กกท. ปฐมนิเทศนักกีฬาและบุคลากรกีฬาที่ได้รับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2562

กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือและจัดสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 สนับสนุนทุนการศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 มีผู้ได้รับทุนการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 272 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 34,840,400 บาท

นายณัฐวุฒิ เรืองเวศ รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย

นายณัฐวุฒิ เรืองเวศ รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา และในฐานะผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นประธานการเปิดงานการอบรมปฐมนิเทศและทำสัญญานักกีฬาและบุคลากรกีฬาที่ได้รับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2562 กล่าวว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นอีกกองทุนหนึ่ง ที่ช่วยสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษาที่เป็นนักกีฬาและบุคลากรกีฬา ที่มีผลงานทางด้านการแข่งขันกีฬาเป็นที่ประจักษ์และมีผลการเรียนที่ดี ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้ผลักดัน และให้การดูแลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา

โดยให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ ในลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายเหมาจ่ายรายเดือน , ค่าบำรุงการศึกษา แต่ละภาคการศึกษาตามที่ระเบียบกระทรวงการคลังกำหนด และยังเพิ่มโอกาสการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป ในกรณีที่ผู้ขอรับทุนรายนั้น ๆ มีความสามารถ ด้านการศึกษาและกีฬาตามที่หลักเกณฑ์กำหนด

นายณัฐวุฒิ เรืองเวศ กล่าวต่อว่า สำหรับปีการศึกษา 2562 นี้ กองทุนฯได้ประสานขอความร่วมมือไปยังสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการให้ความช่วยเหลือ ผลักดันนักกีฬาที่ได้รับทุน ให้สามารถฝึกซ้อม แข่งขัน ศึกษาเล่าเรียนควบคู่กันไปจนจบการศึกษา กรณีพบว่านักกีฬาคนใด เกิดปัญหา ในระหว่างศึกษา เช่น เวลาเรียนไม่เพียงพอ ไม่มีคะแนนเก็บเนื่องจาก ไม่ได้ทำกิจกรรมหรือส่งรายงาน หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ ก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงาน จะได้ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬา เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งจะส่งผลให้นักกีฬาลดความกังวล และมีสมาธิมุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมและการแข่งขันกีฬามากยิ่งขึ้น

นายพงศ์ภรณ์ สุวิทยารักษ์ (แบนซ์) ม.ธรรมศาสตร์รังสิต กีฬา เทควันโด

ในการพิจารณาให้การสนับสนุนทุนการศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 มีผู้ได้รับทุนการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 272 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 34,840,400 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ยื่นขอรับทุนทั้งหมด จำนวน 209 คน ได้รับพิจารณาให้นักกีฬาทีมชาติ เยาวชนทีมชาติ และนักกีฬาที่อยู่โครงการในแผนการพัฒนาของสมาคมกีฬา จำนวน 160 คน และบุคลากรกีฬา จำนวน 1 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 161 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 34,840,400 บาท
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ยื่นขอรับทุนทั้งหมด 52 จังหวัด 112 คน ได้รับการพิจารณาให้ทุนตามประกาศฯ กองทุน รวมทั้งสิ้นจำนวน 111 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 6,395,400 บาท ทุนต่อเนื่อง อีกจำนวน 291 คน

เพื่อให้นักกีฬาและบุคลากรกีฬา ที่ได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับ ข้อบังคับ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของกองทุน จึงจัดให้มีการอบรม ปฐมนิเทศ ให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน”

“ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ”

จัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ฮาลาล 2562
พัฒนาศักยภาพด้านวิทยศาสตร์ฮาลาลไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ในโอกาสครบรอบ 16 ปีแห่งการจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยมูลนิธิพัฒนาวิทยาศาสตร์ฮาลาล
จัดงาน “สัปดาห์วิทยาศาสตร์ฮาลาล” (Halal Science Week 2019) ระหว่างวันที่ 1 – 8 สิงหาคม 2562

​โดยงาน สัปดาห์วิทยาศาสตร์ฮาลาล (Halal Science Week 2019) จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์งานวิทยาศาสตร์ฮาลาล ให้แก่เยาวชนและผู้คนที่สนใจทราบ รวมถึงส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และพัฒนาคุณภาพของเยาวชนไทยให้เป็นผู้มีทักษะการเรียนรู้และสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเริ่มต้นงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ด้วยกิจกรรมดีๆ
อัดแน่นมากมาย
• 1 – 6 สิงหาคม 2562 : Halal Science Camp & Quiz Bowl การเข้าค่ายและแข่งขันตอบปัญหาด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล
• 3-7 สิงหาคม 2562 : Halal Science Competition การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาลระดับมัธยมศึกษา
• 4 สิงหาคม 2562 : Halal Run For All งานเดิน-วิ่งการกุศล 16 ปี
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• 7 สิงหาคม 2562 : Public Hearing การประชาพิจารณ์มาตรฐานสากล

ปิดท้ายกับงาน 16th Anniversary of HSC ร่วมแสดงความยินดีครบรอบ
16 ปี แห่งการจัดตั้งศูนย์ วิทยาศาสตร์ฮาลาล, งานแถลงข่าวการเปิดตัวโปรแกรม HALPlus พร้อมด้วยงานเปิดนิทรรศการสิ่งต้องห้ามและต้องสงสัย Exhibition on Don’t and Doubt ในวันที่ 8 สิงหาคม 2562 นี้
ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงานสวนหลวงสแควร์ จุฬาซอย 12 เวลา 08.00-16.00 น. สำหรับผู้สนใจเข้าร่วม

กิจกรรมสามารถสอบถามข้อมูล หรือติดตามข่าวสารต่างๆ
ได้ที่ 02-218-1053
https://www.facebook.com/HSC.CU/ , http://www.halalscience.org/

ท้าให้ลอง Indian food ต้นตำรับแดนภารตะ ณ ห้องอาหารเดอะสแควร์

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต


เคยมีคนถามว่าชอบอาหารอินเดียมั้ย​?
แฟนคลับที่ติดอกติดใจ ที่สุดของอาหารอินเดียเมนูเด็ดของ ร้านบาวาร์ชิ ร้านอาหารอินเดียชั้นนำจากต้นตำรับ แดนภารตะ รังสรรค์โดยเชฟ ผู้มากประสบการณ์จากร้านบาวาร์ชิ ร้านอาหารอินเดียชั้นนำระดับประเทศ ด้วยรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย

Toptotravel มาถึงแล้วไม่รอช้า ตักของอร่อยมาชิมกันเลย กินอาหารอินเดียครั้งแรกอร่อยกว่าที่คิด อาหารอินเดียที่คนไทยทานได้ง่ายๆ ที่นี่จัด แบบบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย โดยโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ร่วมกับร้าน บาวาร์ชิ ซึ่งเป็น ร้านอาหารอินเดียชั้นนำ จัดเทศกาล อาหารอินเดีย ณ ห้องอาหารเดอะสแควร์ของโรงแรมฯ ลองกันในครั้งนี้ รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่นอน

ข้าวพิลาฟร้อนๆ

บอกเลยที่เด็ดของ อาหารอินเดีย ที่ห้องอาหารเดอะสแควร์ของโรงแรม โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เมื่อมาถึงรับ welcome drink เครื่องดื่มต้อนรับ ผสมโยเกิร์ต เครื่องดื่มที่ช่วยระบบย่อย และดับกลิ่นเครื่องเทศและรสชาติของอาหารอินเดีย กับเมนูอาหารอินเดียที่คนไทยทานได้ง่ายๆ ประสบการณ์แห่งความอร่อยครั้งนี้ ส่งตรงจากต้นตำรับแดนภารตะ รังสรรค์โดยเชฟผู้มากประสบการณ์จากร้านบาวาร์ชิ ร้านอาหารอินเดียชั้นนำระดับประเทศ ด้วยรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย โดยได้รับรางวัลจาก Thailand Tattler ให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในประเทศไทยเป็นเวลาหลายปีติดต่อกันและยังได้รับ Certificate of Excellence จาก Trip Advisor เป็นประจำ รวมไปถึงรางวัลจาก Readers Choice สไตล์อินเดียที่มีชื่อเสียงมานานเป็นร้านอาหารอินเดียที่ดีที่สุดในต่างประเทศ โดยสภาร้านอาหารอินเดีย พร้อมเสิร์ฟอาหารรสจัดจ้าน รวมถึงเมนูอย่างอื่นอีกมากมายหลายอย่างคะ อาหารระดับพรีเมี่ยมในราคาแสนสบาย ให้ได้เอ็นจอยกันกับการกินสุดดีงาม

วันนี้ เชฟกัลยาณี จิริฐิติกาลโชติ แนะนำและขอพาชมไลน์อาหารก่อนเลยนะ อาหารแห่งคาบสมุทรอินเดีย จัดจ้านด้วยเครื่องเทศของดีที่อยากให้ลิ้มลอง แกงกะหรี่เนื้อแกะ แกงผักโขมกับชีส ไก่ย่างเคี่ยวในซอสแกงกะหรี่ มันฝรั่งและดอกกระหล่ำบดใส่เครื่องเทศ โรตีและขนมปังอินเดีย ทานคู่กับแป้งนาน ทำสดใหม่ และข้าวพิลาฟหุงร้อนๆ ส่วนอาหารอินเดียต่างๆ เหล่านี้ แนะนำเป็นอย่างยิ่งจากความอร่อยส่วนตัว อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูเด็ดอื่นๆ อีกมากมาย รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ให้เลือกสรรความอร่อยได้อย่างไม่จำกัด รับรองถูกปากคนไทยแน่นอน

