ทรู ไอดีซี ผนึกกำลัง บีบีไอเอ็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว “บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์)”

ปั้นไทยเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรฐานสากลในเอเชีย

ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ครบวงจรในประเทศไทย ประกาศร่วมทุนกับ บีบีไอเอ็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น (BBIX Inc. Japan) ผู้ให้บริการศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Exchange Point: IXP) อันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น (ถือหุ้นโดยซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป 100%) เพื่อก่อตั้ง บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด (BBIX (Thailand) Company Limited) ให้เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นกลางตามมาตรฐานสากล นำไปสู่การพัฒนาการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการสื่อสารในประเทศไทย และต่างประเทศ ผลักดันประเทศก้าวข้าม
สู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) อย่างสมบูรณ์แบบ

ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป และประธานคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูไอดีซี

ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป และประธานคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูไอดีซี กล่าวว่า “เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน รวมถึงธุรกรรมต่างๆ และจากการใช้งานอย่างก้าวกระโดดนี้ ก่อให้เกิดการรับส่งข้อมูล (Content/Media) บนเครือข่ายมหาศาล ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับส่งข้อมูลบนโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบัน ทรู ไอดีซี ยังคงมุ่งมั่นผลักดัน และตอบสนองนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 ในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทางไอที (Infrastructure) อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหาร จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาล (Data Analytic) นำไปสู่กระบวนการทำงานแบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ชาญฉลาด

เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตให้กับคนยุคใหม่อย่างลงตัวและการร่วมมือกับบริษัท บีบีไอเอ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่เป็นกลางตามมาตรฐานสากลขึ้นในประเทศไทย ให้รองรับการทำงานสำหรับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ ภาครัฐบาล ภาคเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้ให้บริการคอนเทนต์ พร้อมต่อยอดไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ”

มร.เคอิชิ มากิโซโน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ และ บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

 

มร.เคอิชิ มากิโซโน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ และ บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยว่า “เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยมีแนวโน้มในการเติบโตสูง แต่การให้บริการเชื่อมต่อข้อมูลอินเทอร์เน็ตยังพัฒนาไม่เต็มประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา ระบบของ BBIX สามารถรองรับการขยายตัวได้มากกว่า 50 เท่า อย่างมีประสิทธิภาพ จากประสบการณ์ในการพัฒนารูปแบบบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Traffic) ทำให้เราเล็งเห็นว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตด้านอินเทอร์เน็ตอีกมาก เราจึงตัดสินใจร่วมมือกับทรูไอดีซี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลาง และมีมาตรฐานระดับโลก ก่อตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตด้วยการ ใช้เทคโนโลยีระดับสากล โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้กว่า 15 ปี เราจึงมั่นใจว่า บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) จะเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ทันสมัยและมีศักยภาพที่สุดในประเทศ”

จากการผนึกกำลังข้ามชาติระหว่างสองผู้นำในตลาดไอที ก่อให้เกิด บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) มีหลักในการพัฒนาการ ให้บริการอินเทอร์เน็ตภายใต้ 3 แนวคิด คือ ลดความยุ่งยากและซ้ำซ้อน (Simple) เพิ่มความเร็ว (Low Latency) และลดค่าใช้จ่าย (Cost) ด้วยการเปลี่ยนการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) แบบ peering มาเชื่อมต่อกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลของบีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์)

โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้สามารถรองรับปริมาณการรับส่งข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้ โดยทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ภาพ และเสียงได้สะดวก รวดเร็ว นำไปสู่การเปิดกว้างในการเลือกใช้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างเสรี ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยที่เป็นศูนย์กลางที่สำคัญ ด้วยกันนี้บีบีไอเอ็กซ์ มีแผนขยายต่อยอดบริการเพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับอาเซียน โดยเริ่มต้นจากประเทศใกล้เคียง ได้แก่ ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชาอีกด้วย

The Ville Jomtien Pool Villa

ไปพัทยากับยู!  บอกงี้กับแฟนเลยนะ

ความ Cool Pool Villa ที่ทำเอาใจสั่น ชื่อก็บอกซื่อๆ อยู่แล้วว่า  The  ville Jomtien poolvilla  แต่เราไม่เร่งสรุปความเป็นพูลวิลล่า  (หมายถึง อย่าให้เรียกว่าโรงแรม เรียกว่าที่พักตากอากาศสไตล์ รีสอร์ทที่มีพูลวิลล่า ส่วนตัวทุกหลัง น่าจะง่ายกว่า) แค่ชื่อก็ให้ความรู้สึกเหมือน  วิลล่าเก่าบนเทือกเขาแถบฟลอเรนซ์   ช่วยตัดสินระดับความพอใจที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์เราทันที

