Category Archives: Food and Drink

คุณเบนเนท ชาง ผู้บริหารโรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา (Siam Bayshore Resort Pattaya)

วันหยุดที่ผ่านมา หลายคนได้ไปเที่ยวกับครอบครัว หรือไม่ก็หากิจกรรมสนุก ๆ Toptotravel อยู่ที่ โรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา (Siam Bayshore Resort Pattaya) มีโอกาสพบกับ คุณเบนเนท ชาง(Bennet Chang) Genral Manager ผู้บริหารโรงแรมยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา ชวนมาทำวันธรรมดาๆ ให้เป็นวันหยุดพักผ่อนที่แสนพิเศษกันที่โรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา

…..ที่นี่ Siam Bayshore พร้อมที่จะตอบโจทย์ในทุกๆ ความต้องการ ผมอยากเห็นทุกคนมีความสุข โรงแรมตระหนักถึงศักยภาพของตัวเองในการส่งต่อความสุข ไปยังสิ่งแวดล้อมร่มรื่นของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว เหมาะมากกับการพาร่างกายมาชาร์จพลังในช่วงวันหยุด ไปยังคนรอบตัวพบกับความสะดวกสบายและการบริการอย่างมีระดับ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท เพราะที่นี่เป็นเพียงโรงแรมเดียวในพัทยาชื่อเสียงมาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี อยากได้อะไรมีเซอร์ไพรส์น่ารักให้เสมอแจ้งมาเลยโรงแรมจัดให้

เบนเนท ชาง (Bennet Chang)
General Manager Siam Bayshore Resort Pattaya

โรงแรม Siam Bayshore Resort Pattaya เป็นโรงแรมในเครือ A Sukosol Hotel มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน บนเนื้อที่ 45 ไร่ โรงแรม 5 ดาว ที่มีความเป็นส่วนตัว
ร่มรื่นโรงแรมติดท่าเรือแหลมบาลีฮาย สะดวกมากถ้าต้องการเดินทางไปเที่ยวเกาะล้านหรือลงมาเดินเล่นจากโรงแรม ใกล้บริเวณถนนคนเดิน สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหรูผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอันทันสมัยกับความงดงามเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแบบเอเชียอย่างลงตัว ราคาคุ้มค่ากับความหรูหรา สะดวกสบาย

✅️ เดินทางสะดวกที่จอดรถกว้างขวาง
✅️ ที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
✅️ บรรยากาศดี สวนสวย สระว่ายน้ำใหญ่ ชิวๆ วิวทะเล
✅️ อาหารอร่อย โปรโมชั่นเยอะ
พนักงานทุกแผนก ให้การต้อนรับคุณอย่างอบอุ่น ยินดีต้อนรับ ทั้งลูกค้าทั่วไป ลูกค้ากลุ่มสัมมนา งานเลี้ยงสังสรรโอกาสพิเศษต่างๆ

ห้องพักสะอาด และกว้างขวาง ทุกห้องมีวิวจากระเบียง แบ่งโซนห้องพัก ออกเป็น 2 โซน ทุกห้องมีขนาดใกล้เคียงกัน (ประมาณ 35-37 ตรม.)
Ocean Wing Building
ประกอบไปด้วยห้องพัก
53 ห้อง

  • Deluxe Suite 8 ห้อง
    -ห้อง Executive Deluxe 30 ห้อง
  • ห้อง Ocean Deluxe
    15 ห้อง

Garden Wing (มีห้องพัก 2 ประเภท) คือ

  • Tropical Deluxe Pool view 54 ห้อง
  • Tropical Deluxe Garden 160 ห้อง

ยังมีบ้านพัก Siam Villa อีก 1 หลัง เป็น private zone อยู่บริเวณข้างๆ สระว่ายน้ำ Garden pool บ้านพักมีห้องพักขนาดใหญ่ 2 ห้อง และห้องเล็ก 2 ห้อง มีบริเวณห้องนั่งเล่น ครัวขนาดเล็ก และมีสระ จากุซซี อยู่ภายในวิลล่าด้วย

สระว่ายน้ำ จำนวน 2 สระ
(สระขนาดใหญ่ Garden pool อยู่บริเวณ Garden Wing มีสไลเดอร์สำหรับเด็กขนาดใหญ่ให้บริการ)

Beach pool อยู่บริเวณด้านหน้าหาด ฝั่งตรงข้ามกับ Ocean wing บริเวณนี้สามารถจัดงานปาตี้ริมสระน้ำได้ ในบรรยากาศริมทะเล
นอกจากนี้….ยังมี สนามเทนนิส ( ขนาดมาตรฐาน 4 คอร์ท )
เปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. (ทุกวัน)

ห้องอาหาร ซันไรส์ ซันเซท ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ของทางโรงแรม
ให้บริการแบบ All Day Dining ถือว่าเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม
Western Cuisine ที่ห้องอาหาร SUNRISE SUNSET กับ 3 เมนูพิเศษสุด (Chef Recommendation)

3 เมนูพิเศษสุด (Chef Recommendation)***
ซีซ่าสลัด
ขนมปังฝรั่งเศสคลับแซนด์วิช
พิซซ่าหน้ามะม่วง
  1. Mango Pizza พิซซ่าหน้ามะม่วง
  2. Caesar Salad ซีซ่าสลัด
  3. Barguette Club sandwiches ขนมปังฝรั่งเศสคลับแซนด์วิช
    แต่ละเมนูที่เราสั่งมาวันนี้ บอกเลยว่ารสชาติอร่อยมากๆ
มะม่วงปั่น และ น้ำมะพร้าวสด

Beverage แนะนำเครื่องดื่ม Mango smoothies มะม่วงปั่น และ Coconut น้ำมะพร้าวสดจากลูก

High Tea set + twinning tea THB 390 net
High Tea set + twinning tea (กรณีำม่ดื่มชา สามารถเปลี่ยนเป็นกาแฟได้)

รื่นรมย์ยามบ่ายด้วย มูนเค้ก อาฟเตอร์นูน ที จิบชาชั้นดีเคียงคู่ขนม High Tea set + twinning tea THB 390 net จิบน้ำชายามบ่ายพร้อมของว่างแสนอร่อยกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ชุดน้ำชายามบ่าย “อาฟเตอร์นูน ที”

พร้อมให้บริการที่ห้องอาหาร SunRise SunSet Restaurant เริ่มไลน์ตั้งแต่ 06.00-11.00 น. เป็นห้องอาหารสไตล์ all day dining เปิดบริการทั้งวัน

ซีฟู้ด บาบีคิว บุฟเฟต์ ทานแบบไม่อั้นกับบรรยากาศริมทะเล ณ โรงแรมสยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ต พัทยาใครเป็นสายบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เราบอกเลยว่าพลาดไม่ได้! กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิม สำหรับบุฟเฟ่ต์ ซีฟู้ดไนท์ จัดเต็มกับขบวนอาหารทะเลสดใหม่คุณภาพเยี่ยมทั้ง อาหารไทย, อาหารจีน,อาหารญี่ปุ่น และอีกเพียบ! รวมไว้ในที่เดียว สั่งได้เติมแบบไม่อั้น นั่งทานสบายๆ กับวิวทะเลอันงดงาม ด้านหน้าหาดแหลมบาลีฮาย ภายในโรงแรมสยามเบย์ชอร์ รีสอร์ทเพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลย่าง เนื้อหวานฉ่ำ อาหารเอเชีย สลัด อาหารนานาชาติ เย้ายวนใจด้วยของหวานอีกมากมาย และเครื่องดื่มเย็นฉ่ำชื่นใจ

BBQ Buffet at Bali-Hai by the sea
ราคา/ 777 THB/Net

Siam BayShore PATTAYA
โทรศัพท์ จองได้ที่ 038 428 678
Line ID : @siambayshore
http://www.siambayshorepattaya.com/
https://www.facebook.com/SiamBayshorePattaya

#siambayshoreresort #pattaya #relaxgarden #tropicalgarden
#garden #swimmingpool #Toptotravel

คุยเรื่องท่องเที่ยวไทยหลังโควิด กับ อรชร ลักษณะสุต (นิ่ม) โฮเทล เมเนเจอร์ จากโรงแรมเวฟพัทยา และ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา

โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา

วันนี้ทีมงาน Toptptravel อยู่ที่ Wave Hotel Pattaya โรงแรมสไตล์บูทีค 5 ดาว ได้รับเกียรติ คุยเรื่องท่องเที่ยวไทยในโลกหลังโควิด กับ อรชร ลักษณะสุต (นิ่ม) โฮเทล เมเนเจอร์ จากโรงแรมเวฟพัทยา และ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีจีเอ็มโรงแรมเดอะเบย์วิว พัทยา ก็จึงดูแลทั้งสองที่ ซึ่งโรงแรมเวฟพัทยา เป็นโรงแรมในเครือของกลุ่มสุโกศล มีคุณกมลา สุโกศล เป็น owner คุณมาริสา บริหารเรื่อง Operation การตกแต่งเป็นอาร์ตเดคโค การตกแต่งเป็นไมอามี่ สไตล์แบบชิคๆแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งเนื่องจากว่าเจ้าของอยากมีอะไรที่แปลกใหม่ มีสไตล์ ของเราสี่โรงแรมที่ผ่านมาจะออกแนวคอนเทมโพรารี่บ้าง แบบไทยบ้าง จะมี The Siam เริ่มเป็นไทยแต่การตกแต่งเป็นอาร์ตเดคโค ของโรงแรมเวฟ เป็นน้องเล็กสุด เหมือนเป็นน้องเล็ก ของเดอะสยาม โดยคุณน้อย วงพรู เป็นคนนำของตกแต่งเข้ามาของเก่า Retro, Antique สะสมที่หาดูได้ยาก และคุณน้อยแฮปปี้ที่เข้ามาทำตรงนี้

Wave Hotel Pattaya

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อายุ 40 ขึ้นตอนแรกเราคิดว่าเป็นวัยรุ่น 25-35 คนทำงาน ปรากฏว่าเปิดมา 6 เดือน กลายเป็นแขกผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบความเงียบและความเป็นส่วนตัว และน้องๆก็จะดูแลคล้ายๆ บัดเลอร์ เราช่วยเหลือหมด ลูกค้าแต่ละคนก็จะกลับมาหลายครั้ง จะมาซ้ำไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ช่วงนี้เมืองไม่มีเทสแอนด์โก พร้อมบินมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างกลับมามากแล้ว ของเวฟมี 18 ห้อง 3 สวีทซ์ ที่เป็นทไวไรซ์สวีทว์ 3 ห้องและห้องซันเซต 15 ห้อง ทั้งหมดทุกห้องจะเป็นวิวทะลทั้งหมด และไซส์ห้อง 45 ห้อง ใช้โทนสีพาสเทล เรียกว่า สีทิฟฟานี่บลู คือมาทันช่วงที่กำลังฮิต โรงแรมสร้างเสร็จพอดี รถคาดิแลค ที่จอดอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ที่เป็นที่มาของชื่อของห้องอาหาร cadillac ของโรงแรม เวฟ ถือว่าเป็นไอเดียของคุณสุกี้ สุโกศล ทางไมอามี่จะมีรถจอดหน้าโรงแรม
เราจอดข้างนอกไม่ได้ จึงเข้ามาจอดหน้าตึกในรั้ว ห้องอาหารคาดิแลค คาเฟ่ เสริฟอาหารไทย เม็กซิกัน อเมริกัน เชฟอำนาจ เป็นคนสร้างสรรเมนูหรือบางอย่างที่ลูกค้าดูแล้วทานไม่ได้ก็สามารถบอกเชฟได้ เชฟเมดทูออเดอร์ ลูกค้าต้องการทานแบบไหน ทางเชฟดูแลให้อย่างเต็มที่

เสริฟอาหารเช้าแบบ A La Carte

โดยเฉพาะกับอาหารเช้าที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการเข้ามาพักที่นี่ ถือเป็นสิ่งที่ซัพพอร์ตโรงแรม เพราะจุดเด่นของโรงแรม คือ หนึ่งสไตล์ของโรงแรม สองการบริการ สามอาหารเช้า เสริฟเป็น A La Carte ลูกค้าสามารถสั่งได้ all u can eat จนกว่าคุณจะอิ่ม และอาหารสวยงามทุกจานด้วยความใส่ใจใส่รายละเอียดและอร่อย ทำสดๆใหม่ ๆ ทำเสร็จก็เสริฟเลย ลูกค้าแฮปปี้กับอาหารเช้าของเรามาก เขามาที่ห้องพักเช็คอินขึ้นไปลูกค้าส่วนใหญ่ชอบอยู่ในห้อง เงียบสงบนอนดูทะเล ก็ค่อนข้างชอบ

