พิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ วัดใหม่สิริกมลาวาส

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สามเณร หน่อเนื้อของสมณะ หมายถึงนักบวชชายในพระพุทธศาสนาที่มีอายุน้อย ยังมิได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ คำว่า สามเณร เป็นศัพท์เฉพาะในพระพุทธศาสนา เป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้เรียกนักบวชในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ไม่สาธารณะทั่วไป

ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณร เป็นโอกาสที่เหล่ากุลบุตรจะได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ธรรมะและปฏิบัติธรรมเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ทางพระวินัยกำหนดอายุอย่างต่ำไว้ประมาณ 7 ขวบซึ่งพอช่วยเหลือตัวเองได้ พระวินัยระบุว่าพอจะไล่กาไล่ไก่ได้ ส่วนสูงไม่มีกำหนดไว้ ผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปีจะบวชเป็นสามเณรตลอดไป ไม่บวชเป็นภิกษุก็ได้



วัดใหม่สิริกมลาวาส จัดพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ ระหว่างวันที่  ๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐  โดยพระครูโชติญาณประยุต พระอุปัชฌาย์ (เจ้าอาวาส) ดำเนินการโดย พระอาจารย์ คำนวน กนตสีโล และพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน ณ.วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา) วังหิน กรุงเทพฯ

โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 13/60 ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 แล้วดำเนินโครงการโดยพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลและพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา)วังหิน ลาดพร้าว กรุงเทพฯพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลได้กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยาเสพติด เกม และอบายมุข





ดังนั้นในช่วงปิดภาคเรียนหากเยาวชนได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาโดยผ่าน
การบวช การอบรม การฝึกจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนควรที่ผู้ใหญ่จะร่วมกันสนับสนุนคนละไม้ละมือเพื่อให้ลูกหลานได้มีจิตใจที่อ่อนโยน มีระเบียบวินัยในการดำรงชีวิตต่อไปมากยิ่งขึ้น

อะไร? คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

คำถามชวนสังคมไทยฉุกคิด จากไวรัลวิดีโอสุดซึ้งรับสงกรานต์ที่จะทำให้คุณอิ่มเอมกับคำว่า “ครอบครัว”

มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะรวยจน ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา แต่รากฐานสำคัญที่ชีวิตมนุษย์ทุกคนพึงมีก็คือ ครอบครัว  จุดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรัก  ความอบอุ่น ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ครอบครัวคือปลายทางของความรักความอบอุ่นที่เป็นพลังที่ทำให้ฝ่าฟันกับปัญหาอุปสรรค และนำไปสู่การสร้างสรรค์ให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้มากมาย ทว่าด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่าง ทำให้ คนไทยจำนวนไม่น้อย ต้องเสียสละเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิด และบุคคลอันเป็นที่รัก เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหารายได้เพื่อที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

และเพื่อเป็นการตอบแทนฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัว ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกครอบครัวไทยจะได้มีโอกาสพบปะ หรือ อยู่กันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา  โฟร์โมสต์  ในฐานะผลิตภัณฑ์ นมไทยมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า

60 ปี โดย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ได้แค่ต้องการที่จะสนับสนุนให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงผ่านโภชนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังร่วมสนับสนุนส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้แข็งแรงอีกด้วย จึง

ขอสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ อย่าง โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3  ภายใต้แนวคิด เพราะทุกคนคือ  ฮีโร่ ของครอบครัว”

โดยหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ภายใต้แคมเปญ โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข  ปี3 คือ ไวรัลวิดีโอชวนกลับบ้านในวันสงกรานต์สุดซึ้ง ซึ่ง
โฟร์โมสต์ ได้มอบหมายให้ บริษัท เทอร์มินัล วัน จำกัด ครีเอทีฟเอเจนซี่ เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานภายใต้ชื่อ  ฮีโร่

