สยามยอชท์คลับ จุดนัดพบสุดชิคแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

สยามยอชท์คลับ คือ มิติใหม่ของร้านอาหารและบาร์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผู้
มาเยือน เปิดประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารและการสังสรรค์ พร้อมสัมผัสกับสุนทรียรสของอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และเรื่องราววัฒนธรรมการกินของกรุงเทพฯ เมืองหลวงแห่งวิถีทางวัฒนธรรมแห่งอาหารระดับโลกได้ที่ สยามยอชท์คลับ รับประทานอาหารและพบปะสังสรรค์ที่แตกแต่งไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง สยามยอชท์คลับ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยที่ผู้มาเยือนจะได้รับประสบการณ์ครบสัมผัสทั้ง 5 ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส เพื่อเติมเต็มความสุขของการรับประทานอาหารและการสังสรรค์ได้อย่างแท้จริง

ณัฐฑินี วิเศษชัยศิลป์
Assistant Director of Marketing Communication
Royal Orchid Sheraton Hotel& Towers

วันนี้ทีมงาน Toptotravel ได้รับเกียรติจาก คุณณัฐฑินี วิเศษชัยศิลป์ Assistant Director of Marketing Communication Royal Orchid Sheraton Hotel& Towers ด้พูดคุยกันเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง
ได้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบอันชาญฉลาด ของ สยามยอชท์คลับ เปิดมุมมองมิติใหม่ของร้านอาหารและบาร์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อันกว้างไกลและทัศนคติที่ดี หลายหลากหลายเรื่องราวสำหรับในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้

สยามยอชท์คลับ ตั้งอยู่บนโค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามของทั้งฝั่งเมืองเก่าและฝั่งเมืองใหม่ได้อย่างชัดเจนแล้ว
ยังอยู่ใกล้กับถนนเยาวราชและเจริญกรุง แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ผสมผสานวัฒนธรรมรวมถึงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและสมัยได้อย่างลงตัว เช่นอาคารที่ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง ไปรษณีย์กลาง

สยามยอชท์คลับ ไม่ใช่เป็นเพียงร้านอาหารและบาร์ แต่เป็น ‘จุดนัดพบสุดชิคแห่งใหม่’ ของคนกรุงเทพฯ เป็นสถานที่นัดรวมตัวกันสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งกลุ่มเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะมารับประทานอาหาร พบปะสังสรรค์ ประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการ ปาร์ตี้ส่วนตัวหรือกิจกรรมอื่นสามารถนั่งดื่มนั่งชิลและเพลิดเพลินกับการฟังดนตรีสด หรือฟังเพลงจากดีเจชั้นนำได้ตามชอบ รวมไปถึงทำเลและบรรยากาศที่ดีเหมาะสมและให้บริการที่ดีที่สุด

เริ่มต้นสัมผัสแรกจากความสวยงามโดดเด่นของการตกแต่งภายใน และความสะดวกสบายรวมถึงอุปกรณ์และเครื่องใช้บนโต๊ะ ตามด้วยการสัมผัสได้ถึงกลิ่นเครื่องเทศของไทยและลิ้มรสชาติอาหารที่หลากหลายไปพร้อมกับจิบไวน์ชั้นเลิศระดับโลก เติมเต็มความสุขให้ครบทุกสัมผัสกับการแสดงดนตรีสดที่คอยบรรเลงขับกล่อมที่ช่วยเพิ่มสุนทรียรสของการรับประทานอาหารให้มีอรรถรสยิ่งขึ้นดำเนินไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

โซนการทำอาหาร ที่นี่ถูกออกแบบเป็นครัวเปิด (open-kitchen) เพื่อให้มองเห็นการทำงานของเหล่าเชฟที่ประสานสัมพันธ์กันในทุกขั้นตอนของปรุงอาหารแบบยุโรปสมัยใหม่ที่ผสมผสานวิธีการปรุงแบบชาวตะวันตกให้เข้ากับวัฒนธรรมการปรุงอาหารแบบเอเชียดั้งเดิม รวมถึงกระบวนการเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายของไทยซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

