จากประเทศจีน ได้เปิดตัว Rolife Flagship Store ณ ชั้น G เซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งเป็นสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  นำเสนอภายใต้แนวคิด “สนุกไปกับสิ่งเล็ก ๆ ค้นหาไอเดียใหม่ ๆ ได้ไม่รู้จบ” ยกขบวนกองทัพสินค้าสุดน่ารักจากหลากหลาย Category ทั้งสินค้าจากแบรนด์ Rolife ครบทุกคอลเล็กชัน กล่องสุ่มสุดฮิตจาก IP สุดโด่งดังทั่วโลก โมเดล DIY สวยงาม เสริมสร้างจินตนาการ พร้อมสินค้า Lifestyle & Accessories  อีกทั้งยังมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน อาทิ มุมโชว์ตัวจริง และกลไกของสินค้า DIY สุดอลังการ รวมทั้งการเปิดตัวสินค้า Original Characters จากแบรนด์ KULECHAOWAN เป็นที่แรกของโลก Rolife ของสะสม DIY ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

Rolife ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดย Robotime Group Company  ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ของสะสม DIY ที่ทันสมัย และเต็มไปด้วยลูกเล่นสุดล้ำ โดย Rolife ได้ต่อยอดแนวคิดของ Robotime ด้วยการสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานที่มีความน่ารัก เป็นมิตร และความสนุก มอบความสุขให้กับทุกคนด้วยเสน่ห์ของ DIY ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เอาใจกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการประกอบโมเดลด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล อาทิ ISO9001, GMC, FSC, BSCI, Disney Certification ฯลฯ โดยปี 2023 มียอดขายจากการส่งออกสินค้าไปทั่วโลกรวมมูลค่าประมาณ 9.5 พันล้านบาท “จุดเด่นของ Rolife คือ สินค้า DIY ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีกลไกที่หลากหลาย เช่น สามารถขยับได้ สามารถเปิดไฟได้ หรือมีเสียงดนตรี  อีกทั้งยังได้รับแรงบันดาลใจสิ่งปลูกสร้าง หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่อ้างอิงมาจากความเรียบง่าย แต่สร้างความสุขให้กับชีวิต ผ่านมุมมองที่สวยงามแบบอย่างคาดไม่ถึง สามารถเป็นทั้งของขวัญในโอกาสพิเศษ และของตกแต่งบ้านชิ้นโปรด เชื่อมั่นว่าการเปิดตัว Rolife Flagship Store จะเพิ่มประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าชาวไทย และขยายการเติบโตของแบรนด์ Rolife ได้เป็นอย่างดี   

สินค้าของ Rolife  สามารถแบ่งได้เป็น 6 หมวดหมู่ ประกอบด้วย (1) DIY Miniature House  บ้านจิ๋ว DIY ที่มีความยาก-ง่ายหลากหลายระดับ และสามารถสร้างสรรค์ไอเดียการตกแต่งได้ด้วยตัวเอง (2) Plastic Miniature house สร้างสรรค์ห้อง DIY ของตัวเอง ที่ตกแต่งได้แบบไม่รู้จบ เป็นโมเดลห้องจิ๋วที่สามารถประกอบต่อกันเป็นตึกสุดอลังการ (3)1000 Piece Jigsaw Puzzle สนุกไปกับจิ๊กซอว์ 1,000 ชิ้น ที่ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูง สร้างภาพที่สวยงามสมบูรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการไขปริศนา และรักในของตกแต่งบ้าน (4) Book Nook Shelf Insert ตกแต่งชั้นวางหนังสือให้สวยงามมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ด้วยฉาก DIY ที่ถูกออกแบบมาเพื่อชั้นวางหนังสือโดยเฉพาะ (5) 3D Wooden Puzzle DIY สร้างสรรค์สิ่งของ และสถานที่ต่าง ๆ ด้วยวัสดุ “ไม้” การออกแบบที่ละเอียด ทำให้ได้โมเดลจำลอง 3D ที่สวยงาม และเต็มไปด้วยกลไกสุดพิเศษ และ (6) Surprise Figure Dolls กล่องสุ่มสุดน่ารัก นำเสนอความสนุกสนานออกมาผ่านธีมที่หลากหลาย แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์อันยิ่งใหญ่สำหรับสินค้าไฮไลต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ “Super Creator DIY” ในกลุ่ม Plastic Miniature house ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบได้ออกไอเดียการตกแต่งห้องจิ๋วด้วยตัวเอง และสามารถนำห้องจิ๋วมาประกอบรวมกันเป็นฉากที่สวยงาม อลังการตั้งเป้าขยาย 10 สาขาภายในปี 68

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา Toytopia ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Robotime โดยมีสินค้าจำหน่ายในประเทศไทยทั้งแบบ Online และ Offline ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้ Toytopia จึงได้ร่วมมือกับ Robotime อย่างเป็นทางการเพื่อเปิดร้าน Rolife Flagship Store ขึ้นเป็นครั้งแรก ตอบรับความต้องการของลูกค้าชาวไทย ที่มีความนิยมในตลาดของเล่นของสะสมสาย DIY และกล่องสุ่ม  โดยลูกค้ากลุ่มนี้ยังคงมองหาสินค้าดีมีคุณภาพที่ผ่านการสร้างสรรค์มาอย่างดี มีการนำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง อันเป็นจุดแข็งของแบรนด์ Rolife 

