GIT จับมือ eBay สร้างความเชื่อมั่น หนุนอัญมณีและเครื่องประดับขยายตลาดออนไลน์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประกาศความร่วมมือ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ eBay ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU เดินหน้าสร้างความความเชื่อมั่นสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย พร้อมหนุนผู้ประกอบการขยายช่องทางการตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ GIT เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เห็นได้ว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2565 เติบโตได้ร้อยละ 76.33 เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 5,545.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 9,778.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 3
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.66 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 4,439.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วยเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 36.16 และตลาดส่งออกสำคัญของไทยส่วนใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย ฮ่องกง เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็ยังมีอัตราการขยายตัวตัวเนื่อง นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์ ได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างมาก


GIT ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้ร่วมมือกับ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก โดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ Buy with Confidence หรือ BWC
ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง การซื้อขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ผู้ซื้อไม่มีโอกาสเห็นสินค้าจริง บ่อยครั้งมักเกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ในเรื่องคุณภาพและคุณลักษณะของสินค้า ซึ่งการจำหน่ายสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบและออกใบรับรองนั้นจากแลปที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จะเป็นเสมือนใบรับประกันคุณภาพว่าอัญมณีและเครื่องประดับนั้นเป็นของแท้ คุณสมบัติตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และนำไป
สู่มูลค่าทางการค้า รวมถึงสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศด้วย

นายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “อัญมณีทั้งแบบเม็ดและขึ้นเรือนเป็นเครื่องประดับเป็นกลุ่มสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ที่ผู้ขายจากไทย ทำการขายและส่งออกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกผ่านอีเบย์ ในวันนี้ จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบัน GIT ซึ่งเมื่อมีโครงการ “ซื้อด้วยความมั่นใจ” หรือ Buy with Confidence จะยิ่งช่วยยกระดับความมั่นใจของผู้ใช้อีเบย์ 138 ล้านคนทั่วโลกที่มีต่อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากไทย และช่วยให้ยอดขายของผู้ขายชาวไทยพัฒนาไปได้เร็วขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการ eBay NextGen ที่จะมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่เอสเอ็มอีผู้ประกอบกิจการเครื่องประดับ ที่มาเปิดร้านออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
ของอีเบย์”

นอกจากการลงนามลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU แล้ว ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 GIT ยังเปิดให้บริการตรวจสอบและออกใบรับรองอัญมณีและเครื่องประดับแบบ Onsite ณ คูหาเลขที่ A01, 03, 05 และ B02, 04 ,06 และยังมีการจัดกิจกรรมสัมมนาที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การสัมมนาหัวข้อ Next Step for Gem and Jewelry METAVERSE, New Level up of Thai Silver และ Workshop จี้เงินตาไม้ ที่คุณจะได้รับเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลก หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2565

ณ คูหา Gems Treasure บริเวณด้านหน้าทางเข้า Challenger Hall 2
อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกด้วย

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ รับพลังธรรมชาติ ที่ บ้านไร่ยายชะพลู

วิถีเกษตรปลอดภัย สุขกาย สุขใจ ในมุมมองใหม่ของมวกเหล็ก

เที่ยวหน้าฝน รับอากาศเย็น เห็นทะเลหมอก ตามแบบฉบับคนรักการท่องเที่ยว
สีเขียวเป็นสีที่มองเห็นแล้วสบายตา วันที่ผ่านการทำงานอย่างเหนื่อยล้าอยู่กับหน้าจอ เราจึงอยากพักสายตาเพื่อมองหาความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า ไม่ว่าจะอยู่ในกระถางเล็ก ๆ บนโต๊ะทำงาน หรือจะมองออกนอกหน้าต่าง แต่จะดีแค่ไหน หากได้เดินทางออกไปในที่โล่งกว้าง ผ่านถนนหนทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี ได้ซึมซับรับพลังบวกท่ามกลางขุนเขา พื้นที่เที่ยวมีความกว้างใหญ่มาก อุดมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เหล่าต้นไม้ใบหญ้าได้ส่งพลังธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูกายใจ ให้สดใสยิ่งกว่าเดิม

โครงการ “Refresh life …by the wayไป เที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวรับพลังธรรมชาติท่ามกลางความเขียวขจี ในดินแดนที่แสนดีต่อใจ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ที่เที่ยวหน้าฝน ใกล้กรุงเทพ สัมผัสกับความกรีนแบบฉ่ำๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นภาพภูเขาเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย เต็มไปความเขียวขจีของภูเขาและต้นไม้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นสีเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่

ที่นี่เครือขายเกษตรปลอดภัยรวมตัวอยู่กันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ
“บ้านไร่ยายชะพลู” ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มุมพักกายพักใจที่แสนอบอุ่น จากบรรยากาศอันแสนสงบ ด้วยสภาพอากาศอันบริสุทธิ์ ลมพัดโชยเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ที่จะมีอากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้น

พักกาย พักใจ ในมุมผ่อนคลาย บ้านไร่ยายชะพลู

พักกาย พักใจ ในมุมผ่อนคลาย บ้านไร่ยายชะพลู
“บ้านไร่ยายชะพลู” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 400 เมตรจากระดับน้ำทะเล  ภายในไร่มีการปลูกพืชผักสวนครัว สวนผลไม้ สวนสมุนไพร และไม้ดอกไม้ประดับ  อาทิ อะโวคาโด มัลเบอร์รี่ ฯลฯ ตามแนวทางของการทำการเกษตรอย่างปลอดภัย และเป็นหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อการผลิตพืชผักผลไม้เพื่อความปลอดภัย (GAP)

นอกจากความโดดเด่นด้านธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์แล้วการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ประกาศให้บ้านไร่ยายชะพลู เป็นหนึ่งในเส้นทาง Dark Sky Thailand เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ (Astro Tourism) ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างที่สามารถมองเห็นทิศเหนือ ทิศตะวันออกทิศ และทิศตะวันตกได้อย่างชัดเจน ประกอบกับสภาพท้องฟ้าที่มีคุณภาพในระดับที่ดีเหล่าสาวกดวงดาวหรือนักดาราศาสตร์ จึงมุ่งหน้าเข้ามาลงหลักปักเต้นท์กันอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งนักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้ง ที่หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองเพื่อมานอนนับดาวกันที่นี่ นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ในที่เดียวกันอีกด้วย

แพทย์หญิงวนิดา ศศิวิมลกุล เจ้าของบ้านไร่ยายชะพลู เล่าให้ฟังว่า เดิมทีคุณหมอวนิดา และคู่ชีวิต “นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล”เป็นคุณหมออยู่ในกรุงเทพฯ จนถึงวัยเกษียณ เมื่อปี 2554 จึงมองหาพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและการทำงานที่เรียบง่าย หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง ออกจากสภาพการดำเนินชีวิตที่ส่งผลต่อความเครียดโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้มาเจอที่นี่แล้วได้มองเห็นวิวโล่งกว้างท่ามกลางความเขียวขจี จึงรู้สึกผ่อนคลาย สบายทั้งกายและใจ

สำหรับ “บ้านไร่ยายชะพลู” ตั้งตามหลานยายที่มีเพียงคนเดียวในกลุ่มหลาน 7 คน สื่อความหมายเป็นบ้านไร่ที่คุณยายสร้างขึ้น และคุณยายมีหลานยายชื่อ “ชะพลู” เพื่อแสดงถึงความรักความผูกพัน และความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้เด็ก ๆ เกิดความรักธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับแนวคิดที่ว่า อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัวอย่างแท้จริง เนื่องจากสภาพพื้นที่บริเวณ ต.หนองย่างเสือ มีเนินเขาสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยความเขียวขจีและอากาศอันบริสุทธิ์

นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล และ แพทย์หญิงวนิดา ศศิวิมลกุล

“จุดเริ่มต้นเมือ 10 ปีก่อน เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร เราจึงเริ่มเข้ามาปลูกผัก ผลไม้ และร่วมก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนจากการรวมตัวของเกษตรกรในพื้นที่ ส่วนใครอยากปลูกอะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ในแนวทางของเกษตรปลอดภัย เน้นใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อสร้างอาหารจากธรรมชาติเพื่อการบริโภคและจำหน่ายผลผลิตที่ปลอดภัยส่งต่อให้ลูกค้า”คุณหมอวนิดา กล่าว

เริ่มต้นเที่ยวพักผ่อนที่ บ้านไร่ยายชะพลู จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบธรรมชาติ และรักความสงบ ทางไร่มีลานกางเต้นท์ให้บริการ หรือจะนำเต้นท์มาตั้งแค้มป์เองได้ บริเวณลานกางเต้นท์มีบริการปลั๊กไฟ มีห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านเป็นสัดส่วน

นอกจากนั้นบ้านไร่ยายชะพลู ยังให้บริการห้องพักท่ามกลางธรรมชาติ เป็นบ้านเดี่ยวสำหรับ 2-6 ท่าน จำนวน 2 หลัง ซึ่งแต่ละหลังมีลานระเบียงพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ไมโครเวฟ อ่างล้างจาน อุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร ฯลฯ และยังมีบ้านแคปซูล 5 หลัง พักได้ 2 ท่านต่อหลัง (ไม่มีส่วนครัว) แอบอิงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบวิวแบบมินิมอลแต่ให้ภาพสวยหลักล้าน

“แม้จะอยู่ใกล้เมือง ด้วยความห่างจากถนนใหญ่เพียง 500 เมตร แต่สถานที่แห่งนี้มีสภาพเหมือนเข้ามาอยู่ในป่า เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องอาหาร คงต้องใช้เวลา หากท่านประสงค์ให้เราบริการเรื่องอาหารก็ต้องแจ้งล่วงหน้า” คุณหมอวนิดากล่าว

นอกจากบรรยากาศแสนดี พร้อมที่พักวิวสุดแจ่มแล้ว บ้านไร่ยายชะพลูยังมีร้านกาแฟสด พร้อมจุดเช็คอินเพื่อชมวิวท่ามกลางหุบเขา หากวันไหนอากาศเปิดสามารถมองเห็นเขื่อนป่าสักได้อย่างชัดเจน ให้บริการกาแฟสดที่คั่วบดใหม่ ที่เป็นไฮไลต์คือผลผลิตจากการเกษตร อย่าง นมสดมัลเบอร์รี่ ที่ทุกคนห้ามพลาด