Crab Paccheri

ส่วนพื้นที่สำหรับรับรอง มีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งแบบ indoor (ห้องแอร์) และนั่ง
ชิลล์ริมแม่น้ำแบบ outdoor เพื่อให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและสัมผัสประสบการณ์ในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้ในแบบที่เป็นคุณตามใจปรารถนา นอกจากนี้ยังมีห้องวีไอพีสำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกัน สยามยอชท์คลับ ยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่จัดได้ได้หลากหลายรูปแบบ

อาหารที่สยามยอชท์คลับ มีคอนเซปต์และรูปแบบโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จากการรังสรรค์ โดยฝีมือเชฟนุ ณัฐชยพงษ์ หอมสมบัติโชติ หัวหน้าพ่อครัว สยามยอชท์คลับ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน แอนด์ ทาวเวอร์ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ ที่ผสมผสานวิธีการปรุงอาหารระหว่างอาหารแบบยุโรปสมัยใหม่กับอาหารแบบเอเชียต้นตำรับ

เชฟนุ-ณัฐชยพงษ์ หอมสมบัติโชติ
Cod Fish Miso Glazed
Chili Garlic White Sea Prawns

เชฟนุ-ณัฐชยพงษ์ หอมสมบัติโชติ
หัวหน้าพ่อครัว สยามยอชท์คลับ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน แอนด์ ทาวเวอร์
ความหลงใหลในการทำอาหารของเชฟนุ เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูจากคุณย่า ผู้ซึ่งมักจะเรียกใช้ให้เขาช่วยงานในครัวอยู่เสมอ เชฟนุในวัยนั้นแม้จะไม่ชอบ เพราะกลัวการสัมผัสเลือดหรือเห็นเนื้อเปื้อนเลือด แต่ด้วยความรักในการทำอาหาร และได้เรียนรู้มากขึ้นจากการไปจับจ่ายซื้อของในตลาดสด จนทำให้มีความเข้าใจและกลายมาเป็นผู้ที่ความเชี่ยวชาญในการสรรหาวัตถุดิบในทุกวันนี้

Broccolini Salad
Octopus
Black onyx Black Angus, Rangers Valley farms – Rib-eye marble
Cod Fish Miso Glazed
Boston Lobster Capellini
Banana Caramel Chocolate

เส้นทางสู่อาชีพเชฟของเชฟนุ เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่เดินทางไปศึกษาด้านไอทีที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เชฟนุมีความจำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพควบคู่ไปกับเรียนหนังสือ เริ่มด้วยการทำงานเป็นผู้ช่วยในครัวที่ร้านอาหารไทยซึ่งเป็นของพี่สาว มีโอกาสได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ส่วนผสม ขั้นตอนและวิธีการทำอาหารไทยจากพี่สาว จนเกิดแรงบันดาลใจและมีใจรักในการทำอาหาร ดังนั้น เมื่อจบการศึกษาด้านไอทีแล้ว เชฟนุจึงเดินหน้าตามความหลงใหลของตนเอง คิดสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ ขึ้นโดยการใช้กลิ่นและรสชาติที่คล้ายคลึงกันของส่วนผสมที่หาได้แล้วนำมาดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่น