ปัจจุบันแบรนด์ Rolife มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั่วโลก ทั้ง  Offline รวมกว่า 10,000 ร้าน และ  Online รวมกว่า 900 ช่องทาง  ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 จะมีร้าน Rolife รวม 10 สาขาในประเทศไทย “ในช่วงโควิดที่ผ่านมาตลาดของสะสมในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ โดยเฉพาะในกลุ่มของสินค้า กล่องสุ่ม และสินค้า DIY ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการผลักดันตลาดของเล่นของสะสมในประเทศไทย” 

ดึงเสน่ห์แห่ง DIY เร่งการเติบโตวงการนักสะสม ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดของเล่นของสะสมในประเทศไทย มาจาก“ความแปลกใหม่” ที่หลากหลายแบรนด์พยายามแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งด้านดีไซน์, คาแรคเตอร์ และลูกเล่นของสินค้า  ทำให้เหล่านักสะสมได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ  Rolifeมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันวงการนักสะสมในประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น จากทั้งของสะสมรูปแบบกล่องสุ่มและของสะสมที่มีความเป็นศิลปะ พร้อมกับดึงเสน่ห์ของ DIY มาสู่นักสะสมชาวไทย นอกจากนี้ Rolife Flagship Store ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดนัดพบของนักสะสมชาวไทยผู้มีความชื่นชอบที่หลากหลายได้มารวมตัวกัน ภายในร้านประกอบไปด้วยความหลากหลายที่มากเกินจินตนาการ  ผ่านเหล่า IP ที่โด่งดังมากมาย และสินค้าที่ครอบคลุมทุกความชื่นชอบของทุกคน”   

 โปรโมชั่นช่วงเปิดร้านสุดพิเศษมากมาย  ซื้อสินค้าครบกำหนด เลือกรับฟรีทันที ของที่ระลึกมากมาย  หรือส่วนลดสูงสุดกว่า 400 บาท พร้อมส่วนลดสินค้าสุดฮิต อย่าง  “Super Creator DIY” ซื้อ 2 ชิ้น ลดทันที 15% หรือ เมื่อซื้อ Super Creator DIY 1 ชิ้น รับส่วนลดสำหรับซื้อสินค้า กล่องสุ่มทันที 20% 

“สนุกไปกับสิ่งเล็กๆ ค้นหาไอเดียใหม่ๆ ได้ไม่รู้จบ”  พบกับ Rolife Flagship Store เซ็นทรัล เวสต์เกต  ชั้น G และอีก 1สาขา ที่ Rolife Store สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 2  ร่วมติดตามอัพเดทไอเดียสุดสร้างสรรค์ ได้ที่
Facebook: Rolife Thailand , IG: rolifethailand  ,Tiktok : rolifethailand

ลุฟท์ฮันซ่าฉลองครบรอบ 65 ปี แห่งการบินเชื่อมไทย-เยอรมนี

ในวันนี้ ลุฟท์ฮันซ่ามีความภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับอีกก้าวสำคัญของกลุ่มสายการบิน ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากฮัมบูร์กมายังกรุงเทพฯ ความสำเร็จอันยาวนานนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของสายการบินต่อตลาดไทยและภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยช่วยเชื่อมโยงวัฒนธรรม ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างเยอรมนีและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เที่ยวบินแรกของสายการบินลุฟท์ฮันซ่าสู่ประเทศไทยได้ออกเดินทางจากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ เที่ยวบิน LH640 ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ Super Constellation ได้ออกเดินทางสู่ตะวันออกไกลจากเมืองฮัมบูร์ก ผ่านดัสเซลดอร์ฟแฟรงก์เฟิร์ต โรม ไคโร การาจี และกัลกัตตา ก่อนถึงประเทศไทย โดยการเดินทางครั้งนั้นใช้เวลาเกือบสองวัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สายการบินได้ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย ปัจจุบัน ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการเที่ยวบินระหว่างยุโรปและประเทศไทยหลายเที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยให้บริการที่ยอดเยี่ยมและความสะดวกสบายแก่นักเดินทางผ่านฐานการบินที่มิวนิกและแฟรงก์เฟิร์ต นอกจากนี้ สายการบินของกลุ่มลุฟท์ฮันซ่ายังมีเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างไทยไทยกับยุโรปผ่านฐานการบินอื่น ๆ ทั้งในซูริกและเวียนนาอีกด้วย โดยมีเที่ยวบินระหว่างประเทศไทยและยุโรปสูงสุดถึง 31 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

คุณเฟลิเป้ บอนิฟาตติ รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกิจการร่วมค้าในภูมิภาคตะวันออก กล่าวว่า

“วาระครบรอบ 65 ปีในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของเราในการบริการลูกค้าและเชื่อมโยงผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก กรุงเทพฯ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญแห่งหนึ่งสำหรับเรา และเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการของเราอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการฉลองความสำเร็จอันยาวนานของลุฟท์ฮันซ่าในประเทศไทยกว่าหกทศวรรษ ปัจจุบันเราให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมากกว่ากลุ่มสายการบินในยุโรปอื่น ๆ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาให้บริการด้วยเครื่องบิน A380 ไปยังกรุงเทพฯ อีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว”

ความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ลุฟท์ฮันซ่าใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการพัฒนาบริการของสายการบิน ตั้งแต่การปรับปรุงยกระดับเครื่องบินให้ทันสมัยไปจนถึงการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลุฟท์ฮันซ่ามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือชั้น มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และน่าประทับใจให้กับผู้โดยสารชาวไทยไปพร้อมกัน