คุณนิ่ม กล่าวต่อว่า “ตอนนี้เปิดเมืองพัทยา คึกคักมากขึ้น จากเดิมเมื่อสองปีที่แล้วมีแขกวันละ 10-20 ห้อง บรรยากาศก็จะเศร้าเหงาหงอย คนละเรื่องกับทุกวันนี้ แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่มีการเปิดเมือง เราเห็นนักท่องเที่ยวกลับมแทบจะเหมือนเดิม แต่ราคาเรานยังไม่สูงเท่าแต่ก่อนก็จะค่อยๆปรับไปด้านตลาดคนไทย เราจะให้ความสนใจตรงนี้เพราะเป็นตลาดเดียวที่สนับสนุนเราช่วงโควิด รวมถึงคุณกมลาย้ำเสมอว่าต้องดูแลคนไทย เพราะเกิดอะไรขึ้นคนไทยก็ยังเที่ยวในบ้านของเขา พอวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์โควิด -19 เขาก็มาจริงๆ แล้วก็สนับสนุนเรา
ในส่วนของพนักงานตั้งแต่โควิดเข้ามา จาก 100 กว่านิดๆ ก็เหลือ 90 กว่าชีวิต ตรงนี้เราร่อนละ ทุกคนอดทน และรักที่นี่เพราะคุณกมลา ท่านดูแลเราดีมาก ทั้งหมดเรามี 3 โรงแรมในเมืองพัทยา โรงแรมสยามเบย์ชอว์ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา โรงแรมเวฟ สามโรงแรมนี้เราก็จะเกาะกลุ่มกัน หากรร.นี้ไม่พอก็จะมีการช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะแผนกจัดเลี้ยง

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา การทำงานที่นี่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและได้รับความไว้วางใจในการตัดสินใจเป็นของตัวเองหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มเข้ามาในไทย สิ่งแรกที่ต้องมีคือสติ คิดและพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวโน้มที่จะตามมาในอนาคต ฅเริ่มจากการตั้งสติ ยอมรับในสิ่งที่มันเป็นก่อน และดูว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร และสถานการณ์มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร แล้วเรามาดูว่าเราพอจะหาวิธีรองรับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น

ในช่วงนั้น เราเคยส่งพนักงานไปซัพพอร์ตที่กรุงเทพฯ เพราะที่กรุงเทพฯเปิดให้บริการก่อน โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศตอนนี้เริ่มกลับมาคึกคักแล้ว ช่วงโควิด-19 วีคเดย์แทบจำนวนลูกค้าซีโร่ โรงแรมมีลูกค้าเพียงวันเสาร์วันเดียวที่เป็นคนไทย พอเปิดเมืองปุ๊บตัวเลขเริ่มขึ้น บรรยากาศคึกคัก สนุกสนาน พนักงานดีใจมาก คำว่าเหนื่อยไม่มีในสมองเลย นึกถึงว่าวันที่โรงแรมปิดไปสามเดือน อยู่แบบเงียบเหงา ซึ่งเคยมีแขกเต็มตลอดเวลา ถึงเวลานี้ดีใจมาก ลูกค้ามาเท่าไหร่ทีมงานยินดีต้อนรับ ทุกคนช่วยกันดูแลจนได้รับคำชมเชยมากมาย และในต้นเดือนที่ผ่านมา เพิ่งเปิดไปไม่นาน ผลตอบรับค่อนข้างดีมากๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าคนไทย 75 % ต่างชาติ 25% คิดว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ โควิดไม่ได้มีผลอะไร ตลาดน่าจะกลับมาเร็วขึ้น พัทยาจะเฟื่องฟูเหมือนเดิม

“อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่าน นิ่ม เป็นหนึ่งในนามผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มีส่วนเกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องปรับตัว หาแนวทางสร้างรายได้ที่แตกต่างจากในอดีต พัทยามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือไนท์ไลฟ์ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ สถาปัตยกรรมต่างๆ สวนน้ำ คาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ ต้องมานะคะ พัทยาตอนนี้เปิดเมืองแล้วอย่าลืมกลับมาเที่ยวพัทยานะคะ” -คุณนิ่ม กล่าวในตอนท้าย

Wave Hotel Pattaya โรงแรมสไตล์บูทีค 5 ดาว มีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง สอง Room Type Sunset Room และ Twilight Room ตัวโรงแรมจะหันหน้าออกสู่ชายหาดพัทยากลาง ตกแต่งในสไตล์ไมอามี่ ผสมกับความเป็นไทย มีการเล่นสีสันโรงแรมให้ออกมาโมเดิร์นๆ อีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือ ทุกห้องพักจะหันหน้าเข้าหาทะเล ทำให้เห็นวิวของทะเล และ Streetของเมืองพัทยาได้อย่างชัดเจนข้างๆล้อบบี้ มีสระว่ายน้ำ และบาร์เล็กๆ ให้ได้นั่งพักผ่อน สบายๆ มีห้องอาหาร Cadillac Cafe & Bar ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรม สามารถนั่งได้ทั้งโซน Indoor และ Outdoor มีเมนูอาหารก็มีทั้ง ไทย นานาชาติ ให้เลือกและห้องอาหาร สำหรับดินเนอร์ชั้นบนสุดของโรงแรม สามารถมองเห็นบรรยากาศยามเย็นของเมืองพัทยาได้อย่างถนัดตา

โรงแรมเวฟ พัทยา
310/2 ถนนเลียบชายหาด พัทยา ชลบุรี 20150 ประเทศไทย
Facebook : https://www.facebook.com/WaveHotelPattaya/
เบอร์โทรศัพท์ : 038 410 577

สูดกลิ่นไอทะเลพร้อมวิวทะเล โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา
โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดพัทยาและมองเห็นวิวทะเลงดงาม โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา ยังเงียบสงบ หลบหลีกความวุ่นวายจากริมถนนเลียบหาดพักผ่อนอย่างแท้จริง และสัมผัสการบริการแบบไทยระดับเฟิร์สคลาส พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงแรมฯ ที่ตกแต่งดีไซน์ทันสมัย และได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีชีวิตชีวา สุขสบายในวันหยุดภายในห้องพัก สีสันสดใส พร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ หรือเตียงคู่ เฉพาะห้องที่เป็นเตียงขนาดคิงไซส์สามารถขอเตียงเสริมเพิ่มได้ และประทับใจไม่รู้ลืมกับระเบียงส่วนตัวที่ให้ได้สัมผัสเสน่ห์ของทะเลเมืองพัทยา ห้องประเภทต่าง ๆ
DELUXE GARDEN VIEW
ห้องดีลักซ์ พูลวิว
ห้องดีลักซ์ ซิตี้วิว
ห้องดีลักซ์ ซีวิว
2-BEDROOM FAMILY STUDIO
ห้องธีมสวีท
ห้องสยามสวีท
ห้องดีลักซ์ สวีท

พักผ่อนและรื่นรมย์ไปกับอาหารรสชาติเลิศ ท่ามหลางบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวภายในห้องพัก พบกับเมนูมากมายหลากสไตล์ทั้งไทยและเทศให้ท่านได้เลือกสรร ถ้าไม่มีในเมนู กรุณาแจ้งเราได้เลย เชฟมืออาชีพของเราพร้อมให้บริการทุกเมื่อ เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

THE BAYVIEW
310/2 Beach Road, Pattaya City Cholburi, 20150, Thailand
Bangkok Sales Office : +66 2 247 0123
Phone : +66 38 423 877 or +66 38 710 513
Email : thebayview@sukosolhotels.com

ร้านอาหารอิตาเลียน บูโอนิชชิโม Buonissimo โดยเชฟอดอล์โฟ ฟาซิน อดีตวิศวกร

Toptotravel อยู่ที่ร้านอาหาร Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพื่อนชาวอิตาลีคนนี้มีอัธยาศัยที่ดี เช่นเดียวกับชาวอิตาลีคนอื่นๆ เมื่อมาถึงด้านในร้าน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านเหมือนบ้านน่ารักดูอบอุ่น ชวนให้มานั่งกินอาหาร ส่วนด้านในร้านเป็นห้องแอร์
ถูกตกแต่งอย่างเก๋ไก๋มีสไตล์ มีโต๊ะเก้าอี้นั่งหลายรูปแบบ หลากหลายมุมให้
เลือกนั่งตามชอบใจ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ แบบเป็นกันเอง

“Mattia” ผู้จัดการร้าน
“Carlo” นักดนตรีชาวอิตาลี
“Mattia” ผู้จัดการร้าน และเจ้าของร้าน “อดอล์โฟ”

“Mattia” ผู้จัดการร้าน คนเวนิสบ้านเดียวกับเจ้าของร้าน “อดอล์โฟ” เวนิสเมืองสุดคลาสสิคแห่งนี้ยังมีวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง รวมทั้ง “Carlo” นักดนตรีชาวอิตาลี ที่มาอยู่ในเมืองไทย เกือบสิบปี ซึ่งมาโชว์ลีลาแมนโดลินทั้งเพลงไทยและสากล เป็นการเพิ่มเติมบรรยากาศอันอบอุ่นและไม่ว่าจะเป็นอาหารจากชนชาติใด ต้นทางของวัตถุดิบมีความสำคัญเสมอ อาหารของแต่ละประเทศใช้การผสมผสานศิลปะและภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นเข้าไป  เมื่อทุกอย่างรวมตัวกันภายใต้คำว่า “ความตั้งใจ” กลายเป็นอาหารจานพิเศษ

การทำอาหาร และนำเสนออาหารเมนูพิเศษต้นตำรับเวนิส จึงกลายเป็นการแสดงออกถึงความรักความห่วงใย ปรุงเมนูอิตาเลียนแบบที่ทั้งต้นตำรับและโฮมเมดได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังไม่หนักท้องจนเกินไป เชฟหลายคนมีเมนูในความทรงจำท่ามกลางบรรยากาศในวัยเยาว์ที่ยังอบอุ่นเสมอ เช่นเดียวกับเขา
อดอล์โฟฟาซิน (Adolfo Faccin) ชาวอิตาลีรูปหล่อและอารมณ์ดี เจ้าของร้านอาหารอิตาเลียน Buonissimo (บูโอนิชชิโม)

อดอล์โฟ ฟาซิน อดีตวิศวกร เขาเป็นนักชิมตัวยง การทำอาหารเป็นงานอดิเรกของเขา เขาอยู่ในเมืองไทยมาประมาณ 30 ปี และมีประสบการณ์ในการเปิดร้านอาหารอิตาเลียนในกรุงเทพมาก่อน จนในช่วงโควิด-19 เขาได้มาพบพื้นที่เปิดร้านแห่งใหม่ ในซอยศรีด่าน 6 ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยพบว่า มีตึกที่สามารถเปิดร้านขนาดใหญ่กำลังดี เข้าซอยเพียง 100 เมตร เป็นทำเลที่กำลังได้รับการพัฒนาจากโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบัน 2565

ปลายปี 2020 Buonissimo ถือกำเนิดขึ้นในย่านแห่งนี้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองชัดเจน แม้จะห่างไกลใจกลางกรุง ไม่ใช่แหล่งที่มีชาวต่างชาติที่คึกคักมากนัก เริ่มต้นสี่เดือนแรกหลังจากทดลองตลาดเดลิเวอรี่ เขาพบว่าคนไทย กับ พิซซ่า ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลกันเลย โดยเฉพาะพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แป้งบางกรอบนอกนุ่มใน ใช้วัตถุดิบอย่างดี นำเสนอในราคาที่จับต้องได้ เทียบแล้วถูกกว่าแบรนด์ใหญ่ในตลาดเสียด้วยซ้ำ ทำให้การเปิดตัวในตอนนั้นมีผลตอบรับที่ดีมาก ปัจจุบันทางร้านขายพิซซ่าชนิดต่างๆ ผ่านทางออนไลน์ได้กว่า 600 ถาดต่อเดือน

อดอล์โฟ ฟาซิน เล่าว่า วัตถุดิบมีส่วนสำคัญมากสำหรับอาหารอิตาเลียนสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ หลายอย่างจึงต้องอาศัยการนำเข้าจาก อิตาลี ไม่ว่าจะเป็นชีส ไส้กรอก พริก แองโชวี่ ฯลฯ รู้สึกเหมือนได้มากินอาหารบ้านเพื่อน ขณะที่หัวใจรักในการทำอาหาร เป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเขาตลอดเวลา 30 ปีที่อยู่ในเมืองไทย อดอล์โฟ มีภรรยาชาวไทย เขาเองชอบกินอาหารไทย และอยากให้คนไทยได้ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนจากความตั้งใจของ อดอล์โฟ เช่นกัน สำหรับอาหารของที่นี่อย่างที่บอกว่าโดดเด่นด้วยพิซซ่าโฮมเมดแบบเตาฟืน โดยมี อดอล์ฟ ฟาซิน (Adolfo Faccin) ผู้ซึ่งเป็นทั้งเชฟมากฝีมือและเป็นเจ้าของร้าน ซึ่งในวันนี้ อดอล์ฟ ฟาซิน ภูมิใจนำเสนอเมนูจานเด่นที่อยากแนะนำเริ่มต้นที่