Ahi Tuna
Black onyx Black Angus, Rangers Valley farms – Rib-eye marble

นอกจากนี้ เชฟนุยังเคยเป็นหัวหน้าพ่อครัวที่โรงแรมอาหารเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ความสำเร็จของเชฟนุ นั้นมาจากการที่เชฟได้สั่งสมประสบการณ์จากการทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ของคนทำครัว ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยเชฟ (Commis 1) ผู้ช่วยรองหัวหน้าเชฟ (Demi Chef) เชฟประจำห้องอาหาร (Chef de Partie) รองหัวหน้าเชฟ (Sous Chef) ในโรงแรมชั้นนำระดับห้าดาวหลายแห่งทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เชฟนุมี เชฟกอร์ดอน แรมซีย์ เป็นไอดอลและเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์และบุคลิกที่โดดเด่น โดยคติประจำใจในการทำงานของเชฟนุคือ “เมื่อสนุกกับทุกสิ่งที่ทำและทำอย่างความสุข สิ่งนั้นก็จะนำพาความสุขและความสำเร็จมาให้เรา”

นอกจากนี้ยังมีเครื่องที่เป็นซิกเนเจอร์ของสยามยอชท์คลับ อาทิ ‘Pier No.3’
(นำวิสกี้ญี่ปุ่น คาคูบิน และเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ไซรับ มาผสมผสานกันและเสิร์ฟในผลสับปะรดสดทั้งลูก) ‘Fireboat’ (เป็นการนำเหล้าวอดก้า มาลิบู คาราเมลไซรับ ขิงสด พริกและหอมแดงมาผสมผสานกัน จนได้ค็อกเทลที่รสชาติเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศและสมุนไพรไทย) ‘Maritime’ (เป็นการผสมผสานเหล้าโซจูของเกาหลี กับอเปโรล เบียงโค่ เวอร์มุต สปาร์คกลิ้งไวน์ และเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมแท่งรสผลไม้ ที่มีให้เลือก 3 รส ได้แก่เสาวรส ลิ้นจี่ สับปะรด) ‘Catamaran’ (เป็นการนำเหล้ารัมชั้นเลิศของไทย “พระยารัม” มาผสมผสานกับบลูคูราเซา น้ำเชื่อมมะม่วง น้ำเกรปฟรุต ใบสะระแหน่และเสิร์ฟพร้อมกับส้มโอชิ้นใหญ่) รวมทั้งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เช่น น้ำพันช์ผลไม้ สมูทตี้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือจะเป็นสูตรเฉพาะในแบบที่คุณโปรดปราน

สยามยอชท์คลับ สถานที่แฮงค์เอาท์สุดชิลแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดรับประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารและการสังสรรค์ที่แตกต่างของการรับประทานอาหารและการสังสรรค์สำหรับทุกคนและตอบสนองครบทุกการสัมผัสอย่างแท้จริง

สยามยอชท์คลับ ตั้งอยู่ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 01.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ https://www.sycbangkok.com
โทร. 02 266 0123 หรืออีเมล: siamyachtclub@sheraton.com

ค้นพบความอร่อยและรสชาติระดับตำนานอาหารจีนกวางตุ้งดั้งเดิม ห้องอาหารจีนไดนาสตี้

บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ “ติ่มซำแบบไม่อั้น” ใจกลางเมือง ห้องอาหารจีนไดนาสตี้ ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ Toptotravel ชวนมาจัดหนักจัดเต็มอิ่มอร่อยแบบสุดคุ้ม ที่ห้องอาหารจีนไดนาสตี้ อาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับ นำเสนออาหารร่วมสมัยที่โด่งดังและมรดกตกทอด เพื่อเชื่อมโยงครอบครัวและชุมชนผ่านอาหาร ความอบอุ่น และบริการที่หลากหลายเต็มไปด้วยรสชาติที่หลากหลายคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี เพื่อนำมาปรุงรสและมอบความอร่อยให้กับทุกท่านห้องอาหารไดนาสตี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดบุฟเฟ่ต์ติ่มซำอิ่มไม่อั้นกับเมนูอาหารจีนสุดเลิศ ประกอบไปด้วยเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย, ซุป, หลากหลายเมนูติ่มซำกว่า 35 ชนิด, เมนูข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว และของหวาน เลือกทานอาหารมื้อที่พิเศษกว่าใครด้วยโปรโมชั่นสุดพรีเมียม รับประกันความพอใจ ในราคา 988 บาทถ้วน/คน สำหรับบุฟเฟต์ติ่มซำ (รวมเครื่องดื่มชาจีนร้อน–เย็นแบบไม่อั้น) ในเวลา 2ชั่วโมง ราคานี้สงวนสิทธิ์ไม่ร่วมกับส่วนลดต่าง