ลุฟท์ฮันซ่ามีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้น่าประทับใจสำหรับผู้โดยสารทุกคน เพื่อรักษาความเป็นเลิศในการบริการบนน่านฟ้าต่อไปอีก 65 ปี

5 องค์กรพันธมิตร หนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างยั่งยืน

งานเริ่มขึ้นโดยการแสดงชุดพิเศษ จากศูนย์วัฒนธรรมไทดำ บ้านไผ่หูช้าง

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เวลา 10.30 น . สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.), สมาพันธ์ เอสเอ็มอี ไทย จ. นครปฐม , สมาคมท่องเที่ยว จ.นครปฐม ชมรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จ. นครปฐม ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.นครปฐม และสนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ แถลงข่าวการแข่งขันกีฬากอล์ฟ ครั้งที่ 1 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสุขภาพ และกระจายรายได้สู่ชุมชนประกอบด้วย นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.), นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์ เอสเอ็มอี ไทย จ. นครปฐม นางวรินทร ทองพูน ประธานชมรมกีฬาและท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จ.นครปฐม นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ประธานบริหารสนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ร่วมงาน โดยมีนางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำคณะสื่อมวลชนร่วมงาน ซึ่งการแข่งขันกีฬากอล์ฟครั้งที่ 1 จะมีขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นี้ ณ สนามกอล์ฟ ไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม

นางวรินทร ทองพูน ประธานชมรมกีฬาและท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จ.นครปฐม กล่าวถึง การจัดงานในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของหลายองค์กร เพื่อร่วมมือกันในการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างแท้จริง ซึ่งจังหวัดนครปฐมประกอบด้วย 7 อำเภอ กิจกรรมนี้ถือเป็นการนำร่อง
ซึ่งสนามกอล์ฟ ฯ แห่งนี้นอกจากใกล้กรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีการออกแบบอย่างสวยงาม มีความเป็นธรรมชาติ และมีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับโลกและพร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมมอบของรางวัลต่างๆ มากมาย โดยได้รับการสนับสนุนจากทางสนามกอล์ฟและจากองค์กรต่างๆ

ด้านนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่สำเร็จในการขยายโอกาสให้กับนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครปฐม ไม่ใช่แค่เรื่องกอล์ฟ แต่สำหรับทุกภาคส่วน นครปฐมมี 7 อำเภอ เราทุกภาคส่วนจะหาทางช่วยเหลือว่าทำอย่างไร จึงจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามา เป้าหมายของเราต่อไป เราจะเป็นแนวร่วมในการขับเคลื่อนและขยายโครงการต่างๆ เพื่อสร้างกิจกรรมให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้จะมีการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในแบบการพักค้างคืน อาจจะแบบมาเที่ยว 2 วัน 1 คืน โดยมีการเข้ามาเที่ยว มาพักและมาทานอาหารตามสถานที่ต่าง ๆ ของจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดนครปฐมมีความพร้อมอยู่แล้ว ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการตลาด ด้านการท่องเที่ยว ด้านวัฒนธรรมขณะที่นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์ เอสเอ็มอี ไทย
จ. นครปฐม กล่าวว่า ทางจังหวัดนครปฐมมีความพร้อมในการเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในจังหวัด ซึ่งเอสเอ็มอี ในจังหวัด มีผลิตภัณฑ์
มีร้านอาหาร และสินค้าต่างๆ เรามีสินค้าแบรนด์ระดับประเทศ มีแบรนด์วีแกน และยังมีเอสเอ็มอี อีกหลายพันรายที่ ที่ต้องการการสนับสนุนเพื่อเชื่อมโยงในการสร้างสิ่งใหม่ๆ แก่ชุมชน

นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ประธานบริหารสนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ กล่าวว่า สนามกอล์ฟ ฯ มีความยินดีในการสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกทางหนึ่ง
ซึ่งต้องบอกว่า เอสเอ็มอี เป็นเสาหลักของประเทศจริงๆ การก่อร่างสร้างตัวประเทศที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งได้ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน ส่วนหนึ่งมาจากเอสเอ็มอีที่มีความมั่นคง ผมดีใจที่เอกชนมาช่วยกันเรื่องนี้ ก็ให้กำลังใจ เรารับรู้กันอยู่แล้วว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้หันหน้ามามอง จะเหนื่อยมากๆ แต่ผมจะเป็นกำลังใจให้ ร้านค้าต่างๆ ของตำบล อำเภอ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่วันนี้เราได้เห็นแล้วว่า ได้มีองค์กรที่มาช่วยกันดันเอสเอ็มอี ในชุมชนต่างๆของจังหวัดนครปฐมขึ้นมา เรายืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า พร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ นี้อย่างเต็มที่และจะสนับสนุนไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดอีกด้วย

ด้านนาง วรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า การแข่งขันกีฬากอล์ฟครั้งที่ 1 ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมดีดีที่จะส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่ง คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาได้ สนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นสนามกอล์ฟตัวอย่างที่เป็นที่ชื่นชอบของนักกีฬากอล์ฟระดับโลกที่เข้ามาแข่งขันแล้ว และมีความพร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยว

การแข่งขันกอล์ฟครั้งที่ 1 เปิดรับสมัครนักกอล์ฟสมัครเล่น ทีมละ 5 ท่านดวลวงสวิง โดยมีค่าสมัครทีมละ 15,000 บาทเพื่อหาทีมชนะเลิศชิงถ้วยรางวัลจาก พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภาซึ่งแบ่งประเภทรางวัลและรางวัลพิเศษดังนี้ ถ้วยรางวัลชนะเลิศ ประเภททีม 1 รางวัล ถ้วยรางวัลชนะเลิศ GROSS SCORE 3 รางวัล ถ้วยรางวัลชนะเลิศ NET SCORE 3 รางวัล ถ้วยรางวัลบู้บี้ 1รางวัล นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ 1รางวัล จากคุณประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ผู้บริหาร สนามกอล์ฟไดนาสตี้ฯ เป็นบัตรรับประทานอาหารฟรี ในวันธรรมดาจำนวน 2 รางวัล รางวัลละ4 ท่าน มูลค่ารวมเป็นเงิน 5,600 บาท พร้อมด้วยรางวัลจากผู้ให้การสนับสนุนอีกมากมาย การแข่งขันในครั้งนี้เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งรายได้จากการจัดการแข่งขันส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย มอบให้กับผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ตามความเหมาะสมต่อไป

ภายหลังจากการแถลงข่าว การแข่งขันกีฬากอล์ฟ ครั้งที่ 1 ทางชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ยังได้นำคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการ
ศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา นครปฐม ซึ่งเปิดอบรมหลักสูตรนวดวัดโพธิ์และบริการนวดแผนโบราณต้นตำรับวัดโพธิ์ โดยมีคุณเสรัชร์ ตั้งตรงจิตร ผู้บริหารให้การต้อนรับ

#toptotravel
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว

กลิ่นไอดิน คาเฟ่ ของ เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ สไตล์ธรรมชาติกลางป่ากลางเขา บรรยากาศสุดกรีน

กาแฟกลิ่นไอดิน Cafe & Restaurant ฟีลธรรมชาติ บรรยากาศดี
ในวันที่แดดจ้ากำลังดี เรื่องมันมีอยู่ว่า กลิ่นไอดิน ชื่อของคาเฟ่ มีกลิ่นอายที่ทำให้เรารู้สึกดีในธรรมชาติ ย้ำเตือนให้ระลึกถึงความทรงจำของการเชื่อมโยงกับธรรมชาติซึ่งกลิ่นแต่ละกลิ่นที่ออกมาจะมีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง rเจ้าของร้านต้อนรับเราด้วยเวลคัมดริงก์ สีสดใสทั้งแบบร้อนและเย็นชื่นใจให้เรานั่งพักคลายร้อนจากการเดินทาง เสมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ท้ายที่สุดมันก็เลยออกมาเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานสิ่งที่ทุกคนอยากทำเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว

วันนี้เราตั้งใจปักหมุดไปที่ ร้านกาแฟที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ท่ามกลางบรรยากาศร่มครึ้มของต้นไม้ที่ขึ้นตามริมถนน อีกหนึ่งร้านกาแฟที่จังหวัดกำแพงเพชร ไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดี ยังมีกาแฟกลิ่นไอดิน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ที่น่าสนใจพาตัวเองออกไปหาความสุข ด้วยการนั่งจิบกาแฟ พักผ่อนชิลๆ เป็นลานระเบียงแบบเก้าอี้ โต๊ะไม้ มองเห็นวิวบ่อปลาด้านล่าง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านท้ายที่สุดมันก็เลยออกมาเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานสิ่งที่ทุกคนอยากทำเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว บรรยากาศโดยรอบของที่นี่ยังคงให้ความรู้สึกสุขและสงบนิ่งทำให้คาเฟ่แห่งนี้ ทวีความอบอุ่นมากขึ้น

วันนี้ toptotravel พาทุกคนไปชิมกาแฟของ ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน พอเดินเข้ามาด้านในที่นี่เป็นทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ เป็นคาเฟ่ที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่มทั่วไปตามแบบฉบับของร้าน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกำแพงเพชร (ระยะห่างประมาณ 3 กิโลเมตร) เกิดขึ้นจากความตั้งใจจากคอกาแฟชาวกำแพงเพชร ตัดสินใจกลับบ้านมาดูแลครอบครัว พี่หนุ่ยก็อยากมาช่วยแฟนและสร้างความมั่นคงไปด้วยกันที่นี่เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ ในบรรยากาศอบอุ่นเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ที่บ้าน ทุกมุมในร้านสามารถเป็นมุมถ่ายรูปได้สวยเก๋ไม่ซ้ำใคร ร้านนี้เกิดจากความชอบและตัวตนของเจ้าของร้าน เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ (โอ๋ ) ชาวกำแพงเพชร และภรรยาเป็นชาวกำแพงเพชร คาเฟ่บนที่ดินของครอบครัว ทั้งคู่ตั้งใจให้ร้านนี้เป็นคาเฟ่สไตล์โฮมมี่ บรรยากาศเหมือนห้องรับแขกต้อนรับเพื่อนฝูง เหมาะกับการอ่านหนังสือ หรือนั่งทำงาน เราสะดุดตากับเปียโนเก่า เปียโนอังกฤษโบราณปลายยุคคลาสสิค ทุกอย่างในมุมนั้นดูเรียบแต่ว่ามีเสน่ห์ สไตล์ร้านและสวนโดยรอบเป็นการรวมความชอบของทุกคนในครอบครัว ล้อมรอบไปด้วยสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งมีสไตล์ต่างออกไปจากที่เคยเห็น ตามมุมสวนตกแต่งด้วยของพื้นเมืองที่หาได้ในพื้นที่ ของสะสมของครอบครัว และต้นไม้หลากหลายชนิด พื้นที่สนามหญ้า และสวนรอบๆ ปลูกต้นไม้จัดสวนเต็มพื้นที่ ด้วยความตั้งใจว่าอยากทำให้บ้านนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รายละเอียดทุกอย่างในร้านเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่ พี่โอ๋ เสฏฐวุฒิ หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้อยากแชร์บรรยากาศที่บรรจุรายละเอียดไว้เต็มๆ

ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นกันเอง สะดวกสบาย เป็นคาเฟ่ที่ไม่เหมือนคาเฟ่ทั่วไป ไม่ได้เพอร์เฟกต์ แต่ต้องเป็นคนต้องการธรรมชาติ รักความสงบ เพราะร้านไม่พลุกพล่าน ตั้งอยู่บนโลเคชั่นธรรมชาติสนามหญ้าเขียวๆ กลางไร่อ้อน บรรยากาศดี โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ร้านถูกตกแต่งไปด้วยกระจกบานใหญ่ สามารถมองวิวทิวทัศน์โดยรอยได้ บรรยากาศดี ร่มรื่น น้ำในบึงที่มีสปริงเกอร์หมุนวนก็ช่วยลดอุณหภูมิ ที่นี่จึงเหมาะแก่การนั่งชิลๆ พักผ่อนสบายๆ ภายในร้านมีที่นั่งทั้งโซนด้านนอกและด้านใน ให้ลูกค้าเลือกนั่งตามสบาย ใครอยากนั่งโซนในห้องแอร์ที่มีวิวกระจกบานใหญ่มองเห็นบรรยากาศรอบๆ ไร่อ้อย-ไร่มันอันกว้างใหญ่ เมนูอาหารของทางร้านที่ตั้งใจทำทุกขั้นตอนในเมนูสไตล์ไทย และเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหายเมนู สดชื่นหวานซ่าในเมนูโซดา หรือจะจิบเข้มๆ กับกาแฟ

เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ (โอ๋ )
เสฏฐวุฒิ นิธิโชคประเสริฐ และความอบอุ่นของครอบครัว ที่เคียงข้างด้วย คุณพรทิพย์ ภรรยา
และน้องธันยาภัทร์ บุตรสาว

ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน เลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นหลัก และมีเมล็ดพิเศษหมุนเวียนมาให้ลูกค้าลองกันเรื่อยๆ ส่วนอาหารสไตล์โฮมมี่ที่ขายในร้านจะเน้นเมนูที่กินง่ายและรสชาติถูกปากคนไทย เสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่ม หลากเมนูเด็ดไทย-อีสาน ปรุงแบบเชฟบ้านๆ มาแบบจานใหญ่ให้เยอะ และอาหารจานหลักที่ทำจานต่อจาน คุ้มค่า คุ้มราคา กับกาแฟดีๆ อาหารอร่อย บรรยากาศโดยรอบท่ามกลางบรรยากาศชาวสวนชาวไร่ มองไปมีทั้งสวนมะพร้าว ไร่อ้อย ไร่มัน เป็นอีกเสน่ห์ที่ต่อยอดมูลค่าของท้องถิ่นสำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมธรรมชาติเย็นๆก็มีซุ้มส่วนตัว ให้นั่งชิลๆ ดูปลา มองท้องฟ้าเพลินๆ พร้อมชื่นชมบรรยากาศสวยๆ ได้ ใครสายที่เน้นการถ่ายรูปบอกเลยว่าที่ร้านมีมุมสวยน่ารัก มากมาย อยากให้ทุกคนได้มาลิ้มลองกัน

เมนูแนะนำ : กุ้งถังทะเล
เมนูแนะนำ : ขาหมูเยอรมัน
เมนูแนะนำ : ตำกลิ่นไอดิน
เมนูแนะนำ : สายใยกลิ่นไอดิน

ใครแวะมาเที่ยวกำแพงเพชร ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด มาเยือนมาสัมผัสกับความอบอุ่นของร้านแห่งนี้ วันหนึ่งคงจะเห็นสนามฟุตบอล สนามกีฬาสำหรับเยาวชนในชุมชนแห่งนี้ การกลับมาบ้านเกิดของครอบครัวนี้
ถือเป็นอีกหนึ่งบริบทของคนที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ในเมือง และพร้อมแล้วที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิดด้วยหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเยาวชนและชุมชน ของจังหวัดกำแพงเพชร หากวันไหนที่คุณอยากผ่อนคลาย จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ สักแก้ว
และเริ่มต้นบทสนทนาดีๆ พื้นที่หน้าบาร์ของ กลิ่นไอดิน ยินดีต้อนรับคุณเสมอ

ใครแวะมาเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชร ลองมาแวะที่ ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน
ทเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
ร้านกาแฟกลิ่นไอดิน Earthy Coffee
ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
กาแฟสด เปิด 07:00-18:00 น.
ครัวเปิด 10:00-20:00 น.
เบอร์โทร 082 4959798 และ 061 9428996

ร้านอยู่ ซอยสุขุมวิท1 ข้างอนามัยบ้านใหม่
พิกัด : https://goo.gl/maps/2yzv7sAVmDEjcEmaA