ซิกเนเจอร์จุกๆ ที่ต้องจัด
Chicken tikka Masala ไก่มาซาลา
Lamb Roganjosh แกงกะหรี่เนื้อแกะ
Malabari Fish Curry แกงกะหรี่ปลา
Panner lababda r แกงกะหรี่ชีส
Daal Makhani แกงถั่วใส่เนย
Aloo Gobhi มันฝรั่งและดอกกระหล่ำบดใส่เครื่องเทศ
Assorted Indian Bread โรตี และ ขนมปังอินเดีย
Chicken Samosa and Vegetable Samosa ซาโมซ่าไก่ และซาโมซ่าผัก

ของหวาน : Lassi ลาสซี่
Gulab Jamun กุหลาบจามุน

โรตีและขนมปังอินเดีย ทานคู่กับแป้งนาน

สำหรับคนที่ชอบทาน Lobster ต้องทานให้ได้นะคะ กริลล์หอมกรุ่นอร่อยกว่าที่อื่นหลายเท่าตัว ในกรุงเทพยังหา LOBster ตัวใหญ่ที่อร่อยเท่านี้ได้ยากมาก แม้แต่โรงแรม 5 ดาวหลายๆ ที่ก็เถอะคะ Toptotravel ยอมใจให้ที่นี่ คุ้มมากจริงๆ

พิเศษสุดคุ้ม! “มา 4 จ่ายเพียง 3”
เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิต Aeon, KTC ,Krungsri และ SCB

ลิ้มลองรสชาติความอร่อยเลิศของอาหารอินเดีย
บุฟเฟ่ต์ที่นี่จัดเฉพาะวันที่ 10 – 23 มิถุนายน 2562
Lunch buffet ราคา 820 บาท เน็ต เวลา 11.30-14.00 น.
Dinner buffet 1,120 บาท เน็ต เวลา 18.00-22.30 น.
Sunday Brunch 1,299 บาท เน็ต (lobster 1 ตัวต่อท่าน)
เริ่มที่เวลา 11.30-15.00 น.

Farm Stays in Singburi บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ สวรรค์บ้านทุ่ง

ทดลองใช้ชีวิตแบบพอเพียง ท่ามกลางความสุขที่เพียงพอ ชีวิตพอเพียง เพื่อสุขที่เพียงพอ
จุดแรกของทริปนี้ กับวิวท้องทุ่งนา ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา กับวิวพาโนรามาแบบ 180 องศา เราได้เเที่ยวเชิงเกษตรแบบดั้งเดิม ที่นี่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจจากคำสอนของในหลวง ร.9 และได้ลงมือทำเพื่อเดินตามรอยแนว ความพอเพียงของพ่อหลวง

FARM STAYS IN SINGBURI

ที่พักสไตล์ฟาร์มสเตย์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว นักเดินทางที่มองหาที่พักอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ เปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ให้เข้ามาศึกษาหาความรู้

บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ถูกล้อมรอบไปด้วยนาข้าว ได้ยินเสียงนกร้องปลุกผู้มาเยือน ท่ามกลางบรรยากาศแบบส่วนตัว บ้านพักที่พักแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับคนที่กำลังอยากทดลองใช้ชีวิตในแบบพอเพียง เป็นที่พักเชิงเกษตร หรือ ฟาร์มสเตย์ ที่เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการจะนำผืนดินเล็กๆ กับที่พักสไตล์ฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่ใจกลางขุนเขา แวดล้อมไปด้วยความสงบและความสุขจากธรรมชาติ แต่เดิมที่นี่ทำนา ปลูกข้าว ด้วยใจรักในเรื่องของสุขภาพ และอยากให้คนในครอบครัว ได้รับประทาน เริ่มแบ่งปันให้คนรอบข้าง จนเริ่มมีผู้มาเยือนที่นี่บ่อยขึ้นจึงค่อยๆ พัฒนาที่นี่ เป็นที่พักเชิงเกษตร ตามแนวพระราชดำริในการใช้ชีวิตที่พอเพียงให้กลายเป็นบ้านทรงไทยกลางทุ่งนาเขียวขจีที่แสนอบอุ่น

ข้าวหอม ฟาร์มสเตย์ (Farm Stay) เป็นสถานที่คงความอุดมสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติเอาไว้ได้ครบทั้งหมด ความสุขในวิถีเกษตร ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา บนเนื้อที 20 ไร่ ผสมผสานกับความเรียบง่ายที่พอเพียง แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภายในบ้านพักแต่ละหลังครบครัน และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน พื้นที่ส่วนกลางของที่พักเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจีในช่วงปลายฝน ก่อนผลัดเปลี่ยนเป็นสีทองในช่วงหน้าหนาว

ภายในห้องพักตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น และที่สำคัญคุณยังได้เรียนรู้การทำเกษตร และยังได้รับประทานอาหารออร์แกนิคที่สดใหม่ปราศจากสารเคมี ที่พักจะมีแปลงเกษตรให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมลงมือและเรียนรู้การปลูกผักออร์แกนิค ตามธรรมชาติตามวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบบ้านนอก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่ น่าจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ได้ดี

คุณสายพิน ชูเชื้อ เล่าถึงที่มาของ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ หลังจากหันหลังให้กับอาชีพพยาบาล จากทำงานหนักมาตลอด ภายหลังหันมาให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพ ทั้งอาหารและการใช้ชีวิต เขาจึงตัดสินใจเปิดที่พักนี้ขึ้น เปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตัวเอง สู่วิถีเกษตรท้องถิ่น ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่แบบเกษตรอินทรี โดยไม่พึ่งสารเคมี และปลูกผักปลอดสารพิษ รวมถึงยังเปิดเป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้ ให้นักท่องเที่ยวได้มาทำกิจกรรมปลูกข้าว ดำนา เก็บผัก ล่องเรือ และยังเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน บนเรือนไทยไม้สัก เคียงข้างท้องทุ่งนาสีเขียวขจีกว่า 20 ไร่

คุณสายพิน ชูเชื้อ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์

จากที่ดินผืนเดิมถูกปรับให้เหมาะกับการทำที่พักเชิงเกษตร อาหารเราใช้ ได้จาก ทุ่งนาสีเขียวกับการเรียนรู้วิถีชีวิตเรียบง่าย ผักที่ปลูกเองมาเป็นวัตถุดิบ ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่มีความสะดวกสบายบวกกับได้การเรียนรู้ ถ้ามาพักที่นี่ ตื่นเช้ามาทำบุญใส่บาตร ทานอาหารเช้าแล้ว ตื่นมาอาจจะปลูกผัก รดน้ำผัก มาทำเกษตร ปั่นจักรยานชมท้องนา, ใส่บาตรพระตอนเช้า, ชมการปลูกผักปลอดสารพิษ, ชมโรงสีข้าว หรือถ้ามาช่วงเข้าออกรวงก็มาเกี่ยวข้าวกัน ซึ่งก็แล้วแต่ฤดูกาล ข้าวไรซ์เบอรี่สิงห์บุรี ที่ได้มาตรฐานพร้อมส่ง ภายใต้แบรนด์ บ้านข้าวหอม ซึ่งเป็นความสำเร็จของบ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ เป็นความฝันที่มีคนร่วมฝันเป็นคนในครอบครัว

การทำนาแบบปลอดภัย กว่าจะมาเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ที่บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ทำนาเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ เน้นเรื่อง ข้าวปลอดสาร เน้นความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน จึงมีการทำทุกกระบวนการอย่างมีคุณภาพ จนได้รับมาตรฐานของกรมการข้าวและอย.อยากให้ทุกคนรักสุขภาพ ด้วยการกินอาหารที่ดีมีคุณภาพ ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยากต่อการเจ็บป่วย โดยเริ่มต้นที่ข้าว ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานของคนไทย ควรเลือกทานข้าวที่มีประโยชน์ สะอาดและปลอดภัย ดังคำพูดที่ว่า ทานข้าวเป็นยา อย่าทานยาแทนข้าว รับรองพักที่ฟาร์มสเตย์แห่งนี้ทั้งอิ่มท้อง ทั้งอิ่มใจเลยล่ะ
-คุณสายพิน ชูเชื้อ

คุณสายพิน ชูเชื้อ

นอกจากนี้หากมีเวลาเหลือก็ต้องไม่พลาดไปเที่ยวชมธรรมชาติเชิงอนุรักษ์มากมาย ที่พักสไตล์ฟาร์มสเตย์ที่คุณจะได้สัมผัสอากาศที่เย็นสบาย ห้องพักออกแบบมาได้อย่างน่ารัก รวมไปถึงพื้นที่ สำหรับการทำกิจกรรม เป็นกลุ่มสุดสนุกและได้เรียนรู้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การปลูกผัก เก็บผักตามฤดูกาล ดำนา เกี่ยวข้าว ปลูกข้าวโพด พายเรือ และเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 22 กิโลเมตร มาชมทุ่งนาสีเขียวๆ ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตชนบทที่มีความเรียบง่าย ทำไร ทำนา ปลูกผัก ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ แต่มากไปด้วยความสุข ความพอเพียง พร้อมเปิดบ้านรอต้อนรับอย่างอบอุ่นราวกับเป็นคนในครอบครัว

