Category Archives: Lifestyle

รฟฟท.สวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสารเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสารเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ จัดกิจกรรมการตลาดสุดพิเศษ เพื่อส่งมอบความสุข และความห่วงใยให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์ โดยส่งมาสคอต “MR.RED Line” ออกแจกหน้ากากอนามัย KF94 (Korea Design) จำนวน 100,000 ชิ้น (10,000 ชุด) ภายในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงทุกสถานี และแจกบัตรของขวัญมูลค่า 200 บาท 50 รางวัล ให้แก่ผู้โดยสารที่ร่วมสนุกโพสต์ภาพการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงลงใน Instagram ส่วนตัว และติดแฮชแท็ก #สวัสดีปีใหม่ไทยรถไฟฟ้าสายสีแดง และแท็กมาที่ Instagram red_line_srtet  

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2565 บริษัทฯถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสาร พร้อมส่งมอบความสุข และความห่วงใยให้แก่ผู้โดยสารด้วยกิจกรรมการตลาดทั้งรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์

โดยกิจกรรมการตลาดออฟไลน์ บริษัทฯส่งมาสคอต “MR.RED Line” เป็นตัวแทนอวยพรปีใหม่ไทยและแจกหน้ากากอนามัย KF94 (Korea Design) จำนวน 100,000 ชิ้น (10,000 ชุด) ภายในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงทุกสถานี ในวันที่ 11 – 12 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 06.00 – 18.00 น.

สำหรับกิจกรรมการตลาดออนไลน์ เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารร่วมสนุกโพสต์ภาพการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงลงใน Instagram ส่วนตัว และติดแฮชแท็ก #สวัสดีปีใหม่ไทยรถไฟฟ้าสายสีแดง และแท็กมาที่ Instagram red_line_srtet ตั้งแต่วันที่ 13 – 15 เมษายน 2565 โดยผู้ร่วมสนุกกิจกรรมต้องตั้งค่า Instagram ส่วนตัวเป็นสาธารณะ ภาพที่ถูกใจคณะกรรมการรับบัตรของขวัญมูลค่า 200 บาท จำนวน 50 รางวัล ส่งตรงถึงบ้านฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ประกาศผลการร่วมสนุกวันที่ 25 เมษายน 2565 ทั้งนี้การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด  บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้โดยสารจะได้รับความสุข และรู้สึกถึงความปลอดภัยทุกครั้งจากการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง https://www.srtet.co.th/th

Paulaner Garden Srinakarin ร้านอาหาร สไตล์เบียร์การ์เด้นแห่งแรกในประเทศไทย

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารเยอรมันยอดนิยมที่นักชิมต่างรู้จักเป็นอย่างดีมากว่า 16 ปี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการเสาะหาอาหารอร่อยของเจ้าของร้านในฐานะนักชิม นำมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อส่งมอบความสุขจากอาหารดี ๆ ผสมผสานกับความชื่นชอบร้านอาหารที่มีความโปร่ง โล่ง นั่งสบาย เหมือนนั่งในสวนหน้าบ้าน ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน

การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไป ความสบายใจที่หาได้จากธรรมชาติ ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับสไตล์ New Normal ที่ต้องดูแลสุขภาพและป้องกันโควิด นักชิมไม่ต้องกังวล เพราะ ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์ ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง พร้อมด้วยเจลแอลกอฮอล์และ อุปกรณ์วัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน ที่สำคัญที่สุดเป็นร้านอาหารที่ได้รับ SHA มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้อีกระดับหนึ่งอย่างไรก็ตามด้านให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์เยอรมัน Paulaner Garden คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น คอเบียร์ หรือคนที่ชื่นชอบอาหารในสไตล์บาวาเรียน แถมยังได้เพิ่มเติมเมนูอาหารไทยที่โดนใจนักชิม

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ เมนูต่างๆ อร่อยติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คอนเซ็ปต์ร้าน และเมนูอาหารที่ยังคงโดดเด่นเหมือนเดิม และยังได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางส่วน เช่น บริการพิเศษส่งอาหารบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงที่บ้าน บรรยากาศในร้าน นอกจากจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นเยอรมันแล้ว ยังมีจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารพอลลาเนอร์ นั่นก็คือ เสาบริเวณหน้าร้าน ที่เรียกว่า May Pole ซึ่งบนเสาจะมีรายละเอียดแสดงถึงสัญลักษณ์โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ของแคว้นบาวาเรียน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ที่ร้านพอลลาเนอร์ สาขาศรีนครินทร์ เท่านั้น เดิมทีร้าน Paulaner Garden ตั้งอยู่ย่านแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ย่านศรีนครินทร์ เป็นร้านใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังคงความอร่อยและเต็มไปด้วยความสุขเช่นเดิม

กานต์พิชชา คงสมบัติ ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์

นอกจากความพิเศษอันดับหนึ่งของ Paulaner Garden น่าจะอยู่ที่ “บรรยากาศ” ส่วนโดยรอบร้านด้านหน้าร้าน มีที่นั่งทานอาหารสบายๆ ในสวน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศช่วงเวลาแห่งความสุข รวมถึงด้านในร้านเองมีการจัดวางโต๊ะอาหารตามโซนต่างๆ ถึง 2 ชั้น ให้บริการได้ถึง 80 ที่นั่ง พร้อมกับการเพลิดเพลินไปกับภาพบนผนัง ที่สื่อเรื่องราวขบวนการผลิตเบียร์ สีสันงานเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวบาวาเรียน หรือเทศกาลงานเลี้ยงมีการตั้งชื่อต่าง ๆ และยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน ทางร้านมีห้องไวน์เซลล่า เพื่อรองรับการประชุมหรือสังสรรค์ จัดกิจกรรมต่างไว้บริการด้วย และเครื่องดื่ม เบียร์เยอรมันและอังกฤษหลากหลายชนิด ให้ลิ้มลองทั้งของ Paulaner ,Hacker Pschorr , Fuller’s ,St Austel , Smuel Smith ,Cornish Cider และ Wine , เบียร์สดดื่มอย่างจุใจ

“กานต์พิชชา คงสมบัติ” ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากกลับมาเปิดเหมือนเดิมหลังจากปิดชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทางร้านได้การรับรองมาตรฐาน SHA และตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า มีการจัดโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง พนักงานในร้านผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส ทุกสุดสัปดาห์ทางร้านจะมีตรวจ ATK ให้กับพนักงาน ลูกค้าที่เข้าร้านต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” และตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิด้านหน้าร้าน ส่วนภายในร้านมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และมีบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการในทุกมุมของร้าน รวมถึงในห้องน้ำ นอกจากนั้น ทางร้านยังได้เตรียมช้อน มีด ส้อม ทิชชู ใส่ซองแยกเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกคน

เมนูไฮไลท์พอลลาเนอร์ การ์เด้นท์
-ไส้กรอก บาวาเรียน (Bavarian Sausage) เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งผัดเบคอนและซาวเคราท์ ซึ่งภายในจานจะมีไส้กรอก 3 ชนิด ประกอบด้วย ทูริงเจอร์ เป็นไส้กรอกที่ม้วนเป็นกลมๆในจาน ไส้กรอกชีส และ เยอรมันบราทเวิร์ส เนื่องจากทางร้านสั่งทำเฉพาะทางร้านพอลลาเนอร์การ์เด้นท์เท่านั้น และคิดค้นสูตรไส้กรอกตั้งแต่ร้านเปิดมา ซึ่งใช้เวลาลองผิดลองถูก จนมาลงตัวด้วยรสชาติที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรเยอรมันนานาชนิด และมีเนื้อนุ่มมากเป็นพิเศษ และที่พิเศษก่อนเสิร์ฟไส้กรอกทางร้านจะนำไปต้มก่อนเพื่อรีดไขมันออก จากนั้นจึงนำไปย่าง เมื่อกินไส้กรอกจะไม่เลี่ยน

ขาหมูเยอรมัน สูตรเพื่อสุขภาพ เพราะผ่านขบวนการทำกว่า 3 ชั่วโมง ด้วยเคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพหรือเรียกว่า ขาหมูรีดมัน ด้วยวิธีการหมักกับเครื่องเทศอย่างดีนำไปต้มจนสุกแล้วนำเข้าเตาอบ แถมยังมีการเพิ่มเบียร์เยอรมันเข้าไปผสมผสานเพิ่มความหอม และเพิ่มความนุ่มเป็นพิเศษ รับรองได้ว่าไม่เหมือนใคร การันตีความอร่อยด้วยการโทรจองล่วงหน้า จะได้ทานขาหมูเยอรมันที่อร่อยเลิศ กรอบนอก นุ่มใน และกรอบนาน อร่อยได้อย่างแน่นอน เสิร์ฟพร้อมด้วย น้ำจิ้ม 3 สูตรเด็ด สุดแซ่บเวอร์ โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ด

ขาหมูเยอรมัน

เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ เสริฟคู่กับตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน อบใหม่ร้อนๆ

ตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน
เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ
ขนมปังเพรสเซล
-พล่าปลาแซลมอนสด

-พล่าปลาแซลมอนสด พล่าแซลมอนเนื้อปลาแลมอนชิ้นโต คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงพล่ารสจัดจ้านแบบไทยๆ จานนี้เด็ด มาต้องสั่งเหมือนกัน