รังสรรค์ผลผลิตเกษตรปลอดภัย ไปสู่เมนูสุขภาพสุดเก๋

สุกัลยา ไชยเชาวน์ หรือ “คุณยิ้ม” เจ้าของไร่สอาดจิตร

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อการผลิตพืชผักผลไม้เพื่อความปลอดภัย (GAP)
ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก มีสมาชิก 10 ราย ก่อตั้งมาแล้ว 8 ปี โดยมี “นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล”เป็นประธาน สมาชิกแต่ละรายเป็นเกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้ และปศุสัตว์ อาทิ ทุเรียน หม่อน (มัลเบอร์รี่) อะโวคาโด มะม่วง น้อยหน่า การเลี้ยงแพะ ฯลฯ   นอกจากการรวมตัวในการทำเกษตรอย่างปลอดภัยแล้ว ยังมีการพัฒนาไปสู่การแปรรูป และการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตอีกด้วย

นายแพทย์วิบูลย์ ศศิวิมลกุล ประธานสมาชิกเกษตรกร
มัลเบอร์รี่อัญชัน

หนึ่งในนั้นคือ “นางสาวสุกัลยา ไชยเชาวน์” หรือ “คุณยิ้ม” เจ้าของไร่สอาดจิตร ที่ได้ต่อยอดผลผลิตทางการเกษตร มาสู่แบรนด์ “มียิ้ม” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากมัลเบอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยอุดมไปด้วยวิตามินซี ธาตุเหล็ก วิตามินเค 1 วิตามินอี และโพแทสเซียม โดยได้แปรรูปเป็น แยม ท้อปปิ้ง น้ำสลัดมัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ทูอินวัน ฯลฯ  ปัจจุบันวางจำหน่ายที่ร้านกาแฟ บ้านไร่ยายชะพลู และร้านข้าวโพดหวานไร่สุวรรณ รวมทั้งรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่

หากนักท่องเที่ยวนัดหมายล่วงหน้า ก็จะได้ลิ้มลองความสด สะอาด ปลอดภัย พร้อมเมนูอร่อย ๆ จากเกษตรกรในพื้นที่ เช่นเดียวกับวันนี้ ทางคุณยิ้มได้นำผลผลิตมาเสิร์ฟที่บ้านไร่ยายชะพลู ให้ทุกคนได้ร้องว้าวกับเมนูสุขภาพที่อร่อยเกินคาด

เรียกน้ำย่อยด้วย “มัลเบอร์รี่อัญชัน” เครื่องดื่มลูกผสมสีสันสดใส รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ดื่มแล้วชื่นใจ ตามมาด้วย “สลัดผักกับน้ำสลัดมัลเบอร์รี่” ชิมแล้วต้องบอกว่ากระปุกนี้ต้องมีติดบ้าน วันนี้ได้ผักสด ๆ เป็นผักปลอดสารพิษจากเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมด้วยผลมัลเบอร์รี่สดและอะโวคาโด ยิ่งทำให้สลัดชามนี้พิเศษยิ่งขึ้น โดยน้ำสลัดมัลเบอร์รี่แบรนด์ “มียิ้ม” เป็นน้ำสลัดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู แต่จะใช้มัลเบอร์รี่สีแดงที่ให้ความเปรี้ยวแทน สีของน้ำสลัดจึงเป็นสีชมพู มี 2 สูตร คือ สูตรผสมพริกไทย และสูตรไม่ผสมพริกไทย รสชาติไม่หวานมาก เปรี้ยวกำลังดี

เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน
เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน

มาถึงเมนูหลักในวันนี้ “เส้นหมี่หมูตุ๋นใบหม่อน” ใช้ยอดใบหม่อน หรือ ใบของต้นมัลเบอร์รี่มาต้มสุกแทนถั่วงอก รสชาติหวานมัน น้ำซุปหอมเข้มข้นด้วยสมุนไพร  ใช้กระเทียมและกระชายเป็นส่วนผสม เคี่ยวหมูตุ๋น 4 ชั่วโมงจนเปื่อย เพิ่มความหอมด้วยโหระพาซอยละเอียด กินกับน้ำจิ้มสูตรของทางไร่ เน้นรสเผ็ดเปรี้ยว ซึ่งผักต่าง ๆ มาจากพืชสวนครัวที่ปลูกเองในเส้นทางเกษตรปลอดภัย อร่อยและมั่นใจได้ ส่วนที่ใช้เส้นหมี่ เพราะเป็นเส้นที่มีอยู่คู่ครัว เกษตรกรสามารถซื้อติดบ้านไว้ใช้ได้ตลอดเวลา

“มักกะโรนีซอสมัลเบอร์รี่
สลัดผักกับน้ำสลัดมัลเบอร์รี่

              

มัลเบอร์รี่ชีสพาย

อีกเมนูที่อยู่ในขั้นตอนการสร้างสรรค์ คือ “มักกะโรนีซอสมัลเบอร์รี่”โดยใช้ตัวซอสที่ผลิตจากมัลเบอร์รี่ เกิดเป็นรสชาติใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ ปิดท้ายกันที่ของหวาน“มัลเบอร์รี่ชีสพาย” ดูเผิน ๆ เหมือนบลูเบอร์รี่ชีสพาย แต่ใช้มัลเบอร์รี่เป็นท้อปปิ้งแทน ด้านล่างเป็นแคร็กเกอร์ผสมเนย ชั้นที่สองเป็นครีมชีส ส่วนชั้นบนสุดจะก็คือมัลเบอร์รี่ชีสที่เก็บจากสวน

นอกจากจากมัลเบอร์รี่แล้วยังมี “น้อยหน่าฝ้ายเกษตร” ที่ปลูกในไร่ตามหลักการเกษตรปลอดภัย ให้ชิมกันอีกด้วยนับเป็นช่วงเวลาแสนอร่อยและอบอุ่นใจ ได้เห็นผลผลิตจากสวนที่ปลอดภัยต่อร่างกาย แปลงร่างมาเป็นเมนูที่เป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจ ด้วยรสชาติที่ถูกปากถูกใจ กินไปยิ้มไป เสมือนชื่อแบรนด์เลยจริง ๆ

อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก
อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก

รับพลังแห่งธรรมชาติที่อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ไม่ไกลจากบ้านไร่ยายชะพลู ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้แวะชมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไร่องุ่น สวนผลไม้ สวนดอกไม้ หรือน้ำตก และที่สดใหม่ไม่อยากให้พลาด คือ “อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก”ที่สามารถขับรถออกจากบ้านไร่ยายชะพลูได้ในระเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ตั้งอยู่ที่ ต.คำพราน อ.วังม่วง จ.สระบุรี มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน กว้าง 9 เมตร สูง 44 เมตร ยาว 1,157 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ราว 61 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานกว่า 25,500 ไร่ ใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปา และส่งให้พื้นที่ชลประทานอีก เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร

ความสวยงามของอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก มาจากสภาพพื้นที่โล่งท่ามกลางผืนป่าและผืนน้ำกว้างใหญ่ มีภูเขาน้อยใหญ่เป็นฉากหลัง ถนนรอบอ่างเก็บน้ำมีความคดเคี้ยวเป็นระยะทางยาว ถือเป็นจุดชมวิวที่เงียบสงบ เพียงได้มายืนนิ่ง ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ก็ได้รับพลังบวกให้กับวันพักผ่อนอย่างสดชื่นในทุกเวลา โดยเฉพาะยามเย็นที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันงดงาม หลายคนหลงรักจนต้องมาซ้ำเมื่อมีโอกาส ท้องฟ้าหลังฝนตกยังสวยอย่าบอกใคร

กดปุ่มรีเฟรชเติมความสดใส กับโครงการ “Refresh life …by the wayไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ”ชวนทุกคนออกไปเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง เติมพลังทั้งกายและใจ เพราะเมืองไทยยังมีหลากเรื่องราวให้เราไปค้นหา หลายมุมมองให้เราได้ค้นพบการพักผ่อนในช่วงเวลาอันแสนพิเศษ

บ้านไร่ยายชะพลู (กรุณาติดต่อล่วงหน้า)
บ้านหนองมะกรูด ตำบล หนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก สระบุรี
Facebook/บ้านไร่ยายชะพลู โทร. 081443 4016

ผลิตภัณฑ์จากไร่สอาดจิตร แบรนด์ “มียิ้ม”
โทร.0915621987 (คุณยิ้ม)

ติดตามชมเส้นทางท่องเที่ยว Refresh life …by the way
ท่องเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ได้ที่ YouTube : https://youtu.be/xlnOuzFrf-Y

Refresh life …by the way
ท่องเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี

ร้านข้าวมะลิ ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง

ร้านข้าวมะลิ : KHAOMALI
เป็นร้านในเครือของคุณมะลิณี ถนอมเงิน กรรมผู้จัดการ บริษัท ข้าวมนต์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ และ เชฟร้านข้าวมะลิ นายสุทธิกร เกิดเมฆ ร้านข้าวมะลิ เน้นความสำคัญไปยังเรื่องของวัตถุดิบที่เลือกนำมาปรุงอาหาร โดยคัดสรรมาเป็นอย่างดี อาหารไทยรสมือเชฟ ที่สั่งสมประสบการณ์จนถึงครัวระดับโรงแรม ที่มีความอร่อย เข้าถึงง่าย และเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นแบบพรีเมียมเน้นความสดใหม่ เครื่องแกงโขลกสดใหม่ทุกวัน ซอสและนำจิ้มทุกชนิด เชฟทำเองทั้งหมด จึงได้รสชาติที่เอกลักษณ์ของร้านข้าวมะลิ

คุณมะลิณี ถนอมเงิน กรรมผู้จัดการ บริษัท ข้าวมนต์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์
และ เชฟนายสุทธิกร เกิดเมฆ
คุณมะลิณี ถนอมเงิน

ร้านข้าวมะลิ เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีความดั้งเดิมทุกมิติ จะเป็นร้านอาหารไทยอีกร้านหนึ่งที่ เน้นคุณภาพและ การันตีได้ว่ามีมาตรฐานคงที่ในทุกจานพร้อมบริการที่ดีที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนอย่างดีเยี่ยมนอกจากรสชาติอาหารที่โดดเด่นแล้ว ลักษณะการตกแต่งของร้านก็เป็นที่สะดุดตา ตกแต่งด้วยต้นใบไม้โทนสีเขียว ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนนั่งสบายๆ แบบเป็นกันเองและได้กินอาหารในรสชาติที่คุ้นชิน คงจะเป็นการสร้างความทรงจำใหม่ที่ดีอยู่ไม่น้อย

นายสุทธิกร เกิดเมฆ
ร้านข้าวมะลิ ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง

ใครที่กำลังคิดถึงอาหารจานโปรดกับเชฟคนโปรดไม่ว่าจะวันหยุด หรือวันพิเศษก็อยากจะชวนยกครอบครัวไป อยากชวนทุกท่านมาลิ้มรสความอร่อยของอาหารรสชาติต้นตำรับที่รับรองถูกปากคนไทยแน่ๆ ร้านข้าวมะลิอาหารไทยรสชาติเข้มข้นจากเมนูจานโปรดที่เคยกินในสมัยก่อนที่พอได้กินทีไร เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นก็จะย้อนเข้ามาในความทรงจำอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเป็นอาหารจานโปรดแรกจากคุณแม่ อาหารถูกปากของยายข้างบ้าน หรือ ในเมนูที่ธรรมดาเหล่านั้น คงล้วนเป็นข้าวจานโปรดของใครหลายๆ คน และในยุคสมัยที่หลายๆ คนต้องอยู่ไกลบ้านและต่างถิ่น การที่จะได้กลับไปชิมอาหารมื้อโปรดมื้อเดิมก็กลายเป็นเรื่องยากเสียแล้ว

ร้านข้าวมะลิ : KHAOMALI ร้านอาหารใต้ขนาดกะทัดรัดภายในร้านต้อนรับผู้มาเยือนด้วยแอร์เย็น และเสียงเพลงคลอเบาๆ ฟังสบาย เพื่อให้คนที่เข้ามาทานได้มีพื้นที่หลบหนีความวุ่นวายจากด้านนอก แล้วมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ สั่งเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ อาหารอร่อยมาทาน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศสุดคลาสสิกของทางร้าน ทางร้านแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนบาร์ เครื่องดื่มบริเวณหน้าร้านที่พร้อมให้บริการขนมและเครื่องดื่ม ถัดมาเป็นโซนนั่งทานข้าวในบรรยากาศสบาย ๆ โดยเมนูของทางร้านนั้นมีพร้อมเสิร์ฟ

ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง

Recommend Dishes
เมนูไฮไลต์ ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง จานที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับเป็นจานที่ชอบมากที่สุด รสชาติอร่อย ร้านอาหารไทยส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ ข้าวหอมมะลิ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร ด้วยสัมผัสของข้าวคลุกกับกะปิดีคุณภาพจากจังหวัดระยอง ที่คลุกมาอย่างพอดี การนำหมูสามชั้น มาเคี่ยวให้เข้ากับน้ำตาลดอกมะพร้าว ที่เคี่ยวพร้อมกันกับมะตูมแห้งเผาไฟ ใช้เวลานานกว่า 3ชั่วโมง พริกขี้หนูหั่น มะนาว ที่ไม่ได้รสจัดจนเกินไป บวกกับหมูหวานสูตรพิเศษ และแฮมที่เข้ามาเพิ่มความอร่อยมันในตอนสุดท้าย ทำให้ทุกอย่างดูลงตัว ไปหมด ยิ่งกินและคลุกรวมกันกับกุ้งแห้งทอดกรอบ ผักสดอย่างชะอม มะม่วงสับ หอมแดง และถั่วพลู บีบมะนาวในขั้นตอนสุดท้าย พร้อมกันแล้วยิ่งอร่อยและสมบูรณ์แบบ ในร้านจะมีรายการอาหารที่มีต้นตำรับหลายเมนู ด้วยความตั้งใจที่จะปรุงออกมาให้กลายเป็นรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยให้ได้มากที่สุด เชฟจึงหยิบเอาตำรับและเมนูเหล่านั้นขึ้นมานำเสนอ

ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง*

ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่5 ใน บรรทึกความหิว เมื่อครั้งเสด็จประพาสเกาะต่างๆ ของประเทศอิตาลี และพระองค์ไม่ได้เสวยพระกระยาหารไทยมานานคืนหนึ่งก่อนเข้าบรรทม ทรงมีพระราชดำรัสตรัสกับ “พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ” “ข้าฝันไปว่าเสด็จยายทรงปรุงข้าวคลุกกะปิให้กินอร่อยมาก ทำให้ข้าอยากกินข้าวคลุกกะปิ เจ้าเตรียมกะปิและเครื่องต่างๆ สำหรับปรุงไว้ให้ข้า พรุ่งนี้ข้าตื่นนอนข้าจะคลุกเอง”

ไก่ผัดลูกสำรอง
แกงจืดเต้าหู้ใบตำลึง*
ส้มตำไทยไข่เคียง
เนื้อแดกงา
ข้าวตังหน้าตั้ง
หมี่กรอบทรงเครื่อง

พลิกดูเมนูถือว่ามีความหลากหลายทีเดียว มีรูปแบบให้ได้เลือกทานอย่างเต็มที่ เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่หยิบเอาความทรงจำ อันแสนอบอุ่นที่ติดอยู่กับมื้ออาหารเหล่านี้กลับมา กลายเป็นที่มาของร้านอาหารร้านข้าวมะลิ ร้านอาหารไทยที่มีรายการอาหารมากกว่า ห้าสิบรายการออกมาให้ลองชิม ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำไทยไข่เคียง ไก่ผัดลูกสำรอง เนื้อปูผัดวุ้นเส้น แกงจืดเต้าหู้ใบตำลึง* แกงเผ็ดเนื้อ เนื้อผัดน้ำพริกกระเพรา แหนมหม้อผัดไข่ ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง* ข้าวยำปลาทูหอม ข้าวหน้าหมูผัดสามเหลอ หมี่กรอบทรงเครื่อง ยำวุ้นเส้นโบราณ ยำหัวปลี หรือแม้แต่เมนูทานเล่น ข้าวตังหน้าตั้ง เนื้อ/หมูแดกงา ปีกไก่ทอด ไส้กรอกโบราณ ของหวานอย่าง ไอติมกะทิสด

น้ำผึ้งมะนาวโซดา : Honey Lemon Soda และ ยูซุฮันนี่ : Blue Honey Soda

Refreshing Drinks
ในส่วนเครื่องดื่มของที่นี่ก็มีเมนูน่ารักแบบ  …
-น้ำผึ้งมะนาวโซดา : Honey Lemon Soda
-ยูซุฮันนี่ : Blue Honey Soda

หากใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทย รสชาติไทยแท้แบบดั้งเดิม อร่อยจัดจ้าน ถูกปากถูกใจ อย่าปล่อยให้มื้ออาหารที่ชอบกลายเป็นเพียงความทรงจำในวันวานมแวะมาที่ร้านข้าวมะลิ

เปิดให้บริการแล้ววันนี้อาหารไทยรสชาติเข้มข้น
ร้านข้าวมะลิ : KHAOMALI
เปิดให้บริการทุกวัน 10.00- 21.00 น.
☎️ 098 909 3989

📌 https://maps.app.goo.gl/RdsBYH1N9V8Pdw1LA

  • ริมถนนทางเข้า รพ.เปาโล สะพานควาย จอดรถที่ รพ.เปาโลหรือจอดที่ Big C มา BTS ลงสถานีสะพานควาย ทางออก 2 เดินมา 100 เมตร

กาแฟและเครื่องดื่ม เปิดเวลา 7.00-21.00 น.
สั่ง Delivery ได้ที่
Grap : https://bit.ly/3oGJDub
Lineman : https://bit.ly/3oJoLSR
Robinhood : https://bit.ly/3vuJmhC

ร้านข้าวมะลิอาหารไทยรสชาติเข้มข้น #ข้าวมะลิ #khaomali #ร้านข้าวมะลิ #อิ่มอร่อยได้ทั้งครอบครัว #toptotravel

ยุ้งข้าวหอม เปิดตัว “เชฟอ้อม” เสิร์ฟเมนูอาหารใต้สุดยอดจานเด็ดเซ็ตใหม่


“ยุ้งข้าวหอม” ร้านอาหารใต้รสดั้งเดิม ที่ผสานอาหาร 3 วัฒนธรรมถิ่นใต้เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ได้ฤกษ์เปิดตัว เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของรางวัล Michelin Guide Young Chef Award คนแรกของประเทศไทย ที่จะมารังสรรค์เมนูอาหารใต้เมนูใหม่ของร้าน “ยุ้งข้าวหอม” ที่เชื่อว่า ทุกคนจะหลงรักอาหารไทยถิ่นใต้ของร้านยุ้งข้าวหอมมากขึ้น เพราะแต่ละเมนไม่เพียงจะยังคงรสชาติ และรสสัมผัสของความเป็นอาหารถิ่นใต้โดยแท้จริงเท่านั้น แต่ยังทำให้ทุกคนซึมซับกับบรรยากาศของความเป็นถิ่นใต้ไปพร้อมกันด้วย เพื่อต้อนรับการกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติอีกครั้ง

ข้าวยำ
แกงปูใบชะพลู
ปลาหมึกน้ำดำ
สามชั้นหน่อเหรียง
เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของรางวัล Michelin Guide Young Chef Award
คนแรกของประเทศไทย
โอวต้าว


เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เปิดเผยว่า ทุกเมนูใหม่นี้ มาจากแนวคิดเรื่องของการผสานวัฒนธรรมทั้ง 3 วัฒนธรรม ได้แก่ ไทย-พุทธ, ไทย-มุสลิม และไทย-จีน ที่อยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย “รสชาติของอาหารแต่ละท้องถิ่นจะไม่เหมือนกัน อันเป็นลักษณะเด่นของถิ่น ที่เกิดการแลกเปลี่ยนประเพณีและวัฒนธรรมถ่ายทอดผ่านอาหารทุกจานอย่างลงตัว โดยความพิเศษของทุกเมนูในร้านอยู่ที่การปรุงอาหารอย่างกลมกล่อมโดยปราศจากผงชูรสและยังเน้นใช้เครื่องแกงทั้งหมดที่เป็นวัตถุดิบและเป็นสูตรของทางร้านเอง เราตำพริกแกงเอง ทำให้เมนูทุกเมนูมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับ ‘ยุ้งข้าวหอม’ อาทิเช่น แกงปูใบชะพลู, ผัดเผ็ดหมูสามชั้นหน่อเหรียง, ซี่โครงหมูกอและ, โอวต้าว, และปลาหมึกผัดน้ำดำ
ยิ่งไปกว่านั้น เชฟออมยังบอกด้วยว่า การมารับประทานอาหารที่ร้านยุ้งข้าวหอม ยังทำให้ทุกคนได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบไล่ลำดับ ตามแบบฉบับถิ่นใต้ เพราะทุกเมนู มีรสชาติที่โดดเด่น และเพื่อให้เกิดการผสมผสานทุกรสชาติอย่างลงตัว นอกจากนี้ เรายังมีการนำขนมหวานท้องถิ่นใต้มาปรุงอย่างพิถีพิถัน เพื่อลดความเผ็ดร้อนหลังจากรับประทานอาหารที่มีรสจัดจ้าน ซึ่งขนมหวาน้ดังกล่าว ประกอบด้วย ขนมโคน้ำกะทิ, ขนมตาหยาบ, โรตีกล้วยเสิร์ฟกับไอศกรีม และโอ้เอ๋ว เป็นต้น”

ว เชฟออม-สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของรางวัล Michelin Guide Young Chef Award
คนแรกของประเทศไทย


สำหรับเมนูอาหารที่เชฟออม รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะ ที่ร้านยุ้งข้าวหอม ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ยำยุ้งข้าวหอม แกงปู ใบชะพลู แกงคั่วกระดูกหมูใบยี่หร่า ยำปูนิ่มมะม่วง ซุปจาระเม็ดต้มเต้าเจี้ยว ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ข้าวยำ ปลาหมึกน้ำดำ สามชั้นหน่อเหรียง โอวต้าว รวมถึงยังมี คั่วกลื้งเนื้อ แกงส้มปลาใบกะเพรา ชะอมไข่เค็ม และคากิฮ้อง เป็นต้น ในส่วนของขนมหวาน ประกอบด้วย ขนมโค และ ขนมตาหยาบ

ขนมตาหยาบ
ขนมโค

อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการตอบรับต่อกระแสเรียกร้องของผู้ที่ชื่นชอบอาหารใต้ ในเร็วๆ นี้ ทางร้านยุ้งข้าวหอม ยังได้เตรียมพร้อมเปิดสาขาใหม่ล่าสุด เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งคือ ร้านยุ้งข้าวหอมสาขา CDC และ ร้านยุ้งข้าวหอม สาขาแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งทั้งสองสาขานี้ จะทำให้ลูกค้า และนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในความจัดจ้านของรสชาติความเป็นอาหารใต้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเดินทางไปสัมผัสกับรสชาติของอาหารใต้ และสามารถอิ่มอร่อยกับอาหารใต้อย่างเต็มที่มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากที่ทุกคนได้ลิ้มลองอาหารใต้เมนูใหม่ทั้งหมดนี้แล้ว ทุกคนก็จะหลงรัก ร้านยุ้งข้าวหอม มากขึ้นแน่นอน

สูตรเด็ดอาหารเหนือ เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ by ควีนส์ออฟเบเกอรี่

รับประทานอาหารเหนือแท้ๆ ที่เขาใหญ่ ร้านเฮือนแม่หญิ๋ง เขาใหญ่สวัสดีคะ วันนี้ Toptotravel มาพบกับร้านอาหารเหนือ น่าลอง ในเขาใหญ่ด้วยกัน และช่วงนี้ใครหาร้านอาหารเหนือแท้ เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ ร้านอาหารเหนือ โลเคชั่นดีตั้งอยู่ทางขึ้นเขาใหญ่ ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนไปลองอาหารเหนือแบบรสชาติต้นตำรับรสชาติแบบฉบับคนพื้นเมืองแท้ๆ ที่มีเอกลักษณ์ถึงเครื่องรับรองว่าลำแต้ๆ อย่างแน่นอน และไม่เพียงแต่ เมนูอาหารเหนือแบบต้นตำรับเท่านั้น
ที่เฮือนเฮือนแม่ญิ๋ง ยังสร้างสรรค์เมนูอาหารเหนือแบบฟิวชั่นที่มีการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ที่สำคัญทางร้านมีเมนูแนะนำให้เลือกมากมายและหลากหลาย อาทิเช่น ทางร้านมีเมนูแนะนำให้ เลือกมากมายและหลากหลายไม่ว่าจะ ชุดออร์เดิฟเหนือ ลาบคั่ว น้ำเงี้ยวหมู แกงฮังเล ข้าวซอยไก่/เนื้อ หมูเส้นทอดเกลือ หมูยอลวกจิ้ม แกงโฮ๊ะ

นอกจากเมนูอาหารที่จัดเต็มแล้วบรรยากาศยังร่มรื่นและสบายตาเพราะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้นานาชนิด แถมโซนที่นั่งโล่งโปร่งสบาย แนะนำเลยว่ามาเที่ยวเขาใหญ่ครั้งต่อไป ใครอยากลองอาหารเหนือต้องมาเยือนที่ เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ ถึงเวลาลิ้มรสชาติแต่ละจานแบบจัดเต็มกันแล้ว บอกเลยว่าเลือกไม่ถูกจริงๆ

แนะนำ ‘ข้าวซอยเนื้อ’ น้ำเข้มข้น เนื้อนุ่ม เส้นเหนียวนุ่มแถมให้มาเยอะมาก กินคู่กับผักกาดดองไม่เปรี้ยวมาก ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี

ร้านอาหารเหนือบรรยากาศชิลๆ เจ้าของร้าน คุณนพลักษณ์ ทัศน์ธนาวัฒน์ ผู้บริหาร เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ by ควีนส์ออฟเบเกอรี่……..


กว่าจะมาเป็น ฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ ที่มาของการเปิดร้านอาหารเหนือ ต้นตำรับ ทางร้านรังสรรค์เมนูอาหารเหนือจากมรดกตกทอดก้นครัว อาหารพื้นเมืองสูตรโบราณ ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารแบบบ้านบ้าน บริการแบบเมืองเมือง
บทบาทของการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารเหนือรสชาติแบบดั้งเดิม ในบรรยากาศร้านแบบสบายๆ สไตล์พื้นบ้านล้านนา ในจังหวัดนครราชสีมา เพราะเราเป็นคนเหนือและในช่วงที่มาอยู่เขาใหญ่ใหม่ๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน เคยเสริฟด้วยอาหารเหนือ อย่าง ข้าวซอย ขนมจีน อาหารเหนือ ปรากฎว่าได้รับการตอบรับดีมาก สามารถมาขยายกิจการได้ เพราะอาหารเหนือ ด้วยความเป็นคนเหนือของเรา และอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเขาใหญ่ได้ลิ้มรสชาติของอาหารเหนือแท้ๆ โดยที่ไม่ต้องไปถึงเชียงใหม่คุณแม่ เป็นคนลำปาง แต่พี่ไปอยู่เชียงราย และมาอยู่เขาใหญ่ สำหรับที่เขาใหญ่ ความตั้งใจเดิมคือต้องการมาหาบ้านหลังเล็กๆ ที่นี่ เพราะไม่ค่อยสบาย ตอนนั้นเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เผอิญว่าเราเห็นแล้วว่าเมื่อมาอยู่ที่นี่ เลือกทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ถึงแม้เชียงรายตอนนั้นอากาศดีแต่ครอบครัวอยู่กรุงเทพฯ พี่ก็ต้องมาอยู่เขาใหญ่ เพราะเหนือไกล ตอนนั้นเลยคิดว่าเปิดร้านอาหารเหนือเล็กๆ เสริฟให้ลูกค้า ชื่อร้าน อิน เขาใหญ่ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่มีเสริฟอาหารเหนือร่วมด้วย

ทั้งความคิดที่อยากลาออกจากงานประจำ แล้วหันมาทำอาชีพที่หล่อเลี้ยงคนในครอบครัว เมื่อก่อนพี่เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่กรุงเทพฯ แล้วลาออกมา ทำธุรกิจครอบครัวเป็นสิ่งพิมพ์โฆษณา พอทำงานไปอยากพักผ่อน เลยมามองหาพื้นที่ในเขาใหญ่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จากอินเขาใหญ่ เปิดอยู่ 5-6 ปี ก็มีบ้านพักและรีสอร์ท เป็นโฮมสเตย์ ชื่ออิน เขาใหญ่ พอดีเราอยากให้มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวมีอาหารเสริฟ เมื่อทำโรงแรมเซเว่นวิลล่าเขาใหญ่

ควีนส์ออฟเบเกอรี่ เป็นร้านเบเกอรี่ที่เราผลิตเอง มีโรงงานเล็กๆ เพื่อเสริฟลูกค้าและส่งตามร้านต่างๆ ที่เขาไม่ได้ทำเบเกอรี่เอง โดยเป็นเบเกอร์รี่แบบพรีเมี่ยม ส่วนอาหารเหนือเพิ่งย้อนอดีตกลับมาเสริฟที่ควีนส์ออฟเบเกอรี่ ประมาณสองเดือนมานี้ หลังจากที่เคยเปิดมาเมื่อยี่สิบปีก่อน โดยรสชาติของอาหารเหนือที่เสริฟนั้น ต้องบอกว่า อาหารเหนือจริงๆ จะผสมผสานกัน อย่างรสชาติข้าวซอย
ซึ่งต้องถือว่าข้าวซอยเชียงใหม่อร่อย แต่ถ้าน้ำเงี้ยวก็ต้องเชียงราย ก็ผสมผสานกันไป เพราะเป็นอาหารผสมผสานของไทยสิบสองปันนา ไทยลื้อ ไทเขิน ที่มาจากแม่น้ำเหลือง จากไทยเชียงตุง ของลาวบ้าน ก็มาผสมผสานกัน รสชาติจะเข้มข้นแต่หอมกรุ่นด้วยสมุนไพรตอนนี้เชียงรายจะมีที่บ้านพักเท่านั้น ส่วนที่เขาใหญ่ปัจจุบัน ก็มีเฮือนแม่ญิ๋งซึ่งอยู่ที่เดียวกันในควีนส์ออฟเบเกอรี่

วิกฤตโควิด ไม่เคยปิดร้าน จริงๆ แล้ว ตั้งแต่มีโควิด เข้ามา ทางควีนส์ออฟเบเกอรี่ไม่เคยปิดร้าน ในช่วงโควิด -19 เราจะเซฟพนักงานโดยกักตัวในบริเวณบ้านพักของเรา เราจะมีการนำเข้าของวัตถุดิบ จึงไม่มีการพบปะผู้คนโอกาสเสี่ยงก็จะน้อยทุกวันจะมีการทำเบเกอรี่ตลอดเวลา เพราะไม่เพียงแต่จำหน่ายเบเกอรี่เท่านั้น แต่เรายังดูแลสังคมด้วย โดยนำเบเกอรี่เสริฟยังกลุ่มคนต่างๆ ทั้งคุณหมอ สาธารณสุข ทั้งจุดศูนย์วัคซีน มีการส่งอาหารและขนมไปยังหน่วยอาสาฯ ต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ผ่านทาง ฟู้ด ฟอร์ ไฟล์ทเตอร์

ความคิดเห็นหลังจากเขาใหญ่ ได้รับโปรโมทให้เป็น จุดหมายปลายทางด้าน นวัตกรรม เวลเนส ยกระดับเป็นเมืองสุขภาพ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ
ผู้บริหาร เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ กล่าวว่า “เป็นไปได้ และถ้าเกิดขึ้นแล้วจะดีมาก จะทำให้เขาใหญ่ มีทั้งเฮลทตี้ ทั้งคุณภาพชีวิต ถือว่าเทรนด์ที่มาแรงมากในช่วงโควิดระบาด ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา มีความพร้อมที่จะเปิดตัวเป็น “เมืองสุขภาพ”
และทุกภาคส่วนในจังหวัด เป็นเหมือนสโลว์ไลฟ์ผู้ประกอบการกะมีเป้าหมายที่ชัดเจน ผู้ใช้บริการหรือนักท่องเที่ยวก็จะรู้เป้าหมายของตัวเองว่ามาที่นี่แล้วจะได้พบกับอะไรcเช่น อากาศดีดี อาหารปลอดภัย สปาหรือการท่องเที่ยวเดินป่าต่างๆ หรือสวนผัก ผลไม้ ที่เป็นออร์แกนิกส์ และก็ได้แวะมาทานอาหารเหนืออร่อยๆ ใครกำลังแพลนไปเที่ยวเขาใหญ่ต้องไปลอง

การเดินทางมา เฮือนแม่ญิ๋ง เขาใหญ่ by ควีนส์ออฟเบเกอรี่ ในวันนี้ Toptotravel รู้สึกดีมากๆ ที่ได้เห็นความตั้งใจ ของคุณนพลักษณ์ ทัศน์ธนาวัฒน์ในการรังสรรค์แต่ละเมนู รวมถึงมีอีกหลายอย่างที่ทำเองกับมือร่วมกับเชฟนี่แหละร้านที่อยากให้ทุกคนมา รับรองว่าถ้าได้มาสัมผัสบรรยากาศสไตล์โฮมมี่ที่นี่แล้ว คุณคงอยากนั่งนานๆ แทบไม่อยากกลับอย่างแน่นอน

Queen of Bakery at Khaoyai
72 Moo 4 Thanarat Road, Moo-si อำเภอปากช่อง นครราชสีมา 30130
พิกัด: ติดถนนธนะรัชต์ กม.ที่18 ตรงข้ามร้านอาหาร Roma
☎062-545-2354

https://www.facebook.com/pages/category/Bakery/Queen-of-Bakery-At-Khao-Yai-109506723965261/

วน!! อัพเดท Special Trip ผู้บริหาร True World Travel ชวนท่องเมืองมรดกโลก “เกาะเจจู” ตลอดสิงหาคมนี้ เอาใจชาวไทยสุดๆ

ทำไม!! ต้องไปเยือนเกาะเจจู ภายใต้การเดินทางกับบริษัท True World Travel วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท True World Travel บริษัทเดียวที่ได้รับการความร่วมมือและการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาะเจจู โดยมีสายการบิน JEJU Air ที่บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ เกาะเจจู สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์สุดคูล ดินแดนมรดกโลก ที่เกาะเจจู เที่ยวบินเหมาลำเพียงบริษัทเดียวในเมืองไทย

https://www.youtube.com/watch?v=O128vW03qb0

ล่าสุด หลังสถานการณ์โควิด -19 ทางเกาะเจจูเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างคึกคัก โดยเฉพาะตลอดเดือนสิงหาคมนี้ สิทธิพิเศษสำหรับคนไทยมีอะไรบ้าง ผู้บริหาร True World Travel มาเล่าให้เราฟัง ….
คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel โดยกล่าวถึง ความพิเศษนี้ว่า Summer นี้เดินทางหนีร้อนไปเที่ยวเกาะเจจูดินแดนมรดกโลกแห่งเกาหลีใต้กันดีกว่าคะ เพราะไปง่ายเข้าง่าย เอกสารไม่ยุ่งยาก เพราะเจจู เป็นที่เดียวในเกาหลีใต้ที่ไม่ต้องใช้ K-ETA บินตรงสู่เกาะโดยไม่ต้องใช้ K-ETA และเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม นี้เป็นต้นไป บินทุกวัน พร้อมมีแพคเกจให้เลือกถึง 3 แพคเกจ

  1. โกลด์แพคเกจ บินตรงท่องเที่ยวเกาะเจจู 4 วัน 2 คืน
  2. สเปเชียลแพคเกจ บินตรงท่องเที่ยวเกาะเจจู 5 วัน 3 คืน
  3. เอกซ์เพรสแพคเกจ บินตรงท่องเที่ยวเกาะเจจู 3 วัน 1 คืน
    “เที่ยวเกาะเจจูราคาเริ่มต้นเพียง 10,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าสุดๆ และแค่นี้ยังไม่พอใครที่เที่ยวเกาะเจจูในเดือนสิงหาคมนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมาย นั่นคือ 1. จะได้รับสิทธิตรวจโควิดที่เกาะเจจูมูลค่า 80,000 วอน ฟรี
  4. หากติดโควิดก่อนเดินทางได้สิทธิเลื่อนการเดินทางพร้อมผู้ติดตามอีก ฟรี 1 คน
  5. หากติดโควิดที่เกาะเจจูจะได้สิทธิอยู่เกาะเจจู 7 วัน พร้อมผู้ติดตามฟรี อีก 1 คน ฟรีเช่นเดียวกัน
    และหลังจากกักตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้ท่องเที่ยวในเกาะเจจูพร้อมผู้ติดตามอีก 1 คน ฟรี
    เฉพาะเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น อย่ารอช้ารีบเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเกาะเจจูเมืองมรดกโลกกันคะ” คุณพธู กล่าวในตอนท้าย

หมอแยม พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร แนวคิดชีวิตคิดบวก บนพื้นฐานความจริง เวิร์คไลฟ์บาลานซ์

Toptotravel มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษมาพบปะพูดคุยกับพบกับ หมอความงาม หมอแยม พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและศาสตร์ชะลอวัย รวมไปถึงการดูแลปัญหาต่างๆ ของร่างกาย และการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม ฝีมือและประสบการณ์ของคุณหมอที่ฉีดถือเป็นข้อสำคัญมาก หากคุณหมอไม่เชี่ยวชาญากไม่รู้จักทุกจุด ทุกมุมบนใบหน้าคนไข้แต่ละคน ยากมากที่จะออกมาตามแบบที่ต้องการ

เพื่อเข้ามาช่วยดูแลปัญหาเกี่ยวกับหน้าตา ผิวพรรณและบุคลิกภาพ การเสริมความงามก็เป็นศาสตร์ในแขนงหนึ่งทางการแพทย์ หมอจะเป็นด่านแรกในการปรึกษา เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ไม่มีพนักงานขายของ เพื่อประโยชน์ของคนไข้มากที่สุด ทั้งเรื่องของการได้รับผลลัพธ์ทันที และไม่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” เรียกว่าเป็นนิยามของ หมอแยม หรือ พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร แพทย์ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านความงาม กับการทุ่มเทการรักษาดูแลคนไข้ หรือแม้แต่ผู้ที่เข้ามาปรึกษาด้านความงามไม่ใช่การมุ่งเน้นทำธุรกิจ เป็นบริการครบวงจรตั้งแต่เรื่องผิวหน้า รักษาสิว ฝ้า กระ ปรับรูปหน้า ยกกระชับใบหน้า รวมถึงร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ และบริการอื่นๆ

THOMAS CLINIC (โทมัส คลินิก) สถานที่ทำงานของคุณหมอแยม

คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านความงาม คลินิกที่กำลังพูดถึงมีชื่อว่า โทมัสคลินิก ทองหล่อ กรุงเทพ บนชั้น 2 อาคารฟิฟตี้ฟิฟทองหล่อ ติดหน้าถนนทองหล่อ ซอย2 THOMAS CLINIC สถานที่ทำงานของคุณหมอแยม ซึ่งแค่เห็นชื่อคลินิก รู้สึกเห็นถึงความแตกต่างแบบไม่ซ้ำใครแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาในคลินิก สัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวอย่างชัดเจน หมอแยม เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อคลินิกแบบนี้ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการนั้น เป็นผู้ชาย “ลูกค้าเกือบครึ่งหนึ่งของคลินิก เป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งตอนที่คิดเปิดคลินิก อยากได้ชื่อที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกอยากเข้ามาใช้บริการ อันจะนำมาซึ่งความมั่นใจของลูกค้าในเรื่องหน้าตาและบุคลิกภาพของตนเอง”


แพทย์ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านความงาม การทำงานของ หมอแยม ความเชี่ยวชาญที่จริงใจและใส่ใจ ในทุกรายละเอียดของความงามพร้อมมาตรฐานการทำงานที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อความพึงพอใจและปลอดภัยอย่างสูงสุดของลูกค้า “ขณะเดียวกัน คลินิกเสริมความงาม ไม่ใช่เพียงคลินิกที่มีคอร์สทรีทเม้นท์มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาและบำรุงจากภายใน เช่นบางรายมีปัญหาเรื่องเส้นผม หรือ ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีปัญหาข้อเข่า มีบริการดูแล และหาสาเหตุอาการแต่ละจุดตามที่ลูกค้าต้องการเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง นี่อาจเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม เรามักจะได้ยินได้ฟังกันเสมอว่าทำในสิ่งที่เรารักเราชอบ แล้วเราจะทำมันอย่างมีความสุข”

หลังจากอยู่ในวงการความงามได้ประมาณ 10 กว่าปี จะว่าไปแล้ว วันนี้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจเรื่องของความงามไม่ต่างจากผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้ชายในแวดวงธุรกิจ แล้ว ทำให้เขาเห็นความสำคัญในเรื่องภาพลักษณ์บริษัท หรือ ธุรกิจที่ทำอยู่หรือ บางราย ผู้หญิงสวยๆ ก็มักจะพาแฟน หรือ สามี มารับบริการ เพื่อให้ดูดีเหมือนกัน” ส่วนวิธีการดูแลด้านความงามของผู้ชาย คุณหมอแยม เล่าว่า แตกต่างไปจากผู้หญิง ผู้ชายบางคน มีริ้วรอยแห่งวัย ก็อยากจะให้เราช่วยรักษาให้ริ้วรอยลดลง อาจไม่ต้องให้ถึงกับหายไปเลย แต่ให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำเยอะเหมือนผู้หญิง บางคนมาด้วยปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เราก็จะช่วยยกกระชับใบหน้าให้ ทำให้ไม่เพียงลูกค้าจะรู้สึกใบหน้ากระชับเท่านั้น แต่ยังได้ความอ่อนวัยกลับไปด้วย

“วันนี้จำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ชายที่เข้ารับบริการกับทางคลินิกของเรามีถึง 40% ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อของคลินิก การตกแต่ง รวมไปถึงการดูแลรักษาของเรา ที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก และจุดเด่นอีกอย่างของคลินิกเรา ไม่ต้องมานั่งรอคิวเยอะๆ และไม่มีเซลล์มารบกวนลูกค้าเลย เราจะทำนัดลูกค้าทุกคน พอมาถึงคลินิก ก็เข้าห้องรักษาเลย เสร็จแล้วก็กลับบ้านค่ะ” เรียกว่าตอกย้ำถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัดประเด็นความยากง่ายการรักษา คุณหมอแยมเล่าว่า การดูแลรักษาผู้ชายก็ยากเหมือนกัน “ช่วงแรก ๆ ยากมากค่ะ ยิ่งผู้ชายที่ไม่เคยเข้ารับบริการด้านความงามมาก่อน ก็ยากมาก เพราะเขาจะรู้สึกว่า ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร และยิ่งกว่านั้น ผู้ชายเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวเข็ม ต่างจากผู้หญิงที่มีความอดทน โดยเฉพาะการอดทนเพื่อความสวย แต่พอผู้ชายได้ทำไปแล้ว เขาก็จะรู้สึกดี และไม่ทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงเยอะ มีความเป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกมั่นใจ” คุณหมอแยม บอกด้วยว่า หลังจากที่ผู้ชายเปิดใจกับสิ่งใหม่แล้ว ความใส่ใจ ความจริงใจ ขอ คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกค้าควรจะได้รับอย่างแท้จริง เขาก็จะเป็นคนตัดสินใจเองว่า ทำโปรแกรมอะไรต่อไป

โดยที่ทางคลินิกไม่ต้องนำเสนอโปรแกรมอะไรเลยไม่ว่าจะเป็น เซเลบริตี้ หรือ ดารานักแสดง รวมถึงคนดังในแวดวงต่างๆ หากเข้ามารับบริการในคลินิก สิ่งหนึ่งที่จะไม่เจอเลยคือ การถ่ายภาพ เพื่อไปทำโฆษณา หรือแม้แต่การขายคอร์ส ขายโปรแกรม “เพราะเราไม่ทำการตลาดแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งการถ่ายภาพ Before & After เรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการทำภาพให้ดูเกินจริง ทางคลินิกของเราจึงเน้นทำให้ลูกค้าเห็นผลกันจริงๆ เลยดีกว่า แล้วแนะนำเป็นคอนเนคชั่นแบบบอกต่อกันไป”

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณหมอแยม ทำมาตลอดคือ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง “หมอจะเป็นคนบอกลูกค้าเองว่า เขาควรทำอะไร และดูแลจุดใดเป็นพิเศษ ขณะที่เทียบกับคลินิกอื่น ก็จะเป็นการปรึกษากับเซลล์ที่ไม่ได้จบแพทย์ หรือ พยาบาล บางทีมีการบอกคอร์สผิด ก็มาขายคอร์สเพิ่มให้ลูกค้า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความสับสนให้กับลูกค้า เราเลยเน้นไปที่ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง เพราะเราเองก็เป็นแพทย์อยู่แล้ว จะตอบคำถามลูกค้าเองหมด แม้แต่ในไลน์ หมอก็จะเป็นแอดมิน คุยกับลูกค้าโดยตรง”


เชื่อหรือไม่ โทมัส คลินิก ไม่เคยลงโฆษณาในสื่อเลย นอกเสียจากมีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์เอง “เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าเป็นแบบไพรเวท วีไอพี หากเราไปลงโฆษณา ลูกค้าก็จะไปดูที่ราคาเป็นหลัก และเขาก็จะไม่ได้รู้จักเราจริงๆ ส่งผลให้เกิดความยากในการทำงาน ไปจนถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย” ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา คุณหมอแยม เล่าว่า ทางคลินิกแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากวิกฤต ขณะที่บางคลินิก มุ่งแต่จะลงโฆษณา แล้วสู้กันที่ราคาว่า ใครถูกกว่ากัน “ยิ่งเราไม่มีเซลล์ ก็ไม่ต้องแบ่งรายได้ 20-30% ให้เซลล์ และเราก็สามารถลดราคาให้กับลูกค้าได้เอง ที่สำคัญเราไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้ลูกค้ามักกลับมารักษากับเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้กับเราค่ะ”

“ด้วยความรู้สึกที่ว่า… ถ้าเราอยากเป็นนักธุรกิจ ควรไปประกอบอาชีพอื่นดีกว่า แต่เรามองว่าเราเกิดมาเป็นแพทย์อยากทำหน้าที่แพทย์ให้ดีที่สุด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี และภูมิใจในตัวเองมากที่สุด”

คุณหมอแยม เล่าต่อถึง แนวคิดชีวิตคิดบวก บนพื้นฐานความจริง แนวคิดที่เธอวางไว้เหล่านี้ทำให้เธอ รู้สึกถึงความสมดุลในชีวิต “เรียกว่า เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ของเราในวันนี้ดีทุกอย่าง มีเวลาส่วนตัวมากพอ ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เช่นการทำบุญ หรือออกงานสังคม พบเพื่อนฝูง ขณะเดียวกันเรายังมีเวลาที่จะได้ดูแลลูกค้าด้วย เพราะวันนี้ การทำงาน ถือเป็นความสุขของเราจริงๆ” ด้วยการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง

ปรึกษา คุณหมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร ได้ที่ THOMAS CLINIC
(ชั้น 2) อาคารฟิฟตี้ฟิฟ ทองหล่อ (ปากซอยทองหล่อซอย 2)
สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทรศัพท์ 063-5569-669 หรือ ที่ IG :@ThomasClinic
Facebook: Thomas Clinic (@thomasclinic.thonglor)

คุณเบนเนท ชาง ผู้บริหารโรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา (Siam Bayshore Resort Pattaya)

วันหยุดที่ผ่านมา หลายคนได้ไปเที่ยวกับครอบครัว หรือไม่ก็หากิจกรรมสนุก ๆ Toptotravel อยู่ที่ โรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา (Siam Bayshore Resort Pattaya) มีโอกาสพบกับ คุณเบนเนท ชาง(Bennet Chang) Genral Manager ผู้บริหารโรงแรมยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา ชวนมาทำวันธรรมดาๆ ให้เป็นวันหยุดพักผ่อนที่แสนพิเศษกันที่โรงแรม สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา

…..ที่นี่ Siam Bayshore พร้อมที่จะตอบโจทย์ในทุกๆ ความต้องการ ผมอยากเห็นทุกคนมีความสุข โรงแรมตระหนักถึงศักยภาพของตัวเองในการส่งต่อความสุข ไปยังสิ่งแวดล้อมร่มรื่นของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว เหมาะมากกับการพาร่างกายมาชาร์จพลังในช่วงวันหยุด ไปยังคนรอบตัวพบกับความสะดวกสบายและการบริการอย่างมีระดับ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท เพราะที่นี่เป็นเพียงโรงแรมเดียวในพัทยาชื่อเสียงมาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี อยากได้อะไรมีเซอร์ไพรส์น่ารักให้เสมอแจ้งมาเลยโรงแรมจัดให้

เบนเนท ชาง (Bennet Chang)
General Manager Siam Bayshore Resort Pattaya

โรงแรม Siam Bayshore Resort Pattaya เป็นโรงแรมในเครือ A Sukosol Hotel มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน บนเนื้อที่ 45 ไร่ โรงแรม 5 ดาว ที่มีความเป็นส่วนตัว
ร่มรื่นโรงแรมติดท่าเรือแหลมบาลีฮาย สะดวกมากถ้าต้องการเดินทางไปเที่ยวเกาะล้านหรือลงมาเดินเล่นจากโรงแรม ใกล้บริเวณถนนคนเดิน สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหรูผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอันทันสมัยกับความงดงามเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแบบเอเชียอย่างลงตัว ราคาคุ้มค่ากับความหรูหรา สะดวกสบาย

✅️ เดินทางสะดวกที่จอดรถกว้างขวาง
✅️ ที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
✅️ บรรยากาศดี สวนสวย สระว่ายน้ำใหญ่ ชิวๆ วิวทะเล
✅️ อาหารอร่อย โปรโมชั่นเยอะ
พนักงานทุกแผนก ให้การต้อนรับคุณอย่างอบอุ่น ยินดีต้อนรับ ทั้งลูกค้าทั่วไป ลูกค้ากลุ่มสัมมนา งานเลี้ยงสังสรรโอกาสพิเศษต่างๆ

ห้องพักสะอาด และกว้างขวาง ทุกห้องมีวิวจากระเบียง แบ่งโซนห้องพัก ออกเป็น 2 โซน ทุกห้องมีขนาดใกล้เคียงกัน (ประมาณ 35-37 ตรม.)
Ocean Wing Building
ประกอบไปด้วยห้องพัก
53 ห้อง

  • Deluxe Suite 8 ห้อง
    -ห้อง Executive Deluxe 30 ห้อง
  • ห้อง Ocean Deluxe
    15 ห้อง

Garden Wing (มีห้องพัก 2 ประเภท) คือ

  • Tropical Deluxe Pool view 54 ห้อง
  • Tropical Deluxe Garden 160 ห้อง

ยังมีบ้านพัก Siam Villa อีก 1 หลัง เป็น private zone อยู่บริเวณข้างๆ สระว่ายน้ำ Garden pool บ้านพักมีห้องพักขนาดใหญ่ 2 ห้อง และห้องเล็ก 2 ห้อง มีบริเวณห้องนั่งเล่น ครัวขนาดเล็ก และมีสระ จากุซซี อยู่ภายในวิลล่าด้วย

สระว่ายน้ำ จำนวน 2 สระ
(สระขนาดใหญ่ Garden pool อยู่บริเวณ Garden Wing มีสไลเดอร์สำหรับเด็กขนาดใหญ่ให้บริการ)

Beach pool อยู่บริเวณด้านหน้าหาด ฝั่งตรงข้ามกับ Ocean wing บริเวณนี้สามารถจัดงานปาตี้ริมสระน้ำได้ ในบรรยากาศริมทะเล
นอกจากนี้….ยังมี สนามเทนนิส ( ขนาดมาตรฐาน 4 คอร์ท )
เปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. (ทุกวัน)

ห้องอาหาร ซันไรส์ ซันเซท ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ของทางโรงแรม
ให้บริการแบบ All Day Dining ถือว่าเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม
Western Cuisine ที่ห้องอาหาร SUNRISE SUNSET กับ 3 เมนูพิเศษสุด (Chef Recommendation)

3 เมนูพิเศษสุด (Chef Recommendation)***
ซีซ่าสลัด
ขนมปังฝรั่งเศสคลับแซนด์วิช
พิซซ่าหน้ามะม่วง
  1. Mango Pizza พิซซ่าหน้ามะม่วง
  2. Caesar Salad ซีซ่าสลัด
  3. Barguette Club sandwiches ขนมปังฝรั่งเศสคลับแซนด์วิช
    แต่ละเมนูที่เราสั่งมาวันนี้ บอกเลยว่ารสชาติอร่อยมากๆ
มะม่วงปั่น และ น้ำมะพร้าวสด

Beverage แนะนำเครื่องดื่ม Mango smoothies มะม่วงปั่น และ Coconut น้ำมะพร้าวสดจากลูก

High Tea set + twinning tea THB 390 net
High Tea set + twinning tea (กรณีำม่ดื่มชา สามารถเปลี่ยนเป็นกาแฟได้)

รื่นรมย์ยามบ่ายด้วย มูนเค้ก อาฟเตอร์นูน ที จิบชาชั้นดีเคียงคู่ขนม High Tea set + twinning tea THB 390 net จิบน้ำชายามบ่ายพร้อมของว่างแสนอร่อยกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ชุดน้ำชายามบ่าย “อาฟเตอร์นูน ที”

พร้อมให้บริการที่ห้องอาหาร SunRise SunSet Restaurant เริ่มไลน์ตั้งแต่ 06.00-11.00 น. เป็นห้องอาหารสไตล์ all day dining เปิดบริการทั้งวัน

ซีฟู้ด บาบีคิว บุฟเฟต์ ทานแบบไม่อั้นกับบรรยากาศริมทะเล ณ โรงแรมสยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ต พัทยาใครเป็นสายบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เราบอกเลยว่าพลาดไม่ได้! กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิม สำหรับบุฟเฟ่ต์ ซีฟู้ดไนท์ จัดเต็มกับขบวนอาหารทะเลสดใหม่คุณภาพเยี่ยมทั้ง อาหารไทย, อาหารจีน,อาหารญี่ปุ่น และอีกเพียบ! รวมไว้ในที่เดียว สั่งได้เติมแบบไม่อั้น นั่งทานสบายๆ กับวิวทะเลอันงดงาม ด้านหน้าหาดแหลมบาลีฮาย ภายในโรงแรมสยามเบย์ชอร์ รีสอร์ทเพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลย่าง เนื้อหวานฉ่ำ อาหารเอเชีย สลัด อาหารนานาชาติ เย้ายวนใจด้วยของหวานอีกมากมาย และเครื่องดื่มเย็นฉ่ำชื่นใจ

BBQ Buffet at Bali-Hai by the sea
ราคา/ 777 THB/Net

Siam BayShore PATTAYA
โทรศัพท์ จองได้ที่ 038 428 678
Line ID : @siambayshore
http://www.siambayshorepattaya.com/
https://www.facebook.com/SiamBayshorePattaya

#siambayshoreresort #pattaya #relaxgarden #tropicalgarden
#garden #swimmingpool #Toptotravel

คุยเรื่องท่องเที่ยวไทยหลังโควิด กับ อรชร ลักษณะสุต (นิ่ม) โฮเทล เมเนเจอร์ จากโรงแรมเวฟพัทยา และ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา

โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา

วันนี้ทีมงาน Toptptravel อยู่ที่ Wave Hotel Pattaya โรงแรมสไตล์บูทีค 5 ดาว ได้รับเกียรติ คุยเรื่องท่องเที่ยวไทยในโลกหลังโควิด กับ อรชร ลักษณะสุต (นิ่ม) โฮเทล เมเนเจอร์ จากโรงแรมเวฟพัทยา และ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีจีเอ็มโรงแรมเดอะเบย์วิว พัทยา ก็จึงดูแลทั้งสองที่ ซึ่งโรงแรมเวฟพัทยา เป็นโรงแรมในเครือของกลุ่มสุโกศล มีคุณกมลา สุโกศล เป็น owner คุณมาริสา บริหารเรื่อง Operation การตกแต่งเป็นอาร์ตเดคโค การตกแต่งเป็นไมอามี่ สไตล์แบบชิคๆแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งเนื่องจากว่าเจ้าของอยากมีอะไรที่แปลกใหม่ มีสไตล์ ของเราสี่โรงแรมที่ผ่านมาจะออกแนวคอนเทมโพรารี่บ้าง แบบไทยบ้าง จะมี The Siam เริ่มเป็นไทยแต่การตกแต่งเป็นอาร์ตเดคโค ของโรงแรมเวฟ เป็นน้องเล็กสุด เหมือนเป็นน้องเล็ก ของเดอะสยาม โดยคุณน้อย วงพรู เป็นคนนำของตกแต่งเข้ามาของเก่า Retro, Antique สะสมที่หาดูได้ยาก และคุณน้อยแฮปปี้ที่เข้ามาทำตรงนี้

Wave Hotel Pattaya

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อายุ 40 ขึ้นตอนแรกเราคิดว่าเป็นวัยรุ่น 25-35 คนทำงาน ปรากฏว่าเปิดมา 6 เดือน กลายเป็นแขกผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบความเงียบและความเป็นส่วนตัว และน้องๆก็จะดูแลคล้ายๆ บัดเลอร์ เราช่วยเหลือหมด ลูกค้าแต่ละคนก็จะกลับมาหลายครั้ง จะมาซ้ำไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ช่วงนี้เมืองไม่มีเทสแอนด์โก พร้อมบินมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างกลับมามากแล้ว ของเวฟมี 18 ห้อง 3 สวีทซ์ ที่เป็นทไวไรซ์สวีทว์ 3 ห้องและห้องซันเซต 15 ห้อง ทั้งหมดทุกห้องจะเป็นวิวทะลทั้งหมด และไซส์ห้อง 45 ห้อง ใช้โทนสีพาสเทล เรียกว่า สีทิฟฟานี่บลู คือมาทันช่วงที่กำลังฮิต โรงแรมสร้างเสร็จพอดี รถคาดิแลค ที่จอดอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ที่เป็นที่มาของชื่อของห้องอาหาร cadillac ของโรงแรม เวฟ ถือว่าเป็นไอเดียของคุณสุกี้ สุโกศล ทางไมอามี่จะมีรถจอดหน้าโรงแรม
เราจอดข้างนอกไม่ได้ จึงเข้ามาจอดหน้าตึกในรั้ว ห้องอาหารคาดิแลค คาเฟ่ เสริฟอาหารไทย เม็กซิกัน อเมริกัน เชฟอำนาจ เป็นคนสร้างสรรเมนูหรือบางอย่างที่ลูกค้าดูแล้วทานไม่ได้ก็สามารถบอกเชฟได้ เชฟเมดทูออเดอร์ ลูกค้าต้องการทานแบบไหน ทางเชฟดูแลให้อย่างเต็มที่

เสริฟอาหารเช้าแบบ A La Carte

โดยเฉพาะกับอาหารเช้าที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการเข้ามาพักที่นี่ ถือเป็นสิ่งที่ซัพพอร์ตโรงแรม เพราะจุดเด่นของโรงแรม คือ หนึ่งสไตล์ของโรงแรม สองการบริการ สามอาหารเช้า เสริฟเป็น A La Carte ลูกค้าสามารถสั่งได้ all u can eat จนกว่าคุณจะอิ่ม และอาหารสวยงามทุกจานด้วยความใส่ใจใส่รายละเอียดและอร่อย ทำสดๆใหม่ ๆ ทำเสร็จก็เสริฟเลย ลูกค้าแฮปปี้กับอาหารเช้าของเรามาก เขามาที่ห้องพักเช็คอินขึ้นไปลูกค้าส่วนใหญ่ชอบอยู่ในห้อง เงียบสงบนอนดูทะเล ก็ค่อนข้างชอบ

คุณนิ่ม กล่าวต่อว่า “ตอนนี้เปิดเมืองพัทยา คึกคักมากขึ้น จากเดิมเมื่อสองปีที่แล้วมีแขกวันละ 10-20 ห้อง บรรยากาศก็จะเศร้าเหงาหงอย คนละเรื่องกับทุกวันนี้ แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่มีการเปิดเมือง เราเห็นนักท่องเที่ยวกลับมแทบจะเหมือนเดิม แต่ราคาเรานยังไม่สูงเท่าแต่ก่อนก็จะค่อยๆปรับไปด้านตลาดคนไทย เราจะให้ความสนใจตรงนี้เพราะเป็นตลาดเดียวที่สนับสนุนเราช่วงโควิด รวมถึงคุณกมลาย้ำเสมอว่าต้องดูแลคนไทย เพราะเกิดอะไรขึ้นคนไทยก็ยังเที่ยวในบ้านของเขา พอวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์โควิด -19 เขาก็มาจริงๆ แล้วก็สนับสนุนเรา
ในส่วนของพนักงานตั้งแต่โควิดเข้ามา จาก 100 กว่านิดๆ ก็เหลือ 90 กว่าชีวิต ตรงนี้เราร่อนละ ทุกคนอดทน และรักที่นี่เพราะคุณกมลา ท่านดูแลเราดีมาก ทั้งหมดเรามี 3 โรงแรมในเมืองพัทยา โรงแรมสยามเบย์ชอว์ โรงแรมเดอะเบย์วิวพัทยา โรงแรมเวฟ สามโรงแรมนี้เราก็จะเกาะกลุ่มกัน หากรร.นี้ไม่พอก็จะมีการช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะแผนกจัดเลี้ยง

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา การทำงานที่นี่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและได้รับความไว้วางใจในการตัดสินใจเป็นของตัวเองหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มเข้ามาในไทย สิ่งแรกที่ต้องมีคือสติ คิดและพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวโน้มที่จะตามมาในอนาคต ฅเริ่มจากการตั้งสติ ยอมรับในสิ่งที่มันเป็นก่อน และดูว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร และสถานการณ์มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร แล้วเรามาดูว่าเราพอจะหาวิธีรองรับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น

ในช่วงนั้น เราเคยส่งพนักงานไปซัพพอร์ตที่กรุงเทพฯ เพราะที่กรุงเทพฯเปิดให้บริการก่อน โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศตอนนี้เริ่มกลับมาคึกคักแล้ว ช่วงโควิด-19 วีคเดย์แทบจำนวนลูกค้าซีโร่ โรงแรมมีลูกค้าเพียงวันเสาร์วันเดียวที่เป็นคนไทย พอเปิดเมืองปุ๊บตัวเลขเริ่มขึ้น บรรยากาศคึกคัก สนุกสนาน พนักงานดีใจมาก คำว่าเหนื่อยไม่มีในสมองเลย นึกถึงว่าวันที่โรงแรมปิดไปสามเดือน อยู่แบบเงียบเหงา ซึ่งเคยมีแขกเต็มตลอดเวลา ถึงเวลานี้ดีใจมาก ลูกค้ามาเท่าไหร่ทีมงานยินดีต้อนรับ ทุกคนช่วยกันดูแลจนได้รับคำชมเชยมากมาย และในต้นเดือนที่ผ่านมา เพิ่งเปิดไปไม่นาน ผลตอบรับค่อนข้างดีมากๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าคนไทย 75 % ต่างชาติ 25% คิดว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ โควิดไม่ได้มีผลอะไร ตลาดน่าจะกลับมาเร็วขึ้น พัทยาจะเฟื่องฟูเหมือนเดิม

“อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่าน นิ่ม เป็นหนึ่งในนามผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มีส่วนเกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องปรับตัว หาแนวทางสร้างรายได้ที่แตกต่างจากในอดีต พัทยามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือไนท์ไลฟ์ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ สถาปัตยกรรมต่างๆ สวนน้ำ คาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ ต้องมานะคะ พัทยาตอนนี้เปิดเมืองแล้วอย่าลืมกลับมาเที่ยวพัทยานะคะ” -คุณนิ่ม กล่าวในตอนท้าย

Wave Hotel Pattaya โรงแรมสไตล์บูทีค 5 ดาว มีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง สอง Room Type Sunset Room และ Twilight Room ตัวโรงแรมจะหันหน้าออกสู่ชายหาดพัทยากลาง ตกแต่งในสไตล์ไมอามี่ ผสมกับความเป็นไทย มีการเล่นสีสันโรงแรมให้ออกมาโมเดิร์นๆ อีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือ ทุกห้องพักจะหันหน้าเข้าหาทะเล ทำให้เห็นวิวของทะเล และ Streetของเมืองพัทยาได้อย่างชัดเจนข้างๆล้อบบี้ มีสระว่ายน้ำ และบาร์เล็กๆ ให้ได้นั่งพักผ่อน สบายๆ มีห้องอาหาร Cadillac Cafe & Bar ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรม สามารถนั่งได้ทั้งโซน Indoor และ Outdoor มีเมนูอาหารก็มีทั้ง ไทย นานาชาติ ให้เลือกและห้องอาหาร สำหรับดินเนอร์ชั้นบนสุดของโรงแรม สามารถมองเห็นบรรยากาศยามเย็นของเมืองพัทยาได้อย่างถนัดตา

โรงแรมเวฟ พัทยา
310/2 ถนนเลียบชายหาด พัทยา ชลบุรี 20150 ประเทศไทย
Facebook : https://www.facebook.com/WaveHotelPattaya/
เบอร์โทรศัพท์ : 038 410 577

สูดกลิ่นไอทะเลพร้อมวิวทะเล โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา
โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดพัทยาและมองเห็นวิวทะเลงดงาม โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา ยังเงียบสงบ หลบหลีกความวุ่นวายจากริมถนนเลียบหาดพักผ่อนอย่างแท้จริง และสัมผัสการบริการแบบไทยระดับเฟิร์สคลาส พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงแรมฯ ที่ตกแต่งดีไซน์ทันสมัย และได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีชีวิตชีวา สุขสบายในวันหยุดภายในห้องพัก สีสันสดใส พร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ หรือเตียงคู่ เฉพาะห้องที่เป็นเตียงขนาดคิงไซส์สามารถขอเตียงเสริมเพิ่มได้ และประทับใจไม่รู้ลืมกับระเบียงส่วนตัวที่ให้ได้สัมผัสเสน่ห์ของทะเลเมืองพัทยา ห้องประเภทต่าง ๆ
DELUXE GARDEN VIEW
ห้องดีลักซ์ พูลวิว
ห้องดีลักซ์ ซิตี้วิว
ห้องดีลักซ์ ซีวิว
2-BEDROOM FAMILY STUDIO
ห้องธีมสวีท
ห้องสยามสวีท
ห้องดีลักซ์ สวีท

พักผ่อนและรื่นรมย์ไปกับอาหารรสชาติเลิศ ท่ามหลางบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวภายในห้องพัก พบกับเมนูมากมายหลากสไตล์ทั้งไทยและเทศให้ท่านได้เลือกสรร ถ้าไม่มีในเมนู กรุณาแจ้งเราได้เลย เชฟมืออาชีพของเราพร้อมให้บริการทุกเมื่อ เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

THE BAYVIEW
310/2 Beach Road, Pattaya City Cholburi, 20150, Thailand
Bangkok Sales Office : +66 2 247 0123
Phone : +66 38 423 877 or +66 38 710 513
Email : thebayview@sukosolhotels.com

จากความเรียบง่าย สู่ความสมบูรณ์แบบ มาร์เก็ต คาเฟ่ บาย ข้าว

การร่วมมือกันระหว่างโรงแรมระดับ 5 ดาว ‘ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท’ และ ร้านอาหาร ‘ข้าว’ เจ้าของรางวัล 1 ดาวมิชลินการหลอมรวมที่เรียงร้อยอย่างลงตัว ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านรสชาติแห่งความดั้งเดิม วัตถุดิบสดใหม่ชั้นยอด และเทคนิคการปรุงอาหารขั้นสูง ณ ข้าว ร้านอาหารเจ้าของรางวัล 1 ดาวมิชลิน

ร้านข้าวแห่งนี้ได้นำเสนอความอร่อยของรสชาติอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิมมานานหลายปี และยังเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของเทรนด์อาหารไทยที่นับวันล้วนแต่จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ในทุกรายละเอียดของร้านข้าว ยังเป็นการสะท้อนความรักที่มีต่ออาหารไทยอย่างแท้จริง พร้อมทั้งยังดำเนินตามรอยความละเอียดอ่อน ภูมิปัญญา และรสชาติที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน

การเดินทางของร้านข้าว จากย่านเอกมัยสู่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิทในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ แห่งการนำเสนอรายละเอียดของความดั้งเดิม จินตนาการและความเรียบง่ายในบรรยากาศที่ร่วมสมัยใจกลางเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบนำโดยเชฟมาโนชย์ พึ่งพร้อม หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารผู้มีประสบการณ์ในด้านอาหารไทยมาอย่างยาวนาน

ในส่วนของรายการอาหาร ทางร้านมีตั้งแต่เมนูอาหารไทยสูตรโบราณอย่าง ‘แกงรัญจวน’ และ ‘กรวยกะหรี่ไก่’ อาหารไทยแท้ยอดนิยมอย่าง ‘ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ’ และ ‘แกงมัสมั่น’ ไปจนถึงเมนูรสชาติจานใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเฉพาะที่ห้องอาหาร Market Café by Khao เท่านั้น เช่น ‘พะแนงพริกหยวกยัดไส้’ และ ‘สะเต๊ะปู’ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งรสชาติอาหารไทยแท้ที่ถูกชูรสชาติและคุณภาพ แห่งความเรียบง่าย สวยงาม สม่ำเสมอ ทั้งจากวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงอย่างประณีตด้วยภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน

ร้าน Market Café by Khao
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 18.00 – 22.30 น.
สำรองโต๊ะล่วงหน้าติดต่อได้ที่เบอร์ 02 098 1234
หรือ อีเมล์ที่ bangkoksukhumvit.regency@hyatt.com

ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆได้ที่
เว็บไซท์ www.hyattregencybangkoksukhumvit.com
เฟซบุค www.facebook.com/marketcafebkk
อินสตาแกรม www.instagram.com/marketcafebkk
แฮชแท๊ก #MarketCafebyKhao #HyattRegencyBKK
#MarketCafébyKhao #Toptotravel

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น