ติดต่อ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ห้องพักในเรือนไทย
ที่พัก : บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์
ราคา : 500-800 บาท/คน
(ที่พัก + อาหาร 2 มื้อ + อาหารว่าง + กิจกรรมท่องเที่ยว)
Facebook : บ้านข้าวหอมสิงห์บุรี
ติดต่อ โทร : 082 724 0322
พิกัด : https://goo.gl/maps/psyxFn8enTK2

เจแปนแสนรัก ดอกซากุระดอกไม้ สีชมพูที่สวยที่สุดในโลก

นั่งสบตาดอกซากุระ กับเทศกาลฮะนะมิ (Hanami) ที่โตเกียวไปญี่ปุ่นแล้วมาฮานามิ ใต้ต้นซากุระ ทริปนี้เพอร์เฟ็คท์มาก

ครั้งนี้บินไปเที่ยวไกลถึงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลบร้อน หาเวลาสัก 4 วันไปชมดอกซากุระ ดูภูเขาและสิ่งที่ต้องมีในทริปนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิตขอนั่งชิวใต้ต้นซากุระ 

สวนอุเอโนะ หนึ่งในสวนสาธารณะยอดนิยมใจกลางกรุงโตเกียว ใครอยากชมซากุระแบบคนญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า เทศกาลฮานามิ ก็มาปิกนิกที่นี่ได้นะ บริเวณโดยรอบแวดล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งวัด ศาลเจ้า ทะเลสาบ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ นอกจากนั้นภายในสวนยังเต็มไปด้วยต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้น เรียงรายตามสองฟากฝั่งของถนนที่ทอดยาวภายในสวน โดยในช่วงที่ดอกซากุระกำลังบาน ที่สวนอุเอโนะก็มีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระ รวมถึงการเปิดไฟไลท์อัพสวยๆ

Ueno Park สวนสาธารณะแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ใกล้ถึงเทศกาล “ฮานามิ” หรืองานเฉลิมฉลองของญี่ปุ่น ขอเรียกทริปเกร๋ๆ นี้ว่า เจแปนแสนรัก ได้กอดคอเพื่อนเที่ยวญี่ปุ่น เดือนเมษา  ขอลาพักร้อนได้ยาวๆ ลองจัดทริปกับแก๊งเพื่อนเลิฟ ที่ประเทศญี่ปุ่นก็จะมีดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บริเวณโดยรอบมีที่ช้อปปิ้งรอบๆ ให้ไปเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี บอกเลยว่าไปทั้งทีไม่ผิดหวัง แถมยังเดินทางง่ายด้วยนะ

12670665_1374714882554379_5585578028886749032_n

ทำงานเหนื่อย ก็ต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ คนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นนอก
จากไปกับทัวร์แล้ว อีกทางที่ฮิตมากมายเลยคือ นั่งรถไฟฟ้า เจอาร์เที่ยวเองไปกับกลุ่มเพื่อน ตรงนี้เราสามารถซื้อเลือกจากเมืองไทย มีให้เลื่อก มากมายเลือกซื้อตามสบาย และ มื้อแรกที่ถึงโตเกียวเก็บกระเป๋าอะไรเสร็จแล้ว รออะไร นั่งรถไฟจากเมืองไทย เข้าใจง่ายสบายๆ  อยากไปเที่ยวบ้างทำได้ง่ายๆ วางแผนกันเลยแต่ถ้าซื้อ JR pass อื่น เช่น  JR Kanto pass สามารถไปซื้อที่สนามบินได้ ที่ JR office ไม่ต้องซื้อล่วงหน้าจากไทยไปก่อน

ถ้าหากจะซื้อ JR pass ให้คำนวณถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายก่อน บางที อาจจะจ่ายในส่วนที่แพงเกินจำเป็น อยู่แค่ใน tokyo หรือ ออกนอก tokyo นิดหน่อย  JR  pass ไม่มีความจำเป็นเลย ใน tokyo ซื้อ metro one day pass หรือ metro+ Toei ดูแล้วคุ้มมาก และสามารถหาข้อมูลจากการอ่าน japan-guide.com

sakura-85

ค่ำนี้นอนไหนกันดี แผนที่ของเราในครั้งนี้เริ่มออกเดินทางจากสนามบินนาริตะ โตเกียว แล้วเดินทางเที่ยวรอบๆ โตเกียวทั้งหมด โดยเราจองที่พักไว้ล่วงหน้าก่อน….โชคดีที่จองล่วงหน้าก่อนเดินทาง 3 เดือนไม่งั้นโรงแรมอาจเต็มหมด เพราะเป็นช่วงเทศกาลซากุระ นักท่องเที่ยวมาก ตลอดทางที่เราแวะเที่ยวถ่ายรูป ดูเมืองเล็กๆ ที่มีนักท่องเที่ยวมายจากทั่วโลก เส้นทาง…..ระหว่างเรามุ่งหน้าไปเมือง……ชื่นชมกับถนน เพราะเป็นวิวแม่น้ำโค้าเป็นสโลปสวยๆ ให้เราได้เห็นก่อนเดินทางต่อ  มื้อแรกที่ถึงโตเกียวแบบง่ายๆ อาหารหยอดเหรียญ

โตเกียว อากาศดีไม่ร้อน ไม่หนาว อุณหภูมิเฉลี่ย 12-20 องศา แถมทีขนมและอาหารอุดมสมบูรณ์จริงๆ  อาหารและผลไม้สดมาก เห็นแล้วอยากมาอยู่มากินของดีที่นี่ จะได้แข็งแรงอายุยืนอย่างคนโตเกียวบ้างจัง

12928387_1374714925887708_5531270961918680054_nช่วงซากุระบานของคนญี่ปุ่น ที่สวนอุเอโนะ (Ueno Sakura Matsuri-Cherry Blossom Festival) ดูซากุระก่อนใคร ขอบอกว่านาทีนี้เที่ยวญี่ปุ่นเมืองไหน ไม่เก๋เท่ามาโตเกียว เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยสีชมพู ซากุระที่จังหวัดโตเกียว คือพันธ์ุ….. ซากุระ โดยดอกจะมีสีชมพุเข้มสดกว่าพันธ์อื่นๆ เมื่อบานเต็มที่ ออกดอกเต็มต้น จึงค่อนข้างสวยงามตัดกับขอบฟ้าสีเข้ม ถ่านรูปกันเพลินทีเดียว ในช่วงปลายเดืนอมีนาคม ดอกซากุระเริ่มเบ่งบานกันแล้ว รับรองว่าใครได้มาที่นี่และลิ้มลองผลผลิตจากดอกซากุระมากมายอย่าง ไอศกรีมซสกุระ ชาซากุระ หรือเบียร์ซากุระก็มี
12923126_1371994506159750_3049440124495360946_nเราก็ได้มาอินกับดอกซากุระที่โตเกียว พร้อมกับดอกสีพาสเทลสวยงาม กันแล้วจุดนี้ห้ามพลาด

12961462_1374714885887712_7056154906277349972_n

ทำงานเหนื่อย ก็ต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ กันดีกว่า
สวนอุเอโนะ เข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชม.
(การแสดงไฟตลอดช่วงซากุระบาน 17.00-20.00 น.)
การเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานีรถไฟ Ueno

เดอะทับแขกกระบี่ ปันความสุข ปล่อยใจ เอนกาย ท่ามกลางทะเลธรรมชาติ

มาแบ่งปันพระอาทิตย์ตกดินกันเถอะ

ทำไมต้องไป “กระบี่” จังหวัดที่มีชื่อเสียง ดังไกลระดับโลก อย่างเกาะพีพี ทะเลแหวก ส่วนใครมีความหลงไหลในธรรมชาติ รักการเรียนรู้ ชอบการค้นหาอะไรใหม่ๆ ที่ชายหาดทับแขก ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป ที่พักหรูสุดโรแมนติก ชายหาดที่มีรูปทรงโค้ง น้ำทะเลเป็นสีฟ้า บรรยากาศเงียบสงบ ริมหาดสุดชิลล์ ฟีลกู๊ดกับวิลล่าริมทะเล ณ. เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท

ด้วยความโดดเด่นของทะเลที่คงความเป็นธรรมชาติ แถมบรรยากาศล้วนๆ ที่นี่เพื่อนๆ ที่มีโอกาสมาปักหมุดที่ชายหาดแห่งนี้ หลึกหนี มลภาวะและทิ้งความเครียดโยนลงทะเล แล้วที่นี้มานอนสูดอากาศดีสักคืน-สองคืน บอกเลยว่าช่วยรีเฟรชร่างกายได้ดีนะคะจะบอกให้!