สปาเก็ตตี้

แอปเปิ้ลสตูเดิล เป็นขนมแบบดั้งเดิมของประเทศออสเตรีย มีส่วนผสมของ
แอปเปิ้ล ห่อด้วยแป้งพายพับอบกรอบแผ่นบางคล้ายแป้งฟิโล เสิร์ฟคู่ไอศครีมวนิลา อร่อยรสชาติไม่หวานมาก

แอปเปิ้ลสตูเดิล

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเพื่อสุขภาพอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่ พิซซ่า ซึ่งเป็นพิซซ่าแผ่นสี่เหลี่ยม เป็นแบบเฉพาะของที่ร้านแป้งบางๆ มีหลายหน้าให้เลือกลิ้มลอง เช่น พิซซ่าเจหรือพิซซ่าหน้าผัก ที่อัดแน่นไปด้วย มะเขือเทศ ผักโขม หอมใหญ่ หอมดอง เห็ดแชมปิญอง นอกจากนี้ ยังมีพิซซ่าหน้าซีฟู๊ด เซลามี่ พามาแฮม หรือ พิซซ่าหน้าแซลมอนสด ทางร้านเลือกใช้แซลมอน เกรดพรีเมียมจากนอร์เวย์สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ วางบนแผ่นพิซซ่า เป็นอีกเมนูที่อยากให้มาลิ้มลอง

รวมถึงเมนูเด็ดยอดนิยมที่กำลังมาแรงเช่น สปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้งกระเทียม เป็นเมนูขายดีถูกใจคนไทย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่รวม 3 สัญชาติไว้ด้วยกัน เพราะมีเส้นสปาเก็ตตี้จากอิตาเลียน ไส้กรอกจากเยอรมัน และพริกแห้งและกระเทียมจากไทย น้ำมาผัดกับน้ำมันมะกอก ปรุงรสจัดจ้านแบบไทยๆ เส้นเหนียวนุ่มกลิ่นหอมของชีสและเผ็ดนิดๆ ทางร้านยังมีเด็ดมากมายเช่น ลาบแซลมอนทอด พล่าปลาแซลมอนสด, ยำขาหมูพอลาเนอร์, ยำเห็ดสามอย่าง หอยแมลงภู่ชิลีผัดเบียร์ดำ ที่ต้องลอง และไม่ลืมปิดท้ายความสุขด้วย ของหวานจานโปรดที่ขายดิบขายดี คือ แอปเปิ้ลสตูลเดิ้ล เป็นเมนูของหวานสไตล์เยอรมัน ด้านในเป็นแอปเปิ้ลผัดกับชินเนม่อน ห่อด้วยแป้งและอบจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาหรือช็อคโกแลต ซึ่งสามารถเลือกรสชาติไอสกรีมได้ หรือ ช็อคโกแลต
บราวนี่ ที่เสิร์ฟกับไอศกรีมวนิลลา จนอยากลิ้มลองเสียทั้งคู่

นอกจากจะเปิดบริการตามปกติแล้ว ทางร้านยังรับจัดงานนอกสถานที่ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้านด้วย เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มส่วนตัว หรือจัด
อีเว้นท์ได้ในบรรยากาศสไตล์เยอรมันเหมือนได้ไปกินที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ส่วนในร้านและในสวน นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับรองรับได้ประมาณ 25 ท่าน พร้อมชุดคาราโอเกะไว้บริการอีกด้วย

พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. 2 ชั่วโมงเต็ม นักชิมจะได้เพลิดเพลินฟังเพลงไพเราะ ไปกับวงดูโอ ศิลปินจากเวทีประกวดเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ( บัง & เขี้ยว ) ทั้งดนตรีไทยและสากลให้ได้ฟังกันอย่างเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศในสวนสวยสบายๆ สไตล์เยอรมัน เหมาะกับการพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนๆ ในวันสุดสัปดาห์

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ https://www.youtube.com/watch?v=2v3AY_HtHtY

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์
ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 9 แยก 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

ที่ร้านมีบริการเดลิเวอรี่
เปิดบริการ 16.00-23.00 น. โทร. 08 2790 1782
พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. (2 ชั่วโมงเต็ม)

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.paulaner-garden.com

อัพเดทโฮมสเตย์สุดน่ารักที่ จังหวัดสระบุรี “บ้านไร่ไชยคิ้ม” เรียบง่าย แต่มีความสุข

สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้ Toptotravel มีโอกาสไปพักที่ จังหวัดสระบุรี ไปเจอที่พักเปิดใหม่สุดน่ารัก ….ที่พักอยู่ติดกับธรรมชาติ เรียบง่าย พักสบายกายและใจ คืนนี้นอนโฮมสเตย์กลางทุ่งนาชิลๆ มองวิวภูเขา เป็นที่พักที่มีความ Minimal ที่นี่มีชื่อว่า บ้านไร่ไชยคิ้ม และความเงียบสงบของ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี

บ้านไร่ไชยคิ้ม โฮมสเตย์ บรรรยากาศดี๊ดี โฮมสเตย์ริมบึงท่ามกลางนาข้าว ขุนเขา แนะนำไปสโลว์ไลฟ์กับเมืองสงบใกล้กรุงเทพนิดเดียว อย่างจังหวัดสระบุรี ด้วยบรรยากาศโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ผู้คนใจดี ตัดกับไร่นาสีเขียวชะอุ่มของชาวบ้าน พ่วงด้วยความเป็นอยู่แบบชาวบ้านที่เนิบช้า ทำให้ที่นี่ กลายเป็นอีกหนึ่งที่พักปักหมุดที่เราไม่อยากให้คุณพลาด

ที่พักที่เกิดจากความหลงในความงามของธรรมชาติ ต้นไม้ และภูเขา ที่นี่ในช่วงเดือนมีนาคม อากาศร้อนในช่วงกลางวัน แต่มีลมพัดผ่านตลอด หน้าหนาวช่วงค่ำอากาศเริ่มขึ้นเรื่อยๆ ชอบที่พักสไตล์นี้มาก ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความน่ารักเต็มไปหมด โฮมสเตย์ที่พักตกแต่งด้วยไม้เก่าดัดแปลงได้สวยงามทันสมัย ตกแต่งด้วยโทนสีธรรมชาติ ผสมผสานกับงานไม้กับบ้านแบบไทย ที่ดูอบอุ่น มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ทุกอย่างดูเข้ากันอย่างลงตัว ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตเชิงเกษตร ชมวิวหลักล้านแบบนี้ได้แค่เอื้อม เป็นอีกหนึ่งที่พักทีเหมาะแก่การมาพักผ่อนชิลๆ นอนเล่นอ่านหนังสือ เดินชมหมู่บ้านใช้ชีวิตเนิบๆ จริงๆ ค่ะ

สำหรับห้องพักของที่นี่ ภายในห้องพัก บ้านไร่ไชยคิ้ม โฮมสเตย์
ด้านในตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจสุดน่ารัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกปกติตามมาตรฐานโฮมสเตย์ นอกจากนั้นยังมี แอร์ พัดลม ที่นอน หมอน ผ้าห่ม พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง ขนาดกว้างขวาง มีมุมนั่งเล่นเล็กๆ สำหรับพักผ่อนด้วย และห้องน้ำซึ่งเป็นไฮไลท์ อาบน้ำไปสบตากับวิวภูเขา และผ่อนคลายกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกแนบชิดธรรมชาติ ในบรรยากาศเงียบสงบ ส่วนเรื่องของไฟฟ้าจะสามารถใช้ได้ตั้ง 6 โมงเย็น ไปจนถึงเช้า ด้วยความที่โฮมสเตย์แห่งนี้ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต จึงทำให้ผู้เข้าพักที่มาเยือนที่แห่งนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและคนสนิทได้แบบเข้าอกเข้าใจกันอย่างแท้จริง และความพิเศษของบ้านหลังนี้ยังไม่หมด เค้ามีระเบียงชมวิว และบันไดเดินลงไปยังพื้นที่ด้านล่างซึ่ง บ้านไร่ไชยคิ้มมีความตั้งใจให้เป็นมุมนั่งเล่น รวมถึงทานอาหารเช้า อาหารเย็น

อาหารเช้าของที่นี่ยังเสิร์ฟจะเป็นเมนู สุดเลิฟ ข้าวต้มหอมมะลิเสิร์ฟมาเป็นเซตพร้อมไข่ออนเซน ตื่นมาได้ทานช่วงเช้าคือดีมากๆ

หากใครกำลังคิดถึงที่พักท่ามกลางธรรมชาติ ค้นหาตัวเอง หาที่พักแบบเงียบสงบ และมองหาที่พักน่ารักๆ บอกเลยที่นี่ตอบโจทย์มากมีมุมนั่งเล่น เดินชิลในสวน และเดินถ่ายภาพเพียบ แถมบรรยากาศของที่พักกว้างขวางน่ารัก อบอุ่นรับประกันได้เลยว่า เป็นที่พักที่ใกล้ชิดธรรมชาติและสะดวกสบายอย่างแน่นอน

ที่นี่เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ กึ่งไม้กึ่งปูน ภายในตกแต่งเรียบง่ายขนาดสองชั้นห้องพักที่นี่มีเพียง 2 ห้อง /ห้องพักแบบบ้าน 2 หลัง เท่านั้น !!! อยากชวนจองมาเที่ยวกันนะคะ ช่วงนี้อากาศกลางวันและมีแดดแรงแต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม มีลมพัด เย็นช่วงกลางคืน อากาศประมาณ 24-29 องศา ใครที่มากันเป็นกลุ่มหลายคนก็สามารถเหมาหลังได้ค่ะ