ค้นพบความอร่อยและรสชาติระดับตำนานอาหารจีนกวางตุ้งดั้งเดิม และเมนูสุดประณีตในยุคจักรพรรดิจากเชฟผู้เชี่ยวชาญเชฟก้องซุ่น แซ่เลี่ยง ห้องอาหารจีนไดนาสตี้โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้งและย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ เปิดให้บริการอาหารจีนกวางตุ้งดั้งเดิม เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำห้องอาหารจีนไดนาสตี้ถอดแบบห้องอาหารจีนในตำนานที่มีชื่อเดียวกัน เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2526 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ห้องอาหารตกแต่งอาหารให้หรูหรา สวยงาม ประหนึ่งราวกับอาหารจีนที่ดีที่สุดรวมถึงอาหารระดับพรีเมี่ยม ผ่านการรังสรรค์เมนูจาก เชฟก้องซุ่น แซ่เลียง มีความชำนาญและเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจีนกวางตุ้งเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการใช้ส่วนผสมที่มีความสดใหม่ และความพิถีพิถันในการปรุงอย่างมืออาชีพ ประสบการณ์ด้านอาหารจีนให้คุณได้เลือกลิ้มลอง

ห้องอาหารจีนไดนาสตี้มีขนาด 800 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้นที่ 24 ของโรงแรมพร้อมทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานคร โดยมีพื้นที่รองรับลูกค้า ได้ถึง 200 ที่นั่ง ทั้งยังมีบริการห้องวีไอพีส่วนตัว 5 ห้อง เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือเลี้ยงสังสรรค์เฉพาะกลุ่ม ภายในตกแต่งแบบเอเชียร่วมสมัย

ห้องอาหารจีนไดนาสตี้แห่งนี้มีทั้งเมนู a la carte ถึง 102 เมนูสัมผัสถึงรสชาติของอาหารจีนกวางตุ้งแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย อย่าง สลัดกุ้งไดนาสตี้, ไก่แช่เหล้าแมงกระพรุนยำ, ลิ้นเป็ดพะโล้, ซาซิมิกุ้งลอบสเตอร์ และ หมูหัน หรือจะเลือกเมนูจานเด็ดประจำห้องอาหารจีนไดนาสตี้อย่าง กุ้งมังกรผัดกระเทียม ผัดเต้าซี่ ผัดเสฉวน หรือ ผัดซอสเอ็กซ์โอ, ขาห่านอบหม้อดิน, หมูผัดซอสเอ็กซ์โอ, เนื้อปลาเก๋าแดงผัดเปรี้ยวหวาน, ข้าวผัดเศรษฐี, รังนกแปะก๊วยกะทิตุ๋นในมะพร้าวอ่อนและอีกมากมาย เติมเต็มความอร่อยแบบจัดหนักจัดเต็มกับคาราวานติ่มซำไส้ทะลัก คำโต ณ ห้องอาหารจีนที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในย่านใจกลางกรุง ด้วยบรรยากาศและการตกแต่งห้องอาหาร รวมไปถึงสไตล์อาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับ เราพร้อมให้บริการความอร่อยแบบจัดเต็มกับติ่มซำบุฟเฟต์ ไม่ว่าจะเป็นของนึ่ง ของทอด ยกขบวนมาเสิร์ฟมากกว่า 35 รายการ