จังหวัดชลบุรี เมืองที่สามารถเที่ยวได้ทุกวัน การเดินทางสะดวก สบาย วิลล่าตั้งอยู่ใจกลาง Pattaya ที่พักดี มี Pool Villa ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และเพราะอยากฟิน  กินดื่ม เล่นน้ำ กับเพื่อนๆ นี่แพงแค่ไหนก็ยอมไปแล้วเพราะมันโคตรจะฟินส์ นัดกันมาเปลี่ยนที่นอน กับบรรยากาศใหม่ๆ เอาจริงๆ มาท่องเที่ยว หรือมาทำธุระในเมือง แวะกิน ชิม ช็อป ไปตามสถานที่ต่างๆ ใน พัทยา ชลบุรี  เพราะที่นี่มีที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย ทั้งใจกลางเมือง และนอกเมืองทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ไม่ต้องลางานให้วุ่นวาย ก็มาเที่ยวได้แล้ว

ถ้ากำลังมองหาที่มันส์ๆ ไว้ไปแฮงค์เอ้าท์กับกลุ่มเพื่อน เฮฮาได้แบบเต็มสูบ ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม เป็นบ้านพักที่อยู่ในหมู่บ้าน การเข้าเช็คอิน ต้องเช็คอินที่ออฟฟิศนอกหมู่บ้านที่พักขึ้นเหนือกันไปเลย!

วิลล่าหรูพร้อมสระส่วนตัวสไตล์หมู่บ้านจานวน 53 หลัง ซึ่งเหมาะกับการมาพักผ่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนแบบส่วนตัว ครอบครัว หรือหมู่คณะ โดยแต่ละหลังจะมาพร้อมกับมุมพักผ่อนตามอิริยาบถต่างๆ   อาทิ ห้องนอน ห้องน้า ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และสระว่ายน้าส่วนตัว ซึ่งมีห้องพักให้เลือกตั้งแต่ขนาด 2 ห้องนอน จนถึง 6 ห้องนอน ได้แก่

Plunge Pool 2 Bedroom Villa
วิลล่า 2 ห้องนอน 2 ห้องน้า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 2.3 x 3 เมตร มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 4 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi เหมาะสาหรับครอบครัวเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นและเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยรวม 114 ตารางเมตร

Deluxe 2 Bedroom Villa
ดีลักซ์ 2 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 2.5 x 6 เมตร มีเตา BBQ และครัวพร้อมอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 4 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเป็นกันเองและเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน มีพื้นที่ใช้สอยรวม 131 ตารางเมตร

Deluxe 3 Bedroom Villa
ดีลักซ์ 3 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 2.5 x 6 เมตร มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 6 ท่าน ฟรี Wi-Fi อินเตอร์เน็ต บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะแก่การพักผ่อนสังสรรค์กลุ่มเล็ก มีพื้นที่ใช้สอยรวม 145 ตารางเมตร

Grande 3 Bedroom Villa
แกรนด์ 3 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาดใหญ่ 3 x 8 เมตร ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 6 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะแก่การพักผ่อนสังสรรค์ มีพื้นที่ใช้สอยรวม 235 ตารางเมตร

Double Pool 4 Bedroom Villa
ดับเบิ้ล พูล 4 ห้องนอน บ้านแฝด พร้อมสระว่ายน้า ไซส์ 2.5 x 6 เมตร 2 สระ มีโต๊ะพูล เตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 8 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเป็นส่วนตัว พักได้หลายครอบครัว หรือกลุ่มใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยรวม 262 ตารางเมตร

Grande 4 Bedroom Villa
แกรนด์ 4 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 3.5 x 12 เมตร มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 8 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะกับการสังสรรค์กลุ่มใหญ่อย่างหรูหรา มีพื้นที่ใช้สอยรวม 270 ตารางเมตร

Luxury 4 Bedroom Villa
ลักซ์ชัวรี่ 4 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 3.5 x 12 เมตร มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 8 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะกับการสังสรรค์กลุ่มใหญ่อย่างหรูหรา มีพื้นที่ใช้สอยรวม 317 ตารางเมตร