ติดต่อ คุณเหน่ง เบอร์โทร 0854795642

ราคาโปรโมชั่นสอบถาม บ้านไร่ไชยคิ้ม
ราคานี้รวม

  • พักได้ 2 -4 ท่าน
  • รวมอาหารเช้าสไตล์ไทย
  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พร้อมเปิดให้บริการแล้ว บ้านไร่ไชยคิ้ม หนองแซง สระบุรี โฮมสเตย์เล็กๆ บรรยากาศดี ใกล้ธรรมชาติ เปิดจองห้องพัก ราคาถูก ร่มเย็น พอเพียง
ติดต่อเบอร์โทร 0854795642 คุณเหน่ง
บ้านไร่ไชยคิ้ม @baanraichaikim

บ้านไร่ไชยคิ้ม Ep.1 ตอน เปิดโฮมสเตย์อย่างเป็นทางการ #หนองแซง #สระบุรี
https://www.youtube.com/watch?v=TLygwQdG4R0

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9 ดำเนินงานด้านทันตนวัตกรรมเน้นหลักการ ค้นคว้า ปฏิบัติ และพัฒนา 10กว่าปีที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ทั้ง 8 หน่วยได้มากกว่า 5 แสนคน คิดค้นนวัตกรรมด้านทันตกรรมผลิตใช้ได้เองภายในประเทศทดแทนการนำเข้า ช่วยภาครัฐประหยัดเงินได้มหาศาล ล่าสุด ร่วมกับภาคีเครือข่าย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาบริการนวัตกรรมทางด้านทันตกรรม (Digital Dentistry) ตั้งเป้าดูแลผู้สูงอายุ ให้มีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยในโอกาสจัดกิจกรรม “มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ พบสื่อมวลชน” ว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการจัดตั้งมูลนิธิฯ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการให้บริการด้านทันตกรรมแก่ประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปแล้วประมาณ 500,000 คนรวมทั้งมีโครงการที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรมที่ผลิตได้ภายในประเทศ โดยให้เครือข่ายนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชน อย่างเช่น โครงการรากฟันเทียเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ได้มากกว่า30,000 คน

ทพญ.สุปราณี ดาโลดม ผอ.ศูนย์พัฒนาระบบบริการและคลินิกทันตกรรม และ นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดิมเป็นหน่วยงานหนึ่งในหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่อมามีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิฯ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ตามพระราชกระแส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่าทันตแพทย์ไม่ควรจะทำการรักษาอย่างเดียว ควรจะได้มีการคิดค้น พัฒนาวิจัย และพัฒนา เพื่อที่จะผลิต วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ขึ้นมาใช้เองในประเทศด้วย

ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นผู้ดำเนินการเลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจของมูลนิธิฯ มีหน้าที่หลักอยู่ 3 ประการ คือ
ภารกิจส่วนแรก เป็นฝ่ายเลขานุการของหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ซึ่งมีหน่วยบริการอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมูลนิธิฯ สนับสนุนเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการออกให้บริการประชาชน ซึ่งแต่ละปีสามารถให้บริการประชาชนได้ประมาณ 50,000 คน ภายใน 10 ปี มียอดรวมประมาณ 500,000 กว่าคน

ภารกิจส่วนที่ 2 คือทำการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้เกิดนวัตกรรมสำหรับนำไปรักษา แก้ไข ฟื้นฟู ป้องกัน ทางทันตกรรมให้กับประชาชน ปัจจุบันนี้มีผลิตผลซึ่งเกิดจากการวิจัยและพัฒนาของมูลนิธิฯ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารทางการแพทย์ เช่น เจลลี่โภชนา อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก วุ้นชุ่มปาก หรือนวัตกรรมน้ำลายเทียมชนิดเจลสำหรับผู้ที่มีภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย หรือ ผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าถึงประชาชนผู้ใช้ได้ประมาณ240,000 คน ในช่วงเวลา 10 กว่าปี ที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องมือแพทย์มี รากฟันเทียมสำหรับผู้สูญเสียฟัน ฟันเทียมทั้งปาก ซึ่งฟันเทียมประเภทนี้จำเป็นมากสำหรับผู้สูงอายุซึ่งจะต้องได้ใส่ฟันเทียมเพื่อที่จะได้มีฟันเทียมเคี้ยวอาหาร

นอกจากนี้ยังมีสารผนึกหลุมร่องฟันเรซิน เอาไว้สำหรับป้องกันฟันผุ กรณีผู้ที่ที่มีปัญหาหลุมร่องฟันซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาฟันผุ ล่าสุดผลงานที่สำคัญคือ งานวิจัยและพัฒนาผลิตน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อในช่องปากจากหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่ผ่านมาใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นหลัก

ภารกิจส่วนที่ 3 คือร่วมกับภาคีเครือข่ายในการให้บริการกับประชาชน เกิดโครงการต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่นโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งปกติแล้วรากฟันเทียมหนึ่งซี่ราคาแพงแต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาประชาชนได้รับบริการฟรีไปแล้วประมาณ 30,000 กว่าคนคิดเป็นมูลค่าในการประหยัดเงินได้มหาศาล

เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานสิ่งสำคัญไว้หลายประการ แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือเรื่องที่มีแนวพระราชกระแสเกี่ยวกับการค้นคว้า ปฏิบัติ พัฒนา ซึ่งทำให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯมีทิศทางที่ชัดเจน และเนื่องจากในเวลานี้เป็นยุคดิจิทัล เป็นกระแสของโลก ในปี 2565 ถึงปี 2570 มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมมือกับกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ในการดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเปลี่ยนระบบการให้บริการทันตกรรมเดิมที่เรียกว่า Analog ไปสู่ Digital Systemเพื่อทำให้ประชาชนนับสิบล้านคนเข้าถึงการให้บริการรวมทั้งเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกิดจากการวิจัย พัฒนาของมูลนิธิฯ

“เราให้ความสำคัญกับวิจัยและพัฒนา ซึ่งยังมีหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งไว้เป็นพระราชกระแส เป็นรับสั่งสุดท้ายก่อนสวรรคตว่า ผู้สูงอายุอย่างเรามีจำนวนมาก ทันตแพทย์ต้องช่วยดูแล ซึ่งผู้สูงอายุปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นถึง 14 ล้านคน อันนี้ก็เป็นโจทย์สำคัญที่มูลนิธิฯและภาคีเครือข่ายจะต้องหากรรมวิธีที่จะดำเนินการที่จะทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นได้รับการดูแลรักษาทางด้านทันตกรรมให้เหมาะสมและมีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป”เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าว

เดอะ ลูนา ป่าตอง : The Lunar Patong

ใครที่วางแผนมาเที่ยวภูเก็ตในช่วงนี้ หน้าร้อนมาแล้ว อยากชวนมาหนีความวุ่นวายในเมือง ไปรับวิตามินดีแบบเต็มๆ กับริมชายหาดในภูเก็ตกันดีกว่า กับที่พักราคาถูกและดี ใกล้ทะเล ใกล้ชายหาด ใกล้ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ร้านสะดวกซื้อ โรงแรมเดอะ ลูนา หาดป่าตอง เป็นที่พักที่มีชื่อเสียงและได้รับมาตรฐานใน ภูเก็ต ตั้งอยู่ใกล้หาดป่าตอง อีกทั้งยังใกล้กับห้างสรรพสินค้าและถนนบางลาซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนชื่อดังของเมืองภูเก็ต ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีสวนส่วนตัวที่ช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นอีกด้วย

ตั้งแต่เดินก้าวลงจากรถ เข้าสู่บริเวณโรงแรมเดอะ ลูนา โรงแรมออกแบบสไตล์โมเดิร์น โรงแรมยังให้ความสำคัญในเรื่องฟังก์ชันการใช้งานที่ดีมาก การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพนักงานทุกคนในโรงแรม การบริการดีเยี่ยม ที่พักกว้างขวางสวยงามอลังการ ดูไม่วุ่นวายด้วย ที่จอดรถสะดวกสบาย ที่พักพร้อมวิวภูเขา สระว่ายน้ำ บรรยากาศดี สะดวกสบาย ใกล้ทะเล ใกล้ชายหาด มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ จัดว่าเป็นที่พักราคาหลักร้อยสุดคุ้มในช่วงเวลานี้ เหมาะสำหรับครอบครัว เพื่อนฝูงหรือมาพักกันเป็นหมู่คณะ เพราะที่นี่มีห้องรองรับหลากหลายรูปแบบ ห้องสวยมาก เลือกที่พักเรียบหรูและราคาแสนจะประหยัด

ชื่อที่พักเขียนว่า เดอะ ลูนา ป่าตอง : The Lunar Patong
เป็นอีกหนึ่งโรงแรม ที่มีทำเลอยู่ใจกลางป่าตอง สำหรับห้องพัก ดีลักซ์/เตียงคู่ หรือเตียงเดี่ยวพร้อมระเบียง วิวสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ช่วงที่ไปราคาโปรหลักร้อย ช่วงนี้ยังไม่มีอาหารเช้า ห้องพักตกแต่งสวยงาม สะดวกสบาย น่าพัก หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวที่นี่มีห้อง ห้องสวีทแบบหนึ่งห้องนอน ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มีระเบียงมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และวิวภูเขา สระว่ายน้ำเป็นสระที่มีขนาดยาว กว้างตามตัวโรงแรม ว่ายไปมาได้จริงๆ บริเวณสระว่ายน้ำมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ห้องพักปรับอากาศทุกห้องมีทีวีจอแบนและห้องน้ำส่วนตัวพร้อมฝักบัว มีพื้นที่นั่งเล่นเพื่อผ่อนคลาย รวมทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ และเครื่องใช้ในห้องน้ำฟรี มีบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) สะดวกสบายมาก ในส่วนของห้องพักมีขนาดกว้างมาก ห้องพักตกแต่งเรียบๆ สวยงาม สะดวกสบาย เตียงใหญ่นอนสบาย หมอนนุ่ม มีโชฟาใหญ่ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว แต่งทันสมัย และมีอ่างอาบน้ำสุดฟิน เหมาะสำหรับการมาฮันนีมูนสุดๆ ดีงามไปหมด หากใครกำลังมองหาที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยวแต่บรรยากาศเงียบสงบ เราขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ

อ้อ! ช่วงนี้โรงแรมยังไม่ได้เปิดบริการอย่างเต็มๆ พนักงานบางส่วนจะไม่ได้อยู่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็มีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถโทรฉุกเฉินได้ตลอดเช่นกัน

โรงแรมเดอะ ลูนา ป่าตอง
31/1 Rat-Uthit 200 Pee Road Patong Beach, Katu, Phuket 83150

Inbox : Face book : The Lunar Patong
โทรมาก็ได้ที่ 076 380500 หรือ 088 7915284
https://thelunar.com-patong.com/th/

#TheLunarPatong #ที่พัก #โรงแรมสวย #ท่องเที่ยว #เที่ยวภูเก็ต
#โรงแรมเดอะลูนาป่าตอง #toptotravel

เสน่ห์แห่งบ้านเก่า Narisa Cafe & Creative Space

วันนี้เราจะชวนทุกคนไปลิ้มรสกาแฟ Narisa Cafe ร้านกาแฟแสนอบอุ่นชวนผ่อนคลายบนพื้นที่ใจกลางเมือง กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศส่วนตัวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน ท่ามกลางการตกแต่งภายใน ร้านที่รื่นรมย์ไปด้วยธรรมชาติและงานศิลปะที่บอกเลยว่า แค่เข้าไปก็เหมือนหลุดเข้าไปในอีกยุคนึงเลย เรียกว่าเป็นคาเฟ่หลงยุคใจกลางกรุงเทพ มาพร้อมบรรยากาศสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายจากพื้นที่ในเมืองมีความวินเทจแต่ยังคงความคลาสสิก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย

NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
coworking space

คาเฟ่แห่งนี้ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ภายในโล่ง โปร่งสบาย อาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก บรรยากาศอบอุ่นจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสง ต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างเฉพาะ และลงตัวมากๆ ทำให้คาเฟ่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลายอยพร้อมเปลี่ยนทุกช่วงเวลาให้น่าจดจำ ที่ร้านมีเครื่องดื่มและกาแฟดีๆ นอกจากตัวร้านจะตกแต่งได้คลาสสิกแล้ว ภายนอกและภายในร้าน ยังมีโซน coworking space ที่สามารถแชร์พื้นที่ทำงานร่วมกันพร้อมบรรยากาศร่มรื่น ภายในออกแบบโดยการเก็บของเก่าในบ้านมาดีไซน์ใหม่ จึงทำให้ของทุกชิ้นไม่เหมือนใครมีความหมายและสื่อถึงความทรงจำอันงดงาม การผสมผสานงานศิลปะ ความชอบส่วนตัวและยังใส่ใจในการจัดวางของตกแต่งให้ดูเข้ากันในสไตล์ Narisa Cafe

อีกหนึ่งคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งเกิดขึ้นจากการปรับปรุงบ้านหลังเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่ ที่มาพร้อมบรรยากาศชวนนั่งเล่น Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่า คงร่องรอยดั้งเดิมของตัววัสดุที่เก่าแก่ไปตามกาลเวลา กลมกลืนกับวัสดุไม้และปูนของตัวบ้านอย่างลงตัว Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวความทรงจำที่มีค่าไว้มากมายสำหรับบ้านหลังนี้สร้างขึ้นในปี 2501 เป็นอาคารเรือนครึ่งไม้ครึ่งตึก ทำด้วยไม้สัก ออกแบบโดย อาจารย์ประดิษฐ์ ยุวะพุกกะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติที่มีอายุยืนยาวมากถึง 96 ปี ผลงานสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมจึงมีอยู่ทุกหนแห่ง ครอบครัวของท่านเป็นช่างสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 จึงได้รับอิทธิพลและได้รับการสืบทอด ตลอดจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่านประสิทธิประสาทวิชการให้ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ท่านยังได้ร่วมงานกับอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ในช่วงที่ท่านรับราชการ อยู่ที่กรมศิลปากร

Narisa Cafe & Creative Space สร้างขึ้นจากการปรับปรุงบ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณนริศา ชัยสูตร ( น้องฟ้า )

กลับมาปรับปรุงบ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี ปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็นร้านกาแฟ Narisa Cafe & Creative Space ที่ออกแบบเอง เพิ่มมิติให้สเปซใช้สอยภายในและภายนอกร้านดูโดดเด่นและเป็นสัดส่วนด้วยการปรับปรุงบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้น กลายเป็นคาเฟ่สุดคลาสสิก ไอเดียของเจ้าของร้านคือ คุณนริศา ชัยสูตร หรือ น้องฟ้า ผู้เป็นหลานสาวที่ใกล้ชิดกับคุณย่าสมจิตร ชัยสูตร คุณแม่ของ ดร.นริศ ชัยสูตร โดยคุณย่าสมจิตร เมื่อคร้ังมีชีวิตอยู่รับราชการอยู่ที่กรมศิลปากร ได้รู้จักใกล้ชิดกับศิลปินในด้านต่างๆมากมายและคุณย่าสมจิตร เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้น้องฟ้า สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และจบการศึกษาได้ปริญญาตรีเกียรตินิยม จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ จากนั้น
ได้จบปริญญาโทด้าน Marketing จาก Lancaster University ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการตลาดของประเทศอังกฤษ จึงไม่แปลกใจเลย่ว่า Narisa Cafe & Creative Space จึงเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการตลาด ผ่านการตกแต่งที่ผสมผสานไปด้วยความชื่นชอบ เน้นความเรียบง่าย และงานดีไซน์วินเทจ สะท้อนความรู้สึกสนุกสนานกับไลฟ์สไตล์สุดชิคที่ดูอบอุ่น บรรยากาศผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น น้องฟ้ายังเป็น blogger
ที่มีประสบการณ์ด้านอาหารและท่องเที่ยว เคยเดินทางไปประเทศต่างๆ มากกว่า 40 ประเทศ จึงมีผู้ติดตามข้อเขียนของน้องฟ้าเป็นจำนวนมาก

บรรยากาศด้านหน้าร้าน บ้านไม้เก่า อายุกว่า 60 ปี

ในส่วนของเครื่องดื่ม ร้านมีทั้งเมนูชา กาแฟ และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ให้เลือกมากมาย แต่จะเน้นไปที่ชาร้อน เสิร์ฟมาในภาชนะทรงวินเทจอีกแล้ว ร้านนี้
เขาไม่หลุดธีมจริงๆ หยิบจับอะไรมาถ่ายก็สวยเข้ากันไปหมดและสำหรับเครื่อง
ดื่มสุดคลาสสิคของร้าน

Narisa latte (Singature)
Blueberry apple soda
Cotton candy sky (Singature)

Espresso con panna (Singature)
Espresso
Espresso macchiato
Americano
Cloudy (Singature)
Cappucino
Caramel Macchiato
Orange espresso soda (Singature)
Es’ Yen (Thai style)
Affogato
*Extra shot +20

non-coffee
Narisa latte (Singature)
Black cocoa
Brown cocoa
Matcha latte
Cotton candy sky (Singature)

ufushing
Lemon tea
Strawberry lemom soda
Blueberry apple soda

สำหรับสายวินเทจ สายถ่ายรูปทั้งหลาย บอกเลยว่าไม่ควรพลาด มีมุมดีๆ มุมสวยๆ จิบกาแฟรสเข้มข้น ให้เลือกนั่งชิลได้ทั้งวัน สามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งวันวาน Narisa Cafe & Creative Space

บ้านเลขที่ 5 ซอยพหลโยธิน 17 กรุงเทพฯ
Facebook/ Narisa Cafe & Creative Space
เวลาเปิดให้บริการช่วง Soft Opening
เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00- 17.00 น.
จันทร์ และ ศุกร์ ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
(ปิดวันอังคาร-พฤหัส)

การเดินทางมีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ (8-10 คัน)หรือสามารถจอดรถที่เซนทรัลลาดพร้าว/ โลตัสลาดพร้าว เดินเข้าซ.พหลโยธิน 17
รถสาธารณะ ลง BTS ห้าแยกลาดพร้าว ทางออก 3

Facebook
https://www.facebook.com/Narisa-Cafe-Creative-Space-107459265037666/

ข้อมูลร้าน : NARISA CAFE & CREATIVE SPACE
แผนที่: https://goo.gl/maps/qKEXauCMqqQodMB67

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ สาขาใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

วันนี้ Toptotravel พาไปรู้จักร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ที่อยากพาทุกคนไปเสพราชาติของอาหารที่ผสมผสานเมนูจีนฮ่องกง สูตรต้นฉบับชื่อดัง ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่มีเรื่องราวดีดีมากมาย เดิมร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท นักชิมรู้จักกัน ร้านอำแดงไต้ฝุ่น คือ ร้านอาหารไทยชื่อดัง ที่เคยตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท เชื่อว่านักชิมหลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี ถึงความเชี่ยวชาญเรื่องอาหารไทย/จีน ที่โด่ดเด่น และเปิดให้บริการมามากว่า 4 ปี ที่นี่พรั่งพร้อมไปด้วย อาหารต้นตำรับไทย/จีน รสชาติที่หลายคนโหยหาอาหารแบบดั้งเดิม จนเป็นเอกลักษณ์ที่นักชิมจดจำได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน านอำแดงไต้ฝุ่น ย้ายร้าน ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม บนถนนพระราม 3 ชื่อร้าน อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใกล้ออกปากอ่าวไทย ที่นี่นอกจากจะมีอาหารไทยต้นตำรับ รสมือดั้งเดิมแบบอำแดงไต้ฝุ่นแล้ว
ยังได้เพิ่มเติม เมนูอาหารทะเล ซีฟู้ด ผัดสไตล์เตาจีน เข้ามาเพิ่มขึ้น รับรองว่าถึงเครื่องถึงรสหอมกลิ่นกระทะสไตล์จีนๆ อย่างแน่นอน บริหารงานโดย คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์

คุณใหญ่- ปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ เจ้าของ และ Chef Director ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ให้เกียรติมาแนะนำร้านและเมนูอาหารด้วยตนเอง จุดเริ่มต้นของอำแดง บายเดอะริเวอร์ พระราม 3 เป็นสถานที่ต้องตา ตรงใจกับคุณใหญ่มากๆ ตอบโจทย์คอนเซปต์ของ ร้านอำแดงไต้ฝุ่น ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากคุณใหญ่ ทำธุรกิจร้านอาหารริมแม่น้ำมาตลอด จนเรียกว่า อาหารจากสายน้ำ ประกอบไปด้วยร้าน จางวางอิ่ม ที่ตรงข้ามเกาะเกร็ด, บ้านชิดกรุง, ท่าน้ำขวัญ จังหวัดนนทบุรี หรือครัวบุษบัน จังหวัดปทุมธานี ล้วนแล้วอยู่ริมน้ำทั้งหมด

อำแดงไต้ฝุ่น

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านใหม่บนถนนพระราม 3 ตั้งอยู่ในโครงการ
บางกอกสแควร์ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารบ้านไม้ 2 ชั้น หลังใหญ่ ปูด้วยพื้นไม้สร้างแบบไทยร่วมสมัย ที่ผสมผสานกลมกลืนในความเป็นไทย
จีน และดูอบอุ่น โปร่งสบาย พร้อมมีมุมนั่งพักรอที่มีกลิ่นอายตะวันตก เพิ่มเคาน์เตอร์บาร์ ให้ดูเฮฮา สำหรับการพบปะสังสรรค์เพิ่มความสุขให้ลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยสถานที่กว้างขวาง โอ่โถงมากกว่าเดิมแถมยัง โล่ง โปร่งสบาย ในสไตล์เท่ๆเหมาะกับยุคสมัยนี้ ที่ต้องนั่งเว้นระยะห่าง และมีมาตรการสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้บริการ ส่วนอินดอร์ เอาต์ดอร์ ทั้งหมดกว่า 160
บริเวณโซนที่นั่ง มีทั้งห้องแอร์ และด้านนอกที่แดดร่มลมตกมีระเบียงด้านข้างหรือระเบียงริมแม่น้ำ นั้งสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์ได้มุมกว้างมากขึ้น สวยงามตระการตาในยามค่ำคืน

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ ร้านวิวริมแม่น้ำ ช่วงแดดร่มยามเย็น นั่งชิลล์ตอนใกล้ค่ำ ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา อีกด้านหนึ่งก็สามารถชมสะพานภูมิพลที่ตั้งโดดเด่นสง่างามใกล้ตา รวมถึงไปถึงการได้ชมเรือเดินสมุทรที่แล่นผ่านด้านหน้าร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เรียกได้ว่า เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นนอกจากเมนูอร่อยแบบไทยๆ ที่เรียกว่าเป็นเมนูอำแดงคลาสสิกต้นฉบับอำแดงไต้ฝุ่นตั้งใจรังสรรค์ และอีกหลายเมนู
ที่น่าสนใจ ปลอดโปร่งโล่งสบาย ถือเป็นอีกร้านที่ควรไปนั่งทานอาหารพร้อมจิบค็อกเทล ดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวสะพานภูมิพล


สำหรับ Toptotravel ไม่ได้สันทัดอาหารจีนมากนัก แต่พอได้ฟังเรื่องราวต่างๆและรายละเอียดที่มีความพิถีพิถัน ทำให้รู้สึกอยากรู้อะไรมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาสดีที่พิเศษสุดสำหรับอาหารในมื้อนี้ อาหารมื้อนี้จะพิเศษขนาดไหนตามมาชมด้วยกัน

ส่วนเมนูไฮไลต์แนะนำห้ามพลาด เช่น ปูผัดสไปซี่ เป็นเมนูเด็ดที่ได้รางวัลการันตีจากมิชลินไกด์ 2 ปีซ้อน 2022-2021 เพราะทางร้านฟ้านเนื้อปูก้อนใหญ่สดๆ ผัดกับกระเทียม พริก เต้าซี่ และเครื่องปรุงสูตรพิเศษสไตล์จีนฮ่องกง ผัดคั่วแบบแห้งหรือเมนูไฮไลท์ กุ้งแม่น้ำเผาเตาถ่าน จัดมาเอาใจคนชอบกินกุ้งโดยเฉพาะ โดยคัดสรรกุ้งแม่น้ำสดๆตัวโตๆเผาเตาถ่านจนได้กลิ่นหอมๆสีสันสวยงาม เสิร์ฟมาร้อนๆพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษ สัมผัสได้ถึงความสดจริงๆ เนื้อกุ้งเด้งแน่นสดหวานมันกุ้งเยิ้มๆขณะที่ เมนูทานเล่นเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารแนะนำ รากบัวทอด เหนียวหนึบหอมกลิ่นซอส รับรองว่ากินเล่นเคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ นอกจากนี้เมนูใหม่คอนเซ็ปต์ และเสริมเพิ่มทัพด้วยเมนูอาหารทะเลหลากหลาย หอยลาย หอยแมลงภู่ ปลาเก๋า ปลาอินทรี ให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล

กุ้งแม่น้ำเผา 3 ตัวโล
ปูก้อนสไปซี่
ปูดอง 2 แซ่ป
ไข่ปลาริวกิว ผัดฉ่าพริกสด
ปลาตาเดียวทอด
ต้มยำปลาเก๋าน้ำข้น
ผัดสามหอมกุ้งสด
ข้าวผัดกากหมู
หอยลายผัดพริกขี้หนู
เมี่ยงปลากะพง
แกงเหลืองไข่ปลาริวกิว
ผัดฉ่าปลาอินทรี
แกงจืดบ๊วยหมูสับโหระพา
ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

จัดหนักทั้งอาหารและบรรยากาศ ทุกเมนูอัดแน่นด้วยสมุนไพรเพื่อสุขภาพดีต่อใจและไม่ลืมปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเดียวกับร้านคือ อำแดงไต้ฝุ่น ขนมที่มีรูปเป็นแท่งสีเหลี่ยมสีขาวนวลแปลกตาและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร หาได้เฉพาะที่ร้านนี้ เพราะทำจากเต้าหูโฮมเมดนำไปทอดมีความนุ่มความหนึบ คลุกเคล้าด้วยถั่วลิสง งา และเม็ดมะม่วงหอมพานต์ บดจนละเอียด หอมหวานมันอย่าบอกใคร

ใครอยากทานอาหารพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีต่อใจ ไปกับใครก็ฟิน
ในส่วนของภายในร้านด้านโซนบาร์ ที่สามารถสังสรรค์สร้างความสนุกสนานครื้นเครงไปกับการให้บริการเครื่องดื่ม โดยออกแบบตกแต่งได้อย่างสวยงาม ด้วยโทนสีเขียวเทอร์คอยซ์ผสมผสานสีน้ำทะเลยามต้องแสงไฟจะยิ่งสวยงามชวนให้รื่นรมย์ขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม โดยรวมเป็นร้าน อาหารที่มีการออกแบบตกแต่งที่ผสมผสานไทยจีนอย่างสุดคลาสสิก และยังมีกลิ่นอายตะวันตก รวมถึงก็ไม่ทิ้งความเป็นอำแดงไต้ฝุ่น ที่ใช้สีแดง ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ประจำร้าน ใส่กิมมิคที่ดูหรูหรา โดยเฉพาะผ้าม่านที่แขวนตรงหน้าต่าง เป็นผ้าม่านสีแดงก่ำตัดกับสีเขียวเทอร์คอยซ์บริเวณบาร์ ได้เป็นอย่างดี ส่วนโซนที่นั่ง ที่มักถูกนักชิมจับจองเป็นอันดับแรกๆก็คือ โซนที่มีภาพวาดสาวจีนสมัยใหม่ สวมแว่นตาทรงกลมสุดเท่ มือถือปูยักษ์ขนาดใหญ่ สื่อให้เห็นว่า ถ้ามาร้านนี้แล้ว ไม่รับประทานปู ก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่ไม่ใชขายแค่รสชาติ แต่บรรยากาศในร้านยังเหมาะกับการเป็นจุดเช็คอินคูลๆ กลายเป็น Fine Dining ที่ดูทันสมัยมาก

ขนมอำแดงไต้ฝุ่น

โปรโมชันพิเศษช่วงเปิดร้านใหม่ เพียงลูกค้าแชร์ภาพไม่ว่าจะเป็นภาพอาหาร หรือบรรยากาศภายในร้านสามารถรับส่วนลดค่าอาหารทันที 10% (ไม่รวมกุ้งแม่น้ำเผาและเครื่องดื่ม)

อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ : Am-Dang-Typhoon by The River
ที่อยู่ อาคาร G โครงการบางกอกสแควร์ เลขที่ 762/7 ถนนพระราม 3
แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10125
โทร. 0957164712
www.amdangtyphoon.net
Id line: @amdangtyphoon
หรือเพิ่มเติมข้อมูลโปรโมชันที่ FB. amdangtyphoon

แผนที่เดินทาง อำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ คลิ๊ก
https://maps.app.goo.gl/6jB2PWh8SCfgze1c8

ตามรอยพ่อฯ ปี 9 คืนสู่ลุ่มน้ำป่าสัก จัดกิจกรรมเอามื้อที่ จ.นครราชสีมา

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) จัดกิจกรรมเอามื้อ ณ จังหวัดนครราชสีมา ลุ่มน้ำป่าสัก เดินหน้าภารกิจถ่ายทอดองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาสู่ปีที่ 9 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยลงมือทำเกษตรแบบโคก หนอง นา ตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ไม่เพียงช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คืนสมดุลให้กับระบบนิเวศ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร อันเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานสำหรับการรับมือกับวิกฤตต่างๆ ของมนุษย์ได้อีกด้วย โดยวางมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้ร่วมกิจกรรมอย่างเข้มข้น

“โคก หนอง นา” ฝ่าวิกฤตสิ่งแวดล้อม
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ให้โลกพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการทำเกษตรแบบโคก หนอง นา ตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น นับเป็นเครื่องมือที่จะช่วยในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ เพราะในโคก หนอง นา จะมีป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งจะเป็น ตัวสร้างสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่ นำมาสู่ความหลากหลายทางชีวภาพหรือ biodiversity จากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ทั้งในน้ำ ใต้ดิน บนดิน หรือในป่า อันไม่เพียงช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน แต่ยังช่วยให้มีอาหาร การกินสมบูรณ์ เกิดความมั่นคงทางอาหาร เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของสหประชาชาติในการขจัดความอดอยาก (zero hunger) อีกด้วย การทำเกษตรแบบโคก หนอง นา จึงเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และ ช่วยโลกไปพร้อมๆ กัน”

นอกจากนั้น การทำเกษตรตามแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นยังช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนของภาคการเกษตร ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า “จากข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่ระบุว่าภาคการเกษตรมีการปลดปล่อยก๊าซมีเทนสูง ส่งผลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น ก๊าซมีเทนเกิดมากใน การทำเกษตรเชิงเดี่ยว หรือเลี้ยงสัตว์ประเภทเดียวที่เป็นฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่และใช้ยาปฏิชีวนะ ก็จะทำให้กระบวนการย่อยสลายเกิดก๊าซมีเทนขึ้น ไม่ว่าจะในลำไส้ของสัตว์หรือมูลสัตว์ที่ถ่ายทิ้งออกมา แม้แต่กระบวนการหมักของฟางกิ่งไม้ใบไม้ที่มีสารเคมีอยู่ด้วย ซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยการใช้น้ำสมุนไพรรสจืดเพื่อกระตุ้นกลไกการทำงานของจุลินทรีย์ให้สามารถย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดก๊าซมีเทน ในทางตรงกันข้ามกลับกระตุ้นให้เกิดออกซิเจนขึ้นมาด้วยซ้ำ”

ตามรอยพ่อฯ ปี 9 คืนสู่ลุ่มน้ำป่าสัก
ด้าน นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวถึงแนวคิดหลักและรายละเอียดกิจกรรมว่า “ครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมเอามื้อครั้งแรกของโครงการ ‘ตามรอยพ่อฯ’ ปี 9 หลังจากที่ได้ชะลอการจัดกิจกรรมออนกราวด์ถึงกว่า 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมา โครงการ ‘ตามรอยพ่อ’ ได้เดินหน้าเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ‘9 ปี แห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน’ ผ่านกิจกรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของโครงการทั้งเว็บไซต์และ เฟซ บุ๊ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลิปวิดีโอ ‘คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ’ ที่ให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้สนใจลงมือทำการเกษตรตามแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนั้นเรายังช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในแคมเปญ ‘รวมพลังสู้โควิด-19’ โดยทำงานร่วมกับศูนย์ช่วยโควิด-19 ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติรวม 19 แห่งทั่วประเทศ จัดคาราวานแจกตะกร้าปันสุข ชุดต้มและน้ำสมุนไพร 7 นางฟ้า และกล่องกรีนบ็อกซ์ (Home Isolation Green Box) ชุดดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาตัวที่บ้านไปเป็นจำนวนมาก ไปยัง 252 พื้นที่ทั่วประเทศ”

นายอาทิตย์ กล่าวถึงกิจกรรมเอามื้อ ณ จังหวัดนครราชสีมา ในครั้งนี้ว่า “โครงการตามรอยพ่อฯ ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 9 ซึ่งเป็นปีสรุปผลความสำเร็จของโครงการ เราจึงกลับมาจัดกิจกรรมในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการตามรอยพ่อฯ เมื่อ 9 ปีที่แล้วอีกครั้ง โดยเลือกพื้นที่เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถีของคุณสุณิตา เหวนอก ซึ่งเป็นหนึ่งใน คนต้นแบบ ‘คนหัวไวใจสู้’ ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผู้มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่ของตนเองตามแนวทางศาสตร์พระราชาเพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรในพื้นที่และคนรุ่นลูกหลาน รวมถึงแปลงพื้นที่ของตนเองเป็น 1 ใน 19 ศูนย์ช่วยโควิด-19 ในแคมเปญรวมพลังสู้โควิด-19 เราจึงมาจัดกิจกรรมเอามื้อในพื้นที่ของคุณสุณิตา เพื่อแสดงความขอบคุณในความมุ่งมั่นและความเสียสละ”

นายบุญล้อม เต้าแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ กล่าวเสริมข้อมูลพื้นที่ว่า “นครราชสีมาหรือโคราชเป็นจังหวัดใหญ่ในภาคอีสาน มีพื้นที่ป่าเขาและพื้นที่เกษตรจำนวนมาก ทางทิศตะวันตกเชื่อมกับจังหวัดชัยภูมิ เป็นแหล่งรวมลุ่มน้ำสำคัญ 3 ลุ่ม คือ ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี และทางทิศตะวันตกมีพื้นที่บางส่วนที่ไหลไปลงใน ลุ่มน้ำป่าสัก เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่มีประชากรมากมีความต้องการน้ำสูง ประกอบกับมีภัยแล้งบ่อยครั้ง โครงการจึงนำเสนอพื้นที่ของคุณสุณิตา เหวนอก เป็นพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จในโคราช เพราะได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปลงมือปฏิบัตินั้น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใด ทั้งภัยแล้ง อุทกภัย หรือภัยจากโรคระบาด เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถีของคุณสุณิตาก็ผ่านพ้นวิกฤตได้อย่างดี นอกจากจะสามารถพึ่งตนเองได้แล้ว ยังส่งต่อความช่วยเหลือไปยังเพื่อนมนุษย์ในสังคมในชุมชนอื่น ๆ ได้อีกด้วย

ตามรอยพ่อฯ ด้วยหัวใจ
ด้าน นางสาวสุณิตา เหวนอก (นวล) เจ้าของพื้นที่ เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี ขนาด 6 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองบัวกลาง ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา กล่าวว่า “นวลเป็นคนโคราชโดยกำเนิด พี่น้อง 4 คนเป็นลูกคนที่ 2 ครอบครัวเป็นเกษตรกรที่ทำงานหนัก มีแต่หนี้สิน เมื่อจบ ป.6 ก็ทำสวนทำนากับที่บ้าน พออายุ 16-17 ปี พ่อแม่ให้ไปทำงานโรงงานจึงแอบเรียน กศน. โดยทำงานส่งตัวเองเรียนและส่งเงินให้ที่บ้านด้วย จึงต้องทำงานหนักมากทำทั้งโรงงานเย็บผ้า โรงงานของเล่น ฯลฯ ในที่สุดก็เรียนจนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏโคราช พออายุ 29 ปี สอบติดราชการและเรียนต่อจนจบนิติศาสตร์ มหาวิธรรมศาสตร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชน อายุ 30 กว่าทำงานเป็นนิติกรที่รังสิตปัจจุบันย้ายมาที่ อ.จักราช จุดเปลี่ยนคือหลังจากในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ได้ดูรายการสารคดีโทรทัศน์ ‘แสงจากพ่อสู่ความยั่งยืน’ ทุกคืน ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ จนมีโอกาสพบ อ.เข้ม (ไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ) ซึ่งได้ชวนให้มาเป็นจิตอาสาช่วยโครงการท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชาของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ แล้วจึงไปอบรมการทำเกษตรตามแนวทางศาสตร์พระราชาทั้งที่ศูนย์ภูมิรักษ์ฯ อบรมออกแบบโคก หนอง นา โมเดลที่วัดหนองสองห้อง อบรมที่ศูนย์คืนป่าสัก แล้วตัดสินใจลงมือทำบนที่ดินแปลงนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารปลอดภัยของครอบครัว เพราะทำเองรู้ว่าเราใส่อะไรลงไป โดยปลูกพืชต่างๆ เช่น กล้วย ละมุด อ้อยพันธุ์สุพรรณ 50 ถั่วลิสง เป็นต้น”

นางสาวสุณิตา กล่าวถึงความสุขที่ได้จากการตามรอยศาสตร์พระราชาว่า “มีความสุขมาก ช่วงแรกที่ลงมือทำแม่ไม่เห็นด้วย ไม่ยอมมาดู เพราะเสียดายที่ดิน แต่พอปีนี้ สิ่งที่เราทำเริ่มผลิดอกออกผล แม่ก็เข้ามาดูเกือบทุกวันรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เดินตามรอยพ่อ แม้จะต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่าที่ทำให้ครอบครัวยอมรับได้ และยังสร้างความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น สร้างความมั่นคงปลอดภัยทางอาหารให้ครอบครัว อีกทั้งยังภูมิใจที่เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนทำตามด้วย โดยหลังจากนี้อยากทำสวนสมุนไพรเพิ่มในพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว”

กิจกรรมเอามื้อในครั้งนี้ประกอบด้วยการทำแปลงปลูกผักอินทรีย์ ขุดปรับคลองไส้ไก่รอบแปลงนาและหนองน้ำ ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ห่มฟาง ใส่ปุ๋ยแห้งปุ๋ยน้ำ ทำเครื่องกรองน้ำถัง 200 ลิตร ทำเครื่องสูบน้ำพลังงานโซล่าเซล แปรรูปผลผลิต อาทิ สบู่ฟักข้าว แชมพูดอกอัญชัน กล้วยหมัก ชาตะไคร้ ไข่เค็ม โดยดำเนินมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้ร่วมกิจกรรมอย่างเข้มข้น อาทิ การควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรม ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนต้องแสดงผลยืนยันการตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ก่อนร่วมงานไม่เกิน 72 ชั่วโมง รวมถึงเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ร่วมกิจกรรม เป็นต้น

ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking หรือดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” ส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ

น้ำพริกส็อก เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเชฟเมย์เลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ต่อยอดนวัตกรรมน้ำพริกเมืองเหนือ สู่ตลาดโลก

“น้ำพริกส็อก” คำว่า ‘ส็อก’ มาจากภาษาเหนือโบราณ เป็นลักษณะของการเอาสากไปโขลกลงไปเบาๆ วัตถุดิบที่อยู่ในครก จังหวะที่โขลกจะมีเสียงดังแบบ
ส็อกๆ เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง เล่าถึงที่มา ของการรังสรรค์เมนูใหม่จาก
น้ำพริกส็อก ที่ร้านอาหาร Maze Dining ไฟน์ไดนิ่ง ก่อนหน้านี้เชฟเป็นเจ้าของร้านอาหาร Monkey’s kitchen ที่จังหวัดเชียงใหม่ น้ำพริกส็อก สูตรเด็ดจากคุณป้า มีตำนานนานกว่า 50 ปี ต่อยอดนวัตกรรมการผลิต สืบสานเมนูพื้นบ้านอาหารภาคเหนือ สู่ตลาดโลก เมื่อเอ่ยถึง น้ำพริกส็อก ถือว่าเป็นเมนูพื้นบ้านคู่ครัวของภาคเหนือจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ละบ้านต้องมีติดครัวส่งมอบความอร่อยจากเมนูเชฟ สู่อาหารพร้อมรับประทาน จนนำมาสู่แรงบันดาลใจในการต่อยอดนวัตกรรมการผลิต จากครอบครัว สู่ตลาดในวงกว้างพิถีพิถันการปรุงแต่ง ส่งต่อให้หลายคนได้ลิ้มลอง น้ำพริกส็อกของเมืองเหนือ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับคนไทยในทุกภาคได้รู้จัก และต่อยอดนวัตกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายเพื่อสืบสานวัฒนธรรมด้านอาหารของภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป

เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง รองแชมป์ Top Chef Thailand ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเชฟมากว่าสิบปี ได้นำแรงบันดาลใจจากพ่อแม่ ที่เป็นชาวเชียงใหม่ ที่ทำน้ำพริกส็อก ให้รับประทานทุกวันเมื่อกลับมาถึงบ้าน จนเป็นเมนูโปรดของเธอ
เชฟเมย์ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ให้ผู้คนได้ลิ้มลอง วันนี้เลยต้องการนำประสบการณ์ความเป็นเชฟมืออาชีพ มาต่อยอดเพื่อตอบแทนบ้านเกิด โดยการทำ น้ำพริกส็อก ที่รับประทานมาตั้งแต่เด็กด้วยฝีมือ
พ่อแม่ คุณป้า มานานกว่า 50 ปี ให้ผู้คนทุกภาคได้ลิ้มลอง ทำให้ได้เมนูที่มีเอกลักษณ์ นำมาเป็นวัตถุดิบลงไปในมื้ออาหารอาหารทุกจานของเชฟเมย์ก็ยังคงละเอียดอ่อน ใส่ใจ และนึกถึงคนกินอยู่เสมอ เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นเธอทำอาหารในครัวแต่จะทำอย่างไรให้สัมผัสถึงจิตใจของคนกินได้

เชฟเมย์ บอกว่า น้ำพริกส็อก ส่งมอบทางเลือกของรสชาติขนานแท้เสมือนปรุงเองตั้งแต่ต้น รสชาติพิเศษและเนื้อข้นกำลังดีสำหรับอาหารแต่ละจาน สามารถปรุงได้อย่างสะดวกจะคลุกข้าวร้อนรับประทานได้ และยังสามารถดัดแปลงปรุงเมนูต่างๆ ซึ่งแต่งเป็นเมนูอื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิเช่น ไข่เจียวปู จิ้มน้ำพริกส็อก,หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก, ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม, เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด, ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก, สลัดเบคอนอบเมเปิ้ล น้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก,แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน, แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย,ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต, Chocolate ไส้แยมราสป์เบอรี่-น้ำพริกส็อกจากความตั้งใจนั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ เชฟเมย์ รังสรรค์น้ำพริกส็อก ที่คัดสรรค์วัตถุดับจากเมืองเหนือแท้ๆ มาเป็นส่วนผสม เชฟเป็นผู้รังสรรค์ผลงานและมีความคิดสร้างสรรค์อย่างน้ำพริกตาแดง มะเขือเทศสองสายพันธุ์ สายพันธุ์ลูกใหญ่ และลูกเล็ก มาปรุงแต่งด้วยพริก กระเทียม โดยไม่มีการปรุงแต่งด้วยสารเคมี ทุกขั้นตอนทำด้วยมือ รสชาติกลมกล่อม ตรงตามสูตรต้นตำหรับ รสขาติดั้งเดิมตามแบบ “น้ำพริก
ส็อก” ของชาวเหนือแท้ๆโดยเมนูจากสุดยอดน้ำพริกส็อก ทำให้ได้เมนูสุดยอดแห่งความอร่อยที่เราได้มีโอกาสชิมในวันนี้ได้แก่……ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

หมูสามชั้นทอดน้ำพริกส็อก

ไข่เจียวปูจิ้มน้ำพริกส็อก

ข้าวผัดน้ำพริกส็อกปลาเค็ม

เส้นฟูซิลลี่ผัดน้ำพริกส็อกกุ้งสด

ทาร์ตเป็ดตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสซอสน้ำพริกส็อก

สลัดเบคอนอบเมเปิ้ลน้ำสลัดน้ำพริกส็อกมะนาวเหลืองและน้ำมันมะกอก

แกงกิมจิน้ำพริกส็อกเต้าหู้อ่อน

แซนด์วิชเนื้อวากิวทงคัทสึน้ำพริกส็อกมาโย

ไก่อบน้ำพริกส็อกและซอสโยเกิร์ต

Chocolate ใส้แยมราสป์เบอรี่น้ำพริกส็อก

วันนี้ เชฟเมย์ เปิดตัว “น้ำพริกส็อก” อย่างเป็นทางการเพื่อส่งต่อความอร่อยเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีคุณภาพ โดยเชฟเมย์ มีความตั้งใจจริงที่พิถีพิถันปรุงแต่งสู่ตลาดทั่วประเทศพร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศในอนาคตท่านใดอยากลิ้มลอง “น้ำพริกส็อก “ฝีมือ”เชฟเมย์” กระปุกละ 160 บาท

สั่งซื้อได้ Facebook/chefmaysgourmet หรือ ไลน์แอด @chefmaysgourmet

Maze Dining
Phone number : 061-549-9500
Facebook : https://www.facebook.com/mazedining

Line : @mazedining
Instagram : https://www.instagram.com/mazedining/

ที่สุดของ บุฟเฟ่ต์เนื้อย่างเตาถ่านเนื้อ ร้าน เบสท์บีฟ สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ไม่ต้องมีเนื้อคู่เพราะชอบอยู่กับเนื้อย่าง กินอิ่มพุงกางกินจุใจกันกว่า 50 เมนู เลือกให้ฟิน..กินให้อร่อย เอาจริงสายเนื้อไม่ควรพลาด และเป็นร้านยอดนิยมมากวันนี้เราอยู่ที่ ร้าน เบสท์บีฟสุขุมวิท กินแบบไม่อั้น!! บุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อสุดคุ้มเอาใจทั้งคนรักเนื้อและซีฟู้ด เพราะนอกจากจะได้กิน บุฟเฟ่ต์เนื้อแบบไม่อั้นแล้ว ส่วนใครที่ไม่ถูกปากกับเนื้อวัว เค้าก็มีทั้งเนื้อหมู คูโรบูตะพอร์คชอปนุ่มๆ ติดมันนิดๆ คือดีและยังมีเมนูอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้ง อาหารทะเล กุ้ง ปู หอย ด้วยรูปแบบความอร่อย 3 สไตล์ กะทะร้อนและจิ้มจุ่มหม้อไฟ และย่างตะแกรงเตาถ่าย พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดรสจัดจ้าน 3 รูปแบบ เสริฟ 2 ชั่วโมงเต็มๆ แบบไม่อั้น ด้วยราคาที่เป็นมิตร อาหารคุณภาพดีมาก สั่งได้ไม่อั้น เพื่อนๆ สายบุฟเฟ่ต์ต้องเลิฟ สายเนื้อ สายกุ้งแม่น้ำ บอกเลยว่า
ฟินมากที่สุด

ร้านปิ้งย่างบรรยากาศสบายๆ มีเมนูเด็ดจากเนื้อวัวและบุฟเฟ่ต์ในพื้นที่กว้างและมาดูกันว่าเนื้อส่วนไหนอร่อยที่สุด! เลือกกินเนื้อให้อร่อยทั้งที ก็ต้องเลือกกันสักหน่อย อย่ารอช้าตามร้าน เบสท์บีฟสุขุมวิท เนื้อเน้นๆ มีทั้งเนื้อริบอาย เนื้อบริสเก็ต เนื้อใบพาย เนื้อสันนอก ลิ้นวัว ร้าน Buffet ขนาดใหญ่ แต่ทางร้านเลือกให้บริการลูกค้าแบบ Full Service ทางร้านมีพนักงานคอยให้บริการช่วยเสริฟอาหารและเครื่องดื่มให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าไม่ต้องตักอาหารเองเหมือนกับร้าน Buffet ทั่วไป จนทำให้ร้าน เบสท์บีฟ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางร้านยังได้คัดเลือกเนื้อคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยมจากต่างประเทศ ย่างตามความสุกที่เราต้องการ เรียกว่าประสบการณ์ปิ้งย่างเนื้อระดับพรีเมี่ยม ซึ่งรับรองได้ว่า อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจ และอุ่นใจในเรื่องราคา ได้ที่ร้าน เบสท์บีฟ ทุกสาขา #ฟินเว่อร์ถ่ายแทบไม่ทัน กินรัวๆ ตามมาชมด้วยกันเลย

มาถึงที่นี่ต้องลองนื้อวัว แต่มาดูกันว่าเนื้อวัวส่วนไหนบ้างอร่อยฟินเว่อร์ที่สุด! เลือกทานเนื้อให้อร่อยควรเลือกกินส่วนไหน เลือกเนื้อส่วนที่ใช่ เลือกอร่อยกับเนื้อส่วนที่ชอบรู้แล้วลุย รออะไรสั่งเลย

เนื้อเสือร้องไห้ (Brisket)
เป็นเนื้อที่อยู่ส่วนอกของวัว ติดมันเยอะเป็นส่วนที่นุ่มน้อยแต่อร่อย เหมาะสำหรับย่าง หรือสไลด์บางย่างกับเนยหอม ๆ เพิ่มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น

เนื้อลูกมะพร้าว (Knuckle)
เป็นเนื้อที่อยู่ตรงช่วงโคนขาหลังบริเวณสะโพก ซึ่งมีก้อนใหญ่คล้ายกับลูกมะพร้าว และที่สำคัญเนื้อในส่วนนี้ยังมีความนุ่มพอสมควร และมีมันน้อยมาก เหมาะกับคนที่เน้นโปรตีนทานแบบเนื้อล้วน ๆ

เนื้อน่องลาย (Shank)
เนื้อท่อนขาซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความหนึบของเอ็น ผสมผสานเข้ากันได้ดีกับเนื้อและไขมัน อยู่ภายในตัวเอง ทำให้เคี้ยวมัน จนหยุดไม่อยู่

เนื้อหนอก (Hamp)
เนื้อส่วนที่นูนออกมาจากหลังของวัว เป็นเนื้อส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เนื้อจึงนุ่มมาก มีไขมันค่อนข้างมากมีสีอ่อนกว่าส่วนอื่น

เนื้อสันคอ (Chuck)
เป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันเเทรกสวย มีคอลลาเจนที่หลอมละลายเร็วเมื่อโดนความร้อน มีรสชาติเข้มข้น เเต่ก็เป็นเนื้อที่มีเนื้อเยื่อพังผืด ไม่ควรย่างจนสุกเกินไป

เนื้อใบพาย (Chuck eye)
เนื้อส่วนกลางระหว่างสันคอกับท้องเนื้อส่วนนี้ค่อนข้างนุ่ม เพราะมีไขมันแทรก เป็นชิ้นส่วนยอดนิยม และหายากในวัว 1 ตัว มีไม่เกิน10กก. เมื่อแล่ออกมาแล้วเหมือนกับใบพาย มีเอ็นตรงกลางรสชาติอร่อยมาก

ลิ้นเนื้อ (Ox’s Tongue)
เนื้อส่วนของไขมันทำให้มีความนุ่มอร่อย การทานแบบย่าง พอย่างเสร็จก็บีบมะนาวลงไปแล้วทาน ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย

เพราะทุกส่วนของเนื้อวัวก็มีความอร่อยที่แตกต่างกันไปตามกรรมวิธี และการหมักปรุงรสให้อร่อยเลย สำคัญสุด!! อยู่ตรงที่สายพันธ์ เกรดดีรสชาติดีตาม เช่นเดียวกับ BEST BEEFที่คัดสรรเนื้อวัวเกรดพรีเมียม ให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

มาถึงที่นี่ต้องลองไฮไลท์อย่าง A La cart สันในออสเตรเลีย Australian Tenderloin /
ริบอายออสเตรเลีย Australian Ribeye

แต่ละเมนูบอกเลยว่าคุ้มมากมากินกุ้งแม่น้ำผ่าก็คุ้มแล้ว เนื้อเน้นๆ มีทั้งเนื้อริบอาย เนื้อบริสเก็ต เนื้อใบพาย เนื้อสันนอก ลิ้นวัวพันธุ์ดีมีคุณภาพ #ฟินเว่อร์

ลุยต่อกับนอกจากนี้ยังมี ข้าวหน้าเนื้อ เมนูกินเล่น ซุป สลัด เฟรน์ฟราย์ นักเก็ต และไอติม เป็นของหวานสุดฟิน

  • บุฟเฟต์ราคา 299 บาท (ยังไม่รวมเครื่องดื่ม)
  • บุฟเฟต์ราคา 369 บาท (น้ำเปล่า+น้ำแข็ง+น้ำอัดลม+ชามะนาว)
  • บุฟเฟต์ราคา 499 บาท (บุฟเฟต์อาหาร+เครื่องดื่ม)
  • เด็กต่ำกว่า 100 ซม. ทานฟรี
  • ถ้าเกิน 100 ซม.อายุต่ำกว่ลา 120 ซม. ราคา 159 บาท(แบบไม่รวมเครื่องดื่ม) และราคา 179 บาท(แบบรวมเครื่องดื่ม)
  • ถ้าเกิน 120 ซม. เป็นราคาปกติ
  • บุฟเฟต์แบบรวมเบียร์ อนุญาติให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และสตรีที่มีครรภ์ สามารถเลือกทานแบบราคา 369 บาท
  • ในส่วนของบุฟเฟต์ให้เวลาในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มภายใน 2 ชม. เมื่อครบเวลาแล้วสามารถนั่งทานต่อได้จนกว่าอาหารจะหมด

ใครไม่สะดวกมีเมนูซื้อกลับบ้าน Take Home ด้วยนะ ส่วนเราสั่งทานที่นี่กันเลย กับเมนูกุ้งดอง แซลมอนดอง และหอยนางรมราคาพิเศษสุด….สดอร่อยเหมือนทานที่ร้านเลย

เราอยู่ที่ สาขาสุขุมวิท ระหว่างปากซอย 48/2 และ 48/3 อยู่ก่อนถึงสะพานพระโขนง ใกล้ๆ แยกไฟแดงอ่อนนุช ห่างจาก BTS สถานีอ่อนนุช เพียง 300 เมตร
Tel: 091-626-9894
Parking: มีที่จอดรถ 60 คัน
Map: https://goo.gl/maps/WwvKr9qx5kcQAnkK6

สาขาศรีนครินทร์ Tel: 097-245-1818
Parking: มีที่จอดรถ 100 คัน
Map: https://goo.gl/maps/XmYsc6GCdvqNRqbU8

สาขาบางแค Tel: 097-245-8051
Parking: มีที่จอดรถ 200 คัน
Map: https://goo.gl/maps/8TM3r6SSBURrfevQ9

สาขาเกษตรนวมินทร์ Tel: 062-296-6262
Parking: มีที่จอดรถ 200 คัน
Map: https://goo.gl/maps/DgLb4okNWFKFcu8K9

ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่น
BESTBEEF : เบสท์บีฟสุขุมวิท
LINE : https://lin.ee/juv4Dix
Instagram : https://www.instagram.com/bestbeef_sukhumvit
Website : https://bestbeefrestaurant.com

#BestBeef #Sukhumvit #Srinakarin #BangKhae #KasetNawamin #BarBQinBangkok #บุฟเฟ่ต์
#ร้านเนื้อย่างโคขุน #สวรรค์ของคนรักเนื้อ #เบสท์บีฟ #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี #ปิ้งย่าง #bestbarbq #bestintown