Dynasty ร้านตกแต่งสวยงาม พนักงานต้อนรับและบริการดีมาก มาเป็นคู่ ครอบครัว กลุ่มเพื่อนนั่งทานอาหารแบบสบาย สัมผัสความอร่อยมื้อใหญ่ ติ่มซำรสชาติต้นตำรับจากเชฟอาหารจีนยอดฝีมือระดับตำนาน รังสรรค์เมนูความอร่อยโดย เชฟก้องซุ่น แซ่เหลียง หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหาร ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเกรดพรีเมียม สะอาด สดใหม่ อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นกับบุฟเฟต์ติ่มซำ สดใหม่จากเตาทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวหลอดปูอลาสก้า, ขนมจีบเนื้อปูนึ่งเห็ดชิเมจิ, ฮะเก๋ากุ้ง, เกี๊ยวกุ้งนึ่งซอสปักกิ่ง, ซาลาเปาไส้ไข่เค็มลาวา, กรรเชียงปูนึ่ง, เผือกทอดไส้กุ้ง, ขนมชาเขียวทอดไส้แปะก๊วย และเมนูความอร่อยอีกมากมายที่จะชวนให้คุณน้ำลายสอ ในราคา 988 บาทถ้วน /ท่าน สำหรับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ (รวมเครื่องดื่มชาจีนร้อน – เย็น) ในเวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – รับออเดอร์สุดท้ายของติ่มซำบุฟเฟ่ต์เวลา 20.00 น. ราคานี้สงวนสิทธิ์ไม่ร่วมกับส่วนลดต่างๆ อาหารแต่ละเมนู ทานแล้วรับรู้ได้ว่าวัตถุดิบดี มีความพรีเมี่ยม แถมรสชาติอร่อยถูกใจ

อรทัย จูเปาะ ผู้ช่วยผู้จัดการ

Dynasty – Centara Grand at CentralWorld
ห้องอาหารจีนไดนาสตี้ ตั้งอยู่ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 12.00 น. – 22.30. น.
(รับออเดอร์สุดท้าย 21.30 น. สำหรับเมนูอลาคาร์ท)


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่

โทร. 02-100-6255
หรือ อีเมล์: diningcgcw@chr.co.th

ICS ชวนเปิดประสบการณ์ความอร่อยกับคาเฟ่ทุเรียนแห่งแรกในไทย

กับหลากหลายเมนูสร้างสรรค์ อร่อยได้ตลอดปี ณ ร้าน “ทุเรียนมหานคร”

ICS (ไอซีเอส) ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ฝั่งธนบุรีตรงข้ามไอคอนสยาม ขอเชิญชวนสาวกทุเรียนมาเปิดประสบการณ์ทุเรียนรูปแบบใหม่ ที่ร้าน “ทุเรียนมหานคร” คาเฟ่ทุเรียนแห่งแรกในประเทศไทย ที่ชั้น 4 ไอซีเอส ซึ่งได้นำราชาผลไม้อย่างทุเรียนมาแปรรูปเป็นขนมหวาน ในรูปแบบที่แตกต่าง แต่ยังคงรสชาติและเนื้อสัมผัสแบบทุเรียน สร้างความแปลกใหม่ให้กับทุเรียนเลิฟเวอร์ ซึ่งมีหลากหลายเมนูทั้ง ทาร์ตทุเรียน ชูครีมทุเรียน น้ำทุเรียนปั่น ข้าวเหนียวทุเรียน และไอศครีมซอฟเสิร์ฟ รวมถึงทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์หายากที่มีหลายแบบให้เลือกตามความชอบ หมุนเวียนมาให้ทุเรียนเลิฟเวอร์ได้ลิ้มรสกันตลอดทั้งปี
จุดเริ่มต้นของร้านทุเรียน มหานคร คุณณฐมน ธนภัคจิรากุล ประธานบริษัท ธนา ฟรุตส์ จำกัดเล่าว่า ร้านทุเรียน มหานคร เกิดจากความตั้งใจในการต่อยอดธุรกิจส่งออกทุเรียนของครอบครัว ซึ่งมีสวนทุเรียนอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดชุมพร ประกอบกับสวนทุเรียนให้ผลผลิตตลอดทั้งปี แต่ทุเรียนจะได้รับความนิยมในช่วงหน้าร้อนหรือประมาณ พฤษภาคม ถึง มิถุนายน เท่านั้นจึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบทุเรียนทุเรียนได้กินทุเรียนตลอดทั้งปี ในช่วงแรกทางร้านเราจำหน่ายเนื้อทุเรียนแบบแกะเปลือกให้ และเลือกเนื้อทุเรียนที่ชอบได้เลย ไม่ต้องเสี่ยงว่า หากซื้อทั้งลูกแล้ว แกะออกมาจะเป็นอย่างไร และซื้อตามปริมาณที่ต้องการกินได้เลย จะรับประทานเพียง 1-2 พู ก็สามารถซื้อได้ หลังจากทำธุรกิจไปได้ซักระยะ จึงอยากต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม ที่สามารถนำทุเรียนมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับทุเรียน และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้รับประทานทุเรียน ที่แตกต่างจากเดิม จึงได้ตัดสินใจทำคาเฟ่ทุเรียน และตั้งชื่อว่า ทุเรียน มหานคร