#คาเฟ่กำแพงเพชร
#ร้านอาหารกำแพงเพชร
#kamphaengphet
#คาเฟ่กลิ่นไอดิน
#toptotravel

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส

ทีเส็บ เดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออก จัดกิจกรรมแฟมทริป สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซีกิจกรรมแฟมทริปในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด FAM TRIP
One More Step of a Prosperous EEC ก้าวไปอีกขั้น…มุ่งสู่ความสำเร็จ

โดยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และ สื่อมวลชนกว่า 30 ราย ร่วมเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านความหลากหลายของ
อัตลักษณ์เชิงพื้นที่และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงที่มีคุณค่าทั้งในด้านความพร้อมเชิงโครงสร้างของภาคตะวันออก ความพร้อมของการจัดงานไมซ์ รวมถึงการสัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์ชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ พร้อมการเรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำขนมเปี๊ยะ และเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเราตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะ แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ

ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม ที่ตั้งอยู่ กม.13 ทางหลวงสายฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราในช่วงแรกคุณปิยะพรคิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ อลังการริม ถ.บางปะกง-ฉะเชิงเทรา
ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม สัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม “ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ” โดยคุณปิยะพร ตันคงคารัตน์


สิ่งที่ทำให้ครอบครัว ตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะให้เรา แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ” ในช่วงแรก คุณปิยะพร คิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ
เวลาเปิด – ปิด
จ. – พฤ เวลา 08.00-17.30 น.
ศ. – อา เวลา 08.00-19.00​ น.

พิกัด ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา
https://maps.app.goo.gl/PNEPB62AhJ1Fvzg39?g_st=ic

สั่งซื้อสินค้าออนไลน์
Shopee: https://shopee.co.th/tsj1932
Line : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=tsj1932
https://www.facebook.com/tsjsaenphudat
ig : https://instagram.com/tsjsanphudat
tiktok : https://www.tiktok.com/@tsj1932sanphudat

#toptotravel #MICE #minieecfair2024
#TCEB #CENTRALEASTERNMICE #ECCMICEFAMTRIP2024
#EEC #eccmicefamtrip2024

Mini EEC Fair 2024 เปิดงานยิ่งใหญ่

ดึงทุนสู่ EEC พร้อมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าการลงทุนระดับโลก

พัทยา 8 ตุลาคม 2567 – สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือ สกพอ. จัดงาน Mini EEC Fair 2024 ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน ชูแนวคิด “EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals”

ตั้งเป้าดึงเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์แห่งอนาคตเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,500 คนจากทั้งในและต่างประเทศ

ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวในพิธีเปิดงานว่า “Mini EEC Fair 2024 เป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพื้นที่ EEC ในการรองรับการลงทุน ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายสนับสนุน และการให้สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่จูงใจ มั่นใจว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนครั้งใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด

พื้นที่ EEC ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักลงทุน ปัจจุบันการดึงการลงทุนจึงต้องวางแผนและรับเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะการลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยฟื้นและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ EEC มีความพร้อมทั้งเรื่องของสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ข้อกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิติกส์ สาธารณูปโภค และสภาพแวดล้อม ที่จะสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศได้”

ด้านนายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า “งาน Mini EEC Fair 2024 เป็นการใช้การจัดงานหรือไมซ์ ช่วยขับเคลื่อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุน การจัดประชุมและนิทรรศการในภูมิภาค พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลไกไมซ์ในการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการ มั่นใจว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการใช้อุตสาหกรรมไมซ์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่ EEC ทั้งใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมและ 5 อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของประเทศ การผลักดันอุตสาหกรรมเหล่านี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน”

กิจกรรมสำคัญของงานวันนี้เริ่มต้นด้วยปาฐกถาพิเศษโดย ดร. จุฬา สุขมานพ ในหัวข้อ “EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals” นำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาของ EEC ในอนาคต ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวและความยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น ต่อด้วยการเสวนาเรื่อง “บทบาทภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC” โดยผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับโอกาสทางการเงินสำหรับนักลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วงบ่าย มีการนำเสนอหัวข้อ “5 Clusters Business Opportunities: Status/Eco System/New Trend” ครอบคลุมโอกาสทางธุรกิจใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล BCG การแพทย์ และอุตสาหกรรมบริการ โดยผู้อำนวยการจากสำนักต่าง ๆ ของ สกพอ. การนำเสนอนี้ได้เผยให้เห็นถึงสถานะปัจจุบัน ระบบนิเวศ และแนวโน้มใหม่ของแต่ละอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น EECi, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, และการใช้งาน 5G ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ EEC OSS: การบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุน

การสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Trends for Enhancing Country’s Competitiveness” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย การบรรยายเรื่อง “Increase High Business Potential for Future Competitiveness” จาก TMA Center for Competitiveness และการเสวนาหัวข้อ “Support for Start-up in EEC” โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำ บริษัท Fintech ที่ประสบความสำเร็จ และกองทุนที่ลงทุนในนวัตกรรม การสัมมนานี้นำเสนอแนวทางการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและการสนับสนุน Start-up ในพื้นที่ EEC ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือกิจกรรม “Thailand EEC Wellness MICE Destination” ซึ่งมีการจัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Shaping the Future of Wellness Investment in EEC” โดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการ การสัมมนานี้นำเสนอวิสัยทัศน์และโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและสุขภาวะ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ EEC ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการจัดงานไมซ์ระดับโลก

