Category Archives: ข่าว

STYLE Bangkok 2024

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิด “งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ” ในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00น. โดยมีนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมให้การต้อนรับ ณ ฮอลล์ 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

STYLE Bangkok 2024 มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2567 แบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ วันพุธที่ 20 – ศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีกวันเสาร์ที่ 23-อาทิตย์ ที่ 24 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ที่สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com Facebook/Instagram/TikTok : Style Bangkok Fair
หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

เครือ รพ. พญาไท-เปาโล รุกตลาด EEC เปิดโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2

ชลบุรี – 19 มีนาคม 2567- เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้าขยายการให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ล่าสุดประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน

โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 เป็นโรงพยาบาลทั่วไป สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้มากถึง 1500 คนต่อวัน และผู้ป่วยในจำนวนรวมทั้งสิ้น 113 เตียง โดยโรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการให้บริการด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชลบุรีและใกล้เคียง โดยสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของโรงพยาบาลพญาไทศรีราชาสาขาแรก ที่ให้บริการแก่ประชาชนมาเป็นเวลากว่า 28 ปี เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กลุ่ม BDMS ให้บริการด้านการแพทย์เฉพาะทางในหลากหลายสาขา โดยเน้นการบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ประกันตน จนเป็นที่ไว้วางใจและยอมรับในเขตอุตสาหกรรม EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นเขตพัฒนาพิเศษที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เป็นโรงพยาบาลที่ทางกลุ่มมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการให้บริการรักษาผู้ป่วยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเล็งเห็นว่าทุกขั้นตอนการรักษามีความสำคัญ อีกทั้งความพร้อมของทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

นายอัฐ กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เป็นสำคัญของโรงพยาบาล โดยเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ได้สรรหาบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่างๆ และมอบทุนการศึกษาต่อสำหรับแพทย์และพยาบาล รวมถึงจัดระบบการเรียนการสอนพิเศษสำหรับทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อเพิ่มความชำนาญในการรักษาโรคเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในกรุงเทพฯ

การนำแอปพลิเคชัน Health Up เข้ามาใช้ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายจบในคลิกเดียวบนมือถือ เช่น ดูประวัติการรักษา นัดหมายแพทย์ ข้อมูลความรู้สุขภาพ รวมถึงบริการ Telecare ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขต EEC มีประชากรหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในพื้นที่กว่าสี่แสนคน และมี lifestyle ของคนยุคใหม่

นายอัฐ เผยว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 และเริ่มเปิดให้บริการประกันสังคมครั้งแรกเมื่อปี 2542 โดยเน้นคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้เพิ่มยอดผู้ประกันตนได้มากถึง 250,000 คน และได้รับรางวัลโรงพยาบาลประกันสังคมในดวงใจในปีที่ผ่านมา ต่อมาปีนี้ได้รับโควต้าเพิ่มอีก 115,000 คน เมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เพิ่มเติมของผู้รับบริการ จึงมีการขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับเหล่านี้ ในเขต EEC ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง ความต้องการในการดูแลสุขภาพก็สูงขึ้น เพื่อรองรับผู้ทำงานและกลุ่มแรงงาน ดังนั้น เครือ รพ. พญาไท-เปาโล ได้ลงทุนในการขยายโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในเขต EEC โดยการเปิดตัวโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2 เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลเดิมและมีความตั้งใจที่จะพัฒนา รพ. พญาไทศรีราชา 2 ให้เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางการแพทย์ในอนาคต ในปี 2568 เครือ รพ. พญาไท-เปาโล
ยังวางแผนลงทุนในการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน จำนวน 225 เตียง เพื่อเป็นที่พึ่งพาทางด้านสุขภาพของชาวชลบุรีและบริเวณใกล้เคียงในอนาคต

ด้าน นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรก ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ มีการพัฒนาทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในพื้นที่ และผู้ประกันตนได้รับการบริการอย่างคุ้มค่า กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา มุ่งมั่นที่จะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในเขต EEC โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม มีระบบที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเครือข่ายที่เข้าถึงได้ง่ายทุกพื้นที่โดยเฉพาะในภาคตะวันออกที่เป็นเขตอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการดูแลประชากรอย่างทั่วถึง จึงมีการขยายบริการให้สามารถรองรับผู้ประกันตนประมาณ 500,000 คน โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 ได้เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกันตนและผู้ป่วยทั่วไป สำหรับ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรกจะพัฒนาเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ โดยปรับปรุงพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับผู้ใช้บริการระดับพรีเมียมและผู้ประกันตนที่ต้องการการรักษาโรคเฉพาะทางหรือโรคซับซ้อน โดยได้เริ่มให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด การผ่าตัดหัวใจ และขยายศูนย์การผ่าตัดผ่านกล้องทุกระบบ นอกจากนี้ยังมีการขยายศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และอีกหลากหลายสาขา ที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวนกว่า 280 ท่าน

ในปีที่ผ่านมาศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับโลก AACI จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับประกาศนียบัตรรับรอง Trauma 3 ในการบริหารจัดการฉุกเฉิน และกำลังดำเนินการขอรับรอง TEMSA ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ยึดหลักความปลอดภัยใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. Patient Safety 2. Personnel Safety และ 3. Public Safety เพื่อพร้อมให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาและเครือข่าย สามารถตอบโจทย์และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ประสบสภาวะอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเชื่อถือ

พญ. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (จำกัด) มหาชน กล่าวถึงการขยายธุรกิจการแพทย์ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ว่า “BDMS มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรม Healthcare ของไทยสามารถดำเนินแนวทางความยั่งยืนตามมาตรฐานโลก โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศ โดยในปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดได้ขยายเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา 2 ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล บนเขตพื้นที่ศรีราชา เพื่อตอบสนองประชาชนและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะในแง่ของการรับมือกับความต้องการด้านการแพทย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในตลาดและความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรในการเป็นผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศและรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่มีอยู่ในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

พญ. ปรมาภรณ์ กล่าวต่อว่า “BDMS ได้รับการจัดว่าเป็นองค์กรที่มีสถานะแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ EEC ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่จะเป็นผู้นำในด้านบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เป็นเลิศบนมาตรฐานสากล รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในวงกว้างของการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับชุมชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านการแพทย์และการลงทุนในสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจพื้นที่เติบโตในระยะยาวด้วย”

นายอัฐ กล่าวปิดท้าย “นับเป็นความภาคภูมิใจของเครือ รพ. พญาไท-เปาโล ที่สามารถขยายบริการและสนองความต้องการของประชาชนได้ทุกกลุ่ม โดยเน้นการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงสุด โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขต EEC ให้มีความยั่งยืนต่อไป ด้วยการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการนำเสนอประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและบริการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ผู้รับบริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

STYLE Bangkok 2024 ภายใต้ธีม ChicNature

เตรียมพบกับความงามที่มีสไตล์และความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมในงาน STYLE Bangkok 2024 ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชื่นชมกับแก่นแท้ของงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของไทย ที่จะบรรจบกับความทันสมัยในผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และงานคราฟท์ฝีมือระดับโลก ผู้ประกอบการมากกว่า 500 รายจากทั่วประเทศ และทั่วโลก นำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงของขวัญ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไปจนถึงเครื่องครัว และอื่นๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการในงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของเอเชีย STYLE Bangkok 2024

