Category Archives: Food and Drink

Paulaner Garden Srinakarin ร้านอาหาร สไตล์เบียร์การ์เด้นแห่งแรกในประเทศไทย

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารเยอรมันยอดนิยมที่นักชิมต่างรู้จักเป็นอย่างดีมากว่า 16 ปี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการเสาะหาอาหารอร่อยของเจ้าของร้านในฐานะนักชิม นำมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อส่งมอบความสุขจากอาหารดี ๆ ผสมผสานกับความชื่นชอบร้านอาหารที่มีความโปร่ง โล่ง นั่งสบาย เหมือนนั่งในสวนหน้าบ้าน ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน

การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไป ความสบายใจที่หาได้จากธรรมชาติ ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับสไตล์ New Normal ที่ต้องดูแลสุขภาพและป้องกันโควิด นักชิมไม่ต้องกังวล เพราะ ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์ ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง พร้อมด้วยเจลแอลกอฮอล์และ อุปกรณ์วัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน ที่สำคัญที่สุดเป็นร้านอาหารที่ได้รับ SHA มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้อีกระดับหนึ่งอย่างไรก็ตามด้านให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์เยอรมัน Paulaner Garden คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น คอเบียร์ หรือคนที่ชื่นชอบอาหารในสไตล์บาวาเรียน แถมยังได้เพิ่มเติมเมนูอาหารไทยที่โดนใจนักชิม

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ เมนูต่างๆ อร่อยติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คอนเซ็ปต์ร้าน และเมนูอาหารที่ยังคงโดดเด่นเหมือนเดิม และยังได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางส่วน เช่น บริการพิเศษส่งอาหารบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงที่บ้าน บรรยากาศในร้าน นอกจากจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นเยอรมันแล้ว ยังมีจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารพอลลาเนอร์ นั่นก็คือ เสาบริเวณหน้าร้าน ที่เรียกว่า May Pole ซึ่งบนเสาจะมีรายละเอียดแสดงถึงสัญลักษณ์โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ของแคว้นบาวาเรียน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ที่ร้านพอลลาเนอร์ สาขาศรีนครินทร์ เท่านั้น เดิมทีร้าน Paulaner Garden ตั้งอยู่ย่านแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ย่านศรีนครินทร์ เป็นร้านใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังคงความอร่อยและเต็มไปด้วยความสุขเช่นเดิม

กานต์พิชชา คงสมบัติ ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์

นอกจากความพิเศษอันดับหนึ่งของ Paulaner Garden น่าจะอยู่ที่ “บรรยากาศ” ส่วนโดยรอบร้านด้านหน้าร้าน มีที่นั่งทานอาหารสบายๆ ในสวน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศช่วงเวลาแห่งความสุข รวมถึงด้านในร้านเองมีการจัดวางโต๊ะอาหารตามโซนต่างๆ ถึง 2 ชั้น ให้บริการได้ถึง 80 ที่นั่ง พร้อมกับการเพลิดเพลินไปกับภาพบนผนัง ที่สื่อเรื่องราวขบวนการผลิตเบียร์ สีสันงานเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวบาวาเรียน หรือเทศกาลงานเลี้ยงมีการตั้งชื่อต่าง ๆ และยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน ทางร้านมีห้องไวน์เซลล่า เพื่อรองรับการประชุมหรือสังสรรค์ จัดกิจกรรมต่างไว้บริการด้วย และเครื่องดื่ม เบียร์เยอรมันและอังกฤษหลากหลายชนิด ให้ลิ้มลองทั้งของ Paulaner ,Hacker Pschorr , Fuller’s ,St Austel , Smuel Smith ,Cornish Cider และ Wine , เบียร์สดดื่มอย่างจุใจ

“กานต์พิชชา คงสมบัติ” ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากกลับมาเปิดเหมือนเดิมหลังจากปิดชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทางร้านได้การรับรองมาตรฐาน SHA และตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า มีการจัดโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง พนักงานในร้านผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส ทุกสุดสัปดาห์ทางร้านจะมีตรวจ ATK ให้กับพนักงาน ลูกค้าที่เข้าร้านต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” และตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิด้านหน้าร้าน ส่วนภายในร้านมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และมีบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการในทุกมุมของร้าน รวมถึงในห้องน้ำ นอกจากนั้น ทางร้านยังได้เตรียมช้อน มีด ส้อม ทิชชู ใส่ซองแยกเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกคน

เมนูไฮไลท์พอลลาเนอร์ การ์เด้นท์
-ไส้กรอก บาวาเรียน (Bavarian Sausage) เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งผัดเบคอนและซาวเคราท์ ซึ่งภายในจานจะมีไส้กรอก 3 ชนิด ประกอบด้วย ทูริงเจอร์ เป็นไส้กรอกที่ม้วนเป็นกลมๆในจาน ไส้กรอกชีส และ เยอรมันบราทเวิร์ส เนื่องจากทางร้านสั่งทำเฉพาะทางร้านพอลลาเนอร์การ์เด้นท์เท่านั้น และคิดค้นสูตรไส้กรอกตั้งแต่ร้านเปิดมา ซึ่งใช้เวลาลองผิดลองถูก จนมาลงตัวด้วยรสชาติที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรเยอรมันนานาชนิด และมีเนื้อนุ่มมากเป็นพิเศษ และที่พิเศษก่อนเสิร์ฟไส้กรอกทางร้านจะนำไปต้มก่อนเพื่อรีดไขมันออก จากนั้นจึงนำไปย่าง เมื่อกินไส้กรอกจะไม่เลี่ยน

ขาหมูเยอรมัน สูตรเพื่อสุขภาพ เพราะผ่านขบวนการทำกว่า 3 ชั่วโมง ด้วยเคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพหรือเรียกว่า ขาหมูรีดมัน ด้วยวิธีการหมักกับเครื่องเทศอย่างดีนำไปต้มจนสุกแล้วนำเข้าเตาอบ แถมยังมีการเพิ่มเบียร์เยอรมันเข้าไปผสมผสานเพิ่มความหอม และเพิ่มความนุ่มเป็นพิเศษ รับรองได้ว่าไม่เหมือนใคร การันตีความอร่อยด้วยการโทรจองล่วงหน้า จะได้ทานขาหมูเยอรมันที่อร่อยเลิศ กรอบนอก นุ่มใน และกรอบนาน อร่อยได้อย่างแน่นอน เสิร์ฟพร้อมด้วย น้ำจิ้ม 3 สูตรเด็ด สุดแซ่บเวอร์ โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ด

ขาหมูเยอรมัน

เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ เสริฟคู่กับตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน อบใหม่ร้อนๆ

ตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน
เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ
ขนมปังเพรสเซล
-พล่าปลาแซลมอนสด

-พล่าปลาแซลมอนสด พล่าแซลมอนเนื้อปลาแลมอนชิ้นโต คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงพล่ารสจัดจ้านแบบไทยๆ จานนี้เด็ด มาต้องสั่งเหมือนกัน

สปาเก็ตตี้

แอปเปิ้ลสตูเดิล เป็นขนมแบบดั้งเดิมของประเทศออสเตรีย มีส่วนผสมของ
แอปเปิ้ล ห่อด้วยแป้งพายพับอบกรอบแผ่นบางคล้ายแป้งฟิโล เสิร์ฟคู่ไอศครีมวนิลา อร่อยรสชาติไม่หวานมาก

แอปเปิ้ลสตูเดิล

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเพื่อสุขภาพอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่ พิซซ่า ซึ่งเป็นพิซซ่าแผ่นสี่เหลี่ยม เป็นแบบเฉพาะของที่ร้านแป้งบางๆ มีหลายหน้าให้เลือกลิ้มลอง เช่น พิซซ่าเจหรือพิซซ่าหน้าผัก ที่อัดแน่นไปด้วย มะเขือเทศ ผักโขม หอมใหญ่ หอมดอง เห็ดแชมปิญอง นอกจากนี้ ยังมีพิซซ่าหน้าซีฟู๊ด เซลามี่ พามาแฮม หรือ พิซซ่าหน้าแซลมอนสด ทางร้านเลือกใช้แซลมอน เกรดพรีเมียมจากนอร์เวย์สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ วางบนแผ่นพิซซ่า เป็นอีกเมนูที่อยากให้มาลิ้มลอง

รวมถึงเมนูเด็ดยอดนิยมที่กำลังมาแรงเช่น สปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้งกระเทียม เป็นเมนูขายดีถูกใจคนไทย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่รวม 3 สัญชาติไว้ด้วยกัน เพราะมีเส้นสปาเก็ตตี้จากอิตาเลียน ไส้กรอกจากเยอรมัน และพริกแห้งและกระเทียมจากไทย น้ำมาผัดกับน้ำมันมะกอก ปรุงรสจัดจ้านแบบไทยๆ เส้นเหนียวนุ่มกลิ่นหอมของชีสและเผ็ดนิดๆ ทางร้านยังมีเด็ดมากมายเช่น ลาบแซลมอนทอด พล่าปลาแซลมอนสด, ยำขาหมูพอลาเนอร์, ยำเห็ดสามอย่าง หอยแมลงภู่ชิลีผัดเบียร์ดำ ที่ต้องลอง และไม่ลืมปิดท้ายความสุขด้วย ของหวานจานโปรดที่ขายดิบขายดี คือ แอปเปิ้ลสตูลเดิ้ล เป็นเมนูของหวานสไตล์เยอรมัน ด้านในเป็นแอปเปิ้ลผัดกับชินเนม่อน ห่อด้วยแป้งและอบจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาหรือช็อคโกแลต ซึ่งสามารถเลือกรสชาติไอสกรีมได้ หรือ ช็อคโกแลต
บราวนี่ ที่เสิร์ฟกับไอศกรีมวนิลลา จนอยากลิ้มลองเสียทั้งคู่

นอกจากจะเปิดบริการตามปกติแล้ว ทางร้านยังรับจัดงานนอกสถานที่ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้านด้วย เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มส่วนตัว หรือจัด
อีเว้นท์ได้ในบรรยากาศสไตล์เยอรมันเหมือนได้ไปกินที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ส่วนในร้านและในสวน นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับรองรับได้ประมาณ 25 ท่าน พร้อมชุดคาราโอเกะไว้บริการอีกด้วย

พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. 2 ชั่วโมงเต็ม นักชิมจะได้เพลิดเพลินฟังเพลงไพเราะ ไปกับวงดูโอ ศิลปินจากเวทีประกวดเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ( บัง & เขี้ยว ) ทั้งดนตรีไทยและสากลให้ได้ฟังกันอย่างเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศในสวนสวยสบายๆ สไตล์เยอรมัน เหมาะกับการพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนๆ ในวันสุดสัปดาห์

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ https://www.youtube.com/watch?v=2v3AY_HtHtY

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์
ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 9 แยก 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

ที่ร้านมีบริการเดลิเวอรี่
เปิดบริการ 16.00-23.00 น. โทร. 08 2790 1782
พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. (2 ชั่วโมงเต็ม)

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.paulaner-garden.com

“ตามรอยพ่อฯ” แจงผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตลอด 9 ปี สร้างการรับรู้ดีเกินคาด
ก่อให้เกิดการตื่นตัวทุกวงการ ย้ำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้วิกฤตได้อย่างยั่งยืน


เครือข่ายคนมีใจทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานพร้อมออกร้านผลผลิต ณ สวนล้อมศรีรินทร์ พื้นที่ร่วมโครงการปีแรก
โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) จัดงานสรุปผลความสำเร็จหลังดำเนินงานมาครบ 9 ปี โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 – 2564 และมีผลการดำเนินงานดีเกินคาด ทั้งด้านการสร้างคนมีใจ เครือข่าย และศูนย์การเรียนรู้ที่เป็นไปตามเป้าหมาย และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีหรือการลงแขกในพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก ทำให้แนวคิดในการนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปลงมือปฏิบัติแผ่ขยายแตกตัวไปทั่วทั้ง 22 ลุ่มน้ำในประเทศ เกิดการรับรู้และกระแสความตื่นตัวที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกัน รวมถึงเกิดแรงกระเพื่อมสู่การเปลี่ยนเชิงนโยบาย