Double Pool 5 Bedroom Villa
ดับเบิ้ล พูล 5 ห้องนอน วิลล่า บ้านแฝด พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 3.1 x 6 เมตร (2 สระ) มี โซฟาเบด เตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 11 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน การตกแต่งบ้านพักแบบทันสมัย สิ่งอานวยความสะดวกครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยรวม 373 ตารางเมตร

Double Pool 6 Bedroom Villa
ดับเบิ้ล พูล 6 ห้องนอน วิลล่า บ้านแฝด พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 2.5 x 7 เมตร (2 สระ) ระเบียงกว้าง มี โต๊ะพูล เตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 12 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน การตกแต่งบ้านพักแบบทันสมัย สิ่งอานวยความสะดวกครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยรวม 331 ตารางเมตร

Grande 6 Bedroom Villa
แกรนด์ 6 ห้องนอน วิลล่า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 2.5 x 12 เมตร มีโต๊ะพูล เตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ 12 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนกลุ่มใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยรวม 361 ตารางเมตร

Luxury 6 Bedroom Villa
ลักซ์ชัวรี่ วิลล่า 6 ห้องนอน 5 ห้องน้า พร้อมสระว่ายน้าส่วนตัวขนาด 12 x 4 เมตร มีเตา BBQ ครัวและอุปกรณ์ สามารถเข้าพักได้ถึง 15 ท่าน ฟรีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนกลุ่มใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยรวม 406 ตารางเมตร

สนใจแบบไหนเอาเลือกกันให้เหมาะกับปาร์ตี้  รีบจองนะจ้ะ เ พราะที่นี่ได้รับความนิยมมากในพัทยา  ไหนความสะดวกสบาย  บรรยากาศเอย โดยเฉพาะในห้องพักนะ กว้างมาก อ่างอาบน้ำติดกระจก  แถมด้วยอ่างอาบน้ำแบบเปิดโล่ง ชัดเจน เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเพียบลงตัวทั้งบรรยากาศและการออกแบบที่เหมาะมากสำหรับการฉลอง anniversary แถมยังเป็นส่วนตัวมากอีกต่างหาก ภายในห้องพักตกแต่งอย่างโมเดิร์น หรูหรา อบอุ่นและโรแมนติกรับรองว่าดีกรีความหวานไม่มีตก

ถ้าถามความรู้สึกสัมผัสครั้งแรกของ เดอะ วิลล์ จอมเทียน พูลวิลล่า (The Ville Jomtien Pool Villa) วิลล่าสไตล์โมเดิร์น มีรั้วล้อมรอบในวิลล่าแต่ละหลัง ทำให้มีความส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อนมากๆ ห้องที่เรามาพักกันในครั้งนี้คือห้อง Villa Three Bedrooms Three Bathrooms สามารถพักได้สูงสุดถึง 8 ท่าน Villa หลังนี้ชื่อ A 79  โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้โดยรอบให้ความรู้สึกร่มรื่น เหมาะกับการมาผ่อนคลาย พักผ่อนในวันหยุดสบายๆเป็นอย่างยิ่ง จะมีที่ไหนที่มีครบที่พักตากอากาศสไตล์รีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าส่วนตัวทุกหลัง

บรรยากาศภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสบายตา แต่ละห้อง  มีมุมสบายๆ สำหรับไว้ดูทีวีดู มีโซฟาให้นั่งผ่อนคลายสบายๆ สิ่งที่เราชอบมากๆ อีกอย่างก็คือ มาที่นี่ไม่ต้องพกอะไรมาให้วุ่นวายเลย มีให้พร้อมทุกอย่างทั้งไดร์เป่าผม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิงที่เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องพกไดร์ไปด้วย   ผ้าเช็ดคัวแยกระหว่างอาบน้ำ กับส่วนที่ใช้บริเวณสระว่ายน้ำ  ส่วนห้องน้ำกว้างขวางทั้ง  3 ห้อง มีอ่างอาบน้ำให้แช่กันฟินๆ สวยงาม โปร่ง โล่งสบายจริง แบ่งโซนเป็นอย่างดี พักที่นี่มีห้องกั้นสำหรับอาบน้ำไม่เลอะเทอะเปียกพื้นอย่างแน่นอน

ไฮไลท์อย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนที่นี่คือ ตอนเย็น เราสามารถสั่ง set บาบีคิว มาทำบาบีคิวทานกันในบริเวณ Villa ได้ด้วยอาหารก็อร่อย บรรยากาศก็ดี ชิลล์มากๆ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ที่พักนั้นค่อนขว้างกว้างขวางและร่มรื่น มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวสบายตา

ทิ้งท้ายกันด้วยโซนสุดท้าย โซนสระว่ายน้ำ จะมีทั้งหมดสองสระด้วยกัน ของเด็กกับของผู้ใหญ่อยู่ติดกันเลย แล้วจะรู้ว่าไปแค่ The Ville Jomtien Pool Villa ก็ ฟินส์ ได้นะเธอ

มื้อค่ำ อยากปิ้งย่างแบบพวกเรา  ทางThe Ville Jomtien  มีบริการ ชุดซีฟู้ด
Seafood BBQ Set. 3,500 บาท ปู 2 กิโลกรัม กุ้งแม่น้ำ 1 กิโลกรัม หมึก 1 กิโลกรัม หอยหวาน 1 กิโลกรัม น้ำจิ้มซีฟู๊ด 2 ถุง ถ่าน 2 ถุง น้ำอัดลม 1.5 L 1 ขวด น้ำดื่ม 0.6 L 8 ขวด น้ำแข็งยูนิต 2 ถุง​ Seafood BBQ Set. 4,800 บาท ปู 3 กิโลกรัม กุ้งแม่น้ำ 2 กิโลกรัม หมึก 2 กิโลกรัม หอยหวาน 1.5 กิโลกรัม น้ำจิ้มซีฟู๊ด 4 ถุง ถ่าน 4 ถุง น้ำอัดลม 1.5 L 2 ขวด น้ำดื่ม 0.6 L 15 ขวด น้ำแข็งยูนิต 4 ถุง

ถ้าอยากไปก็ไป เดอะ วิลล์ จอมเทียน พูลวิลล่า  เพลิดเพลินในแต่ละวันกับความสะดวกสบายเกินคำบรรยายของที่พักอันสงบเงียบเป็นส่วนตัวในห้องพักชั้นเลิศความประทับใจจากการมาเยือนที่นี่ นอกจากห้องพักที่สะดวกสบายและเป็นส่วนตัวแล้ว ยังประทับใจกับการบริการจากพนักงานทุกๆ คนและในส่วนของ เดอะ วิลล์ จอมเทียน ลองมาชมภาพความประทับใจจากการไปเยือนเดอะ วิลล์ จอมเทียน พูลวิลล่า ผ่านทางภาพถ่ายในมุมมองของ Toptotravel

พูลวิลล่า พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว เลือกสนุกได้ทุกวัน

เอาล่ะ มีที่พักดีๆกันแล้ว สำหรับคนที่อยากหาที่เที่ยวผ่อนคลายใกล้ๆที่พักตั้งอยู่ย่านจอมเทียน พัทยา ที่นี่เป็นที่พักสไตล์เรสิเดนซ์ จึงให้บรรยากาศเหมือนบ้านพักตากอากาศส่วนตัว ด้วยทำเลที่ตั้งที่  อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อย่างเช่น สวนน้ำ Cartoon Network, สวนน้ำ Ramayana,
Mimosa Pattaya, Ocean Marina Yacht Club, Pattaya Dolphin World, Phonix Gold Golf & Country Club, Yansangwararam Temple, Viharm Sien, Cartoon Network Amazone, Thai Thani Arts and Cultural Village, Nong Nooch Garden, Swiss Sheep Farm Pattaya, Buddha Mountain, Ramayana Water Park และ Silver Lake Vineyard
โรงแรมอยู่ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งชั้นนา ได้แก่ Central Festival Pattaya, King Power Pattaya Complex, Walking Street และ Outlet Mall Pattaya

ส่วนจุดด้อยในมุมมองคงเป็นที่ภายในวิลลาไม่เห็นวิวอะไรมากนักเพราะอยู่บนพื้นราบและมีกำแพงล้อมรอบที่จอดรถสะดวก สบายแน่นอน

เดือนพิเศษลดราคาพิเศษเพื่อครอบครัวสุดพิเศษ
จูงมือคุณแม่ จับมือคุณพ่อ มาพักผ่อนกันทั้งครอบครัว
พูลวิลล่า พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว เลือกสนุกได้ทุกวัน ตั้งแต่วันธรรมดา
จนถึงวันหยุด

พูลวิลล่าสุดหรู ไซส์เดียว ราคาเดียว!
Grande- 3 Bedroom Villa (8-10 คน) ราคาเดียว 6,500 ฿/คืน
จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 20 ส.ค. 2561
เข้าพักตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค. 2561
ชมห้องพัก https://goo.gl/GhmjBx

-เงื่อนไขตามที่บริษัทฯ กำหนด
-Extra Person +990, เฉพาะวันศ.-ส.-อา. +1,000 บาท
#พูลวิลล่าส่วนตัว #หาดจอมเทียน #พัทยา #PATTAYA

Luxurious Private Pool Villa 2-6 Bedrooms 7-Mins to Jomtien beach close to Pattaya attractions. Daily, Weekly, Monthly Rental available.

