ร้านอาหารอิตาเลียน บูโอนิชชิโม Buonissimo โดยเชฟอดอล์โฟ ฟาซิน อดีตวิศวกร

Toptotravel อยู่ที่ร้านอาหาร Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพื่อนชาวอิตาลีคนนี้มีอัธยาศัยที่ดี เช่นเดียวกับชาวอิตาลีคนอื่นๆ เมื่อมาถึงด้านในร้าน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านเหมือนบ้านน่ารักดูอบอุ่น ชวนให้มานั่งกินอาหาร ส่วนด้านในร้านเป็นห้องแอร์
ถูกตกแต่งอย่างเก๋ไก๋มีสไตล์ มีโต๊ะเก้าอี้นั่งหลายรูปแบบ หลากหลายมุมให้
เลือกนั่งตามชอบใจ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ แบบเป็นกันเอง

“Mattia” ผู้จัดการร้าน
“Carlo” นักดนตรีชาวอิตาลี
“Mattia” ผู้จัดการร้าน และเจ้าของร้าน “อดอล์โฟ”

“Mattia” ผู้จัดการร้าน คนเวนิสบ้านเดียวกับเจ้าของร้าน “อดอล์โฟ” เวนิสเมืองสุดคลาสสิคแห่งนี้ยังมีวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง รวมทั้ง “Carlo” นักดนตรีชาวอิตาลี ที่มาอยู่ในเมืองไทย เกือบสิบปี ซึ่งมาโชว์ลีลาแมนโดลินทั้งเพลงไทยและสากล เป็นการเพิ่มเติมบรรยากาศอันอบอุ่นและไม่ว่าจะเป็นอาหารจากชนชาติใด ต้นทางของวัตถุดิบมีความสำคัญเสมอ อาหารของแต่ละประเทศใช้การผสมผสานศิลปะและภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นเข้าไป  เมื่อทุกอย่างรวมตัวกันภายใต้คำว่า “ความตั้งใจ” กลายเป็นอาหารจานพิเศษ

การทำอาหาร และนำเสนออาหารเมนูพิเศษต้นตำรับเวนิส จึงกลายเป็นการแสดงออกถึงความรักความห่วงใย ปรุงเมนูอิตาเลียนแบบที่ทั้งต้นตำรับและโฮมเมดได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังไม่หนักท้องจนเกินไป เชฟหลายคนมีเมนูในความทรงจำท่ามกลางบรรยากาศในวัยเยาว์ที่ยังอบอุ่นเสมอ เช่นเดียวกับเขา
อดอล์โฟฟาซิน (Adolfo Faccin) ชาวอิตาลีรูปหล่อและอารมณ์ดี เจ้าของร้านอาหารอิตาเลียน Buonissimo (บูโอนิชชิโม)

อดอล์โฟ ฟาซิน อดีตวิศวกร เขาเป็นนักชิมตัวยง การทำอาหารเป็นงานอดิเรกของเขา เขาอยู่ในเมืองไทยมาประมาณ 30 ปี และมีประสบการณ์ในการเปิดร้านอาหารอิตาเลียนในกรุงเทพมาก่อน จนในช่วงโควิด-19 เขาได้มาพบพื้นที่เปิดร้านแห่งใหม่ ในซอยศรีด่าน 6 ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยพบว่า มีตึกที่สามารถเปิดร้านขนาดใหญ่กำลังดี เข้าซอยเพียง 100 เมตร เป็นทำเลที่กำลังได้รับการพัฒนาจากโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบัน 2565

ปลายปี 2020 Buonissimo ถือกำเนิดขึ้นในย่านแห่งนี้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองชัดเจน แม้จะห่างไกลใจกลางกรุง ไม่ใช่แหล่งที่มีชาวต่างชาติที่คึกคักมากนัก เริ่มต้นสี่เดือนแรกหลังจากทดลองตลาดเดลิเวอรี่ เขาพบว่าคนไทย กับ พิซซ่า ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลกันเลย โดยเฉพาะพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แป้งบางกรอบนอกนุ่มใน ใช้วัตถุดิบอย่างดี นำเสนอในราคาที่จับต้องได้ เทียบแล้วถูกกว่าแบรนด์ใหญ่ในตลาดเสียด้วยซ้ำ ทำให้การเปิดตัวในตอนนั้นมีผลตอบรับที่ดีมาก ปัจจุบันทางร้านขายพิซซ่าชนิดต่างๆ ผ่านทางออนไลน์ได้กว่า 600 ถาดต่อเดือน

อดอล์โฟ ฟาซิน เล่าว่า วัตถุดิบมีส่วนสำคัญมากสำหรับอาหารอิตาเลียนสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ หลายอย่างจึงต้องอาศัยการนำเข้าจาก อิตาลี ไม่ว่าจะเป็นชีส ไส้กรอก พริก แองโชวี่ ฯลฯ รู้สึกเหมือนได้มากินอาหารบ้านเพื่อน ขณะที่หัวใจรักในการทำอาหาร เป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเขาตลอดเวลา 30 ปีที่อยู่ในเมืองไทย อดอล์โฟ มีภรรยาชาวไทย เขาเองชอบกินอาหารไทย และอยากให้คนไทยได้ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนจากความตั้งใจของ อดอล์โฟ เช่นกัน สำหรับอาหารของที่นี่อย่างที่บอกว่าโดดเด่นด้วยพิซซ่าโฮมเมดแบบเตาฟืน โดยมี อดอล์ฟ ฟาซิน (Adolfo Faccin) ผู้ซึ่งเป็นทั้งเชฟมากฝีมือและเป็นเจ้าของร้าน ซึ่งในวันนี้ อดอล์ฟ ฟาซิน ภูมิใจนำเสนอเมนูจานเด่นที่อยากแนะนำเริ่มต้นที่

สลัดบูราต้าชีส พาร์มาแฮม (BURRATA E PROSCIUTTO DI PARMA) เมนูแรกที่แอบซ่อนความลับแสนอร่อยไว้ภายใน เป็นบูราต้าชีสถุงกลมเนื้อเนียน ด้านในซ่อนชีสครีมนุ่มละมุน  ด้านบนเป็นพาร์มาแฮมเกรดดี ร็อกเก็ตสลัดและมะเขือเทศเชอรี่ เหยาะ บัลซามิก กลิ่นหอม รสอมเปรี้ยวกำลังดี

มิกซ์ บรูสเก็ตต้า (MIXED BRUSCHETTA) ขนมปังโฮมเมด ทำจากแป้งสาลีคาร์โบไฮเดรตต่ำ สดใหม่ทุกวัน  นำมาปิ้งและท้อปปิ้งสไตล์อิตาเลียนที่สามารถเลือกหน้าได้ถึง 5 ชิ้น 5 แบบ จากสิบกว่ารายการ

SAUTE AI FRUTTI DI MARE

ซีฟู้ดซุปไวท์ไวน์ซอส (SAUTE AI FRUTTI DI MARE ) ซุปรสชาติหอมละมุน ด้วยความสดจากอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย และปลาหมึก หอมกลิ่นกระเทียมและพาร์สลีย์รสชาติเข้มข้น อร่อยมาก

พาสต้าโฮมเมด ทางร้านมีพาสต้าหลายแบบให้เลือก ปรุงได้หลากหลายเมนู
ในวันนี้มี 3 เมนูมาแนะนำ

พาสต้ากุ้งและซูกินี่ (GAMBERI E ZUCCHINE) ใช้เส้นพาสต้าทาญเลียเตลเล่ (TAGLIATELLE) ผัดกับมะเขือเทศเชอรี่และซูกินี่ แต่ความกรุบกรอบต่างกัน เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี

(PUTTANESCA PICCANTE

ราวิโอนี่ครีมซอสเห็ดไส้กรอกอิตาเลียน (BOSCAIOLA) พาสต้าราวิโอลี่ (RAVIOLI) ลักษณะคล้ายเกี๊ยวรูปสี่เหลี่ยม ตัวราวิโอลี่นุ่มหนึบกำลังดี ไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป ซอสครีมหอมละมุน เมื่อกัดเข้าไปในไส้ชีสด้านในแป้งยิ่งทำให้ได้สัมผัสรสที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง

พาสต้าไส้ผักโขมและแองโชวี่ (PUTTANESCA PICCANTE ) จานนี้จะมีรสเข้มข้น จากส่วนผสมของซอสมะเขือเทศ แองโชวี่ และมะกอกดำ แสดงถึงความพิถีพิถันในการรังสรรค์อาหารสไตล์อิตาลี ในรสชาติที่นักชิมเข้าถึงได้

FILETTO DI BRANZINO SERVITO CON SALSA AL LIMONE

เสต็กเนื้อปลากะพง เลม่อนซอส” (FILETTO DI BRANZINO SERVITO CON SALSA AL LIMONE) เมนูที่คุ้นลิ้นของคนไทย  ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ทำให้เสียรสชาติปลามากเกินไป ดูภายนอกเนื้อปลาจึงดูเสมือนไร้การปรุงแต่ง แต่ลองได้ชิมแล้ว จะมีรสเค็มมาเสริมแต่งความสดของเนื้อปลาที่มีความหวานในตัว เมื่อราดเลม่อนซอสสัมผัสที่แตกต่าง

มาถึงเมนูเด็ดที่คนไทยคุ้นเคยอย่างพิซซ่า วัตถุดิบสูตรพิเศษ แป้งเกรดดี บางเหนียว-นุ่มตัวขอบโป่งฟู อบด้วยเตาฟืน วันนี้เชฟนำเสนอพิซซ่าแบบ 2 หน้า เพื่อจะได้ชิมกันทั้งสองแบบ โดยพิซซ่าสองหน้าจะคิดราคาตามหน้าที่แพงกว่าพิซซ่าเตาถ่านสไตล์อิตาลี ใช้เวลาเพียงไม่ 1-2นาที หอมกรุ่นออกจากเตา วางลงเพื่อเติมรสชาติบางอย่าง วันนี้ครึ่งหนึ่งเป็น พิซซ่า “ดิอาโวล่า” (DIAVOLA) ชื่อ DIAVOLA ภาษาอิตาลีมาจาก “Devil” หมายถึงปีศาจ เป็นที่มาของพิซซ่าปีศาจ ที่มีรสร้อนแรงจากซาลามี่รสเผ็ด เมื่ออบเสร็จแล้วเหยาะด้วยน้ำมันพริก ให้ความเผ็ดร้อนกำลังดี เป็นอีกเมนูที่คนไทยชอบมากๆ มาเจอพิซซ่าร้านนี้เพราะเพื่อนแนะนำ ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมมี่ที่เสิร์ฟเมนูแป้งพิซซ่า เหนียวนุ่ม ขึ้นรูปกันสดๆ พิซซ่าโฮมเมดรสดี ที่นี่นวดแป้งแบบสดใหม่ ทำพิซซ่าแบบถาดต่อถาดเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตา นำเข้าเตาอบที่ส่งตรงมาจากอิตาลีโดยตรง และที่สำคัญพิซซาแป้งบาง ต้องทานตอนอบเสร็จ ออกจากเตาแล้วทันทีอร่อยมากๆ

บูโอนิชชิโม (BUONISSIMO) ซิกเนเจอร์ของทางร้าน พิซซ่าโฮมเมดรสดีหน้าชีส แฮมเห็ด ซาลามี พริกหวาน และมะกอกดำ ถาดใหญ่จัดเต็ม  แป้งเนื้อนุ่มหนึบได้ที่ กรอบนอกนุ่มใน ทั้งยังได้กลิ่นหอมกลิ่นเตาถ่าน ผสานกับรสชาติของวัตถุดิบที่อร่อยลงตัว

SEMIFREDDO

ปิดท้ายที่ของหวานด้วยเมนูของหวานสไตล์อิตาลีที่ทางร้านตั้งใจนำเสนอ เซมิเฟรโด (SEMIFREDDO) เป็นของหวานสไตล์อิตาเลียนที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบ Half Cold หรือเย็นครึ่ง ๆ ตัวขนมเหมือนมูสแช่แข็ง แต่มีความฉ่ำนุ่มละมุนคล้ายไอศกรีม นำเสนอมาในรสกาแฟอ่อน ๆ ตัดกับความกรอบของเนื้อคุ้กกี้เล็ก ๆ หวานเย็นชื่นใจ