ทั้งนี้ งานสรุปผลดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยเครือข่ายจากทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานและนำผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปร่วมออกร้าน พร้อมจัดกิจกรรมอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา และฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้วิกฤตได้จริง พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งต่อองค์ความรู้และแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ต่อไป

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ทรงแสดงความห่วงใยต่อปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 ด้วยความร่วมมือระหว่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน โดยได้น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่สู่การปฏิบัติ เป้าหมายเพื่อหยุดท่วม หยุดแล้งในลุ่มน้ำป่าสักอย่างยั่งยืน จนสามารถสร้างรูปธรรมตัวอย่างความสำเร็จและการขยายผลครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ โดยการดำเนินงานเริ่มจากการสร้างพื้นที่ต้นแบบ รวมทั้งบุคคล ชุมชน และโรงเรียนต้นแบบ แล้วจึงขยายผลออกไปสู่ลุ่มน้ำอื่น ทั่วประเทศ”
ทั้งนี้ โครงการมีกรอบการดำเนินงาน 9 ปี แบ่งเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 3 ปี โดยระยะที่ 1 พ.ศ. 2556 – 2558 คือ ระยะตอกเสาเข็ม เป็นการสร้างการรับรู้ และสร้างตัวอย่างความสำเร็จหลากรูปแบบทั้ง บุคคล ชุมชน โรงเรียน และสร้างศูนย์เรียนรู้ สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 1 สร้างการรับรู้ด้วยการเดินทางวิ่ง-เดิน-ปั่น กว่า 900 กิโลเมตร ในพื้นที่ 5 จังหวัด มีอาสาสมัครและคนมีใจร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน
• ปีที่ 1 พ.ศ. 2556 เป็นกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นรณรงค์ ”จากปลายน้ำสู่กลางน้ำ สร้างหลุมขนมครกในแบบโคก หนอง นา โมเดล หยุดท่วมหยุดแล้งอย่างยั่งยืน” จากกรุงเทพฯ ถึง จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.สระบุรี
• ปีที่ 2 พ.ศ. 2557 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก เปลี่ยนเขาหัวโล้นเป็นเขาหัวจุก” ที่ จ.เพชรบูรณ์
• ปีที่ 3 พ.ศ. 2558 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก ในแบบของคุณ” ที่ จ.ลพบุรีและ จ.เพชรบูรณ์
กรอบการดำเนินงานในระยะที่ 2 พ.ศ. 2559 – 2561 คือ ระยะแตกตัว เป้าหมายเป็นการขยายผลในระดับทวีคูณ สร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือในการยกระดับศูนย์เรียนรู้สู่การศึกษาตลอดชีวิต (บ้าน วัด โรงเรียน หรือ บวร) สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 2 สร้างพื้นที่ต้นแบบ 8 แห่งใน 8 จังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน และเกิดศูนย์การเรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด
• ปีที่ 4 พ.ศ. 2559 คือ การสร้างหลุมขนมครก ”ป่าสักโมเดล” ในพื้นที่ “ห้วยกระแทก” ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ ซึ่งเป็นหลุมขนมครกขนาดพื้นที่ 600 ไร่ และเป็นหลุมขนมครกที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดจากการรณรงค์ของโครงการ
• ปีที่ 5 พ.ศ. 2560 ”แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ในสภาพภูมิสังคมที่แตกต่าง โดยร่วมสร้าง ”เพลิน area” ที่แปลงเกษตรสาธิต คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร, สร้างพื้นที่เรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชาที่ไร่สุขกลางใจ จ.ราชบุรี, สร้างต้นแบบจากชาวบ้านสู่ความร่วมมือ 7 ภาคี ด้วยพลังเอามื้อสามัคคี โดยการรวมกลุ่มของชาวบ้านคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี และสร้างพื้นที่ต้นแบบหลุมขนมครกบนพื้นที่สูง “คนอยู่ ป่ายัง อย่างยั่งยืน” ที่ห้วยป่ากล้วย และศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ (บวร.) วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
• ปีที่ 6 พ.ศ. 2561 “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี“ จากลุ่มน้ำป่าสักสู่ลุ่มน้ำอื่น ๆ สร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชากลางเมืองหลวง ที่ฐานธรรมพระรามเก้า กรุงเทพมหานคร สร้างหลุมขนมครกและเรียนรู้การทำสวนเกษตรอินทรีย์ ที่ จ.จันทบุรี ร่วมสร้าง “หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ชุมชนกสิกรรมวิถี” จ.สระบุรี และร่วมสร้างพื้นที่เรียนรู้ หลุมขนมครกบนพื้นที่สูง เปลี่ยนผู้บุกรุกมาเป็นผู้พิทักษ์ ที่ จ.น่าน
สุดท้ายกรอบการดำเนินงานในระยะที่ 3 พ.ศ. 2562 – 2564 คือ การขยายผลเชื่อมโยงทั้งระบบ เป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย มี 7 ภาคีระดับชาติเข้าร่วม ได้แก่ ภาครัฐ วิชาการ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน ศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อยกระดับสู่การแข่งขัน วางรากฐานการพัฒนามนุษย์ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำ เชื่อมโยงทั้ง 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ
• ปีที่ 7 พ.ศ. 2562 จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้แนวคิด “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จากต้นน้ำป่าสักสู่การสร้างแม่ทัพแห่งลุ่มน้ำ โดยจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่ จ.เลย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำป่าสัก และกิจกรรมทัศนศึกษาที่ จ.ลำปาง เป็นพื้นที่ที่เชฟรอนประเทศไทยร่วมกับศูนย์บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขปัญหาประเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดทำโครงการวิจัย “การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย การติดตามและประเมินผลเพื่อบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีส่วนร่วม” เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ได้มีการออกแบบและปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ไปแล้ว ให้เป็นระบบและได้มาตรฐานทางวิชาการ โดยนำผลสรุปจากโครงการวิจัยมาประมวลผลในมิติต่าง ๆ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และมิติทางสภาพแวดล้อม
• ปีที่ 8 พ.ศ. 2563 “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเพื่อฟื้นฟูและปกป้องพื้นที่ป่าต้นน้ำแจ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลุ่มน้ำปิง จ.เชียงใหม่ กิจกรรม “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต หรือ CMS (Crisis Management Survival Camp) เพื่อสร้างความรู้ความตระหนักแก่ประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วม น้ำแล้ง โรคระบาด และสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก โรงเรียนสงครามพิเศษ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (วัดใหม่เอราวัณ) จ.ลพบุรี และสร้าง “โคก หนอง นา ชัยภูมิโมเดล” ที่ศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม จ.ชัยภูมิ
• ปีที่ 9 พ.ศ. 2564 “9 ปีแห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน” มีทั้งแคมเปญ “รวมพลังสู้โควิด-19” กิจกรรมช่วยน้ำท่วมที่ จ.สระบุรี และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีแปลง “เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี” ที่ จ.นครราชสีมา และแปลง “โคกหนองนา โปรดปัน” จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการสร้างแหล่งความรู้และเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล
สรุปผลสำเร็จของการดำเนินงานโครงการตามรอยพ่อฯ 9 ปี ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนได้ดังนี้
• การ “สร้างคน” มีผู้เข้าอบรมและดูงานในศูนย์ฯ ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติตลอดระยะเวลาของการดำเนินงานโครงการ พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำป่าสัก 489,984 คน พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำอื่น ๆ 826,280 คน รวมทั้งสิ้น 1,316,264 คน
• การ “สร้างครู” สร้างวิทยากร และครูพาทำในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ในลุ่มน้ำป่าสักรวม 124 คน นอกลุ่มน้ำป่าสัก 9 คน รวมทั้งสิ้น 133 คน
• การ “สร้างศูนย์เรียนรู้” มีศูนย์เรียนรู้ที่เกิดจากโครงการ 11 แห่ง อยู่ในลุ่มน้ำป่าสัก 8 แห่ง และนอกลุ่มน้ำ ป่าสัก 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ห้วยกระแทก) “ป่าสักโมเดล” จ.ลพบุรี, บ้านพึ่งพาตนเอง “ฟากนา ฟาร์มสเตย์” จ.เลย, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายอดิศร จ.สระบุรี, ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล หรือ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเองเอาชนะยาเสพติด จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ วัดใหม่เอราวัณ จ.ลพบุรี, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านพะกอยวา จ.ตาก, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสุรินทร์ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้ดูงานทั้งหมดของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทั่วประเทศมีอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก 12 แห่ง และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ 58 แห่ง รวม 70 แห่ง

https://www.youtube.com/watch?v=M8EWjY1ncGk

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร กล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการประสบผลสำเร็จอย่างดีทั้งในแง่ปริมาณในการสร้างคน สร้างครู สร้างศูนย์เรียนรู้ ส่วนสัมฤทธิผลในเชิงคุณภาพนั้นได้ผลดีเกินคาด การแตกตัวขยายผลครอบคลุมลุ่มน้ำทั่วประเทศ สร้างแรงกระเพื่อมที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เริ่มจากการสั่งการจากผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นให้ดำเนินการอบรมให้ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ภายในหน่วยทหาร และยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ และโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบในโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอดตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ‘โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง’ ของกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย

“จากการดำเนินอย่างต่อเนื่อง 9 ปีของโครงการ ‘ตามรอยพ่อฯ’ ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์ใช้ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเหมาะสม จะสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน” ดร.วิวัฒน์กล่าวสรุป

นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึงการสรุปผลความสำเร็จว่า “เชฟรอนประเทศไทยได้ร่วมจัดทำโครงการมาตลอดระยะเวลา 9 ปี โดยที่ผ่านมาเราได้เห็นผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพว่าโครงการได้เข้าไปช่วยในการให้ความรู้ สร้างตัวอย่าง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเป็นล้าน ๆ ทั่วประเทศ ทั้งในด้านการอนุรักษ์และอยู่ร่วมกับป่า การนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้เพื่อการพึ่งพาตนเองได้ และยังสร้างแหล่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ทั้งผ่านการสร้างศูนย์เรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด รวมถึงการสร้างศูนย์กลางการแบ่งปันความรู้แบบออนไลน์แก่ผู้ที่สนใจ

โดยเราได้สร้างเนื้อหาในสื่อออนไลน์มากมายที่เป็นประโยชน์ อาทิ การจัดทำบทเรียน ‘คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ’ ในรูปแบบบทความและวีดิทัศน์บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ รวม 14 บท เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำองค์ความรู้ไปลงมือทำเองได้ และยังได้สร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 246,900 คน


เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโครงการด้วยช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ทั้งเวบไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์
“พนักงานของเชฟรอนประเทศไทยเองกว่า 2 พันคน ก็ได้เข้าร่วมอบรมเรียนรู้ และร่วมกิจกรรมเอามื้อของโครงการอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่นำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาไปลงมือทำที่บ้านเกิดเมื่อเกษียณจากการทำงานประจำ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับองค์กรและพนักงานเชฟรอนที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการน้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มารณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทั่วไป จนเกิดแรงบันดาลใจนำไปลงมือปฏิบัติ และได้ร่วมผลักดันขับเคลื่อนจนเกิดเป็นแรงกระเพื่อมอย่างมากมายในสังคมไทย” นายอาทิตย์กล่าวสรุป


นอกจากนี้ มาตรวัดความสำเร็จในเชิงคุณภาพที่สำคัญอีกประการ คือ การสร้างคนมีใจที่ตอบโจทย์ “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน คือ การมีความรู้คู่คุณธรรมและการใช้ชีวิตอย่างพอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น และระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า คือ บุญ, ทาน มีเหลือกินเหลือใช้ก็แบ่งปัน, เก็บ รักษาเคล็ดลับวิชาภูมิปัญญา, ขาย, ข่าย (กองกำลังเกษตรโยธิน) ซึ่งเกิดเป็นตัวอย่างบุคคลผู้ประสบความสำเร็จตาม “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ที่มานะบากบั่นลงมือทำจนทำให้หยุดท่วมหยุดแล้งในพื้นที่ของตัวเอง เกิดการพึ่งพาตัวเองได้ หลุดพ้นจากความยากจน และรอดจากวิกฤตด้วยศาสตร์พระราชา ได้แก่ พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, แสวง ศรีธรรมบุตร (ลุงแสวง) ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย), และประวีณ ศิราไพบูลย์พร (ติ่ง) 2 พี่น้องชาวปกาเกอะญอ แห่งไร่ไฮ่เฮา ไร่ติ่งตะวัน จ.ลำปาง เป็นต้น