วันนี้ เราไปพักกันที่ วิลล่าติดทะเล ติดชายหาด บรรยากาศดี วิวสวยที่สุดในโลก The Tubkaak Krabi Boutique Resort ใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 40 นาทีจากสนามบินนานาชาติกระบี่

“ทับแขก” หรืออีกนัยหนึ่ง หมายถึง บ้านพักสำหรับผู้มาเยือน ชายหาดที่เราสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างงดงาม เพราะที่นี่… ถือเป็น First impression และยังได้สูดโอโซนชั้นดีกับที่พักริมทะเลบรรยากาศสุดสโลว์ไลฟ์ความเงียบสงบ และธรรมชาติที่โอบล้อม ด้านห้องพัก มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 59 ห้อง โดยมีส่วนที่เป็น pool villa จำนวน 18 ห้องพักหรูระดับ 5 ดาว ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary Tropical ห้องพักตั้งอยู่บนหาดคลองหินและโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม หาดทรายสีขาว น้ำทะเล
สีฟ้าเข้มๆ ภูเขาสีเขียวชอุ่มที่เหมือนเป็นฉากหลังให้กับที่วิวที่พักริมทะเล

เข้าสู่โหมด ห้องพักหรู ตกแต่งต่างสไตล์ ลดหลั่นกันลงมาตามเนินเขามากถึง 6 แบบ คือ Deluxe Ocean View, Grand Deluxe Jacuzzi Ocean View, Tropical Villa, Tropical Pool villa, Beach Front Pool Villa และ Presidential Pool Villa 2 Bedroom แต่ละห้องยังตกแต่งผสมผสานความเป็นศิลปะจามแบบร่วมสมัยอย่างลงตัวและงดงาม ภายในห้องนอนคงคอนเซ็ปต์ของความเรียบหรูและยังคงเน้นสีขาวให้ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเพื่อความอบอุ่นและนุ่มนวล ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้ง ทีวีแอลซีดี ตู้เย็น ลำโพงไอพอด เครื่องทำกาแฟ เครื่องทำน้ำอุ่น และยังฟรีมินิบาร์ทั้งขนมและเครื่องดื่มแบบที่ไม่ต้องกลัวว่าจะหิว ละที่เป็นไฮไลท์ของห้อง Beach Front Pool Villa คือสระว่ายน้ำส่วนตัวที่อยู่ทางด้านหน้าห้องซึ่ง เป็นสระว่ายน้ำที่เราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบ 180 องศา พร้อมเตียงชายหาดให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ

จากวิลล่าพรีเมียร์กับสระว่ายน้ำ ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดสำหรับการพักผ่อนที่แสนโรแมนติก การตกแต่งภายในที่จากแนวคิดอันลึกซึ้ง วิลล่ามีขนาดกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรูหราและห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง และห้องอาบน้ำฝักบัวองค์ประกอบของการออกแบบในประเทศรวมทั้งหัวเตียงกราฟิกขนาดใหญ่ เพดานโค้งสูงหลังคาลาดวัสดุธรรมชาติสร้างความรู้สึกของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นภาคใต้

เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท อีกหนึ่งที่พักสวย ที่อยู่ในลิสต์ที่พักในฝันของใครหลายๆ คน เมื่อเข้ามายังพื้นที่ของรีสอร์ท ก็เหมือนหลุดเข้ามาในดินแดนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงไหลและได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนด้านหน้าจะเป็นส่วนของล็อบบี้ที่เป็นอาคารเปิดโล่งแบบ Open Air ที่เปิดรับลมจากธรรมชาติ ที่พักมาในรูปแบบวิลล่าสุดเรียบง่าย ที่เน้นดีไซน์จากธรรมชาติ ทั้งไม้ งานจักรสาน แต่ก็ยังแฝงความโมเดิร์นน่าพัก ได้อีกความรู้สึกซึ่งหายากในปัจจุบัน ส่วน มุมชิลล์ก็ต้องยกให้กับห้องพักติดทะเล ที่มีความเป็นส่วนตัว ที่เราสามารถหย่อนขา ตกปลา และชมวิวอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้จากมุมนี้ เหมาะแก่การหนีความวุ่นวายมาให้ร่างกายได้รีแลกซ์กันสุดๆ ที่นี่ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่าง

เดอะทับแขกเป็นบูทีค รีสอร์ท ความรักเล็กๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการอยู่ในระดับชั้นยอดเยี่ยม รวมไปถึงการบริการที่ใส่ใจในรายละเอียดจากพนักงานทุกคนที่มีคอยช่วยเหลือดูแลให้กับผู้เข้าพัก ไมว่าจะเป็นบริการทำความสะอาดเสื้อผ้า หารถเช่าโดยที่ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลาย ปล่อยความเหนื่อยล้า ความเครียดไปกับสระว่ายน้ำสวย ๆ อ่างจากุซซี่หรู หรือว่าจะหยิบหนังสือดี ๆ มาอ่าน หรือดูหนังดีวีดี หรือเล่นโยคะให้สบายใจนั้น ทางรีสอร์ทได้จัดมุมส่วนตัวให้คุณได้หาความสุขง่าย ๆ สะดวกสบายอย่างครบครัน

รุ่งเช้าหลังละเมียดกาแฟ….ยามเช้าและเบรกฟาสท์เบาๆ อย่างที่รู้กันว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน หลังอาหารเช้าเรามีโปรแกรมนั่งเรือไปเกาะ
กลางทะเล เพืื่อชมความงดงามของเกาะห้อง จากหาดทับ แขกสามารถเช่าเหมาเรือหางยาว (ติดต่อโรงแรม) วิ่งตรงมาเที่ยวชมความงามของเกาะห้อง ท่องเที่ยวกินบรรยากาศทะเลฝั่งอันดามัน เที่ยวชมหมู่เกาะห้อง (Koh-Hong) หรือ “เกาะเหลาบิเละ” เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ใช้เวลาเดินทางไม่มากนัก นั่งอยู่ที่หาด ก็มองเห็นเกาะห้อง หลังเที่ยงก็กลับได้จะได้ไม่ร้อนมาก

สำหรับมื้อเช้าและมื้อเที่ยง เราฝากท้องที่ห้องอาหาร Arundina ให้บริการอาหารไทยและอาหารยุโรป ตั้งอยู่ท่ามกลางสระบัว มีบรรยากาศที่มีเสน่ห์มากตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี หันหน้าไปทางริมหาดเห็นทะเลกระบี่ที่สวยงาม เพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารที่หลากหลาย รสชาติแสนอร่อย โดยพ่อครัวที่มีประสบการณ์ทั้งอาหารยุโรปและอาหารไทยคลาสสิก คัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ Arundina ยังเปลี่ยนบรรยากาศที่สดชื่นระหว่างวัน มาเป็นความโรแมนติกของอาหารมื้อค่ำที่เยี่ยมยอดภายใต้ฟ้าเปิด เสียงดนตรีเคล้าเสียงทะเล เติมเต็มการสัมผัสผู้เข้าพักได้อย่างเพอร์เฟค

มื้อเที่ยงไม่ต้องออกไปไหนไกลเพราะสามารถสั่งอาหาร โดยในแต่ละเมนูเป็นอาหารที่มีรสชาติเข้มๆ แบบทางใต้ เลือกทั้งโซนอินดอร์ด้านในและโซนเอ้าท์ดอร์ นั่งรับลมทะเลแบบชิลล์ๆ

ห้องอาหาร Arundina มีบรรยากาศที่มีเสน่ห์มากตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี หันหน้าไปทางริมหาดเห็นทะเลกระบี่ที่สวยงาม ที่มีเพียงที่เดียวบนเหาดทับแขก เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท ที่ให้ทุกคนได้นั่งเรือ ไปชมความงามของเกาะ สามารถดำน้ำดูประการังและสัตว์น้ำหลากสีสันได้อีกด้วย ช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาหรือไม่ต้องกลัวจะไม่มีอะไรทำ เพราะที่ ห้องอาหาร Arundina ที่เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining มีเต็นท์กระโจมปิกนิกสีขาว ริมชายหาด เหมาะกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน นั่งปล่อยอารมย์ ฟังเสียงคลื่นพร้อมทานอาหารสุดพิเศษอย่าง น้ำมะพร้าวสดๆ น้ำผลไม้ และพิซซ่า รับรองว่ามุมนี้ ช่างสวยถูกใจจนจะต้องพกกล้องมารัวชัตเตอร์ไว้เอารูปไปอวดเพื่อนๆ รับรองร้องว้าว! อย่างแน่นอน

ห้องอาหาร Arundina ห้องอาหารแบบ All Day Dining
จะพาทุกคนไปดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลตลอดทั้งวัน
ตั้งแต่เวลา 07.00 – 23.00 น.

ชกร นันทวิสัย General Manager เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท
ยิ้มหวาน…….กับคำกล่าวที่ว่า ที่รีสอร์ท น้อมนำหลักปรัชญาศก.พอเพียงมาใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงแรม ปริมาณพอเหมาะพอเพียง เราก็อยู่ได้ ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักทะเลกระบี่ นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกจากทุกมุมโลกต่างประทับใจ และที่โรงแรมยังถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวยังเกาะต่างๆ สามารถเที่ยวชมเกาะห้อง เกาะละดิง เกาะผักเบี้ย ฯลฯ นักเดินทางออกเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ดื่มดำธรรมชาติ ก่อนจะกลับมาชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ ริมหาด เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท

เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท เวิ้งชายหาดที่มีภูเขากลางน้ำกลางกั้นคลื่นสึนามิ ที่นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนแบบสงบท้องทะเลที่สวยงามที่มีจุดขายเด่นชัด เป็นโรงแรมด้านสุขภาพ และกีฬาแบบครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดกระบี่หากความประทับใจแรกเกิดขึ้นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น คน สิ่งของ หรือแม้แต่สถานที่ก็จะทำให้เราหลงรักได้อย่างหมดใจเช่นเดียวกับ First impression ที่ได้เกิดขึ้นที่ ดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท สถานที่ที่เป็นเหมือนดินแดนแห่งฝันที่มีครบทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบายเปรียบดั่งสวรรค์ของคนรักทะเลจริงๆ