CANOLI WITH ICE CREAM TOPPING

อีกเมนูชื่อว่า CANNOLI (CANOLI WITH ICE CREAM TOPPING) คาโนลี เป็นขนมแป้งทอดสไตล์อิตาเลียน ตัวแป้งจะกรอบมากภายในอัดแน่นไปด้วยครีมชีสรีคอตต้ารสหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม โรยช็อกโกแลต เป็นของหวานที่ชวนฝัน เชฟบอกว่าไม่นิยมตัดด้วยช้อน ให้ใช้มือยกขึ้นมาเข้าปากได้เลยจะได้รสชาติเต็ม ๆ

Homemade Orange Balsamic Reduction

ทางร้านยังมีสินค้าจากภูมิปัญญาของชาวอิตาลี Homemade Orange Balsamic Reduction ความหลงใหลในวัตถุดิบจากอิตาลี บัลซามิกที่ผ่านการหมักอย่างดี เปรี้ยวกลมกล่อม ใครได้ชิมแล้วก็อยากจะซื้อกลับไปเหยาะสลัดหรือปรุงอาหารที่บ้าน

ใครที่เป็นแฟนอาหารอิตาเลี่ยน คงพอจะคุ้นเคยกับ Pizza เราเคยคิดว่าถ้ากินพิซซ่าแป้งหนาๆ เดี๋ยวกินไม่หมดถาด โดยเฉพาะ ถ้าได้ลอง พิซซ่ากินแบบบางอร่อยกว่าแบบหนา พิซซ่าและหลายๆ อย่างในบ้านเรา พิซซ่าที่นี่ความอร่อยที่แตกต่าง ทำให้รสชาติของพิซซ่าอร่อยแบบสูตรดั้งเดิม ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง แวะมาเปลี่ยนบรรยากาศพาคนสนิทหรือครอบครัวไปกินข้าวในคืนวันพิเศษ แนะนำให้ไปลองชิมกันได้

ร้านอาหารอิตาเลียน บูโอนิชชิโม
Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria
เลขที่ 29/8 ซอยศรีด่าน 6 (เข้าซอยเพียง 100 เมตร)
ถนนศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
เปิดให้บริการ 11.00-22.00 น.
(มีดนตรีสดทุกคืนวันศุกร์และโอกาสพิเศษ)
บริการเดลิเวอรี่ ROBINHOOD, GRAB และ LINEMAN

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งที่
Facebook/ Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria
LINE/IG @buonissimo.bkk
โทร.096 370 0749 หรือ 02 0044741

#ร้านอาหารอาหารอิตาเลียน #บูโอนิชชิโม #Buonissimo

Prego Grand Opening

เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ
ห้องอาหารเปรโก้ ให้บริการอาหารแสนอร่อยและบรรยากาศสุดหรู พิซซ่าเตาถ่าน พาสต้าโฮมเมดและอาหารทะเลสดใหม่ เป็นไฮไลท์ของเมนูที่สร้างสรรค์โดยเชฟชื่อดัง Marco Boscaini โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

สุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ .เชฟมาร์โก้ บอสกายอินี่ (Marco Boscaini) Corporate Cheff or Prego Project . คุณยุทธชัย จรณะจิตต์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด และผู้บริหารกลุ่มบริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด, คุณพรทิพย์ ภิบาลวงษ์ ผู้จัดการโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ

ในค่ำคืนของวันที่ 28 เดือนเมษายน นี้ ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ
ที่ เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน เปิดให้บริการแล้วเชิญมาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิดโดยเชฟมาร์โค่ เชฟ ชื่อดังจากอิตาลี เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย เน้นการทำแบบอิตาเลี่ยนต้นตำรับเปิดเมื่อปี 2003 ที่โรงแรมอมารี เกาะสมุย และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ห้องอาหารที่ดีที่สุดบนเกาะสมุย” ลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยสูตรต้นตำรับกับเมนูพาสต้าแฮนด์เมด และไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดี ส่งตรงจากอิตาลี
ที่ห้องอาหารเปรโก้ ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ”เปรโก้” สัมผัสบรรยากาศสบายๆ ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด โดย เชฟมาร์โค่เชฟ ชื่อดังจากอิตาลีลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยที่ห้องอาหารเปรโก้ โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารที่พร้อมเสริฟคุณด้วยอาหารอาหารอิตาเลียน แสนอร่อยสูตรต้นตำหรับ ”เปรโก้” ซึ่งจะเป็น จุดนัดพบสังสรรค์รับประทานอาหาร หรือเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ด้วยการผสมผสานของร้านอาหารอิตาเลียน ระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิม และบาร์ได้อย่างกลมกลืน จุดประกายความสนุกสนานด้วยเสียงเพลงในราคาที่เป็นมิตร

เมนูแนะนำ : เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย!
รีซอตโต มอนทานาร่า จะดีแค่ไหนหากทุกท่านได้ลองลิ้มรสรีซอตโตมอนทานาร่าอาหารจานขึ้นชื่อที่รังสรรโคยเชฟมาร์โค่ ในปี 2018 รีซอตโตมอนทานาร่าของเชฟมาร์โค่ได้รับรางวัล 100 รีซอตโตที่ดีที่สุด จาก The Gallo Guide ที่รวม
ลิสต์Risottoดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก


สัมผัสประสบการณ์อาหารอิตาเลียนสุดหรูที่อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ Prego Bangkok เปิด 26 เมษายน 2565
เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ
📞 Tel: 02-653-9000​
📩 Email: reservations.watergate@amari.com​
📱 LINE: @amariwatergatebkk OR https://lin.ee/lBHz2rL​

#AmariWatergateBangkok #Amarihotels
#Brightenyourworld #pregobangkok #italiancuisine

รฟฟท.สวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสารเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสารเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ จัดกิจกรรมการตลาดสุดพิเศษ เพื่อส่งมอบความสุข และความห่วงใยให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์ โดยส่งมาสคอต “MR.RED Line” ออกแจกหน้ากากอนามัย KF94 (Korea Design) จำนวน 100,000 ชิ้น (10,000 ชุด) ภายในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงทุกสถานี และแจกบัตรของขวัญมูลค่า 200 บาท 50 รางวัล ให้แก่ผู้โดยสารที่ร่วมสนุกโพสต์ภาพการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงลงใน Instagram ส่วนตัว และติดแฮชแท็ก #สวัสดีปีใหม่ไทยรถไฟฟ้าสายสีแดง และแท็กมาที่ Instagram red_line_srtet  

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2565 บริษัทฯถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ไทยผู้โดยสาร พร้อมส่งมอบความสุข และความห่วงใยให้แก่ผู้โดยสารด้วยกิจกรรมการตลาดทั้งรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์

โดยกิจกรรมการตลาดออฟไลน์ บริษัทฯส่งมาสคอต “MR.RED Line” เป็นตัวแทนอวยพรปีใหม่ไทยและแจกหน้ากากอนามัย KF94 (Korea Design) จำนวน 100,000 ชิ้น (10,000 ชุด) ภายในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงทุกสถานี ในวันที่ 11 – 12 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 06.00 – 18.00 น.

สำหรับกิจกรรมการตลาดออนไลน์ เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารร่วมสนุกโพสต์ภาพการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงลงใน Instagram ส่วนตัว และติดแฮชแท็ก #สวัสดีปีใหม่ไทยรถไฟฟ้าสายสีแดง และแท็กมาที่ Instagram red_line_srtet ตั้งแต่วันที่ 13 – 15 เมษายน 2565 โดยผู้ร่วมสนุกกิจกรรมต้องตั้งค่า Instagram ส่วนตัวเป็นสาธารณะ ภาพที่ถูกใจคณะกรรมการรับบัตรของขวัญมูลค่า 200 บาท จำนวน 50 รางวัล ส่งตรงถึงบ้านฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ประกาศผลการร่วมสนุกวันที่ 25 เมษายน 2565 ทั้งนี้การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด  บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้โดยสารจะได้รับความสุข และรู้สึกถึงความปลอดภัยทุกครั้งจากการใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง https://www.srtet.co.th/th

Paulaner Garden Srinakarin ร้านอาหาร สไตล์เบียร์การ์เด้นแห่งแรกในประเทศไทย

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารเยอรมันยอดนิยมที่นักชิมต่างรู้จักเป็นอย่างดีมากว่า 16 ปี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการเสาะหาอาหารอร่อยของเจ้าของร้านในฐานะนักชิม นำมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อส่งมอบความสุขจากอาหารดี ๆ ผสมผสานกับความชื่นชอบร้านอาหารที่มีความโปร่ง โล่ง นั่งสบาย เหมือนนั่งในสวนหน้าบ้าน ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน

การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไป ความสบายใจที่หาได้จากธรรมชาติ ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับสไตล์ New Normal ที่ต้องดูแลสุขภาพและป้องกันโควิด นักชิมไม่ต้องกังวล เพราะ ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์ ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง พร้อมด้วยเจลแอลกอฮอล์และ อุปกรณ์วัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน ที่สำคัญที่สุดเป็นร้านอาหารที่ได้รับ SHA มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้อีกระดับหนึ่งอย่างไรก็ตามด้านให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์เยอรมัน Paulaner Garden คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น คอเบียร์ หรือคนที่ชื่นชอบอาหารในสไตล์บาวาเรียน แถมยังได้เพิ่มเติมเมนูอาหารไทยที่โดนใจนักชิม

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ เมนูต่างๆ อร่อยติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คอนเซ็ปต์ร้าน และเมนูอาหารที่ยังคงโดดเด่นเหมือนเดิม และยังได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางส่วน เช่น บริการพิเศษส่งอาหารบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงที่บ้าน บรรยากาศในร้าน นอกจากจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นเยอรมันแล้ว ยังมีจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารพอลลาเนอร์ นั่นก็คือ เสาบริเวณหน้าร้าน ที่เรียกว่า May Pole ซึ่งบนเสาจะมีรายละเอียดแสดงถึงสัญลักษณ์โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ของแคว้นบาวาเรียน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ที่ร้านพอลลาเนอร์ สาขาศรีนครินทร์ เท่านั้น เดิมทีร้าน Paulaner Garden ตั้งอยู่ย่านแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ย่านศรีนครินทร์ เป็นร้านใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังคงความอร่อยและเต็มไปด้วยความสุขเช่นเดิม

กานต์พิชชา คงสมบัติ ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์

นอกจากความพิเศษอันดับหนึ่งของ Paulaner Garden น่าจะอยู่ที่ “บรรยากาศ” ส่วนโดยรอบร้านด้านหน้าร้าน มีที่นั่งทานอาหารสบายๆ ในสวน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศช่วงเวลาแห่งความสุข รวมถึงด้านในร้านเองมีการจัดวางโต๊ะอาหารตามโซนต่างๆ ถึง 2 ชั้น ให้บริการได้ถึง 80 ที่นั่ง พร้อมกับการเพลิดเพลินไปกับภาพบนผนัง ที่สื่อเรื่องราวขบวนการผลิตเบียร์ สีสันงานเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวบาวาเรียน หรือเทศกาลงานเลี้ยงมีการตั้งชื่อต่าง ๆ และยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนมาสังสรรที่บ้านเพื่อนสไตล์เยอรมัน ทางร้านมีห้องไวน์เซลล่า เพื่อรองรับการประชุมหรือสังสรรค์ จัดกิจกรรมต่างไว้บริการด้วย และเครื่องดื่ม เบียร์เยอรมันและอังกฤษหลากหลายชนิด ให้ลิ้มลองทั้งของ Paulaner ,Hacker Pschorr , Fuller’s ,St Austel , Smuel Smith ,Cornish Cider และ Wine , เบียร์สดดื่มอย่างจุใจ