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอแนวคิด “EEC Medical & Wellness Hub for the Future” ซึ่งมุ่งสร้างศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพในพื้นที่ EEC ให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข การส่งเสริมนวัตกรรมทางการแพทย์ และการยกระดับคุณภาพการบริการด้านสุขภาพ เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยในประเทศและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากทั่วโลก พร้อมมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภาคตะวันออก และการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเติบโตของ EEC

งาน Mini EEC Fair 2024 จะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานในวันสุดท้าย สามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) โทร. 02-694-6000 และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โทร. 02-033-8000

สายสีแดง จัดกิจกรรม CSR ตั้งศูนย์บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดกิจกรรม “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” เดินหน้าสานต่อโครงการ CSR เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์จำนวน 9 คัน ให้แก่ชุมชน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า โครงการ “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” เกิดขึ้นจากความตั้งใจของบริษัทฯ ที่ต้องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีของชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยเฉพาะชุมชนหมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 7 ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีหลักหก ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและสภาวะแวดล้อม ที่มีการแพร่ระบาดของโรคต่างๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มุ่งเน้นในเรื่องของการสนับสนุนชุมชนในการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพ การให้ความรู้ด้านสุขอนามัย และการส่งเสริมการป้องกันโรคภายในชุมชน เพื่อให้ประชากรทุกคนในชุมชนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากการส่งเสริมด้านสุขอนามัยแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์จำนวน 9 คัน ให้แก่ชุมชน เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว ถือเป็นการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการสานต่อจากความสำเร็จในปีแรก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในชุมชน โครงการ “สายสีแดง ห่วงใย สุขอนามัยชุมชน ปี 2” จัดขึ้นในวันที่ 6-7 กันยายน 2567 ณ โรงเรียนวัดรังสิต โดยภายในงานยังได้รับเกียรติจาก “แอมป์” พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ นักแสดงจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง7 มาร่วมกิจกรรมภายในงานด้วย โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนและโรงเรียนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความร่วมมือและขับเคลื่อนกิจกรรมที่ช่วยยกระดับสุขภาพและชีวิตของประชาชน บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอย่างยั่งยืน และพร้อมที่จะสานต่อโครงการ CSR ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ …ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิมอันวิจิตร มูลค่านับพันล้าน โดยปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ผู้รังสรรค์สัญลักษณ์มงคลแห่งพระราชวังต้องห้ามอันลือนามที่สุดแห่งงานจิตรกรรมอันวิจิตรงดงามและหาชมยากยิ่งแห่งทศวรรษ กับนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสานด้วยพุทธศาสนาอย่างลงตัว หนึ่งในสถานที่ซึ่งได้รับการโหวตได้รับคะแนนสูงสุดให้เป็นสุดยอด Unseen น่าเที่ยวประจำจังหวัดสระบุรี ขอชวนทุกท่านร่วมชมงานนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย ชมสุดยอดฝีมือไฟน์อาร์ต ท่ามกลางหุบเขางดงาม โดยศิลปินฝีมือลือเลื่องในระดับสากล ปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินผู้ฝากผลงานไว้ในพระราชวังต้องห้าม ณ ประเทศจีน ซึ่งท่านได้ให้เกียรตินำงานศิลป์ที่บรรจงวาดพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยมีเทคนิคพิเศษหนึ่งเดียวในโลก ขนาดยักษ์

สุุดถึง 4 เมตร มาจัดแสดงมากถึง 6 ภาพ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งพันล้านบาท จัดงานแสดงนิทรรศการภาพเขียน “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” โดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินนักวาดภาพพระพุทธศาสนาระดับหอเกียรติยศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำศิลปะแห่งศรัทธาจากฝั่งตะวันออก ได้รับความนิยมจากฝั่งตะวันตก จากความสำเร็จในการแสดงภาพวาดที่โรม ฟลอเรนซ์ ซิดนีย์ ลอนดอน และปารีส ผลงานโดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ จึงได้รับการยกย่องจากวงการศาสนาว่าเป็นบุคคลที่สร้างผลงานให้มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งรูปแบบโบราณและสมัยใหม่ จนทำให้พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ พากันสะสม และหลายชิ้นถูกนำไปเป็นของขวัญแห่งชาติ มอบแด่ผู้นำของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ในปี 2014 อาจารย์หวัง ฉางลี่ได้ออกแบบมังกรและหงส์น่ารักคู่หนึ่งชื่อว่า “จ้วงจ้วงและเหม่ยเหม่ย” และได้รับเลือกเป็นสัญลักษณ์มงคลของพระราชวังต้องห้ามอีกด้วย

จากการที่อาจารย์ได้มีโอกาส มาเยือนหอมนสิการ แล้วเกิดความประทับใจในความสงบงามของสถานที่ อาจารย์จึงตัดสินใจนำภาพเขียนสุดพิเศษทั้ง 6 ภาพนี้มาจัดแสดง จึงเกิดงาน แสดงนิทรรศการภาพเขียนต้นฉบับพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย นิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์ครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชิดชูคุณธรรมอันสูงส่งของพระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา คอยขจัดปัดเป่าทุกข์โศก บันดาลพรและความสุขให้มวลมนุษย์ พระองค์เป็นที่ศรัทธาอย่างยิ่งโดยเฉพาะชาวจีน และเพื่อสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันงดงามระหว่างไทยและจีน ผ่านงานศิลปะชั้นสูงที่มีความเป็นสากล โดยสุดยอดฝีมือศิลปินชาวพุทธประจำชาติระดับหอเกียรติยศของสาธารณรัฐประชาชนจีน กับผลงานศิลปะพู่กันจีนที่ถูกยกย่องให้เป็นจิตรกรรมวิจิตรลายเส้นที่งดงามและทรงคุณค่า