ใครสนใจที่พักสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันที่
The Ville Jomtien
สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่ 172/167 ซอยชัยพฤกษ์ 2 ตำบลหนองปรือ
บางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

sales@thevillepoolvilla.com
http://www.thevillepoolvilla.com
โทร. 083 241 9292

 

เกษตรอินทรีย์วิถีไทย

จังหวัดนครปฐม และ 18 จังหวัดภาคกลาง
จัดยิ่งใหญ่ งาน   มหกรรมเกษตรอินทรีย์
วิถีไทย 2561  ครั้งที่ 1

​จังหวัดนครปฐมร่วมกับ 18 จังหวัดภาคกลาง จัดงาน “มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีไทย 2561” ครั้งที่ 1 โดยมีพิธีเปิดงานวันที่ 3 สิงหาคม 2561 โดย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ลาน Exhibition Hall โซน C ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ



นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ปี 2561 และยังกำหนดให้เกษตรอินทรีย์เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องการ ให้ทุกหน่วยงานร่วมดำเนินการขับเคลื่อนภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 ถึง 2564

เพื่อให้มีการบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมทั้งกระบวนการผลิตรวมถึงการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ให้ขยายตัวในเชิงพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคในประเทศสามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ง่ายขึ้น

​การจัดงาน “มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีไทย 2561” ครั้งที่ 1 ถือเป็นการจัดงาน ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และนโยบายของกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ในด้านของการรวบรวมผลผลิตเกษตรอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรอินทรีย์ อาหารอินทรีย์ และท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวกับอินทรีย์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอินทรีย์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งอยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมสู่เกษตรอินทรีย์ของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ จาก 19 จังหวัดในภาคกลาง มาจัดแสดงและให้บริการ เพื่อเป็นการส่งเสริมและเพิ่มช่องตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบ ได้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้ง เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่จะได้บริโภคอาหารที่ปลอดจากสารเคมีทางหนึ่ง

​นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ จากเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญ นิทรรศการให้ความรู้ และคลินิกให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และผู้ที่สนใจ ทั้งทางตรงและทางอ้อม อันจะส่งผลให้ประเทศไทยเกิดการรับรู้และสร้างความเข้าใจในการทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มยิ่งขึ้น

​นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ด้วยจังหวัดในกลุ่มภาคกลาง 19 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครนายก จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครปฐม ได้รับงบประมาณจากยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคกลางให้จังหวัดนครปฐมดำเนินการจัดงาน เพื่อกระตุ้นให้ภาคกลางพัฒนาสู่ภูมิภาคที่มีอาหารและสินค้าเกษตรให้ทันสมัย เพื่อเป็นฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานโลก และเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของประเทศและสนับสนุนยุทธศาสตร์ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน 5 ล้านไร่ ภายในปี 2564 จึงได้จัดงานมหกรรมเกษตรอินทรีย์วิถีไทย 2561 ครั้งที่ 1 โดยนำผลผลิตเกษตรอินทรีย์และบริการอินทรีย์จากเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ จาก 19 จังหวัดภาคกลาง มาจัดแสดงและจำหน่าย โดยแบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ 1) โซนมาตรฐานอินทรีย์ 2) โซนเตรียมความพร้อมสู่เกษตรอินทรีย์ 3) โซนท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องกับอินทรีย์ และ 4)โซนร้านอาหารอินทรีย์

 

​นอกจากนี้ยังจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปะพื้นบ้านสุดตระการตา การเสวนาของผู้รู้ด้านเกษตรอินทรีย์ การสาธิตการทำอาหารอินทรีย์ รวมทั้งซื้อสินค้านาทีทอง ในส่วนของนิทรรศการให้ความรู้นั้น มีทั้งส่วนที่เป็นนิทรรศการมีชีวิตแสดงถึงผลสำเร็จของการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทางและปลายทาง ขณะเดียวกันยังมีส่วนบริการข้อมูลเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรอินทรีย์ และข้อมูลผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับอินทรีย์ โซนให้ความรู้และคลินิกเกษตร ซึ่งจะคอยให้คำปรึกษา แนะนำ และความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจท่านใดมีปัญหาด้านการเกษตร สามารถปรึกษาที่โซนคลินิกเกษตรภายในงานได้

​สำหรับงาน “มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีไทย 2561” ครั้งที่ 1
ระหว่างวันที่ 3 – 5 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 -20.00 น
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

สมุทรสาครเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์”

โชว์ศักยภาพเมืองประมง อุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว ใจกลาง กทม.