สลัดบูราต้าชีส พาร์มาแฮม (BURRATA E PROSCIUTTO DI PARMA) เมนูแรกที่แอบซ่อนความลับแสนอร่อยไว้ภายใน เป็นบูราต้าชีสถุงกลมเนื้อเนียน ด้านในซ่อนชีสครีมนุ่มละมุน  ด้านบนเป็นพาร์มาแฮมเกรดดี ร็อกเก็ตสลัดและมะเขือเทศเชอรี่ เหยาะ บัลซามิก กลิ่นหอม รสอมเปรี้ยวกำลังดี

มิกซ์ บรูสเก็ตต้า (MIXED BRUSCHETTA) ขนมปังโฮมเมด ทำจากแป้งสาลีคาร์โบไฮเดรตต่ำ สดใหม่ทุกวัน  นำมาปิ้งและท้อปปิ้งสไตล์อิตาเลียนที่สามารถเลือกหน้าได้ถึง 5 ชิ้น 5 แบบ จากสิบกว่ารายการ

SAUTE AI FRUTTI DI MARE

ซีฟู้ดซุปไวท์ไวน์ซอส (SAUTE AI FRUTTI DI MARE ) ซุปรสชาติหอมละมุน ด้วยความสดจากอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย และปลาหมึก หอมกลิ่นกระเทียมและพาร์สลีย์รสชาติเข้มข้น อร่อยมาก

พาสต้าโฮมเมด ทางร้านมีพาสต้าหลายแบบให้เลือก ปรุงได้หลากหลายเมนู
ในวันนี้มี 3 เมนูมาแนะนำ

พาสต้ากุ้งและซูกินี่ (GAMBERI E ZUCCHINE) ใช้เส้นพาสต้าทาญเลียเตลเล่ (TAGLIATELLE) ผัดกับมะเขือเทศเชอรี่และซูกินี่ แต่ความกรุบกรอบต่างกัน เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี

(PUTTANESCA PICCANTE

ราวิโอนี่ครีมซอสเห็ดไส้กรอกอิตาเลียน (BOSCAIOLA) พาสต้าราวิโอลี่ (RAVIOLI) ลักษณะคล้ายเกี๊ยวรูปสี่เหลี่ยม ตัวราวิโอลี่นุ่มหนึบกำลังดี ไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป ซอสครีมหอมละมุน เมื่อกัดเข้าไปในไส้ชีสด้านในแป้งยิ่งทำให้ได้สัมผัสรสที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง

พาสต้าไส้ผักโขมและแองโชวี่ (PUTTANESCA PICCANTE ) จานนี้จะมีรสเข้มข้น จากส่วนผสมของซอสมะเขือเทศ แองโชวี่ และมะกอกดำ แสดงถึงความพิถีพิถันในการรังสรรค์อาหารสไตล์อิตาลี ในรสชาติที่นักชิมเข้าถึงได้

FILETTO DI BRANZINO SERVITO CON SALSA AL LIMONE

เสต็กเนื้อปลากะพง เลม่อนซอส” (FILETTO DI BRANZINO SERVITO CON SALSA AL LIMONE) เมนูที่คุ้นลิ้นของคนไทย  ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ทำให้เสียรสชาติปลามากเกินไป ดูภายนอกเนื้อปลาจึงดูเสมือนไร้การปรุงแต่ง แต่ลองได้ชิมแล้ว จะมีรสเค็มมาเสริมแต่งความสดของเนื้อปลาที่มีความหวานในตัว เมื่อราดเลม่อนซอสสัมผัสที่แตกต่าง

มาถึงเมนูเด็ดที่คนไทยคุ้นเคยอย่างพิซซ่า วัตถุดิบสูตรพิเศษ แป้งเกรดดี บางเหนียว-นุ่มตัวขอบโป่งฟู อบด้วยเตาฟืน วันนี้เชฟนำเสนอพิซซ่าแบบ 2 หน้า เพื่อจะได้ชิมกันทั้งสองแบบ โดยพิซซ่าสองหน้าจะคิดราคาตามหน้าที่แพงกว่าพิซซ่าเตาถ่านสไตล์อิตาลี ใช้เวลาเพียงไม่ 1-2นาที หอมกรุ่นออกจากเตา วางลงเพื่อเติมรสชาติบางอย่าง วันนี้ครึ่งหนึ่งเป็น พิซซ่า “ดิอาโวล่า” (DIAVOLA) ชื่อ DIAVOLA ภาษาอิตาลีมาจาก “Devil” หมายถึงปีศาจ เป็นที่มาของพิซซ่าปีศาจ ที่มีรสร้อนแรงจากซาลามี่รสเผ็ด เมื่ออบเสร็จแล้วเหยาะด้วยน้ำมันพริก ให้ความเผ็ดร้อนกำลังดี เป็นอีกเมนูที่คนไทยชอบมากๆ มาเจอพิซซ่าร้านนี้เพราะเพื่อนแนะนำ ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมมี่ที่เสิร์ฟเมนูแป้งพิซซ่า เหนียวนุ่ม ขึ้นรูปกันสดๆ พิซซ่าโฮมเมดรสดี ที่นี่นวดแป้งแบบสดใหม่ ทำพิซซ่าแบบถาดต่อถาดเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตา นำเข้าเตาอบที่ส่งตรงมาจากอิตาลีโดยตรง และที่สำคัญพิซซาแป้งบาง ต้องทานตอนอบเสร็จ ออกจากเตาแล้วทันทีอร่อยมากๆ

บูโอนิชชิโม (BUONISSIMO) ซิกเนเจอร์ของทางร้าน พิซซ่าโฮมเมดรสดีหน้าชีส แฮมเห็ด ซาลามี พริกหวาน และมะกอกดำ ถาดใหญ่จัดเต็ม  แป้งเนื้อนุ่มหนึบได้ที่ กรอบนอกนุ่มใน ทั้งยังได้กลิ่นหอมกลิ่นเตาถ่าน ผสานกับรสชาติของวัตถุดิบที่อร่อยลงตัว

SEMIFREDDO

ปิดท้ายที่ของหวานด้วยเมนูของหวานสไตล์อิตาลีที่ทางร้านตั้งใจนำเสนอ เซมิเฟรโด (SEMIFREDDO) เป็นของหวานสไตล์อิตาเลียนที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบ Half Cold หรือเย็นครึ่ง ๆ ตัวขนมเหมือนมูสแช่แข็ง แต่มีความฉ่ำนุ่มละมุนคล้ายไอศกรีม นำเสนอมาในรสกาแฟอ่อน ๆ ตัดกับความกรอบของเนื้อคุ้กกี้เล็ก ๆ หวานเย็นชื่นใจ

CANOLI WITH ICE CREAM TOPPING

อีกเมนูชื่อว่า CANNOLI (CANOLI WITH ICE CREAM TOPPING) คาโนลี เป็นขนมแป้งทอดสไตล์อิตาเลียน ตัวแป้งจะกรอบมากภายในอัดแน่นไปด้วยครีมชีสรีคอตต้ารสหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม โรยช็อกโกแลต เป็นของหวานที่ชวนฝัน เชฟบอกว่าไม่นิยมตัดด้วยช้อน ให้ใช้มือยกขึ้นมาเข้าปากได้เลยจะได้รสชาติเต็ม ๆ

Homemade Orange Balsamic Reduction

ทางร้านยังมีสินค้าจากภูมิปัญญาของชาวอิตาลี Homemade Orange Balsamic Reduction ความหลงใหลในวัตถุดิบจากอิตาลี บัลซามิกที่ผ่านการหมักอย่างดี เปรี้ยวกลมกล่อม ใครได้ชิมแล้วก็อยากจะซื้อกลับไปเหยาะสลัดหรือปรุงอาหารที่บ้าน

ใครที่เป็นแฟนอาหารอิตาเลี่ยน คงพอจะคุ้นเคยกับ Pizza เราเคยคิดว่าถ้ากินพิซซ่าแป้งหนาๆ เดี๋ยวกินไม่หมดถาด โดยเฉพาะ ถ้าได้ลอง พิซซ่ากินแบบบางอร่อยกว่าแบบหนา พิซซ่าและหลายๆ อย่างในบ้านเรา พิซซ่าที่นี่ความอร่อยที่แตกต่าง ทำให้รสชาติของพิซซ่าอร่อยแบบสูตรดั้งเดิม ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง แวะมาเปลี่ยนบรรยากาศพาคนสนิทหรือครอบครัวไปกินข้าวในคืนวันพิเศษ แนะนำให้ไปลองชิมกันได้

ร้านอาหารอิตาเลียน บูโอนิชชิโม
Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria
เลขที่ 29/8 ซอยศรีด่าน 6 (เข้าซอยเพียง 100 เมตร)
ถนนศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
เปิดให้บริการ 11.00-22.00 น.
(มีดนตรีสดทุกคืนวันศุกร์และโอกาสพิเศษ)
บริการเดลิเวอรี่ ROBINHOOD, GRAB และ LINEMAN

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งที่
Facebook/ Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria
LINE/IG @buonissimo.bkk
โทร.096 370 0749 หรือ 02 0044741

#ร้านอาหารอาหารอิตาเลียน #บูโอนิชชิโม #Buonissimo

Prego Grand Opening

เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ
ห้องอาหารเปรโก้ ให้บริการอาหารแสนอร่อยและบรรยากาศสุดหรู พิซซ่าเตาถ่าน พาสต้าโฮมเมดและอาหารทะเลสดใหม่ เป็นไฮไลท์ของเมนูที่สร้างสรรค์โดยเชฟชื่อดัง Marco Boscaini โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

สุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ .เชฟมาร์โก้ บอสกายอินี่ (Marco Boscaini) Corporate Cheff or Prego Project . คุณยุทธชัย จรณะจิตต์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด และผู้บริหารกลุ่มบริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด, คุณพรทิพย์ ภิบาลวงษ์ ผู้จัดการโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ

ในค่ำคืนของวันที่ 28 เดือนเมษายน นี้ ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ
ที่ เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน เปิดให้บริการแล้วเชิญมาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิดโดยเชฟมาร์โค่ เชฟ ชื่อดังจากอิตาลี เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย เน้นการทำแบบอิตาเลี่ยนต้นตำรับเปิดเมื่อปี 2003 ที่โรงแรมอมารี เกาะสมุย และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ห้องอาหารที่ดีที่สุดบนเกาะสมุย” ลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยสูตรต้นตำรับกับเมนูพาสต้าแฮนด์เมด และไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดี ส่งตรงจากอิตาลี
ที่ห้องอาหารเปรโก้ ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ”เปรโก้” สัมผัสบรรยากาศสบายๆ ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด โดย เชฟมาร์โค่เชฟ ชื่อดังจากอิตาลีลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยที่ห้องอาหารเปรโก้ โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารที่พร้อมเสริฟคุณด้วยอาหารอาหารอิตาเลียน แสนอร่อยสูตรต้นตำหรับ ”เปรโก้” ซึ่งจะเป็น จุดนัดพบสังสรรค์รับประทานอาหาร หรือเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ด้วยการผสมผสานของร้านอาหารอิตาเลียน ระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิม และบาร์ได้อย่างกลมกลืน จุดประกายความสนุกสนานด้วยเสียงเพลงในราคาที่เป็นมิตร

เมนูแนะนำ : เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย!
รีซอตโต มอนทานาร่า จะดีแค่ไหนหากทุกท่านได้ลองลิ้มรสรีซอตโตมอนทานาร่าอาหารจานขึ้นชื่อที่รังสรรโคยเชฟมาร์โค่ ในปี 2018 รีซอตโตมอนทานาร่าของเชฟมาร์โค่ได้รับรางวัล 100 รีซอตโตที่ดีที่สุด จาก The Gallo Guide ที่รวม
ลิสต์Risottoดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก


สัมผัสประสบการณ์อาหารอิตาเลียนสุดหรูที่อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ Prego Bangkok เปิด 26 เมษายน 2565
เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ
📞 Tel: 02-653-9000​
📩 Email: reservations.watergate@amari.com​
📱 LINE: @amariwatergatebkk OR https://lin.ee/lBHz2rL​

#AmariWatergateBangkok #Amarihotels
#Brightenyourworld #pregobangkok #italiancuisine

Paulaner Garden Srinakarin ร้านอาหาร สไตล์เบียร์การ์เด้นแห่งแรกในประเทศไทย

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารเยอรมันยอดนิยมที่นักชิมต่างรู้จักเป็นอย่างดีมากว่า 16 ปี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการเสาะหาอาหารอร่อยของเจ้าของร้านในฐานะนักชิม นำมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อส่งมอบความสุขจากอาหารดี ๆ ผสมผสานกับความชื่นชอบร้านอาหารที่มีความโปร่ง โล่ง นั่งสบาย เหมือนนั่งในสวนหน้าบ้าน ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน

การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไป ความสบายใจที่หาได้จากธรรมชาติ ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับสไตล์ New Normal ที่ต้องดูแลสุขภาพและป้องกันโควิด นักชิมไม่ต้องกังวล เพราะ ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์ ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง พร้อมด้วยเจลแอลกอฮอล์และ อุปกรณ์วัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน ที่สำคัญที่สุดเป็นร้านอาหารที่ได้รับ SHA มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้อีกระดับหนึ่งอย่างไรก็ตามด้านให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์เยอรมัน Paulaner Garden คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น คอเบียร์ หรือคนที่ชื่นชอบอาหารในสไตล์บาวาเรียน แถมยังได้เพิ่มเติมเมนูอาหารไทยที่โดนใจนักชิม

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ เมนูต่างๆ อร่อยติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คอนเซ็ปต์ร้าน และเมนูอาหารที่ยังคงโดดเด่นเหมือนเดิม และยังได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางส่วน เช่น บริการพิเศษส่งอาหารบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงที่บ้าน บรรยากาศในร้าน นอกจากจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นเยอรมันแล้ว ยังมีจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารพอลลาเนอร์ นั่นก็คือ เสาบริเวณหน้าร้าน ที่เรียกว่า May Pole ซึ่งบนเสาจะมีรายละเอียดแสดงถึงสัญลักษณ์โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ของแคว้นบาวาเรียน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ที่ร้านพอลลาเนอร์ สาขาศรีนครินทร์ เท่านั้น เดิมทีร้าน Paulaner Garden ตั้งอยู่ย่านแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ย่านศรีนครินทร์ เป็นร้านใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังคงความอร่อยและเต็มไปด้วยความสุขเช่นเดิม

กานต์พิชชา คงสมบัติ ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์

นอกจากความพิเศษอันดับหนึ่งของ Paulaner Garden น่าจะอยู่ที่ “บรรยากาศ” ส่วนโดยรอบร้านด้านหน้าร้าน มีที่นั่งทานอาหารสบายๆ ในสวน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศช่วงเวลาแห่งความสุข รวมถึงด้านในร้านเองมีการจัดวางโต๊ะอาหารตามโซนต่างๆ ถึง 2 ชั้น ให้บริการได้ถึง 80 ที่นั่ง พร้อมกับการเพลิดเพลินไปกับภาพบนผนัง ที่สื่อเรื่องราวขบวนการผลิตเบียร์ สีสันงานเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวบาวาเรียน หรือเทศกาลงานเลี้ยงมีการตั้งชื่อต่าง ๆ และยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน ทางร้านมีห้องไวน์เซลล่า เพื่อรองรับการประชุมหรือสังสรรค์ จัดกิจกรรมต่างไว้บริการด้วย และเครื่องดื่ม เบียร์เยอรมันและอังกฤษหลากหลายชนิด ให้ลิ้มลองทั้งของ Paulaner ,Hacker Pschorr , Fuller’s ,St Austel , Smuel Smith ,Cornish Cider และ Wine , เบียร์สดดื่มอย่างจุใจ

“กานต์พิชชา คงสมบัติ” ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากกลับมาเปิดเหมือนเดิมหลังจากปิดชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทางร้านได้การรับรองมาตรฐาน SHA และตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า มีการจัดโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง พนักงานในร้านผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส ทุกสุดสัปดาห์ทางร้านจะมีตรวจ ATK ให้กับพนักงาน ลูกค้าที่เข้าร้านต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” และตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิด้านหน้าร้าน ส่วนภายในร้านมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และมีบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการในทุกมุมของร้าน รวมถึงในห้องน้ำ นอกจากนั้น ทางร้านยังได้เตรียมช้อน มีด ส้อม ทิชชู ใส่ซองแยกเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกคน

เมนูไฮไลท์พอลลาเนอร์ การ์เด้นท์
-ไส้กรอก บาวาเรียน (Bavarian Sausage) เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งผัดเบคอนและซาวเคราท์ ซึ่งภายในจานจะมีไส้กรอก 3 ชนิด ประกอบด้วย ทูริงเจอร์ เป็นไส้กรอกที่ม้วนเป็นกลมๆในจาน ไส้กรอกชีส และ เยอรมันบราทเวิร์ส เนื่องจากทางร้านสั่งทำเฉพาะทางร้านพอลลาเนอร์การ์เด้นท์เท่านั้น และคิดค้นสูตรไส้กรอกตั้งแต่ร้านเปิดมา ซึ่งใช้เวลาลองผิดลองถูก จนมาลงตัวด้วยรสชาติที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรเยอรมันนานาชนิด และมีเนื้อนุ่มมากเป็นพิเศษ และที่พิเศษก่อนเสิร์ฟไส้กรอกทางร้านจะนำไปต้มก่อนเพื่อรีดไขมันออก จากนั้นจึงนำไปย่าง เมื่อกินไส้กรอกจะไม่เลี่ยน

ขาหมูเยอรมัน สูตรเพื่อสุขภาพ เพราะผ่านขบวนการทำกว่า 3 ชั่วโมง ด้วยเคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพหรือเรียกว่า ขาหมูรีดมัน ด้วยวิธีการหมักกับเครื่องเทศอย่างดีนำไปต้มจนสุกแล้วนำเข้าเตาอบ แถมยังมีการเพิ่มเบียร์เยอรมันเข้าไปผสมผสานเพิ่มความหอม และเพิ่มความนุ่มเป็นพิเศษ รับรองได้ว่าไม่เหมือนใคร การันตีความอร่อยด้วยการโทรจองล่วงหน้า จะได้ทานขาหมูเยอรมันที่อร่อยเลิศ กรอบนอก นุ่มใน และกรอบนาน อร่อยได้อย่างแน่นอน เสิร์ฟพร้อมด้วย น้ำจิ้ม 3 สูตรเด็ด สุดแซ่บเวอร์ โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ด

ขาหมูเยอรมัน

เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ เสริฟคู่กับตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน อบใหม่ร้อนๆ

ตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน
เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ
ขนมปังเพรสเซล
-พล่าปลาแซลมอนสด

-พล่าปลาแซลมอนสด พล่าแซลมอนเนื้อปลาแลมอนชิ้นโต คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงพล่ารสจัดจ้านแบบไทยๆ จานนี้เด็ด มาต้องสั่งเหมือนกัน

สปาเก็ตตี้

แอปเปิ้ลสตูเดิล เป็นขนมแบบดั้งเดิมของประเทศออสเตรีย มีส่วนผสมของ
แอปเปิ้ล ห่อด้วยแป้งพายพับอบกรอบแผ่นบางคล้ายแป้งฟิโล เสิร์ฟคู่ไอศครีมวนิลา อร่อยรสชาติไม่หวานมาก

แอปเปิ้ลสตูเดิล

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเพื่อสุขภาพอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่ พิซซ่า ซึ่งเป็นพิซซ่าแผ่นสี่เหลี่ยม เป็นแบบเฉพาะของที่ร้านแป้งบางๆ มีหลายหน้าให้เลือกลิ้มลอง เช่น พิซซ่าเจหรือพิซซ่าหน้าผัก ที่อัดแน่นไปด้วย มะเขือเทศ ผักโขม หอมใหญ่ หอมดอง เห็ดแชมปิญอง นอกจากนี้ ยังมีพิซซ่าหน้าซีฟู๊ด เซลามี่ พามาแฮม หรือ พิซซ่าหน้าแซลมอนสด ทางร้านเลือกใช้แซลมอน เกรดพรีเมียมจากนอร์เวย์สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ วางบนแผ่นพิซซ่า เป็นอีกเมนูที่อยากให้มาลิ้มลอง

รวมถึงเมนูเด็ดยอดนิยมที่กำลังมาแรงเช่น สปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้งกระเทียม เป็นเมนูขายดีถูกใจคนไทย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่รวม 3 สัญชาติไว้ด้วยกัน เพราะมีเส้นสปาเก็ตตี้จากอิตาเลียน ไส้กรอกจากเยอรมัน และพริกแห้งและกระเทียมจากไทย น้ำมาผัดกับน้ำมันมะกอก ปรุงรสจัดจ้านแบบไทยๆ เส้นเหนียวนุ่มกลิ่นหอมของชีสและเผ็ดนิดๆ ทางร้านยังมีเด็ดมากมายเช่น ลาบแซลมอนทอด พล่าปลาแซลมอนสด, ยำขาหมูพอลาเนอร์, ยำเห็ดสามอย่าง หอยแมลงภู่ชิลีผัดเบียร์ดำ ที่ต้องลอง และไม่ลืมปิดท้ายความสุขด้วย ของหวานจานโปรดที่ขายดิบขายดี คือ แอปเปิ้ลสตูลเดิ้ล เป็นเมนูของหวานสไตล์เยอรมัน ด้านในเป็นแอปเปิ้ลผัดกับชินเนม่อน ห่อด้วยแป้งและอบจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาหรือช็อคโกแลต ซึ่งสามารถเลือกรสชาติไอสกรีมได้ หรือ ช็อคโกแลต
บราวนี่ ที่เสิร์ฟกับไอศกรีมวนิลลา จนอยากลิ้มลองเสียทั้งคู่

นอกจากจะเปิดบริการตามปกติแล้ว ทางร้านยังรับจัดงานนอกสถานที่ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้านด้วย เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มส่วนตัว หรือจัด
อีเว้นท์ได้ในบรรยากาศสไตล์เยอรมันเหมือนได้ไปกินที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ส่วนในร้านและในสวน นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับรองรับได้ประมาณ 25 ท่าน พร้อมชุดคาราโอเกะไว้บริการอีกด้วย

พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. 2 ชั่วโมงเต็ม นักชิมจะได้เพลิดเพลินฟังเพลงไพเราะ ไปกับวงดูโอ ศิลปินจากเวทีประกวดเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ( บัง & เขี้ยว ) ทั้งดนตรีไทยและสากลให้ได้ฟังกันอย่างเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศในสวนสวยสบายๆ สไตล์เยอรมัน เหมาะกับการพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนๆ ในวันสุดสัปดาห์

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ https://www.youtube.com/watch?v=2v3AY_HtHtY

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์
ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 9 แยก 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

ที่ร้านมีบริการเดลิเวอรี่
เปิดบริการ 16.00-23.00 น. โทร. 08 2790 1782
พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. (2 ชั่วโมงเต็ม)

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.paulaner-garden.com

“ตามรอยพ่อฯ” แจงผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตลอด 9 ปี สร้างการรับรู้ดีเกินคาด
ก่อให้เกิดการตื่นตัวทุกวงการ ย้ำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้วิกฤตได้อย่างยั่งยืน


เครือข่ายคนมีใจทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานพร้อมออกร้านผลผลิต ณ สวนล้อมศรีรินทร์ พื้นที่ร่วมโครงการปีแรก
โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) จัดงานสรุปผลความสำเร็จหลังดำเนินงานมาครบ 9 ปี โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 – 2564 และมีผลการดำเนินงานดีเกินคาด ทั้งด้านการสร้างคนมีใจ เครือข่าย และศูนย์การเรียนรู้ที่เป็นไปตามเป้าหมาย และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีหรือการลงแขกในพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก ทำให้แนวคิดในการนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปลงมือปฏิบัติแผ่ขยายแตกตัวไปทั่วทั้ง 22 ลุ่มน้ำในประเทศ เกิดการรับรู้และกระแสความตื่นตัวที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกัน รวมถึงเกิดแรงกระเพื่อมสู่การเปลี่ยนเชิงนโยบาย

ทั้งนี้ งานสรุปผลดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยเครือข่ายจากทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานและนำผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปร่วมออกร้าน พร้อมจัดกิจกรรมอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา และฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้วิกฤตได้จริง พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งต่อองค์ความรู้และแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ต่อไป