นอกจากนี้ เทรนด์การบริโภคอาหารสุขภาพคือหัวใจสำคัญที่ต้องทำควบคู่กับโรงแรมสุขภาพ โดยทุกเมนูที่ให้บริการจะเป็นอาหารสุขภาพ (clean & healthy food) ปรุงจากวัตถุดิบออร์แกนิก เช่น ผัก-ผลไม้จากฟาร์มออร์แกนิกที่ปลูกเอง บริเวณแปลงปลูกผักภายในหอพักพนักงานโรงแรม รีสอร์ท ระดับ 5 ดาว ยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ด้านอาหารที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้มาเยือน โดยได้เนรมิต “สวนครัว” ขึ้นภายนอกของโรงแรม โดยมีหัวหน้าพ่อครัวเป็นผู้รังสรรเมนูที่หลากหลายจากผลิตผลของสวนครัวแห่งนี้ รวมถึงวัตถุดิบอื่นที่ได้มาจากแปลงผักแห่งนี้

เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท เป็นรีสอร์ตระดับ 5 ดาว จุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลผลิตสดใหม่จากแปลงพัก และฟาร์ม บริเวณหอพักพนักงาน โดยได้ตั้งเป้าหมายในการรวบรวมเสน่ห์และความสง่างามของจุดหมายปลายทางแห่งนี้เอาไว้ให้มากที่สุด

พร้อมทั้งให้การสนับสนุนชุมชนและรักษ์สิ่งแวดล้อมให้หาดทับแขก มากที่สุด ด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดแก่แขกของโรงแรม เพราะผักสดทั้งหมดที่เราทานมื้อกลางวันนี้ มีการเก็บสดใหม่ทุกวัน ไร้สารเคมี ผักและผลไม้บางส่วนของที่นี่ ถูกปลูกในแปลงบริเวณหอพักพนักงาน เพื่อต้องการเสริมรายได้พนักงาน และผลิตวัตถุดิบคุณภาพปลอดสารเคมีเพื่อความสุขอีกด้านหนึ่งของผู้มาเยือน

The Tubkaak Krabi Boutique Resort
วิลล่าติดทะเล ติดชายหาด บรรยากาศดี วิวสวยที่สุดในโลก

เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท
THE TUBKAAK KRABI BOUTIQUE RESORT
123 หมู่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81180
โทรศัพท์: +66 (0) 7562 8456 แฟกซ์: +66 (0) 7562 8499

#beachdinner #thearundina#tubkaakrestaurant
#localthaifood #wongnaikrabi #krabitrip

โปรโมชั่นสุดคุ้ม ! ไฮไลท์มาเต็ม บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อเที่ยงวันเสาร์

ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล เพลินจิต

กลับมาพบกันอีกครั้งในวันเสาร์สุดสัปดาห์ เอาใจคนรักบุฟเฟ่ต์และอาหารทะเลกันอย่างต่อเนื่อง กับมื้อเที่ยงวันเสาร์ช่วงเวลาเดิม เพิ่มเติมคือความคุ้มแบบจัดเต็ม พบกันได้แล้ววันนี้

โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยงวันเสาร์จัดให้หนัก!

ทั้งอร่อย ทั้งสบายกระเป๋า แน่นอนว่าสามารถกินได้จนกว่าจะจุกแบบไม่ 3 ชั่วโมงเต็มๆ เลยทีเดียว


บุฟเฟ่ต์โรงแรมดีๆ ในกรุงเทพฯ ที่เราอยากบอกต่อ ไม่อยากให้พลาดลองของดี คุ้มค่า คุ้มราคา อิ่มอร่อยไปกับ ซีฟู้ดมื้อเที่ยงวันเสาร์ ที่ห้องอาหารเดอะสแควร์ ท่ามกลางบรรยากาศเปิดโล่งผ่อนคลาย พร้อมให้บริการคุณแล้ว เราขอนำเสนอเมนูไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็นซีฟู้ดออนไอซ์ที่จัดเต็มกันมาแบบแน่นๆ สำหรับวัตถุดิบไฮไลต์ของที่นี่คือ ปูม้า, กุ้งขาว, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และหอยแมลงภู่ดำ ส่วนใครที่ชอบแบบร้อนๆ เราก็มี กุ้งตัวใหญ่ ปูสดๆ ปลาตามฤดูกาล และกุ้งแม่น้ำเผาเตาถ่าน ที่หอมกรุ่นเกินห้ามใจ

ที่นี่ เสิร์ฟอย่างไม่ขาดสาย อิ่มและอร่อยกับความหลากหลายของไลน์บุฟเฟ่ต์ที่มาพร้อมคุณภาพระดับโรงปรมห้าดาว รวมไปถึงอาหารจานเดี่ยว ปรุงสดใหม่ เตรียมพร้อมเสิร์ฟให้เพื่อนๆ ได้จัดเต็มกับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลเกรดคุณภาพ

เต็มอิ่มกับอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่เชฟของห้องอาหารบรรจงรังสรรค์ขึ้น เริ่มต้นความอร่อยด้วย ซูชิ, ซาซิมิ นอกจากนี้ยังมีเนื้อเกรดพรีเมียม ขาแกะอบพร้อมซี่โครงหมู และแฮม ไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีพาสต้า, สลัดบาร์, อาหารไทยและตะวันตกอีกมากมาย สามารถเดินเลือกได้เองตามชอบใจ ปิดท้ายกับวันเสาร์อันแสนสุข ด้วยขนมหวานและไอศกรีมนานาชนิด ทั้งหมดเพียง 1,100++ ต่อท่าน รวมเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งไม่อั้น เอาเป็นว่า…ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์อีกต่างหาก

โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยงวันเสาร์ สุดอลังการที่คุณจะได้ใช้เวลาวันหยุดสบายๆ กับครอบครัวและเพื่อนอย่างเต็มที่ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายซึ่งโรงแรมของเราติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีเพลินจิต ทางออก 4

ข้อเสนอพิเศษ!สายกินห้ามพลาด โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด อันลิมิเต็ด สำหรับแฟนเพจ Toptotravel

เพียงจองผ่านลิ้งค์ด้านล่าง จากราคา 1,100++ บาท (ราคาเต็มรวม Vat และค่าบริการ 1,295 บาท)
รับส่วนลดสูงสุดถึง 50 % เพียง 707 บาทสุทธิ
เมื่อจองออนไลน์
http://bit.ly/2W9g1c3

สมาชิกแอคคอร์ พลัส รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% (4 ท่านต่อบัตร) เพียง 590 บาท โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อเที่ยงวันเสาร์ ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ เพลินจิต

ะยะเวลาโปรโมชั่น: ทุกวันเสาร์ เวลา 12.00 – 15.00 น.
ราคา 1,100++ บาท/ ท่าน
(เริ่มต้น 707 บาทสุทธิ รวมเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งค์ไม่อั้น)
สำรองที่นั่งได้ที่: 02 305 6000
จองออนไลน์: http://bit.ly/2W9g1c3

มอนท์เอซัวร์ จับมือ แอคคอร์ เปิดตัว “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์” แห่งแรกในไทยบนเกาะภูเก็ต

โรงแรมระดับโลกสู่ “มอนท์เอซัวร์”
โครงการแลนด์มาร์คซูเปอร์ไฮเอนด์ขนาด 454 ไร่


MontAzure โครงการแบบผสมผสานซูเปอร์ไฮเอนด์ ที่ได้รับรางวัลมากมายในระดับสากล บนหาดกมลา เกาะภูเก็ต

“มอนท์เอซัวร์” (MontAzure) โครงการแบบผสมผสานซูเปอร์ไฮเอนด์ ที่ได้รับรางวัลมากมายในระดับสากล บนหาดกมลา เกาะภูเก็ต เปิดตัว “มอนเอซัวร์ เลคไซด์” (MontAzure Lakeside) โครงการที่พักอาศัยแห่งใหม่ มูลค่า 2,000 พันล้านบาท พร้อมจับมือ “แอคคอร์” (Accor) และแบรนด์โรงแรมห้าดาวในเครือ “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์” (MGallery Residences) มาเป็นผู้บริหารงานภายใต้คอนเซ็ปต์โรงแรมและเรสซิเดนซ์

“M” ใน MGallery สื่อถึง “Memorable” (ประสบการณ์ที่น่าจดจำ) และ “Magical” (น่ามหัศจรรย์) ซึ่งผู้เข้าพักที่มาเยือนจะได้รับแรงบันดาลใจในการเดินทาง ณ จุดหมายปลายทางนั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศตามถนนหนทาง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไปจนถึงได้รื่นรมย์กับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง…

“เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์” (MGallery Residences, MontAzure Lakeside) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของโครงการมอนท์เอซัวร์ (Heart of MontAzure) แวดล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติจากเชิงเขาสู่ชายหาดกมลา เชื่อมต่อการใช้ชีวิตอันเป็นส่วนตัวภายในห้องชุดกับบรรยากาศภายนอกได้อย่างลงตัว ตัวโครงการสร้างอยู่บนพื้นที่ประมาณ 22 ไร่ ประกอบไปด้วยอาคารที่พักอาศัย ทะเลสาบและสวนภูมิทัศน์ที่คงไว้ตามธรรมชาติ ให้ผู้อยู่อาศัยได้ดื่มด่ำกับรูปแบบวันพักผ่อนในบรรยากาศและกลิ่นอายของลมทะเล กับผืนทรายขาวละเอียดของหาดกมลาท่ามกลางทิวเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ พร้อมเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกระดับมาตราฐานสากลและการบริการระดับโรงแรมห้าดาวแบบครบวงจร