“ทุเรียน มหานคร เป็นชื่อที่ตั้งใหม่เพื่อสาขาไอซีเอส นี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นสาขาแรกของร้าน โดยมีไอเดียมาจากทำเลที่ตั้งที่ ไอซีเอสแห่งนี้ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์คอมเพล็กแห่งใหม่ย่านฝั่งธนบุรี เป็นส่วนเติมเต็มความสมบูรณ์จากไอคอนสยาม ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะชาวจีน ที่ชื่นชอบการรับประทานทุเรียนอย่างมาก และในอนาคตอันใกล้นี้ ไอซีเอส ยังมี “SIRIRAJ H Solutions” ศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร และโรงแรมระดับโลก ฮิลตัน การ์เด้น อินน์ กรุงเทพ ไอซีเอส เจริญนคร อีกด้วย” คุณณฐมน กล่าว
สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่อยากให้ทุกคนได้ลองชิมคือเมนู “น้ำปั่นทุเรียน” ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าวกะทิหอม ปั่นกับน้ำทุเรียน ทำเป็นซอสทุเรียน ให้มีสีเหลืองนวล หลังจากนั้นจะนำมาปั่นกับเนื้อทุเรียนอีกครั้งซึ่งจะให้รสชาตที่กลมกล่อมมีกลิ่นหอมจากทุเรียนและกะทิ
นอกจากนี้ยังมีเมนูไฮไลท์ “ข้าวเหนียวทุเรียนทองคำ” เป็นข้าวเหนียวยัดไส้ทุเรียนพูเต็มๆ และยังพิเศษโดยการผ่นทองคำบนพูทุเรียนเพื่อเพิ่มมูลค่าความสวยงามที่แตกต่าง อีกทั้งข้าวเหนียวมูลเป็นสูตรโบราณพิเศษที่ใช้ข้าวเฉพาะข้าวพันธุ์ดี เมล็ดเรียวยาว และผ่านการปลูกแบบปลอดสารพิษ เมื่อนึ่งสุกแล้ว จะมีความอ่อนนุ่ม เมล็ดเรียงตัวสวย