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ทรงแสดงความห่วงใยต่อปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 ด้วยความร่วมมือระหว่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน โดยได้น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่สู่การปฏิบัติ เป้าหมายเพื่อหยุดท่วม หยุดแล้งในลุ่มน้ำป่าสักอย่างยั่งยืน จนสามารถสร้างรูปธรรมตัวอย่างความสำเร็จและการขยายผลครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ โดยการดำเนินงานเริ่มจากการสร้างพื้นที่ต้นแบบ รวมทั้งบุคคล ชุมชน และโรงเรียนต้นแบบ แล้วจึงขยายผลออกไปสู่ลุ่มน้ำอื่น ทั่วประเทศ”
ทั้งนี้ โครงการมีกรอบการดำเนินงาน 9 ปี แบ่งเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 3 ปี โดยระยะที่ 1 พ.ศ. 2556 – 2558 คือ ระยะตอกเสาเข็ม เป็นการสร้างการรับรู้ และสร้างตัวอย่างความสำเร็จหลากรูปแบบทั้ง บุคคล ชุมชน โรงเรียน และสร้างศูนย์เรียนรู้ สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 1 สร้างการรับรู้ด้วยการเดินทางวิ่ง-เดิน-ปั่น กว่า 900 กิโลเมตร ในพื้นที่ 5 จังหวัด มีอาสาสมัครและคนมีใจร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน
• ปีที่ 1 พ.ศ. 2556 เป็นกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นรณรงค์ ”จากปลายน้ำสู่กลางน้ำ สร้างหลุมขนมครกในแบบโคก หนอง นา โมเดล หยุดท่วมหยุดแล้งอย่างยั่งยืน” จากกรุงเทพฯ ถึง จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.สระบุรี
• ปีที่ 2 พ.ศ. 2557 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก เปลี่ยนเขาหัวโล้นเป็นเขาหัวจุก” ที่ จ.เพชรบูรณ์
• ปีที่ 3 พ.ศ. 2558 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก ในแบบของคุณ” ที่ จ.ลพบุรีและ จ.เพชรบูรณ์
กรอบการดำเนินงานในระยะที่ 2 พ.ศ. 2559 – 2561 คือ ระยะแตกตัว เป้าหมายเป็นการขยายผลในระดับทวีคูณ สร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือในการยกระดับศูนย์เรียนรู้สู่การศึกษาตลอดชีวิต (บ้าน วัด โรงเรียน หรือ บวร) สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 2 สร้างพื้นที่ต้นแบบ 8 แห่งใน 8 จังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน และเกิดศูนย์การเรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด
• ปีที่ 4 พ.ศ. 2559 คือ การสร้างหลุมขนมครก ”ป่าสักโมเดล” ในพื้นที่ “ห้วยกระแทก” ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ ซึ่งเป็นหลุมขนมครกขนาดพื้นที่ 600 ไร่ และเป็นหลุมขนมครกที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดจากการรณรงค์ของโครงการ
• ปีที่ 5 พ.ศ. 2560 ”แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ในสภาพภูมิสังคมที่แตกต่าง โดยร่วมสร้าง ”เพลิน area” ที่แปลงเกษตรสาธิต คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร, สร้างพื้นที่เรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชาที่ไร่สุขกลางใจ จ.ราชบุรี, สร้างต้นแบบจากชาวบ้านสู่ความร่วมมือ 7 ภาคี ด้วยพลังเอามื้อสามัคคี โดยการรวมกลุ่มของชาวบ้านคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี และสร้างพื้นที่ต้นแบบหลุมขนมครกบนพื้นที่สูง “คนอยู่ ป่ายัง อย่างยั่งยืน” ที่ห้วยป่ากล้วย และศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ (บวร.) วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
• ปีที่ 6 พ.ศ. 2561 “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี“ จากลุ่มน้ำป่าสักสู่ลุ่มน้ำอื่น ๆ สร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชากลางเมืองหลวง ที่ฐานธรรมพระรามเก้า กรุงเทพมหานคร สร้างหลุมขนมครกและเรียนรู้การทำสวนเกษตรอินทรีย์ ที่ จ.จันทบุรี ร่วมสร้าง “หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ชุมชนกสิกรรมวิถี” จ.สระบุรี และร่วมสร้างพื้นที่เรียนรู้ หลุมขนมครกบนพื้นที่สูง เปลี่ยนผู้บุกรุกมาเป็นผู้พิทักษ์ ที่ จ.น่าน
สุดท้ายกรอบการดำเนินงานในระยะที่ 3 พ.ศ. 2562 – 2564 คือ การขยายผลเชื่อมโยงทั้งระบบ เป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย มี 7 ภาคีระดับชาติเข้าร่วม ได้แก่ ภาครัฐ วิชาการ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน ศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อยกระดับสู่การแข่งขัน วางรากฐานการพัฒนามนุษย์ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำ เชื่อมโยงทั้ง 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ
• ปีที่ 7 พ.ศ. 2562 จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้แนวคิด “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จากต้นน้ำป่าสักสู่การสร้างแม่ทัพแห่งลุ่มน้ำ โดยจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่ จ.เลย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำป่าสัก และกิจกรรมทัศนศึกษาที่ จ.ลำปาง เป็นพื้นที่ที่เชฟรอนประเทศไทยร่วมกับศูนย์บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขปัญหาประเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดทำโครงการวิจัย “การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย การติดตามและประเมินผลเพื่อบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีส่วนร่วม” เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ได้มีการออกแบบและปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ไปแล้ว ให้เป็นระบบและได้มาตรฐานทางวิชาการ โดยนำผลสรุปจากโครงการวิจัยมาประมวลผลในมิติต่าง ๆ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และมิติทางสภาพแวดล้อม
• ปีที่ 8 พ.ศ. 2563 “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเพื่อฟื้นฟูและปกป้องพื้นที่ป่าต้นน้ำแจ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลุ่มน้ำปิง จ.เชียงใหม่ กิจกรรม “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต หรือ CMS (Crisis Management Survival Camp) เพื่อสร้างความรู้ความตระหนักแก่ประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วม น้ำแล้ง โรคระบาด และสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก โรงเรียนสงครามพิเศษ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (วัดใหม่เอราวัณ) จ.ลพบุรี และสร้าง “โคก หนอง นา ชัยภูมิโมเดล” ที่ศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม จ.ชัยภูมิ
• ปีที่ 9 พ.ศ. 2564 “9 ปีแห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน” มีทั้งแคมเปญ “รวมพลังสู้โควิด-19” กิจกรรมช่วยน้ำท่วมที่ จ.สระบุรี และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีแปลง “เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี” ที่ จ.นครราชสีมา และแปลง “โคกหนองนา โปรดปัน” จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการสร้างแหล่งความรู้และเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล
สรุปผลสำเร็จของการดำเนินงานโครงการตามรอยพ่อฯ 9 ปี ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนได้ดังนี้
• การ “สร้างคน” มีผู้เข้าอบรมและดูงานในศูนย์ฯ ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติตลอดระยะเวลาของการดำเนินงานโครงการ พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำป่าสัก 489,984 คน พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำอื่น ๆ 826,280 คน รวมทั้งสิ้น 1,316,264 คน
• การ “สร้างครู” สร้างวิทยากร และครูพาทำในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ในลุ่มน้ำป่าสักรวม 124 คน นอกลุ่มน้ำป่าสัก 9 คน รวมทั้งสิ้น 133 คน
• การ “สร้างศูนย์เรียนรู้” มีศูนย์เรียนรู้ที่เกิดจากโครงการ 11 แห่ง อยู่ในลุ่มน้ำป่าสัก 8 แห่ง และนอกลุ่มน้ำ ป่าสัก 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ห้วยกระแทก) “ป่าสักโมเดล” จ.ลพบุรี, บ้านพึ่งพาตนเอง “ฟากนา ฟาร์มสเตย์” จ.เลย, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายอดิศร จ.สระบุรี, ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล หรือ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเองเอาชนะยาเสพติด จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ วัดใหม่เอราวัณ จ.ลพบุรี, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านพะกอยวา จ.ตาก, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสุรินทร์ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้ดูงานทั้งหมดของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทั่วประเทศมีอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก 12 แห่ง และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ 58 แห่ง รวม 70 แห่ง

https://www.youtube.com/watch?v=M8EWjY1ncGk

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร กล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการประสบผลสำเร็จอย่างดีทั้งในแง่ปริมาณในการสร้างคน สร้างครู สร้างศูนย์เรียนรู้ ส่วนสัมฤทธิผลในเชิงคุณภาพนั้นได้ผลดีเกินคาด การแตกตัวขยายผลครอบคลุมลุ่มน้ำทั่วประเทศ สร้างแรงกระเพื่อมที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เริ่มจากการสั่งการจากผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นให้ดำเนินการอบรมให้ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ภายในหน่วยทหาร และยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ และโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบในโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอดตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ‘โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง’ ของกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย

“จากการดำเนินอย่างต่อเนื่อง 9 ปีของโครงการ ‘ตามรอยพ่อฯ’ ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์ใช้ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเหมาะสม จะสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน” ดร.วิวัฒน์กล่าวสรุป

นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึงการสรุปผลความสำเร็จว่า “เชฟรอนประเทศไทยได้ร่วมจัดทำโครงการมาตลอดระยะเวลา 9 ปี โดยที่ผ่านมาเราได้เห็นผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพว่าโครงการได้เข้าไปช่วยในการให้ความรู้ สร้างตัวอย่าง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเป็นล้าน ๆ ทั่วประเทศ ทั้งในด้านการอนุรักษ์และอยู่ร่วมกับป่า การนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้เพื่อการพึ่งพาตนเองได้ และยังสร้างแหล่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ทั้งผ่านการสร้างศูนย์เรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด รวมถึงการสร้างศูนย์กลางการแบ่งปันความรู้แบบออนไลน์แก่ผู้ที่สนใจ

โดยเราได้สร้างเนื้อหาในสื่อออนไลน์มากมายที่เป็นประโยชน์ อาทิ การจัดทำบทเรียน ‘คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ’ ในรูปแบบบทความและวีดิทัศน์บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ รวม 14 บท เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำองค์ความรู้ไปลงมือทำเองได้ และยังได้สร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 246,900 คน


เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโครงการด้วยช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ทั้งเวบไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์
“พนักงานของเชฟรอนประเทศไทยเองกว่า 2 พันคน ก็ได้เข้าร่วมอบรมเรียนรู้ และร่วมกิจกรรมเอามื้อของโครงการอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่นำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาไปลงมือทำที่บ้านเกิดเมื่อเกษียณจากการทำงานประจำ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับองค์กรและพนักงานเชฟรอนที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการน้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มารณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทั่วไป จนเกิดแรงบันดาลใจนำไปลงมือปฏิบัติ และได้ร่วมผลักดันขับเคลื่อนจนเกิดเป็นแรงกระเพื่อมอย่างมากมายในสังคมไทย” นายอาทิตย์กล่าวสรุป


นอกจากนี้ มาตรวัดความสำเร็จในเชิงคุณภาพที่สำคัญอีกประการ คือ การสร้างคนมีใจที่ตอบโจทย์ “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน คือ การมีความรู้คู่คุณธรรมและการใช้ชีวิตอย่างพอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น และระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า คือ บุญ, ทาน มีเหลือกินเหลือใช้ก็แบ่งปัน, เก็บ รักษาเคล็ดลับวิชาภูมิปัญญา, ขาย, ข่าย (กองกำลังเกษตรโยธิน) ซึ่งเกิดเป็นตัวอย่างบุคคลผู้ประสบความสำเร็จตาม “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ที่มานะบากบั่นลงมือทำจนทำให้หยุดท่วมหยุดแล้งในพื้นที่ของตัวเอง เกิดการพึ่งพาตัวเองได้ หลุดพ้นจากความยากจน และรอดจากวิกฤตด้วยศาสตร์พระราชา ได้แก่ พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, แสวง ศรีธรรมบุตร (ลุงแสวง) ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย), และประวีณ ศิราไพบูลย์พร (ติ่ง) 2 พี่น้องชาวปกาเกอะญอ แห่งไร่ไฮ่เฮา ไร่ติ่งตะวัน จ.ลำปาง เป็นต้น


ทั้งนี้ งานสรุปผลจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของนายบุญล้อม เต้าแก้ว ที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยนอกจากการออกร้านของเครือข่าย ยังมีกิจกรรมฝึกอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา เบื้องต้น และฐานการเรียนรู้ 4 ฐาน ได้แก่ ฐานคนมีน้ำยา สอนทำน้ำยาอเนกประสงค์ แชมพู, ฐานคนรักษ์แม่ธรณี สอนทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ, ฐานเพาะเห็ดตะกร้า, ฐานเพาะผัก นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้จริง โดยแต่ละท่านได้กล่าวถึงเปลี่ยนแปลง หลังจากร่วมโครงการ รวมทั้งความตั้งใจสานต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา ดังนี้

ศิลา ม่วงงาม (ครูศิลา) ประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชน บ้านหินโง่น อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 2 กล่าวว่า “จากเดิมที่มีการทำเกษตรแบบโคก หนอง นา แค่ 2 ราย ปัจจุบันมีคนทำเพิ่มขึ้นมากถึง 3-4 เท่าตัว สมัยก่อนเส้นทางระหว่างบ้านหินโง่นถึงบ้านสักง่า ระยะทาง 8 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด แต่ปัจจุบันมีไม้ผลขึ้นเต็ม 2 ข้างทาง เช่น ทุเรียน เงาะ ส้มโอ เป็นต้น และชาวบ้านยังปลูกไม้ยืนต้นมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2558 ผมได้จัดกิจกรรมทำฝายชะลอน้ำ 89 สายถวายพ่อ ที่ห้วยส้านซึ่งเป็นลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้านหินโง่น แล้วไหลลงแม่น้ำป่าสัก ซึ่งตอนนี้ห้วยนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ดีมากเลย ผมมีความตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพราะได้เห็นประจักษ์แล้วว่า ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน”


พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก ผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 8 สามัคคี อ.เมือง จ.ลพบุรี ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 3 กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องและการสนับสนุนอย่างจริงจังของโครงการ ทำให้การแตกตัวในการเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก ในการสืบสานศาสตร์พระราชาเรายังทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการรวบรวมเครือข่ายคนมีใจขับเคลื่อนเป็นระดับภาค และระดับประเทศต่อไป โดยจะทำแบบใกล้ชิดกว่าเดิม มีการประชุมวางแผนงานบ่อยขึ้น มีการลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องมากขึ้น มีการจัดทัพแบบกระชับองค์กร เพื่อเข้าถึงปัญหาและแก้ไขในทุกจุดอย่างรวดเร็ว มีการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น เราจะสืบสานต่อไปให้รุ่น 2 รุ่น 3 เหมือนที่อาจารย์ยักษ์วางไว้ค่ะ”


บัณฑิต ฉิมชาติ (หัวหน้าฉิม) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 6 กล่าวว่า “ตอนนี้ชาวบ้านมีข้าวกินทั้งหมู่บ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมกลายป็นเทวดาของชาวบ้านไปแล้ว ทุกครั้งที่เจอผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะเข้ามากอด ผมดีใจและตื้นตันใจมากครับที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้พวกเขาได้ ชาวบ้านลดการปลูกข้าวโพดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ได้รับพื้นที่ป่าของอุทยานคืนมา 3,000 กว่าไร่ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนชาวบ้านต้องเตรียมเงินไว้ปีละประมาณ 5,000 บาท เพื่อซื้อข้าวกิน แต่ปัจจุบันพื้นที่ทำกิน 3-5 ไร่ของพวกเขาก็สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวได้ มีข้าว มีปลา มีผักกิน ไม่ต้องเสียไปเงินซื้อ ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อก่อนชาวบ้านต้องซื้อข้าวหัก ๆ กิน เดี๋ยวนี้ชาวบ้านปลูกข้าวพันธุ์ภูฟ้าซึ่งเป็นข้าวขาวที่สวยมากไว้กินเอง เหลือก็แบ่งปันกันในชุมชน ชาวบ้านหลุดพ้นจากความยากจนอดอยาก”


กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย) เจ้าของพื้นที่ “ไร่ไฮ่เฮา” อ.งาว จ.ลำปางตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 7 กล่าวว่า “ปัจจุบันพื้นที่บ้านแม่ฮ่าง จ.ลำปาง มีครัวเรือนที่หันมาทำโคก หนอง นา บนพื้นที่สูงเพิ่มขึ้นเป็น 30 กว่าแปลง ทำกันจริงจังมาก มีการเวียนกันเอามื้อทุก ๆ สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง มีการทำแท็งก์น้ำในแต่ละจุดของแต่ละแปลง เพราะเป็นพื้นที่สูงการจัดการน้ำยาก ทุกแปลงจึงจำเป็นต้องมีแท็งก์น้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อการเกษตร และตอนนี้ขยับมาทำพื้นที่ที่สุโขทัยด้วย ซึ่งจะเป็นการขยายผลสู่ลุ่มน้ำยม มีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามรอยพ่อฯ ที่สร้างประโยชน์มาก มีการประชาสัมพันธ์และทำให้คนได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร และคนที่สนใจสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ คือ การได้เครือข่ายที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เป็นแรงเสริมเป็นกำลังใจให้กันและกัน ส่วนตัวแล้วก็จะยังสืบสานงานของพ่อต่อไป ทั้งที่เป็นพื้นที่ของตัวเองและการร่วมเป็นเครือข่ายสนับสนุนและส่งต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ลงมือทำตามต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”


ปราณี ชัยทวีพรสุข ประธานกรรมการศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เจ้าของ “สวนฝันสานสุข” บ้านเสี้ยวน้อยพัฒนา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 8 กล่าวว่า “หลังจากโครงการมาจัดกิจกรรมเอามื้อที่ศูนย์ปราชญ์ฯ ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านในชัยภูมิเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายมากขึ้น จึงมีการค้นหาแกนนำที่เป็นจุดแข็งของแต่ละอำเภอ เพื่อเรียกคนที่มีใจเดียวกันมาร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก โดยที่ศูนย์ปราชญ์ฯ เองมีการวางแผนเอามื้อเดือนละครั้ง เครือข่ายก็จะไปปันแรงกัน ก่อนโควิด-19 ระบาดมีการจัดอบรมและดูงานอยู่เรื่อย ๆ รวมแล้วฝึกอบรมไปประมาณ 6 รุ่น จำนวน 500 กว่าคน ในช่วงโควิด-19 ระบาดได้ไปเป็นจิตอาสาทำหน้าที่พยาบาลสนาม ฉีดวัคซีน เลยถือโอกาสรวมพลังหมอศูนย์บาทของชัยภูมิ ต้มน้ำสมุนไพร 7 นางฟ้า สมุนไพรสุมยา แจกคนป่วยที่โรงพยาบาลสนามและที่ศูนย์สุขภาพชุมชน ตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าศาสตร์พระราชาแก้ปัญหาได้ทุกวิกฤตจริง พื้นที่ของตัวเองมี 18 ไร่ ทำโคก หนอง นา ไว้นานแล้ว มีต้นไม้เยอะ มีน้ำเหลือเฟือ ลูกชายเป็นคนรุ่นใหม่เคยบ่นว่าแม่อายุเยอะแล้วกลับมาเหนื่อยอะไรตรงนี้ แต่ต่อมาหลังจากเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่แม่ทำ ก็มากระซิบให้แม่ทำต่อไป ขอทำงานเก็บเงินซักพัก แล้วจะกลับมาสานต่อ ฟังแล้วชื่นใจมากเลยที่คนรุ่นใหม่เริ่มเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำค่ะ”


สุณิตา เหวนอก (นวล) เจ้าของพื้นที่เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี อ.จักราช จ.นครราชสีมา ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 9 พ.ศ. กล่าวว่า “นวลเป็นคนบ้างานบ้าเรียน เวลาที่เหลือ คือ อยู่ในสวน เพราะอยากให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ เนื่องจากที่บ้านยังไม่เห็นด้วยอยู่ นวลจึงใช้วิธีสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยหวังว่าครอบครัวจะได้เห็นภาพ ซึ่งปรากฏว่าไม่ใช่เพียงครอบครัวที่เห็น แต่เพื่อนในโซเชียลก็ได้เห็นและเกิดแรงบันดาลใจลงมือทำตามกันหลายคน เครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียงก็มีการคุยกันในไลน์ ก็ขอมาดูพื้นที่เรา แล้วเกิดพลังใจกลับไปลงมือทำ เขาบอกว่าขนาดนวลเองเป็นคนมีเวลาน้อย ยังสามารถทำได้เลย รู้สึกภูมิใจที่ความตั้งใจของเรา เป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลาย ๆ คน ลุกขึ้นมาทำตาม ในการสืบสานแนวคิดศาสตร์พระราชาจะยังทำอย่างต่อเนื่อง มีความตั้งใจอยากส่งต่อองค์ความรู้ให้เด็ก ๆ ในชุมชน ให้ได้มาเรียนรู้ มาทำกิจกรรมแบบค่อย ๆ ซึมซับ เพื่อเป็นการบ่มเพาะแนวคิดและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยค่ะ ไม่อยากนิยามตัวเองว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการเดินตามรอยพ่อ เพราะคิดว่าคุณสมบัติยังไม่ถึงระดับนั้น แต่อยากจะให้เรียกว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างของคนที่มุ่งมั่นตั้งใจทำมากกว่าค่ะ”


ผู้ที่สนใจติดตามชมการสรุปผลการดำเนินโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ได้ในรายการ “เจาะใจ” วั
นที่ 2,9 เมษายน 2565 ทางช่อง MCOT HD เวลา 21.40 – 22.35 น.

ติดตามเนื้อหาโครงการได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
ดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

เริ่มแล้ว! กาดดอยตุงปี5 พาม่วนใจ๋ เนรมิต 4 โซนชอปปิ้งสุดคูลสไตล์คนดอย สร้างสุขให้ใจกลางกรุง

ยกความสุขสไตล์ดอยตุงกลับมาให้นักชอปคนเมืองได้เช็กอิน ชิม ชิล แชร์ กันอีกครั้งในงาน “กาดดอยตุง”ที่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล 

จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อให้คนเมืองได้ใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวดอยตุงมากขึ้น จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม รายได้จากการขายสินค้าและงานในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย

งานกาดดอยตุงในปีนี้มาในธีม Urban Park นำบรรยากาศชวนพักผ่อนหย่อนใจบนดอยสูงมาไว้กลางเมือง จัดเต็ม 4 โซนชอปปิ้งสุดปังครบทุกมิติแห่งความสุข  เริ่มด้วย “โซนบาริสโต” คาเฟ่ ดอยตุง ต้อนรับนักชอปด้วยเครื่องดื่มสูตรพิเศษ อาทิ กาแฟเอสเปรสโซหมักกับน้ำผึ้งผสมโซดา ต่อด้วยน้องใหม่อย่าง น้ำผึ้งหมักสุดเข้มข้นและหอมหวาน 4 รส 4 สไตล์ ทั้งเลมอนและกลีบกุหลาบ ผลไม้รวมตระกูลเบอร์รีและเปปเปอร์มินต์ ช็อตกาแฟเอสเปรสโซ และกาแฟสกัดเย็นเข้มข้น น้ำเชื่อมวานิลลา โฮมเมดที่ผลิตจากวานิลลาคุณภาพพันธุ์ Planifolia ปลูกในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เพิ่มรสชาติให้เมนูเครื่องดื่มและขนมที่ชื่นชอบ แถมด้วยเวิร์กชอปที่หลายคนรอคอย สร้างสรรค์เครื่องดื่มเมนูพิเศษด้วยตัวเองพร้อมกับบาริสต้ามืออาชีพจากดอยตุง    

จากนั้นไปต่อกันที่ “โซนโตโกกรีน” เอาใจคนรักต้นไม้ที่ต้องการเติมโอโซนและพื้นที่สีเขียวรอบตัวด้วยกล้วยไม้รองเท้านารี เอกลักษณ์ของดอยตุง นอกจากนี้ยังมีไม้มงคลไม้แฟชั่นยอดฮิตอย่างต้นคล้า ไม้ใบลวดลายสวย อีกทั้งยังมีประโยชน์ช่วยฟอกอากาศ ต้นยางอินเดีย ไม้หัวเลี้ยงง่าย แคคตัสและไม้อวบน้ำต้นจิ๋ว ฯลฯ และผักผลไม้สด ราคาน่ารักที่คนรักสุขภาพต้องปลื้มมาให้เลือกชอปทุกวัน  

สำหรับคนรักการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมต้องไม่พลาดโปรโมชันสุดเย้ายวนชวนให้เดินทางขึ้นเหนือไปสัมผัสธรรมชาติบนดอยตุง อาทิ ชวนเปลี่ยนบรรยากาศ work from home มาทำงานชิวๆ บนดอย 5 วัน หรือท่องเที่ยวสั้นๆ แบบ 2 วัน 1 คืน หรือ ครึ่งวันสุดคุ้ม ชวนจิบน้ำชา ฟังเสียงนกร้อง ท่ามกลางดอกไม้ในสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง รายล้อมด้วยวิวสูงสุดบนเทือกเขานางนอน หรือจะเลือกไปเที่ยวชมหอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ หรือจุดชมวิวแม่น้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พร้อมไหว้พระขอพรที่วัดพระธาตุเจดีย์หลวงแฟชั่นนิสต้าและคนรักงานศิลปะห้ามพลาดสินค้าหัตถกรรมดอยตุงที่ออกแบบตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิตใน “โซนโตคราฟต์” นำงานคราฟต์มาให้เลือกมากมาย

อาทิ สินค้าไอเท็มพิเศษมีเพียงชิ้นเดียวในโลก เสื้อผ้าคอลเล็กชั่น Pha Khao Ma แรงบันดาลใจจากผ้าขาวม้าที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นไทยแต่โบราณ รังสรรค์มาเป็นเสื้อผ้าสไตล์เวิร์กเเวร์ (Workwear) จากเส้นใยพลาสติกรีไซเคิล และครั้งแรกกับการใช้เทคนิคอัดจีบด้วยความร้อน! การันตีด้วย 3 รางวัลงานดีไซน์ระดับประเทศ Demark 2021, Gmark 2021, PM Award 2021 และยังได้ไปเผยโฉมในเวทีระดับโลกอย่างงาน MQ Vienna Fashion Week 2021