  • เผยโฉมแฟชั่นแห่งอนาคต ที่ STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 เป็นยิ่งกว่างานแสดงสินค้า
  • สืบสานมรกดวัฒนธรรมกับความร่วมสมัยที่ STYLE Bangkok 2024
  • สำรวจอนาคตของแฟชั่นและความยั่งยืนที่ STYLE Bangkok
  • จากมวยไทยสู่แฟชั่น ที่ STYLE Bangkok
  • ยกระดับผ้าทอไทยสู่ตลาดโลกที่ STYLE Bangkok 2024
  • ขุมทรัพย์แฟชั่นสุดสร้างสรรค์ที่ STYLE Bangkok 2024
  • หัตถศิลป์ไทยที่ก้าวข้ามกาลเวลา ในงาน STYLE Bangkok
  • ฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่นกับองค์ความรู้สมัยใหม่ ใน STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 ส่งเสริมแฟชั่นไทยบนรากฐานความยั่งยืน

สำหรับผู้ชื่นชอบมวยไทย STYLE Bangkok 2024 นำเสนอผลิตภัณฑ์จากนักมวยไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ภายใต้แบรนด์ “บัวขาว แกลลอรี่” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์ไทย มาอวดโฉมชาวไทยและชาวโลกเมื่อ ซอฟต์พาวเวอร์ของกีฬาและแฟชั่นมาบรรจบกันได้อย่างน่าทึ่ง

ไฮไลท์ยังไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ยังมีมรดกสิ่งทอไทยอันน่าชื่นชมที่บูธ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โครงการตามแนวพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ฟื้นคืนความรู้จากภูมิปัญญาพื้นถิ่นมาบูรณาการร่วมกับองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เกิดเป็นผลงานการถักทอผืนผ้าและงานหัตถศิลป์ไทยที่มีความร่วมสมัยเป็นสากล ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เป็นที่ยอมรับของตลาดภายในและต่างประเทศ

STYLE Bangkok 2024 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการเชิดชูเอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นในมิติต่างๆ จากผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมไปจนถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ จากความคิดริเริ่มระดับรากหญ้าไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บทพิสูจน์ถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ของหัตถศิลป์ไทย ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาที่สืบทอดมานานต่อยอดกับแนวคิดสมัยใหม่และความยั่งยืนที่กำหนดทิศทางอนาคตของแฟชั่นไทย ที่ STYLE Bangkok 2024

STYLE Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ธีม “ChicNature’’ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567

ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.stylebangkokfair.com

มองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ 

เตรียมตัวออกเดินทางไปยังใจกลางแห่งมองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ ที่ซึ่งคุณจะได้ลิ้มรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ดื่มด่ำไปกับความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ยาวนาน อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเราตั้งตารอคอยให้คุณมาร่วมเฉลิมฉลองประเพณีอันงดงามและมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวมองโกเลียจากความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภายใต้ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อเปิดสัมผัสวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของมองโกเลียผ่านการแสดงแบบดั้งเดิมและน่าตื่นตาตื่นใจ ค้นพบประวัติศาสตร์อันยาวนานและโอกาสในการไปเยือนสถานที่อันน่าตื่นเต้นร่วมกัน

มรดกทางวัฒนธรรมมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเอกลักษณ์ประจำชาติที่แสดงถึงตัวตนของชาวมองโกเลียอย่างแท้จริง และเรามองเห็นว่าควรนำเสนอความงดงามดังกล่าวไปสู่เวทีโลก พวกเขาจะได้มองเห็นภาพของประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงการมองไปยังอนาคต ทั้งหมดเป็นตัวกำหนดเรื่องราวในการเล่าเรื่องชาติของเรา มองโกเลียได้พยายามโอบอุ้มแก่นแท้แห่งความเป็นประเทศด้วยคำว่า “GO” อันเป็นอักษรและคำที่มีความหมายตั้งอยู่ตรงกลาง คุณจะได้เห็นการออกแบบอันฝังแน่นที่อยู่ในดีเอ็นเอของความเป็นมองโกเลีย สำรวจและค้นพบสัญลักษณ์และตัวตนอันแสนพิเศษที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจอันแตกต่างให้กับแต่ละเรื่องราวของมองโกเลีย

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คำว่า “GO” ถือเป็นหัวใจและใจกลางสำคัญของชื่อและชาติของเรา อาจมองเป็นคำง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง เพราะไม่เพียงแต่กำหนดแรงผลักดันและจิตวิญญาณในความเป็นชาติของเราเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชาวมองโกทุกคนบนเวทีโลกอีกด้วย เราได้รวม “GO” ไว้ในปรัชญาการสร้างความเป็นชาติของเราในแบบที่ไม่มีใครทำได้

คำว่า “มองโกเลีย” ถูกสร้างขึ้นโดยใช้สัญลักษณ์แห่งอักษรซอยอมโบ หรือ อักษรสวยัมภู ทั้งหมด โดยแต่ละองค์ประกอบนั้น ได้ถูกนำมาใช้อย่างประณีตเพื่อสร้างรูปแบบตัวอักษรที่โดดเด่น ส่งผลให้เกิดคำที่ทันสมัยและทรงพลังรูปแบบตัวอักษรมีลักษณะหนาและกว้าง โดยผสมผสานความแตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดทางสายตา แม้จะมีองค์ประกอบการออกแบบที่ทันสมัย แต่ค่านิยม ประเพณี และความสมบูรณ์ ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างแน่นเหนียว

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน มองโกเลีย
มองโกเลีย มีทุ่งหญ้าสเตปป์กว้างใหญ่ ภูเขาสูงตระหง่าน และวัฒนธรรมแห่งชนเผ่าเร่ร่อน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันล้ำค่าสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาการผจญภัย ค้นพบประวัติศาสตร์ และความงามของธรรมชาติ จนเราสามารถพูดได้ว่า นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด โดยแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์และความดึงดูดเฉพาะตัว:

1. ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายโกบี ทอดยาวไปยังทั่วภูมิภาคทางตอนใต้ของมองโกเลีย มีภูมิทัศน์อันน่าหลงใหลของเนินทรายและแนวหิน ดึงดูดนักเดินทางด้วยพืชพันธุ์และสัตว์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับเนินทรายแห่ง Kongoryn Els ที่สูงตระหง่าน ขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ Flaming Cliffs และดื่มด่ำไปกับการต้อนรับแบบพื้นเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน

2. ทะเลสาบ Khuvsgul (คุชกุล) ทะเลสาบ Khuvsgul ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “Blue Pearl” ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาทางตอนเหนือของมองโกเลีย เป็นสถานที่พักผ่อน พร้อมด้วยอากาศอันบริสุทธิ์สำหรับนักเดินทางที่มาตั้งแคมป์ เดินป่า และชมวิถีชีวิตการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ Tsaatan อีกทั้งยังมีน้ำทะเลใสดุจคริสตัลและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์โดยรอบ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสำรวจธรรมชาติพร้อมสัมผัสกับวัฒนธรรมอันงดงามของภูมิภาคแห่งนี้

3. อุทยานแห่งชาติ Terelj (เทเรลจ์) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันงดงามใกล้กับเมืองอูลานบาตอร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยหินแกรนิตที่ก่อตัวเป็นรูปทรงเต่าอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเงียบสงบเหมาะกับการทำสมาธิท่ามกลางทัศนยีภาพอันสวยงามและลำธารทอดยาว เดินทางเพียงไม่นานจากเมืองหลวงสู่อุทยานแห่งนี้ คุณจะได้ค้นพบความงดงามทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของมองโกเลีย

4. อนุสาวรีย์เจงกีสข่าน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับรูปปั้นคนขี่ม้าสูงตระหง่าน โดดเด่น และสง่างาม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงริมแม่น้ำตูล หรือเป็นที่รู้จักในนามอนุสาวรีย์รูปปั้นเจงกีสข่าน นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติของมองโกเลีย ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ทำให้สถานที่เหล่านี้ดึงดูดผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวผู้กระตือรือร้นที่จะเจาะลึกไปยังอดีตของมองโกเลีย

5. Kharkhorin (คาร์คอริน) ในฐานะเมืองหลวงเก่าแห่งจักรวรรดิมองโกล Kharkhorin เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น พระอาราม Erdene Zuu และซากปรักหักพังแห่ง Karakorum เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสำรวจมรดกและประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย อีกทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์ Kharkhorin ที่จัดแสดงมรดกของอดีตผู้นำเจงกีสข่าน ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์

6. ทะเลสาบ Ugii (อูกี) ทะเลสาบ Ugii ในจังหวัด Arkhangai อันเงียบสงบและงดงาม ดึงดูดผู้รักธรรมชาติด้วยผืนน้ำอันราบเรียบเงียบสงบ เหมาะแก่การดูนกและกิจกรรมสันทนาการ เช่น ตกปลาและพายเรือ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบเร่ร่อนของชาวมองโกเลียดั้งเดิม ช่วยเพิ่มสีสันและความรู้ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวที่เรานำเสนอ เป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศที่หลากหลาย วัฒนธรรมอันเก่าแก่ และประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย ทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจดจำอย่างแท้จริงสำหรับนักเดินทางที่มาเยือน

ผู้เข้าร่วมงาน The Mongolian TourismOrganization (MTO), องค์กรการท่องเที่ยวมองโกเลีย (MTO)
ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 รับหน้าที่ดูแลนโยบายภาคการท่องเที่ยว ประกอบด้วยสมาชิกคณะกรรมการ 27 คนที่ได้รับเลือกจากภาคการท่องเที่ยว

MTO ให้บริการสมาชิกเกือบ 300 รายจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคเอกชนและองค์กรภาครัฐเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมองโกเลียทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ร่วมสำรวจประสบการณ์อันน่าจดจำ ในวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00น. เป็นต้นไป

ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิร์ล พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 16:00 – 18:00 น.

“เกทเวย์ แอท บางซื่อ” ร่วมกับ โรส ศรินทิพย์ ฉลองเทศกาลคริสต์มาสมอบความสุขส่งท้ายปี

“เกทเวย์ แอท บางซื่อ” ฉลองเทศกาลคริสต์มาส มอบความสุขส่งท้ายปี
ด้วยต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่เพื่อชาวบางซื่อ พร้อมกระจายความสุขไปกับ โรส ศิรินทิพย์

ศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ ภายใต้ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ในเครือ AWC จัดงาน The Season of Happiness 2024 ส่งมอบความสุขส่งท้ายปี เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มกราคม 2567 พร้อมเปิด Lifestyle โซนใหม่ “เพลิน พาร์ค” เพื่อเป็นจุดเช็คอินย่านบางซื่อเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม วันคริสต์มาสที่ผ่านมา กับกิจกรรมที่อบอวนไปด้วยบรรยากาศของงาน ” The Season of Happiness 2024″ จัดขึ้นบริเวณลานอีเวนท์ฮอลล์ ชั้น M ที่เต็มไปด้วยความสุข จากการเปิดเวทีเรียกรอยยิ้ม ของเหล่าแฟนคลับตัวน้อย ด้วยโชว์ของเหล่าซานตาคลอส แซนตี้ และกวางเรนเดียร์ ก่อนที่ โรส ศิรินทิพย์ จะขึ้นเวทีมาพร้อมเพลงเพราะๆ ที่ขนมาครบทั้งเพลงดัง เพลงฮิต สมกับเป็นเทศกาลแห่งความสุขแบบจัดเต็มในครั้งนี้ รวมถึงเพลงตามคำขอจากแฟนคลับ ที่มานั่งรอชม กันแบบเต็มพื้นที่ และพิเศษสุด กับเพลงเมดเลย์ ฉลองเทศกาลคริสต์มาส ที่โรส เตรียมมาร้องกับแฟนเพลง กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถือว่าเป็นมินิคอนเสิร์ต สุดชิลในบรรยากาศสุดอบอุ่น ส่งท้ายปลายปีถือเป็นโมเมนต์แห่งความสุขของการเฉลิมฉลองแบบใกล้ชิด รวมถึงความสุขที่กระจายไปพร้อมกับขบวน Happiness Troop ที่มาส่งมอบความสนุกและภายนอกศูนย์การค้าฯ ได้เนรมิตต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าได้มาร่วมถ่ายรูปเช็คอิน และฟินไปกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี บริเวณ “เพลิน พาร์ค” พื้นที่โซนใหม่ที่ทางศูนย์การค้าฯ ได้เปิดขึ้น เพื่อเติมเต็มความหลากหลายให้แก่ทุกไลฟ์สไตล์ของชาวบางซื่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Best ALL Day Lifestyle Market and The Best Night-time Lifestyle Hangout เหมาะกับบรรยากาศการ การปาร์ตี้เฉลิมฉลอง พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ กับต้นคริสต์มาสสุดอลังการ ที่รายล้อมไปด้วยไฟประดับ ที่ทางศูนย์การค้าฯ ตั้งใจอยากให้เป็นจุดเช็คอินอัพโซเซียลให้แก่ชาวบางซื่อและใกล้เคียง

โค้งสุดท้ายกับเทศกาลเฉลิมฉลอง ความสุขจากโปรโมชั่นสุดคุ้ม ตลอดทั้งวัน เพื่อแทนคำขอบคุณจากทางศูนย์การค้าฯ กับแคมเปญโปรโมชั่นลดสูงสุดถึง 50% จากพันธมิตรร้านค้าชั้นนำ พร้อมร่วมรับสิทธิ์แลกรับของรางวัลพิเศษอีกมากมาย
กินหรือช้อป ภายในศูนย์การค้าฯ กระหน่ำแจกความสุข กับโปรโมชั่นส่งท้ายปี*

  • ครบ 1,500 บาท เลือกรับ Gift Voucher หรือของสมนาคุณ จากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์การค้าฯ ที่ร่วม รายการ หรือ
  • ครบ 3,500 บาท รับกระเป๋า Limited Edition (มูลค่า 599 บาท) ฟรี!
    พิเศษ!! ช้อปครบทุก 500 บาท ขึ้นไป(ต่อใบเสร็จ) รับสิทธิ์ Lucky Draw (E-Coupon) พร้อมของรางวัลจากกลุ่มโรงแรมในเครือ AWC ประกอบไปด้วย
  • รางวัลที่ 1 ห้องพักสุดหรู Deluxe Pool Villa จากโรงแรมบันยันทรี สมุย พร้อมอาหารเช้า 3 วัน 2 คืนสำหรับ 2 ท่าน มูลค่า 65,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
  • รางวัลที่ 2 ห้องพักสุดหรู Deluxe Garden Pool Suite จากโรงแรมบันยันทรี กระบี่ พร้อมอาหารเช้า 3 วัน 2 คืนสำหรับ 2 ท่าน มูลค่า 60,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
  • รางวัลที่ 3 บัตรกำนัลรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งจากห้องอาหาร Goji Kitchen+Bar จากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มูลค่า 5,412 บาท จำนวน 1 รางวัล