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นการถ่ายทอดของนักมวยสู้ชีวิตที่ตระเวนออกชกมวยรอบตามงานต่างๆ ในทุหครั้งที่นักมวยถูกชก หยาดเหงื่อแรงงานที่กระเด็นออกมาเปรียบเสมือนเม็ดเงิน แต่จะถูกแบ่งสันปันส่วนให้กับ นายหน้า หรือ โปรโมเตอร์ จะเหลือถึงมือเพียงแค่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้นักมวยลดละความพยายามลงได้ เพียงต้องการหาเงิน  มาจุนเจือครอบครัว โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ความเป็นอยู่ที่สุขสบายของภรรยาและลูกสาวผู้ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งสงกรานต์ปีนี้เขาก็มีโอกาสได้เดินทางกลับบ้านกับโฟร์โมสต์ที่เชิดชูเหล่า ฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัวเฉกเช่นนักมวยผู้นี้ ให้ได้กลับภูมิลำเนาของตน เพื่อได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างอบอุ่น ซึ่งไวรัลวิดีโอชุดนี้ถูกสร้างและดำเนินเรื่องราวจากเค้าโครงจริง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้สังคมฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วความแข็งแรงแบบ 100% ของสถาบัน “ครอบครัว” คือสิ่งสำคัญที่สุด เริ่มออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 31 เมษายน 2560 ผ่านช่องทาง

www.facebook.com/ForemostMomTalk www.youtube.com/Foremostforlife

นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ ยังได้จัดกิจกรรมอาสาพา  ฮีโร่  กลับบ้านพร้อมกัน
ทั่วไทย ในวันที่ 11 เมษายน 2560 นี้ ที่ โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น (Foremost Hero Station) สถานีขนส่งใจกลางเมือง ณ สนามมอเตอร์ สปอร์ต แลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) ถนนพหลโยธิน  กทม.

สงกรานต์สุข…เมื่อทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
โฟร์โมสต์ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทยให้มีความแข็งแรง 100%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ForemostForLife.com/Hero
Foremost Family Facebook Fanpage
หรือ Call Center หมายเลข 02-657-5344

Spice Up Thailand 2017

ทีเส็บ จับมือ วีซ่า และ ททท.
เปิดตัวโครงการ
Spice Up Thailand 2017
กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ผ่านการตลาดดิจิทัล

ทีเส็บ หรือ สำนักงาน ส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ ( องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท
ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ Spice Up Thailand 2017 (สไปซ์ อัพ ไทยแลนด์ 2017) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบอภิสิทธิ์สุดพิเศษให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ อาทิ ส่วนลดสำหรับที่พักโรงแรม 10% ส่วนลดสำหรับบริการ รถเช่ารับ-ส่งสนามบิน 50% คูปองส่วนลด  สำหรับการช้อปปิ้ง 500 บาท ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร 25% และส่วนลดค่ากรีนฟีสนามกอล์ฟ 50% เป็นต้น จากโรงแรม,สปาและโปรแกรมแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ, ช้อปปิ้ง,  ร้านอาหารต่างๆ, กอล์ฟ, บริการรับส่งและเช่ารถจากสนามบิน, บริการรถลีมูซีน, Tourist SIM Card และแพ็กเกจห้องประชุม เป็นต้น

 

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า”การส่งเสริมธุรกิจไมซ์ผ่านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีเส็บใช้เป็นช่องทางกระตุ้นตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริม Digital Economy (ดิจิตอล อีโคโนมี่) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจระดับมหภาค ทีเส็บดำเนินงานแคมเปญ Spice Up Thailand ร่วมกับ 5 พันธมิตร เพื่อกระตุ้นตลาดไมซ์ในต่างประเทศ สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นเวลาถึง 3 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเป้าหมายหลักอย่างตลาดไมซ์เอเซียและกลุ่ม CLMV

คุณสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนงานไมซ์ 46 งาน จาก 16 บริษัทของผู้จัดงาน ลงทะเบียนร่วมแคมเปญฯ  มีจำนวนการแลกรับคูปอง ( Redeem Coupon ) ประมาณ 43,000 ครั้ง สามารถสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ กว่า 20 ล้านวิว  โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับของการแลกรับได้แก่ ร้านอาหารช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวสปา และบริการรถเช่ารับ-ส่งสนามบิน ด้านนักเดินทางกลุ่มไมซ์  ที่มียอดการแลกรับคูปองเพื่อใช้สิทธิพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆ ของแคมเปญสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์เวียดนาม  สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง  ปากีสถาน ออสเตรเลีย แอลจีเรียและไทย  และในปี 2017 นี้ แคมเปญ Spice Up Thailand ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จัดงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโครงการ
กว่า 60 งาน ”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า
“ทางวีซ่าได้คัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกรวมทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยด้วยโดยสิทธิพิเศษในปีนี้มีทั้งรับฟรีของสมนาคุณหรือบัตรกำนัลและส่วนลดสูงสุดถึง50%, จากร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสปา/wellness สนามกอล์ฟบริการรถรับส่ง รถเช่า สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการและที่พิเศษเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ทุกครั้งที่จองโรงแรมในประเทศไทย ผ่าน www.booking.com/visain และชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าจะได้รับคูปองส่วน
ลดคิง-เพาเวอร์มูลค่า7% จากราคาที่จองทุกรายการ นอกจากนี้
วีซ่าได้ร่วมกับ Thai Travel Center (ไทย ทราเวล เซ็นเตอร์) และ
Asia-Discovery (เอเชีย ดิสคัฟเวอรี่) เสนอทางเลือกให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่ต้องการพักผ่อนต่อ และสามารถเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆในประเทศไทยในราคาพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆซึ่งนอกจากสิทธิพิเศษในฐานะนักเดินทางไมซ์โดยเฉพาะแล้ววีซ่ายังมีโปรแกรมสิทธิพิเศษ อีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งคนไทยและต่างชาติรวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับนักเดินทางไมซ์ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถิติการ
ใช้สิทธิพิเศษสูงเป็นอันดับแรกในปีที่ผ่านมา”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย
คุณนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า
“ในภาคอุตสาหรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้ว ยังใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ด้วย  ททท. จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ Spice Up Thailand 2017 เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ และช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมอีกด้วย”

คุณอรอนงค์ สุดกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และวิเคราะห์การตลาด บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรมดาวน์โหลดคูปอง privilege จาก โครงการ Spice Up Thailand  ให้มากยิ่งขึ้น ทีเส็บ
จึงได้จัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ Plan More, Enjoy More (แพลน มอร์, เอ็นจอย มอร์) ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรม  ออกแบบแผนการเดินทางของตนเอง และแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียทาง
Facebook  (เฟซบุ๊ก) หรือ
Twitter Hashtag #PlanMoreEnjoyMore #SpiceUpThailand

ผู้ที่ได้ยอด Like & Share มากที่สุด จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศจากสายการบินไทย 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (โดยจะต้องเป็นประเทศที่
มีเส้นทางบินของสายการบินไทยเท่านั้น ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้น ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2560

ทั้งนี้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถรับสิทธิประโยชน์จากโครงการได้อย่างสะดวกด้วยการลงทะเบียน และดาวน์โหลด Spice Up Privilege Coupon ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ
www.spiceupthailand.com หรือรับSpice Up Privilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้างาน และแสดง Spice Up Privilege เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากบริการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เดือนนี้-ธันวาคม 2560
สอบถามและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.spiceupthailand.com


งานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ Spice up Thailand 2017
ในงานได้รับเกียรติจาก สริตา จินตกานนท์, ธวัชชัย กิตติศรีบูรณ์กุล, สุริพงษ์ ตันติยานนท์, นพดล ภาคพรต, มาลี โชคล้ำเลิศ และ อรอนงค์ สุดกังวาล มาร่วมงาน  ณ ห้องบอลลูม โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก เมื่อเร็วๆนี้

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 เวลา 18.00-20.00 น.
โครงการ จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom ชั้น 8 โรงแรม Sofitel So Bangkok สาทร

 

 

 

ลีวายส์® เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า

เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ฟื้นตำนานสินค้าป้ายส้มสัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®

ลีวายส์®เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S ให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®  นำทัพโดยรุ่น 501® Skinny

สิ่งที่ลีวายส์®ปรับเปลี่ยนจะกลายเป็นมรดกและมีคุณค่ากับแบรนด์ซึ่งเกิดจากการที่ทุกคนที่ให้ความสำคัญกับเราผ่านการสวมใส่แสดงออกถึงตัวตน

พื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S


501®Skinny
ลีวายส์®ได้ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะรุ่นไอคอนตลอดกาลอย่างลีวายส์® 501® ที่มีการปรับเปลี่ยนโฉมกว่า 40 ครั้ง ภายใน 144 ปีที่ผ่านมา ลีวายส์®ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย โดยได้ปลุกตำนานไอคอน ยอดฮิตนำมาปรับโฉม (Remaster) ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ชื่นชอบความเข้ารูป (skinny) อย่างรุ่น 501®CT(Customized & Tapered) ที่นำเอาตำนาน 501® มาปรับโฉมเข้ารูปเล็กน้อยแต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นต้นแบบและแก่นของ 501® ที่มีกระดุมเป็นเอกลักษณ์ (Button Fly) และรุ่น 505C ที่ปรับโฉมมาจาก ยีนส์ชาวร็อคอย่างลีวายส์®505
ขากางเกงถูกออกแบบให้ดูสลิมและเข้ารูปมากขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกด้วยสไตล์เอวสูง โดยในปีนี้ได้สร้างสรรค์อีกหนึ่งไอคอนใหม่ ลีวายส์® 501® สกินนี่(Levi’s® 501® Skinny)

การออกแบบและปรับโฉมที่ใช้เวลากว่า 18 เดือนมีการรับฟังแนวคิดจากแฟนๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่โรงทอผ้ายีนส์โคนมิลล์ เพื่อยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของผ้ายีนส์ 501® ที่แท้จริง ทำให้ 501®Skinny เอกลักษณ์ของเนื้อผ้ายีนส์ที่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สวมใส่ได้จริงทั้งชายและหญิง ด้วยต้นขาและปลายขาเข้ารูปพร้อมรอยขาดแบบวินเทจ

Orange Tab
จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ยุค 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ลีวายส์® ในยุคนั้นได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นออเร้นจ์แท็บขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มนักปฏิวัติด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ราคาเหมาะสม ทำให้ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บกลายเป็นต้นแบบของสตรีทแฟชั่น
มีอิทธิพลต่อการแต่งกายกระแสหลัก 90% ของคนในยุคนั้น ถ้าไม่ได้ใส่
ลีวายส์® ก็จะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของ ออเร้นจ์แท็บ ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะ
สมและคนรักยีนส์ ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้มซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บแบบเรียบง่าย “Line Eight Construction” ใช้ด้าย เป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติการเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก

คอลเลกชั่นลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บแฝงด้วยกลิ่นอายของเหล่าบุปผาชนเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือสาวกลีวายส์®ที่ชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์วินเทจ รวมถึงผู้ที่มองหาความมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สำหรับผู้ชาย รุ่น 510 Skinny ทรงเอวต่ำสวมใส่สบายและตัดเย็บให้แนบกระชับ และ 505C แบบขาสั้นสวมใส่สบาย สำหรับผู้หญิง รุ่น 721 High Rise เอวสูงเข้ารูปตกแต่งด้วยรอยขาด และกระโปรงทรงเอซิปหน้า นอกจากนี้ยังมีแจ็คเก็ตยีนส์กระดุมแป๊กกับเสื้อยืดคอกลมลาย Iconic ซึ่งทุกสินค้ามีเอกลักษณ์ป้ายส้มและจุดเด่นต่าง ๆ ตามแบบวินเทจในอดีต

Levi’s 501® Tailor Truck
และเพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ พบกับลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสกับลีวายส์®ออเร้นแท็บคอลเลกชั่นและลีวายส์® 501® สกินนี่ พร้อมย้อนกลับไปในอดีตภายใต้บรรยากาศในยุค 60S ตื่นตาไปกับโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา

สนุกกับการตกแต่งยีนส์ที่แสดงออกถึงตัวตนของตัวเองกับโซน Levi’s® Tailor Shop พร้อมรับป้ายทอ (Patch) ที่ระลึกจัดทำขึ้นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะสามารถติดตามตารางการเดินทางของ Levi’s 501®Tailor Truck ฟื้นตำนานสินค้าลีวายส์® ป้ายส้ม สัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ยีนส์เคลื่อนที่กับลีวายส์® 501® Tailor Truck

บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาด โดยมุ่งเน้นในภูมิภาคเอเชีย และแบรนด์ลีวายส์® สัญลักษณ์แฟชั่นยีนส์ชั้นนำระดับโลก  นำโดย มร. ปีเตอร์ ฮอร์นบี  รองประธานกรรมการ กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และ วรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน THE LAUNCH OF LEVI’S® REMASTER AND LEVIS® ORANGE TAB COLLECTION

เปิดตัวแคมเปญ ลีวายส์® รีมาสเตอร์ (Levi’s® Remaster) นำสินค้ายอดนิยมอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีสไตล์ในยุคแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมและเสรีภาพกลับมาปรับโฉมใหม่อีกครั้ง นำโดยลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) หรือลีวายส์®ป้ายส้ม ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S และลีวายส์® 501® สกินนี่ (Levi’s® 501® Skinny) น้องใหม่ในตระกูลลีวายส์® 501® ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงนับเป็นการปรับโฉมกางเกงในตำนานครั้งล่าสุดของลีวายส์®ลีวายส์® ได้เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ให้เป็นเสมือนพื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S มารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงเสรีภาพผ่านสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ตามกระแสใคร โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่ลีวายส์® 501® Tailor Truck อันประกอบไปด้วยโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา พร้อมนิทรรศการที่จะพาคุณย้อนกลับไปในอดีตผ่านตำนานในปีต่าง ๆ ของยีนส์501® รวมถึงการจัดแสดงกางเกงยีนส์ 501® ลิมิเต็ด เอดิชั่น ประจำปี 2017 นี้ โดยมี หนุ่มเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ในฐานะที่เคยไปบุกยูเรก้าแล็บซานฟรานซิสโก้ ถิ่นกำเนิดของยีนส์ลีวายส์® ปิดท้ายด้วยแฟชั่นโชว์จากบรรดานายแบบนางแบบที่นำสินค้าคอลเลกชั่นนี้มามิกซ์แอนด์ แมทช์ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว โดยมี จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ รับหน้าที่พิธีกร

คุณวรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “แคมเปญลีวายส์® รีมาสเตอร์ นี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของลีวายส์® จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ปี 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม โดยลีวายส์® ได้เลือกนำยีนส์ไอคอนรุ่นที่เป็นตำนานอย่าง ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ และ ลีวายส์® 501® สกินนี่ มาปรับโฉมใหม่ภายใต้การดำเนินงานของเหล่าดีไซน์เนอร์ผู้เชี่ยวชาญการตัดเย็บยีนส์ของลีวายส์® ซึ่งจะยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายอันเป็นของเอกลักษณ์ในยุคนั้นผสานเข้ากับความนิยมของผู้สวมใส่ในปัจจุบัน”

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของออเร้นจ์แท็บ ที่ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะสมและคนรักยีนส์เป็นอย่างดี ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้ม ซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บเรียบง่ายแบบ “Line Eight Construction” ใช้ด้ายเป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติ การเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก”

ภายในงานได้รับความสนใจจากแขกผู้มีเกียรติผู้ชื่นชอบยีนส์ อาทิ วิภาวี คอมันตร์, นาขวัญ รายนานนท์, รพีพร วงศ์ทองคำ, ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ

เพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ลีวายส์® ได้ส่ง ลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมจัดแคมเปญยิ่งใหญ่ประจำปี ‘ลีวายส์®เท่วันนี้ ลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี’ เพียงซื้อสินค้าลีวายส์® 1 ชิ้น สามารถรับสิทธิลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี ตั้งแต่ วันที่ 17 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2560 สามารถติดตามรายละเอียดการร่วมกิจกรรม และ ตารางการเดินทางของ ลีวายส์® 501® Tailor Truck ได้ที่

www.levisthailand.com
www.facebook.com/levis.thailand
หรือ แฮชแท็ก #LevisOrangeTab #LiveinlevisTH

 

เที่ยว ตาก หลากสไตล์

ไหว้พระขอพรพระเจ้าตากสิน


ตาก มีมากกว่าที่คิด!  
เพราะสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดตาก ที่มากไป
ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งขุนเขา  ป่าไม้  สายน้ำตก วิถีชีวิต วัฒนธรรม วัดวาอารามอันสวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศแห่งการชอปปิ้งของเมืองชายแดนอันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นตากฝั่งตะวันออกที่มีอำเภอเมืองตากเป็นศูนย์กลาง และตากฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอดเป็นศูนย์กลาง


ตาก จังหวัดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล  เป็นสถานที่ที่มีความงดงามทางธรรมชาติและอากาศดี สามารถเที่ยวได้ตลอดปีเป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนล่างของไทย มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ

วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช

มาจังหวัดตาก ต้องห้ามพลาด วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ที่ ริมถนนเลี่ยงเมือง ตำบลแม่ท้อ วัดดอยข่อย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 20 เมตร เป็นที่ตั้งโบราณสถานที่ชาวบ้านเรียกว่า  วัดพระเจ้าตากสิน

สมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ดำรงตำแหน่ง  พระยาตาก พระองค์ได้เสี่ยงทายที่วัดนี้ โดยกล่าวว่า  “ถ้าข้าพเจ้ามีบุญญาบารมีมากพอที่จะเป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ ได้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน ขอให้
ไม้เคาะระฆังที่จะขว้างไปยังถ้วยแก้วซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณ 5 วา ให้ถูกจำเพาะท่อนกลางที่คอดกิ่วของถ้วยแก้วแล้วแตกหักออกไป ขออย่าให้ส่วนอื่นของถ้วยแก้วแตกเสียหาย ฯลฯ”

 

ปรากฏว่า เมื่อพระองค์ขว้างไม้เคาะระฆังออกไป ก็เป็นอย่างที่พระองค์ได้เสี่ยงอธิษฐาน เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของบรรดาพุทธบริษัท  ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยข่อยเขาแก้ว


จนเล่าลือกันว่า พระยาตากเป็นผู้มีบุญญาธิการและบารมีที่มหัศจรรย์ยิ่ง ภายหลังจากการเสี่ยงทายแล้ว พระองค์ได้ให้ช่าง  นำลูกแก้วไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์  วัดดอยข่อยเขาแก้วลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่ง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ขออนุญาตนำไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์วัดกลางสวนดอกไม้ หลายปีผ่านไป ลูกแก้วที่ติดยอดเจดีย์ทั้งสองแห่งนั้น ได้หลุดหายไป เนื่องจากยอดพระเจดีย์ได้หักพังลงมา

วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย โบสถ์ มีใบเสมาคู่ที่แสดงว่า  พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ เจดีย์และพระพุทธบาทจำลองอยู่ในโบสถ์ ด้านหน้ามีเจดีย์ 1 องค์ บรรจุอังคารบิดา มารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันวัดนี้ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2545

เมื่อเวลาผ่านมานับร้อยปี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560  วัดพระเจ้าตากสินมหาราชได้มีการบูรณะ และฉลองพระอุโบสถ เพื่อเป็นศิริมงคล แก่ชาวจังหวัดตากตซึ่งได้คณะท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล  เป็นทุนแรงสำคัญในการสร้างบุญครั้งนี้

แหล่งท่องเที่ยวของ  จังหวัดตาก ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้  แต่จะประทับใจ
สักแค่ไหนคุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้ !!!