จังหวัดสมุทรสาคร เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่   “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยว  ที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน  รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอ

จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การประมง และการเกษตรกรรม จากข้อมูลสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสาครยังคงขยายตัวจากปีก่อน และยังเป็น ๑ ใน ๑๐ ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวอยู่ในระดับสูงตลอดมา

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์  SAMUTSAKHON ON THE SHOW  ในด้านของการท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรสาครมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่บันทึกในประวัติศาสตร์เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเลเหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ สมุทรสาครยังมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนสินค้า OTOP เครื่องปั้นดินเผา ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล สำหรับในด้านตัวเลข ในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดสมุทรสาครทั้งไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๑,๔๔๓,๗๔๖ คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๒.๓๘% และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น ๒,๓๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๕.๘๙%

ในด้านของสินค้า OTOP จังหวัดสมุทรสาคร มีผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน ๒๖๘ ราย รวม ๕๓๒ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดก็คือ เครื่องเบญจรงค์ จังหวัดสมุทรสาครมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ OTOP ในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งสิ้น ๓,๒๗๔ ล้านบาท ซึ่งเฉพาะเครื่องเบญจรงค์อย่างเดียวก็ทำรายได้ถึง ๑๐๘ ล้านบาท

จังหวัดสมุทรสาครจึงร่วมกับภาคเอกชนเตรียมจัดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์โซน C ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium  ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่นำเสนอของดีจังหวัดสมุทรสาคร ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัส ณ กลางใจเมือง ในรูปแบบทันสมัยและแปลกใหม่ที่ผู้เข้าชมงานจะต้องอัศจรรย์ใจ

โดยภายในงานจะนำเสนอศักยภาพด้านอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นของสมุทรสาคร จำหน่ายผลิตภัณฑ์เด่น ที่คัดเลือกมาแล้วว่าเป็นของที่ขึ้นชื่อภายในจังหวัด รวมกันไว้ในที่เดียว มีให้ชม ชิม ช้อปกันตามอัธยาศัย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยว ที่แบ่งตามความสนใจของกลุ่มที่มีความชอบแตกต่างกัน เช่น เส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน เส้นทางแสนอร่อยสำหรับนักชิม เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฯลฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท่าฉลอม ซึ่งยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิม และเป็นก้าวแรกของชุมชนจีนในสยาม หรือบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน และยังจะได้ชมการประดิษฐ์งานฝีมือเบญจรงค์ที่ผสานไว้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างลงตัว ในงานยังมีวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านที่งดงาม รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอให้ได้ชมกัน

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การประมง เกษตรกรรม หัตถกรรม การท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์” นอกจากนี้ยังมีทำเลที่ตั้งที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สะดวกง่ายดายต่อการเดินทาง และในแผนพัฒนาจังหวัด ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเอาไว้ว่า “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เกษตรและอาหารปลอดภัย ท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ สังคมเป็นสุข”

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์ (SAMUTSAKHON ON THE SHOW)
โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน
รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอในงานระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑

ณ ลานกิจกรรมสแควร์โซน C และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

เรื่องราวจากพระราชนิพนธ์สู่ประติมากรรมเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลก

ภายใต้คอนเซปต์  “พระมหาชนก”
ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ร่วมกับ จังหวัดอุบลราชธานี, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, เทศบาลนครอุบลราชธานี,  เทศบาลเมืองแจระแม และบ้านเทียนหอมเดชอุดม ขานรับนโยบาย

ร่วมสร้างสีสันและเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ตอกย้ำการเป็นเซ็นเตอร์อ็อฟไลฟ์ ศูนย์การกลางใช้ชีวิตของจังหวัด สืบสานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จัดงาน Miracle of Candle มหัศจรรย์เทียนพรรษา จากพระราชนิพนธ์สู่ประติมากรรมเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลก ภายใต้คอนเซปต์ “พระมหาชนก”