โครงการมอนท์เอซัวร์ เลคไซค์ ประกอบด้วยห้องชุดขนาดกว้างขวางรวม 236 ยูนิต ในแบบสตูดิโอ (Studio) และ 1 ห้องนอน (One Bedroom) ภายในตกแต่งแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนองค์ประกอบตามธรรมชาติของเกาะภูเก็ต เน้นความเรียบง่ายแต่ยังคงโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบเฉพาะของโครงการ ลูกค้าสามารถเลือกวิวทะเลสาบ วิวภูเขาหรือวิวทะเล ผ่านหน้าต่างและระเบียงขนาดใหญ่ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ต้องการห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไป สามารถเชื่อมต่อห้องชุดเพื่อสร้างห้องขนาดใหญ่อีกด้วย

นอกจากนั้น ภายใต้การบริหารงานของ เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ เจ้าของห้องชุดจะได้รับบริการระดับพรีเมียม และสิทธิประโยชน์จากโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลกในเครือแอคคอร์ ในฐานะสมาชิกระดับวีไอพีอีกด้วย

ภายในโครงการฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ซึ่งได้รับการออกแบบตามมาตราฐานโรงแรมห้าดาวอย่างเอ็มแกลเลอรี ไม่ว่าจะเป็นศาลาพักผ่อน ลู่วิ่งจ๊อกกิ้ง ห้องโยคะ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทั้งยังรองรับลูกค้าที่มาพักผ่อนพร้อมครอบครัว ด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึง 2 สระ สระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกาย (lap pool) สระว่ายน้ำฟรีฟอร์มพร้อมสระว่ายน้ำเด็ก และคลับสำหรับคุณหนู ๆ นอกจากนั้น ยังมีร้านอาหาร ที่ให้บริการตลอด
วัน (all-day dining) บาร์เครื่องดื่มที่สระน้ำ (Pool bar) ห้องฟิตเนส และ
คลับเฮาส์

เจ้าของห้องชุดสามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็ยังได้รับบริการสุดพิเศษในแบบฉบับ เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์

นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหาร โครงการมอนท์เอซัวร์

นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหาร โครงการมอนท์เอซัวร์ กล่าวว่า “ด้วยสถาปัตยกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหรา และทำเลที่ตั้งที่สมบูรณ์แบบบนชายฝั่งตะวันตกของภูเก็ต ทั้งยังได้ “เอ็มแกลลอรี เรสซิเดนซ์”หนึ่งใน พรีเมี่ยมแบรนด์ของ แอคคอร์ มาเป็นทีมบริหาร ทำให้เรามั่นใจว่า “มอนเอซัวร์ เลคไซด์” เป็นโครงการที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับนักลงทุนทั้งในด้านการบริการและผลตอบแทนในอนาคตอย่างแน่นอน”

ด้าน มร.แพทริค บาสเซ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบนและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและมัลดีฟส์ กล่าวว่า “โครงการมอนท์เอซัวร์ เลคไซด์ นับเป็นโอกาสที่ลงตัวในการเปิดตัว “เอ็มแกลลอรี เรสซิเดนซ์” ครั้งแรกในประเทศไทย โดย “เอ็มแกลลอรี เรสซิเดนซ์” เป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่เน้นการนำเสนอเรื่องราวและความงดงามของสถานที่นั้น ๆ ซึ่งโครงการมอนเอซัวร์มีที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบ สะท้อนเสน่ห์ของเกาะภูเก็ตได้อย่างลงตัว เราเชื่อว่า การร่วมมือของ เอ็มแกลลอรี กับ มอนท์เอซัวร์ จะสร้างประสบการณ์อันเป็นที่จดจำให้แก่ผู้เข้าพัก และยกระดับคุณภาพที่อยู่อาศัยในภูเก็ตให้เหนือระดับยิ่งขึ้น”

มร.แพทริค บาสเซ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบนและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและมัลดีฟส์

ทั้งนี้ โครงการมอนท์เอซัวร์ อาณาจักรมิกซ์ยูสมูลค่ากว่าหมื่นห้าพันล้าน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 454 ไร่ บนหาดกมลา ประกอบไปด้วย ที่พักส่วนตัวระดับลักซัวรี่ คอนโดมิเนียมริมทะเล รีสอร์ตระดับ 5 ดาว ไลฟ์สไตล์มอลล์ และศูนย์สุภาพ รวมถึงร้านอาหารและบีชคลับบนชายหาดมลา เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับอีกมากมาย โดยมอนท์เอซัวร์ได้รับรางวัลระดับภูมิภาครวมถึง “Best Mixed-Use DevelopmentThailand” จากเวที Asia Property Awards อีกด้วย

เอ็มแกลลอรี เรสซิเดนซ์ นับเป็นแบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์ล่าสุดที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับมอนท์เอซัวร์ หลังจาก คาเฟ่เดลมาร์ (Cafe del Mar) ทวินปาล์ม เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ (Twinpalms Residences MontAzure) และ อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท (InterContinental Phuket Resort) ซึ่งมีกำหนดจะเปิดในปีนี้ ผู้พักอาศัยที่ “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์” สามารถเพลิดเพลินไปกับร้านอาหารและบีชคลับบนหาดกมลาที่อยู่ภายในโครงการมอนท์เอซัวร์ ลูกค้าสามารถเดินหรือใช้บริการรถรับ-ส่งฟรีไปยังชายหาดได้อีกด้วย

เจ้าของห้องชุดทุกยูนิตจะได้รับสิทธิประโยชน์จาก Accor Ownership Benefits Program ในสถานะ “VVIP” และได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นสมาชิกแพลตตินั่มของ Le Club AccorHotels พร้อมส่วนลด 20% และอัพเกรดห้องพักสำหรับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือกว่า 4,000 แห่งทั่วโลก

“เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์”
ราคาเริ่มต้น 7.2 ล้านบาท มีกรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์ (Freehold)
พร้อมการบริหารในรูปแบบโรงแรมสำหรับนักลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม
www.montazure.com
อีเมล sales@montazure.com หรือโทร +66 93 624 8800

ทุ่งนาขั้นบันได…ใจกลางโรงแรม

“พูลแมน หลวงพระบาง” (Pullman Luang Prabang Hotel)

ยินดีต้อนรับ….สู่สถานที่พักผ่อนอันน่าทึ่งของครอบครัว ตื่นรับอรุณพร้อมชมวิว ทุ่งนาขั้นบันได…ใจกลางโรงแรม หลวงพระบางเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ของลาว ตั้งแต่สถาปัตยกรรม ศิลปะและหัตถกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน รวมไปถึงผลผลิตสดใหม่จากทุ่งนาและฟาร์ม

“พูลแมน หลวงพระบาง” (Pullman Luang Prabang Hotel) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว กำลังถูกยกให้เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว เป็นโรงแรมเปิดใหม่ เพิ่งเปิดมาได้ 9 เดือน ด้วยพื้นที่ 100 ไร่ ความสูงของอาคาร 2 ชั้น ถูกออกแบบใสในรูปแบบเรียบง่าย ที่นี่จัดเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีสวยงาม ตั้งอยู่ท่าม กลางธรรมชาติ ธารน้ำ ภูเขาโอบล้อม รวมไปถึงทุ่งนาขั้นบันไดบริเวณใจกลางโรงแรม เป็นคอลเลกชั่นล่าสุดของ แบรนด์พูลแมน อันโด่งดังของเครือ Accor กลางหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก

ภายในโรงแรมมีพื้นที่ห้องจัดประชุมใหญ่ที่สุด ในหลวงพระบาง ใครอยากมาเที่ยวหลวงพระบาง แล้วได้ฟีลเก๋หลายๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนอาจจะเห็นว่ามีการเปิดตัวของโรงแรมใหม่ๆ คับคั่งมากหน้าหลายตา บางที่มาพร้อมกับจุดขายเก๋ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเลที่ตั้ง การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงดีไซน์และการตกแต่งที่เป็นจุดสำคัญในการทำให้ผู้เข้าพักประทับใจ


ที่สุดของบริเวณ Lobby พร้อรับบริการ

เรียนรู้กับการใช้ชีวิต เมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก ด้วยวิถีชีวิตเรียบง่ายและยั่งยืน จึงทำให้ภาพรวมของ พูลแมน หลวงพระบาง รีสอร์ท ที่มีความรู้สึกที่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ของความเป็นหลวงพระบางแบบดั้งเดิม ซึ่งจะเป็นที่ประทับใจของแขกที่มาพักทุกเชื้อชาติ

พูลแมน หลวงพระบาง ให้บริการห้องพักรวม 123 ห้อง ในรูปแบบโลว์ไรส์ (low-rise) มีทั้งแบบห้องสวีท ไปจนถึงพูลวิลล่าขนาด 2 ห้องนอน พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ออกแบบตกแต่งสไตล์ Laos Contemporary อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในห้องพักทันสมัยครบครัน พนักงานที่นี่เค้าสามารถเข้าใจภาษาไทย ได้รับความมั่นใจจากนักท่องเที่ยวเรื่อยมาตั้งแต่เปิดให้บริการโดยในส่วนของห้องพักมี ให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละแบบ พร้อมพักผ่อนในห้องพักสุดหรูอย่างเต็มที่เหมาะกับชีวิตสโลว์ไลฟ์

หลังจาก เช็คอินที่ล็อบบี้ พร้อม Welcome Drink ด้านหน้าโรงแรมล็อบบี้และที่จอดรถอยู่ฝั่งเดียวกับตัวตึก ตรงบริเวณล็อบบี้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะเราจะเห็นร้าน Junction Bar รวมถึงมีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ที่เราสามารถนั่งเล่นอินเตอร์เนต

โดยรีวิวนี้ Toptotravel จะแบ่งเป็น ห้องพัก, สระว่ายน้ำ และห้องประชุม , อาหารเช้า และ สปา นะคะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลย


รูปแบบห้องพัก + สิ่งอำนวยความสะดวก
ให้รางวัลกับร่างกายและให้ของขวัญกับตัวเอง ด้วยการไปพักผ่อน วันนี้เ
Toptotravel มีโอกาสได้มาพักห้องพรีเมี่ยมดีลักซ์ Premium Deluxe Room ห้องใหญ่มากที่พักมี 2 ชั้น จากทั้งหมด 4 ห้อง ของตัวตึกโรงแรม ตกแต่งในรูปแบบ เน้นความเป็นไม้และสีสันสว่าง สไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายของล้านนา ห้องน้ำใหญ่ ต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัวที่มองเห็นวิว ห้องน้ำมีฝักบัวอาบน้ำหรืออ่างอาบน้ำ และเลือกได้ระหว่างเตียงขนาดคิงไซส์ที่หรูหรา 1 เตียง หรือเตียงขนาดนอนได้สองคน 2 เตียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องพักได้แก่ เครื่องปรับอากาศที่สามารถควบคุมอุณหภูมิแบบแยกส่วน มินิบาร์ อุปกรณ์ชงชาและกาแฟ ตู้นิรภัยในห้องพัก ไดร์เป่าผม เครื่องชั่งน้ำหนัก เตารีด เครื่องรับโทรทัศน์จอแบน พร้อมช่องรายการดาวเทียม โทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย

เปิดเข้ามาห้องน้ำก็จะนอนแช่น้ำ จากห้องน้ำ แช่น้ำไปเห็นวิวสระว่ายน้ำและสนามหญ้า และทุ่งนาขั้นบันไดใจกลางโรงแรม ส่วนการเดินทางไปจุดต่างๆ ภายในโรงแรม สามารถกดเรียกปุ๊บแทบจะมาทันที ห้องพักที่นี่ใช้ระบบคีย์การ์ดจนถึงเข้าห้องพัก ค่อนข้างปลอดภัยแน่นอน ถ้าขี้เกียจเดิน โรงแรมเค้ามีการส่ง ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว

เรื่องหมอนและเตียง นี่คิดว่าคือจุดเด่น หมอนนอนแล้วไม่ปวดคอ อันนี้ตัวชัญญ่าเอง ค่อนข้างประทับใจเลย กลับจากมาเที่ยวเหนื่อยๆ นอนบนเตียงและหมอนดีๆ คือช่วยให้เราหายเหนื่อยได้เร็วมาก นอกจากนี้ ในห้องเค้ายังมีตู้เซฟไว้ให้เราใส่ของมีค่า มีทีวี มีราวแขวนเสื้อที่ให้ไม้แขวนมาเหลือเฟือ และมีไวไฟสัญญาณแรงๆ เล่นเน็ตเร็วปรี๊ดมาก สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่โรงแรมให้มาคือค่อนข้างครบ

เมื่อเราเดินเข้ามายังตัวโรงแรม ด้านหน้าโรงแรม เราจะเห็นร้านอาหารที่ชื่อว่า Junction Bar ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนที่นำคุณไปสู่มุมมองของนาข้าวขั้นบันได ส่วนด้านหน้าโรงแรมนั้นมีที่จอดรถ รวมถึงถ้า ใครเช่ารถมาไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถเลย อีกสิ่งหนึ่งที่เก๋คือ ห้องพักที่นี่มีทั้งแอร์และพัดลมติดเพดาน แอร์เย็นฉ่ำ แต่ถ้าใครแพ้แอร์ ก็เปิดหน้าต่าง + เปิดพัดลมได้เลยส่วนห้องน้ำทำออกมาได้ค่อนข้างดีมาก สบู่ ยาสระผม และครีมนวดผมในตัว ที่ดีและประทับใจมากคือ ทุกห้องของที่นี่ฝักบัวแรงสะใจ อันนี้ชอบมากๆ เพราะปกติถ้าฝักบัวไม่แรง นี่จะเฟลกับการอาบน้ำ

ในส่วนห้องพัก มีการออกแบบให้แขกได้รับอารมณ์ของวิถีชีวิตเรียบง่ายและยั่งยืน ให้ความสำคัญที่ความสะดวกสบาย พักแล้วรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง Facilities ครบมาก ที่นี่มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระด้วยกัน

บรรยากาศดี การบริการ เน้นความน่ารักเป็นกันเองของพนักงาน ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ให้บริการด้วยใจ แต่คงไว้ซึ่งมาตราฐานระดับสากล โรงแรมระดับ 5 ดาวทั่วโลก ของตกแต่งที่เลือกใช้ก็สื่อถึงวัฒนธรรมของลาว จึงทำให้ภาพรวมของตัวรีสอร์ท มีความรู้สึกที่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ของความเป็นหลวงพระบางดั้งเดิม เป็นที่ประทับใจของแขกที่มาพักทุกเชื้อชาติ

อาหารเช้า ที่ห้องอาหาร L’Atelier ห้องอาหารริมทะเลสาบ อาหารเช้าที่ห้องอาหาร มีบริการอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลหรือแบบบุฟเฟต์ All-Day Dining อยู่แล้ว เมนู A La Carte มีอาหารหลากหลาย ทั้งลาว ไทย และ ตะวันตก อาหารของที่นี่ได้จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร (farm-to-table) โรงแรมใช้วัตถุดิบท้องถิ่นออร์แกนิกตามฤดูกาล สมุนไพรลาว ผักและผลไม้เมืองร้อนที่ปลูกในสถานที่ของโรงแรม รวมถึงเก็บเกี่ยวข้าวจากทุ่งนาขั้นบันไดภายในรีสอร์ทมาใช้ในร้านอาหาร

“The Junction” เลานจ์ และห้องสมุดที่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารว่าง ศูนย์ออกกำลังกายตลอด 24 ชั่วโมง สปา คิดส์คลับ สระว่ายน้ำ 3 แห่ง
พร้อมพูลบาร์ “H2O” และพื้นที่จัดการประชุมและกิจกรรมที่สามารถรองรับได้ถึง 300 คน ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบางเพลิดเพลินกับการพักผ่อนแล้ว เปิดประสบการณ์กับโปรแกรมท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่หลากหลายที่ทางโรงแรมจัดให้อย่างเต็มอิ่ม อาทิ โยคะยามเช้า ไทชิ บนดาดฟ้าของรีสอร์ท

ขอบคุณข้อมูลต่างของโรงแรม ด้วยการดูแลและแนะนำของ :
Khun : Supatta Noimuang (ZII)
Director of Sales Marketing
Khun : Sheila May Reas Buenafe
PR & Marketing Communication Manager

Khun : Supatta Noimuang (ZII) and Khun : Sheila May Reas Buenafe

สุดท้าย Toptotravel ขอพาไปชม พูลแมน สปากันค่ะ ตรงนี้เราขอเข้าไปชมบรรยากาศ และ พูดคุยกับ คุณณันท์นภัส ไกรหิรัฐปวีร์ SPA & WELLNESS MANAGER

สรุปทุกอย่างดีงาม ตามท้องเรื่องในระดับห้าดาวของโรงแรมพูลแมน
พูลแมน สปา ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Pullman Hotels and Resort หลวงพระบาง อยู่ด้านในสุดของโรงแรม โดยมีแนวคิดว่า เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้สัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวแลความเงียบสงบ รู้สึกผ่อนคลาย

พูลแมน สปา ประกอบด้วยห้องทรีทเมนท์ทั้งหมด 6 ห้อง แต่ละห้องสร้างแบ่งแยกจากกันเป็นสัดส่วน ทุกห้องทาสีขาวสะอา ห้องทรีทเมนท์ออกแบบอย่างเรียบง่ายหรูหราด้วยการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ คุณณันท์นภัส เล่าให้ Toptotravel ฟังในขณะพาเราเดินเข้าเยี่ยมชม บริเวณภายใน พูลแมน สปา เราเรียกห้องทรีทเมนท์เป็นตึก 1 -3 เป็นห้องเตียงคู่ ตึก 4 เป็นห้องเตียงเดี่ยวสำหรับการนวด ตึก 5 เป็นห้องนวดไทยมี 4 เบาะ สำหรับนวดไทยโดยเฉพาะ และตึกสุดท้ายก็จะเป็นห้องนวดเท้าซึ่งสามารถทำเล็บ

… ด้วยสนนราคาที่ไม่แพง ผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้บริการ โดยเฉพาะกับฝีมือการนวดของเทอราปิส ที่ผ่านการฝึกอบรมและผ่านประสบการณ์มาอย่างดี ทำให้ พูลแมนสปา ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกว่าต้องจองกันล่วงหน้า เพราะคิวยาวอย่างไรก็ตาม หากมาเที่ยวที่ หลวงพระบาง และอยากทดลองฝีมือการนวดของเทอราปิสชาวลาว ระดับพรีเมี่ยม ต้องลองแวะเข้ามา แล้วจะประทับใจ

ที่นี่ พูลแมน สปา….หากใครต้องการอยากไปหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมการจองบริการสปา ที่นี่เปิดทุกวัน 10.00 -21.00 น.
ลูกค้าจากภายนอกโรงแรมสามารถเข้ามาใช้บริการได้โดยติดต่อผ่าน
โอเปอร์เรเตอร์ของโรงแรม Pullman Luang Prabang

พูลแมน หลวงพระบาง คือการคงไว้ซึ่ง วิถีชีวิตเรียบง่ายและยั่งยืนของชาวหลวงพระบางที่เป็นรากฐานของเมืองมาตั้งแต่โบราณ โดยได้เชื่อมต่อกับกลิ่นอายของหลวงพระบางเอาไว้ในทุกย่างก้าวของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการรังสรรค์การบริการที่เป็นพันธมิตรกับท้องถิ่น การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ การทำฟาร์มและสวนครัวแบบยั่งยืนภายในโรงแรม และการคิดค้นเมนูอาหารจากวัตถุดิบขึ้นชื่อในพื้นที่ ควบคู่ไปกับโปรแกรมรักษ์โลก Planet 21 ที่เครือข่าย Accor ทั่วโลก

เคล็ดลับอย่างแรก ถ้าเราคิดจะมาพักโรงแรมในเครือ ACCOR แนะนำให้จองห้องพักโดยตรงกับเว็บไซต์ เพราะนอกจากเว็บโรงแรมจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมที่ครบครัน เว็บไซต์หน้าตาดีแล้ว คือเราจะได้เรทห้องพักที่ถูกกว่าที่อื่นๆ อย่างแน่นอน

เรื่องทำเลที่ตั้งของ Pullman Luang Prabang
Amazing huge room. Lovely staff. Great pool and nice restaurant.
สัมผัสวิถีลาวบทใหม่ที่ พูลแมน หลวงพระบาง ได้แล้ววันนี้
Pullman Luang Prabang
Ban Pong Wanh, 06000 LUANG PRABANG LAO PDR
Tel: +856 71 211 112
อีเมล H9112@accor.com

Old Street Bak Kut Teh มาเมืองไทย | เปิดแล้วสาขาแรก

ด้วยความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร Venture Food & Restaurants วันนี้ Old Street Bak Kut Teh แถลงเปิดสาขาแรกแล้วในเมืองไทย ที่ MBK Center กรุงเทพมหานครฯ
หลังจากก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 ตอนนี้ Old Street Buk Kut Teh มีร้านกว่า 22 ร้านใน 4 เมืองใหญ่โดยเป็นเจ้าของและบริหารเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของ Old Street Group ที่เป็นเจ้าของและบริหารร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหลากหลายแบรนด์ คุณภาพจากประสบการณ์อันยาวนานนั้นสัมผัสได้จากทุกๆเมนูที่นำเสนอ

เมนูขึ้นชื่อของ Old Street Bak Kut Teh ได้แก่ บักกุ๊ดเต๋แบบดั้งเดิม (ซุปซี่โครงหมู) ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน บักกุ๊ดเต๋แห้ง หมูตุ๋นซอสสูตรพิเศษ

จุดเด่นของเราคือน้ำซุปซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของบักกุ๊ดเต๋เคี่ยวด้วยกระดูกหมูชั้นดีอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ทำให้ซุปนั้นอุดมไปด้วยคอลลาเจนซึ่งช่วยในเรื่องของผิวพรรณและสุขภาพ

นอกจากนี้แป้งปาท่องโก๋ (You tiao) ยังทอดสดๆตามสั่งของลูกค้าเพื่อคงความกรอบอร่อย ทั้งนี้ทุกเมนูปราศจากผงชูรส

Jason Lim กรรมการผู้จัดการ Old Street Group ชี้แจงว่าทุกๆเมนูของสาขา MBK นั้นจะไม่ต่างกับของสาขาอื่นๆ เราค่อนข้างตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสมาให้บริการและเผยแพร่อาหารยอดนิยิมนี้ให้กับเพื่อนๆชาวไทย
สำหรับเพื่อนๆที่อยู่ในกรุงเทพมหานครตอนนี้สามารถมาลิ้มลองและสัมผัสรสดั้งเดิมของบักกุ๊ดเต๋ได้แล้ว

Jacqueline Sim กรรมการผู้จัดการ Venture Food & Restaurants ผู้ร่วมทุนยังได้กล่าวว่า ความนิยมในบักกุ๊ดเต๋ (ซุปซี่โครงหมู) นั้นเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดร้าน Old Street Bak Kut Teh สาขาแรกในประเทศไทยร่วมกับ Old Street Group สิงคโปร์
เพื่อนำเสนอรสชาติดั้งเดิมของอาหารยอดนิยมนี้ให้กับทุกๆท่านในประเทศไทยได้ลิ้มลอง

ร้านอาหารตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 โซน C Unit 29 MBK Center บริเวณกลางห้าง
สามารถเดินเชื่อมมาจากสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติได้ มีที่จอดรถจำนวนมากให้บริการ สำหรับการเปิดตัว ทางร้านได้นำเสนอชุดอาหารเลิศรส 3 ชุดในราคาสุดพิเศษ ในวันนี้ Old Street Group ยังได้ประกาศเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน Old Street Bak Kut Teh ทั่วโลก

Jason Lim กล่าวว่า ด้วยโมเดลธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำกำไรได้
ระบบการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงโครงสร้างและแนวทางการดูแลแฟรนไชส์ที่เป็นระบบ ประกอบกับชื่อเสียงของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เราจะสามารถช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเก่ารายใหม่ และร่วมสร้างสรรค์ให้ Old Street Bak Kut Teh เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจร้านอาหารประเภทนี้ได้

Jason Lim กรรมการผู้จัดการ Old Street Group ชี้แจงว่าทุกๆเมนูของสาขา MBK นั้นจะไม่ต่างกับของสาขาอื่นๆ เราค่อนข้างตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสมาให้บริการและเผยแพร่อาหารยอดนิยิมนี้ให้กับเพื่อนๆชาวไทย
สำหรับเพื่อนๆที่อยู่ในกรุงเทพมหานครตอนนี้สามารถมาลิ้มลองและสัมผัสรสดั้งเดิมของบักกุ๊ดเต๋ได้แล้ว

Jacqueline Sim กรรมการผู้จัดการ Venture Food & Restaurants ผู้ร่วมทุนยังได้กล่าวว่า ความนิยมในบักกุ๊ดเต๋ (ซุปซี่โครงหมู) นั้นเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดร้าน Old Street Bak Kut Teh สาขาแรกในประเทศไทยร่วมกับ Old Street Group สิงคโปร์ เพื่อนำเสนอรสชาติดั้งเดิมของอาหารยอดนิยมให้กับทุกๆท่านในประเทศไทยได้ลิ้มลอง

ร้านอาหารตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 โซน C Unit 29 MBK Center บริเวณกลางห้าง
สามารถเดินเชื่อมมาจากสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติได้ มีที่จอดรถจำนวนมากให้บริการ สำหรับการเปิดตัว ทางร้านได้นำเสนอชุดอาหารเลิศรส 3 ชุดในราคาสุดพิเศษ

ในวันนี้ Old Street Group ยังได้ประกาศเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน Old Street Bak Kut Teh ทั่วโลก Jason Lim กล่าวว่า ด้วยโมเดลธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำกำไรได้ ระบบการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานเดียวกัน
รวมถึงโครงสร้างและแนวทางการดูแลแฟรนไชส์ที่เป็นระบบ ประกอบกับชื่อเสียงของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เราจะสามารถช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเก่ารายใหม่ และร่วมสร้างสรรค์ให้
Old Street Bak Kut Teh เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจร้านอาหารประเภทนี้ได้

เกี่ยวกับ Old Street GroupOld Street Bak Kut Teh เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2010
และเติบโตเรื่อยมาจนเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจร้านอาหารประเภทนี้ โดยมีร้านอาหารกว่า 22 ร้านใน 4 เมืองใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารเองทั้งหมด โดยสาขาแรกเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ และได้นำเสนออาหารดั้งเดิมจานนี้ในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความนิยมในตลาด Old Street Bak Kut Teh ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุด เมนูปาท่องโก๋ (Yu tiao) นั้นทอดสดตามสั่งของลูกค้าได้ ตัวซุป ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของบักกุ๊ดเต๋ยอดนิยมเคี่ยวด้วยกระดูกหมู 100% อย่างช้าๆยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้นำซุปยังคงคอลลาเจนธรรมชาติ 100% เอาไว้ได้ ซึ่งมีส่วนส่งเสริมสุขภาพหลายๆ ด้าน

นอกจากนี้ Old Street Bak Kut Teh ยังได้พัฒนาคุณภาพเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้พัฒนาสูตรบักกุ๊ดเต๋แห้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเราเอง บักกุ๊ดเต๋ทะเล และบักกุ๊ดเต๋ลักซา เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่จำเจให้กับลูกค้า
Old Street Bak Kut Teh เป็นส่วนหนึ่งของ Old Street Group
ซึ่งก็เป็นเจ้าของและบริหารร้านอาหารเกาหลีดั้งเดิม KkoKkoNara ร้านอาหารจีนดั้งเดิม Nanyang Old Street และสแน็คบาร์ The Café Lobby (www.oldstreetbakkutteh.com)

ในวันนี้ เราได้เดินทางเข้าสู่เส้นทางใหม่ล่าสุดในธุรกิจอาหารด้วยการร่วมทุนกับ Old Street Bak Kut Teh จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดเพื่อนำเสนอบักกุ๊ดเต๋คุณภาพสไตล์สิงคโปร์ในกรุงเทพ
(http://www.pingsrestaurantgroup.com/)


FindThePhotoBooth, Score! Bar BKK และ #FindTheLockerRoom

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น