ภายในงานยังมีเซรามิกชิ้นพิเศษจากงาน Bangkok Design Week 2022 Agritecture DoiTung
“คิดสร้างดิน” จาก 13 ศิลปินและสตูดิโอเซรามิกชื่อดังของเมืองไทย อาทิ ชุดจานเซรามิกคอลเล็กชั่น Zhangri-La ผลงานสร้างสรรค์จำนวนจำกัดระหว่าง DoiTung x Whattadish by Dinfi & Q บรรจุในกล่องกระดาษสาจากดอยตุง สื่อถึงดินแดนอันสงบสุขและอุดมสมบูรณ์ในแบบศิลปะพื้นบ้าน (Folk Art) โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินขาวของเครื่องลายครามผสานทองคำแท้ มาพร้อมนวัตกรรมใหนำเข้าไมโครเวฟได้ สั่งจองได้ในราคาชุดละ 2,990 บาท

​หลังจากชอปปิ้งกันจนเหนื่อย เชิญแวะ “โซนเชฟโต” ชิมอาหารเหนือทั้งเมนูฟิวชั่นและชนเผ่าดั้งเดิมเมนูเด็ดจากครัวตำหนัก อาทิ ข้าวอบซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน เฟตตูชินีแกงฮังเลหมู ยำบะหมี่เหลืองน้ำพริกกากหมู ส่วนใครที่ชอบไส้กรอกและแฮมรสชาติพรีเมียมแนะนำ Sloane’s X DoiTung เมนูพิเศษจาก ‘หมูดำดอยตุง’ ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ส่งเสริมให้ชุมชนดอยตุงเลี้ยงเพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง ข้าวปุ๊กน้ำตาลอ้อย ของหวานชนเผ่าเสิร์ฟพร้อมชาอู่หลงยอดน้ำค้าง ครัมเบิ้ลสับปะรดภูแล เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาดอยตุง

​พบความสุขในงาน “กาดดอยตุง” ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข

ระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 – 22.00 น.
ณ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และติดตามข่าวสารงาน “กาดดอยตุง”
ได้ที่ www.facebook.com/DoiTungClub และ www.facebook.com/CentralDepartmentStore

#กาดดอยตุง2022#DoiTungMarket2022

เสน่ห์แห่งบ้านเก่า Narisa Cafe & Creative Space

วันนี้เราจะชวนทุกคนไปลิ้มรสกาแฟ Narisa Cafe ร้านกาแฟแสนอบอุ่นชวนผ่อนคลายบนพื้นที่ใจกลางเมือง กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศส่วนตัวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน ท่ามกลางการตกแต่งภายใน ร้านที่รื่นรมย์ไปด้วยธรรมชาติและงานศิลปะที่บอกเลยว่า แค่เข้าไปก็เหมือนหลุดเข้าไปในอีกยุคนึงเลย เรียกว่าเป็นคาเฟ่หลงยุคใจกลางกรุงเทพ มาพร้อมบรรยากาศสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายจากพื้นที่ในเมืองมีความวินเทจแต่ยังคงความคลาสสิก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย

NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
coworking space

คาเฟ่แห่งนี้ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ภายในโล่ง โปร่งสบาย อาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก บรรยากาศอบอุ่นจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสง ต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างเฉพาะ และลงตัวมากๆ ทำให้คาเฟ่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลายอยพร้อมเปลี่ยนทุกช่วงเวลาให้น่าจดจำ ที่ร้านมีเครื่องดื่มและกาแฟดีๆ นอกจากตัวร้านจะตกแต่งได้คลาสสิกแล้ว ภายนอกและภายในร้าน ยังมีโซน coworking space ที่สามารถแชร์พื้นที่ทำงานร่วมกันพร้อมบรรยากาศร่มรื่น ภายในออกแบบโดยการเก็บของเก่าในบ้านมาดีไซน์ใหม่ จึงทำให้ของทุกชิ้นไม่เหมือนใครมีความหมายและสื่อถึงความทรงจำอันงดงาม การผสมผสานงานศิลปะ ความชอบส่วนตัวและยังใส่ใจในการจัดวางของตกแต่งให้ดูเข้ากันในสไตล์ Narisa Cafe

อีกหนึ่งคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งเกิดขึ้นจากการปรับปรุงบ้านหลังเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่ ที่มาพร้อมบรรยากาศชวนนั่งเล่น Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่า คงร่องรอยดั้งเดิมของตัววัสดุที่เก่าแก่ไปตามกาลเวลา กลมกลืนกับวัสดุไม้และปูนของตัวบ้านอย่างลงตัว Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวความทรงจำที่มีค่าไว้มากมายสำหรับบ้านหลังนี้สร้างขึ้นในปี 2501 เป็นอาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก ออกแบบโดย อาจารย์ประดิษฐ์ ยุวะพุกกะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติที่มีอายุยืนยาวมากถึง 96 ปี ผลงานสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมจึงมีอยู่ทุกหนแห่ง ครอบครัวของท่านเป็นช่างสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 จึงได้รับอิทธิพลและได้รับการสืบทอด ตลอดจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่านประสิทธิประสาทวิชการให้ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ท่านยังได้ร่วมงานกับอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ในช่วงที่ท่านรับราชการ อยู่ที่กรมศิลปากร

Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณนริศา ชัยสูตร ( น้องฟ้า )

กลับมาปรับปรุงบ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี ปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็นร้านกาแฟ Narisa Cafe & Creative Space ที่ออกแบบเอง เพิ่มมิติให้สเปซใช้สอยภายในและภายนอกร้านดูโดดเด่นและเป็นสัดส่วนด้วยการปรับปรุงบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้น กลายเป็นคาเฟ่สุดคลาสสิก ไอเดียของเจ้าของร้านคือ คุณนริศา ชัยสูตร หรือ น้องฟ้า ผู้เป็นหลานสาวที่ใกล้ชิดกับคุณย่าสมจิตร ชัยสูตร คุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร โดยคุณย่าสมจิตร เมื่อคร้ังมีชีวิตอยู่รับราชการอยู่ที่กรมศิลปากร ได้รู้จักใกล้ชิดกับศิลปินในด้านต่างๆมากมายและคุณย่าสมจิตร เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้น้องฟ้า สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และจบการศึกษาได้ปริญญาตรีเกียรตินิยม จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ จากนั้น
ได้จบปริญญาโทด้าน Marketing จาก Lancaster University ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการตลาดของประเทศอังกฤษ จึงไม่แปลกใจเลย่ว่า Narisa Cafe & Creative Space จึงเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการตลาด ผ่านการตกแต่งที่ผสมผสานไปด้วยความชื่นชอบ เน้นความเรียบง่าย และงานดีไซน์วินเทจ สะท้อนความรู้สึกสนุกสนานกับไลฟ์สไตล์สุดชิคที่ดูอบอุ่น บรรยากาศผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น น้องฟ้ายังเป็น blogger
ที่มีประสบการณ์ด้านอาหารและท่องเที่ยว เคยเดินทางไปประเทศต่างๆ มากกว่า 40 ประเทศ จึงมีผู้ติดตามข้อเขียนของน้องฟ้าเป็นจำนวนมาก

บรรยากาศด้านหน้าร้าน บ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี

ในส่วนของเครื่องดื่ม ร้านมีทั้งเมนูชา กาแฟ และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ให้เลือกมากมาย แต่จะเน้นไปที่ชาร้อน เสิร์ฟมาในภาชนะทรงวินเทจอีกแล้ว ร้านนี้
เขาไม่หลุดธีมจริงๆ หยิบจับอะไรมาถ่ายก็สวยเข้ากันไปหมดและสำหรับเครื่อง
ดื่มสุดคลาสสิคของร้าน

Narisa latte (Singature)
Blueberry apple soda
Cotton candy sky (Singature)

Espresso con panna (Singature)
Espresso
Espresso macchiato
Americano
Cloudy (Singature)
Cappucino
Caramel Macchiato
Orange espresso soda (Singature)
Es’ Yen (Thai style)
Affogato
*Extra shot +20

non-coffee
Narisa latte (Singature)
Black cocoa
Brown cocoa
Matcha latte
Cotton candy sky (Singature)

ufushing
Lemon tea
Strawberry lemom soda
Blueberry apple soda

สำหรับสายวินเทจ สายถ่ายรูปทั้งหลาย บอกเลยว่าไม่ควรพลาด มีมุมดีๆ มุมสวยๆ จิบกาแฟรสเข้มข้น ให้เลือกนั่งชิลได้ทั้งวัน สามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งวันวาน Narisa Cafe & Creative Space

บ้านเลขที่ 5 ซอยพหลโยธิน 17 กรุงเทพฯ
Facebook/ Narisa Cafe & Creative Space
เวลาเปิดให้บริการช่วง Soft Opening
เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00- 17.00 น.
จันทร์ และ ศุกร์ ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
(ปิดวันอังคาร-พฤหัส)

การเดินทางมีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ (8-10 คัน)หรือสามารถจอดรถที่เซนทรัลลาดพร้าว/ โลตัสลาดพร้าว เดินเข้าซ.พหลโยธิน 17
รถสาธารณะ ลง BTS ห้าแยกลาดพร้าว ทางออก 3

Facebook
https://www.facebook.com/Narisa-Cafe-Creative-Space-107459265037666/

ข้อมูลร้าน : NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
แผนที่: https://goo.gl/maps/qKEXauCMqqQodMB67

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ สาขาใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

วันนี้ Toptotravel พาไปรู้จักร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ที่อยากพาทุกคนไปเสพราชาติของอาหารที่ผสมผสานเมนูจีนฮ่องกง สูตรต้นฉบับชื่อดัง ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่มีเรื่องราวดีดีมากมาย เดิมร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท นักชิมรู้จักกัน ร้านอำแดงไต้ฝุ่น คือ ร้านอาหารไทยชื่อดัง ที่เคยตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท เชื่อว่านักชิมหลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี ถึงความเชี่ยวชาญเรื่องอาหารไทย/จีน ที่โด่ดเด่น และเปิดให้บริการมามากว่า 4 ปี ที่นี่พรั่งพร้อมไปด้วย อาหารต้นตำรับไทย/จีน รสชาติที่หลายคนโหยหาอาหารแบบดั้งเดิม จนเป็นเอกลักษณ์ที่นักชิมจดจำได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน านอำแดงไต้ฝุ่น ย้ายร้าน ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม บนถนนพระราม 3 ชื่อร้าน อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใกล้ออกปากอ่าวไทย ที่นี่นอกจากจะมีอาหารไทยต้นตำรับ รสมือดั้งเดิมแบบอำแดงไต้ฝุ่นแล้ว
ยังได้เพิ่มเติม เมนูอาหารทะเล ซีฟู้ด ผัดสไตล์เตาจีน เข้ามาเพิ่มขึ้น รับรองว่าถึงเครื่องถึงรสหอมกลิ่นกระทะสไตล์จีนๆ อย่างแน่นอน บริหารงานโดย คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ให้เกียรติมาแนะนำร้านและเมนูอาหารด้วยตนเอง จุดเริ่มต้นของอำแดง บายเดอะริเวอร์ พระราม 3 เป็นสถานที่ต้องตา ตรงใจกับคุณใหญ่มากๆ ตอบโจทย์คอนเซปต์ของ ร้านอำแดงไต้ฝุ่น ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากคุณใหญ่ ทำธุรกิจร้านอาหารริมแม่น้ำมาตลอด จนเรียกว่า อาหารจากสายน้ำ ประกอบไปด้วยร้าน จางวางอิ่ม ที่ตรงข้ามเกาะเกร็ด, บ้านชิดกรุง, ท่าน้ำขวัญ จังหวัดนนทบุรี หรือครัวบุษบัน จังหวัดปทุมธานี ล้วนแล้วอยู่ริมน้ำทั้งหมด

อำแดงไต้ฝุ่น

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่บนถนนพระราม 3 ตั้งอยู่ในโครงการ
บางกอกสแควร์ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารบ้านไม้ 2 ชั้น หลังใหญ่ ปูด้วยพื้นไม้สร้างแบบไทยร่วมสมัย ที่ผสมผสานกลมกลืนในความเป็นไทย
จีน และดูอบอุ่น โปร่งสบาย พร้อมมีมุมนั่งพักรอที่มีกลิ่นอายตะวันตก เพิ่มเคาน์เตอร์บาร์ ให้ดูเฮฮา สำหรับการพบปะสังสรรค์เพิ่มความสุขให้ลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยสถานที่กว้างขวาง โอ่โถงมากกว่าเดิมแถมยัง โล่ง โปร่งสบาย ในสไตล์เท่ๆเหมาะกับยุคสมัยนี้ ที่ต้องนั่งเว้นระยะห่าง และมีมาตรการสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้บริการ ส่วนอินดอร์ เอาต์ดอร์ ทั้งหมดกว่า 160
บริเวณโซนที่นั่ง มีทั้งห้องแอร์ และด้านนอกที่แดดร่มลมตกมีระเบียงด้านข้างหรือระเบียงริมแม่น้ำ นั้งสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์ได้มุมกว้างมากขึ้น สวยงามตระการตาในยามค่ำคืน

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านวิวริมแม่น้ำ ช่วงแดดร่มยามเย็น นั่งชิลล์ตอนใกล้ค่ำ ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา อีกด้านหนึ่งก็สามารถชมสะพานภูมิพลที่ตั้งโดดเด่นสง่างามใกล้ตา รวมถึงไปถึงการได้ชมเรือเดินสมุทรที่แล่นผ่านด้านหน้าร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เรียกได้ว่า เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นนอกจากเมนูอร่อยแบบไทยๆ ที่เรียกว่าเป็นเมนูอำแดงคลาสสิกต้นฉบับอำแดงไต้ฝุ่นตั้งใจรังสรรค์ และอีกหลายเมนู
ที่น่าสนใจ ปลอดโปร่งโล่งสบาย ถือเป็นอีกร้านที่ควรไปนั่งทานอาหารพร้อมจิบค็อกเทล ดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวสะพานภูมิพล


สำหรับ Toptotravel ไม่ได้สันทัดอาหารจีนมากนัก แต่พอได้ฟังเรื่องราวต่างๆและรายละเอียดที่มีความพิถีพิถัน ทำให้รู้สึกอยากรู้อะไรมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาสดีที่พิเศษสุดสำหรับอาหารในมื้อนี้ อาหารมื้อนี้จะพิเศษขนาดไหนตามมาชมด้วยกัน

ส่วนเมนูไฮไลต์แนะนำห้ามพลาด เช่น ปูผัดสไปซี่ เป็นเมนูเด็ดที่ได้รางวัลการันตีจากมิชลินไกด์ 2 ปีซ้อน 2022-2021 เพราะทางร้านฟ้านเนื้อปูก้อนใหญ่สดๆ ผัดกับกระเทียม พริก เต้าซี่ และเครื่องปรุงสูตรพิเศษสไตล์จีนฮ่องกง ผัดคั่วแบบแห้งหรือเมนูไฮไลท์ กุ้งแม่น้ำเผาเตาถ่าน จัดมาเอาใจคนชอบกินกุ้งโดยเฉพาะ โดยคัดสรรกุ้งแม่น้ำสดๆตัวโตๆเผาเตาถ่านจนได้กลิ่นหอมๆสีสันสวยงาม เสิร์ฟมาร้อนๆพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษ สัมผัสได้ถึงความสดจริงๆ เนื้อกุ้งเด้งแน่นสดหวานมันกุ้งเยิ้มๆขณะที่ เมนูทานเล่นเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารแนะนำ รากบัวทอด เหนียวหนึบหอมกลิ่นซอส รับรองว่ากินเล่นเคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ นอกจากนี้เมนูใหม่คอนเซ็ปต์ และเสริมเพิ่มทัพด้วยเมนูอาหารทะเลหลากหลาย หอยลาย หอยแมลงภู่ ปลาเก๋า ปลาอินทรี ให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล
ปูก้อนสไปซี่
ปูดอง 2 แซ่ป
ไข่ปลาริวกิว ผัดฉ่าพริกสด
ปลาตาเดียวทอด
ต้มยำปลาเก๋าน้ำข้น
ผัดสามหอมกุ้งสด
ข้าวผัดกากหมู
หอยลายผัดพริกขี้หนู
เมี่ยงปลากะพง
แกงเหลืองไข่ปลาริวกิว
ผัดฉ่าปลาอินทรี
แกงจืดบ๊วยหมูสับโหระพา
ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

จัดหนักทั้งอาหารและบรรยากาศ ทุกเมนูอัดแน่นด้วยสมุนไพรเพื่อสุขภาพดีต่อใจและไม่ลืมปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเดียวกับร้านคือ อำแดงไต้ฝุ่น ขนมที่มีรูปเป็นแท่งสีเหลี่ยมสีขาวนวลแปลกตาและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร หาได้เฉพาะที่ร้านนี้ เพราะทำจากเต้าหูโฮมเมดนำไปทอดมีความนุ่มความหนึบ คลุกเคล้าด้วยถั่วลิสง งา และเม็ดมะม่วงหอมพานต์ บดจนละเอียด หอมหวานมันอย่าบอกใคร

ใครอยากทานอาหารพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีต่อใจ ไปกับใครก็ฟิน
ในส่วนของภายในร้านด้านโซนบาร์ ที่สามารถสังสรรค์สร้างความสนุกสนานครื้นเครงไปกับการให้บริการเครื่องดื่ม โดยออกแบบตกแต่งได้อย่างสวยงาม ด้วยโทนสีเขียวเทอร์คอยซ์ผสมผสานสีน้ำทะเลยามต้องแสงไฟจะยิ่งสวยงามชวนให้รื่นรมย์ขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม โดยรวมเป็นร้าน อาหารที่มีการออกแบบตกแต่งที่ผสมผสานไทยจีนอย่างสุดคลาสสิก และยังมีกลิ่นอายตะวันตก รวมถึงก็ไม่ทิ้งความเป็นอำแดงไต้ฝุ่น ที่ใช้สีแดง ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ประจำร้าน ใส่กิมมิคที่ดูหรูหรา โดยเฉพาะผ้าม่านที่แขวนตรงหน้าต่าง เป็นผ้าม่านสีแดงก่ำตัดกับสีเขียวเทอร์คอยซ์บริเวณบาร์ ได้เป็นอย่างดี ส่วนโซนที่นั่ง ที่มักถูกนักชิมจับจองเป็นอันดับแรกๆก็คือ โซนที่มีภาพวาดสาวจีนสมัยใหม่ สวมแว่นตาทรงกลมสุดเท่ มือถือปูยักษ์ขนาดใหญ่ สื่อให้เห็นว่า ถ้ามาร้านนี้แล้ว ไม่รับประทานปู ก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่ไม่ใชขายแค่รสชาติ แต่บรรยากาศในร้านยังเหมาะกับการเป็นจุดเช็คอินคูลๆ กลายเป็น Fine Dining ที่ดูทันสมัยมาก

ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

โปรโมชันพิเศษช่วงเปิดร้านใหม่ เพียงลูกค้าแชร์ภาพไม่ว่าจะเป็นภาพอาหาร หรือบรรยากาศภายในร้านสามารถรับส่วนลดค่าอาหารทันที 10% (ไม่รวมกุ้งแม่น้ำเผาและเครื่องดื่ม)

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ : Am-Dang-Typhoon by The River
ที่อยู่ อาคาร G โครงการบางกอกสแควร์ เลขที่ 762/7 ถนนพระราม 3
แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10125
โทร. 0957164712
www.amdangtyphoon.net
Id line: @amdangtyphoon
หรือเพิ่มเติมข้อมูลโปรโมชันที่ FB. amdangtyphoon

แผนที่เดินทาง อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ คลิ๊ก
https://maps.app.goo.gl/6jB2PWh8SCfgze1c8

เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” ส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ

น้ำพริกส็อก เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเชฟเมย์เลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ต่อยอดนวัตกรรมน้ำพริกเมืองเหนือ สู่ตลาดโลก

“น้ำพริกส็อก” คำว่า ‘ส็อก’ มาจากภาษาเหนือโบราณ เป็นลักษณะของการเอาสากไปโขลกลงไปเบาๆ วัตถุดิบที่อยู่ในครก จังหวะที่โขลกจะมีเสียงดังแบบ
ส็อกๆ เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง เล่าถึงที่มา ของการรังสรรค์เมนูใหม่จาก
น้ำพริกส็อก ที่ร้านอาหาร Maze Dining ไฟน์ไดนิ่ง ก่อนหน้านี้เชฟเป็นเจ้าของร้านอาหาร Monkey’s kitchen ที่จังหวัดเชียงใหม่ น้ำพริกส็อก สูตรเด็ดจากคุณป้า มีตำนานนานกว่า 50 ปี ต่อยอดนวัตกรรมการผลิต สืบสานเมนูพื้นบ้านอาหารภาคเหนือ สู่ตลาดโลก เมื่อเอ่ยถึง น้ำพริกส็อก ถือว่าเป็นเมนูพื้นบ้านคู่ครัวของภาคเหนือจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ละบ้านต้องมีติดครัวส่งมอบความอร่อยจากเมนูเชฟ สู่อาหารพร้อมรับประทาน จนนำมาสู่แรงบันดาลใจในการต่อยอดนวัตกรรมการผลิต จากครอบครัว สู่ตลาดในวงกว้างพิถีพิถันการปรุงแต่ง ส่งต่อให้หลายคนได้ลิ้มลอง น้ำพริกส็อกของเมืองเหนือ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับคนไทยในทุกภาคได้รู้จัก และต่อยอดนวัตกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายเพื่อสืบสานวัฒนธรรมด้านอาหารของภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป

เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง รองแชมป์ Top Chef Thailand ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเชฟมากว่าสิบปี ได้นำแรงบันดาลใจจากพ่อแม่ ที่เป็นชาวเชียงใหม่ ที่ทำน้ำพริกส็อก ให้รับประทานทุกวันเมื่อกลับมาถึงบ้าน จนเป็นเมนูโปรดของเธอ
เชฟเมย์ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ให้ผู้คนได้ลิ้มลอง วันนี้เลยต้องการนำประสบการณ์ความเป็นเชฟมืออาชีพ มาต่อยอดเพื่อตอบแทนบ้านเกิด โดยการทำ น้ำพริกส็อก ที่รับประทานมาตั้งแต่เด็กด้วยฝีมือ
พ่อแม่ คุณป้า มานานกว่า 50 ปี ให้ผู้คนทุกภาคได้ลิ้มลอง ทำให้ได้เมนูที่มีเอกลักษณ์ นำมาเป็นวัตถุดิบลงไปในมื้ออาหารอาหารทุกจานของเชฟเมย์ก็ยังคงละเอียดอ่อน ใส่ใจ และนึกถึงคนกินอยู่เสมอ เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นเธอทำอาหารในครัวแต่จะทำอย่างไรให้สัมผัสถึงจิตใจของคนกินได้

เชฟเมย์ บอกว่า น้ำพริกส็อก ส่งมอบทางเลือกของรสชาติขนานแท้เสมือนปรุงเองตั้งแต่ต้น รสชาติพิเศษและเนื้อข้นกำลังดีสำหรับอาหารแต่ละจาน สามารถปรุงได้อย่างสะดวกจะคลุกข้าวร้อนรับประทานได้ และยังสามารถดัดแปลงปรุงเมนูต่างๆ ซึ่งแต่งเป็นเมนูอื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิเช่น ไข่เจียวปู จิ้มน้ำพริกส็อก,หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก, ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม, เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด, ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก, สลัดเบคอนอบเมเปิ้ล น้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก,แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน, แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย,ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต, Chocolate ไส้แยมราสป์เบอรี่-น้ำพริกส็อกจากความตั้งใจนั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ เชฟเมย์ รังสรรค์น้ำพริกส็อก ที่คัดสรรค์วัตถุดับจากเมืองเหนือแท้ๆ มาเป็นส่วนผสม เชฟเป็นผู้รังสรรค์ผลงานและมีความคิดสร้างสรรค์อย่างน้ำพริกตาแดง มะเขือเทศสองสายพันธุ์ สายพันธุ์ลูกใหญ่ และลูกเล็ก มาปรุงแต่งด้วยพริก กระเทียม โดยไม่มีการปรุงแต่งด้วยสารเคมี ทุกขั้นตอนทำด้วยมือ รสชาติกลมกล่อม ตรงตามสูตรต้นตำหรับ รสขาติดั้งเดิมตามแบบ “น้ำพริก
ส็อก” ของชาวเหนือแท้ๆโดยเมนูจากสุดยอดน้ำพริกส็อก ทำให้ได้เมนูสุดยอดแห่งความอร่อยที่เราได้มีโอกาสชิมในวันนี้ได้แก่……ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม

เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด

ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก

สลัดเบคอนอบเมเปิ้ลน้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก

แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน

แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย

ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต

Chocolate ใส้แยมราสป์เบอรี่น้ำพริกส็อก

วันนี้ เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” อย่างเป็นทางการเพื่อส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ โดยเชฟเมย์ มีความตั้งใจจริงที่พิถีพิถันปรุงแต่งสู่ตลาดทั่วประเทศพร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศในอนาคตท่านใดอยากลิ้มลอง “น้ำพริกส็อก “ฝีมือ”เชฟเมย์” กระปุกละ 160 บาท

สั่งซื้อได้ Facebook/chefmaysgourmet หรือ ไลน์แอด @chefmaysgourmet

Maze Dining
Phone number : 061-549-9500
Facebook : https://www.facebook.com/mazedining

Line : @mazedining
Instagram : https://www.instagram.com/mazedining/