เต็มอิ่มไปกับเทศกาลของขวัญส่งท้ายปีใหม่ ต้อนรับปีใหม่ ที่ทางศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ จัดให้พร้อมพุ่งตัวไปช้อปปิ้งได้ในงาน “The Season of Happiness 2024” ช้อปสนุกส่งท้ายปลายปีกับสินค้าสุดพิเศษลดถึง 50% ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มกราคม 2567 นี้ กับศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ ความสุขที่พร้อมสรรพสำหรับทุกครอบครัว

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

#ฉลอง5ปีที่เกทเวย์แอทบางซื่อ #5thAnniversaryGatewayatBangsue #GatewayatBangsue5th #GatewayatBangsue5 #Ajourneyoflove5

คุยกับ คุณพธู ณ สงขลา เปิดความสำเร็จผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้

Toptotravel ได้มีโอกาสพิเศษที่ได้พูดคุยกับ คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True world Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เบื้องหลังความสำเร็จเกี่ยวกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นช่วงเวลาต่อไปนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยว หลายคนบอกว่าอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แน่นอน…

เกาหลีใต้เป็นจุดมุ่งหมายที่หลายคนใฝ่ฝันและวางแผนการท่องเที่ยวหรือหลายคนก็ไปมาแล้ว และหากต้องการเที่ยวที่ไม่ต้องวางแผนการเดินทางเอง ไม่ต้องหาที่พักเอง ไม่ต้องหาแหล่งเที่ยวเอง ไม่ต้องหาร้านอาหารเอง มีที่หนึ่งที่อยากแนะนำ และสิ่งที่ทำให้
สามารถจัดการทุกอย่างให้ได้ทั้งหมดคือ True World Travel บริษัททัวร์ที่เปิดมายาวนานมากกว่าสิบปี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุดเตือนภัยจากกรณีแก๊งค์คอลเซนเตอร์ระบาดหนัก ทำอย่างไรให้ป้องกันโดนมิจฉาชีพหลอกลวง และในอนาคตจะมีปัจจัยความเสี่ยงอะไรเข้ามากระทบบ้างหรือไม่ ทำให้เราต้องบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ไปพร้อมกับการพัฒนา แก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

สิบกว่าปีแห่งการก่อตั้ง ทิศทางรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างไร
คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เล่าให้ฟังว่า …เริ่มเดิมทีเป็นไกด์พาคนไทยเที่ยวเกาหลีใต้มาก่อน ในช่วงนั้นเราก็ได้เห็นวัฒนธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ได้เห็นมุมมองแปลกๆ ได้เห็นเสน่ห์ของประเทศเกาหลีใต้ ทำให้หลงเสน่ห์เกาหลีใต้ อีกทั้งเรารู้ว่าลูกทัวร์ต้องการอะไร เรามีพาร์ทเนอร์เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญในประเทศเกาหลีใต้ จึงจับมือกันกับแลนด์ โอปะเรชั่น ตั้งบริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล ขึ้นมา ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2555
โดยเราจัดให้คนไทยไปเมืองที่นิยมไปเที่ยว กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ มหานครปูซาน เมืองท่าอันดับหนึ่งของเกาหลี รวมถึงเกาะมรดกโลกอย่างเกาะเจจู ดินแดนที่ใครไปก็หลงเสน่ห์ เพราะคือธรรมชาติที่แท้จริง หาได้ยากมาก

แหล่งเที่ยวในกรุงโซล สามารถรักษาอันดับการเติบโตในเชิงรายได้มากน้อยเพียงใดกรุงโซล ส่วนใหญ่เน้นช้อปปิ้ง แฟชั่น ความงาม แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อยู่ และตอนนี้เราจัดแพคเกจที่ไม่เหมือนใคร และทำขึ้นครั้งแรกกระแสตอบรับดีมาก โดยการเที่ยวกับทัวร์กึ่งเที่ยวด้วยตัวเอง โดยวันแรกมีไกด์ให้บริการและพาเที่ยว โดยที่เที่ยวที่พาไปก็เป็นแหล่งเที่ยวที่คนนิยมไปเช็คอินกันเช่น ห้องสมุด Starfield Library สายมูต้องไป พาไปไหว้พระที่ วัดพงอึนซา วัดเก่าแก่เป็นพันปี พาไปถ่ายรูปที่คลองชองกเยซอน หนึ่งในสัญญลักษณ์ของเกาหลีใต้และโรงแรมที่พักแน่นอนเราอยากให้คนไปเที่ยวเกาหลีในแบบที่ท่องเที่ยวเองสะดวก จึงเลือกโรงแรมที่คนไทยรู้จักกันดี นั่นคือย่านเมียงดง ทงแดมุน
เมื่อลงจากโรงแรมเดินไปช้อปปิ้งได้เลย และวันสุดท้ายก็ไม่ต้องกังวล ไกด์จะมารับที่โรงแรมสัมภาระเยอะขนาดไหนก็สามารถนำขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังสนามบินได้อย่างสะดวกสบาย เราให้คนไทยได้ไปเที่ยวกันจ่ายไม่ถึง 10,000 บาท 4 วัน 2 คืน รวมที่พัก 2 คืน ตั๋วเครื่องบิน พาเดินทางท่องเที่ยว
หรือจะท่องเที่ยวในแพคเกจแบบเดินทางกับไกด์และเที่ยวด้วยตัวเอง ก็ได้ทั้งสองแบบ เราพยายามตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคสมัยนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”

ปูซาน – โพฮัง
สำหรับเมืองที่กระแสเริ่มมาแรง อีกเมืองหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ คือ “มหานครปูซาน” ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล เผยว่า “….เพราะเป็นเมืองทะเล เมืองของกินอร่อย ถ่ายรูปสวย และแพคเกจเมืองปูซาน นอกจากปูซานแล้วยังพาไปเที่ยวเมืองโพฮัง เมืองที่ไปถ่ายทำซีรีส์ เรื่อง Hometown Cha Cha ซึ่งดังมากๆ หลายคนอยากตามรอยหัวหน้าฮง ได้ถ่ายรูป ได้ไปคาเฟ่พร้อมกับไปเช็คอินที่เที่ยวที่ใหม่ล่าสุด สะพาน Space walk เราให้ลูกค้าได้นอนที่โรงแรมติดชายหาดแฮอุนแด สองคืน นอกจากเห็นวิวทะเลแล้ว ยังเดินไป walking street , food street แหล่งแฮงค์เอาท์ที่ขึ้นชื่อ และไม่พลาดพาไปยังย่านช้อปปิ้ง ย่านนัมโพดง ที่เขาเรียกว่า เมียงดงแห่งปูซาน และตรงข้ามยังมีตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ รถไฟปุ๊กปิ๊ก ซึ่งตอนนี้เขาบอกว่าถ้าไปจองเองค่อนข้างยากมากๆ ส่วนใหญ่คนที่ไปเที่ยวเองไม่ได้ขึ้น แต่ ทรู เวิลด์ สามารถทำได้
ล่าสุด ทางทรู เวิลด์ ทราเวล จัดแพคเกจท่องเที่ยว นอกจากกรุงเทพฯไปปูซานแล้ว ยังมีบินจากเชียงใหม่ไปปูซานด้วย 4 วัน 2 คืน สามารถเช็คได้ทางช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ

เกาะเจจู
และถ้าจะไม่พูดถึงผลงานชิ้นโบว์แดงของ ทรู เวิลด์ ทราเวล คงจะไม่ได้ นั่นคือการพานักท่องเที่ยวชาวไทยบินตรงสู่เมืองมรดกโลก เกาะเจจู
ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล ได้เล่าต่อว่า “….เกาะเจจู นอกจากได้เป็นเมืองมรดกโลกแล้ว ยังติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เราก็รู้สึกว่าเกาะเจจูน่าเที่ยวมาก อยากให้คนไทยได้ไปสัมผัส เหมือนกับที่เราได้ไปแล้วเราตกหลุมรักที่นี่ จึงเริ่มตัดสินใจเช่าเหมาลำเครื่องบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเจจูเลย โดยสายการบินเจจูแอร์ โดยไม่ต้องไปรวมกับสายการบินอื่นหรือลงที่กรุงโซลก่อน เพราะไฟล์ทปกติไม่มีบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เจจู ถ้าเราไม่ทำทุกท่านก็ไม่สามารถไปลงเกาะเจจูได้ เพราะไม่มีไฟล์ทบิน เกาะเจจูมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราไปสถานที่หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งและกลับไปยังสถานที่เดิมในอีกเวลาหนึ่งบรรยากาศจะแตกต่างกันมาก จะไม่เหมือนกันเลย เช่นการขึ้นภูเขาฮัลลาซาน ซึ่งเป็นภูเขาที่เป็นต้นกำเนิดของเกาะเจจู สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ไปฤดู Autumm ต้นไม้เปลี่ยนสี ใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งภูเขา เมื่อไปช่วง Winter จะเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะหิมะปกคลุมทั้งภูเขา สวยงามมาก กลายเป็นว่าลูกค้าสามารถเที่ยวเกาะเจจูได้ทุกฤดูไม่เบื่อเลย”

สุด “ว้าว…เที่ยวทีเดียวสามเมือง”
และสำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบสองเมือง ทางบริษัท ฯ ก็ตอบโจทย์เช่นกัน “… แพคเกจใหม่ที่เราเพิ่งออกมาใหม่ คนไทยชอบเที่ยวกรุงโซลและปูซานด้วย จึงคิดว่าทำอย่างไรให้เชื่อมต่อกันถึงกันได้ เรามองถึงรถไฟความเร็วสูง KTX เราอยากให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ จึงออกแบบการท่องเที่ยวออกมาให้พักโซลสองคืนและปูซาลสองคืน และถ้าไปเจจู ปูซาน เราก็มี บินตรงไปเกาะเจจู ลูกค้าได้ไปเที่ยวธรรมชาติ ได้ทานหมูดำ อยากไปปูซานต่อเราก็จัดให้รวมตั๋วเครื่องบินภายในประเทศและพาไปเที่ยวโพฮังด้วย เราเรียกโปรแกรมนี้ว่า” ว้าว เที่ยวทีเดียวสามเมือง” คือ เจจู ปูซาน โพฮัง พร้อมเผยแผนและมอบโปรแกรมทัวร์สุดพิเศษส่งมอบให้คนไทย ส่วนโปรเด็ดๆ ของเดือนสิงหาคม ตอนนี้คือ 1 แถม 1 จ่ายคนเดียวเที่ยวได้สองคน เที่ยวแบบประทับใจ ไม่จกตา ตรงปกแน่นอน สามารถสอบถามได้ทุกช่องทางของการติดต่อของบริษัท”

ล่าสุดอยากเตือนภัยจากแก๊งคอลเซนเตอร์
ปัญหา-อุปสรรคทางด้านการจองทัวร์ท่องเที่ยวและที่สำคัญ ที่ผ่านมามีแก๊งค์คอลเซนเตอร์ได้เข้ามาหลอกล่อนักท่องเที่ยวในการจองห้องพัก และอื่นๆ ทำให้นอกจากจะไม่ได้เดินทางแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินอีกเป็นจำนวนหลายราย ทางผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “ระวังเรื่องแก๊งค์คอลเซนเตอร์ อย่าหลงเชื่อ หรือรีบตัดสินใจคล้อยตาม หากมีการขายทัวร์ในราคาที่ต่ำกว่าโปรโมชั่นของบริษัท และยิ่งถ้ารบเร้าให้รีบโอนเงินไปบัญชีบุคคลธรรมดายิ่งอันตราย ควรระวังหากมีคนที่โทรหรือทักหาเรา จากเบอร์ส่วนตัวหรือไลน์ส่วนตัว ปกติทางทรู เวิลด์ ให้แอดมินและเซลล์ทุกคนติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางของบริษัท ไลน์แอดบริษัท รวมถึงเบอร์ออฟฟิศ และเบอร์มือถือของออฟฟิศเท่านั้น ซึ่งตรวจสอบเบอร์และช่องทางการติดต่อได้ที่หน้าเพจ และการจองทัวร์ทุกครั้ง เราจะมีการออกอินวอยเรียกเก็บ ซึ่งจะมีเลข booking มีรายละเอียดชื่อโปรแกรม วันเดินทาง ยอดเงินที่ต้องชำระ และเลขบัญชีอบริษัท “ทรู เวิลด์ ทราเวล” เท่านั้น ระวังอย่าโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลเพราะนั่นคือมิจฉาชีพแน่นอน”

มุมมองความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างไร
และแน่นอนว่าจากกระแสความนิยม….การท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มพลังบวกที่ให้ความสุขกับผู้ที่เดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางที่ใด และสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปกับทัวร์แบบคุณไม่ต้องกังวล เรื่องของการหาที่พัก หาตั๋วเครื่องบิน การที่ต้องจ่ายเพิ่มกับกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ หากเดินทางด้วยตัวเองหรือหากต้องการเที่ยวด้วยตัวเองบ้างในบางวัน เขาก็มีแพคเกจให้เลือก แบบเที่ยวกับทัวร์ผสมผสานกับเที่ยวด้วยตัวเอง เรียกว่าตอบโจทย์ในความต้องการของผู้เดินทางอย่างแท้จริง เพราะการดูแลลูกค้า เราเน้นเรื่องของบริการหลังการขาย และความสะดวกรวดเร็วในการรับจองผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้เราได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ เราเชื่อว่าตลาดจะเติบโต โดยในมุมของ True World Travel

อีกมุมหนึ่งนั่นคือเรื่องของความรู้ความเข้าใจ การเลือกสรรบริษัททัวร์ ที่จะเดินทางก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่เราต้องพิจารณา ซึ่งทรู เวิลด์ ทราเวล ถือเป็นหนึ่งในบริษัททัวร์ชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการันตีได้ถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่มีมากกว่าสิบปี ดังสโลแกนของบริษัทที่ว่า 3 ดี นั่นคือ “เที่ยวดี พักดี และราคาถูกดี” คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True world
Travel ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้าย

สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่ ทรู เวิลด์ ทราเวล
Line : @gotrueworld , Facebook : True World Travel
Website : gotrueworld.com โทร 02-2121-037, 02-115-0037 กด2 (จ-ศ)
098-827-7522, 062-308-7522, (ทุกวัน)
061-273-7522, 065-502-7522 (ทุกวัน)

HKTDC จัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong

องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong ขนทัพสินค้าและบริการคุณภาพเยี่ยมจากฮ่องกงสู่ประเทศไทย เปิดโอกาสฮ่องกงร่วมมือธุรกิจไทย ในงานแสดงสินค้าสุดยิ่งใหญ่แห่งปี

4 กรกฎาคม (กรุงเทพ ประเทศไทย) – องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council: HKTDC) กำลังจะมีจัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) ณ ใจกลางกรุงเทพมหานครในเดือนนี้ งานดังกล่าวได้นำเสนอฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรม ที่เปิดโอกาสให้แก่ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 13-14 กรกฎาคม ณ เซ็นทารา แกรนด์ และ บางกอก คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิล์ด กลุ่มธุรกิจทั้งไทยและฮ่องกง จะได้รับโอกาสในการหาคู่ค้าทางธุรกิจผ่านงานแสดงสินค้า สัมมนา และกิจกรรมเฟ้นหาเครือข่ายทางธุรกิจ