“กานต์พิชชา คงสมบัติ” ผู้บริหารร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากกลับมาเปิดเหมือนเดิมหลังจากปิดชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทางร้านได้การรับรองมาตรฐาน SHA และตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า มีการจัดโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง พนักงานในร้านผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส ทุกสุดสัปดาห์ทางร้านจะมีตรวจ ATK ให้กับพนักงาน ลูกค้าที่เข้าร้านต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” และตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิด้านหน้าร้าน ส่วนภายในร้านมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และมีบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการในทุกมุมของร้าน รวมถึงในห้องน้ำ นอกจากนั้น ทางร้านยังได้เตรียมช้อน มีด ส้อม ทิชชู ใส่ซองแยกเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกคน

เมนูไฮไลท์พอลลาเนอร์ การ์เด้นท์
-ไส้กรอก บาวาเรียน (Bavarian Sausage) เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งผัดเบคอนและซาวเคราท์ ซึ่งภายในจานจะมีไส้กรอก 3 ชนิด ประกอบด้วย ทูริงเจอร์ เป็นไส้กรอกที่ม้วนเป็นกลมๆในจาน ไส้กรอกชีส และ เยอรมันบราทเวิร์ส เนื่องจากทางร้านสั่งทำเฉพาะทางร้านพอลลาเนอร์การ์เด้นท์เท่านั้น และคิดค้นสูตรไส้กรอกตั้งแต่ร้านเปิดมา ซึ่งใช้เวลาลองผิดลองถูก จนมาลงตัวด้วยรสชาติที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรเยอรมันนานาชนิด และมีเนื้อนุ่มมากเป็นพิเศษ และที่พิเศษก่อนเสิร์ฟไส้กรอกทางร้านจะนำไปต้มก่อนเพื่อรีดไขมันออก จากนั้นจึงนำไปย่าง เมื่อกินไส้กรอกจะไม่เลี่ยน

ขาหมูเยอรมัน สูตรเพื่อสุขภาพ เพราะผ่านขบวนการทำกว่า 3 ชั่วโมง ด้วยเคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพหรือเรียกว่า ขาหมูรีดมัน ด้วยวิธีการหมักกับเครื่องเทศอย่างดีนำไปต้มจนสุกแล้วนำเข้าเตาอบ แถมยังมีการเพิ่มเบียร์เยอรมันเข้าไปผสมผสานเพิ่มความหอม และเพิ่มความนุ่มเป็นพิเศษ รับรองได้ว่าไม่เหมือนใคร การันตีความอร่อยด้วยการโทรจองล่วงหน้า จะได้ทานขาหมูเยอรมันที่อร่อยเลิศ กรอบนอก นุ่มใน และกรอบนาน อร่อยได้อย่างแน่นอน เสิร์ฟพร้อมด้วย น้ำจิ้ม 3 สูตรเด็ด สุดแซ่บเวอร์ โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ด

ขาหมูเยอรมัน

เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ เสริฟคู่กับตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน อบใหม่ร้อนๆ

ตับบดเนื้อเนียนนุ่มสูตรเยอรมัน
เพรสเซลขนมปังสไตล์เยอรมันรูปหัวใจ
ขนมปังเพรสเซล
-พล่าปลาแซลมอนสด

-พล่าปลาแซลมอนสด พล่าแซลมอนเนื้อปลาแลมอนชิ้นโต คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงพล่ารสจัดจ้านแบบไทยๆ จานนี้เด็ด มาต้องสั่งเหมือนกัน

สปาเก็ตตี้

แอปเปิ้ลสตูเดิล เป็นขนมแบบดั้งเดิมของประเทศออสเตรีย มีส่วนผสมของ
แอปเปิ้ล ห่อด้วยแป้งพายพับอบกรอบแผ่นบางคล้ายแป้งฟิโล เสิร์ฟคู่ไอศครีมวนิลา อร่อยรสชาติไม่หวานมาก

แอปเปิ้ลสตูเดิล

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเพื่อสุขภาพอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่ พิซซ่า ซึ่งเป็นพิซซ่าแผ่นสี่เหลี่ยม เป็นแบบเฉพาะของที่ร้านแป้งบางๆ มีหลายหน้าให้เลือกลิ้มลอง เช่น พิซซ่าเจหรือพิซซ่าหน้าผัก ที่อัดแน่นไปด้วย มะเขือเทศ ผักโขม หอมใหญ่ หอมดอง เห็ดแชมปิญอง นอกจากนี้ ยังมีพิซซ่าหน้าซีฟู๊ด เซลามี่ พามาแฮม หรือ พิซซ่าหน้าแซลมอนสด ทางร้านเลือกใช้แซลมอน เกรดพรีเมียมจากนอร์เวย์สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ วางบนแผ่นพิซซ่า เป็นอีกเมนูที่อยากให้มาลิ้มลอง

รวมถึงเมนูเด็ดยอดนิยมที่กำลังมาแรงเช่น สปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้งกระเทียม เป็นเมนูขายดีถูกใจคนไทย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่รวม 3 สัญชาติไว้ด้วยกัน เพราะมีเส้นสปาเก็ตตี้จากอิตาเลียน ไส้กรอกจากเยอรมัน และพริกแห้งและกระเทียมจากไทย น้ำมาผัดกับน้ำมันมะกอก ปรุงรสจัดจ้านแบบไทยๆ เส้นเหนียวนุ่มกลิ่นหอมของชีสและเผ็ดนิดๆ ทางร้านยังมีเด็ดมากมายเช่น ลาบแซลมอนทอด พล่าปลาแซลมอนสด, ยำขาหมูพอลาเนอร์, ยำเห็ดสามอย่าง หอยแมลงภู่ชิลีผัดเบียร์ดำ ที่ต้องลอง และไม่ลืมปิดท้ายความสุขด้วย ของหวานจานโปรดที่ขายดิบขายดี คือ แอปเปิ้ลสตูลเดิ้ล เป็นเมนูของหวานสไตล์เยอรมัน ด้านในเป็นแอปเปิ้ลผัดกับชินเนม่อน ห่อด้วยแป้งและอบจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาหรือช็อคโกแลต ซึ่งสามารถเลือกรสชาติไอสกรีมได้ หรือ ช็อคโกแลต
บราวนี่ ที่เสิร์ฟกับไอศกรีมวนิลลา จนอยากลิ้มลองเสียทั้งคู่

นอกจากจะเปิดบริการตามปกติแล้ว ทางร้านยังรับจัดงานนอกสถานที่ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้านด้วย เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มส่วนตัว หรือจัด
อีเว้นท์ได้ในบรรยากาศสไตล์เยอรมันเหมือนได้ไปกินที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ส่วนในร้านและในสวน นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับรองรับได้ประมาณ 25 ท่าน พร้อมชุดคาราโอเกะไว้บริการอีกด้วย

พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. 2 ชั่วโมงเต็ม นักชิมจะได้เพลิดเพลินฟังเพลงไพเราะ ไปกับวงดูโอ ศิลปินจากเวทีประกวดเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ( บัง & เขี้ยว ) ทั้งดนตรีไทยและสากลให้ได้ฟังกันอย่างเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศในสวนสวยสบายๆ สไตล์เยอรมัน เหมาะกับการพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนๆ ในวันสุดสัปดาห์

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์ https://www.youtube.com/watch?v=2v3AY_HtHtY

ร้านอาหารพอลลาเนอร์ การ์เด้นท์ สาขาศรีนครินทร์
ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 9 แยก 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

ที่ร้านมีบริการเดลิเวอรี่
เปิดบริการ 16.00-23.00 น. โทร. 08 2790 1782
พิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น. (2 ชั่วโมงเต็ม)

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.paulaner-garden.com

อัพเดทโฮมสเตย์สุดน่ารักที่ จังหวัดสระบุรี “บ้านไร่ไชยคิ้ม” เรียบง่าย แต่มีความสุข

สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้ Toptotravel มีโอกาสไปพักที่ จังหวัดสระบุรี ไปเจอที่พักเปิดใหม่สุดน่ารัก ….ที่พักอยู่ติดกับธรรมชาติ เรียบง่าย พักสบายกายและใจ คืนนี้นอนโฮมสเตย์กลางทุ่งนาชิลๆ มองวิวภูเขา เป็นที่พักที่มีความ Minimal ที่นี่มีชื่อว่า บ้านไร่ไชยคิ้ม และความเงียบสงบของ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี

บ้านไร่ไชยคิ้ม โฮมสเตย์ บรรรยากาศดี๊ดี โฮมสเตย์ริมบึงท่ามกลางนาข้าว ขุนเขา แนะนำไปสโลว์ไลฟ์กับเมืองสงบใกล้กรุงเทพนิดเดียว อย่างจังหวัดสระบุรี ด้วยบรรยากาศโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ผู้คนใจดี ตัดกับไร่นาสีเขียวชะอุ่มของชาวบ้าน พ่วงด้วยความเป็นอยู่แบบชาวบ้านที่เนิบช้า ทำให้ที่นี่ กลายเป็นอีกหนึ่งที่พักปักหมุดที่เราไม่อยากให้คุณพลาด

ที่พักที่เกิดจากความหลงในความงามของธรรมชาติ ต้นไม้ และภูเขา ที่นี่ในช่วงเดือนมีนาคม อากาศร้อนในช่วงกลางวัน แต่มีลมพัดผ่านตลอด หน้าหนาวช่วงค่ำอากาศเริ่มขึ้นเรื่อยๆ ชอบที่พักสไตล์นี้มาก ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความน่ารักเต็มไปหมด โฮมสเตย์ที่พักตกแต่งด้วยไม้เก่าดัดแปลงได้สวยงามทันสมัย ตกแต่งด้วยโทนสีธรรมชาติ ผสมผสานกับงานไม้กับบ้านแบบไทย ที่ดูอบอุ่น มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ทุกอย่างดูเข้ากันอย่างลงตัว ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตเชิงเกษตร ชมวิวหลักล้านแบบนี้ได้แค่เอื้อม เป็นอีกหนึ่งที่พักทีเหมาะแก่การมาพักผ่อนชิลๆ นอนเล่นอ่านหนังสือ เดินชมหมู่บ้านใช้ชีวิตเนิบๆ จริงๆ ค่ะ

สำหรับห้องพักของที่นี่ ภายในห้องพัก บ้านไร่ไชยคิ้ม โฮมสเตย์
ด้านในตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจสุดน่ารัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกปกติตามมาตรฐานโฮมสเตย์ นอกจากนั้นยังมี แอร์ พัดลม ที่นอน หมอน ผ้าห่ม พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง ขนาดกว้างขวาง มีมุมนั่งเล่นเล็กๆ สำหรับพักผ่อนด้วย และห้องน้ำซึ่งเป็นไฮไลท์ อาบน้ำไปสบตากับวิวภูเขา และผ่อนคลายกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกแนบชิดธรรมชาติ ในบรรยากาศเงียบสงบ ส่วนเรื่องของไฟฟ้าจะสามารถใช้ได้ตั้ง 6 โมงเย็น ไปจนถึงเช้า ด้วยความที่โฮมสเตย์แห่งนี้ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต จึงทำให้ผู้เข้าพักที่มาเยือนที่แห่งนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและคนสนิทได้แบบเข้าอกเข้าใจกันอย่างแท้จริง และความพิเศษของบ้านหลังนี้ยังไม่หมด เค้ามีระเบียงชมวิว และบันไดเดินลงไปยังพื้นที่ด้านล่างซึ่ง บ้านไร่ไชยคิ้มมีความตั้งใจให้เป็นมุมนั่งเล่น รวมถึงทานอาหารเช้า อาหารเย็น

อาหารเช้าของที่นี่ยังเสิร์ฟจะเป็นเมนู สุดเลิฟ ข้าวต้มหอมมะลิเสิร์ฟมาเป็นเซตพร้อมไข่ออนเซน ตื่นมาได้ทานช่วงเช้าคือดีมากๆ

หากใครกำลังคิดถึงที่พักท่ามกลางธรรมชาติ ค้นหาตัวเอง หาที่พักแบบเงียบสงบ และมองหาที่พักน่ารักๆ บอกเลยที่นี่ตอบโจทย์มากมีมุมนั่งเล่น เดินชิลในสวน และเดินถ่ายภาพเพียบ แถมบรรยากาศของที่พักกว้างขวางน่ารัก อบอุ่นรับประกันได้เลยว่า เป็นที่พักที่ใกล้ชิดธรรมชาติและสะดวกสบายอย่างแน่นอน

ที่นี่เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ กึ่งไม้กึ่งปูน ภายในตกแต่งเรียบง่ายขนาดสองชั้นห้องพักที่นี่มีเพียง 2 ห้อง /ห้องพักแบบบ้าน 2 หลัง เท่านั้น !!! อยากชวนจองมาเที่ยวกันนะคะ ช่วงนี้อากาศกลางวันและมีแดดแรงแต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม มีลมพัด เย็นช่วงกลางคืน อากาศประมาณ 24-29 องศา ใครที่มากันเป็นกลุ่มหลายคนก็สามารถเหมาหลังได้ค่ะ

ติดต่อ คุณเหน่ง เบอร์โทร 0854795642

ราคาโปรโมชั่นสอบถาม บ้านไร่ไชยคิ้ม
ราคานี้รวม

  • พักได้ 2 -4 ท่าน
  • รวมอาหารเช้าสไตล์ไทย
  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พร้อมเปิดให้บริการแล้ว บ้านไร่ไชยคิ้ม หนองแซง สระบุรี โฮมสเตย์เล็กๆ บรรยากาศดี ใกล้ธรรมชาติ เปิดจองห้องพัก ราคาถูก ร่มเย็น พอเพียง
ติดต่อเบอร์โทร 0854795642 คุณเหน่ง
บ้านไร่ไชยคิ้ม @baanraichaikim

บ้านไร่ไชยคิ้ม Ep.1 ตอน เปิดโฮมสเตย์อย่างเป็นทางการ #หนองแซง #สระบุรี
https://www.youtube.com/watch?v=TLygwQdG4R0

“ตามรอยพ่อฯ” แจงผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตลอด 9 ปี สร้างการรับรู้ดีเกินคาด
ก่อให้เกิดการตื่นตัวทุกวงการ ย้ำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้วิกฤตได้อย่างยั่งยืน


เครือข่ายคนมีใจทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานพร้อมออกร้านผลผลิต ณ สวนล้อมศรีรินทร์ พื้นที่ร่วมโครงการปีแรก
โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) จัดงานสรุปผลความสำเร็จหลังดำเนินงานมาครบ 9 ปี โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 – 2564 และมีผลการดำเนินงานดีเกินคาด ทั้งด้านการสร้างคนมีใจ เครือข่าย และศูนย์การเรียนรู้ที่เป็นไปตามเป้าหมาย และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีหรือการลงแขกในพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก ทำให้แนวคิดในการนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปลงมือปฏิบัติแผ่ขยายแตกตัวไปทั่วทั้ง 22 ลุ่มน้ำในประเทศ เกิดการรับรู้และกระแสความตื่นตัวที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกัน รวมถึงเกิดแรงกระเพื่อมสู่การเปลี่ยนเชิงนโยบาย

ทั้งนี้ งานสรุปผลดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยเครือข่ายจากทั้งในและนอกลุ่มน้ำป่าสักเข้าร่วมงานและนำผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปร่วมออกร้าน พร้อมจัดกิจกรรมอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา และฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้วิกฤตได้จริง พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งต่อองค์ความรู้และแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ต่อไป

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ทรงแสดงความห่วงใยต่อปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 ด้วยความร่วมมือระหว่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน โดยได้น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่สู่การปฏิบัติ เป้าหมายเพื่อหยุดท่วม หยุดแล้งในลุ่มน้ำป่าสักอย่างยั่งยืน จนสามารถสร้างรูปธรรมตัวอย่างความสำเร็จและการขยายผลครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ โดยการดำเนินงานเริ่มจากการสร้างพื้นที่ต้นแบบ รวมทั้งบุคคล ชุมชน และโรงเรียนต้นแบบ แล้วจึงขยายผลออกไปสู่ลุ่มน้ำอื่น ทั่วประเทศ”
ทั้งนี้ โครงการมีกรอบการดำเนินงาน 9 ปี แบ่งเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 3 ปี โดยระยะที่ 1 พ.ศ. 2556 – 2558 คือ ระยะตอกเสาเข็ม เป็นการสร้างการรับรู้ และสร้างตัวอย่างความสำเร็จหลากรูปแบบทั้ง บุคคล ชุมชน โรงเรียน และสร้างศูนย์เรียนรู้ สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 1 สร้างการรับรู้ด้วยการเดินทางวิ่ง-เดิน-ปั่น กว่า 900 กิโลเมตร ในพื้นที่ 5 จังหวัด มีอาสาสมัครและคนมีใจร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน
• ปีที่ 1 พ.ศ. 2556 เป็นกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นรณรงค์ ”จากปลายน้ำสู่กลางน้ำ สร้างหลุมขนมครกในแบบโคก หนอง นา โมเดล หยุดท่วมหยุดแล้งอย่างยั่งยืน” จากกรุงเทพฯ ถึง จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.สระบุรี
• ปีที่ 2 พ.ศ. 2557 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก เปลี่ยนเขาหัวโล้นเป็นเขาหัวจุก” ที่ จ.เพชรบูรณ์
• ปีที่ 3 พ.ศ. 2558 กิจกรรม ”สร้างหลุมขนมครก ในแบบของคุณ” ที่ จ.ลพบุรีและ จ.เพชรบูรณ์
กรอบการดำเนินงานในระยะที่ 2 พ.ศ. 2559 – 2561 คือ ระยะแตกตัว เป้าหมายเป็นการขยายผลในระดับทวีคูณ สร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือในการยกระดับศูนย์เรียนรู้สู่การศึกษาตลอดชีวิต (บ้าน วัด โรงเรียน หรือ บวร) สรุปการดำเนินกิจกรรมในระยะที่ 2 สร้างพื้นที่ต้นแบบ 8 แห่งใน 8 จังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมของคนมีใจที่ร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน และเกิดศูนย์การเรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด
• ปีที่ 4 พ.ศ. 2559 คือ การสร้างหลุมขนมครก ”ป่าสักโมเดล” ในพื้นที่ “ห้วยกระแทก” ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ ซึ่งเป็นหลุมขนมครกขนาดพื้นที่ 600 ไร่ และเป็นหลุมขนมครกที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดจากการรณรงค์ของโครงการ
• ปีที่ 5 พ.ศ. 2560 ”แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ในสภาพภูมิสังคมที่แตกต่าง โดยร่วมสร้าง ”เพลิน area” ที่แปลงเกษตรสาธิต คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร, สร้างพื้นที่เรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชาที่ไร่สุขกลางใจ จ.ราชบุรี, สร้างต้นแบบจากชาวบ้านสู่ความร่วมมือ 7 ภาคี ด้วยพลังเอามื้อสามัคคี โดยการรวมกลุ่มของชาวบ้านคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี และสร้างพื้นที่ต้นแบบหลุมขนมครกบนพื้นที่สูง “คนอยู่ ป่ายัง อย่างยั่งยืน” ที่ห้วยป่ากล้วย และศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ (บวร.) วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
• ปีที่ 6 พ.ศ. 2561 “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี“ จากลุ่มน้ำป่าสักสู่ลุ่มน้ำอื่น ๆ สร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชากลางเมืองหลวง ที่ฐานธรรมพระรามเก้า กรุงเทพมหานคร สร้างหลุมขนมครกและเรียนรู้การทำสวนเกษตรอินทรีย์ ที่ จ.จันทบุรี ร่วมสร้าง “หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ชุมชนกสิกรรมวิถี” จ.สระบุรี และร่วมสร้างพื้นที่เรียนรู้ หลุมขนมครกบนพื้นที่สูง เปลี่ยนผู้บุกรุกมาเป็นผู้พิทักษ์ ที่ จ.น่าน
สุดท้ายกรอบการดำเนินงานในระยะที่ 3 พ.ศ. 2562 – 2564 คือ การขยายผลเชื่อมโยงทั้งระบบ เป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย มี 7 ภาคีระดับชาติเข้าร่วม ได้แก่ ภาครัฐ วิชาการ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน ศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อยกระดับสู่การแข่งขัน วางรากฐานการพัฒนามนุษย์ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำ เชื่อมโยงทั้ง 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ
• ปีที่ 7 พ.ศ. 2562 จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้แนวคิด “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จากต้นน้ำป่าสักสู่การสร้างแม่ทัพแห่งลุ่มน้ำ โดยจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่ จ.เลย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำป่าสัก และกิจกรรมทัศนศึกษาที่ จ.ลำปาง เป็นพื้นที่ที่เชฟรอนประเทศไทยร่วมกับศูนย์บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขปัญหาประเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดทำโครงการวิจัย “การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย การติดตามและประเมินผลเพื่อบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีส่วนร่วม” เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ได้มีการออกแบบและปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ไปแล้ว ให้เป็นระบบและได้มาตรฐานทางวิชาการ โดยนำผลสรุปจากโครงการวิจัยมาประมวลผลในมิติต่าง ๆ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และมิติทางสภาพแวดล้อม
• ปีที่ 8 พ.ศ. 2563 “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี” จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเพื่อฟื้นฟูและปกป้องพื้นที่ป่าต้นน้ำแจ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลุ่มน้ำปิง จ.เชียงใหม่ กิจกรรม “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต หรือ CMS (Crisis Management Survival Camp) เพื่อสร้างความรู้ความตระหนักแก่ประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วม น้ำแล้ง โรคระบาด และสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก โรงเรียนสงครามพิเศษ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (วัดใหม่เอราวัณ) จ.ลพบุรี และสร้าง “โคก หนอง นา ชัยภูมิโมเดล” ที่ศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม จ.ชัยภูมิ
• ปีที่ 9 พ.ศ. 2564 “9 ปีแห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน” มีทั้งแคมเปญ “รวมพลังสู้โควิด-19” กิจกรรมช่วยน้ำท่วมที่ จ.สระบุรี และกิจกรรมเอามื้อสามัคคีแปลง “เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี” ที่ จ.นครราชสีมา และแปลง “โคกหนองนา โปรดปัน” จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการสร้างแหล่งความรู้และเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล
สรุปผลสำเร็จของการดำเนินงานโครงการตามรอยพ่อฯ 9 ปี ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนได้ดังนี้
• การ “สร้างคน” มีผู้เข้าอบรมและดูงานในศูนย์ฯ ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติตลอดระยะเวลาของการดำเนินงานโครงการ พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำป่าสัก 489,984 คน พื้นที่เครือข่ายลุ่มน้ำอื่น ๆ 826,280 คน รวมทั้งสิ้น 1,316,264 คน
• การ “สร้างครู” สร้างวิทยากร และครูพาทำในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ในลุ่มน้ำป่าสักรวม 124 คน นอกลุ่มน้ำป่าสัก 9 คน รวมทั้งสิ้น 133 คน
• การ “สร้างศูนย์เรียนรู้” มีศูนย์เรียนรู้ที่เกิดจากโครงการ 11 แห่ง อยู่ในลุ่มน้ำป่าสัก 8 แห่ง และนอกลุ่มน้ำ ป่าสัก 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ห้วยกระแทก) “ป่าสักโมเดล” จ.ลพบุรี, บ้านพึ่งพาตนเอง “ฟากนา ฟาร์มสเตย์” จ.เลย, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายอดิศร จ.สระบุรี, ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล หรือ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเองเอาชนะยาเสพติด จ.สระบุรี, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ วัดใหม่เอราวัณ จ.ลพบุรี, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านพะกอยวา จ.ตาก, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสุรินทร์ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้ดูงานทั้งหมดของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทั่วประเทศมีอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก 12 แห่ง และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ 58 แห่ง รวม 70 แห่ง

https://www.youtube.com/watch?v=M8EWjY1ncGk

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร กล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการประสบผลสำเร็จอย่างดีทั้งในแง่ปริมาณในการสร้างคน สร้างครู สร้างศูนย์เรียนรู้ ส่วนสัมฤทธิผลในเชิงคุณภาพนั้นได้ผลดีเกินคาด การแตกตัวขยายผลครอบคลุมลุ่มน้ำทั่วประเทศ สร้างแรงกระเพื่อมที่ทำให้ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาขับเคลื่อนพร้อมกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เริ่มจากการสั่งการจากผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นให้ดำเนินการอบรมให้ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ภายในหน่วยทหาร และยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ และโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบในโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอดตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ‘โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง’ ของกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย

“จากการดำเนินอย่างต่อเนื่อง 9 ปีของโครงการ ‘ตามรอยพ่อฯ’ ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์ใช้ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเหมาะสม จะสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน” ดร.วิวัฒน์กล่าวสรุป

นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึงการสรุปผลความสำเร็จว่า “เชฟรอนประเทศไทยได้ร่วมจัดทำโครงการมาตลอดระยะเวลา 9 ปี โดยที่ผ่านมาเราได้เห็นผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพว่าโครงการได้เข้าไปช่วยในการให้ความรู้ สร้างตัวอย่าง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเป็นล้าน ๆ ทั่วประเทศ ทั้งในด้านการอนุรักษ์และอยู่ร่วมกับป่า การนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้เพื่อการพึ่งพาตนเองได้ และยังสร้างแหล่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ทั้งผ่านการสร้างศูนย์เรียนรู้ 11 แห่งใน 7 จังหวัด รวมถึงการสร้างศูนย์กลางการแบ่งปันความรู้แบบออนไลน์แก่ผู้ที่สนใจ

โดยเราได้สร้างเนื้อหาในสื่อออนไลน์มากมายที่เป็นประโยชน์ อาทิ การจัดทำบทเรียน ‘คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ’ ในรูปแบบบทความและวีดิทัศน์บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ รวม 14 บท เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำองค์ความรู้ไปลงมือทำเองได้ และยังได้สร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 246,900 คน


เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโครงการด้วยช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ทั้งเวบไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์
“พนักงานของเชฟรอนประเทศไทยเองกว่า 2 พันคน ก็ได้เข้าร่วมอบรมเรียนรู้ และร่วมกิจกรรมเอามื้อของโครงการอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่นำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาไปลงมือทำที่บ้านเกิดเมื่อเกษียณจากการทำงานประจำ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับองค์กรและพนักงานเชฟรอนที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการน้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มารณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทั่วไป จนเกิดแรงบันดาลใจนำไปลงมือปฏิบัติ และได้ร่วมผลักดันขับเคลื่อนจนเกิดเป็นแรงกระเพื่อมอย่างมากมายในสังคมไทย” นายอาทิตย์กล่าวสรุป


นอกจากนี้ มาตรวัดความสำเร็จในเชิงคุณภาพที่สำคัญอีกประการ คือ การสร้างคนมีใจที่ตอบโจทย์ “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน คือ การมีความรู้คู่คุณธรรมและการใช้ชีวิตอย่างพอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น และระดับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า คือ บุญ, ทาน มีเหลือกินเหลือใช้ก็แบ่งปัน, เก็บ รักษาเคล็ดลับวิชาภูมิปัญญา, ขาย, ข่าย (กองกำลังเกษตรโยธิน) ซึ่งเกิดเป็นตัวอย่างบุคคลผู้ประสบความสำเร็จตาม “ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง” ที่มานะบากบั่นลงมือทำจนทำให้หยุดท่วมหยุดแล้งในพื้นที่ของตัวเอง เกิดการพึ่งพาตัวเองได้ หลุดพ้นจากความยากจน และรอดจากวิกฤตด้วยศาสตร์พระราชา ได้แก่ พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก จ.ลพบุรี, แสวง ศรีธรรมบุตร (ลุงแสวง) ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง จ.อุดรธานี, กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย), และประวีณ ศิราไพบูลย์พร (ติ่ง) 2 พี่น้องชาวปกาเกอะญอ แห่งไร่ไฮ่เฮา ไร่ติ่งตะวัน จ.ลำปาง เป็นต้น


ทั้งนี้ งานสรุปผลจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี พื้นที่ของนายบุญล้อม เต้าแก้ว ที่ร่วมกิจกรรมโครงการตั้งแต่ปีแรก โดยนอกจากการออกร้านของเครือข่าย ยังมีกิจกรรมฝึกอบรมหลักการออกแบบโคก หนอง นา เบื้องต้น และฐานการเรียนรู้ 4 ฐาน ได้แก่ ฐานคนมีน้ำยา สอนทำน้ำยาอเนกประสงค์ แชมพู, ฐานคนรักษ์แม่ธรณี สอนทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ, ฐานเพาะเห็ดตะกร้า, ฐานเพาะผัก นอกจากนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ 9 คน 9 ปี ขึ้นเวทีร่วมเสวนา เพื่อยืนยันว่าศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้จริง โดยแต่ละท่านได้กล่าวถึงเปลี่ยนแปลง หลังจากร่วมโครงการ รวมทั้งความตั้งใจสานต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา ดังนี้

ศิลา ม่วงงาม (ครูศิลา) ประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชน บ้านหินโง่น อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 2 กล่าวว่า “จากเดิมที่มีการทำเกษตรแบบโคก หนอง นา แค่ 2 ราย ปัจจุบันมีคนทำเพิ่มขึ้นมากถึง 3-4 เท่าตัว สมัยก่อนเส้นทางระหว่างบ้านหินโง่นถึงบ้านสักง่า ระยะทาง 8 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด แต่ปัจจุบันมีไม้ผลขึ้นเต็ม 2 ข้างทาง เช่น ทุเรียน เงาะ ส้มโอ เป็นต้น และชาวบ้านยังปลูกไม้ยืนต้นมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2558 ผมได้จัดกิจกรรมทำฝายชะลอน้ำ 89 สายถวายพ่อ ที่ห้วยส้านซึ่งเป็นลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้านหินโง่น แล้วไหลลงแม่น้ำป่าสัก ซึ่งตอนนี้ห้วยนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ดีมากเลย ผมมีความตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพราะได้เห็นประจักษ์แล้วว่า ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน”


พิรัลรัตน์ สุขแพทย์ (ผู้ใหญ่อ้อย) ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก ผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 8 สามัคคี อ.เมือง จ.ลพบุรี ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 3 กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องและการสนับสนุนอย่างจริงจังของโครงการ ทำให้การแตกตัวในการเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก ในการสืบสานศาสตร์พระราชาเรายังทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการรวบรวมเครือข่ายคนมีใจขับเคลื่อนเป็นระดับภาค และระดับประเทศต่อไป โดยจะทำแบบใกล้ชิดกว่าเดิม มีการประชุมวางแผนงานบ่อยขึ้น มีการลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องมากขึ้น มีการจัดทัพแบบกระชับองค์กร เพื่อเข้าถึงปัญหาและแก้ไขในทุกจุดอย่างรวดเร็ว มีการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น เราจะสืบสานต่อไปให้รุ่น 2 รุ่น 3 เหมือนที่อาจารย์ยักษ์วางไว้ค่ะ”


บัณฑิต ฉิมชาติ (หัวหน้าฉิม) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 6 กล่าวว่า “ตอนนี้ชาวบ้านมีข้าวกินทั้งหมู่บ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมกลายป็นเทวดาของชาวบ้านไปแล้ว ทุกครั้งที่เจอผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะเข้ามากอด ผมดีใจและตื้นตันใจมากครับที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้พวกเขาได้ ชาวบ้านลดการปลูกข้าวโพดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ได้รับพื้นที่ป่าของอุทยานคืนมา 3,000 กว่าไร่ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนชาวบ้านต้องเตรียมเงินไว้ปีละประมาณ 5,000 บาท เพื่อซื้อข้าวกิน แต่ปัจจุบันพื้นที่ทำกิน 3-5 ไร่ของพวกเขาก็สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวได้ มีข้าว มีปลา มีผักกิน ไม่ต้องเสียไปเงินซื้อ ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อก่อนชาวบ้านต้องซื้อข้าวหัก ๆ กิน เดี๋ยวนี้ชาวบ้านปลูกข้าวพันธุ์ภูฟ้าซึ่งเป็นข้าวขาวที่สวยมากไว้กินเอง เหลือก็แบ่งปันกันในชุมชน ชาวบ้านหลุดพ้นจากความยากจนอดอยาก”


กรองกาญจน์ ศิราไพบูลย์พร (ต๋อย) เจ้าของพื้นที่ “ไร่ไฮ่เฮา” อ.งาว จ.ลำปางตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 7 กล่าวว่า “ปัจจุบันพื้นที่บ้านแม่ฮ่าง จ.ลำปาง มีครัวเรือนที่หันมาทำโคก หนอง นา บนพื้นที่สูงเพิ่มขึ้นเป็น 30 กว่าแปลง ทำกันจริงจังมาก มีการเวียนกันเอามื้อทุก ๆ สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง มีการทำแท็งก์น้ำในแต่ละจุดของแต่ละแปลง เพราะเป็นพื้นที่สูงการจัดการน้ำยาก ทุกแปลงจึงจำเป็นต้องมีแท็งก์น้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อการเกษตร และตอนนี้ขยับมาทำพื้นที่ที่สุโขทัยด้วย ซึ่งจะเป็นการขยายผลสู่ลุ่มน้ำยม มีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามรอยพ่อฯ ที่สร้างประโยชน์มาก มีการประชาสัมพันธ์และทำให้คนได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร และคนที่สนใจสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ คือ การได้เครือข่ายที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เป็นแรงเสริมเป็นกำลังใจให้กันและกัน ส่วนตัวแล้วก็จะยังสืบสานงานของพ่อต่อไป ทั้งที่เป็นพื้นที่ของตัวเองและการร่วมเป็นเครือข่ายสนับสนุนและส่งต่อองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ลงมือทำตามต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”


ปราณี ชัยทวีพรสุข ประธานกรรมการศูนย์ปราชญ์ศาสตร์พอเพียง บอกเล่าก้าวตาม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เจ้าของ “สวนฝันสานสุข” บ้านเสี้ยวน้อยพัฒนา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 8 กล่าวว่า “หลังจากโครงการมาจัดกิจกรรมเอามื้อที่ศูนย์ปราชญ์ฯ ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านในชัยภูมิเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายมากขึ้น จึงมีการค้นหาแกนนำที่เป็นจุดแข็งของแต่ละอำเภอ เพื่อเรียกคนที่มีใจเดียวกันมาร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก โดยที่ศูนย์ปราชญ์ฯ เองมีการวางแผนเอามื้อเดือนละครั้ง เครือข่ายก็จะไปปันแรงกัน ก่อนโควิด-19 ระบาดมีการจัดอบรมและดูงานอยู่เรื่อย ๆ รวมแล้วฝึกอบรมไปประมาณ 6 รุ่น จำนวน 500 กว่าคน ในช่วงโควิด-19 ระบาดได้ไปเป็นจิตอาสาทำหน้าที่พยาบาลสนาม ฉีดวัคซีน เลยถือโอกาสรวมพลังหมอศูนย์บาทของชัยภูมิ ต้มน้ำสมุนไพร 7 นางฟ้า สมุนไพรสุมยา แจกคนป่วยที่โรงพยาบาลสนามและที่ศูนย์สุขภาพชุมชน ตั้งใจจะสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าศาสตร์พระราชาแก้ปัญหาได้ทุกวิกฤตจริง พื้นที่ของตัวเองมี 18 ไร่ ทำโคก หนอง นา ไว้นานแล้ว มีต้นไม้เยอะ มีน้ำเหลือเฟือ ลูกชายเป็นคนรุ่นใหม่เคยบ่นว่าแม่อายุเยอะแล้วกลับมาเหนื่อยอะไรตรงนี้ แต่ต่อมาหลังจากเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่แม่ทำ ก็มากระซิบให้แม่ทำต่อไป ขอทำงานเก็บเงินซักพัก แล้วจะกลับมาสานต่อ ฟังแล้วชื่นใจมากเลยที่คนรุ่นใหม่เริ่มเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำค่ะ”


สุณิตา เหวนอก (นวล) เจ้าของพื้นที่เสงี่ยมคำกสิกรรมวิถี อ.จักราช จ.นครราชสีมา ตัวแทนเครือข่ายคนมีใจ ปี 9 พ.ศ. กล่าวว่า “นวลเป็นคนบ้างานบ้าเรียน เวลาที่เหลือ คือ อยู่ในสวน เพราะอยากให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ เนื่องจากที่บ้านยังไม่เห็นด้วยอยู่ นวลจึงใช้วิธีสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยหวังว่าครอบครัวจะได้เห็นภาพ ซึ่งปรากฏว่าไม่ใช่เพียงครอบครัวที่เห็น แต่เพื่อนในโซเชียลก็ได้เห็นและเกิดแรงบันดาลใจลงมือทำตามกันหลายคน เครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียงก็มีการคุยกันในไลน์ ก็ขอมาดูพื้นที่เรา แล้วเกิดพลังใจกลับไปลงมือทำ เขาบอกว่าขนาดนวลเองเป็นคนมีเวลาน้อย ยังสามารถทำได้เลย รู้สึกภูมิใจที่ความตั้งใจของเรา เป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลาย ๆ คน ลุกขึ้นมาทำตาม ในการสืบสานแนวคิดศาสตร์พระราชาจะยังทำอย่างต่อเนื่อง มีความตั้งใจอยากส่งต่อองค์ความรู้ให้เด็ก ๆ ในชุมชน ให้ได้มาเรียนรู้ มาทำกิจกรรมแบบค่อย ๆ ซึมซับ เพื่อเป็นการบ่มเพาะแนวคิดและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยค่ะ ไม่อยากนิยามตัวเองว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการเดินตามรอยพ่อ เพราะคิดว่าคุณสมบัติยังไม่ถึงระดับนั้น แต่อยากจะให้เรียกว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างของคนที่มุ่งมั่นตั้งใจทำมากกว่าค่ะ”


ผู้ที่สนใจติดตามชมการสรุปผลการดำเนินโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ได้ในรายการ “เจาะใจ” วั
นที่ 2,9 เมษายน 2565 ทางช่อง MCOT HD เวลา 21.40 – 22.35 น.

ติดตามเนื้อหาโครงการได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
ดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

อยากมีชีวิตแบบไหน แค่ออกไป!! ประสบการณ์ที่เราได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง PADDLE BOARD ยืนพาย

Stand Up paddle Board คือ ยืนพาย “SUP Board” หมายถึงกระดานยืนพาย
SUP พัฒนามาจากกระดานโต้คลื่น (Surf Board) ด้วยความที่ ซัพ มีข้อดีหลายอย่างไม่ต้องอาศัยคลื่นเพื่อเล่น และเล่นได้ในแหล่งน้ำทุกแห่ง SUP Board จึงค่อยได้รับความนิยมและพัฒนา จนเป็นกีฬาแขนงหนึ่ง สำหรับประเทศและในขณะนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดแถบยุโรปกับอเมริกา และกำลังมาแรงในหลายประเทศเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น, ไทย

บอร์ดยืนพาย เริ่มเล่น Stand Up paddle Board หรือ บอร์ดยืนพาย เป็นของใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากสำหรับคนไทย น่าลอง ดูแล้วไม่ยากมากเกินไป ถ้าเราเล่นอะไรที่เอ็กซ์ตรีมมากคนก็จะรู้สึกว่าอยากลองแต่ไม่กล้า แต่ SUP มันดูเบาๆ ไม่น่ากลัวเลย และเมืองไทยเป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดทะเล ข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้กระแสกีฬาทางน้ำในปัจจุบันเริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ การพายซัพมักใช้กล้ามเนื้อทั้งร่างกาย ทั้งหน้าท้อง ต้นแขน ตลอดจนขา ทำให้ซัพเป็นกีฬาที่ออกกำลังกายได้ทุกส่วน ที่สำคัญไม่มีกล้ามเนื้อส่วนไหนต้องแบกรับภาระมากเกิน จึงเล่นได้ทุกเพศทุกวัย

เมื่อศุึกษาข้อมูลพอประมาณ เริ่มมองหาบริการให้เช่า แพดเดิลบอร์ด ซัพบอร์ดยืนพายเริ่มต้นกีฬาพายเรือแบบยืน ห้าโมงเย็น เราติดต่อใช้บริการให้เช่า แพดเดิลบอร์ด ซัพบอร์ดยืนพาย อ่าวนาง กระบี่โดยทาง อันดา กระบี่ ซีทัวร์ มีบริการรับส่งจาก รร. ถึงอ่าวนาง เริ่มต้นจากไกด์ซาบี้ แนะนำ วิธีการเล่น Stand Up paddle Board เบื้องต้นและข้อควรระวัง ด้านความปลอดภัยระหว่างเล่น

สำหรับการเคลื่อนย้าย SUP ลงสู่ผิวน้ำ ให้เลือกลงบนระดับน้ำประมาณหัวเข่า เพราะเป็นระดับความสูงของน้ำที่สามารถขึ้นได้ง่ายมากที่สุด โดยที่ฟินต้องไม่โดนพื้น แล้วเลือกขึ้นไปบนตำแหน่งบริเวณกึ่งกลางของซัพ ลักษณะหัวและท้ายจะโค้งมนเหมือนกัน บอร์ดกว้าง หนา ทำให้ยืนได้มั่นคง จะพายในน้ำนิ่งก็ได้ พายน้ำมีคลื่นก็ดี แต่จะทำความเร็วได้มาก จึงเหมาะกับสายชิล หรือพายท่องเที่ยวเพราะนั้นคือจุดที่สมดุลที่สุด โดยเราสามารถมองหาตำแหน่งกึ่งกลางของซัพ ได้ด้วยตัวเอง เอาเป็นว่า ต่อให้เป็นมือใหม่ก็สามารถ ยืนบน SUP ได้อย่างแน่นอนถ้าน้ำทะเลนิ่งๆ เมื่อได้ลองแล้ว….ความเป็นจริงความสนุกของกีฬาทางน้ำอยู่ที่การตกน้ำนี่เอง

ซัพบอร์ดยืนพาย อ่าวนาง กระบี่
Stand Up paddle Board คือ ยืนพาย “SUP Board”

แต่ตอนเราไปคลืนแรง ไกด์ต้องช่วงดูแล และพยุงไว้ซื้งความมั่นคงบนผิวน้ำส่วนการเตรียมตัวแทบไม่มีอะไรมากนอกจากเตรียมตัวเปียกน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องตกน้ำ แค่การตกน้ำคือเรื่องปกติของกีฬานี้ เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจจะสัมผัสความความสนุกและความเย็นฉ่ำของนำทะเลสวนๆ ณ. อ่าวนาง กระบี่ในยามเย็น บรรยากาศดีมากๆ

เตรียมตัว/เตรีมอุปกรณ์
-อุปกรณ์อื่นๆ เช่น เสื้อชูชีพ, อุปกรณ์กันแดด,แว่นตา

SUP/ Stand Up Paddleboarding

อยากมีชีวิตแบบไหน แค่ออกไป!! อยากเอ็กซ์ตรีมอย่่างเรา ซัพ (SUP/ Stand Up Paddleboarding )หรือกีฬาพายเรือแบบยืน ซึ่งเป็นกีฬาทางน้ำแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมาก เป็นตัวเลือกให้คนที่คิดจะพาย แต่ยังไม่รู้จะไปไหนดี แนะนำให้เลือก อันดา กระบี่ ซีทัวร์

บริการให้เช่า แพดเดิลบอร์ด ซัพบอร์ดยืนพาย อ่าวนาง กระบี่
อัตราค่าบริการ ราคาพิเศษ.
สำหรับ 1 ช.ม.ราคาลำละ 550 บาท
สำหรับ (ครึ่งวัน) 4 ช.ม. ราคาลำละ 800 บาท
สำหรับ (เต็มวัน) 8 ช.ม. ราคาลำละ 1200 บาท

เที่ยวกระบี่แพ็คเกจทัวร์กระบี่
https://www.andakrabiseatour.com/…/5fd2e5e682a9f9001971…

ANDA KRABI SEATOUR
Krabi Standup Paddle board
บริการของทัวร์ : บริการรับ-ส่งซัพบอร์ด ณ หาดอ่าวนาง, น้ำดื่ม, เสื้อชูชีพ,ประกันภัยเฉพาะรายชื่อที่จองมาเท่านั้น 1ชื่อ/ต่อ1ลำ
บริการทุกๆๆชั่งโมง เริ่ม 07.00น. – 17.00 น.
(บริการให้เช่า 1 ช.ม. / เช่าครึ่งวัน / เช่าเต็มวัน หรือเช่าไปทัวร์เกาะ)
บริการรับ-ส่ง แพดเดิลบอร์ดบริเวณปลาใบหาดอ่าวนาง
(หากลูกค้าเอาไปทัวร์เกาะบริการส่งให้ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา)

#เที่ยวกระบี่แพ็คเกจทัวร์กระบี่ #ทะเลกระบี่ #ซับบอร์ดยืนพาย #paddleboard #กิจกรรมกระบี่ #หาดอ่าวนาง #กระบี่ #เช่าแพดเดิ้ลบอร์ด #ทัวร์ทะเลกระบี่ #กระบี่ #Thailand #toptotravel

ปรากฎโฉม อ่าวมาหยา ครั้งใหม่ที่น่าอัศจรรย์ใจ ทริปเดียวเที่ยวครบ

ทริปนี้..เปิดประเดิม ‘อ่าวมาหยา’เมื่อ มกราคม 2565 เป็นความลับที่ซ่อนอยู่ ตั้งอยู่ท่ามกลางทำเลที่เงียบสงบ และนับเป็นการปรากฎโฉมครั้งใหม่ที่น่าอัศจรรย์ใจ เที่ยวได้ไม่เกินคนละชั่วโมง และห้ามเรือจอดในอ่าว 3 ปีเศษ ที่กรมอุทยานฯ ประกาศปิดอ่าวมาหยา โดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอ่าวมาหยาการท่องเที่ยวกระบี่หมู่เกาะพีพี เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเล ในที่สุดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็กำหนดวันเปิดอ่าวมาหยา จ.กระบี่ ซึ่งมองเห็นทิวทัศน์กลายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวและจุดเช็คอินอีกครั้วอีกครั้ง พร้อมเงื่อนไขใหม่ เปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. รอบละ 300 คน เที่ยวได้ไม่เกินคนละชั่วโมง และห้ามเรือจอดในอ่าว เที่ยวได้คนละ 1 ชั่วโมง และห้ามเล่นน้ำ และคงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการถ่ายรูป เพราะเดินลงชายหาดได้ไม่เกิน 20 เมตร จากชายฝั่ง

โดยเรือทุกลำที่มาส่งนักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้จอดบริเวณอ่าว ให้เรือเทียบท่าเข้าจอดยังบริเวณ อ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จัดเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว โดยจอดได้ประมาณ 10-15 ลำ เพื่อจัดระเบียบเรือทัวร์ ให้ทยอยเข้ามาส่งนักท่องเที่ยวแล้ววนออกไปจอดยังจุดที่กำหนดกับการกลับมาเปิดให้เที่ยวชมได้อีกครั้งเมื่อต้นปี 2565 นับเป็นการปรากฎโฉมครั้งใหม่ที่น่าอัศจรรย์ใจ ด้วยการฟื้นตัวของทรัพยากรธรรมชาติส่งผลให้ปัจจุบันบริเวณอ่าวมาหยา มีฝูงฉลามครีบดำ ว่ายวนไปมายังชายหาด มาหยา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้ปฏิบัติตามระเบียบใหม่ ใช้วิธีการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่ระลึกใครที่มีวางแผนไปเยือน อย่าลืมประพฤติตนเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี งดทิ้งขยะแบบใช้แล้วทิ้งบนเกาะ เรียกได้ว่าเป็นนักท่องเทียวที่ จัดเต็มจุใจกันไปเล้ย

ในครั้งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของ Toptotravel พาคุณขึ้นเรือลงเรือสปีดโบ๊ทสุดคูล (เรือใหม่) สายลมฤดูร้อนที่อ่อนนุ่มและเสียงคลื่นที่อยู่เบื้องหน้า รู้สึกตื่นเต้นและว้าวมาก นับเป็นการปรากฎโฉม อ่าวมาหยา ครั้งใหม่ ที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด สู่ช่วงที่เราเดินทางไปน้ำทะเลใสมาก “มาหยา” เรียกว่าที่แห่งนี่คือที่ดีที่สุดและงดงามของโลก ถ้าไม่เชื่อเลื่อนไปดูภาพกันเลยสิคะ มาเที่ยวกับ อันดา กระบี่ ซีทัวร์ เป็นทริปหนึ่งวัน 09:00-16:00 ราคาที่จองรวม ทริปดำน้ำเกาะพีพี อุปกรณ์ดำน้ำ พร้อมมื้ออาหารง่ายๆ อย่างข้าวเหนียวไก่ทอด น้ำผลไม้ ผลไม้ฟรียามเช้า อาหารกลางวัน เครื่องดื่มบริการตลอดทั้งวัน ประกันอุบัติเหตุ รับรองว่าจุใจแน่นอน

อากาศเดือนกุมภาพันธ์ เหมาะกับการออกเรือไปชมความงามของท้องทะเล เมื่อลงเรือสปีดโบ๊ท ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ พร้อมออกเดินทางใช้เวลาประมาณ 45 นาที มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลกว้างอ่าวมาหยา ด้วยความสวยงามระดับโลกอยากบอกเล่าความประทับใจกับเหล่าอเวนเจอร์ทีมไกด์ที่น่ารักทุกคน เที่ยวครั้งนี้ได้ภาพสวยๆ กลับมาเยอะเลยไปสัมผัสมากมายจนไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากที่ไหนดีเลยพร้อมแล้ว ทีมของอันดา กระบี่ ซีทัวร์ มารับเราถึงที่พัก ก่อนจะพาไปลงเรือสปีดโบ๊ทที่เทียบท่าคอย การเตรียมตัวเตรียมของที่จะไปเที่ยวอ่าวมาหยา ดังนี้
-ครีมกันแดด แว่นกันแดด
-ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่
-เสื้อผ้าบางๆ เพื่อเปลี่ยนหลังเล่นน้ำ /ถุงกันน้ำ – ถุงใส่ผ้าเปียก

คำว่า “มาหยา” เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกหนึ่งแห่ง “เจ้าหญิงแห่งท้องทะเล”หรือ“เจ้าหญิงแห่งอันดามัน”ใครได้มาเยือนรับรองว่าต้องหลงรัก และไม่มีทางที่จะเดินจากไปง่ายๆ แต่หากว่ามาแล้วอยากกลับอีกกลับไปแล้วยังคิดถึง ด้วยสีน้ำทะเลที่มีสีสันสดใส หาดทรายขาวละเอียดขาวเนียนนุ่ม ดุจดั่งเหยีบอยู่บนผงแป้ง และ มาหยาถูกโอบล้อมด้วยพลังแห่งขุนเขา เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เคยเสื่อมคลายจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก หมู่เกาะพีพีเป็นหมู่เกาะทางทะเลที่สวยงาม เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ชาวเลสมัยก่อนเรียกกลุ่มเกาะแถบนี้ว่า “ปูเลาปิอาปิ” คำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ ส่วน “ปิอาปิ”แปลว่าต้นไม้ทะเล จำพวกแสมและโกงกาง เรียกไปเรียกมาก็เพี้ยนเป็น “ต้นปีปี” และเป็น “เกาะพีพี” ความงดงามทางท้องทะเล ทั้งบนบก ผืนน้ำและโลกใต้ทะเล จึงเป็นแหล่งที่หมู่นักดำน้ำนิยมมาดำผุดดำว่ายกันอย่างไม่ขาดสาย หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ พีพีเล และ พีพีดอน ส่วนของพีพีดอนจะเป็นชายหาด ร้านอาหาร และที่พัก ส่วนพีพีเล ครอบคลุมเวิ้งอ่าวใหญ่น้อยกระจายตัวกันไป โดยมีเกาะข้างเคียงเล็ก ๆ อย่างเกาะไม้ไผ่ และเกาะยูง

อ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ณ.จุดที่เวลาค่อนข้างจำกัด
มุ่งหน้าจากชายฝั่งประมาณ 1 ชั่วโมง ในยามสายที่ใกล้เที่ยงแล้ว เราก็มาถึงดินแดนของเจ้าหญิงแห่งท้องทะเล ตั้งแต่ลำเรือเลี้ยวเข้าไปในอ่าว ม่านผาก็เปิดฉากการแสดงได้อย่างน่าประทับใจ แต่ด้วยกฎระเบียบที่วางไว้ เราสามารถล่องเข้าไปชมชายหาดได้ในระยะไกล ๆ เท่านั้น โดยทางอุทยานฯ ได้ทำจัดทำทุ่นสัญลักษณ์แบ่งอาณาเขตเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามเข้า” ซึ่งหมายถึงการห้ามเรือเข้าใกล้ชายหาด ที่ช่วงนี้มีฝูงฉลามอาศัยอยู่ เสียงปรี๊ด ๆ ยังคงดังเป็นระยะ เพราะใคร ๆ ต่างอดใจลำบาก อยากจะแตะผืนน้ำสีมรกตนี้สักครั้ง กลุ่มเขาหินปูนที่ล้อมรอบ ยิ่งทำให้อาณาจักรของเจ้าหญิงทรงพลัง เวิ้งอ่าวตรงชายหาด ยังมีผาหินที่ยื่นออกมาให้คนได้ลอดผ่าน ไกด์หนุ่มทั้งสองที่ร่วมทริปดูแลพวกเราอย่างใกฃ้ชิดยังอดใจไม่ได้เลย ต้องแชะภาพไว้เป็นที่ระลึก เพราะการกลับมาเปิดให้เข้าชมรอบนี้ มาหยา…..ไม่เห็นด้วยตาไม่ได้แล้ว เดินเลียบชายหาด บริเวณสุดโค้งชายหาดด้านขวา เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเฝ้ามองบรรดาฉลามครีบดำ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดตื่นเต้น ฉลามครีบดำที่มักจะว่ายวนเข้ามา เรียกว่าทักทายได้หรือไม่ เพราะคงไม่มีใครอยากสัมผัสครีบหรือโอบกอดมันหรอกนะ เมื่อเดินไปถึงก็ทราบว่า เป็นเบบี้ชาร์คตัวไม่น้อยที่ลอยตัวไปมาในระยะที่ไม่ใกล้มากนัก นักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจกันมากพอสมควร อาจจะทำให้พวกมันไม่กล้าออกมาเผยตัวกันเป็นกลุ่ม ที่เห็นแวบไปแวบมาไม่รู้ว่ามีกันกี่ตัว กับความจริงที่ว่า ท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่า เพื่อมาหยางดงามอย่างยั่งยืนเป็นธรรมชาติตลอดไป

เรือสปีทโบ๊ตค่อยๆ ขยับออกจากอ่าวมาหยา สถานที่ต่อไปคือ อ่าวปิเละ ตั้งอยู่พีพีเล เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นอ่าวที่มีทางเข้าแคบประมาณ 50 เมตร เมื่อเข้าไปแล้วจะถูกล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนสูงรอบด้าน เป็นอ่าวที่ซ่อนตัวจากภายนอก น้ำทะเลนิ่ง และใสมาก เมื่อก่อนมีปะการังอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันลดลง เป็นบริเวณที่ลำเรือจะมาจอดให้ทุกคนได้พักผ่อนหย่อนใจได้ชื่นชมความสวยงามทางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีเขียวดั่งมรกต เราแวะเล่น/ดำน้ำ และที่สุดว้าว ก็คือไกด์คนเก่งและกัปตันเรือ ช่วยกันเนรมิตกลางเรือ ตรงกลางเรือเดิมเป็นที่วางถังน้ำแข็ง เครื่องดื่ม กลายเป็นโต๊ะอาหารกลางวันสุดชิคบนเรือ มื้อนี้พิเศษจังได้สัมผัสกับอาหารรสเด็ดในแบบที่เราไม่คาดคิด ปิ่นโตที่ทางอันดา กระบี่ ซีทัวร์ จัดมาสุดว้าว สุดคุ้ม และสุดอร่อย แกงส้มกุ้งผักรวม ผัดวุ้นเส้น น้ำพริกกะปิด **เด็ดมาก ไก่ทอด และผักสด อาหารมื้อนี้รสชาติดีในแบบอาหารใต้แท้ๆ ระหว่างทานอยากบอกอีกเรื่องว่าอิ่มอร่อยจนไม่รู้สึกเลยว่า กำลังนั่งทานอาหารกลางวันลอยอยู่บนผืนน้ำ อ่าวปิเละ คลื่นสงบนิ่งมาก

การล่องเรือ สปีดโบ๊ทของ อันดา กระบี่ ซีทัวร์ ในพีพีเล มีข้อดีหลายประการ ด้วยความสวยงาม มาตรฐานของหมู่เกาะต่าง ในการนั่งเรื่อโดยไม่ต้องกังวลกับความปลอดภัย และในวันหยุดการนั่งเรื่อสปีดโบ๊ทท่องเที่ยวจะพบว่าราคาจะไม่แพงมาก และก็สุดคุ้มถ้ามาเป็นหมู่คณะ สะดวกจริงๆ ตอนนี่อิ่มแล้วช่วงบ่ายแก่ๆ ออกจากอ่าวปิเละ มายังถ้ำไวกิ้ง ทั้งสองที่นี้อยู่บนเกาะพีพีเล ถ้ำไวกิ้งเป็นถ้ำที่อยู่ทางทิศเหนือของเกาะถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเป็นสัมปทานรังนก ปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ ถัดจากถ้ำไวกิ้ง เรือพาเราเข้ามายังอ่าวเล็กๆ ที่มีชายหาดระยะสั้นๆ อ่าววังหลง เป็นอ่าวที่เล็กที่สุดบนเกาะพีพี มีป้ายของสัมปทานรังนกเจ้าเดิมอยู่บนชายหาด ที่อยู่ใกล้กับอ่าวนุ้ย ถึงแม้อ่าววังหลงจะเป็นอ่าวที่เล็กที่สุดก็ตามก็ถ้าเรื่องของความสวยงามแล้วติดอันดับสวยที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอ่าวนี้มีความโดนเด่นเรื่องทางเข้าที่เล็กถ้าได้เข้าไปแล้วเหมือนหลงไปอยู่ในถ้ำนำทะเลสีเขียวสดราวกับว่าไม่ใช่น้ำทะเล

“อ่าวนุ้ย”ท่ามกลางน้ำทะเลใสที่ “อ่าวนุ้ย” อ่าวเล็ก ๆ ที่มีชายหาดสีขาวแสนสงบ ขาวสะอาด น่าเล่นน้ำ เหมาะกับการมาดำน้ำดูปะการัง แต่จะไล่เรียงกันจริง ๆ ทุกหาด ทุกอ่าว ก็เหมาะกับการดำน้ำแทบทั้งสิ้นถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด

เกาะไม้ไผ่-ทะเลแหวก ตามแผนที่จะทราบว่า เรามุ่งหน้าไปเที่ยวหมู่เกาะพีพีในระยะไกลก่อนที่จะย้อนแวะเที่ยวก่อนเข้าสู่ฝั่ง จากอ่าวนุ้ยสปีดโบ๊ทของ อันดา กระบี่ ซีทัวร์ แวะชม “เกาะไม่ไผ่” เกาะที่ได้ชื่อว่า “ดงปะการังแสนไร่” นักท่องเที่ยวส่วนมากใช้เวลาไปกับการเล่นน้ำ รูปร่างของเกาะไม้ไผ่เป็นทรงสามเหลี่ยมหัวมน มีหาดทรายรอบเกาะ สลับกับโขดหินเล็กๆ สามารถเดินได้รอบเกาะระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เกาะไม้ไผ่เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลอันดามันมีชายหาดตั้งแต่ฝั่งทิศเหนือยาวมาถึงฝั่งทิศตะวันออก เราจึงสามารถเดินวนได้รอบเกาะมีน้ำใสชายหาดขาวทอดยาว มองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงช่วงเวลาอันแสนสุข

ก่อนจะกลับเข้าฝั่ง สปีดโบ๊ทและไกด์ยังพาเราไปแวะ ทะเลแหวก เราเลยถามว่า ทะเลจะแหวกตอนไหน? แนวสันทรายค่อยๆ จมหายไปใต้ผืนน้ำเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาน้ำขึ้นของแต่ละวัน ช่วงเวลาบ่ายของวันนั้น น้ำทะเลยังลดไม่มากนัก เราได้แต่นั่งมองสักพัก และเดินทางกลับ เรียกว่าเป็นโปรแกรมทัวร์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่

วันแห่งความสุขมักจะผ่านไปได้อย่างเร็ว เส้นทางนี้ได้รับการจารึกไว้อย่างวิจิตรบรรจงและสวยงดงามตามธรมมชาติ จัดว่าเป็นทริปเที่ยวสบายๆ อยากบอกว่า ที่เที่ยวกระบี่ยังมีอะไรรออยู่อีกมากมายนัก ทั้งทางบกทางทะเล มาแล้วต้องให้เวลากันมาก ๆ ได้มาเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารักทั้งที อยากให้ทุกคนได้เติมความฟินให้จุใจ

สำหรับเราเลือกมาเที่ยวกับ Anda Krabi Seatour
โปรแกรมเที่ยว ANDA KRABI SEATOUR อันดา กระบี่ ซีทัวร์ เข้าไปดูกันได้เลย
https://www.facebook.com/krabiseatour
หรือคลิ๊กไปที่ลิ้งค์ / Click on the link.
https://line.me/R/ti/p/%40andakrabiseatour
โทร. 081-7195944 คุณปิงปอง
Email : info@andakrabiseatour.com

อ่าวมาหยา #การท่องเที่ยวกระบี่ #หมู่เกาะพีพี
#อันดากระบี่ซีทัวร์ #ทะเลแหวก #toptptravel

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9 ดำเนินงานด้านทันตนวัตกรรมเน้นหลักการ ค้นคว้า ปฏิบัติ และพัฒนา 10กว่าปีที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ทั้ง 8 หน่วยได้มากกว่า 5 แสนคน คิดค้นนวัตกรรมด้านทันตกรรมผลิตใช้ได้เองภายในประเทศทดแทนการนำเข้า ช่วยภาครัฐประหยัดเงินได้มหาศาล ล่าสุด ร่วมกับภาคีเครือข่าย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาบริการนวัตกรรมทางด้านทันตกรรม (Digital Dentistry) ตั้งเป้าดูแลผู้สูงอายุ ให้มีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยในโอกาสจัดกิจกรรม “มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ พบสื่อมวลชน” ว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการจัดตั้งมูลนิธิฯ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการให้บริการด้านทันตกรรมแก่ประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปแล้วประมาณ 500,000 คนรวมทั้งมีโครงการที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรมที่ผลิตได้ภายในประเทศ โดยให้เครือข่ายนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชน อย่างเช่น โครงการรากฟันเทียเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ได้มากกว่า30,000 คน

ทพญ.สุปราณี ดาโลดม ผอ.ศูนย์พัฒนาระบบบริการและคลินิกทันตกรรม และ นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดิมเป็นหน่วยงานหนึ่งในหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่อมามีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิฯ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ตามพระราชกระแส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่าทันตแพทย์ไม่ควรจะทำการรักษาอย่างเดียว ควรจะได้มีการคิดค้น พัฒนาวิจัย และพัฒนา เพื่อที่จะผลิต วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ขึ้นมาใช้เองในประเทศด้วย

ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นผู้ดำเนินการเลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจของมูลนิธิฯ มีหน้าที่หลักอยู่ 3 ประการ คือ
ภารกิจส่วนแรก เป็นฝ่ายเลขานุการของหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ซึ่งมีหน่วยบริการอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมูลนิธิฯ สนับสนุนเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการออกให้บริการประชาชน ซึ่งแต่ละปีสามารถให้บริการประชาชนได้ประมาณ 50,000 คน ภายใน 10 ปี มียอดรวมประมาณ 500,000 กว่าคน

ภารกิจส่วนที่ 2 คือทำการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้เกิดนวัตกรรมสำหรับนำไปรักษา แก้ไข ฟื้นฟู ป้องกัน ทางทันตกรรมให้กับประชาชน ปัจจุบันนี้มีผลิตผลซึ่งเกิดจากการวิจัยและพัฒนาของมูลนิธิฯ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารทางการแพทย์ เช่น เจลลี่โภชนา อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก วุ้นชุ่มปาก หรือนวัตกรรมน้ำลายเทียมชนิดเจลสำหรับผู้ที่มีภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย หรือ ผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าถึงประชาชนผู้ใช้ได้ประมาณ240,000 คน ในช่วงเวลา 10 กว่าปี ที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องมือแพทย์มี รากฟันเทียมสำหรับผู้สูญเสียฟัน ฟันเทียมทั้งปาก ซึ่งฟันเทียมประเภทนี้จำเป็นมากสำหรับผู้สูงอายุซึ่งจะต้องได้ใส่ฟันเทียมเพื่อที่จะได้มีฟันเทียมเคี้ยวอาหาร

นอกจากนี้ยังมีสารผนึกหลุมร่องฟันเรซิน เอาไว้สำหรับป้องกันฟันผุ กรณีผู้ที่ที่มีปัญหาหลุมร่องฟันซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาฟันผุ ล่าสุดผลงานที่สำคัญคือ งานวิจัยและพัฒนาผลิตน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อในช่องปากจากหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่ผ่านมาใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นหลัก

ภารกิจส่วนที่ 3 คือร่วมกับภาคีเครือข่ายในการให้บริการกับประชาชน เกิดโครงการต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่นโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งปกติแล้วรากฟันเทียมหนึ่งซี่ราคาแพงแต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาประชาชนได้รับบริการฟรีไปแล้วประมาณ 30,000 กว่าคนคิดเป็นมูลค่าในการประหยัดเงินได้มหาศาล

เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานสิ่งสำคัญไว้หลายประการ แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือเรื่องที่มีแนวพระราชกระแสเกี่ยวกับการค้นคว้า ปฏิบัติ พัฒนา ซึ่งทำให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯมีทิศทางที่ชัดเจน และเนื่องจากในเวลานี้เป็นยุคดิจิทัล เป็นกระแสของโลก ในปี 2565 ถึงปี 2570 มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมมือกับกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ในการดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเปลี่ยนระบบการให้บริการทันตกรรมเดิมที่เรียกว่า Analog ไปสู่ Digital Systemเพื่อทำให้ประชาชนนับสิบล้านคนเข้าถึงการให้บริการรวมทั้งเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกิดจากการวิจัย พัฒนาของมูลนิธิฯ

“เราให้ความสำคัญกับวิจัยและพัฒนา ซึ่งยังมีหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งไว้เป็นพระราชกระแส เป็นรับสั่งสุดท้ายก่อนสวรรคตว่า ผู้สูงอายุอย่างเรามีจำนวนมาก ทันตแพทย์ต้องช่วยดูแล ซึ่งผู้สูงอายุปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นถึง 14 ล้านคน อันนี้ก็เป็นโจทย์สำคัญที่มูลนิธิฯและภาคีเครือข่ายจะต้องหากรรมวิธีที่จะดำเนินการที่จะทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นได้รับการดูแลรักษาทางด้านทันตกรรมให้เหมาะสมและมีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป”เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าว

เดอะ ลูนา ป่าตอง : The Lunar Patong

ใครที่วางแผนมาเที่ยวภูเก็ตในช่วงนี้ หน้าร้อนมาแล้ว อยากชวนมาหนีความวุ่นวายในเมือง ไปรับวิตามินดีแบบเต็มๆ กับริมชายหาดในภูเก็ตกันดีกว่า กับที่พักราคาถูกและดี ใกล้ทะเล ใกล้ชายหาด ใกล้ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ร้านสะดวกซื้อ โรงแรมเดอะ ลูนา หาดป่าตอง เป็นที่พักที่มีชื่อเสียงและได้รับมาตรฐานใน ภูเก็ต ตั้งอยู่ใกล้หาดป่าตอง อีกทั้งยังใกล้กับห้างสรรพสินค้าและถนนบางลาซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนชื่อดังของเมืองภูเก็ต ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีสวนส่วนตัวที่ช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นอีกด้วย

ตั้งแต่เดินก้าวลงจากรถ เข้าสู่บริเวณโรงแรมเดอะ ลูนา โรงแรมออกแบบสไตล์โมเดิร์น โรงแรมยังให้ความสำคัญในเรื่องฟังก์ชันการใช้งานที่ดีมาก การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพนักงานทุกคนในโรงแรม การบริการดีเยี่ยม ที่พักกว้างขวางสวยงามอลังการ ดูไม่วุ่นวายด้วย ที่จอดรถสะดวกสบาย ที่พักพร้อมวิวภูเขา สระว่ายน้ำ บรรยากาศดี สะดวกสบาย ใกล้ทะเล ใกล้ชายหาด มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ จัดว่าเป็นที่พักราคาหลักร้อยสุดคุ้มในช่วงเวลานี้ เหมาะสำหรับครอบครัว เพื่อนฝูงหรือมาพักกันเป็นหมู่คณะ เพราะที่นี่มีห้องรองรับหลากหลายรูปแบบ ห้องสวยมาก เลือกที่พักเรียบหรูและราคาแสนจะประหยัด

ชื่อที่พักเขียนว่า เดอะ ลูนา ป่าตอง : The Lunar Patong
เป็นอีกหนึ่งโรงแรม ที่มีทำเลอยู่ใจกลางป่าตอง สำหรับห้องพัก ดีลักซ์/เตียงคู่ หรือเตียงเดี่ยวพร้อมระเบียง วิวสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ช่วงที่ไปราคาโปรหลักร้อย ช่วงนี้ยังไม่มีอาหารเช้า ห้องพักตกแต่งสวยงาม สะดวกสบาย น่าพัก หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวที่นี่มีห้อง ห้องสวีทแบบหนึ่งห้องนอน ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มีระเบียงมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และวิวภูเขา สระว่ายน้ำเป็นสระที่มีขนาดยาว กว้างตามตัวโรงแรม ว่ายไปมาได้จริงๆ บริเวณสระว่ายน้ำมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ห้องพักปรับอากาศทุกห้องมีทีวีจอแบนและห้องน้ำส่วนตัวพร้อมฝักบัว มีพื้นที่นั่งเล่นเพื่อผ่อนคลาย รวมทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ และเครื่องใช้ในห้องน้ำฟรี มีบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) สะดวกสบายมาก ในส่วนของห้องพักมีขนาดกว้างมาก ห้องพักตกแต่งเรียบๆ สวยงาม สะดวกสบาย เตียงใหญ่นอนสบาย หมอนนุ่ม มีโชฟาใหญ่ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว แต่งทันสมัย และมีอ่างอาบน้ำสุดฟิน เหมาะสำหรับการมาฮันนีมูนสุดๆ ดีงามไปหมด หากใครกำลังมองหาที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยวแต่บรรยากาศเงียบสงบ เราขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ

อ้อ! ช่วงนี้โรงแรมยังไม่ได้เปิดบริการอย่างเต็มๆ พนักงานบางส่วนจะไม่ได้อยู่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็มีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถโทรฉุกเฉินได้ตลอดเช่นกัน

โรงแรมเดอะ ลูนา ป่าตอง
31/1 Rat-Uthit 200 Pee Road Patong Beach, Katu, Phuket 83150

Inbox : Face book : The Lunar Patong
โทรมาก็ได้ที่ 076 380500 หรือ 088 7915284
https://thelunar.com-patong.com/th/

#TheLunarPatong #ที่พัก #โรงแรมสวย #ท่องเที่ยว #เที่ยวภูเก็ต
#โรงแรมเดอะลูนาป่าตอง #toptotravel

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น