ทั้งนี้ งานสรุปผลจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของนายบุญล้อม เต้าแก้ว ที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยนอกจากการออกร้านของเครือข่าย ยังมีกิจกรรมฝึกอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา เบื้องต้น และฐานการเรียนรู้ 4 ฐาน ได้แก่ ฐานคนมีน้ำยา สอนทำน้ำยาอเนกประสงค์ แชมพู, ฐานคนรักษ์แม่ธรณี สอนทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ, ฐานเพาะเห็ดตะกร้า, ฐานเพาะผัก นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้จริง โดยแต่ละท่านได้กล่าวถึงเปลี่ยนแปลง หลังจากร่วมโครงการ รวมทั้งความตั้งใจสานต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา ดังนี้

ศิลา ม่วงงาม (ครูศิลา) ประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชน บ้านหินโง่น อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 2 กล่าวว่า “จากเดิมที่มีการทำเกษตรแบบโคก หนอง นา แค่ 2 ราย ปัจจุบันมีคนทำเพิ่มขึ้นมากถึง 3-4 เท่าตัว สมัยก่อนเส้นทางระหว่างบ้านหินโง่นถึงบ้านสักง่า ระยะทาง 8 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด แต่ปัจจุบันมีไม้ผลขึ้นเต็ม 2 ข้างทาง เช่น ทุเรียน เงาะ ส้มโอ เป็นต้น และชาวบ้านยังปลูกไม้ยืนต้นมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2558 ผมได้จัดกิจกรรมทำฝายชะลอน้ำ 89 สายถวายพ่อ ที่ห้วยส้านซึ่งเป็นลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้านหินโง่น แล้วไหลลงแม่น้ำป่าสัก ซึ่งตอนนี้ห้วยนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ดีมากเลย ผมมีความตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพราะได้เห็นประจักษ์แล้วว่า ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน”


พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก ผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 8 สามัคคี อ.เมือง จ.ลพบุรี ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 3 กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องและการสนับสนุนอย่างจริงจังของโครงการ ทำให้การแตกตัวในการเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก ในการสืบสานศาสตร์พระราชาเรายังทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการรวบรวมเครือข่ายคนมีใจขับเคลื่อนเป็นระดับภาค และระดับประเทศต่อไป โดยจะทำแบบใกล้ชิดกว่าเดิม มีการประชุมวางแผนงานบ่อยขึ้น มีการลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องมากขึ้น มีการจัดทัพแบบกระชับองค์กร เพื่อเข้าถึงปัญหาและแก้ไขในทุกจุดอย่างรวดเร็ว มีการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น เราจะสืบสานต่อไปให้รุ่น 2 รุ่น 3 เหมือนที่อาจารย์ยักษ์วางไว้ค่ะ”


บัณฑิต ฉิมชาติ (หัวหน้าฉิม) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 6 กล่าวว่า “ตอนนี้ชาวบ้านมีข้าวกินทั้งหมู่บ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมกลายป็นเทวดาของชาวบ้านไปแล้ว ทุกครั้งที่เจอผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะเข้ามากอด ผมดีใจและตื้นตันใจมากครับที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้พวกเขาได้ ชาวบ้านลดการปลูกข้าวโพดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ได้รับพื้นที่ป่าของอุทยานคืนมา 3,000 กว่าไร่ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนชาวบ้านต้องเตรียมเงินไว้ปีละประมาณ 5,000 บาท เพื่อซื้อข้าวกิน แต่ปัจจุบันพื้นที่ทำกิน 3-5 ไร่ของพวกเขาก็สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวได้ มีข้าว มีปลา มีผักกิน ไม่ต้องเสียไปเงินซื้อ ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อก่อนชาวบ้านต้องซื้อข้าวหัก ๆ กิน เดี๋ยวนี้ชาวบ้านปลูกข้าวพันธุ์ภูฟ้าซึ่งเป็นข้าวขาวที่สวยมากไว้กินเอง เหลือก็แบ่งปันกันในชุมชน ชาวบ้านหลุดพ้นจากความยากจนอดอยาก”


กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย) เจ้าของพื้นที่ “ไร่ไฮ่เฮา” อ.งาว จ.ลำปางตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 7 กล่าวว่า “ปัจจุบันพื้นที่บ้านแม่ฮ่าง จ.ลำปาง มีครัวเรือนที่หันมาทำโคก หนอง นา บนพื้นที่สูงเพิ่มขึ้นเป็น 30 กว่าแปลง ทำกันจริงจังมาก มีการเวียนกันเอามื้อทุก ๆ สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง มีการทำแท็งก์น้ำในแต่ละจุดของแต่ละแปลง เพราะเป็นพื้นที่สูงการจัดการน้ำยาก ทุกแปลงจึงจำเป็นต้องมีแท็งก์น้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อการเกษตร และตอนนี้ขยับมาทำพื้นที่ที่สุโขทัยด้วย ซึ่งจะเป็นการขยายผลสู่ลุ่มน้ำยม มีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามรอยพ่อฯ ที่สร้างประโยชน์มาก มีการประชาสัมพันธ์และทำให้คนได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร และคนที่สนใจสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ คือ การได้เครือข่ายที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เป็นแรงเสริมเป็นกำลังใจให้กันและกัน ส่วนตัวแล้วก็จะยังสืบสานงานของพ่อต่อไป ทั้งที่เป็นพื้นที่ของตัวเองและการร่วมเป็นเครือข่ายสนับสนุนและส่งต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ลงมือทำตามต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”


ปราณี ชัยทวีพรสุข ประธานกรรมการศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เจ้าของ “สวนฝันสานสุข” บ้านเสี้ยวน้อยพัฒนา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 8 กล่าวว่า “หลังจากโครงการมาจัดกิจกรรมเอามื้อที่ศูนย์ปราชญ์ฯ ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านในชัยภูมิเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายมากขึ้น จึงมีการค้นหาแกนนำที่เป็นจุดแข็งของแต่ละอำเภอ เพื่อเรียกคนที่มีใจเดียวกันมาร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก โดยที่ศูนย์ปราชญ์ฯ เองมีการวางแผนเอามื้อเดือนละครั้ง เครือข่ายก็จะไปปันแรงกัน ก่อนโควิด-19 ระบาดมีการจัดอบรมและดูงานอยู่เรื่อย ๆ รวมแล้วฝึกอบรมไปประมาณ 6 รุ่น จำนวน 500 กว่าคน ในช่วงโควิด-19 ระบาดได้ไปเป็นจิตอาสาทำหน้าที่พยาบาลสนาม ฉีดวัคซีน เลยถือโอกาสรวมพลังหมอศูนย์บาทของชัยภูมิ ต้มน้ำสมุนไพร 7 นางฟ้า สมุนไพรสุมยา แจกคนป่วยที่โรงพยาบาลสนามและที่ศูนย์สุขภาพชุมชน ตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าศาสตร์พระราชาแก้ปัญหาได้ทุกวิกฤตจริง พื้นที่ของตัวเองมี 18 ไร่ ทำโคก หนอง นา ไว้นานแล้ว มีต้นไม้เยอะ มีน้ำเหลือเฟือ ลูกชายเป็นคนรุ่นใหม่เคยบ่นว่าแม่อายุเยอะแล้วกลับมาเหนื่อยอะไรตรงนี้ แต่ต่อมาหลังจากเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่แม่ทำ ก็มากระซิบให้แม่ทำต่อไป ขอทำงานเก็บเงินซักพัก แล้วจะกลับมาสานต่อ ฟังแล้วชื่นใจมากเลยที่คนรุ่นใหม่เริ่มเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำค่ะ”


สุณิตา เหวนอก (นวล) เจ้าของพื้นที่เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี อ.จักราช จ.นครราชสีมา ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 9 พ.ศ. กล่าวว่า “นวลเป็นคนบ้างานบ้าเรียน เวลาที่เหลือ คือ อยู่ในสวน เพราะอยากให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ เนื่องจากที่บ้านยังไม่เห็นด้วยอยู่ นวลจึงใช้วิธีสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยหวังว่าครอบครัวจะได้เห็นภาพ ซึ่งปรากฏว่าไม่ใช่เพียงครอบครัวที่เห็น แต่เพื่อนในโซเชียลก็ได้เห็นและเกิดแรงบันดาลใจลงมือทำตามกันหลายคน เครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียงก็มีการคุยกันในไลน์ ก็ขอมาดูพื้นที่เรา แล้วเกิดพลังใจกลับไปลงมือทำ เขาบอกว่าขนาดนวลเองเป็นคนมีเวลาน้อย ยังสามารถทำได้เลย รู้สึกภูมิใจที่ความตั้งใจของเรา เป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลาย ๆ คน ลุกขึ้นมาทำตาม ในการสืบสานแนวคิดศาสตร์พระราชาจะยังทำอย่างต่อเนื่อง มีความตั้งใจอยากส่งต่อองค์ความรู้ให้เด็ก ๆ ในชุมชน ให้ได้มาเรียนรู้ มาทำกิจกรรมแบบค่อย ๆ ซึมซับ เพื่อเป็นการบ่มเพาะแนวคิดและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยค่ะ ไม่อยากนิยามตัวเองว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการเดินตามรอยพ่อ เพราะคิดว่าคุณสมบัติยังไม่ถึงระดับนั้น แต่อยากจะให้เรียกว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างของคนที่มุ่งมั่นตั้งใจทำมากกว่าค่ะ”


ผู้ที่สนใจติดตามชมการสรุปผลการดำเนินโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ได้ในรายการ “เจาะใจ” วั
นที่ 2,9 เมษายน 2565 ทางช่อง MCOT HD เวลา 21.40 – 22.35 น.

ติดตามเนื้อหาโครงการได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
ดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

เสน่ห์แห่งบ้านเก่า Narisa Cafe & Creative Space

วันนี้เราจะชวนทุกคนไปลิ้มรสกาแฟ Narisa Cafe ร้านกาแฟแสนอบอุ่นชวนผ่อนคลายบนพื้นที่ใจกลางเมือง กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศส่วนตัวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน ท่ามกลางการตกแต่งภายใน ร้านที่รื่นรมย์ไปด้วยธรรมชาติและงานศิลปะที่บอกเลยว่า แค่เข้าไปก็เหมือนหลุดเข้าไปในอีกยุคนึงเลย เรียกว่าเป็นคาเฟ่หลงยุคใจกลางกรุงเทพ มาพร้อมบรรยากาศสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายจากพื้นที่ในเมืองมีความวินเทจแต่ยังคงความคลาสสิก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย

NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
coworking space

คาเฟ่แห่งนี้ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ภายในโล่ง โปร่งสบาย อาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก บรรยากาศอบอุ่นจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสง ต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างเฉพาะ และลงตัวมากๆ ทำให้คาเฟ่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลายอยพร้อมเปลี่ยนทุกช่วงเวลาให้น่าจดจำ ที่ร้านมีเครื่องดื่มและกาแฟดีๆ นอกจากตัวร้านจะตกแต่งได้คลาสสิกแล้ว ภายนอกและภายในร้าน ยังมีโซน coworking space ที่สามารถแชร์พื้นที่ทำงานร่วมกันพร้อมบรรยากาศร่มรื่น ภายในออกแบบโดยการเก็บของเก่าในบ้านมาดีไซน์ใหม่ จึงทำให้ของทุกชิ้นไม่เหมือนใครมีความหมายและสื่อถึงความทรงจำอันงดงาม การผสมผสานงานศิลปะ ความชอบส่วนตัวและยังใส่ใจในการจัดวางของตกแต่งให้ดูเข้ากันในสไตล์ Narisa Cafe