ภายในงานทุกท่านจะได้พบกับประติมากรรมเทียนหอม แกะสลักสุดวิจิตรตระการตา นำเสนอความงดงามของ เรื่องราวจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ที่ได้แฝงข้อคิดคำสอนในการดำเนินชีวิตที่สามารถปรับเข้ากับทุกยุคทุกสมัย และเป็นต้นแบบของผู้มีความเพียรอย่างแท้จริงเปรียบเสมือนกับการทำเทียนพรรษาที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ และความเพียรพยายามอย่างยิ่ง ประกอบด้วยพระมหาชนกขนาดเท่าคนจริง, นางมณีเมขลา ลอยสูงจากพื้นกว่า 5 เมตร, ปูยักษ์และปลายักษ์ในบรรยากาศท้องทะเลงามยามค่ำคืน

 

ผลงานการออกแบบปั้นและแกะสลักจากช่างฝีมือศิลปินรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสืบทอดงานศิลป์ภูมิปัญญาของแผ่นดิน คุณชาลิดา พูลทรัพย์ (ครูอ้อย) ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม, คณะนักศึกษาแผนกวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ซึ่งใช้เวลาในการสร้างสรรผลงาน ประมาณ 2 เดือน พร้อมชมนิทรรศการประวัติ ความเป็นมาของประเพณีแห่เทียนพรรษา และขั้นตอนการทำเทียน ประเพณีคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดอุบลราชธานี

คุณชาลิดา พูลทรัพย์ ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม

นอกจากนี้ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ยังเปิดให้บริการที่จอดรถสำรองและจัดเตรียมรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวบริเวณลานจอด 2 ประตูทางเข้าเคเอฟซี

เพื่อร่วมชม  ความงดงามของขบวนแห่เทียนอันยิ่งใหญ่ บริเวณทุ่งศรีเมือง ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 รอบการรับส่งทุกๆ  30 นาที  ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00น.  ฟรี

สำหรับพิธีเปิด  ได้รับเกียรติจาก นายเธียรชัย  พุทธรังษี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณชนะศักดิ์ นิยะถิรกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกการตลาดสาขา เขต 3 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน),   คุณธนภร  พูลเพิ่ม   ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี, คุณสมชาติ พงคพนาไกร  ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี และคุณชาลิดา พูลทรัพย์ ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม ร่วมงาน

ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.00 น.
ณ ลานอะควาเรียม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี

เพราะอยากรู้เลยต้องมาลอง

จัดหนักแค่ไหน!
บุฟเฟต์ที่ทำให้ให้มื้อค่ำนี้ ฟินกว่ามื้อไหนๆ

ชวนกันมาดื่ม พร้อกับอิ่มอร่อยสไตล์ไทยๆในค่ำคืนวันเสาร์ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค กรุงเทพฯ

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีเป็นไทยกันก่อน เพราะวันนี้ Toptotravel  พาไปชิมอาหารค่ำมื้อพิเศษ บอกเลยขากินต้องหลงรักร้านนี้เข้าอย่างเต็มเปา

ก้าวแรกที่รู้สึก บรรยากาศโล่งๆ สบายๆๆ ที่ไลน์อาหารสัมผัสกับเมนูและมื้ออาหารสุดหรู ที่ได้เชฟ เชฟธีรเทพ ดิษาภิรมย์ หรือ ’เชฟต่อ’ และห้องอาหารบิสโทรเอ็มขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองโปรโมชั่นSaturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทยๆ ในค่ำคืนวันเสาร์ ที่ทางห้องอาหารได้คัดสรรเมนูเด็ดจากหลากหลาย ภูมิภาคทั่วประเทศมาปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ทุกเมนูที่ทยอยออกมาก็ทำเอาเซอร์ไพร้ส์อยู่เหมือนกัน บรรยากาศสบายๆ อิ่มอร่อยถูกปากทั้งครอบครัวด้วยราคาที่เป็นมิตรเพียงท่านละ 900 บาท/เน็ท  เท่านั้น

 

เราเลือก  Saturday Night Thai Food Feast ที่นี่  เพราะความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและมีวิธีการปรุงที่ดีต่อสุขภาพโดยอาหารทั้งหมดผ่านรสมือจาก ’เชฟต่อ’ โดยการนำรสชาติอาหารไทยแบบโบราณให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพมารังสรรค์เป็นเมนูยอดฮิตที่ถูกปาก ให้เห็นถึงเสน่ห์ของรสชาติแบบไทยๆ ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่นแบบไทยๆ อาทิ ทอดมันปลากราย, ปอเปี๊ยะ, ไส้กรอกอีสาน ตลอดจนเมนูยำๆตำๆสุดแซ่บมากมาย พร้อมเมนูซุป ที่เลือกซดคล่องคอ อย่างต้ำยำกุ้งและต้มข่าไก่ ตามมาด้วยเมนูเอาใจคนรักเส้นอย่างผัดไทและก๋วยเตี๋ยวหมูและเนื้อตุ๋นพร้อมน้ำซุปรสกลมกล่อมไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอาหารในโรงแรม แล้วรสชาติจะอ่อน บอกเลยคิดผิด รับประกัน