นาย โรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง กล่าว “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) มีประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ทางธุรกิจอันแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานกับฮ่องกง และเป็นคู่ค้าทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสอง งาน TBTHK ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้ จะนำเสนอสินค้าและบริการจากฮ่องกงในอาเซียน อีกทั้งเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาค ค้นหาคู่ค้าเพื่อลงทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและห่วงโซ่อุปทานแบบผสมผสาน

“เป้าหมายหลักของเราคือการชูจุดแข็งของฮ่องกงในด้านสินค้าและบริการ และแนะนำเสนอการพัฒนาด้านต่างๆ ของฮ่องกง เพื่อแสดงให้กลุ่มธุรกิจไทย มองฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางธุรกิจนานาชาติชั้นนำ และในฐานะแพลตฟอร์มทางธุรกิจและการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าอย่างสูงสุดในประเทศจีน ในขณะเดียวกัน เราต้องการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มธุรกิจไทยและฮ่องกงสามารถร่วมมือกันสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่กันและกัน และรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าอย่างยาวนานได้”

“โอกาสเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยหน่วยงานรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ เช่นเดียวกับข้อตกลงทางการค้า เช่น เขตการค้าเสรี (FTAs) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่ช่วยประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค” นายโรนัลด์กล่าว

ฮ่องกงเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของเอเชีย และทำหน้าที่ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ ด้วยข้อได้เปรียบที่เด่นชัดต่างๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านระบบกฎหมาย การเงิน การลงทุน และภาษี ช่วยผลิตสินค้าและบริการการค้าคุณภาพสูงและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจและพัฒนาทางธุรกิจ ที่เชื่อมไปสู่ประเทศจีน ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ

ฮ่องกงเป็นสะพานระหว่างประเทศจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับกระแสเงินทุน สินค้า ข้อมูล และผู้คน เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอมา แผนพัฒนาต่างๆ เช่น โครงการ Belt and Road Initiative และเขตเศรษฐกิจ Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area (GBA)
แผนพัฒนาเหล่านี้ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ขยายบทบาทของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม กล่าวได้ว่า ฮ่องกงเป็นพาร์ทเนอร์ในอุดมคติของบริษัทในไทยที่ต้องการค้นหาโอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษของฮ่องกงและตลาดนานาชาติ

ในปีนี้ งาน TBTHK จะเป็นแพลตฟอร์มแบบองค์รวมที่ธุรกิจการค้าของไทยจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของฮ่องกง ในฐานะประตูสู่โอกาสในประเทศจีนและตลาดระดับนานาชาติ และเพื่อเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ทางการค้าอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและฮ่องกง งานแสดงสินค้า (Trade Expo) ในครั้งนี้จะนำแสดงสินค้าคุณภาพสูงจากกว่า 100 บริษัท รวมถึง Chow Tai Fook, Green Common, B.Duck, Vita Green, Memorigin, Smart City consortium และอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทจากฮ่องกงแนะนำสินค้าเหล่านี้สู่ตลาดภูมิภาค ในขณะเดียวกัน บริษัทจากไทยจะได้โอกาสพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อการร่วมงานกันในอนาคต

ในระหว่างการรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนในครั้งนี้ บริษัทสินค้ามากมายจากฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็น บริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ บ้านและของขวัญ ความยั่งยืนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่างได้แสดงตัวอย่างงานแสดงสินค้าให้สื่อมวลชนได้รับทราบ

สินค้าที่จัดแสดงในงานประกอบด้วย

  • กระเป๋าผ้า Kapture ซึ่งผสานเทคโนโลยีแอนตี้ไวรัส BioNTex™ และผ้า upcycled จากการผลิตผ้า
  • กระบอกน้ำสุญญากาศ Camel ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีสุญญากาศมาตั้งแต่ปี 1940
  • นาฬิกา Temporis ที่มีดีไซน์ทันสมัย เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ประดับด้วยคริสตัล K1 แทนกระจกเทมเปอร์ นับเป็นการยกระดับสินค้าเมื่อเทียบกับนาฬิกาข้อมือยี่ห้ออื่นๆ ในกลุ่มราคาเดียวกัน
  • นาฬิกา Romago เป็นนาฬิกาแบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่เริ่มธุรกิจจากการสร้างนาฬิกาหรูแบบสั่งทำเฉพาะ ปัจจุบัน แบรนด์ให้ความสำคัญกับนาฬิกาที่โดดเด่นด้านดีไซน์โก้หรู โดยใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ในการพัฒนานาฬิกาดำน้ำ
  • Derangedsign เป็นสตูดิโอออกแบบสินค้าจากฮ่องกง ที่จะจัดแสดงชุด Coexistence ซึ่งประกอบไปด้วยถาด 2 ใบที่ถูกแกะสลักเป็นรูปทรงภูมิทัศน์ เหมาะสำหรับเสิร์ฟผลไม้ ลูกอม ถั่ว และอัญมณี ชุดถาดเซ็ทนี้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย
  • B.Duck เป็นแบรนด์สินค้าออกแบบลิขสิทธิ์ชื่อดังจากบริษัท Semk Products Ltd. จะนำเสนอโคมไฟรูปเป็ดอันโด่งดัง

นอกจากนี้ จะมีการจัดช่วงการเสวนา (Trade Talks) ระหว่างช่วงจัดแสดงงาน ซึ่งจะเน้นย้ำข้อได้เปรียบของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการค้า ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มสินค้าปลีก องค์กร และบริษัทนวัตกรรมที่จะมาร่วมกันในช่วงการเสวนาเพื่อพูดคุยในหัวข้อต่างๆ อาทิ การรังสรรค์อนาคตของการค้าปลีก การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยลิขสิทธิ์ การเปลี่ยนโฉม E-commerce และ การโอบรับความยั่งยืนและ ESG

วันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงาน จะมีกิจกรรมลุ้นรับของรางวัล ซึ่งรวมไปถึงสมาร์ทโฟน นาฬิกาTourbillon แท็บเล็ต และของรางวัลอื่นๆ ผู้ร่วมงานยังได้รับสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินในช่วงระยะเวลาวันงาน นอกจากนี้ ยังมีโฟโต้บูธซึ่งมีฉากหลังเป็นตึกอันเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง พร้อมด้วยรถตุ๊กตุ๊กติดป้าย TBTHK ที่จะทำให้ผู้ร่วมงานดื่มด่ำไปกับประสบการณ์แสนสนุก อีกทั้งเป็นการโปรโมตวัฒนธรรมของฮ่องกงและฉากอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยเข้าด้วยกันอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรา กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.hktdc.com/aboutus
ติดตามเราได้ที่ Twitter @hktdc และ LinkedIn

Rado Centrix เสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ Rado ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกาเผยโฉมผลงานใหม่ล่าสุด “Rado Centrix” มาในช่วงฤดูร้อนจัดแบบนี้ เพราะเสน่ห์อันน่าหลงใหลของนาฬิกาเรือนล่าสุดเปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่านทะเลทรายและความร้อนให้ความรู้สึกสบายได้อย่างน่าทึ่ง Centrix เน้นการใช้โทนสีทอง สีเหลืองสด และสีน้ำตาล สร้างสรรค์ขึ้นมาจากไฮเทคเซรามิกและคริสตัลแซฟไฟร์อันเป็นความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ผสานรวมกับกลไกการเดินที่ล้ำสมัยและแม่นยำทำให้ Centrix รุ่นนี้พัฒนาจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.2010 มาไกลเหลือเกิน ทั้งวัสดุ นวัตกรรม และการดีไซน์อันงดงามส่งให้ Centrix กลายเป็นนาฬิกาเรือนหรู ที่น่าเชื่อถืออย่างไม่มีใครเทียบได้


ความโดดเด่นของ Centrix รุ่นใหม่นั้นชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น เริ่มจากรูปทรงโค้งมนดูอ่อนโยน วัสดุไฮเทคเซรามิกเบา ดูดี มีความทนทาน และที่พิเศษคือสัมผัสนุ่มนวลอันน่าหลงใหลที่เพิ่มมากขึ้นประหนึ่งเป็นเสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน นอกจากความอ่อนโยนที่เพิ่มขึ้นแล้ว Centrix รุ่นนี้ยังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ช่องหน้าปัดกว้างขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. ด้านบนเสริมกระจกยาวจรดขอบตัวเรือน ขณะเดียวกันก็มีรุ่นเล็กเป็นอีกทางเลือกซึ่งมาในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30.5 มม. ทั้งสองแบบมีความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า “ความเรียบง่ายคือจิตวิญญาณแห่งความสง่างาม”


คริสตัลแซฟไฟร์ที่ใช้กับ Centrix รุ่นนี้เป็นคริสตัลแซฟไฟร์รูปแบบใหม่ มีความกลม ดีไซน์ขอบโค้งมน ต่างจากขอบคมๆ แบบเก่าในนาฬิกาเรือนอื่น ให้ทั้งความรู้สึกสบายตาและให้ผิวสัมผัสเรียบสบาย โดยมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ทั้งสองด้าน ช่วยให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนส่วนพื้นผิวนั้นนักออกแบบใช้เทคนิคพิเศษทำเป็นรูปแบบซันเรย์ ปั๊มแล็กเกอร์จนได้พื้นผิวเรียบลื่นสมบูรณ์แบบ Centrix มีสีหน้าปัดให้เลือกตั้งแต่สีเข้มแนวหรูหรา เฉดสีเงินที่ขับผิวแบบซันเรย์ให้โดดเด่น รวมทั้งเรือนที่เล่นสีพื้นหลังให้มีทั้งความเข้มและสว่างในตัว เข้ากับดัชนีบอกเวลาของแต่รุ่นอย่างลงตัว



ความพิเศษบนหน้าปัดยังไม่หมดเท่านี้ เพราะโลโก้ Rado บน Centrix รุ่นใหม่ยังมีขนาดใหญ่ขึ้น และแบรนด์นำคำว่า “Jubilé” กลับมาอยู่บนหน้าปัดอีกครั้ง บ่งบอกถึงการนำอัญมณีล้ำค่ามาประดับไว้บริเวณดัชนีบอกเวลา ถัดลงมาด้านล่างเป็นช่องบอกวันที่ซึ่งไม่ใช่ทรงกระบอกเรียบๆ ที่หลายคนคุ้นตาอีกต่อไป เพราะ Rado ออกแบบให้มุมทั้งสี่โค้งมนสอดคล้องกับดีไซน์โดยรวมของรุ่นนี้ ส่วนตรงจุดยึดเม็ดมะยมก็มีการเลเซอร์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อพลิกไปด้านหลังก็จะพบกับฝาหลังดีไซน์ใหม่ ใช้เลเซอร์สลักหมายเลขซีเรียล และเช่นเดียวกับนาฬิกาออโตเมติกของ Rado ทุกรุ่นคือใช้คริสตัลแซฟไฟร์เพื่อให้เราเห็นกลไกการเดินพร้อมแฮร์สปริง NivachronTM ป้องกันสนามแม่เหล็ก สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง (รุ่นเล็ก) และ 80 ชั่วโมง (รุ่นใหญ่) ทุกเรือนผ่านการทดสอบความแม่นยำถึง 5 ตำแหน่ง สำหรับ Centrix รุ่นควอตซ์มีคุณสมบัติล้ำสมัยพร้อมเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวกะทันหันหรือการกระแทกแล้วตอบสนองอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบอกเวลาที่น่าเชื่อถือเสมอ ปิดท้ายด้วยคุณสมบัติเด่นอีกหนึ่งอย่างของนาฬิกาควอตซ์ คือมีความแม่นยำสูงมาก ไม่ว่าอุณหภูมิหรือความชื้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงานทั้งสิ้น


นอกจากตัวเรือนแล้ว องค์ประกอบส่วนอื่นก็ได้รับการออกแบบและตรวจสอบอย่างประณีตทุกขั้นตอน แบรนด์ปรับสายนาฬิกาให้เข้ากับรูปทรงของตัวเรือนอย่างงดงาม แทนที่ตัวล็อกแบบเดิมด้วยหัวสายบักเคิ้ลแบบพับสามทบเพิ่มความปลอดภัยให้ Centrix รุ่นใหม่ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้พร้อมขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของทุกคนทันที

กลับมาอีกครั้ง !“เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II”

กลับมาอีกครั้ง ! ททท. เปิดอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ติดอาวุธผู้ประกอบการไทยต่อเนื่อง เจาะบทเรียนเพื่อพัฒนาทักษะต้อนรับนักท่องเที่ยวยุค Next Normal

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมอบรม หลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรม หลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com ครอบคลุมบทเรียนการทําตลาดดิจิทัล การออกแบบสินค้าและบริการ ด้านการท่องเที่ยวสอดรับเทรนด์และพฤติกรรมนักท่องเที่ยว พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ร่วมจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของพันธมิตร เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้โครงการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters” ในพื้นที่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ประกอบกับ ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนาฝั่ง ห่วงโซ่อุปทาน (Shape supply) อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมแก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริม ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย จึงได้ต่อยอดกิจกรรมอบรมหลักสูตรออนไลน์ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com โดยเนื้อหาจะครอบคลุม ถึงเรื่องการเพิ่มทักษะการตลาดดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมและการบริการสู่ความเป็นเลิศ เพิ่มเจาะลึก เทรนด์ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุค NEXT NORMAL เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เสริมภาพลักษณ์ และ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมสู่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้โครงการ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters” ในพื้นที่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ประกอบกับ ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนาฝั่ง ห่วงโซ่อุปทาน (Shape supply) อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมแก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริม ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย จึงได้ต่อยอดกิจกรรมอบรมหลักสูตรออนไลน์ “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” ผ่านระบบ E-Learning ทางเว็บไซต์ www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com โดยเนื้อหาจะครอบคลุม ถึงเรื่องการเพิ่มทักษะการตลาดดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมและการบริการสู่ความเป็นเลิศ เพิ่มเจาะลึก เทรนด์ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุค NEXT NORMAL เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เสริมภาพลักษณ์ และ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมสู่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี 
       
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II” จะได้รับตราสัญลักษณ์โครงการ“เจ้าบ้านที่ดี”และได้รับสิทธิประโยชน์เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ ททท. จัดขึ้น ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายกับแพลตฟอร์มพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ Traveloka, Wongnai, Gowabi, Local alike และ PPT Blue Card เพื่อเพิ่ม โอกาสทางการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว และถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาศักยภาพ ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว ตลอดจนช่วยผลักดันการขับเคลื่อน การท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตในเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน (High value and sustainability)

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมอบรมหลักสูตร “เจ้าบ้านที่ดี New Chapters Phase II”
สามารถ ลงทะเบียนอบรมได้ทาง เว็บไซต์
www.อบรมหลักสูตรเจ้าบ้านที่ดี.com
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ทาง Line Official : @Thaisuperhost

ร่วมน้อมรำลึก 153 ปี ชาตกาล “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ฟื้นรอยธรรมปฏิบัติบูชาสมาธิ ๑๕๓ ปีชาตกาล “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ หวังกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน ประชาชน คนรุ่นใหม่ได้หวนกลับมาเรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติของพระสายป่า สอดแทรกศีลธรรม อันเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๓ ปีชาติกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ระหว่างวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อน้อมรำลึกถึงองค์ ทั่วประเทศและต่างประเทศ และ วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพมหานคร

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถือว่าเป็นบุคคลที่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักและให้ความนับถือ เคารพกราบไหว้ตลอดมา ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในการปฏิบัติตัวขององค์ท่าน ซึ่งนับว่า ตลอดชีวิตขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้น องค์ท่านมีความแน่วแน่ในการสั่งสอนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แถบประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ได้รู้จักเรื่องของการทำสมาธิ เจริญภาวนา ซึ่งทำให้บุคคลผู้ปฏิบัติได้รู้เองเห็นเองว่า ความสงบที่เกิดขึ้นในใจของตน จากการทำสมาธิภาวนานั้น ทำให้จิตใจมีความสงบ เยือกเย็น ไม่ร้อนรุ่ม วุ่นวาย จนทำให้ชื่อเสียงขององค์ท่านได้แผ่ขจรขจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ
แม้องค์ท่านจะได้ละสังขารไปแล้วก็ตาม จวบจนปัจจุบันก็ยังมีประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็ได้ยอมรับและปฏิบัติตามกันอย่างกว้างขวาง ในเรื่องของการทำสมาธิภาวนา ตามแนวทางคำสั่งสอนขององค์ท่านอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ องค์การยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องเชิดชูให้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ประจำวาระปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ และทางคณะศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศก็ได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการขึ้น ในวันที่ ๒๐ มกราคม ของทุกปีอย่างต่อเนื่องกันมา

พระอาทิตย์ อธิปุญโญ (วงศ์แสนสุข) ผู้ประสานงาน ฝ่ายจัดงาน ๑๕๓ ปีชาตกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เปิดเผยถึงที่มาของการจัดงานว่า “อาตมาได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมน้อมรำลึก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งครบ ๑๔๙ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๒)จนถึง ๑๕๒ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๕) ที่ผ่านมาซึ่งก่อให้เกิดกระแสต่อสังคมมาก โดยเฉพาะเมื่อปี ๒๕๖๔ อาตมาได้รับรางวัล ค่าของแผ่นดิน จากผลงานผู้ริเริ่มเสนอหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต่อ UNESCO บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ วาระปี ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ ด้วยแล้ว ทำให้เกิดแรงผลักดันมุ่งมั่นต่อการจัดงานดังกล่าว


จึงร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ หน่วยงานต่าง ๆ องค์กรการศึกษาทั้งโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ได้เล็งเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้น ว่าสามารถสร้างแรงจูงใจ สร้างความสมานสามัคคี ให้กับมวลมนุษยชาติเป็นรูปธรรมให้เห็น และสร้างประโยชน์ได้อย่างแท้จริง จึงได้มีการเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมจัดงานวาระครบรอบในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในวาระปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งจะครบรอบวาระ ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงได้กำหนดการจัดกิจกรรมวันน้อมรำลึก ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดังนี
๑. วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อน้อมรำลึกถึงองค์ ณ วัด สถานปฏิบัติธรรม สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ทำงาน ที่บ้าน ทั่วประเทศ และต่างประเทศ
๒. วันเสาร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ มูลนิธิโรครักษ์ตับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับภาคีเครือข่าย และคณะศิษยานุศิษย์ จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
๑. กิจกรรมการรวมตัวของจิตรกรจิตอาสา จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วาดภาพในหัวข้อ “หลวงปู่มั่นกับสมาธิและสันติภาพ จากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต” เพื่อรวบรวมพลังความสามัคคีจากกลุ่มจิตรกรจิตอาสา ในการสร้างแรงจูงใจ การรวมพลังแสดงออกถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่คาดหวังว่าจะเกิดการแผ่ขยายในเรื่องชีวประวัติ คำสอน เป็นแบบอย่างอันดี ให้แก่เยาวชนของชาติในอนาคตต่อไป โดยจะนำภาพวาดดังกล่าวมาจัดแสดง และมีการประมูลภาพฯ ตั้งเป็นกองทุนฯ อีกด้วย
๒. การแสดงเดี่ยวเปียโนจากคุณ Ivan Sharapov นักเปียโนระดับโลก/วงดุริยางคศิลป์จากคณะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร/การขับร้องเพลงบูชาพระคุณหลวงปู่มั่น จาก ดร.โฉมฉาย อรุณฉาน และดร.อโนมา วิจิตรวิกรม และคณะ เพื่อรวบรวมพลังความสามัคคีจากกลุ่มนักดนตรี ร่วมกิจกรรมแสดงดนตรี ในหัวข้อ “ดนตรี และสมาธิภาวนา ในการบำบัดจิตใจ” อันจะสร้างแรงจูงใจให้ทั้งเด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ในการรวมพลังแสดงออกถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และขอเชิญผู้สนใจทุกท่าน ร่วมร้องเพลงเทิดเกียรติคุณ ๑๕๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อกราบน้อมรำลึกถึงองค์ท่าน
๓. กิจกรรมเจริญสมาธิวิปัสนนากรรมฐานแบบพระสายวัดป่า เพื่อให้มีเกิดสติ ในการใช้ชีวิต สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ โดย พระอาทิตย์ อธิปุญโญ M.D. อดีตอาจารย์หมอ ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น “ค่าของแผ่นดิน” ๒๕๖๔ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
๔. นิทรรศการแสดงภาพวาด จากกลุ่มนักเรียนระดับประถม มัธยม มหาวิทยาลัย และ ประชาชนทั่วไป ในหัวข้อ “หลวงปู่มั่นกับสมาธิและสันติภาพ ในมุมมองของฉัน” ภาพที่ส่งเข้าร่วมประกวดในงาน ๑๕๒ ปีชาตกาลฯ ซึ่งภาพวาดแต่ละกลุ่ม บ่งบอกถึงความรู้ ความสนใจในองค์หลวงปู่มั่น ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ หลักคิด ที่ได้จากการภาพวาดในมุมมองของแต่ละกลุ่มด้วยความศรัทธาที่เกิดจากผู้วาดภาพ
๕. นิทรรศการเผยแพร่ชีวประวัติหลวงปู่มั่น ข้อวัตรปฏิบัติและคำสอนขององค์ท่าน และองค์ความรู้ต่าง ๆ จากหนังสือชุดหลวงปู่มั่น ที่คนรุ่นหลังจะได้ศึกษา เรียนรู้ธรรมะด้วยตนเอง
นอกจากกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจำหน่ายชุดหนังสือหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มอบซีดีชีวประวัติหลวงปู่มั่น แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ และได้เผยแพร่องค์ความรู้ต่าง ๆ ในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อีกด้วย

จึงขอเชิญชวนเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรมน้อมรำลึก ๑๕๓ ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ ณ วัดที่จัดกิจกรรมทั่วประเทศ หรือปฏิบัติสมาธิ ที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียน ฯลฯ และในส่วนกลาง ขอเชิญชวนร่วมกิจกรรมฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ

สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ ๐๘๑ ๙๒๖๕๘๙๕