อีกหนึ่งคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งเกิดขึ้นจากการปรับปรุงบ้านหลังเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่ ที่มาพร้อมบรรยากาศชวนนั่งเล่น Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่า คงร่องรอยดั้งเดิมของตัววัสดุที่เก่าแก่ไปตามกาลเวลา กลมกลืนกับวัสดุไม้และปูนของตัวบ้านอย่างลงตัว Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวความทรงจำที่มีค่าไว้มากมายสำหรับบ้านหลังนี้สร้างขึ้นในปี 2501 เป็นอาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก ออกแบบโดย อาจารย์ประดิษฐ์ ยุวะพุกกะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติที่มีอายุยืนยาวมากถึง 96 ปี ผลงานสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมจึงมีอยู่ทุกหนแห่ง ครอบครัวของท่านเป็นช่างสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 จึงได้รับอิทธิพลและได้รับการสืบทอด ตลอดจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่านประสิทธิประสาทวิชการให้ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ท่านยังได้ร่วมงานกับอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ในช่วงที่ท่านรับราชการ อยู่ที่กรมศิลปากร

Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณนริศา ชัยสูตร ( น้องฟ้า )

กลับมาปรับปรุงบ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี ปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็นร้านกาแฟ Narisa Cafe & Creative Space ที่ออกแบบเอง เพิ่มมิติให้สเปซใช้สอยภายในและภายนอกร้านดูโดดเด่นและเป็นสัดส่วนด้วยการปรับปรุงบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้น กลายเป็นคาเฟ่สุดคลาสสิก ไอเดียของเจ้าของร้านคือ คุณนริศา ชัยสูตร หรือ น้องฟ้า ผู้เป็นหลานสาวที่ใกล้ชิดกับคุณย่าสมจิตร ชัยสูตร คุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร โดยคุณย่าสมจิตร เมื่อคร้ังมีชีวิตอยู่รับราชการอยู่ที่กรมศิลปากร ได้รู้จักใกล้ชิดกับศิลปินในด้านต่างๆมากมายและคุณย่าสมจิตร เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้น้องฟ้า สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และจบการศึกษาได้ปริญญาตรีเกียรตินิยม จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ จากนั้น
ได้จบปริญญาโทด้าน Marketing จาก Lancaster University ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการตลาดของประเทศอังกฤษ จึงไม่แปลกใจเลย่ว่า Narisa Cafe & Creative Space จึงเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการตลาด ผ่านการตกแต่งที่ผสมผสานไปด้วยความชื่นชอบ เน้นความเรียบง่าย และงานดีไซน์วินเทจ สะท้อนความรู้สึกสนุกสนานกับไลฟ์สไตล์สุดชิคที่ดูอบอุ่น บรรยากาศผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น น้องฟ้ายังเป็น blogger
ที่มีประสบการณ์ด้านอาหารและท่องเที่ยว เคยเดินทางไปประเทศต่างๆ มากกว่า 40 ประเทศ จึงมีผู้ติดตามข้อเขียนของน้องฟ้าเป็นจำนวนมาก

บรรยากาศด้านหน้าร้าน บ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี

ในส่วนของเครื่องดื่ม ร้านมีทั้งเมนูชา กาแฟ และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ให้เลือกมากมาย แต่จะเน้นไปที่ชาร้อน เสิร์ฟมาในภาชนะทรงวินเทจอีกแล้ว ร้านนี้
เขาไม่หลุดธีมจริงๆ หยิบจับอะไรมาถ่ายก็สวยเข้ากันไปหมดและสำหรับเครื่อง
ดื่มสุดคลาสสิคของร้าน

Narisa latte (Singature)
Blueberry apple soda
Cotton candy sky (Singature)

Espresso con panna (Singature)
Espresso
Espresso macchiato
Americano
Cloudy (Singature)
Cappucino
Caramel Macchiato
Orange espresso soda (Singature)
Es’ Yen (Thai style)
Affogato
*Extra shot +20

non-coffee
Narisa latte (Singature)
Black cocoa
Brown cocoa
Matcha latte
Cotton candy sky (Singature)

ufushing
Lemon tea
Strawberry lemom soda
Blueberry apple soda

สำหรับสายวินเทจ สายถ่ายรูปทั้งหลาย บอกเลยว่าไม่ควรพลาด มีมุมดีๆ มุมสวยๆ จิบกาแฟรสเข้มข้น ให้เลือกนั่งชิลได้ทั้งวัน สามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งวันวาน Narisa Cafe & Creative Space

บ้านเลขที่ 5 ซอยพหลโยธิน 17 กรุงเทพฯ
Facebook/ Narisa Cafe & Creative Space
เวลาเปิดให้บริการช่วง Soft Opening
เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00- 17.00 น.
จันทร์ และ ศุกร์ ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
(ปิดวันอังคาร-พฤหัส)

การเดินทางมีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ (8-10 คัน)หรือสามารถจอดรถที่เซนทรัลลาดพร้าว/ โลตัสลาดพร้าว เดินเข้าซ.พหลโยธิน 17
รถสาธารณะ ลง BTS ห้าแยกลาดพร้าว ทางออก 3

Facebook
https://www.facebook.com/Narisa-Cafe-Creative-Space-107459265037666/

ข้อมูลร้าน : NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
แผนที่: https://goo.gl/maps/qKEXauCMqqQodMB67

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ สาขาใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

วันนี้ Toptotravel พาไปรู้จักร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ที่อยากพาทุกคนไปเสพราชาติของอาหารที่ผสมผสานเมนูจีนฮ่องกง สูตรต้นฉบับชื่อดัง ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่มีเรื่องราวดีดีมากมาย เดิมร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท นักชิมรู้จักกัน ร้านอำแดงไต้ฝุ่น คือ ร้านอาหารไทยชื่อดัง ที่เคยตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท เชื่อว่านักชิมหลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี ถึงความเชี่ยวชาญเรื่องอาหารไทย/จีน ที่โด่ดเด่น และเปิดให้บริการมามากว่า 4 ปี ที่นี่พรั่งพร้อมไปด้วย อาหารต้นตำรับไทย/จีน รสชาติที่หลายคนโหยหาอาหารแบบดั้งเดิม จนเป็นเอกลักษณ์ที่นักชิมจดจำได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน านอำแดงไต้ฝุ่น ย้ายร้าน ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม บนถนนพระราม 3 ชื่อร้าน อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใกล้ออกปากอ่าวไทย ที่นี่นอกจากจะมีอาหารไทยต้นตำรับ รสมือดั้งเดิมแบบอำแดงไต้ฝุ่นแล้ว
ยังได้เพิ่มเติม เมนูอาหารทะเล ซีฟู้ด ผัดสไตล์เตาจีน เข้ามาเพิ่มขึ้น รับรองว่าถึงเครื่องถึงรสหอมกลิ่นกระทะสไตล์จีนๆ อย่างแน่นอน บริหารงานโดย คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ให้เกียรติมาแนะนำร้านและเมนูอาหารด้วยตนเอง จุดเริ่มต้นของอำแดง บายเดอะริเวอร์ พระราม 3 เป็นสถานที่ต้องตา ตรงใจกับคุณใหญ่มากๆ ตอบโจทย์คอนเซปต์ของ ร้านอำแดงไต้ฝุ่น ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากคุณใหญ่ ทำธุรกิจร้านอาหารริมแม่น้ำมาตลอด จนเรียกว่า อาหารจากสายน้ำ ประกอบไปด้วยร้าน จางวางอิ่ม ที่ตรงข้ามเกาะเกร็ด, บ้านชิดกรุง, ท่าน้ำขวัญ จังหวัดนนทบุรี หรือครัวบุษบัน จังหวัดปทุมธานี ล้วนแล้วอยู่ริมน้ำทั้งหมด

อำแดงไต้ฝุ่น

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่บนถนนพระราม 3 ตั้งอยู่ในโครงการ
บางกอกสแควร์ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารบ้านไม้ 2 ชั้น หลังใหญ่ ปูด้วยพื้นไม้สร้างแบบไทยร่วมสมัย ที่ผสมผสานกลมกลืนในความเป็นไทย
จีน และดูอบอุ่น โปร่งสบาย พร้อมมีมุมนั่งพักรอที่มีกลิ่นอายตะวันตก เพิ่มเคาน์เตอร์บาร์ ให้ดูเฮฮา สำหรับการพบปะสังสรรค์เพิ่มความสุขให้ลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยสถานที่กว้างขวาง โอ่โถงมากกว่าเดิมแถมยัง โล่ง โปร่งสบาย ในสไตล์เท่ๆเหมาะกับยุคสมัยนี้ ที่ต้องนั่งเว้นระยะห่าง และมีมาตรการสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้บริการ ส่วนอินดอร์ เอาต์ดอร์ ทั้งหมดกว่า 160
บริเวณโซนที่นั่ง มีทั้งห้องแอร์ และด้านนอกที่แดดร่มลมตกมีระเบียงด้านข้างหรือระเบียงริมแม่น้ำ นั้งสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์ได้มุมกว้างมากขึ้น สวยงามตระการตาในยามค่ำคืน

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านวิวริมแม่น้ำ ช่วงแดดร่มยามเย็น นั่งชิลล์ตอนใกล้ค่ำ ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา อีกด้านหนึ่งก็สามารถชมสะพานภูมิพลที่ตั้งโดดเด่นสง่างามใกล้ตา รวมถึงไปถึงการได้ชมเรือเดินสมุทรที่แล่นผ่านด้านหน้าร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เรียกได้ว่า เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นนอกจากเมนูอร่อยแบบไทยๆ ที่เรียกว่าเป็นเมนูอำแดงคลาสสิกต้นฉบับอำแดงไต้ฝุ่นตั้งใจรังสรรค์ และอีกหลายเมนู
ที่น่าสนใจ ปลอดโปร่งโล่งสบาย ถือเป็นอีกร้านที่ควรไปนั่งทานอาหารพร้อมจิบค็อกเทล ดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวสะพานภูมิพล


สำหรับ Toptotravel ไม่ได้สันทัดอาหารจีนมากนัก แต่พอได้ฟังเรื่องราวต่างๆและรายละเอียดที่มีความพิถีพิถัน ทำให้รู้สึกอยากรู้อะไรมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาสดีที่พิเศษสุดสำหรับอาหารในมื้อนี้ อาหารมื้อนี้จะพิเศษขนาดไหนตามมาชมด้วยกัน

ส่วนเมนูไฮไลต์แนะนำห้ามพลาด เช่น ปูผัดสไปซี่ เป็นเมนูเด็ดที่ได้รางวัลการันตีจากมิชลินไกด์ 2 ปีซ้อน 2022-2021 เพราะทางร้านฟ้านเนื้อปูก้อนใหญ่สดๆ ผัดกับกระเทียม พริก เต้าซี่ และเครื่องปรุงสูตรพิเศษสไตล์จีนฮ่องกง ผัดคั่วแบบแห้งหรือเมนูไฮไลท์ กุ้งแม่น้ำเผาเตาถ่าน จัดมาเอาใจคนชอบกินกุ้งโดยเฉพาะ โดยคัดสรรกุ้งแม่น้ำสดๆตัวโตๆเผาเตาถ่านจนได้กลิ่นหอมๆสีสันสวยงาม เสิร์ฟมาร้อนๆพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษ สัมผัสได้ถึงความสดจริงๆ เนื้อกุ้งเด้งแน่นสดหวานมันกุ้งเยิ้มๆขณะที่ เมนูทานเล่นเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารแนะนำ รากบัวทอด เหนียวหนึบหอมกลิ่นซอส รับรองว่ากินเล่นเคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ นอกจากนี้เมนูใหม่คอนเซ็ปต์ และเสริมเพิ่มทัพด้วยเมนูอาหารทะเลหลากหลาย หอยลาย หอยแมลงภู่ ปลาเก๋า ปลาอินทรี ให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล
ปูก้อนสไปซี่
ปูดอง 2 แซ่ป
ไข่ปลาริวกิว ผัดฉ่าพริกสด
ปลาตาเดียวทอด
ต้มยำปลาเก๋าน้ำข้น
ผัดสามหอมกุ้งสด
ข้าวผัดกากหมู
หอยลายผัดพริกขี้หนู
เมี่ยงปลากะพง
แกงเหลืองไข่ปลาริวกิว
ผัดฉ่าปลาอินทรี
แกงจืดบ๊วยหมูสับโหระพา
ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