อาจารย์หวัง ฉางลี่ ได้สร้างสรรค์เทคนิคพิเศษเพียงหนึ่งเดียว ทั้งกระดาษและสีที่ทำขึ้นเอง ด้วยเคล็ดลับเฉพาะตัวที่ไม่มีการถ่ายทอดให้แก่ผู้ใด ปณิธานของอาจารย์ที่ตั้งมั่นคือการวาดภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนทั้งหมด 33 ปาง ปัจจุบันท่านได้วาดเสร็จแล้วจำนวน 11 ปางด้วยกัน และจะนำมาจัดแสดงให้ทุกท่านเข้าชมในครั้งนี้จำนวนมากถึง 6 ปาง
ปางที่ 1. พระโพธิสัตว์กวนอิมจ้งเป่า ผู้มีพลังอันไร้ขอบเขต และเปี่ยมด้วยคุณงามความดีที่นำมาซึ่งประโยชน์และความมั่งคั่งแก่โลก
ปางที่ 2. พระโพธิสัตว์กวนอิมเหลียนอั้ว ผู้ทรงมีโพธิญาณแห่งการนำโชค สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งทางกายและใจ ช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงอย่างไม่มีอุปสรรค
ปางที่ 3. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยางหลิ่ว ผู้สามารถขจัดภัยพิบัติและโรคภัยทั้งปวง บันดาลลมฝนสม่ำเสมอตกต้องตามฤดูกาล ผลผลิตทางการเกษตร ผลิดอกออกผล ประเทศชาติมั่งคั่ง ประชาชนผาสุก
ปางที่ 4. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยวนกวง ผู้ทรงขจัดปัดเป่าภัยพิบัติและความยากลำบากในชีวิตให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นำพาซึ่งความสงบสุขและความยินดีมาให้
ปางที่ 5. พระโพธิสัตว์กวนอิมเต๋อหวัง สัญลักษณ์ของคุณธรรมอันล้ำเลิศ หรือ ธรรมราชา เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้าในงานราชการ ตำแหน่งสูงส่ง และอำนาจยิ่งใหญ่ ประชาชนทุกคนเคารพนับถือ
ปางที่ 6. พระโพธิสัตว์กวนอิมฉือเหลียน ปกปักคุ้มครองลูกหลานให้มีความสามารถโดดเด่นเป็นเลิศ เจริญรุ่งเรือง

ภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมทุกภาพ สร้างสรรค์ชิ้นงานบนกระดาษและสีที่สร้างขึ้นเฉพาะด้วยเคล็ดลับที่จะไม่มีวันถ่ายทอดให้กับผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอัจฉริยภาพของศิลปินที่สามารถเขียนภาพพระโพธิสัตว์ให้มีใบหน้างดงาม เปี่ยมล้นด้วยกระแสเมตตาและรายละเอียดในองค์ประกอบน้อยใหญ่ ทำให้ผลงานของอาจารย์หวัง ฉางลี่ มีมูลค่าสูงเริ่มต้นตั้งแต่สองล้านเหรียญสหรัฐ ถูกจัดว่าเป็นภาพวาดที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคนี้อย่างแท้จริง

การได้ชมภาพวาดชั้นสูงในนิทรรศการ “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามอันลงตัวของความสงบงามและทิวทัศน์ของหุบเขาพระพุทธบาทน้อย ที่สวยงามลงตัวของ “หอมนสิการ” หนึ่งเดียวใน จังหวัดสระบุรี ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากนักท่องเที่ยวในโครงการ UNSEEN NEW CHAPTER 2023 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังสามารถเข้าชมนิทรรศการหลักของหอมนสิการ “Journey to the Life of Buddha” ที่จัดแสดงประวัติองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาลในรูปแบบสื่อผสม พร้อมเข้าสักการะองค์ “พระบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปปิดทองคำแท้เนื้อสัมฤทธิ์ที่ประดิษฐานภายในหอจัตุรัสเพื่อความเป็นสิริมงคล

กำหนดการจัดแสดงนิทรรศการ เริ่มวันที่ 1 กันยายน ถึง 14 ตุลาคม 2567 เปิดใจให้ศิลปะชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยพระมหาเมตตา งดงามยิ่งขององค์พระโพธิสัตว์ นำความเป็นสิริมงคลและความปลื้มปิติ พิสูจน์ความงามที่ถูกจิตรกรเสกสรรจะเปล่งประกายเอิบอาบจิตใจของผู้คนได้เพียงใด เชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสด้วยตนเอง ณ อาคารรับรองหอมนสิการ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นอกจากนี้ผู้ชมยังสามารถเข้าชมหอมนสิการนิทรรศการจำลองมรรคา Journey to the Life of Buddha ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในรูปแบบสื่อผสมอีกด้วย
บัตรเข้าชมจำหน่ายในราคา:

  • คนไทย: 250 บาท
  • ชาวต่างชาติ: 500 บาท
  • เด็กต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียงครึ่งราคา
    ซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่
    https://megatix.in.th/events/wang-changli-at-manasikarn