“ทาร์ตทุเรียน” ซึ่งใช้แป้งทาร์ต นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งเวลาที่รับประทานทาร์ตจะให้ความกรอบ แต่ไม่รุ่ย รูปลักษณ์ภายนอกของทาร์ตจะออกแบบให้เหมือนทุเรียนโดยการหยอดครีมเป็นหนามทุเรียน ประกบด้วยเนื้อทุเรียนชิ้นใหญ่ ตกแต่งด้วยก้านทุเรียนที่ทำจากคุกกี้ชุบช็อคโกแลต นอกจากนี้ยังมี ชูครีมทุเรียน ที่ด้านในเป็นไส้ทุเรียน กรอบนอก นุ่มใน และมีกิมมิกด้วยขั้วทุเรียนเช่นกัน
สำหรับคนที่อยากลองทุเรียน แต่ยังลังเล ทางร้านแนะนำ ไอศครีมซอฟเสิร์ฟรสทุเรียน ให้รสชาตของไอศครีมและกลิ่นทุเรียนเบาๆ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองชิม ไม่เพียงขนมหวานที่ทำจากทุเรียนเท่านั้น ร้านทุเรียนมหานคร ยังมีทุเรียน หลากหลายพันธุ์มาขายที่หน้าร้านตลอดทั้งปี ทั้งพันธุ์แปลกหายากเช่น ทองย้อยฉัตร สาวน้อยตกน้ำ หรือสายพันธุ์ยอดนิยม ทั้งทุเรียนหมอนทอง ก้านยาว ชะนี ก็หมุนเวียนมาตามแต่ละช่วง ไม่เพียงเท่านั้นทางร้านยังได้นำทุเรียนมาแปรรูป เป็นทุเรียนทอดอบรีดน้ำมัน ซึ่งใช้เวลาในการอบรีดยาวนาวกว่า 6 – 8 ชั่วโมง ทำให้กรอบอร่อย เก็บได้นาน และไม่มีกลิ่นเหม็นหืนอีกด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูของหวานแสนอร่อยที่ทานคู่กับทุเรียน อย่างเมนูข้าวเหนียวมะม่วงและเมนูไอศครีมซอฟเสิร์ฟรสมะม่วง ให้ได้ลิ้มลองความอร่อยอีกด้วย
ไม่ว่าจะวันไหนๆ คนรักทุเรียนห้ามพลาดสามารถลิ้มรสความอร่อยกับคาเฟ่ทุเรียนได้ทุกวัน ที่ร้านทุเรียนมหานคร ชั้น 4 ICS ตรงข้ามไอคอนสยาม

ทุเรียนมหานคร #ICS #ไอซีเอส #ความสุขของทุกวันที่ไอซีเอส #AlwaysAGoodDay

Rado Centrix เสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ Rado ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกาเผยโฉมผลงานใหม่ล่าสุด “Rado Centrix” มาในช่วงฤดูร้อนจัดแบบนี้ เพราะเสน่ห์อันน่าหลงใหลของนาฬิกาเรือนล่าสุดเปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่านทะเลทรายและความร้อนให้ความรู้สึกสบายได้อย่างน่าทึ่ง Centrix เน้นการใช้โทนสีทอง สีเหลืองสด และสีน้ำตาล สร้างสรรค์ขึ้นมาจากไฮเทคเซรามิกและคริสตัลแซฟไฟร์อันเป็นความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ผสานรวมกับกลไกการเดินที่ล้ำสมัยและแม่นยำทำให้ Centrix รุ่นนี้พัฒนาจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.2010 มาไกลเหลือเกิน ทั้งวัสดุ นวัตกรรม และการดีไซน์อันงดงามส่งให้ Centrix กลายเป็นนาฬิกาเรือนหรู ที่น่าเชื่อถืออย่างไม่มีใครเทียบได้


ความโดดเด่นของ Centrix รุ่นใหม่นั้นชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น เริ่มจากรูปทรงโค้งมนดูอ่อนโยน วัสดุไฮเทคเซรามิกเบา ดูดี มีความทนทาน และที่พิเศษคือสัมผัสนุ่มนวลอันน่าหลงใหลที่เพิ่มมากขึ้นประหนึ่งเป็นเสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน นอกจากความอ่อนโยนที่เพิ่มขึ้นแล้ว Centrix รุ่นนี้ยังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ช่องหน้าปัดกว้างขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. ด้านบนเสริมกระจกยาวจรดขอบตัวเรือน ขณะเดียวกันก็มีรุ่นเล็กเป็นอีกทางเลือกซึ่งมาในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30.5 มม. ทั้งสองแบบมีความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า “ความเรียบง่ายคือจิตวิญญาณแห่งความสง่างาม”