จัดหนักทั้งอาหารและบรรยากาศ ทุกเมนูอัดแน่นด้วยสมุนไพรเพื่อสุขภาพดีต่อใจและไม่ลืมปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเดียวกับร้านคือ อำแดงไต้ฝุ่น ขนมที่มีรูปเป็นแท่งสีเหลี่ยมสีขาวนวลแปลกตาและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร หาได้เฉพาะที่ร้านนี้ เพราะทำจากเต้าหูโฮมเมดนำไปทอดมีความนุ่มความหนึบ คลุกเคล้าด้วยถั่วลิสง งา และเม็ดมะม่วงหอมพานต์ บดจนละเอียด หอมหวานมันอย่าบอกใคร

ใครอยากทานอาหารพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีต่อใจ ไปกับใครก็ฟิน
ในส่วนของภายในร้านด้านโซนบาร์ ที่สามารถสังสรรค์สร้างความสนุกสนานครื้นเครงไปกับการให้บริการเครื่องดื่ม โดยออกแบบตกแต่งได้อย่างสวยงาม ด้วยโทนสีเขียวเทอร์คอยซ์ผสมผสานสีน้ำทะเลยามต้องแสงไฟจะยิ่งสวยงามชวนให้รื่นรมย์ขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม โดยรวมเป็นร้าน อาหารที่มีการออกแบบตกแต่งที่ผสมผสานไทยจีนอย่างสุดคลาสสิก และยังมีกลิ่นอายตะวันตก รวมถึงก็ไม่ทิ้งความเป็นอำแดงไต้ฝุ่น ที่ใช้สีแดง ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ประจำร้าน ใส่กิมมิคที่ดูหรูหรา โดยเฉพาะผ้าม่านที่แขวนตรงหน้าต่าง เป็นผ้าม่านสีแดงก่ำตัดกับสีเขียวเทอร์คอยซ์บริเวณบาร์ ได้เป็นอย่างดี ส่วนโซนที่นั่ง ที่มักถูกนักชิมจับจองเป็นอันดับแรกๆก็คือ โซนที่มีภาพวาดสาวจีนสมัยใหม่ สวมแว่นตาทรงกลมสุดเท่ มือถือปูยักษ์ขนาดใหญ่ สื่อให้เห็นว่า ถ้ามาร้านนี้แล้ว ไม่รับประทานปู ก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่ไม่ใชขายแค่รสชาติ แต่บรรยากาศในร้านยังเหมาะกับการเป็นจุดเช็คอินคูลๆ กลายเป็น Fine Dining ที่ดูทันสมัยมาก

ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

โปรโมชันพิเศษช่วงเปิดร้านใหม่ เพียงลูกค้าแชร์ภาพไม่ว่าจะเป็นภาพอาหาร หรือบรรยากาศภายในร้านสามารถรับส่วนลดค่าอาหารทันที 10% (ไม่รวมกุ้งแม่น้ำเผาและเครื่องดื่ม)

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ : Am-Dang-Typhoon by The River
ที่อยู่ อาคาร G โครงการบางกอกสแควร์ เลขที่ 762/7 ถนนพระราม 3
แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10125
โทร. 0957164712
www.amdangtyphoon.net
Id line: @amdangtyphoon
หรือเพิ่มเติมข้อมูลโปรโมชันที่ FB. amdangtyphoon

แผนที่เดินทาง อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ คลิ๊ก
https://maps.app.goo.gl/6jB2PWh8SCfgze1c8

เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” ส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ

น้ำพริกส็อก เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเชฟเมย์เลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ต่อยอดนวัตกรรมน้ำพริกเมืองเหนือ สู่ตลาดโลก

“น้ำพริกส็อก” คำว่า ‘ส็อก’ มาจากภาษาเหนือโบราณ เป็นลักษณะของการเอาสากไปโขลกลงไปเบาๆ วัตถุดิบที่อยู่ในครก จังหวะที่โขลกจะมีเสียงดังแบบ
ส็อกๆ เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง เล่าถึงที่มา ของการรังสรรค์เมนูใหม่จาก
น้ำพริกส็อก ที่ร้านอาหาร Maze Dining ไฟน์ไดนิ่ง ก่อนหน้านี้เชฟเป็นเจ้าของร้านอาหาร Monkey’s kitchen ที่จังหวัดเชียงใหม่ น้ำพริกส็อก สูตรเด็ดจากคุณป้า มีตำนานนานกว่า 50 ปี ต่อยอดนวัตกรรมการผลิต สืบสานเมนูพื้นบ้านอาหารภาคเหนือ สู่ตลาดโลก เมื่อเอ่ยถึง น้ำพริกส็อก ถือว่าเป็นเมนูพื้นบ้านคู่ครัวของภาคเหนือจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ละบ้านต้องมีติดครัวส่งมอบความอร่อยจากเมนูเชฟ สู่อาหารพร้อมรับประทาน จนนำมาสู่แรงบันดาลใจในการต่อยอดนวัตกรรมการผลิต จากครอบครัว สู่ตลาดในวงกว้างพิถีพิถันการปรุงแต่ง ส่งต่อให้หลายคนได้ลิ้มลอง น้ำพริกส็อกของเมืองเหนือ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับคนไทยในทุกภาคได้รู้จัก และต่อยอดนวัตกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายเพื่อสืบสานวัฒนธรรมด้านอาหารของภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป

เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง รองแชมป์ Top Chef Thailand ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเชฟมากว่าสิบปี ได้นำแรงบันดาลใจจากพ่อแม่ ที่เป็นชาวเชียงใหม่ ที่ทำน้ำพริกส็อก ให้รับประทานทุกวันเมื่อกลับมาถึงบ้าน จนเป็นเมนูโปรดของเธอ
เชฟเมย์ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ให้ผู้คนได้ลิ้มลอง วันนี้เลยต้องการนำประสบการณ์ความเป็นเชฟมืออาชีพ มาต่อยอดเพื่อตอบแทนบ้านเกิด โดยการทำ น้ำพริกส็อก ที่รับประทานมาตั้งแต่เด็กด้วยฝีมือ
พ่อแม่ คุณป้า มานานกว่า 50 ปี ให้ผู้คนทุกภาคได้ลิ้มลอง ทำให้ได้เมนูที่มีเอกลักษณ์ นำมาเป็นวัตถุดิบลงไปในมื้ออาหารอาหารทุกจานของเชฟเมย์ก็ยังคงละเอียดอ่อน ใส่ใจ และนึกถึงคนกินอยู่เสมอ เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นเธอทำอาหารในครัวแต่จะทำอย่างไรให้สัมผัสถึงจิตใจของคนกินได้

เชฟเมย์ บอกว่า น้ำพริกส็อก ส่งมอบทางเลือกของรสชาติขนานแท้เสมือนปรุงเองตั้งแต่ต้น รสชาติพิเศษและเนื้อข้นกำลังดีสำหรับอาหารแต่ละจาน สามารถปรุงได้อย่างสะดวกจะคลุกข้าวร้อนรับประทานได้ และยังสามารถดัดแปลงปรุงเมนูต่างๆ ซึ่งแต่งเป็นเมนูอื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิเช่น ไข่เจียวปู จิ้มน้ำพริกส็อก,หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก, ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม, เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด, ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก, สลัดเบคอนอบเมเปิ้ล น้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก,แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน, แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย,ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต, Chocolate ไส้แยมราสป์เบอรี่-น้ำพริกส็อกจากความตั้งใจนั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ เชฟเมย์ รังสรรค์น้ำพริกส็อก ที่คัดสรรค์วัตถุดับจากเมืองเหนือแท้ๆ มาเป็นส่วนผสม เชฟเป็นผู้รังสรรค์ผลงานและมีความคิดสร้างสรรค์อย่างน้ำพริกตาแดง มะเขือเทศสองสายพันธุ์ สายพันธุ์ลูกใหญ่ และลูกเล็ก มาปรุงแต่งด้วยพริก กระเทียม โดยไม่มีการปรุงแต่งด้วยสารเคมี ทุกขั้นตอนทำด้วยมือ รสชาติกลมกล่อม ตรงตามสูตรต้นตำหรับ รสขาติดั้งเดิมตามแบบ “น้ำพริก
ส็อก” ของชาวเหนือแท้ๆโดยเมนูจากสุดยอดน้ำพริกส็อก ทำให้ได้เมนูสุดยอดแห่งความอร่อยที่เราได้มีโอกาสชิมในวันนี้ได้แก่……ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม

เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด

ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก

สลัดเบคอนอบเมเปิ้ลน้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก

แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน

แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย

ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต

Chocolate ใส้แยมราสป์เบอรี่น้ำพริกส็อก

วันนี้ เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” อย่างเป็นทางการเพื่อส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ โดยเชฟเมย์ มีความตั้งใจจริงที่พิถีพิถันปรุงแต่งสู่ตลาดทั่วประเทศพร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศในอนาคตท่านใดอยากลิ้มลอง “น้ำพริกส็อก “ฝีมือ”เชฟเมย์” กระปุกละ 160 บาท

สั่งซื้อได้ Facebook/chefmaysgourmet หรือ ไลน์แอด @chefmaysgourmet

Maze Dining
Phone number : 061-549-9500
Facebook : https://www.facebook.com/mazedining

Line : @mazedining
Instagram : https://www.instagram.com/mazedining/

ที่สุดของ บุฟเฟ่ต์เนื้อย่างเตาถ่านเนื้อ ร้าน เบสท์บีฟ สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ไม่ต้องมีเนื้อคู่เพราะชอบอยู่กับเนื้อย่าง กินอิ่มพุงกางกินจุใจกันกว่า 50 เมนู เลือกให้ฟิน..กินให้อร่อย เอาจริงสายเนื้อไม่ควรพลาด และเป็นร้านยอดนิยมมากวันนี้เราอยู่ที่ ร้าน เบสท์บีฟสุขุมวิท กินแบบไม่อั้น!! บุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อสุดคุ้มเอาใจทั้งคนรักเนื้อและซีฟู้ด เพราะนอกจากจะได้กิน บุฟเฟ่ต์เนื้อแบบไม่อั้นแล้ว ส่วนใครที่ไม่ถูกปากกับเนื้อวัว เค้าก็มีทั้งเนื้อหมู คูโรบูตะพอร์คชอปนุ่มๆ ติดมันนิดๆ คือดีและยังมีเมนูอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้ง อาหารทะเล กุ้ง ปู หอย ด้วยรูปแบบความอร่อย 3 สไตล์ กะทะร้อนและจิ้มจุ่มหม้อไฟ และย่างตะแกรงเตาถ่าย พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดรสจัดจ้าน 3 รูปแบบ เสริฟ 2 ชั่วโมงเต็มๆ แบบไม่อั้น ด้วยราคาที่เป็นมิตร อาหารคุณภาพดีมาก สั่งได้ไม่อั้น เพื่อนๆ สายบุฟเฟ่ต์ต้องเลิฟ สายเนื้อ สายกุ้งแม่น้ำ บอกเลยว่า
ฟินมากที่สุด

ร้านปิ้งย่างบรรยากาศสบายๆ มีเมนูเด็ดจากเนื้อวัวและบุฟเฟ่ต์ในพื้นที่กว้างและมาดูกันว่าเนื้อส่วนไหนอร่อยที่สุด! เลือกกินเนื้อให้อร่อยทั้งที ก็ต้องเลือกกันสักหน่อย อย่ารอช้าตามร้าน เบสท์บีฟสุขุมวิท เนื้อเน้นๆ มีทั้งเนื้อริบอาย เนื้อบริสเก็ต เนื้อใบพาย เนื้อสันนอก ลิ้นวัว ร้าน Buffet ขนาดใหญ่ แต่ทางร้านเลือกให้บริการลูกค้าแบบ Full Service ทางร้านมีพนักงานคอยให้บริการช่วยเสริฟอาหารและเครื่องดื่มให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าไม่ต้องตักอาหารเองเหมือนกับร้าน Buffet ทั่วไป จนทำให้ร้าน เบสท์บีฟ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางร้านยังได้คัดเลือกเนื้อคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยมจากต่างประเทศ ย่างตามความสุกที่เราต้องการ เรียกว่าประสบการณ์ปิ้งย่างเนื้อระดับพรีเมี่ยม ซึ่งรับรองได้ว่า อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจ และอุ่นใจในเรื่องราคา ได้ที่ร้าน เบสท์บีฟ ทุกสาขา #ฟินเว่อร์ถ่ายแทบไม่ทัน กินรัวๆ ตามมาชมด้วยกันเลย

มาถึงที่นี่ต้องลองนื้อวัว แต่มาดูกันว่าเนื้อวัวส่วนไหนบ้างอร่อยฟินเว่อร์ที่สุด! เลือกทานเนื้อให้อร่อยควรเลือกกินส่วนไหน เลือกเนื้อส่วนที่ใช่ เลือกอร่อยกับเนื้อส่วนที่ชอบรู้แล้วลุย รออะไรสั่งเลย

เนื้อเสือร้องไห้ (Brisket)
เป็นเนื้อที่อยู่ส่วนอกของวัว ติดมันเยอะเป็นส่วนที่นุ่มน้อยแต่อร่อย เหมาะสำหรับย่าง หรือสไลด์บางย่างกับเนยหอม ๆ เพิ่มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น

เนื้อลูกมะพร้าว (Knuckle)
เป็นเนื้อที่อยู่ตรงช่วงโคนขาหลังบริเวณสะโพก ซึ่งมีก้อนใหญ่คล้ายกับลูกมะพร้าว และที่สำคัญเนื้อในส่วนนี้ยังมีความนุ่มพอสมควร และมีมันน้อยมาก เหมาะกับคนที่เน้นโปรตีนทานแบบเนื้อล้วน ๆ

เนื้อน่องลาย (Shank)
เนื้อท่อนขาซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความหนึบของเอ็น ผสมผสานเข้ากันได้ดีกับเนื้อและไขมัน อยู่ภายในตัวเอง ทำให้เคี้ยวมัน จนหยุดไม่อยู่

เนื้อหนอก (Hamp)
เนื้อส่วนที่นูนออกมาจากหลังของวัว เป็นเนื้อส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เนื้อจึงนุ่มมาก มีไขมันค่อนข้างมากมีสีอ่อนกว่าส่วนอื่น

เนื้อสันคอ (Chuck)
เป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันเเทรกสวย มีคอลลาเจนที่หลอมละลายเร็วเมื่อโดนความร้อน มีรสชาติเข้มข้น เเต่ก็เป็นเนื้อที่มีเนื้อเยื่อพังผืด ไม่ควรย่างจนสุกเกินไป

เนื้อใบพาย (Chuck eye)
เนื้อส่วนกลางระหว่างสันคอกับท้องเนื้อส่วนนี้ค่อนข้างนุ่ม เพราะมีไขมันแทรก เป็นชิ้นส่วนยอดนิยม และหายากในวัว 1 ตัว มีไม่เกิน10กก. เมื่อแล่ออกมาแล้วเหมือนกับใบพาย มีเอ็นตรงกลางรสชาติอร่อยมาก

ลิ้นเนื้อ (Ox’s Tongue)
เนื้อส่วนของไขมันทำให้มีความนุ่มอร่อย การทานแบบย่าง พอย่างเสร็จก็บีบมะนาวลงไปแล้วทาน ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย

เพราะทุกส่วนของเนื้อวัวก็มีความอร่อยที่แตกต่างกันไปตามกรรมวิธี และการหมักปรุงรสให้อร่อยเลย สำคัญสุด!! อยู่ตรงที่สายพันธ์ เกรดดีรสชาติดีตาม เช่นเดียวกับ BEST BEEFที่คัดสรรเนื้อวัวเกรดพรีเมียม ให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

มาถึงที่นี่ต้องลองไฮไลท์อย่าง A La cart สันในออสเตรเลีย Australian Tenderloin /
ริบอายออสเตรเลีย Australian Ribeye

แต่ละเมนูบอกเลยว่าคุ้มมากมากินกุ้งแม่น้ำผ่าก็คุ้มแล้ว เนื้อเน้นๆ มีทั้งเนื้อริบอาย เนื้อบริสเก็ต เนื้อใบพาย เนื้อสันนอก ลิ้นวัวพันธุ์ดีมีคุณภาพ #ฟินเว่อร์

ลุยต่อกับนอกจากนี้ยังมี ข้าวหน้าเนื้อ เมนูกินเล่น ซุป สลัด เฟรน์ฟราย์ นักเก็ต และไอติม เป็นของหวานสุดฟิน

  • บุฟเฟต์ราคา 299 บาท (ยังไม่รวมเครื่องดื่ม)
  • บุฟเฟต์ราคา 369 บาท (น้ำเปล่า+น้ำแข็ง+น้ำอัดลม+ชามะนาว)
  • บุฟเฟต์ราคา 499 บาท (บุฟเฟต์อาหาร+เครื่องดื่ม)
  • เด็กต่ำกว่า 100 ซม. ทานฟรี
  • ถ้าเกิน 100 ซม.อายุต่ำกว่ลา 120 ซม. ราคา 159 บาท(แบบไม่รวมเครื่องดื่ม) และราคา 179 บาท(แบบรวมเครื่องดื่ม)
  • ถ้าเกิน 120 ซม. เป็นราคาปกติ
  • บุฟเฟต์แบบรวมเบียร์ อนุญาติให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และสตรีที่มีครรภ์ สามารถเลือกทานแบบราคา 369 บาท
  • ในส่วนของบุฟเฟต์ให้เวลาในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มภายใน 2 ชม. เมื่อครบเวลาแล้วสามารถนั่งทานต่อได้จนกว่าอาหารจะหมด

ใครไม่สะดวกมีเมนูซื้อกลับบ้าน Take Home ด้วยนะ ส่วนเราสั่งทานที่นี่กันเลย กับเมนูกุ้งดอง แซลมอนดอง และหอยนางรมราคาพิเศษสุด….สดอร่อยเหมือนทานที่ร้านเลย

เราอยู่ที่ สาขาสุขุมวิท ระหว่างปากซอย 48/2 และ 48/3 อยู่ก่อนถึงสะพานพระโขนง ใกล้ๆ แยกไฟแดงอ่อนนุช ห่างจาก BTS สถานีอ่อนนุช เพียง 300 เมตร
Tel: 091-626-9894
Parking: มีที่จอดรถ 60 คัน
Map: https://goo.gl/maps/WwvKr9qx5kcQAnkK6

สาขาศรีนครินทร์ Tel: 097-245-1818
Parking: มีที่จอดรถ 100 คัน
Map: https://goo.gl/maps/XmYsc6GCdvqNRqbU8

สาขาบางแค Tel: 097-245-8051
Parking: มีที่จอดรถ 200 คัน
Map: https://goo.gl/maps/8TM3r6SSBURrfevQ9

สาขาเกษตรนวมินทร์ Tel: 062-296-6262
Parking: มีที่จอดรถ 200 คัน
Map: https://goo.gl/maps/DgLb4okNWFKFcu8K9

ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่น
BESTBEEF : เบสท์บีฟสุขุมวิท
LINE : https://lin.ee/juv4Dix
Instagram : https://www.instagram.com/bestbeef_sukhumvit
Website : https://bestbeefrestaurant.com

#BestBeef #Sukhumvit #Srinakarin #BangKhae #KasetNawamin #BarBQinBangkok #บุฟเฟ่ต์
#ร้านเนื้อย่างโคขุน #สวรรค์ของคนรักเนื้อ #เบสท์บีฟ #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี #ปิ้งย่าง #bestbarbq #bestintown

The 6th Italian Cuisine Week สัปดาห์อาหารอิตาเลียน ครั้งที่ 6ลิ้มรสต้นตำรับความอร่อยสไตล์อิตาลี ใจกลางกรุงเทพฯ

เริ่มต้นแล้ว! สัปดาห์อาหารอิตาเลียน ครั้งที่ 6 “The 6th Italian Cuisine Week” กลับมาแล้ว สำหรับ เทศกาลอาหารอิตาเลียนสุดยิ่งใหญแห่งปี ที่พร้อมให้ทุกคนได้มาลิ้มรสความอร่อยของอาหาร อิตาเลียนอันเลื่องชื่ออีกครั้ง โดย สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน (ITA Italian Trade Agency) ได้จัดงานครั้งนี้ พร้อมกว่าอีก 110 ประเทศทั่วโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sustainability – Traditional – Innovation” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการบริโภคสินค้าอิตาลีอย่างยั่งยืน และใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานกับเสน่ห์การปรุงอาหารแบบต้นตำรับ ท่ามกลางบรรยากาศดนตรีสดเคล้าไปกับรสชาติของอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ จากร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังทั่วกรุง รวมทั้งพบกับผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวานสุดพรีเมียมรวมกว่า 30 แบรนด์ ที่คัดมาให้เลือกสรร ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ควอเทียร์ อเวนิว ศูนย์การค้า
ดิ เอ็มควอเทียร์

ฯพณฯ ลอเรนโซ กาลานติ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า “อาหารอิตาเลียน มีความหมายถึง ขนบธรรมเนียมประเพณี วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังรวมถึงนวัตกรรม ความกินดีอยู่ดี และความยั่งยืน ความจริงแล้ว อาหาร ’เมดิเตอร์เรเนียน’ จัดว่าเป็นอาหารต้นตำรับที่รับประทานกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นต้นแบบของแพทย์และนักวิจัยว่าช่วยในเรื่องลดน้ำหนัก ปัญหาสุขภาพหัวใจ รวมทั้งองค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้ศิลปะการทำพิซซ่าแบบเนเปิลส์ (pizzaiuolo napoletano) ถูกรวมให้เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ สำหรับงานสัปดาห์อาหารอิตาเลียน (The 6th Italian Cuisine Week) เป็นงานประจำปีของชาวอิตาลีที่จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก เพื่อร่วมส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรมของอาหารอิตาเลียนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งเพื่อร่วมสนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์จากอิตาลีอีกด้วย เราจึงมีความยินดีที่จะเฉลิมฉลองสัปดาห์พิเศษนี้ในประเทศไทย”

ในปีนี้ได้เนรมิตพื้นที่ของศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ให้กลายเป็นแหล่งความอร่อย โดยรวบรวมร้านอาหารอิตาเลียนระดับแถวหน้า พร้อมคัดสรรวัตถุดิบอิตาเลียนดั้งเดิมมาไว้ในงานเดียว ให้เหล่าอิตาเลียนเลิฟเวอร์ได้มาเช็คอิน และลองลิ้มชิมรสกันแบบไม่มีเบื่อ โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน ได้แก่ “โซนพลาซ่า” ที่ทุกคนจะได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารอิตาลีรสเลิศจากสูตรต้นตำรับ “โซนมาร์เก็ต” มาพร้อมวัตถุดิบชั้นดีจากประเทศอิตาลี ให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ “โซนดนตรีสด” กับการบรรเลงดนตรีสดบนเวที โดย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะขับกล่อมทุกคนด้วยเสียงเพลงสุดไพเราะตลอดทั้งวัน ปิดท้ายที่รวม “โซน Exhibition” มาพร้อมการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์งานของปีนี้ อย่าง “Sustainability – Traditional – Innovation” ซึ่งตลอด 3 วันของการจัดงาน อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมมากมาย หลากหลายความอร่อย ควบคู่ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ

· วันที่ 22 พ.ย.64 – พบกับการนำเสนอเกี่ยวกับอาหารอิตาเลียน จาก ALMA School (La Scuola Internazionale di Cucina Italiana สถาบันและศูนย์ฝึกสอนการประกอบอาหารอิตาเลียนชั้นนำระดับโลก) ร่วมกับ Food School ในหัวข้อ “Italian Street Food” ซึ่งมีการแนะนำเรื่องราวที่น่าสนใจด้วยการไลฟ์สด โดย Fabio Amadei ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมศาสตร์การทำอาหาร อิตาเลียน (Culture of Italian Gastronomy) จาก ALMA รวมถึงยังมีเชฟ Carlo Maria Ricci แบรนด์แอมบาสเดอร์ ALMA ที่จะร่วมกับ Fabio Amadei เปิดบทเรียนสอนทำอาหารอิตาเลียนทางออนไลน์ผ่านวิดีโอ
· วันที่ 23 พ.ย. 64 – พบกับการนำเสนอเกี่ยวกับอาหารอิตาเลียน ในหัวข้อ “Italian Wine Pairing” ผ่านไลฟ์สด โดย Ciro Fontanesi ซอมเมอลิเยร์ จาก ALMA นอกจากนี้เชฟ Carlo Maria Ricci พร้อมด้วย Ciro Fontanesi ยังมาเปิดบทเรียนสอนทำอาหารทางออนไลน์ผ่านวิดีโอ รวมถึง ผศ.ดร.ฟ้าลั่น ศรีสุริยชัย จะมาแนะนำการจับคู่ไวน์อิตาเลียนกับอาหาร และพาผู้ที่หลงใหลไปท่องโลกไวน์แดงของอิตาลีด้วยกัน
· วันที่ 24 พ.ย. 64 – รับฟังดนตรีสดและสัมผัสมนต์เสน่ห์ลิ้มลองอาหารอิตาเลียน สำหรับผู้ที่สนใจสปาร์กลิงไวน์อิตาลี ห้ามพลาด เพราะ ผศ.ดร.ฟ้าลัน ศรีสุริยะชัย จะขึ้นเวทีนำเสนอการจับคู่และสปาร์กลิ้ง ไวน์ ของอิตาลี กับอาหาร ในงานด้วย
· วันที่ 24 – 26 พ.ย. 64 – เปิดคลาสเรียนออนไลน์กับผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ดร.ฟ้าลั่น ศรีสุริยชัย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากประเทศไทยและพม่า มาร่วมนำเสนอการเรื่องราวของไวน์แดง ไวน์ขาว และสปาร์กลิ้ง ไวน์ ของอิตาลี และการจับคู่ไวน์กับอาหารแต่ละประเภทอีกด้วย

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ตกหลุมรักประเทศอิตาลีต้องไม่พลาด งาน The 6th Italian Cuisine Week สัปดาห์อาหารอิตาเลียน ครั้งที่ 6 เอาใจทุกสายช้อป สายชิม สายท่องเที่ยว แบบที่ไม่ต้องบินไกลไปถึงอิตาลี

ร้านพิซซ่าของลุงทอม มุมไม่ลับ แต่อยากให้ไปลอง

Uncle Tom’s Pizzeria สวรรค์ของคนรัก พิซซ่าต้องไม่พลาด ความอร่อยเอาใจสายพิซซ่าเลิฟเว่อร์ ชวนมาฟินกับทุกเมนูพิซซ่าชื่อดัง ปักหมุดร้าน อยู่บริเวณ
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

เที่ยวเขาค้อ ทั้งทีอยากหาร้านอาหารเขาค้อบรรยากาศสวยๆ เห็นวิวทะเลหมอก รับลมจะไปที่ไหนดี ? วันนี้มีโอกาสแวะมาร้านนี้ คือตั้งใจมาชมวิวโดยเฉพาะ ที่ Uncle Tom’s Pizzeria ร้านพิซซ่าของลุงทอม พิซซ่าเตาถ่าน อารมณ์ของร้านโอบล้อมไปด้วยภูเขาเรียงรายสูงต่ำหลดหลั่นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ตกแต่งสบายๆ มีสไตล์ของตัวเอง นั่งที่ร้านมองเห็นทิวเขาได่ชัดเจน บางจังหวะมีหมอกลอยต่ำๆ มาให้ชมด้วย และที่สำคัญคนไม่พลุกพล่าน มองเห็นวิวภูเขาและท้องฟ้าที่สวยงามแบบสุดๆ ได้ทุกมุม ส่วนที่นั่งมีทั้งด้านนอก และภานใน เคาน์เตอร์บาร์ด้านนอกเป็นที่นิยมมากเพราะได้นั่งแบบ แนบชิดติดวิวภูเขา

“เสาวรสโซดา” เปรี้ยว ซ่า เพิ่มความสดชื่นแบบเต็มๆ
Uncle Tom’s Pizzeria
ร้านพิซซ่าของลุงทอม มุมไม่ลับ แต่อยากให้ไปลอง
คุณกาญจนาวดี สิริอินทร์ (มาดามถิง) ผู้บริหารร้าน Uncle Tom’s Pizzeria

นอกจากร้านที่ได้บรรยากาศน่ารักอบอุ่นแล้ว เมนูของทางร้านเป็น พิซซ่าของลุงทอมเป็นพิซซ่าโฮมเมด สูตรต้นตำหรับบางกรอบจากอิตาลีโดยเฉพาะอบร้อนๆ ขนาดใหญ่ที่ผ่านการสูตรต้นตำรับใส่ใจทุกขั้นตอน ทานแล้วเป็นที่ติดอกติดใจของหลายคน จุดเด่นของพิซซ่าที่ร้านคือ เป็นอิตาเลี่ยนโฮมเมดพิซซ่า ที่ทำเองตั้งแต่แป้งยันซอส ในทุกถาดใส่เครื่องและชีสแบบจัดเต็ม ก่อนที่จะนำเข้าไปอบในเตาถ่านหลังร้านเพื่อให้ออกมาเป็นพิซซ่าที่มีความหอมของถ่านไม้ อยู่บนแป้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกว่าจะได้มาซึ่งพิซซ่าถาดเด็ดอย่างในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเจ้าของ คุณกาญจนาวดี สิริอินทร์ (มาดามถิง) โดยมาดามต้องไปเรียนการทำพิซซ่าสูตรต่างๆ มาจากเพื่อนสนิทของลุงทอม จุดเริ่มต้นของการเป็นคนที่รักและชื่นชอบในงานบริการ จึงตัดสินใจเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพิซซ่าจนสามารถเปิดเป็นร้านของตัวเองกลับมาสร้างธุรกิจอาหารในฐานะผู้ผลิต ครีเอทเมนูอาหารให้กับแบรนด์ชื่อดังมากมาย จนกระทั่งมาเปิดเป็นแบรนด์ของตัวเอง โดยใช้ทักษะและประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ สร้างสรรค์แบรนด์ ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ทุกเมนูล้วนเกิดจากความตั้งใจจริงและความรักในงานที่เกิดขึ้นและทำเพราะะชื่นชอบในงานบริการ

วันนี้ เราอยู่ที่เขาค้อ เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเพื่อนๆ ในช่วงอากาศเริ่มเย็นอย่างแน่นอน และหากไปถึงเขาค้อทั้งที ฟินให้ครบไม่ใช่แค่แวะไปเที่ยวที่ต่างๆ ตามกลิ่นพิซซ่าเตาถ่าน พิซซ่าแฮนด์เมด เตาถ่านสูตรต้นตำหรับบางกรอบจากอิตาลี สูตรลุงทอม แค่ชื่อร้านก็พอจะรู้แล้วว่าคือ พิซซ่า ซิกเนอเจอร์ และเป็นพิซซ่าเตาถ่าน มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือ นอกจากในเรื่องของแป้งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแล้วก็ยังมีในเรื่องของความสดใหม่ของวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมกันใหม่ในทุกเช้าอย่างแป้งพิซซ่าแบบฉบับของลุงทอม

คุณกาญจนาวดี สิริอินทร์ (มาดามถิง)

ความอร่อยยอดนิยมที่มียอดสั่งสูงสุด อย่าง พิซซ่าฮาวายเอี้ยน (Pizza Hawaiian) ราคา 380 บาท ซอสสไตล์โฮมเมดเข้มข้น หอมกลิ่นชีส แป้งนุ่มบางกรอบ หอมกรุ่นอร่อย ทานแบบร้อนชีสจะละลายเยิ้มยื้อ โดดเด่นด้านการคัดสรรคุณภาพของวัตถุดิบที่ใส่ไปในทุกจาน รับรองว่าใครที่ชื่นชอบพิซซ่าต้องบอกว่า..อร่อยอย่างแน่นอน หอมกรุ่น ชีสเต็มคำ ส่วนเมนูอื่นยอดนิยมของที่นี่ผัดไทยโบราณเมืองเพชร,หมี่กรอบโบราณกุ้ง ,สปาเก็ตตี้หอยลาย,ผัดไทยกุ้งสด

การทำพิซซ่า ในร้าน Uncle Tom’s Pizzeria
การทำพิซซ่า ในร้าน Uncle Tom’s Pizzeria
บรรยากาศในร้าน Uncle Tom’s Pizzeria
เมนูพิซซ่าของลุงทอม
อัญชัญมะนาวสด
น้ำผึ้งมะนาวแท้

Uncle Tom’s Pizzeria
แน่นอนนอกจากมีพิซซ่าเตาถ่านแบบจัดเต็ม เมนูเครื่องดื่มที่แนะนำอยากให้ลอง “เสาวรสโซดา” เปรี้ยว ซ่า เพิ่มความสดชื่นแบบเต็มๆ เมนูน้ำสมุนไพร “อัญชัญมะนาวสด” และ “น้ำผึ้งมะนาวแท้” ทานไปแล้วไม่เพียงแค่รสชาติอร่อยลงตัว
แต่เหมือนเพิ่มสนุกและความมีมิติในการทานยิ่งขึ้น ลองแล้วคุณจะติดใจ! พร้อมเสิร์ฟเอาใจสาวกพิซซ่าโดยเฉพาะ แถมมีบริการเดลิเวอรี่ ส่งตรงถึงหน้าบ้านด้วยนะ ใครที่มาเที่ยวเพชรบูรณ์แนะนำร้านนี้

Uncle Tom’s Pizzeria เขาค้อ
พิซซ่าฟรุตตี้ ดิ มาเร่ (พิซซ่า ซีฟู้ด)
ผัดไทยโบราณเมืองเพชร

พร้อมแล้วมาเริ่มทานอาหารจานแรกกันเลย
พิซซ่าฟรุตตี้ ดิ มาเร่ (พิซซ่า ซีฟู้ด)
หมี่กรอบโบราณกุ้ง
ผัดไทยกุ้งสด
ปลาดอลลี่ทาท่าซอส
ปีกไก่ซอสเกาหลี
สปาเก็ตตี้หอยลาย

ผัดไทยโบราณเมืองเพชร
ปีกไก่ซอสเกาหลี
หมี่กรอบโบราณกุ้ง

ถ้าได้มาลิ้มลองอาหารร้านนี้นอกจากรสชาติความอร่อยอย่างลงตัวแล้ว ถ้าเรามาในช่วงที่มีอากาศหนาว บรรยากาศของร้านนี้จะฟินแบบสุดๆ ไปเลย
นี่คือทั้งหมดของมื้อนี้ที่ร้านอาหาร พิซซ่าของลุงทอม

ชวนมาเติมความสุขกับชีวิต ด้วยการทานของอร่อยแวะมา
ร้านพิซซ่าของลุงทอม (หลังองค์พระใหญ่)
วัดผาซ่อนแก้ว เขาค้อเปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.
248 ม.7 ตำบล แคมป์สน อำเภอเขาค้อ เพชรบูรณ์ 67280
เสาร์-อาทิตย์ 08.00-20.00 น. โทร. 099 335 5565

ใครที่ไม่สะดวกเดินทาง สามารถสั่งทุกเมนูจากทางร้านได้เช่นกัน
Uncle Tom’s Pizzeria
โทรศัพท์: 086 992 3999

เปิดประสบการณ์ความอร่อย ภายใต้แคมเปญ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen

แค่ได้ยินคำว่า โครงการไทยดิชคัฟเวอรี่ (Thai Dishcovery) อาหารไทยที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ ก็การันตีได้ถึงความอร่อย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือเชฟจากร้านอาหารชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคน
รุ่นใหม่ ร่วมสร้างสรรค์เมนู 20 อาหารไทยโบราณ เพื่อฟู๊ดดี้นักกินรุ่นใหม่ ภายใต้แคมเปญ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen

วันนี้ Toptotravel ร่วมงาน โครงการ Thai Dishcovery (ไทยดิชคัฟเวอรี่)
จัดกิจกรรมเปิดตัวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ต.ค.2564 ณ ร้าน Whispering Café จ.นครปฐม คาเฟ่ออร์แกนิก จัดโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
มีความตั้งใจที่จะนําเมนูอาหารไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และเมนูไทยดั้งเดิมที่หารับประทานได้ยากใน ปัจจุบัน ทั้งสิ้น 20 รายการ อาทิ ข้าวยํา ข้าวหลาม เมี่ยงคํา กระยาสารท มังคุดคัด สร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ เพื่อให้เข้ากับกลุ่ม คนรุ่นใหม่ สืบเนื่องจากทางกรมฯ
ได้เล็งเห็นถึงกระแสวัฒนธรรมการบริโภคน้ันได้เปลี่ยนแปลงไป การสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมให้ คงอยู่อย่างยั่งยืนน้ัน จําเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของมรดก ได้เห็นคุณค่า มีความรู้สึกหวงแหน อยากที่จะอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยสืบไปจับมือร้านอาหารชื่อดังของคนรุ่นใหม่ ร่วมกับเชฟจากร้านอาหารชื่อดังกว่า 28 ร้าน ร่วมถ่ายทอดเมนูอาหาร

นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม

นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า การสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้เป็นหน่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของมรดก ได้เห็นคุณค่า มีความรู้สึกหวงแหน อยากที่จะอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ให้คงอยู่กับประเทศไทยสืบไป

อาหารไทยเป็น “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทย อาหารไทยที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อและแทรนด์อาหารไทยอย่างยั่งยืน โดยมีร้านร่วมโครงการ ได้แก่ ร้าน Greyhound cafe ร้าน Audrey ร้าน On the Table , Tokyo Cafe ร้านแหลมเจริญ ซีฟู้ด ร้าน Sood Kua by Supanniga / สุดคั่ว by สุพรรณิการ์ ร้านบ้านหญิง ร้านแก้วแกงใต้ KAEW KANG TAI ร้านไทยนิยม ร้านหลงโถวคาเฟ่ ร้านแสนสําราญที่แสนแสบ ร้าน Ari Café & Bistro ร้าน Club Anda ร้าน My dining chef ร้าน Whispering Cafe ร้าน Lamour cafe ร้าน Wild Coffee & Bistro ร้านทองหยิบทองหยอด ร้านน้องโจ๊ก ร้านคาราเมล ร้านเขาทองเทอเรสต์ ร้านแลเลกริล ร้านเสน่ห์ย่า ร้านอาหารญี่ปุ่นโทบิโกะ ร้านอาหารอัญชลี ร้านหนํา ร้านอาหารชายทะเล ร้านตะโกลา ร้านอรุณดิน่า และ เว็บไซต์ไทยดิชคัฟเวอรี่ด็อทคอม
เปิดตัวโครงการ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen” นําเสนอ
20 เมนูอาหารไทยตํารับโบราณได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ โดยเชฟคนรุ่นใหม่
เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักอาหารไทยโบราณ โดยมี Robinhood foodpanda ร่วมส่งต่อความอร่อยของเมนูอาหารไทย Thai Dishcovery ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลอง

ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง : ร้าน Whispering Cafe
เชฟปริ๊นซ์-เสาวรส ศรีสุริยาพัฒน์กุล, เชฟติ๊ก-สุทธิพันธ์ บุษปนิกรกุล และ เชฟแป๊ะ-จาตุรงค์ ขุนทอง
เชฟติ๊ก-สุทธิพันธ์ บุษปนิกรกุล

อาหารไทย หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ แขกใครมาเยือนติดในในรสชาติ จนได้รับการจัดอันดับว่า เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอร่อยติดอันดับโลก
มีเรื่องเล่า ตํารับสํารับอาหารมากมาย แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งล้วนแล้วแต่สั่งสมประสบการณ์ถ่ายทอดรสมือ และสูตรเด็ดเคล็ดลับ จากรุ่นสู่รุ่น บ้างก็เป็นเป็นอาหารที่แสดงถึงภูมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่น ท้ังการเลือกใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุงอาหารที่พิถีพิถัน บ้างก็นําวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาผสมผสาน ออกมาเป็นเมนูใหม่ที่มี รสอร่อยเป็นเอกลักษณ์ และในปี 2564 นี้ ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มีความประสงค์ที่จะยกระดับอาหาร ไทย ให้
มีความทันสมัย เหมาะแก่คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ Thai Dishcovery : New Dish for New Gen ที่ได้รับ ความร่วมมือกับเชฟจากร้านอาหารชื่อดัง ที่กําลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ นํา 20 เมนูอาหารไทย ด้ังเดิม คือ เถ้าคั่วสงขลา จอแหร้ง หมูย่างเมืองตรัง น้ำพริกกากหมูหมูฮ้อง ไก่กอและ ช่อม่วง หมูโสร่ง ม้าฮ่อ แสร้งว่า แกงเผ็ด(ฉู่ฉี่) ข้าวยํา เมี่ยงคํา หมี่ฮกเกี้ยน โอวต้าว ข้าวหลาม ข้าวต้มมัด ขนมฝรั่งกุฎีจีน (ขนมไข่) ขนมหม้อแกง กาละแม กระยาสารท และมังคุดคัด มาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ พัฒนารูปลักษณ์ รูปแบบการนําเสนอ และรสชาติให้ตอบโจทย์ของกระแสทางวัฒนธรรม ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความอร่อยแบบไทยดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อตอบเป้าหมาย แคมเปญ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen

โครงการ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen เมนูอาหารไทยตํารับโบราณได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ โดยเชฟคนรุ่นใหม่ และถ้าพูดถึงร้านอาหารไทยรสชาติดีในฉบับแบบต้นตำหรับ ร้านอาหารในโครงการเป็นอีกหนึ่งร้านที่หลายๆ คนรู้จักและใความคุ้นเคยอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดีเยี่ยม แต่ต้องเปี่ยมด้วยคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์และความพิถีพิถันในการปรุง

Thai Dishcovery แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการพัฒนาความอร่อยแบบต้นตำหรับร้านอาหารสู่เป้าหมายชีวิตที่สมดุล หลังจากแนะนำโครงการเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงเวลาที่ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสลิ้มลองสุดยอดเมนูในวันนี้ ….

-น้ำมะปี๊ดโซดา
(เชฟ แป๊ะ ร้าน Whispering Cafe)

-ข้าวยำดอกไม้ใบไม้ในสวน
(Whispering cafe)

-ข้าวยำทอด
(แก้วแกงใต้)

-แสร้งว่ายำไข่เต่ามังคุด และ
น้ำพริกกากหมูพริกไทยอ่อน
(แสนสำราญที่แสนแสบ)

-หมูทอดสุดคั่วราดซอสฉู่ฉี่ไข่เค้มแดง
(soodkua by supanniga)

-ข้าวผัดหมูฮ้องซอสคาราเมล
(ari cafe& bistro)

-ชากุหลาบ

-ข้าวหลามสามหน้า
(whispering cafe)

-ยูกิกาละแม
(Club Anda)

น้ำมะปี๊ดโซดา
ข้าวยำดอกไม้ใบไม้ในสวน
ข้าวยำทอด
แสร้งว่ายำไข่เต่ามังคุด และ น้ำพริกกากหมูพริกไทยอ่อน
หมูทอดสุดคั่วราดซอสฉู่ฉี่ไข่เค้มแดง
ข้าวผัดหมูฮ้องซอสคาราเมล
ข้าวหลามสามหน้า และชากุหลาบ
ข้าวหลามสามหน้า
ยูกิกาละแม
 “ยูกิ อิจิโกะ” ขนมโมจิญี่ปุ่นที่จะทำขายเฉพาะฤดูหนาว

โครงการ Thai Dishcovery : New Dish for New Gen ยังคงเดินหน้ารังสรรค์อาหารไทยจานใหม่ร่วมกับเชฟอีกหลายท่าน ในหลายร้าน ไปจนถึงสิ้นปี
ใครที่สนใจก็แวะไปชมไปชิมกันได้ทั้งที่ร้านและบริการเดลิเวอรี่ ถือเป็นอีกไอเดียที่ร้านอาหารเด็ด ที่สามารถนำไปครีเอทเป็นจานใหม่กันได้

สามารถติดตามตัวอย่างการปรุงอาหารไทยรูปแบบใหม่
ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.Thaidishcovery.com

#ThaiDishcovery
#NewThaiDishForNewGen
#กระทรวงวัฒนธรรม
#กรมส่งเสริมวัฒนธรรม

ตามมาเช็คอิน คาเฟ่ เดอ โอเอซิส & โทบี้ พิซซ่าเชียงใหม่

Café de Oasis & Toby’s Pizza
toptotravel เชื่อว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หลายคนเล็งไว้หลังสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับ toptotravel ไม่ว่าจะไปที่นี่กี่ครั้งก็ยังถ่ายรูปได้ไม่เบื่อชอบมุมสวยๆ ต้นไม้เขียว นั่งสบายๆในร้าน บรรยากาศในร้านตกแต่งสวยงามต้นไม้ ท้องฟ้าและแสงไฟ สะท้อนความรู้สึกสบาย อย่างงดงาม เติมความสดชื่น ด้วย กาแฟ อาหาร และ ขนมที่สาย Café Hopping พาเพื่อนมาเที่ยวได้ร้านอยู่ใกล้ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่

ร้านสวย ท่ามกลางธรรมชาติ ในสวนร่มรื่น นั่งสบาย หรือเลือกนั่งในห้องแอร์เหมาะไปทั้งครอบครัว นอกจากบรรยากาศดีดีและมุมถ่ายภาพสวยๆ แล้ว ที่นี่ยังมีทั้ง ความผ่อนคลายรูปแบบใหม่ผ่านเมนูเครื่องดื่มร้อน/เย็น ชา กาแฟ น้ำผลไม้รสชาติดี จิบท่ามกลางบรรยากาศที่ฟินสุดๆ อาหารขึ้นชื่อใหม่ล่าสุดที่ทุกโต๊ะไม่พลาดโทบี้ พิซซ่า พิซซ่าโฮมเมดสูตรอิตาเลียนดั้งเดิม อบใหม่ จากเตาฟืน หอมกรุ่น หน้านี้มีซอสมะเขือเทศ, มอซซาเรลลา, พาร์มาแฮม, ร็อคเก็ต และ พามาซานชีส อร่อยกันถ้วนหน้า สั่งเชฟคัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างดี อบสดใหม่ ถาดต่อถาดในเตาฟืนเพิ่มความหอม กรอบนุ่มใน

เดอ โอเอซิส & โทบี้ พิซซาเชียงใหม่

แนะนำ พิซซ่าแบบอิตาเลี่ยนต้นตำรับ อย่างเช่น
Formaggi (ชีส 4 ชนิด) 350.-
พิซซ่าหน้าไส้อั่ว 350.- (ฟิวชั่นที่ใส่ความเป็นไทยอย่างลงตัว)
พิซซ่าแบบวีแกน 290.-

เย็นนี้อย่าพลาดโปรโมชั่น Happy Hour ลด 50% สำหรับรายการอาหารที่เชฟคัดสรร มากว่า 15 รายการ

Café de Oasis & Toby’s Pizza ร้านกาแฟในสวนใกล้กับศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ร่มรื่น บรรยากาศดี มีที่นั่งให้เลือกมากมายหลายโซน ไม่ว่าจะชอบนั่งดื่มกาแฟทานอาหารเช้า หรือใครกำลังมองหาที่นั่งทำงานสบายๆ ที่นี่มีพื้นที่ co working spaceไว้บริการ รวมทั้งมีทั้งเครื่องดื่มกาแฟ อาหาร และเค้ก ที่สำคัญไวไฟที่นี่แรงมากค่ะ เบื่อ WFH นัดกันมารวมตัวกันที่นี่ ใครอยู่บ้านอยากทานพิซซ่าอร่อยๆ ส่งฟรีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตรใครอยากรู้ว่าการไปเจออะไรแบบนี้มันรู้สึกดีขนาดไหนหมด Covid-19 แล้วจัดเลยนะ

พื้นที่ co working space
เติมความสดชื่น ขนมที่สาย Café Hopping ห้ามพลาด

Café de Oasis & Toby’s Pizza
เวลาเปิด-ปิด 08.00-20.00 น. ทุกวัน
สำรองโต๊ะ โทร. +6653920191 หรือ แชท Line ID: @cafedeoasis

แผนที่ https://goo.gl/maps/okPV5BR8sWr

ร้านคาเฟ่ เดอ โอเอซิส & โทบี้ พิซซ่า ร้านกาแฟในสวนใกล้กับศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่

#AfternoonTea #ChiangMaiCafe #CraftCoffee #ChiangMaiCoffee #ChiangmaiCake #ChiangMaiFood #chiangmaibreakfast #toptotravel