Category Archives: ข่าว

มหกรรมฮาลาลใหญ่ส่งท้ายปี งาน “ThailandHalal Assembly 2018”

ฉลอง 20 ปี มาตรฐานฮาลาลไทย ภายใต้แนวคิด “บูรณาการฮาลาลแม่นยำยุคเศรษฐกิจฐานชีวภาพ ยกระดับกิจการฮาลาลไทยสู่ยุคสมัยแห่งการฮาลาลแม่นยำ

ฉลองครบรอบ 20 ปี มาตรฐานฮาลาลไทย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย  (สมฮท.)

จัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ “THAILANDHALAL ASSEMBLY 2018” ปีที่ 5 ภายใต้แนวคิด “บูรณาการฮาลาลแม่นยำยุคเศรษฐกิจฐานชีวภาพ” ยกระดับกิจการฮาลาลไทยสู่ยุคสมัยแห่งการฮาลาลแม่นยำกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2561 ณ.ไบเทค บางนา โดยมี นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เป็นประธานเปิดงาน

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานจัดงาน ThailandHalal Assembly 2018 กล่าวว่า การจัดงาน “Thailand HalalAssembly” หรือ THA นั้นเริ่มจัดขึ้นในปี 2014 โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ในฐานะเจ้าภาพหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย (สมฮท.) ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรศาสนาอิสลามมาโดยตลอด
จึงทำให้งาน THA ถือเป็นงานประชุมวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลนานาชาติที่นับว่าดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งงานดังกล่าวเป็นการจัดงานที่รวบรวมงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบรนด์ฮาลาลประเทศไทยมารวมเข้าด้วยกันเพื่อเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ที่จะแสดงศักยภาพของกิจการฮาลาลประเทศไทยให้ประชาคมโลกได้รับรู้ถึงคุณลักษณะที่โดดเด่นในระบบและกระบวนการดำเนินงานภายใต้หลักการ ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับอันเป็นผลให้ผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทยเป็นที่เชื่อถือในตลาดโลก

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานจัดงาน ThailandHalal Assembly 2018

การจัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ  “Thailand Halal Assembly 2518” หรือ THA 2018ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5
ระหว่างวันที่ 14 – 16ธันวาคม 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม
ไบเทค (BITEC)กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “Precision Halalization in TheBioeconomy Era” หรือ “บูรณาการฮาลาลแม่นยำในยุคเศรษฐกิจชีวภาพ”เพื่อส่งเสริมให้กิจการฮาลาลประเทศไทยพัฒนาสู่ยุคสมัยแห่งการฮาลาลแม่นยำซึ่งการบูรณาการฮาลาลแม่นยำ คือ ระบบที่บูรณาการมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีนวัตกรรม เข้ากับกระบวนการฮาลาล โดยความสำเร็จครั้งนี้ย่อมนำประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานชีวภาพที่คำนึงถึงคุณค่าของสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารรังสรรค์ประเทศไทยสู่ความมีประสิทธ์ภาพควบคู่ความพอเพียง

การบูรณาการฮาลาลแม่นยำเป็นความพยายามของไทยในการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อการรับรองฮาลาล ไม่ว่าจะการตรวจทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ฮาลาลโดยนำระบบ H-number ที่พัฒนาขึ้นใหม่เข้ามาใช้
เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมอาหารสามารถเลือกวัตถุดิบฮาลาลได้อย่างถูกต้องไม่จำเป็นต้องตรวจการปนเปื้อนในวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อีกต่อไปและเลือกใช้ห้องปฏิบัติการเฉพาะที่จำเป็น ในระบบการมาตรฐานฮาลาลมีการพัฒนาระบบ HAL-QPlus เพื่อให้การดำเนินงานการมาตรฐานฮาลาลเป็นไปอย่างจำเพาะโดยใช้เวลาสั้นและเลือกทำเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนหะรอมเท่านั้น

โดยกิจกรรมภายในงาน THA 2018 ประกอบด้วยงานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและธุรกิจฮาลาลครั้งที่ 11 (Halal Science, Industry and Business InternationalConference; 11th HASIB 2018) รวมกับงานแสดงสินค้า ThailandInternational Halal Expo 2018 (TIHEX) ที่รวมผู้ประกอบการฮาลาลทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 350 บูท, การประชุมวิชาการนานาชาติว่าด้วยมาตรฐานฮาลาลจากหน่วยงานตรวจรับรองฮาลาลทั่วโลก,การประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, กิจกรรมธุรกิจภิวัฒน์,การจับคู่เจรจาทางธุรกิจฮาลาล, การจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องรวมถึงการนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล ที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนงานด้านฮาลาลต่อไป


รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานจัดงาน ThailandHalal Assembly 2018

และพิเศษสุดภายในปีนี้กับ นิทรรศการ “ฉลอง 20ปี มาตรฐานฮาลาลไทย” จากจุดเริ่มต้นในการกำหนดมาตรฐานฮาลาล CODEK มาสู่มาตรฐานฮาลาลของประเทศไทยโดยการบูรณาการศาสนบัญญัติอิสลามเข้ากับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล ภายใต้แนวทาง“ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ” มุ่งหวังผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยให้ก้าว
ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาหารโลกรูปแบบความร่วมมือที่ชื่อว่า “ฮาลาลเพชรจากประเทศไทย” หรือ ThailandDiamond Halal เพื่อแสดงถึงความเป็นที่หนึ่งในโลกของฮาลาลประเทศไทยด้วยมาตรฐานฮาลาลของประเทศรศ.ดร.วินัย กล่าวปิดท้าย

กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2561
ณไบเทค บางนา 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี”

เชิดชูเกียรติต้นแบบแห่งการให้และแบ่งปัน  เพื่อผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก

วันนี้ (10 ธ.ค. 60) เวลา 15.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุเสด็จไปประทานรางวัล “ประชาบดี” แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น ประจำปี 2561 จำนวน 57 รางวัล

โดยมี พลเอก อนันตพร   กาญจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และ นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมคณะผู้บริหาร เฝ้ารับเสด็จ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ

พลเอก อนันตพร กล่าวว่า “พระประชาบดี” เทพผู้เป็นที่พึ่งและสงเคราะห์ประชาชน ด้วยพลังแห่งการให้และแบ่งปัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากสภาวะยากลำบาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้นำชื่อ “ประชาบดี” มาเป็นชื่อรางวัลแห่งเกียรติยศ อันเป็นที่สุดแห่งความภาคภูมิใจของต้นแบบความดี ในการช่วยเหลือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก เพื่อให้ได้รับการยกย่องและเชิดชูคุณความดีเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ทั้งนี้ กระทรวง พม.

โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) จึงได้ดำเนินโครงการเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่น แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น ด้วยการมอบรางวัล “ประชาบดี” ตั้งแต่ ปี 2550 – 2560 โดยมีการมอบรางวัล “ประชาบดี” รวมทั้งสิ้น 730 รางวัล

พลเอก อนันตพร กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2561 นับเป็นปีที่ 12 ของการดำเนินโครงการฯ และด้วยพระเมตตาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องตลอดระยะ 11 ปี โดยมีการประทานรางวัล “ประชาบดี”
จำนวนทั้งสิ้น 57 รางวัล แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย

1) ประเภทบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 13 รางวัล เช่น นายโจนัส แอนเดอร์สัน นักร้องลูกทุ่ง เป็นต้น

2) ประเภทองค์กรที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 11 รางวัล เช่น มูลนิธิเอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย เป็นต้น

3) ประเภทสื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 18 รางวัล เช่น รายการรถปลดทุกข์ ไทยรัฐทีวี เป็นต้น

4) ประเภทบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ทำคุณประโยชน์และดำรง
ชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดี  จำนวน 15 รางวัล เช่น นายเซ็ง แซ่ลี ผู้ยากจนและขาพิการ 1 ข้าง ด้วยการนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น

“ตนขอแสดงความยินดีและยกย่องเชิดชูเกียรติกับทุกท่านและทุกองค์กรที่ได้รับรางวัล “ประชาบดี” และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในสังคมเป็นกลไกสำคัญในการหนุนเสริมภารกิจซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และพัฒนาสังคมร่วมกันอย่างยั่งยืน



ทั้งนี้ กระทรวง พม. พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อการพัฒนาสังคมและคนอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลและพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน” พลเอก  อนันตพร  กล่าวในตอนท้าย

ใครที่กำลังมองหาสถานที่เคาท์ดาวน์ต้อนรับปี 2018

พิกัดนับถอยหลังสู่ปี 2019

ใครที่กำลังมองหาสถานที่เคาท์ดาวน์ต้อนรับปี 2018…..เราขอแนะนำ คอนเสิร์ตสุดโรแมนติกแบบใกล้ชิดศิลปิน ท่ามกลางลมหนาวและหมู่ดาวในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ! เพื่อให้ทุกคนได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศแห่งความสุขไปพร้อมๆ กัน กับสถานที่เคาท์ดาวน์”สวนผึ้ง ไฮแลนด์ เคาท์ดาวน์ เฟสติวัล 2018″ มาสัมผัสลมหนาวแรกของสวนผึ้ง พร้อมปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่า ในสองค่ำคืนแห่งความทรงจำ ร่วมกันนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2019 ไปพร้อมๆกัน กับศิลปินสุดพิเศษ

วันที่ 30 ธันวาคม 2561  พบกับ ป๊อป ปองกูล และวงมายด์ วันที่ 31 ธันวาคม
2561 พบกับ วงพอส , พีท พล และวง The Mousses ที่ “สวนผึ้งไฮแลนด์” แลนมาร์คแห่งใหม่ของ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี บนลานคอนเสิร์ต แบบ Amphitheater บนพื้นหญ้านุ่มๆ เขียวชะอุ่มและร่มรื่น พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่จะทำให้การฉลองปีใหม่ปีนี้ไม่ซ้ำใครแน่นอน ภายในงานยังมีซุ้มอาหารมากมายให้เลือกสรรและกิจกรรมขึ้นบอลลูนที่จะทำให้คุณสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่อีกด้วย

สนใจซื้อบัตรได้ที่ 7-11 (เพียงแจ้งชื่อคอนเสิร์ตกับพนักงาน) หรือ www.allticketthailand.com ***เริ่มขายบัตร Early Bird ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้เท่านั้น!!! ในราคาเพียง 500 บาท (จากราคาปกติ 700 บาท) ซึ่งสามารถเข้างานได้ทั้ง 2 วัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook : Suanphueng Highland

กรมพก.ร่วมกับสมาคมสภาคนพิการฯ เตรียมจัดใหญ่ งาน”วันคนพิการสากล ปี 61”

มุ่งเน้นสิทธิความเท่าเทียม

องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล และเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจของสังคมเกี่ยวกับคนพิการและเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของสังคมอย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรมและเสมอภาคกับคนทั่วไป ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จึงร่วมกับสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย จัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2561 ขึ้น เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากล นอกจากนั้น
ยังเป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้ร่วมกันสร้างสังคมที่เป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม เป็นสังคมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 

โดยแนวคิดในการจัดงานวันพิการสากลได้สอดคล้องกับองค์การสหประชาชาติ กำหนดหัวข้อการจัดงานตามประเด็นหลัก (Theme) คือ
“การเสริมพลังคนพิการ และการประกันการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเสมอภาค ทั่วถึง และเป็นธรรม” (Empowering persons with disabilities and ensuring inclusiveness and equality) ในปี 2562 ประเทศไทยโดยนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายหน้าที่ประธานอาเซียนของไทยต่อจากสิงคโปร์

โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแนวคิดหลัก (theme) สำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทย คือ “Advancing Partnership for Sustainability” หรือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการ 1) การก้าวไกล (Advancing) โดยให้อาเซียนมองและก้าวไปด้วยกันสู่อนาคตอย่างมีพลวัต 2) การร่วมมือ ร่วมใจ (Partnership) ผ่านการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนภายในอาเซียนและกับประเทศคู่เจรจาและประชาคมโลก 3) ความยั่งยืน (Sustainability) กล่าวคือ การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

นอกจากนี้ในระดับอาเซียน ประเทศไทยได้ผลักดันแผนแม่บทอาเซียน
พ.ศ. 2568 (ASEAN Enabling Masterplan) เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และบูรณาการงานด้านคนพิการเข้าไปมีส่วนร่วมในประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community หรือ APSC) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC) เพื่อให้คนพิการสามารถ
เข้ามามีส่วนร่วมในทุกมิติอย่างแท้จริง

สำหรับภายในประเทศไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เน้นให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการอื่นอันเป็นสาธารณะอย่างเท่าเทียม ปราศจากการถูกเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งความพิการ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรเครือข่ายด้านคนพิการให้มีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2560 – 2564) ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ “คนพิการเข้าถึงสิทธิได้จริง ดำรงชีวิตอิสระ ในสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน” ภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งความเท่าเทียม (EQUAL) สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2561 ซึ่งจะเน้นถึงการฉายภาพความสำเร็จของการอยู่ในสังคมของคนพิการได้อย่างยั่งยืน ผ่านการมีงานทำของคนพิการ ตามมาตรา 33 34 และ 35

ดังนั้น การที่จะให้เห็นถึงศักยภาพคนพิการอย่างแท้จริง คือการที่คนพิการมีงานทำ ซึ่งมีพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ในมาตรา 33 34 35 ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ ดำรงชีวิตด้วยตนได้เองอย่างยั่งยืน จึงเกิดแนวคิดว่าการจัดงานคนพิการ ประจำปี 2561 จะเน้นในเรื่องของงานและการจ้างงาน เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโอกาสให้กับคนพิการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนพิการอย่างมีศักดิ์ศรีและยั่งยืน เพราะการมีงานทำมีรายได้ เป็นการบ่งบอกถึงการทำหน้าที่ของบุคคลเต็มตามศักยภาพและส่งผลให้บุคคลนั้นมีศักดิ์ศรีความ
เป็นมนุษย์อย่างภาคภูมิ

ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย อาทิ องค์กรคนพิการ ๗ ประเภท คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ไอชาร์) กระทรวงแรงงาน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์กรภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายคนพิการ

กิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ
1.โซนพิธีการ เป็นรูปแบบเวทีเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรูปประสบการณ์ในการมีงานทำของคนพิการไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงานคนพิการอย่างมีศักดิ์ศรี และยั่งยืน เพื่อมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านคนพิการและปัจจัยความสำเร็จ (Key success) ร่วมกันระหว่างคนพิการ องค์กรคนพิการ ภาคเอกชน และภาครัฐ เวทีเสวนา ขอนแก่นโมเดล … เดินหน้าการจ้างงานคนพิการผ่านชุมชน เป็นการยกตัวอย่างในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เน้นการใช้องค์ความรู้ในการขยายเครือข่ายคนพิการ และผู้ดูแลให้รวมตัวร่วมคิดร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมทำงานจนพึ่งตนเองและพึ่งพากันเองได้ และเป็นที่ยอมรับของชุมชน มีกระบวนการทำงานที่โดดเด่น สามารถสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม และส่งผลให้เกิดการจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 และ 35 ในหน่วยงานต่าง ๆ และ การทำ Work shop ช่องทางทำกิน “ขนมไทย ทำกินได้ ทำขายรวย” เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประกอบอาชีพของคนพิการ โดยได้นำครูจากศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านทองพูนเผ่าพนัส จ.อุบลราชธานี
มาเป็นผู้ฝึกสอนในงานและให้คนพิการได้ทดลองปฏิบัติจริง

2.โซนนิทรรศการ ประกอบด้วย องค์กรคนพิการ ๗ ประเภท สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน ภาคเอกชนที่สนับสนุนงานด้านคนพิการดีเด่น และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

3. โซนบูธขายผลิตภัณฑ์คนพิการ ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพคนพิการ อาทิ เช่น งานศิลปะ งานฝีมือและงานประดิษฐ์เครื่องใช้ งานจักรสาน งานตัดเย็บ งานทอผ้า อาหาร อาหารแปรรูป จำนวนกว่า 150 บูธ

โดยงานจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-4  ธันวาคม 2561
เวลา 9.00 – 18. 00 น. ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

อาบน้ำเพ็ญ @ระนอง ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง

ระนองจัดงาน อาบน้ำเพ็ญ @ระนอง
ประจำปี 2561 อาบน้ำแร่คืนวันเพ็ญ
เดือน 12 เสริมบารมีชีวิต

เมื่อช่วงวันลอยกระทงที่ผ่านมา  Toptotravel และ ทีมสื่อมวลชน  ได้รับเกียรติจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มีโอกาสร่วมพิธีการอาบน้ำเพ็ญ หนึ่งปีจะนิยมทำในวันเพ็ญเดือน 12  ความศรัทธาที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ นั่นคือ พิธี อาบน้ำเพ็ญ ในคืนวันเพ็ญเดือน 12 พิธีกรรม อาบน้ำเพ็ญขึ้นตามความเชื่อ เพื่อชำระล้างอัปมงคล และรับพลังดีๆจากพระจันทร์ คือพลังด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ความเป็นมงคลทั้งหลายให้เกิดกับตน โดยปฏิบัติตามความเชื่อของคนโบราณ ให้ตักน้ำจากแม่น้ำลำคลอง  หรือแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติอย่างที่ ณ บริเวณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง มาอาบในช่วงเวลาเที่ยงคืน

โดยนำขันภาชนะใส่น้ำไปตั้งไว้กลางแจ้งเพื่อไม่ให้บดบังแสงจันทร์ รอจนกระทั่งบังเกิดเงาของพระจันทร์ลอยเด่นอยู่ภายในขันน้ำมนต์ เพื่อให้น้ำได้ซึมซับพลังงานจากพระจันทร์ แล้วให้อาบชำระร่างกายในตอนนั้น

นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง

กิจกรรมที่ประชาชาวไทยนิยมทำในวัดลอยกระทง คือ การสวดมนต์ขอพรพระ รวมไปถึงการอาบน้ำเพ็ญ ท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร และ นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานร่วมในการเปิดงาน อาบน้ำเพ็ญ @ระนอง ประจำปี 2561 โดยมีส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน เข้าร่วมงาน ณ บริเวณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

จัดงาน”อาบน้ำเพ็ญ@ระนอง” ประจำปี 2561 อาบน้ำแร่คืนวันเพ็ญเดือน 12 เสริมบารมีชีวิต ซึ่งเป็นการจัดงานขึ้นเป็นปีที่ 2 ของจังหวัดระนอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และร่วมสืบสานประเพณีโบราณ

ส่วนที่บริเวณลาน ณ บริเวณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงงานอาบน้ำเพ็ญ @ระนอง เพื่อความเป็นสิริมงคล งานอาบน้ำเพ็ญ@ระนอง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของจังหวัดระนอง

การจัดงานงาน อาบน้ำเพ็ญ@ระนอง โดยในบริเวณงาน มีการออกร้าน นำอาหารพื้นเมืองมาจำหน่ายเป็นตลาดย่อมๆ และมีพิธีอาบน้ำเพ็ญ ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมที่ศักสิทธิ์ เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต

อาบน้ำเพ็ญ@ระนอง ในครั้งนี้ ภายในงานจะมีกิจกรรมตลาดย้อนยุค ของดี 5 อำเภอ การออกบูธ ร้านอาหารที่โดดเด่นของจังหวัดตลาดย้อนยุคของดีเมืองระนอง อาหารพื้นเมือง การจำหน่ายสินค้า OTOP นวัตวิถี 28 แห่ง
ในจังหวัดระนอง การแสดงของเด็กนักเรียนในจังหวัดระนอง การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น

การประกอบพิธีกรรมอาบน้ำเพ็ญ ซึ่งในส่วนพิธีกรรมอาบน้ำเพ็ญ ได้มีสวดเจริญพระพุทธมนต์ พิธีพุทธาภิเษก ตามแบบโบราณ ที่บริเวณบ่อน้ำแร่
(บ่อพ่อ) โดยพระเกจิชื่อดัง และอาจารย์คฑา ชินบัญชร เพื่อเสริมบารมีชีวิตในคืนวันเพ็ญเดือน 12 ตามความเชื่อแบบโบราณที่มีมาแต่ช้านานตามความเชื่อคนไทยโบราณ ในเรื่องพลังลี้ลับ ที่เกิดจากดวงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ให้เกิดศิริมงคลขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย มีโชคดีมีลาภ มีเสน่ห์ ที่ป่วยไข้ก็จะหาย ชะตาชีวิตรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ที่พิเศษที่สุดคือการอาบน้ำเพ็ญในวันที่พระจันทร์เต็มดวง

โดยภายในงานนอกจากจะมีการประกอบพิธีอันศักดิ์สิททธิ์จากเกจิชื่อดัง
ยังมีการแสดงของเด็กนักเรียนหลายโรงเรียนในจังหวัดระนอง และ Otop นวัติวิถีทั้ง 28 แห่งในจังหวัดระนองมาจำหน่ายด้วย ทั้งนี้งานอาบน้ำเพ็ญ @ระนอง

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 พ.ย.2561 เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระนอง @prd.ranong
Face Book : https://www.facebook.com/prd.ranong

GIT เปิดตัว TEMP Pop-Up Store by GIT

ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นและการออกแบบร่วมสมัย
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจนักออกแบบรุ่นใหม่

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดตัว TEMP Pop-Up Store by GIT สร้างแหล่งเรียนรู้ และ แรงบันดาลใจด้านแฟชั่นและการออกแบบให้ กับนักออกแบบ รุ่นใหม่ และ ผู้ที่สนใจ พร้อมจำหน่ายสินค้าจากโครงการพัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับสู่ภูมิ- ภาคอย่างยั่งยืน ณ บริเวณห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น 1 สถาบันวิจัยและพัฒนา อัญมณีและเครื่องประดับ แห่งชาติ(องค์การมหาชน) อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม โดยมีพิธีเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ตุลาคม 2561

โดยในวันเปิดตัวสถาบันยังได้จัดกิจกรรม Workshop “Wire Your Gems to Jewelry!” เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติ ที่เข้าร่วม งาน ได้ลองประดิษฐ์เครื่องประดับด้วยตัวเอง ผ่านการถักทอ ร้อยเรียง อัญมณี และ วัสดุอันสร้างสรรค์ โดยได้รับเกียรติ จาก คุณสุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนา นักออกแบบ และเจ้าของแบรนด์ Carletta Jewellery มาเป็นวิทยากร

นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า GIT ได้ ปรับรูป แบบห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ จัดโซน TEMP Pop-Up Store by GIT เพื่อสร้างศูนย์นัดพบ แห่งใหม่ให้แก่ผู้รัก การออกแบบ และแฟชั่น พร้อมสร้างโอกาสการจำหน่ายสินค้าจากอัตลักษณ์การออกแบบจากผลงานของผู้ประกอบการ ที่ผ่านการคัดเลือกในจังหวัดเป้าหมาย 5 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ตราด เพชรบุรี สุรินทร์ และ สตูล ซึ่งมีแนวคิด และ ต่อยอด ธุรกิจจนสามารถสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองโดยมีการพัฒนารูปแบบของเครื่องประดับร่วมกับนักออกแบบชื่อดัง อาทิ คุณวไลพรรณ ชูพันธ์ จากแบรนด์ FLOW คุณเอก ทองประเสริฐ จากแบรนด์ EK Thongprasert คุณสุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนา จากแบรนด์ Carletta Jewellery คุณอริสรา แดงประไพ จากแบรนด์ Arisara และ คุณจิตต์สิงห์ สมบุญ ซึ่งนักออกแบบแต่ละท่านจะช่วยดึงจุดเด่น ที่น่าสนใจของแต่ละจังหวัด และเครื่องประดับในท้องถิ่นมาปรับให้ร่วมสมัย และสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน

พร้อมทั้งเปิดวางจำหน่ายสินค้าจากนักออกแบบชั้นนำที่การันตีจากรางวัลDEmark หรือ Design Excellent Mark จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ GMARK (Good Design Mark ของประเทศ ญี่ปุ่น) ซึ่งนอกจากสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับ ยังรวมสินค้าไลฟ์สไตล์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แว่นตา กระเป๋าเงิน ผ้า พันคอ เสื้อผ้า มาจัดแสดงอย่างต่อเนื่อง


โดยจะมีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน ในรูปแบบนิทรรศการหมุนเวียน เพื่อให้ เกิดความหลากหลาย และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม โดยสำหรับครั้งนี้ ในคอนเซปต์ Eat Me เพื่อสื่อ ให้คนเห็นว่าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับนั้นสามารถจับต้องได้ง่าย ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง ได้ง่ายผ่าน รูปแบบของห้อง อาหารและอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารที่นำมาใช้เป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ให้เครื่องประดับ ดูน่า สนใจมากขึ้น และหลัง จากนี้เราได้จัดเตรียมคอนเซป Color of Party ที่จะปรับเปลี่ยนให้ TEMP Pop-Up Store ของเรามีความสดใส และดึง ดูดผู้สนใจมากยิ่งขึ้น

TEMP Pop-Up Store by GIT ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายตลาดสินค้าไทยจากชุมชนสู่ตลาดสากลผ่าน GIT สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเลือกซื้อสินค้า ในโครงการพัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสู่ภูมิภาค อย่างยั่งยืน

สถาบันเปิดให้บริการในวันจันทร์ – วันศุกร์
ตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ บริเวณห้องสมุด อัญมณีและ เครื่องประดับ ชั้น 1 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
(องค์การมหาชน) อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม
โทร. 02 634 4999 ต่อ 102 – 103

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.git.or.th 
https://www.facebook.com/TEMP-Pop-up-Store-by-GIT-259891488203483/

12 ปี 12 กิจกรรม ฉลองครบรอบโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

ในโอกาสที่ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เปิดดำเนินการครบ 12 ปี ทางโรงแรม  นำโดย มร. คริสตอฟ เจอโฟรย์, ผู้จัดการทั่วไป ร่วมกับ กิจการร่วมค้า ยูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที  จัด 12 กิจกรรม  ฉลองโอกาสพิเศษ
ดังกล่าว อาทิ “คุณคือฮีโร่”

จัดกิจกรรมเยี่ยมชมโรงแรมให้กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

มร. เจอโฟรย์และจิตติมาศ เกตุวรวิทย์ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ กิจการร่วมค้า ยูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที

เพื่อเปิดประตูต้อนรับบุคคลสำคัญ (ฮีโร่) ในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ได้ให้การดูแลเป็นอย่างดีตลอดมา โดยทางโรงแรมได้เชิญบุคคลสำคัญ อันได้แก่ ฝ่ายมาตรฐานท่าอากาศยานและชีวอนามัย, ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ฝ่ายตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ฝ่ายแพทย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ตำรวจภูธร, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรรณภูมิ ฯลฯ

บุคคลสำคัญจากฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เชิญกลุ่มซูเปอร์คาร์มาสังสรรค์ ซันเดย์บรั๊นซ์ (Sunday Brunch) ที่ ทัชดาวน์สปอร์ตบาร์ (Touchdown Sports Bar)

แขกรับเชิญพิเศษได้แก่วงดนตรีอีทีซี  และ “หนิง” ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา มาสร้างความสนุกสนานและความบันเทิง ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ห้องสุวรรณภูมิแกรนด์บอลลูม  โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต กิจกรรมอื่น ๆ  ประกอบด้วย การเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวนกว่า 200 คนจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์, จัดกิจกรรมเยี่ยมชมโรงแรมให้กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
งานเลี้ยงขอบคุณพนักงาน, ซูเปอร์คาร์บรั๊นซ์ ที่ทัชดาวน์สปอร์ตบาร์, ฯลฯ

ต๊อด-ปิติ วิชั่น 3 ปี ปั้นเครือข่ายขนส่งครอบคลุมไทย – ภูมิภาค

โมเดลธุรกิจของ BevChain Logistics ในประเทศไทย ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงลูกค้าร้านปลีก

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลและพัฒนาห่วงโซ่การผลิตหรือ Supply Chain ในเครือบริษัท บุญรอดฯ ทั้งระบบครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการเกิดประสิทธิภาพและลดต้นทุน อีกทั้งยังยกระดับการขนส่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นไปในทิศทางที่ดี

การร่วมทุนกับ บริษัท ลินฟ้อกซ์ โฮลดิ้งส์ 2018 (ประเทศไทย) เกิดจากทัศนคติและความต้องการสร้างเครือข่ายทางการขนส่ง ที่ทันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาค ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ผสานกับความรู้ความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท จึงถือเป็นการจับคู่ธุรกิจที่สมบูรณ์แบบหรือ Perfect Match และการผนึกกำลังกันครั้งนี้ บุญรอดฯ จะใช้จุดแข็งและศักยภาพที่มีตลอด 85 ปีในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเครือข่ายการค้า ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทสามารถส่งสินค้าและบริการเจาะถึงร้านค้าปลีกที่อยู่ตามตรอก ซอก ซอยในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อ เชื่อว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งด้านต้นทุน ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจการค้า เพิ่มโอกาสในการทำตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายปลายทางหรือ Last mileได้มากยิ่งขึ้น

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด

“ภายใน 3 ปีนี้ BevChain Logistics วางเป้าหมายการสร้างเจาะตลาดระดับภูมิภาคอาเซียน รองรับการเติบโตของตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV)เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกทั้งยังเป็นตลาดสำคัญของสินค้าและบริการจากประเทศไทย เมื่อแบรนด์ต่างๆเข้าไปขยายตลาด ทำให้ต้องการบริการด้านโลจิสติกส์ตามไปด้วย และบริษัทพร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกอุตสาหรรม ทุกขนาด ทั้งบริษัทเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อเติบโตไปด้วยกัน ปิติ กล่าวเสริม”

ทั้งนี้ จุดแข็งของลินฟ้อกซ์ คือ ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง ถือเป็นบริษัทให้บริการด้านโลจิสติคส์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค มีธุรกิจครอบคลุมตลาดใน 12 ประเทศ มีคลังสินค้ากว่า 200 แห่ง มีพนักงาน 24,000 คน และมีการให้บริการส่งสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเตอร์ เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค ธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฯ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในประเทศไทยนั้นลินฟ้อกซ์ให้บริการด้านขนส่งสินค้ามานานถึง 25 ปี มีความเข้าใจถึงความต้องการของตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างดี

ขณะที่จุดแข็งของบุญรอด คือประสบการณ์ขนส่งสินค้าและบริการมานาน 85 ปี ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เจาะลึกตั้งแต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่(โมเดิร์นเทรด) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ระบบเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายในทุกๆจังหวัด ลงลึกถึงระดับอำเภอมากกว่า 200 ราย ไปจนถึงร้านค้าย่อยทั่วทั้งประเทศ เมื่อผสานกับความเชี่ยวชาญทางด้านโลจิสติคส์ของ BevChain Logistics เชื่อว่าบริษัทสามารถนำเสนอโซลูชั่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า โครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด สร้างการเติบโตของธุรกิจในอนาคตร่วมกับลูกค้า

สำหรับโมเดลธุรกิจของ BevChain Logistics ในประเทศไทย จะเน้นให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกับในประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ การให้บริการทางด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า การให้บริการทางด้านจัดส่งสินค้า เป็นต้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับ BevChain Logistics ในประเทศไทย คือ การเจาะกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ขนาดปานกลางถึงขนาดย่อม และลูกค้ากลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มต่างๆ ที่ต้องการป้อนสินค้าและบริการถึงลูกค้าเป้าหมายปลายทางหรือ Last Mile

ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย ธุรกิจโลจิสติกส์รวมปี 2018 (215,000 ล้านบาท) แบ่งเป็นธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกในปี 2018 มีมูลค่า 145,100 – 147,300 ล้านบาท ธุรกิจคลังสินค้า ปี 2561 มูลค่า 75,500 – 76,700 ล้านบาท

ตลาดขนส่งสินค้าทางบกเติบโต +5.3-7% PY(137,700 ล้านบาท) คลังสินค้า + 5.3 – 7% PY (71,700 ล้านบาท) ด้วยปัจจัยจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การขยายตัวของ E-commerce ปัจจัยการปรับรูปแบบจาก Offline platform to Online platform ทำให้มีความต้องการคลังสินค้าพรี่เมี่ยมมากขึ้น

การจับมือครั้งนี้ทำให้เครือบุญรอดเป็นพาร์ตเนอร์รายที่ 2 ของลินฟ้อกซ์ และเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้จุดแข็งของลินฟ้อกซ์คือความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง ถือเป็นบริษัทให้บริการด้านโลจิสติกส์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจครอบคลุมตลาดใน 12 ประเทศ มีคลังสินค้ากว่า 200 แห่ง มีพนักงาน 24,000 คน ให้บริการส่งสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเตอร์ เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค ธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฯ มูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่จุดแข็งของบุญรอดคือประสบการณ์ขนส่งสินค้าและบริการมานาน 85 ปี ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เจาะลึกตั้งแต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ระบบเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายในทุกๆ จังหวัด ลงลึกถึงระดับอำเภอมากกว่า 200 ราย ไปจนถึงร้านค้าย่อยทั่วทั้งประเทศกว่า 200,000 ร้าน ซึ่งยอดขายของเครือบุญรอด 80% มาจากกลุ่มนี้ มีเพียง 20% เท่านั้นที่มาจากโมเดิร์นเทรด

ต๊อด-ปิติ บอกว่า BevChain Logistics จะเน้นให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกับในออสเตรเลีย ทั้งการให้บริการทางด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า การให้บริการทางด้านจัดส่งสินค้า เป็นต้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ การเจาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งกลุ่มแรกจะมองในกลุ่มเครื่องดื่ม ก่อนที่จะขยับไปยังอาหารและสินค้า FMCG

เบื้องต้น BevChain Logistics จะเน้นซัพพอร์ตในเครือบุญรอด ทั้งเครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า โซดา เบียร์ และยังมีกลุ่มอาหารอีก 14 บริษัทที่จะเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบุญรอด ในอนาคตจะมีทั้งอาหารแช่แข็ง ร้านอาหาร ดังนั้นการมีซัพพลายเชนจะมารองรับธุรกิจในส่วนนี้ด้วย

สิงห์ คอมเพล็กซ์ คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด และ มร.ปีเตอร์ ฟ้อกซ์ ประธานบริษัท ลินฟ้อกซ์อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป พีทีวาย ลิมิเต็ด ที่ใหญ่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค งานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด ภายใต้ชื่อ BevChain Logistics โดยมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง “บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด” และ “บริษัท ลินฟ้อกซ์ โฮลดิ้งส์2018 (ประเทศไทย)” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร พร้อมสื่อมวลชนร่วมงานอย่างคับคั่ง

กลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออก ชวนเที่ยวงานสีสันตะวันออก ครั้งที่ 15

ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ
The Colors of the Vibrant Sea

​สีสันตะวันออก ครั้งที่ 15 ประจำปี 2561 ภายใต้คอนเซปต์  “The Colors of the Vibrant Sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ”
จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 ภายในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 48 ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่ง 4 จังหวัดนี้ สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลนานาชาติ เชิงนิเวศ เชิงเกษตร เชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน

โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว การสร้างความหลากหลายของกิจกรรมการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งภายในงานนี้ ได้รวมธุรกิจผู้ประกอบการชั้นนำ มากคุณภาพ ทั้งผู้ประกอบการ การท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก และสินค้าท้องถิ่นของภาคตะวันออก มากมายกว่า 76 บูธ อาทิ แพ็คเกจที่พักจาก โรงแรมซีวิว รีสอร์ท ระยองชาเล่ต์, การ์เด้น ซีวิว รีสอร์ท, เกาะกูด คาบาน่า บัตรเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว จาก Frost Magical Ice of Siam, Teddy Bear Museum, Oasis Sea World และยังสามารถเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นคุณภาพ อาทิ ผลไม้แปรรูป, ผลไม้สดจากสวน, ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร, น้ำมันเหลือง, เพชร พลอย จิวเวลรี่ เอกลักษณ์เฉพาะของภาคตะวันออกเรียกได้ว่า มางานเดียว เที่ยวครบ 4 จังหวัด พร้อมโปรโมชั่น ช้อปครบตั้งแต่ 3,000 บาท เป็นต้นไป แลกรับผลิตภัณฑ์โอท็อปจากภาคตะวันออก พร้อมลุ้นรางวัลโรงแรม ที่พัก จำนวน 20 รางวัล และ รางวัลสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิธีเปิดงานจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 น. โดยประธานในพิธี นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยตัวแทนจากจังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ให้เกียรติร่วมงานพร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน กับการแสดงพิธีเปิด “Colors of the vibrant sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ” สื่อถึงสีสันในฤดูหนาวและฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยสีสันของกิจกรรมริมชายหาดและทางทะเล สัมผัสประสบการณ์สีสันของเมืองชายทะเลนานาชาติที่โด่งดังระดับโลก นอกจากนี้ยังมีโซนนิทรรศการ การท่องเที่ยวชายทะเลนานาชาติ และกิจกรรมทางทะเลของภาคตะวันออก พร้อมชมการแสดงสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นเอกลักษณ์เฉพาะภาคตะวันออก อาทิ สาธิตเกลือสปาและสมุนไพรดับกลิ่น สูตรเฉพาะจากจังหวัดชลบุรี, การทำยาดมจากลูกกระวาน สมุนไพรท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี และ สาธิตการทำสบู่เหลวกฤษณาและยาดมสมุนไพรแท้จันดารานาสิก จากจังหวัดระยอง และ การทำตะลิงปลิงแช่อิ่มและสาธิตการสานกระเป๋าจากพลาสติก จากจังหวัดตราด และในทุกวันงานชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมถ่ายรูปคู่กับแลนด์มาร์คสีสันตะวันออก ไลค์ & แชร์ รับของรางวัล ตลอด 4 วันงาน

​วางแผนเที่ยวรับลมทะเลกันที่ งานสีสันตะวันออก ครั้งที่ 15 “The Colors of the Vibrant Sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ”

วันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 48
ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์​

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/colorsoftheeastbyimc

จ.ชลบุรี เชิญร่วมประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้”

ร้อยเรื่องราวบางเสร่ …
ชุมชนชายทะเลที่เราหลงรัก

กระทรวงวัฒนธรรม และจังหวัดชลบุรี จัดประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” ในโครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนบางเสร่ “เที่ยววิถีเท่ บางเสร่ โดยชุมชน” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกันของทุกภาคส่วน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กิจกรรมประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” เน้นแนวความคิด ร้อยเรื่องราวบางเสร่ ชุมชนชายทะเลที่เราหลงรัก ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ผู้สนใจสามารถส่งภาพถ่ายฟิล์มหรือดิจิตอลได้ไม่เกินท่านละ 3 ภาพ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 4 – 15 สิงหาคม 2561

พร้อมดูรายละเอียดเพิ่มเติม และวิธีสมัคร ได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี โทร 038 276407 ต่อ 12 หรือFacebook Fanpage : ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนประมงพื้นบ้าน หมู่ 4 ตำบลบางเสร่ – ตลาดดีวิถีชุมชน

การประกวดถ่ายภาพ
๑. หัวข้อการประกวด”บางเสร่ยิ้มได้”
๒. ระดับการประกวด ประชาชนทั่วไป
๓. กติกา
• เป็นภาพถ่ายสีจากกล้องฟิลม์ขนาด ๓๕ มม. หรือกล้องดิจิตอลความละเอียด ๕ ล้านพิกเซล ขึ้นไป โดยจะต้องส่งภาพพร้อมฟิลม์หรือ ไฟล์ภาพบันทึกลงแผ่น CD โดยไม่อนุญาตให้มีการตกแต่งภาพ
• ผู้ส่งภาพประกวดสามารถส่งภาพเข้าประกวดได้ประเภทละไม่เกิน ๓ ภาพ
• ภาพที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นภาพของตนเอง ซึ่งไม่เคยเผยแพร่ ในที่สาธารณะหรือเคยได้รับรางวัลมาก่อน
• ผู้ส่งภาพเข้าประกวดจะต้องระบุรายละเอียดของการถ่ายภาพ ชื่อภาพ และระบุการถ่ายภาพโดยใช้กล้องประเภท ใด ชนิดเลนส์สถานที่ถ่ายภาพ รูรับแสง ความไวชัตเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆพร้อมทั้งบรรยายประกอบภาพ พอสังเขป
• ผู้ส่งผลงานจะต้องกรอกรายละเอียดให้ชัดเจน ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับภายหลัง
• รวบรวมภาพถ่ายและรายละเอียดภาพ ฉายผ่านจอ ทีวีขนาด ๕o นิ้ว แก่คณะกรรมการ
• การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่มอบรางวัลหนึ่งรางวัลใด กรณีที่เห็นว่าไม่เหมาะสม
๔. เกณฑ์การตัดสิน
• ๑. การจัดองค์ประกอบของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๒. วามคมชัดและความสวยงามของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๓. การสื่อความหมายของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๔. ความเหมาะสมของรายละเอียดภาพ ๒๐ คะแนน
• ๕. ชื่อภาพสอดคล้องกับภาพถ่าย ๑๐ คะแนน
• ๖. ความคิดสร้างสรรค์ ๑๐ คะแนน
รวมทั้งหมด ๑๐๐ คะแนน
๔.การใช้ภาษา (กะทัดรัด เข้าใจง่าย ชัดเจน) ๑๐ คะแนน
ภาษา กะทัดรัด เข้าใจง่าย ชัดเจน
๕. สํานวนภาษาสละสลวย ถูกต้องเหมาะสม ๑๐ คะแนน
รวมทั้งหมด ๑๐๐ คะแนน