คริสตัลแซฟไฟร์ที่ใช้กับ Centrix รุ่นนี้เป็นคริสตัลแซฟไฟร์รูปแบบใหม่ มีความกลม ดีไซน์ขอบโค้งมน ต่างจากขอบคมๆ แบบเก่าในนาฬิกาเรือนอื่น ให้ทั้งความรู้สึกสบายตาและให้ผิวสัมผัสเรียบสบาย โดยมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ทั้งสองด้าน ช่วยให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนส่วนพื้นผิวนั้นนักออกแบบใช้เทคนิคพิเศษทำเป็นรูปแบบซันเรย์ ปั๊มแล็กเกอร์จนได้พื้นผิวเรียบลื่นสมบูรณ์แบบ Centrix มีสีหน้าปัดให้เลือกตั้งแต่สีเข้มแนวหรูหรา เฉดสีเงินที่ขับผิวแบบซันเรย์ให้โดดเด่น รวมทั้งเรือนที่เล่นสีพื้นหลังให้มีทั้งความเข้มและสว่างในตัว เข้ากับดัชนีบอกเวลาของแต่รุ่นอย่างลงตัว



ความพิเศษบนหน้าปัดยังไม่หมดเท่านี้ เพราะโลโก้ Rado บน Centrix รุ่นใหม่ยังมีขนาดใหญ่ขึ้น และแบรนด์นำคำว่า “Jubilé” กลับมาอยู่บนหน้าปัดอีกครั้ง บ่งบอกถึงการนำอัญมณีล้ำค่ามาประดับไว้บริเวณดัชนีบอกเวลา ถัดลงมาด้านล่างเป็นช่องบอกวันที่ซึ่งไม่ใช่ทรงกระบอกเรียบๆ ที่หลายคนคุ้นตาอีกต่อไป เพราะ Rado ออกแบบให้มุมทั้งสี่โค้งมนสอดคล้องกับดีไซน์โดยรวมของรุ่นนี้ ส่วนตรงจุดยึดเม็ดมะยมก็มีการเลเซอร์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อพลิกไปด้านหลังก็จะพบกับฝาหลังดีไซน์ใหม่ ใช้เลเซอร์สลักหมายเลขซีเรียล และเช่นเดียวกับนาฬิกาออโตเมติกของ Rado ทุกรุ่นคือใช้คริสตัลแซฟไฟร์เพื่อให้เราเห็นกลไกการเดินพร้อมแฮร์สปริง NivachronTM ป้องกันสนามแม่เหล็ก สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง (รุ่นเล็ก) และ 80 ชั่วโมง (รุ่นใหญ่) ทุกเรือนผ่านการทดสอบความแม่นยำถึง 5 ตำแหน่ง สำหรับ Centrix รุ่นควอตซ์มีคุณสมบัติล้ำสมัยพร้อมเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวกะทันหันหรือการกระแทกแล้วตอบสนองอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบอกเวลาที่น่าเชื่อถือเสมอ ปิดท้ายด้วยคุณสมบัติเด่นอีกหนึ่งอย่างของนาฬิกาควอตซ์ คือมีความแม่นยำสูงมาก ไม่ว่าอุณหภูมิหรือความชื้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงานทั้งสิ้น


นอกจากตัวเรือนแล้ว องค์ประกอบส่วนอื่นก็ได้รับการออกแบบและตรวจสอบอย่างประณีตทุกขั้นตอน แบรนด์ปรับสายนาฬิกาให้เข้ากับรูปทรงของตัวเรือนอย่างงดงาม แทนที่ตัวล็อกแบบเดิมด้วยหัวสายบักเคิ้ลแบบพับสามทบเพิ่มความปลอดภัยให้ Centrix รุ่นใหม่ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้พร้อมขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของทุกคนทันที