Category Archives: Food and Drink

ต้นตำหรับพิซซ่าแป้งบาง โดนใจทำไมดีขนาดนี้!

เด็ดไม่แพ้ต้นตำรับ MAD DADDY PIZZA HOUSE ประชาชื่น 12

ใครที่เป็นแฟนอาหารอิตาเลี่ยน คงพอจะคุ้นเคย กับ Pizza เราเคยคิดว่า ถ้ากินพิซซ่าแป้งหนาๆ เดี๋ยวกินไม่หมดถาด ส่วนตัวไม่ชอบแบบแป้งหนา เพราะมีแต่แป้งจริงๆ ทั้งหนา ทั้งเหนียว มีแต่รสแป้ง แบบขนมปัง ไม่รู้สึกถึงความอร่อยของหน้าพิซซ่าเลย  เอาจริงๆ  มันเหมือนขนมปังรสพิซซ่ามากกว่า

มาเจอ  พิซซ่าร้านนี้แม้ด แด๊ดดี้ พิซซ่า เฮ้าส์  เพราะเพื่อนแนะนำพิซซ่าอิตาเลียน  สไตล์โฮมมี่  บรรยากาศร้านจากบ้านพัก ที่ถูกออกแบบตกแต่งสไตล์ฝรั่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่าย ได้กลิ่นอายของความสุข เสิร์ฟเมนูแป้งพิซซ่า 16 หน้า เหนียวนุ่ม ขึ้นรูปกันสดๆ เอาเข้าเตาอบ

สำหรับเมนูของร้าน เชฟที่นี่ให้ความสำคัญกับทุกวิธีการทำพิซซ่า ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมแป้งที่หมักยีสต์ การนวดแป้งพิซซ่าด้วยมืออย่างเดียว ทำให้แป้งพิซซ่ามีความเหนียว นุ่ม สดใหม่ เก็บในอุณหภูมิที่เมหาะสม  ขึ้นรูปกันสดๆ หลังจากอบ แผ่นแป้งตรงกลาง  จะบางเหนียว-นุ่ม
ตัวขอบโป่งฟู อบด้วยเตาฟืน เวลาทานคำแรก รู้สึกได้ถึงความชุ่มฉ่ำของน้ำมะเขือเทศจากอิตาลี ที่หอมอบอวนอยู่ในปาก ซึ่งความเปรี้ยว อมหวานของมะเขือเทศ มีความอร่อยที่แตกต่าง ทำให้รสชาติของพิซซ่าอร่อยแบบสูตรดั้งเดิม ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง

เพราะพิซซ่า คืออาหารเรียกน้ำย่อย  ดังนั้น วันนี้ เรามาเลือกพิซซ่าในแบบที่เราชอบ หลากหลายถึง 16 แบบ ทุกถาดไม่ธรรมดา สุดยอดความอร่อยแบบชีสเน้นๆ พาครอบครัว คนรัก หรือนัดเพื่อนๆ มาสังสรรค์ นั่งฟังเพลงกันเย็นๆ ชิลล์ๆ กันดีกว่า

Tasteful Pizza

Mad Daddy Pizza House พิชช่าบาง กรอบตรงขอบทำให้กิน Pizza หน้าใดๆ ก็อร่อยยิ่งขึ้น เพลินๆ หมดถาดใหญ่  ง่ายโดยไม่รู้สึกว่าเลี่ยนค่ะ   แป้งบางกรอบ เวลากิน ได้รสชาติของหน้าเต็มๆ กรอบ อร่อยแบบไม่ต้องปรุง
หรือใส่ซอสอะไร

Mad Daddy Pizza House   เป็นพิชซ่า เตาฟืน ร้านอิตาเลียนเล็กๆ  ย่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เพราะว่า พิซซ่า ร้าน Mad Daddy Pizza House จุดเด่น คือ สามารถชมเชฟประกอบอาหาร ทำพิซซ่าได้  อย่างใกล้ชิด เชฟ
เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์  ทำสดใหม่ร้อนๆ ถาดต่อถาด อบจากเตาฟืน สั่งแล้งนั่งรอ ได้กลิ่นกลิ่นหอมฟุ้งเป็นเอกลักษณ์ แบบฉบับอิตาเลียนแท้ และ รสสัมผัสที่หอมอย่างลงตัว

เราไม่ได้แค่ชอบบรรยากาศของร้าน  ร้านไม่ใหญ่มาก ตกแต่งสวย เดินหิวๆ ควรมาจบที่ร้านนี้ อร่อย ราคาน่ารัก ระหว่างรอพิซซ่าแอบคุยกับเชฟ และที่สำคัญเราสามารถชมการทำพิซซ่าได้อย่างใกล้ชิด กับคอนเซ็ปครัวแบบเปิด ไม่ว่าเพื่อนๆ จะไปนั่งทานคนเดียว หรือไปเฮฮากับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวที่นี่เป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์การกินพิซซ่าที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่าแน่นอน ต้องมา

นอกจากพิซซ่าแล้วก็ยังมีพาสต้า สเต็ก สลัด และ อาหารทานเล่นอีกหลายอย่าง นอกพิซซ่าที่นี่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากต่างประเทศ แถมมือหนักให้หน้าเยอะ รสกลมกล่อม สำหรับท่านที่ชอบแอลกอฮอล์ ที่ร้านมีให้ทานกับเบียร์ หรือไวน์ ขายปลีกราคาถูก อิ่มอร่อยราคาสบายกระเป๋า

เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์

ส่วนพิซซ่าเราชอบ   Pizza Prosciutto Crudo & Pizza Saporita
(พิซซ่าพาร์ม่าแฮม & พิซซ่าเบคอนรมควันและมะเขือเทศสด) และ MAD Balloon (ลูกโป่งแป้งพิซซ่าอบเตาฟืน  เสิร์ฟคู่กับซาลซ่ามะเขือเทศสด) ส่วน Caesar Salad  (ซีซ่าร์สลัด) หนึ่งในเมนูพิเศษที่หาทานได้เฉพาะที่
นี่เท่านั้น

มาสัมผัสถึงรสชาติที่ดีที่สุด เป็นเมนูที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี รสชาติประทับใจมากที่ถึงขีดสุด

จนในที่สุด ความอร่อยแบบไม่รู้ลิมิตก็เกิดขึ้น  นอกจากนั้นยังมี Creamy Broccoli Soup  เมนูซุปสุดพิเศษ ที่เป็นซุปบรอคโคลี่ หอมอร่อย ที่เชฟตั้งใจทำสุดๆ อร่อยหอม กรอบนุ่ม ต้องมาลอง เตาฟืนแบบที่ MAD  DADDY  ได้เลยค่ะคุณขา

ปิดท้ายด้วย Strawberry Panna Cotta (พานาคอตต้าสตรอเบอรี่) เป็นเมนูที่รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว

อิ่มที่สุด!  มื้อนี้พลาดหนัก เพราะความหิวมันเรียกร้อง ปลอบใจตัวเองเพราะผู้หญิงอ้วนคือผู้หญิงอบอุ่น  ถ้ามาที่ร้านขอแนะนำว่าต้องนั่งทานด้านในร้านบรรยากาศเตาฟืน ที่เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์   นวดแป้งและทำพิซซ่าโชว์กลางร้าน หอมกรุ่นเกินห้ามใจ

ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
อร่อย ราคาน่ารัก ไม่พูดเยอะเจ็บคอไปชิมกัน
ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
FB : MAD DADDY PIZZA HOUSE
TEL : 096-225-3964

 

เพราะอยากรู้เลยต้องมาลอง

จัดหนักแค่ไหน!
บุฟเฟต์ที่ทำให้ให้มื้อค่ำนี้ ฟินกว่ามื้อไหนๆ

ชวนกันมาดื่ม พร้อกับอิ่มอร่อยสไตล์ไทยๆในค่ำคืนวันเสาร์ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค กรุงเทพฯ

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีเป็นไทยกันก่อน เพราะวันนี้ Toptotravel  พาไปชิมอาหารค่ำมื้อพิเศษ บอกเลยขากินต้องหลงรักร้านนี้เข้าอย่างเต็มเปา

ก้าวแรกที่รู้สึก บรรยากาศโล่งๆ สบายๆๆ ที่ไลน์อาหารสัมผัสกับเมนูและมื้ออาหารสุดหรู ที่ได้เชฟ เชฟธีรเทพ ดิษาภิรมย์ หรือ ’เชฟต่อ’ และห้องอาหารบิสโทรเอ็มขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองโปรโมชั่นSaturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทยๆ ในค่ำคืนวันเสาร์ ที่ทางห้องอาหารได้คัดสรรเมนูเด็ดจากหลากหลาย ภูมิภาคทั่วประเทศมาปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ทุกเมนูที่ทยอยออกมาก็ทำเอาเซอร์ไพร้ส์อยู่เหมือนกัน บรรยากาศสบายๆ อิ่มอร่อยถูกปากทั้งครอบครัวด้วยราคาที่เป็นมิตรเพียงท่านละ 900 บาท/เน็ท  เท่านั้น

 

เราเลือก  Saturday Night Thai Food Feast ที่นี่  เพราะความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและมีวิธีการปรุงที่ดีต่อสุขภาพโดยอาหารทั้งหมดผ่านรสมือจาก ’เชฟต่อ’ โดยการนำรสชาติอาหารไทยแบบโบราณให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพมารังสรรค์เป็นเมนูยอดฮิตที่ถูกปาก ให้เห็นถึงเสน่ห์ของรสชาติแบบไทยๆ ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่นแบบไทยๆ อาทิ ทอดมันปลากราย, ปอเปี๊ยะ, ไส้กรอกอีสาน ตลอดจนเมนูยำๆตำๆสุดแซ่บมากมาย พร้อมเมนูซุป ที่เลือกซดคล่องคอ อย่างต้ำยำกุ้งและต้มข่าไก่ ตามมาด้วยเมนูเอาใจคนรักเส้นอย่างผัดไทและก๋วยเตี๋ยวหมูและเนื้อตุ๋นพร้อมน้ำซุปรสกลมกล่อมไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอาหารในโรงแรม แล้วรสชาติจะอ่อน บอกเลยคิดผิด รับประกัน

เริ่มต้นที่ ม็อคเทลตัวนี้ชื่อเกร๋ๆ อย่าง “พวงหยก” Mocktail เพิ่มความสดชื่น มีส่วนผสมของน้ำสับปะรดและน้ำมะนาวเป็นเบส เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนแต่ละเมนูไล่ระดับรสชาติของอาหารได้อย่างลงตัวมากๆ ซึ่งสำหรับการทานอาหาร

ส่วนไฮไลท์จะอยู่ที่สเตชั่นบาร์บีคิว ใครชอบแบบปิ้งย่าง  ก็มีพ่อครัวไว้คอยบริการ เราสามารถเลือกวัตถุดิบไปให้เชฟปิ้งย่างกันได้สดๆ ปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งสดตัวใหญ่ๆ เนื้อกุ้งแน่นๆ เลือกทานได้ตามใจชอบ ทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโต, ปลาหมึก, คอหมูย่าง, ไก่สะเต๊ะ และเนื้อสตริปลอยด์ รวมไปถึงผัดไทย สูตรเด็ด เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยการปรุงด้วยสูตรตำรับ และน้ำจิ้มสุดฟินเกินห้ามใจ ของห้องอาหารบิสโทรเอ็ม

ตบท้ายด้วยผลไม้นานาชนิดและของหวานสไตล์ไทย อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ลอดช่อง และอื่นๆ พร้อมเครื่องดื่มซอล์ฟดริ้ง หรือหากใครที่เป็นสายดื่มยังสามารถสั่งโปรโมชั่นฟรีโฟลวเพิ่มได้ โดยจ่ายเพิ่มเพียง 450 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์ และ 650 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์และไวน์ ดื่มเพลินได้ไม่อั้นตลอด 3.5 ชั่วโมง อันนี้ขอรับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

หิวกันแล้วใช่ไหม? หากมื้อนี้คุณยังไม่ได้วางแพลนหรือมีร้านอาหารในใจ ขอแนะนำให้คุณรีบพุ่งตัวไปด่วนๆ

‘Saturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทย พร้อมให้คุณมาลิ้มลองความอร่อยในค่ำคืนวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:30 – 22:00น. ณ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม ตั้งอยู่บนชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค ภายในซอยสุขุมวิท 24 การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า  ลงสถานีพร้อมพงษ์ และสำหรับท่านที่ขับรถมาที่นี่สะดวกมากที่จอดรถรองรับสำหรับลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ

ช้าอยู่ทำไม รีบไปกัน
สอบถามข้อมูลหรือสำรองที่นั่ง ติดต่อ +66 (0)2302 5555
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นของทางห้องอาหารและทางโรงแรม
www.facebook.com/marriottsukhumvitpark

ใครกำลังจะไปเที่ยว กรุงโซล เชิญทางนี้

“แพรวา” แชร์ประสบการณ์เที่ยว “กรุงโซล
ประทับใจ…ทุกโมเม้นท์ ในงาน “I Seoul U”


เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล

เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

แพรวา ณิชาภัทร เล่าความประทับใจที่ได้ไปเที่ยว กรุงโซล ให้ฟังว่า ตอนนี้ สถานที่เช็กอินแห่งใหม่ของวัยรุ่นเกาหลี มีชื่อว่า Seoullo 7017 (ซออุลโล 7017) สวนลอยฟ้ากลางเมืองแห่งเดียวของโลก บนทางเดินลอยฟ้า หน้าสถานีรถไฟ Seoul Station ตรงนี้ น่าสนใจมาก เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่คนไปเที่ยวกรุงโซลจะต้องไปเช็กอิน ยิ่งไปตอนอากาศหนาวๆ โรแมนติกมากค่ะ

เส้นทางเดิน Seoullo 7017 ถือได้ว่าน่าเดินและสะดวกมาก เพราะเชื่อมต่อกับสถานี โซลสเตชั่นแล้ว ยังเชื่อมไปถึงตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง และทางไปภูเขานัมซาน ได้อีกด้วย แล้วทางเดินลอยฟ้าแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับอาคารร้านค้าใกล้เคียง ซึ่งจะมี ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ และเอ้าท์เลตขายสินค้าแบรนด์ต่างๆ มีกิจกรรรมให้ช้อป ให้นั่งชิลล์ ชมเมืองเพียบเลยค่ะ

สถานที่อีกแห่งที่ แพรวา ชอบมากๆ คือ ย่านฮงแด (Hongdae) ตรงนี้จะเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นและฮิปสเตอร์เกาหลี ถ้าไปเดินจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่มีสีสัน ควรไปเดินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า เป็นต้นไป รับรองว่าจะเพลินตา…เพลินใจ กันอย่างแน่นอน เพราะร้านค้าย่านนี้ จะนำสินค้าอัพเดทสไตล์วัยรุ่นเกาหลีมาวางขายแข่งกัน รอบๆ ก็จะมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ แชะภาพ เซลฟี่ อวดเพื่อนๆ ในโซ

แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต…ที่ใครไปเที่ยว กรุงโซล แล้วต้องไปเกือบทุกคน ก็คือ หอคอย N Seoul Tower โดยเฉพาะคนที่มีคนพิเศษไปเที่ยวด้วย ก็จะชื่นชอบที่นี่มาก มีวิวทิวทัศน์สวยงามให้ถ่ายรูป และมีกิจกรรมคล้องกุญแจรัก “โรแมนติกจริงๆ” ก่อนคล้องกุญแจรัก จะเขียนชื่อตัวเองกับคนรัก เมื่อคล้องแม่กุญแจเสร็จ ให้โยนลูกกุญแจทิ้งไป เชื่อว่าจะทำให้ความรักยืนยาวและไม่พรากจากกัน ไปเที่ยวได้ทั้งตอนกลางวัน และ ตอนกลางคืน เพราะสวยสวยไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงฤดูหนาว จะยิ่งเพิ่มดีกรีความโรแมนติกให้มากขึ้นไปอีก แพรวาไปแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ

สิ่งที่แพรวา เลิฟและเชื่อว่าคนไปเกาหลี ส่วนใหญ่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ อาหาร มีหลายๆ เมนูที่กินแล้วติดใจ อย่างเช่น เนื้อย่างเกาหลี, ไก่ตุ๋นโสม,
ต็อกป็อกกี นอกจากนี้ ยังมี ตลาดกวางจัง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก่าแก่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโซล มีของขายเยอะมาก ของกินก็เยอะ มีร้านกินบิบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี ใครอยากลองแบบรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ ต้องมากินที่นี่ เดินเที่ยว…เดินช้อป สนุกมากๆ ค่ะ และที่ กรุงโซล ก็ยังมี ศูนย์การค้าและสวนสนุกที่มีชื่อเสียง Lotte World เรียกได้ว่าไปเที่ยว กรุงโซล ได้ครบทุกอารมณ์ ช้อป ชิม ชิลล์ และโรแมนติก ที่สำคัญเดินทางไปสะดวก และ ราคา
ก็ไม่สูงมากด้วยค่ะ

สำหรับ การจัดงาน I Seoul U ได้จำลองบรรยากาศ “กรุงโซล” มาจัดแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) พร้อมกับมีกิจกรรมเล่นเกมโยนลูกเต๋าท่องเที่ยวกรุงโซล, กิจกรรมล็อกกุญแจคู่รักที่นัมซัน, เดินทะลุมิติไปสู่กรุงโซล พร้อมกับชมจำลองบรรยากาศกรุงโซลในยามค่ำคืน ที่สวยงามและมีสีสัน เพื่อให้
ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสวิถีชีวิตตามแบบฉบับชาวเกาหลี ที่อาศัยอยู่ใน กรุงโซล” และรับข้อมูลการท่องเที่ยวที่อัพเดท

ไฮไลท์ของงาน I Seoul U ก็คือ ผู้เข้าร่วมงานทุกๆ คน จะได้รับ “สิทธิ์ลุ้น” รับบัตรเงินสด T-Money Card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับงาน I Seoul U ซึ่งบนบัตรได้สกรีนภาพศิลปิน BTS ขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังฮอตฮิต และเป็นที่ต้องการของแฟนคลับอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยว “กรุงโซล” สามารถเยี่ยมชม

การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (โซล) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน
จัดงาน I Seoul U ภายใต้คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) ขึ้นที่บริเวณ ลาน Work & Play
ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9

www.visitseoul.net
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email : iseouluthailand@hotmail.com

โครงการ Eat Local Locallicious

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดประกวด 20 สุดยอดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Food Tourism ภายใต้โครงการ
“Eat Local : Locallicious”

นอกจากจะเปิดตัว  โครงการ “Eat Local : Locallicious” แล้ว  ภายใต้โครงการยัง เน้นโปรโมตเส้นทางอาหารถิ่น เส้นทางเรียนรู้วัตถุดิบพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมด้านอาหารร่วมกับเชฟชุมชน เส้นทางอาหารอร่อย อาหารห้ามพลาด ร่วมกับพันธมิตรส่งเสริมการขาย โดยทุกการใช้จ่ายสามารถรับสิทธิพิเศษมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรองทั่วประเทศ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองโดยใช้อาหารเป็นเครื่องมือในการทำ Destination Marketing ผลักดันสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Food Tourism ให้เป็นจุดขายทางการตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อกระจายโอกาสเชิงรายได้ลงสู่เมืองรอง ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมประกวดจากหลายภาคี อาทิ แพลน บี มีเดีย ในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์หลักของโครงการ HQHotelquickly ในการสนับสนุนดีลพิเศษที่พักของผู้เข้าประกวด สายการบินไทยแอร์เอเชียสนับสนุนตั๋วเครื่องบินการเดินทางแก่ผู้เข้าประกวด รวมถึง Take Me Tour Wongnai และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าประกวดในด้านต่างๆ ซึ่งผลที่ได้รับหลังจากโครงการนั้นจะก่อให้เกิดการแชร์ประสบการณ์กินที่น่าสนใจในหมู่นักท่องเที่ยว เกิดทริปกินเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ได้ยอดขายที่เป็นรูปธรรม ทั้งยังเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวหน้าใหม่

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2018-2020 ซึ่งอาหารเป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราว ของแต่ละชุมชนนั้นๆได้อย่างมากมาย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวีตของคนในท้องถิ่น โดยจากการสำรวจและวิจัยพบว่าเทรนด์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเสาะแสวงหาสถานที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครไป (Off the Beaten Path) มองหาอาหารท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ชอบเสพเรื่องราวและค้นหาความสามารถของตัวเองผ่านการเรียนรู้ร่วมกับคนในท้องถิ่น และมีหัวใจที่ต้องการสนับสนุนสินค้าชุมชนโดยตรง ซึ่ง ททท. มองว่าแคมเปญของ locallicious จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมือรอง สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

การเฟ้นหาสุดยอด 20 ทริปสายกินใน 55 เมืองรองนั้นได้มุ่งเป้าผู้เข้าร่วมประกวดไปที่ กลุ่ม Food Lover กลุ่มเชฟรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักศึกษา Bloggers สายกิน-เที่ยว ​กลุ่มบริษัททัวร์ และ local expert ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านอาหาร (Food Experience) รู้แหล่งกิน-เที่ยวแบบเจาะลึก ทั้งมีความชำนาญและใฝ่รู้ทางด้านอาหาร ซึ่งแนวทางของการออกแบบทริปนั้นสามารถเน้นการทำกิจกรรมลงมือทำผสมกับการได้ชิม ลิ้มลอง อาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน บรรยากาศการกินอาหารในสถานที่แปลกใหม่แบบไทยเท่ห์ ซึ่งการออกแบบทริปสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การเจาะลึกตะลุยแหล่งวัตถุดิบแล้วนำมาเรียนรู้กับเชฟท้องถิ่น การลุยตลาดเด็ดที่ขาชิมไม่ควรพลาด การทำอาหารเมนูสูตรชนเผ่ากับเชฟชุมชน และการสร้างประสบการณ์กินสุดว้าวที่หาจากที่อื่นไม่ได้ โดยเกณฑ์การตัดสินนั้นจะมาจากการการคัดเลือกจำนวน 2 รอบ โดยรอบที่ 1 จะตัดสินจากคัดเลือกบวกกับคะแนนจากการ like และ share โพสต์ของผู้เข้าแข่งขัน โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 40 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการของโครงการจะเป็นผู้ทำการคัดเลือก 20 ทริปสุดท้ายจาก 40 ทริปที่เข้ารอบ โดย 20 ทีมสุดท้ายจะสามารถนำมาทริปมาทำการขายจริงแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินของโครงการนั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านทั้งทางด้านอาหาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด รวมถึงทางด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณนพดล ภาคพรต (รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ) คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร (ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดการตลาดธนาคารไทยพาณิชย์) คุณกิตติ พรศิวะกิจ (นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย) คุณยอด ชินสุภัคกุล (ผู้บริหารจาก Wongnai Media) คุณ ณพีรา เตชาชาญ (ผู้บริหารจาก Napira Travel Stylist) และ คุณนพพล อนุกูลวิทยา (ผู้บริหารบริษัท Take Me Tour)

โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมแรก จะได้รับรางวัลรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 370,000 บาท ในส่วนการแข่งขันรอบที่ 2 ผู้เข้ารอบ 20 ทีมจะมาแข่งขันขายทริปจริง โดยผู้ที่ได้ยอดขายสูงสุด 5 ทีมแรก จะได้รับรางวัลเท่ายอดขาย ยิ่งขายมาก ยิ่งได้มาก

สำหรับระยะเวลาของโครงการนั้นจะถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงได้แก่ช่วงแรกในเดือนมิถุนายน จะเป็นช่วงประชาสัมพันธ์เพื่อรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ช่วงที่ 2 คือเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ผู้เข้าแข่งขันสร้างสรรค์ทริปท่องเที่ยวสุดครีเอทิฟ และช่วงที่ 3 ในเดือนสิงหาคม ผู้เข้าแข่งขันจะทำการประชาสัมพันธ์ทริปของตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ และช่วงสุดท้ายคือเดือนกันยายน จะเป็นช่วงแข่งขาย โดยจะขายทริปผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thelocallicious.com และจะมีการจัดงานขาย 20 สุดยอดฟู้ดทริป “Thailand Food Tourism Mart” ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ โดยมีกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ กิจกรรม workshop กับเชฟชื่อดัง มินิคอนเสริต์จากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมสำหรับครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย โดยตลอดระยะเวลาของโครงการจะมีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องทั้งช่องทาง Online และ Offline และมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากมาย อาทิ แพคเกจ 3 วัน 2 คืนโรงแรม รีสอร์ทห้าดาวในพื้นที่เมืองรองอาทิ สันธิญา เกาะยาวใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา, ภูใจใส, katiliya mountain resort & spa จังหวัดเชียงราย, มันนอกไอส์แลนรีสอร์ท (munnork island resort) เป็นต้น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับเที่ยวเมืองรองจากแอร์เอเชีย และ voucher ร้านอาหารมากมาย และพบกับดีลห้องพักสุดพิเศษจาก HotelQuickly.com สำหรับสมาชิก Locallicious เท่านั้น

โครงการ Locallicious ได้จัดพิธีเปิดโครงการไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมี คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมผู้สนับสนุนโครงการ อาทิ PlanB Media, HotelQuickly.com, Air Asia, Major Cineplex, Wongnai Media, TakeMeTour โดยมีกิจกรรมไฮไลท์เปิดตัวโครงการได้แก่ โชว์ทำอาหารจากเชฟกะทะหล่อโดยนายสุรกิจ เข็มแก้ว หรือ เชฟปิง ที่จะมาสร้างประสบการณ์อาหารแบบเชฟเทเบิ้ลจากวัตถุดิบท้องถิ่นในงาน

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการหรือสนใจสมัครเข้าประกวดสามารถรับรายละเอียดได้ที่
Facebook: thelocallicious
เว็บไซต์ www.Thelocallicious.com

กินกิน เที่ยวเที่ยว ใกล้กรุงกันดีกว่า ตลาดอิงน้ำสามโคก

ตลาดอิงน้ำสามโคกสุดคึกคักฉุดเศรษฐกิจชุมชนโตต่อเนื่อง พร้อมช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น

มาชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิด ตลาดเล็กๆ มีเจ้าเสือพ่นน้ำเป็นสัญลักษณ์ ชาวบ้านใจดี ร้านค้าจัดน่ารัก น่าเดินเล่นและซื้อหาของ ด้วยความผูกพันของชาวชุมชน พร้อมใจกัน  สรรหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาและฝีมือของท้องถิ่นออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ชิม ช้อป อาทิเช่น ข้าวแช่ แกงมะตาด ขนมจีนชาวน้ำ หรือการปักสะไบมอญ  ด้วยอัธยาศัยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวสามโคกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมภายในตลาดอิงน้ำสามโคก

ชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ด้วยบรรยากาศชุมชนที่ยังคงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีความเป็นอยู่ ซึ่งมีแม่น้ำลำคลองเป็นเส้นทางสัญจร เป็นตลาดเก่าดั้งเดิมที่ทำมาค้าขายทางเรือกันมาอย่างราบรื่นหลายชาติพันธุ์ชาวไทย ชาวมอญ ชาวจีน และชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาจาก
เริ่มโครงการจนเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

นอกจากนั้นยังเสริมสร้างให้เด็ก เยาวชน ในท้องถิ่น โดยมีเวทีในการแสดงทางวัฒนธรรม เกิดทัศนคติที่ดีและหวงแหนชุมชน ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองผ่านการแสดงในทุกวันจัดกิจกรรมที่เวทีการแสดง

ธรรมชาติยังดีเหมือนเดิม มีชุมชนอาศัยอย่างปกติทีความเป็นกันเองกับผู้มาเยี่ยมเยือนมีร้านค้าพอสมควรมี ร้านอาหารให้เลือกทานมีร้านอาหารริมน้ำอร่อยมีศาลเจ้าติดริมน้ำมีมุมสวยๆหลายมุมให้จับภาพมี ร้านกาแฟมุมสวยให้พักผ่อน ร้านผัดไทยกุ้งสดขายดี มีร้านหมูสะเต๊ะอร่อย มีร้านทอดมันกุ้งทอดให้ลอง มีกล้วยทอดให้ชิม มีห่อหมกร้านอร่อยให้ซื้อกลับบ้าน แล้วมานั่งทานขนมจีนซาวน้ำ

จังหวัดปทุมธานีเผยผลสำเร็จโครงการถนนสายวัฒนธรรม  ตลาดอิงน้ำสามโคก ชาวชุมชนพร้อมใจต้อนรับนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ จีน มุสลิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของภาครัฐ เตรียมนำความสำเร็จจากโครงการนี้เป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวในงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการ ถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ว่า หลังจากจังหวัดปทุมธานี ได้จัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่าชาวชุมชนที่เคยค้าขายอยู่ในตลาดอิงน้ำสามโคก

ทั้งที่เลิกค้าขายไปแล้วและที่ออกไปค้าขายที่อื่นตามการเปลี่ยนแปลงของชุมชน ได้กลับมาค้าขายในพื้นที่ตลาดอิงน้ำสามโคกอีกครั้งเป็นจำนวนมาก จากที่ก่อนเปิดโครงการมีร้านค้าเพียง 20 กว่าร้าน จนในปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำนวนนักท่องเที่ยวจากที่เคยมีเพียงไม่เกิน 100 คน/วัน ในช่วงวันหยุด ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คนต่อวันและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งจากการประเมินตามร้านค้าพบว่าในแต่ละวันที่ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมมีเงินหมุนเวียนภายในชุมชนกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหากนับจากวันเริ่มโครงการ มีเงินสะพัดภายในตลาดเกือบ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน

“การจัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นการเปิดเส้นทางและพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีพื้นที่ในการนำเสนอและจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ กินดีอยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของภาครัฐ ความสำเร็จที่เกิด
ขึ้นจากโครงการนี้ จะเป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนา เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ อีกมากมาย” รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าว

ตลาดอิงน้ำสามโคก ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พาครอบครัวเดินมาเดิเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำแบบใกล้กรุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ
จีน มุสลิม จากชาวบ้านในพื้นที่ ราคาไม่แพง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น อาคารที่ว่าการอำเภอสมัย รัชกาลที่ 6 อนุสาวรีย์สุนทรภู่ วัดบางเตย ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ
พร้อมมุมถ่ายรูป ชิค ชิคทั้ง  Wall Art  วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยลงทางด่วน ที่ด่านถนนบางพูน (รังสิต-ปทุมธานี) ลงแล้วเลือกไปทางปทุมธานี ขับตรงมาอีกไม่ไกลเจอสามแยกไฟแดงโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส แล้วเลี้ยวขวา ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆไม่ต้องขึ้นสะพานไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ขับตามป้ายปทุมธานีไว้ จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขับข้ามสะพานตรงมา จะเจอสะพานข้ามแยก (สันติสุข) ไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้เลี้ยวขวาใต้สะพานไปทางอำเภอสามโคก ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตปั้ม PT ไว้และต่อมาจะเจอวัดบางเตยนอกและวัดบางเตยกลางจะอยู่ติดกัน ข้ามสะพานข้ามคลองเล็กๆลงมาชิดขวาไว้จะเจอช่องทางให้กลับรถ (ตรงที่กลับรถ มีป้ายบอกว่า สถานีตรวจคนเข้าเมือง  จังหวัดปทุมธานี) เลี้ยวขวาที่ช่องกลับรถเข้าซอยมา จอดรถที่ท่าน้ำ

ตลาดอิงน้ำสามโคก เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น.

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค

ขยายธุรกิจสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์
นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค
ป้อนตลาดเอเชีย

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค สบช่องคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ รุกตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค นมสด-โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAMจนประสบความสำเร็จเปิดตลาดมานานกว่า 7 ปี มียอดขายพุ่งขึ้นทุกปีๆ ละ 7-10 %พร้อมขยายฐานธุรกิจก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค เพื่อป้อนตลาดเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วเอเชียฯ โดยปีนี้ บัตเตอร์ฟลายตั้งเป้าก้าวกระโดด เน้นเสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยยอดขายรวมที่ตั้งไว้ปี 2018  100 ล้านบาท

นางสาว อาศยา ทรัพย์มนู ประธานบริหาร บริษัท บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค จำกัด เปิดเผยว่า  บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค เป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ภายใต้แบรนด์    บัตเตอร์ฟลาย (Butterfly) โดยได้รับมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAM  มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่
ใจคนรักสุขภาพ

ทั้งนี้ ผลตอบรับดีเกินคาด มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปีๆ ละ 7-10 % จากความสำเร็จ ส่งผลให้ปัจจุบัน สามารถขยายฟาร์มวัวนมออร์แกนิคและโรงงานผลิต ที่มีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ป้อนตลาดได้อย่างพอเพียง อีกทั้ง ก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ให้แก่นักลงทุนจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย อีกด้วย”

ล่าสุด แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้นำผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ยกทัพไปร่วมจัดแสดงภายในงาน ThaiFEX World of Food Asia 2018 โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา บัตเตอร์ฟลายการรุกตลาดจะจัดกิจกรรม บีโลว์เดอะไลน์ ได้แก่ โรดโชว์ เพื่อให้ข้อมูลและแจกให้ทดลองชิมฟรี ได้สัมผัสกับรสชาติที่แตกต่างจากนมโคทั่วไป

ในการรุกตลาดในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ ด้วยการสะท้อนแบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ผ่านสโลแกน Add Value Rhythm Vital “เติมคุณค่าให้ทุกจังหวะชีวิต ผ่านแคมเปญเด็ก Generation Z ซึ่ง โดยมีชื่อกลุ่มว่า Team Talent เป็นการรวมตัวของเด็ก ที่มีพลังเต็มเปี่ยม มีพรสวรรค์ และพรแสวงในการเรียนรู้จากเทคโลโลยียุคใหม่ด้วยตนเอง และก็ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ มั่นใจว่า จะสื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และช่วยผลักดันให้ บัตเตอร์ฟลาย ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ภายใต้แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้รับนมจากวัวที่กินหญ้าออร์แกนิคและไม่ใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ ให้ความใส่ใจต่อการเลี้ยงดูทุกขั้นตอน เพื่อให้วัวมีอารมณ์ดี โดยปล่อยวัวเดินเล่นในทุ่งกว้างใหญ่ ในส่วนของการผลิต จะไม่เติบสารปรุงแต่งรสชาติให้มีความข้นหรือมัน รสของนมวัว จะเป็นไปตามธรรมชาติและฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทำให้มีคุณภาพที่ดีกว่าและมีความปลอดภัยสูงกว่านมทั่วๆ ไป อีกทั้ง นมมอร์แกนิคจะมีกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สูง ช่วยบำรุงสมองและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มีวิตามิน A และ E ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิว นอกจากนั้น ยังมีสารแอนติออกซิแดนท์สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ไม่ทำให้อ้วน และช่วยลดอัตราการเกิดไขมันสะสมอุดตันในเส้นเลือด เพราะให้คลอเลสเตอรอลต่ำ

ปัจจุบัน ตลาดคนรักสุขภาพ มีความต้องการบริโภคนมออร์แกนิคสูงมากขึ้นโดยคาดว่า มูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม มีประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค และ นมอัลมอนด์ จัดอยู่ในกลุ่มนมทางเลือก ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 5% ส่วนอีก 95% จะเป็นกลุ่ม นมวัวและนมถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสการดูแลสุขภาพ ทำให้เซ็กเมนต์ของนมทางเลือกเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมั่นใจว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ยังคงมีโอกาสเติบโต ตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค ก็มีความพร้อมในการทำหน้าที่ OEM รับจ้างผลิตให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในประเทศต่างๆ ในเขตเอเชียฯ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited by IFOAM” นางสาว อาศยา กล่าวสรุปในที่สุด

ผลิตภัณฑ์ บัตเตอร์ฟลาย ประกอบด้วย นมออร์แกนิค มี 4 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา, ช็อคโกแลตสูตรไขมันต่ำ ขนาดบรรจุ 180 มล. ราคาขาดละ 38บาท ในส่วนของผลิตภัณฑ์ เซทโยเกิร์ตออร์แกนิคมี 7 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา,สตรอว์เบอร์รี่,น้ำผึ้งออร์แกนิค,สูตรไม่มีน้ำตาล,สูตรไขมันต่ำและสูตรผสมเมล็ดเจียขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา กระป๋องละ 28 บาท อีกทั้ง ยังมีผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม อีก 4 รส คือ ออริจินัล  วานิลลาสูตรไม่มีน้ำตาล และ สูตรไขมันต่ำ  ขนาดบรรจุ 200 มล. ราคาขวดละ 38  บาท นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ นมอัลมอนด์ ขนาดบรรจุ.180 มล. ราคาขวดละ
35 บาท

โดยมีวางจำหน่ายภายในร้าน Butterfly Organic Place ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 36, ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ท๊อปซุปเปอร์มาร์เก็ต และ วิลล่า มาร์เก็ต ฯลฯ ทั่วประเทศ

โฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ www.facebook.com/butterflyorganicmilk

แซ่บนัวของกิน เมืองสุรินทร์ถิ่นช้าง อย่ามองข้ามเด็ดขาด

เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน (Gastronomy Tourism)

เดือนนี้ Toptotravel มีโอกาสมาเที่ยว จังหวัดสุรินทร์ โดยได้รับคำเฃิญจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการแนะนำเส้นทางเที่ยว พาเที่ยวสำรวจ เส้นทางสายกิน โดยเฉพาะอาหารพื้นถิ่น ในตำนาน (Gastronomy Tourism) พร้อมทั้งได้สัมผัสธรรมชาติให้ชุ่มฉ่ำกันทั้งปี จำนวน 10 เส้นทาง

นักท่องเที่ยวมาสามรถขับรถเที่ยวเองได้สบายๆ ใช้เวลาตามหาความหมายของชีวิต แล้วก็ได้พบว่าจังหวัดสุรินทร์ ยังคงเป็น สุรินทร์ แบบนี้  ยกให้เลยตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองที่ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติสวยนี่ไม่ต้องพูด และงานย้อนยุคของบ้านเมือง ที่ปัจจุบันเราแทบไม่พบวิถีแบบนี้กันแล้ว ไม่ว่าจะสายธรรมชาติ ไม่ว่าหรือเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เรียกได้ว่าไปเมืองเดียวครบทุกแบบกันเลย

ก่อนออกเดินทาง ขอลาก่อนฤดูร้อน! เพราะ กรมอุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว  Toptotravel อยากชวนมาเที่ยวเส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน สร้างสรรค์และออกแบบสินค้าเส้นทางอาหารไทย (Gastronomy Tourism) เส้นทางสายภูมิปัญญา และผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เกิดการรับรู้ และเป็นไปตาม Lifestyle ของกลุ่มเป้าหมายสำหรับ นักท่องเที่ยว และกลุ่มตลาดในประเทศ เราพบว่าแท้จริงแล้ว หนทางสู่ความเส้นทางท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ รับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการเป็น World Destination ทางด้านอาหาร ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็น World Destination อาหารไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สำคัญสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เข้าใจและสัมผัสแต่ละสถานที่อย่างอิ่มเอม ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและถึงแต่ละสถานที่อย่างแท้จริง

เพื่อขานรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคของรัฐบาล ด้วยการใช้การท่องเที่ยวมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เส้นทางยอดนิยม 10 เส้นทาง ลองมาอยู่ด้วยกัน จะเหลืออะไรอีกไหมที่ต้องปรับ ต้องรู้จัก ไม่เพียงแค่เปิดตาให้เห็นถึงความ มหัศจรรย์แห่งอาหารไทยที่ทำให้สัมผัสถึงวิถีชีวิต เรื่องราวความน่าสนใจในศาสตร์และศิลป์แห่งศิลปะ วัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิตในแง่มุมต่างๆ แล้ว ยังสนุกเพลิดเพลิน อิ่มเอมไปกับอรรถรสของรสชาติอาหารที่ แตกต่างกัน ในแต่ละพื้นถิ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสัญลักษณ์ ความโดดเด่นของอาหารในแต่ละภูมิภาคได้อย่างชัดเจน

ครั้งนี้ ททท. พิจารณาเลือก 5 เส้นทางได้แก่ จังหวัดตาก สุรินทร์ ตราด สตูล และลพบุรี มาดำเนินการจัดเป็น กิจรรมท่องเที่ยวนำร่องเพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์จริง ทริปนี้เจออะไรใน เส้นทางมาดูกันค่ะ

ปราสาทบ้านพลวง
เริ่มต้นกันที่ ปราสาทบ้านพลวง ความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน มีความสวยงามและล้ำค่าเป็นปราสาทขนาดเล็ก ๑ องค์ ก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว บนฐานศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ ๘ เมตร ยาวประมาณ ๒๓ เมตร ปราสาทมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูทางเข้าออกด้านทิศตะวันออก ส่วนอีก3 ด้าน ทำเป็นประตูหลอก ทับหลังด้านทิศตะวันออกและทิศใต้สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทับหลังด้านทิศเหนือเป็นภาพพระกฤษณะปราบนาคกาลิยะ ส่วนทับหลังด้านทิศตะวันตกไม่ได้สลักภาพ ซึ่งหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นภาพพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ หน้าบันทิศเหนือสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และหน้าบันด้านทิศใต้สลักเป็นภาพบุคคลประทับนั่งเหนือหน้ากาล บริเวณรอบปราสาทมีสระน้ำล้อมรอบเว้นทางเข้าด้านหน้า ลักษณะของปราสาทบ้านพลวง จะคล้ายกับปรางค์น้อยบนเขาพนมรุ้ง ประกอบกับลวดลายที่พบบนหน้าบันและทับหลัง กำหนดรูปแบบทางศิลปะได้ว่าป็นศิลปะขอมแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16

เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่

วนอุทยานพนมสวาย
ที่นี่….เที่ยวง่ายๆ สบายๆ วนอุทยานพนมสวาย  เมืองที่มีความหมายว่า ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาบัว อำเภอเมือง และตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานเมื่อ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2527  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติ และงานย้อนยุคที่มีร่องรอยอารยธรรมของชาวขอมโบราณ หลอมรวมกลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ความสวยของโบราณสถานที่ยังอนุรักษ์กันไว้ได้เหมือนเดิมเด๊ะ ตั้งแต่อตีดยันปัจจุบัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ที่มีชื่อเสียง ทุกปีมีประเพณีสำคัญในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ชาวเมืองสุรินทร์จะชวนกันเดินขึ้นเขาพนมสวาย จนเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดกันมา เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง คำว่า พนมสวาย เป็นคำภาษาพื้นเมืองของชาวสุรินทร์ การเดินทาง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของจังหวัดสุรินทร์ เต็มไปด้วยป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามนอกจากนี้ยังเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติในประเทศไทย และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา

ช้อปปิ้งที่ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์
อยู่บริเวณท่าน้ำลำห้วย  หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ถนน สุรินทร์ – ปราสาท ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวจังหวัด 3 กิโลเมตร โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ร่วมกับ กองกำลังสุรนารี ร่วมก่อตั้ง เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ภายในจังหวัด แวะชิวหาของกินที่นี่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย ในบริเวณตลาดริมน้ำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เลาะเลี้ยวริมฝั่งลำน้ำห้วยเสนงแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงคนสุรินทร์มายาวนาน รวมถึงกิจกรรมนั่งช้างชมป่า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการนั่งช้างไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ 60 ปี การเสด็จประพาสสุรินทร์ ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์

ผ้าไหมทอบ้านท่าสว่าง
ตามแบบฉบับที่ร่ำลือกันว่าหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศไทย บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ลองเที่ยวเมืองที่มีเป็นหนึ่งหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ บ้านท่าสว่างเดิมชื่อบ้านเตรี๊ยะ เป็นภาษาพื้นบ้าน (เขมร) คำว่าเตรี๊ยะ เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ภาษาไทยว่าต้นชาด บรรพบุรุษของชาวบ้านเตรี๊ยะ ได้อพยพมาจากบ้านระเภาร์ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ห่างจากบ้านเตรี๊ยะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2485 ได้รวมหมู่บ้านเตรี๊ยะกับหมู่บ้านอื่นๆ เป็นตำบลท่าสว่าง และบ้านเตรี๊ยะ ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบ้านท่าสว่างตั้งแต่นั้น ทำให้ลวดลายผ้าไหมสวยเก๋น่าซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทุกมุมของที่นี่ช่างน่าเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ทั้งหมด

สวยเริ่ดเชิ่ดได้! เพราะในปี 2553 บ้านท่าสว่าง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหม แห่งเดียวของประเทศ โดยกรมการพัฒนาชุมชนกรมพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาหมู่บ้านที่มีจุดเด่น และมีเอกลักษณ์
ให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในหมู่บ้านจากบริการด้านท่องเที่ยว

ปราสาทศีขรภูมิ
โลกแห่งความจริง ที่ปราสาทศีขรภูมิ ครั้งแรกที่เห็น สวยจนแทบหยุดหายใจ ความสวยงามสงบร่มรื่นดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสำรวจและพักผ่อนที่นี่ แม้ว่าการเดินทางอาจจะไกลสักหน่อย แต่รับรองว่าสุดคุ้ม ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 34 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 226 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปอีก 1 กิโลเมตร ปราสาทศรีขรภูมิประกอบด้วยปรางค์อิฐ 5 องค์ องค์กลางเป็นปรางค์ประธาน มีปรางค์บริวารล้อมรอบอยู่ที่มุมทั้งสี่บนฐานเดียวกันธรรมชาติช่างเสกสรรค์ ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง

ลักษณะโดยรวม ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวคือด้านทิศตะวันออกปรางค์ทั้งห้าองค์มีลักษณะเหมือนกัน คือ องค์ปรางค์ไม่มีมุข มีชิ้นส่วนประดับทำจากหินทรายสลักเป็นลวดลายต่างๆ ทั้งส่วนที่เป็นทับหลังและเสาประดับกรอบประตู เสาติดผนัง และกลีบขนุนปรางค์ ส่วนหน้าบันเป็นอิฐประดับลวดลายปูนปั้น องค์ปรางค์ประธานมีทับหลังสลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระอิศวรกำลังฟ้อนรำ) บนแท่น มีหงส์แบก 3 ตัวอยู่เหนือเศียรเกียรติมุข
มีรูปพระคเนศ พระพรหม พระวิษณุ และนางปารพตี (นางอุมา) อยู่ด้านล่าง เสาประตูสลักเป็นลวดลายเทพธิดาลายก้ามปูและรูป

หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ทวารบาล ศูนย์คชศึกษา หรือ หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนในชุมชนกับช้าง รวมทั้งประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านตากลางแต่ละครัวเรือนจะมีช้างที่เลี้ยงไว้อาศัยอยู่รวมกัน จนช้างที่พวกตนเลี้ยงไว้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของตน ก่อให้เกิดสายใยความผูกพันที่แน่นเฟ้นขึ้น ระหว่างคนกับช้าง ณ บ้านตากลาง จ. สุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก

ชาวบ้านตากลาง ดั้งเดิมเป็น  ชาวส่วย (กูย) หรือ กวย ที่มีความชำนาญใน
การคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเลี้ยงช้าง ส่วนมากต้องเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนต่อเขตประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย ปัจจุบันสภาวะการเมืองระหว่างประเทศทำให้ชาวบ้านตากลาง ไม่สามารถไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อนได้ ชาวบ้านตากลางยังคงเลี้ยงช้าง และฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้าง (Thailand Elephant show)

ชีวิตเป็นของเรา..ออกไปใช้มันสะ ที่นี่ควรค่าแก่การไปทำความรู้จัก หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะการเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลาง เหมือนการเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน นอนร่วมชายคาเดียวกับตน ดังนั้นถ้านักท่องเที่ยวได้ไปที่บ้านตากลาง นอกจากจะได้เห็นสภาพโรงช้างดังกล่าวแล้ว ยังจะได้สัมผัสการดำรงชีวิตของ ชาวส่วย โดยเฉพาะในพื้นที่จะได้พบปะพูดคุยกับหมอช้าง ที่มีประสบการณ์ในการคล้องช้างมาแล้วหลายครั้งได้ตลอดเวลา รวมทั้งยังสามารถเดินทางชมจุดบริเวณที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลไหลมารวมกัน ซึ่งห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่งดงามน่าพักผ่อนหย่อนใจ ชวนให้ศึกษาในเชิงของธรรมชาติด้วย

สถานที่ : ทีกล้า ฟาร์ม จังหวัดสุรินทร์

ทีกล้า ฟาร์ม
มาถึงสูตรเด็ด  มารับทานมื้อเย็นในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน บรรยากาศที่ ทีกล้า ฟาร์ม ในยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ที่นี่เองมีส่วนร่วมในงาน ตามรอยอาหารถิ่น ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศ และ ได้มีโอกาศ ทำอาหารถิ่น อาหารที่ให้ ผลผลิตจากฟาร์ม ชวนชิมอาหารอีสานแซ่บๆ ง่ายๆ กับเมนูอาหารพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์

หมก เป็นอาหารอีสานและอาหารลาวประเภทหนึ่ง เป็นการนำเนื้อสัตว์และผักมาเคล้ากับน้ำพริกแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ห่อด้วยใบตองทรงสูง นำไปนึ่งหรือย่างให้สุก ใส่ต้นหอมและใบแมงลักซึ่งเป็นเครื่องปรุงสำคัญ บางบ้านใส่ผักชีลาวด้วย ตัวอย่างอาหารประเภท หมก ได้แก่ หมกหน่อไม้ หมกไข่ปลา หมกหัวปลี หมกไข่มดแดง หมกปลา หมกเห็ด หมกฮวก เครื่องแกงส่วนใหญ่ประกอบด้วย พริกขี้หนูแห้ง หอมแดง ตะไคร้ซอย ใบมะกรูด เป็นหลัก หรือบางบ้านจะใส่กระชายหรือข่าเข้าไปด้วย

สลอตราว หรือแกงเผือก เป็นอาหารที่มีรสจืด นิยมใส่ปลาเป็นส่วนประกอบ อาจใช้รับประทานเปล่า ๆ คล้ายก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ชาวเขมรและชาวกูย ที่มีฐานะ นิยมปรุงให้จืดเพื่อรับประทานเปล่า ๆ เผือกเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรทสูง ใช้รับประทานแทนข้าวได้ ปลาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง อาจใช้รับประทานเปล่าคล้ายก๋วยเตี๋ยว พร้อมรับประทานขณะร้อนๆ

ซันลอเจก (แกงกล้วย) “ซันลอเจก” เป็นภาษาเขมร หมายถึง “แกงกล้วย” ซันลอ = แกง, เจก = กล้วย เนื่องจากเมื่อก่อน การคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ยังไม่สะดวก อาหารการกินต่าง ๆ ล้วนหาได้จากเรือกสวน ไร่นา และรอบ ๆ บริเวณบ้าน เมื่อมีคนตายในหมู่บ้าน เจ้าของงานจะจัดหาอาหารต้อนรับผู้มาร่วมงานศพ ซึ่งมักจะทำแกงกล้วยเป็นอาหารหลัก เพราะบ้านเกือบทุกหลัง นิยมปลูกต้นกล้วย เพราะต้นกล้วยสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง

อันซอมจรุ๊ก “อันซอมจรุ๊ก” ลักษณะเป็นท่อนยาวๆ ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมกับถั่วลิสง เนื้อหมูและมันหมู ปรุงรสให้ออกเค็มๆ หน่อยแล้วห่อด้วยใบตอง ชิมแล้วก็ถือว่ารสชาติไม่เลวเลยได้รสเค็มๆ มันๆ พร้อมกลิ่นหอมจากใบตอง จะว่าไปรสชาติก็ออกจะคล้ายๆ กับ “บ๊ะจ่าง” อยู่หน่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้มีเครื่องเคราเหมือนกับบ๊ะจ่างของคนจีน

Slive Hotel
มอร์นิ่งงงจ้า เรื่องที่พัก อยากได้ที่พักดีๆ อาหารเช้าอร่อยๆ Slive Hotel ที่พักกลางใจเมืองสุรินทร์เมืองช้าง ที่พักแนวใหม่เอาใจลูกค้า Slive Hotel ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ ตรงกันข้ามโรงพยาบาลสุรินทร์ การเดินทางสะดวก ใกล้7-11 ใกล้สนามบิน แห่งความหรูหราอลังการ Slive Hotel ลองไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษ  โรงแรมมีความสะอาด ทันสมัย คุ้มค่าคุ้มราคา บริการ Wifi ฟรี ทั้งพื้นที่โรงแรม ตื่นจากเตียงนุ่มๆ Slive สบาย Slive Hotel Surin ณ.โรงแรมน่ารักทั้งสถานที่และราคา คุ้มค่าสุดๆ คิดจะพักคิดถึง #Slivehotel
169 Luck Muang Rd,
Muang Surin, Surin, Thailand
@slivehotel โทร 044 060 322

ที่สุริทร์ 2 วัน 3 คืน ชิลล์แค่ไหนต้องลองไปดูด้วยตัวเอง  หลายคนบอกว่ากระแสการท่องเที่ยวโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ส่งผลให้ทุกภาคส่วน ต้องใช้ศักยภาพ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และการขับเคลื่อนกลยุทธ์ความเป็นเลิศทางการตลาด การประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องกำหนดทิศทาง และสร้างความชัดเจนในกระบวนการส่งเสริม ผลักดัน ปรับเปลี่ยน และสร้างสินค้า บริการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

ด้วยเหตุนี้ เมืองไทยจึงไม่ได้มีดีเพียงแค่อาหารริมทาง เมื่อเราเริ่มจากรู้จัก
สไตลสตรีทฟู้ด อาหารไทยที่ชวนสร้าง ความอะเมซซิ่ง ยังมีอาหารถิ่นจานอร่อย สไตล์วิถีไทยดั้งเดิมแบบพื้นบ้าน และอาหารไทยต้นตำรับ ที่เน้นความ วิจิตรบรรจง ในการปรุงแต่ง จัดจานชวนให้ตื่นตาตื่นใจไปกับรูปแบบการนำเสนอ เช่นเดียวกับการยกระดับการพัฒนา เมนูสตรีทฟู้ดพื้นถิ่นแบบโลคัล สู่การเป็นอาหารไทยเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการประยุกต์เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าก็ยิ่งทำให้ อาหารไทยครบรส ทั้งอาหารตา อาหารใจ และอาหารที่คุณสัมผัสรับรู้ถึงรสชาติความอร่อยได้ในแบบที่บางครั้งอาจคาดไม่ถึง สนุกสนานกันได้ทั้งครอบครัว

สุดท้ายแล้ว  ความสุขอยางหนึ่งเมื่อได้มาเที่ยวเมืองไทย นั่นคงไม่พ้นการได้เรียนรู้ เปิดรับประสบการณใหม่ๆ กับเรื่องราวการกิน หนึ่งในซิกเนเจอร์ของเมืองไทย ที่ใครก็พลาดไม่ได้ชม Review ครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะแพลนทริปในใจกันแล้ว ใครแพลนไปเที่ยวอยู่แล้วลองหาเวลาสักวันสองวันแล้วจะได้เรียนรู้ว่า….เมืองไทยมีที่สวยงามมากกว่าที่ีคิด

ชวนเพื่อนมายืด Bulgogi Brothers

เมนูเด็ดของร้านเกาะกระแสสุขภาพกับเมนู King’s Bibimbup 

ร้าน บูลโกกิ บราเธอร์ส ทั้ง2 สาขา Bulgogi Brothers  ร้านที่หลายคนมักคิดถึงเวลาอยากกินอาหารเกาหลีต้นตำรับ และถ้าพูดถึงร้านต้นตำรับอาหารเกาหลีแท้ๆ ที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาหลี วันนี้เรามีโอกาสนัดเพื่อนๆ สัมผัสกันเต็มๆ ที่ร้านอาหารเกาหลีสุดฮิต ร้านนี้มีความอร่อยจัดเต็มเเบบต้นตำรับจากเกาหลี ปิ้งย่างที่ไม่ว่าจะสายไหนก็ต้องชอบ เนื้อเกรดดีระดับพรีเมี่ยมปิ้งย่างมีให้เลือกอร่อยทั้งเนื้อวัวอย่างดี หมูสามชั้นรมควัน หมูสามชั้น คอหมู หมูสไลซ์ราดซอสรสเข้มข้น ที่ไม่ไปไม่ได้แล้วอร่อยฟินคุ้มแค่ไหนก็อย่าพลาดนั่งทานแบบชิลๆ จิ้มน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน (มีรสหวานเเละเผ็ด) เสริฟพร้อมเครื่องเคียงมาแบบจัดเต็มกันจริงๆ เติมได้ตลอด เเละเมนูอะลาคาร์ทอร่อยๆ มีอีกมากมาย อย่างบิบิมบับ ไก่ทอดเกาหลี หมูบลูโกกิ หมูผัดกิมจิ Top Hit ไก่สไปซี่ส์ชีส ให้เพื่อนๆได้สัมผัส Alternative Menu ที่ผสมผสานระหว่างซอสสูตรต้นตำหรับเกาหลี และชีสยืดแสนอร่อย ผักสดนานาชนิดเเละเมนูที่มีชีสเอาไปยืดกันให้สุดพลัง  บอกเลยเอาใจคนรักเมนูเกาหลี มีให้เลือกหลากหลายน่าลองทุกเมนู


ร้านอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมเกรดพรีเมี่ยม ร้านอาหารเกาหลีรสชาติอร่อยเเบบเกาหลีแท้ๆ ค่ะ มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายเเถมความพิเศษของร้านนี้ก็คือเป็นร้านอาหารที่มีสูตรเคล็ดลับความอร่อย เพราะเนื้อที่คัดสรรมาอย่างดี บวกกับเตาย่างที่ทันสมัย แถมบรรยากาศภายในร้านยังเป็นห้องแอร์ บอกได้เลยไม่มีคำว่าร้อนแน่นอน



เกาะกระแสสุขภาพกับเมนู King’s Bibimbup หนึ่งในเมนูยอดนิยมที่รสชาติโดดเด่นจากซอสสูตรเฉพาะของเรา พร้อมด้วยผักและสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่จะทำให้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายได้ มาชวน!! ส่งต่อความอร่อยในเมนูพระราชทานสุดพิเศษ ซึ่งจะผลิตและจำหน่ายเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายน เท่านั้น บูลโกกิ บราเธอร์ส ได้จัดเมนูพิเศษ “รอยัล บิบิมบัพ” ข้าวยำสไตล์เกาหลี

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาแนะใช้น้ำมันเมล็ดชาโครงการภัทรพัฒน์ เป็นส่วนประกอบในการปรุง โดยนำมาคลุกเคล้าใน เนื้อวัว เนื้อหมู และซีฟู้ด รวมไปถึงผักนานาชนิด จนเป็นข้าวยำสไตล์เกาหลีที่หอมอร่อย เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ในราคาเพียง 359 บาท

บูลโกกิ บราเธอร์ส ได้จัดเมนูพิเศษ “รอยัล บิบิมบัพ” ข้าวยำสไตล์เกาหลี

เต็มอิ่มไปกับเมนูปิ้งย่าง หรือเมนูหม้อไฟ ที่มีอาหารให้เลือกอย่างหลากหลาย และรสชาติอาหารแบบออริจินัลเกาหลี ที่ไม่เหมือนใครมาลิ้มลองลองความอร่อยแสนพิเศษกับ “รอยัล บิบิมบัพ” จากร้าน บูลโกกิ บราเธอร์สทั้ง2 สาขา (ชั้น8 โซนเฮลิกซ์ควอเทียร์ ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ และชั้น 2 ศูนย์การค้าสเปลล์ แอท ฟิวเจอร์พาร์ค)รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย มอบสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา





มาลองความอร่อยที่ลงตัวแบบนี้ได้ที่ BulgogiBrothers
ที่อยู่ The Emquartier อาคาร Helix ชั้น 8
เบอร์ติดต่อ โทร.098 246 0888 (ชั้น 8 ดิเอ็มควอเทียร์)
โทร.02 402 4545 (ชั้น 2 สเปลล์ แอท ฟิวเจอร์พาร์ค)
เวลา เปิด-ปิดเปิด ให้บริการ 11:30 -22:00 น.
ประเภทร้านKorean ( อาหารเกาหลี )
Facebook:
https://www.facebook.com/Bulgogi.Brothers.Thailand
http://bulgogibrothers.co.th/

 

 

Tommy Tang สุดยอดเชฟเซเลบฯ ระดับตำนานของดาราฮอลลีวู้ด

เจ้าของตำราการทำอาหารชื่อว่า
“อาหารไทยยุคใหม่”

สัปดาห์นี้ ขอชวนแฟนๆ รายการ  เชฟทัวร์ ครัวติดดิน Street  Chefs  มารู้จักและ พูดคุยกับเชฟอาหารไทย ขวัญใจฮอลลีวูด Tommy Tang (ทอมมี่ แทง) รายการน้องใหม่ “เชฟทัวร์ ครัวติดดิน Street Chefs”  เป็นรายการที่จะพาไปเฟ้นหาร้านอร่อยสุดๆ  ค้นหาวัตถุดิบสุดเด็ดประจำท้องถิ่นนั้นๆ แล้วนำมารังสรรค์เป็นเมนูใหม่จานพิเศษ  ด้วยฝีมือของเชฟทอมมี่ Tommy Tang หนึ่งในผู้บุกเบิกที่ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จัก นิยมในอเมริกา และทั่วโลก  ตั้งแต่เด็กจนโต จากการเดินทางไปเสี่ยงโชคที่ประเทศอเมริกา

Tommy Tang เริ่มด้วยการเป็นผู้จัดการวงดนตรีร็อก และ  Music Producer และมาเริ่มชอบทำอาหารมาตั้งแต่เริ่มงานในตำแหน่ง  ผู้จัดการร้านและเป็นเชฟร้านอาหารไทย ความสนใจในอาหารรสเลิศที่เพิ่มมากขึ้น กำลังช่วยยกระดับอุตสาหกรรมนี้ ทำให้บรรดาเชฟท้องถิ่นก็เรียนรู้เพิ่มขึ้นจากร้านอาหารในต่างประเทศ โดยใช้เวลาแค่เพียง 1 ปี แต่ในที่สุด Tommy Tang ได้ค้นพบว่าคำตอบสำหรับชีวิตที่แท้ของเขานั่นคืออาหาร ด้วยความสามารถและเป็นเอกลักษณ์ของ Chef Tommy Tang   อาหารไทยก็เป็นที่รู้จัก และนิยม โดยมีเหล่า Celebrities คนดัง ระดับฮอลลีวูด ติดใจกับอาหารไทยที่ Chef Tommy Tang ปรุง เช่น Jackson Browne, Earth Wind and Fire, Queen, Orson Wells, Cher, Tom Cruise, Robin Williams, Billy Crystal

Tommy Tang ทำงานและเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา  โดยในราวปี
คริสศตวรรษที่ 70  จบการศึกษาที่วิทยาลัยพาลอสเวอดี้ในรัฐแคลิอร์เนียภาคใต้ ประสบการณ์จากการได้รางวัลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในอเมริกา

-ผู้จัดการวงดนตรีร็อคและผู้อำนวยการผลิตงานเพลง

-ผู้บุกเบิกร้านอาหารและชอปปิ้งบนถนนเมลโรส ปี1986

-เจ้าของและเป็นเชฟทำอาหารที่ร้านอาหารไทย ชื่อร้านTommy Tang
ในเมืองเวสท์ฮอลลีวูด และ ที่นิวยอร์ค ดาราและผู้มีชื่อเสียง เช่น  แจ็กสันบราวน์วงดนตรีเอิร์ธวินด์แอนด์ไฟร์  วงดนตรีควีนวงดนตรีโรลลิ่งสโตนนักแสดงออร์สันเวลส์นักแสดงอย่างแฮริสันฟอร์ดโรเบิร์ทเดอนิโรทอมครูซโรบินวิลเลี่ยมส์บิลลี่คริสตัลเดวิดเลตเตอร์แมนมาเป็นลูกค้าขาประจำ และชื่นชอบอาหารไทยที่ร้านมาก

-เขียนตำราการทำอาหารชื่อว่า “อาหารไทยยุคใหม่” ได้พิมพ์ออกจำหน่ายในปี1991หนังสือเล่มนี้  ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือที่ให้ความกระจ่างของศิลปะในการเตรียมอาหารไทยยุคใหม่

Tommy Tang (ทอมมี่ แทง) รายการน้องใหม่ เชฟทัวร์ ครัวติดดิน Street Chefs

ในที่สุดได้มีการพิมพ์จำหน่ายซ้ำ รวมทั้งหมดแปดครั้งด้วยกัน ใน ปี 1995  สถานีโทรทัศน์ของ PBS USA ได้เชิญ คุณทอมมี่ ทำรายการการทำอาหาร การท่องเที่ยวรายการ TOMMY TANG’S   EASY THAI COOKING  จนกระทั่งรายการฮิตติดอันดับหนึ่งหลายปีติดกัน

Tommy Tang เชฟไทยที่โด่งดัง ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการทำรายการทีวีผ่าน PBS อเมริกาประเภทรายการการทำอาหารและการท่องเที่ยวที่ชื่อ  Tommy Tang – Easy Thai Cooking และTommy Tang- Let’s Get Cooking ทางสถานีโทรทัศน์ PBS อเมริกาแคนาดา  ด้วยเรตติ้งสูงสุดหลายปีติดต่อกัน

Tommy Tang (ทอมมี่ แทง) เชฟอาหารไทย ขวัญใจฮอลลีวูด

การเดินทางมาครั้งนี้  เพื่อถ่ายทำรายการ เชฟทัวร์ครัวติดดิน Street Chefs  ทีวีในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของ รายการ เชฟทัวร์ ครัวติดดิน Street Chefs ทางช่อง 7 สี  รายการที่เฟ้นหา สุดยอดร้านอร่อย และค้นหาสุดวัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วประเทศ แต่ละชนิดเป็นวัตถุดิบเด็ดประจำท้องถิ่นนั้นๆ  โดย เชฟอาหารไทย ขวัญใจฮอลลีวูด นำมารังสรรค์เป็นเมนูใหม่จานพิเศษ  ทั้งขั้นตอนการปรุงที่มีเทคนิคการจัดเตรียม ตั้งมีด เขียงแต่ละชนิดที่ใช้เตรียมอาหารก่อนปรุง จนจบขั้นตอนเป็นเมนูสุดยอดของแต่ละร้าน

เชฟทัวร์ครัวติดดิน Street Chefs   โดยมี  หนุ่มอนุวัต  และ ปุ้ม  เปรมสุดา
ทำหน้าที่พิธีกร  ทุกวันจันทร์ และ อังคารออกอากาศ เวลา 13.00 น.
ทางช่อง 7 สี

เปิดตำนานเชฟชื่อดัง เม็กซิกาโน่

เปิดตัว “Carlos’s Creation Menu”
พร้อมเสิร์ฟเมนูสุดพิเศษ เป็นประจำทุกเดือน
ที่ทุกท่านต้องห้ามพลาด!

เปิดตำนานอาหารแม็กซิกัน รสต้นตำรับ พร้อมเทคนิคการปรุงอาหารแบบ
โมเดิร์สุดอลังการ “เม็กซิกาโน่” (Mexicano) ห้องอาหารเม็กซิกันที่มีชื่อเสียงระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์​โดยโรงแรมแรมแบรนดท์ กรุงเทพฯ ​เพิ่มความจัดจ้านบทใหม่ให้กับอาหารเม็กซิกันแท้

เปิดตัว  Carlos’s Creation Menu  เมนูสุดว้าว!  ที่จะรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ให้สายชิมได้ลิ้มรสกันเป็นประจำทุกเดือน แบบไม่ซ้ำ โดย “เชฟคาร์ลอส  บราโว” เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน พร้อมสาดสีสันความสนุกสนานให้มากกว่าที่เคย ด้วยความบันเทิงแปลกใหม่ ซัลซ่าแดนซ์  (Salsa Dance)  ที่จะทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นเต้นตาม ซึ่ง “เม็กซิกาโน่” เติมเต็มช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือนได้รับประทานอาหารอร่อย รสชาติดี พร้อมได้พักผ่อนแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ภายใต้กลิ่นอายของบรรยากาศงานรื่นเริงที่มีแต่ความสนุกสนาน

เชฟคาร์ลอส บราโว เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน

“เชฟคาร์ลอส  บราโว” เม็กซิกันเชฟชื่อดังในตำนาน

เม็กซิกาโน่ (Mexicano) ห้องอาหารเม็กซิกัน ที่มีชื่อเสียงระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ ​เป็นห้องอาหารยอดนิยม ที่มีบริการที่เป็นกันเอง สัมผัสกับอาหารแม็กซิกันรสต้นตำรับแบบพรีเมี่ยมที่ทั้งอร่อยกว่าและหลากหลายกว่าอาหารแม็กซิกันแบบทั่วๆ ไป ​เพิ่มความจัดจ้านบทใหม่ให้กับอาหารเม็กซิกันแท้

“Carlos’s Creation Menu” จะถูกรังสรรค์ขึ้นโดย “เชฟคาร์ลอส บราโว” มาสเตอร์เชฟแห่งห้องอาหารเม็กซิกาโน่ ผู้มีสัญชาติเม็กซิกันแท้ ๆ และคร่ำหวอดในวงการอาหารมาอย่างยาวนาน โดยจะถ่ายทอดฝีมือของเขาสู่เมนูพิเศษในแต่ละเดือนแบบไม่ซ้ำกัน และจัดจ้านกว่าเดิม ตั้งแต่ขั้นตอนการเฟ้นหาวัตถุดิบที่แปลกใหม่และมีคุณภาพมากที่สุด วิธีปรุงที่พิถีพิถัน และวิธีการนำเสนออาหารแต่ละจานที่ครีเอทมากยิ่งขึ้นจนต้องอยากมาเช็คอิน

นอกจากนั้น Mexicano Restaurante  มีเครื่องดื่มให้เลือกนานาชนิด
ดนตรีสดจากวงแม็กซิกันด้วยแถมด้วยวงดนตรีแม็กซิกันที่มาร้องเพลงให้
ฟังกันแบบสดๆ สนุกสุดเหวี่ยงไปกับวงดนตรีละตินของเราที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมเวลา วงดนตรีสดสไตล์ละติน แบบฟูลแบนด์ แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่จะมาโชว์พลังเสียงอันเร้าใจเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งความบันเทิง   และโชว์สุดพิเศษในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อย่าง ซัลซ่าแดนซ์ (Salsa Dance) ที่จะทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นเต้นตาม

 

มาลองอร่อยไม่ซ้ำใครสุดยอดอาหารแม็กซิกันรสต้นตำรับ ทุกคนต้องห้ามพลาด  ต้นตำรับที่ดีที่สุดประกอบกับกรรมวิธีการปรุงอาหาร วัตถุดิบและการจัดจานแบบโมเดิร์นโดยเชฟ Carlos’s Creations  ด้านเมนูอาหารต่างติดใจในรสชาติเผ็ดๆ แถมยังทำให้ลิ้นชา แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ที่มาของและเครื่องดื่มก็อลังการไม่แพ้บรรยากาศร้าน มาชมความพิเศษของเมนูอาหารและเครื่องดื่มกับความแปลกใหม่ทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบ กรรมวิธีการปรุงแบบสมัยใหม่และการจัดจานที่สวยงามมากๆ

Mr.Eric Hallin : General Manager Rembrandt Hotel@Towers Bangkok
เชฟคาร์ลอส บราโว” มาสเตอร์เชฟแห่งห้องอาหารเม็กซิกาโน่ ผู้มีสัญชาติเม็กซิกัน
ซัลซ่าแดนซ์ (Salsa Dance)

เครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ “เม็กซิกาโน่” คัดสรรบรรดาเตอร์กีล่า ชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกันไว้ที่บาร์แห่งนี้ ​ โดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์จะแสดงลีลาวาดลวดลายภายในบริเวณบาร์ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด เมนูเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้ของเม็กซิกาโน่ ได้แก่ La Hacienda Margarita , Margarita El Rey, Copa Especial La Hacienda and La Fruta Margarita และ Mexicano’s Pisco Sour

มาชมเมนูอาหารสุดพิเศษเซ็ตแรก ต้อนรับซัมเมอร์ เดือนเมษายน 2561
1 CAMARONES EN AGUACHILE Y TARTAR DE AGUACATE กุ้งแช่อิ่มกรุบกรอบกับอะโวคาโดทาร์ทาร์รสกลมกล่อม

2.GORDITA DE COCHINITA PIBIL
แป้งข้าวโพดทอดสอดไส้หมูผัดปรุงรสจัดจ้าน

3.HUACHINANGO CON ALMEJAS Y CHORIZO A LA VERACRUZANA
ปลากะพงแดงเนื้อชุ่มฉ่ำกับหอยสด ๆ และไส้กรอกโชริโซสไตล์เบรากุซ

4.FILETE DE RES CON MOLE NEGRO Y HABANERO
เนื้อสันในนำเข้าเกรดพรีเมี่ยมย่างจนหอมกรุ่น เสิร์ฟมาพร้อมซอสแบล็คโมล และพริกฮาบาเนโร

5.TORRIJA DE TRES LECHES
เค้กสุดนุ่มชุ่มช่ำไปด้วยนม ขนมหวานสไตล์เม็กซิกันแท้

โดยรวมแล้ว อาหารแม็กซิกันของ Mexicano Restaurante อร่อยง่าย เฉียบขาดด้วยรสชาด และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว  @REMBRANDT HOTEL BANGKOK, สุขุมวิท 18 อาหารจานเด่นของแม็กซิโกที่หลายคนอาจจะพอรู้จัหรือแม้แต่เป็นเมนูโปรด ด้วยความง่ายและอร่อยเครื่องเคียงที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ ในอาหารเม็กซิกัน กลิ่นอายแม็กซิกัน ที่รสชาดจัดจ้าน ไม่แพ้สีสัน

ห้ามพลาด หากไปเยือนเพราะความพิเศษของร้าน Mexicano Restaurante ตั้งแต่บรรยากาศร้านที่ชั้น4 ของโรงแรม พร้อมกับการตกแต่งร้านแบบแม็กซิกันของ Mexicano Restaurante ที่ผสมผสานกับการตกแต่งสไตล์สมัยใหม่ที่สวยจนสามารถเป็นแลนมาร์คย่อมๆ ที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ถูกปากชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแน่นอน

ชวนเพื่อนๆ ชิมอาหารแม็กซิกันแบบต้นตำรับภายใต้บรรยากาศแบบแม็กซิกันแท้ๆ มาชนแก้วด้วยเครื่องดื่มสุดพิเศษ เม็กซิกาโน่” ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแรมแบรนด์ กรุงเทพฯ (ชั้น 1) สุขุมวิท ซอย 18 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 – 24.00 น.​ มีวงดนตรีเม็กซิกันบรรเลงสดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) นอกจากนั้น ยังมี “เอล บรันซ์” (El Brunch) ให้เลือกอิ่มอร่อยในมื้อสายทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 ­– 15.00 น.
ราคา 800​ บาท และ  เด็ก ราคา 200 บาท

บริการจัดเลี้ยงส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และเทศกาลอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี สำรองที่นั่ง  โทร. 02 261 7100 mexicano@rembrandtbkk.com
Website: http://www.rembrandtbkk.com/restaurants/
Facebook: https://www.facebook.com/Mexicanobkk

ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นของร้านเม็กซิกาโน่ และ โรงแรมแรมเบรนดท์
สุขุมวิท 18กรุงเทพฯ
https://www.rembrandtbkk.com/restaurants/ และ www.facebook.com/rembrandtbkk

#mexicanobkk #rembrandtbkk #mexicanfood #foodie #bangkok #mexican #brunch #family

For advance reservations email us at
Location: โรงแรม Rembrandt Hotel Bangkok, สุขุมวิท 18