เริ่มต้นที่ ม็อคเทลตัวนี้ชื่อเกร๋ๆ อย่าง “พวงหยก” Mocktail เพิ่มความสดชื่น มีส่วนผสมของน้ำสับปะรดและน้ำมะนาวเป็นเบส เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนแต่ละเมนูไล่ระดับรสชาติของอาหารได้อย่างลงตัวมากๆ ซึ่งสำหรับการทานอาหาร

ส่วนไฮไลท์จะอยู่ที่สเตชั่นบาร์บีคิว ใครชอบแบบปิ้งย่าง  ก็มีพ่อครัวไว้คอยบริการ เราสามารถเลือกวัตถุดิบไปให้เชฟปิ้งย่างกันได้สดๆ ปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งสดตัวใหญ่ๆ เนื้อกุ้งแน่นๆ เลือกทานได้ตามใจชอบ ทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโต, ปลาหมึก, คอหมูย่าง, ไก่สะเต๊ะ และเนื้อสตริปลอยด์ รวมไปถึงผัดไทย สูตรเด็ด เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยการปรุงด้วยสูตรตำรับ และน้ำจิ้มสุดฟินเกินห้ามใจ ของห้องอาหารบิสโทรเอ็ม

ตบท้ายด้วยผลไม้นานาชนิดและของหวานสไตล์ไทย อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ลอดช่อง และอื่นๆ พร้อมเครื่องดื่มซอล์ฟดริ้ง หรือหากใครที่เป็นสายดื่มยังสามารถสั่งโปรโมชั่นฟรีโฟลวเพิ่มได้ โดยจ่ายเพิ่มเพียง 450 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์ และ 650 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์และไวน์ ดื่มเพลินได้ไม่อั้นตลอด 3.5 ชั่วโมง อันนี้ขอรับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

หิวกันแล้วใช่ไหม? หากมื้อนี้คุณยังไม่ได้วางแพลนหรือมีร้านอาหารในใจ ขอแนะนำให้คุณรีบพุ่งตัวไปด่วนๆ

‘Saturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทย พร้อมให้คุณมาลิ้มลองความอร่อยในค่ำคืนวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:30 – 22:00น. ณ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม ตั้งอยู่บนชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค ภายในซอยสุขุมวิท 24 การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า  ลงสถานีพร้อมพงษ์ และสำหรับท่านที่ขับรถมาที่นี่สะดวกมากที่จอดรถรองรับสำหรับลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ

ช้าอยู่ทำไม รีบไปกัน
สอบถามข้อมูลหรือสำรองที่นั่ง ติดต่อ +66 (0)2302 5555
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นของทางห้องอาหารและทางโรงแรม
www.facebook.com/marriottsukhumvitpark

ใครกำลังจะไปเที่ยว กรุงโซล เชิญทางนี้

“แพรวา” แชร์ประสบการณ์เที่ยว “กรุงโซล
ประทับใจ…ทุกโมเม้นท์ ในงาน “I Seoul U”


เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล

เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

แพรวา ณิชาภัทร เล่าความประทับใจที่ได้ไปเที่ยว กรุงโซล ให้ฟังว่า ตอนนี้ สถานที่เช็กอินแห่งใหม่ของวัยรุ่นเกาหลี มีชื่อว่า Seoullo 7017 (ซออุลโล 7017) สวนลอยฟ้ากลางเมืองแห่งเดียวของโลก บนทางเดินลอยฟ้า หน้าสถานีรถไฟ Seoul Station ตรงนี้ น่าสนใจมาก เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่คนไปเที่ยวกรุงโซลจะต้องไปเช็กอิน ยิ่งไปตอนอากาศหนาวๆ โรแมนติกมากค่ะ

เส้นทางเดิน Seoullo 7017 ถือได้ว่าน่าเดินและสะดวกมาก เพราะเชื่อมต่อกับสถานี โซลสเตชั่นแล้ว ยังเชื่อมไปถึงตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง และทางไปภูเขานัมซาน ได้อีกด้วย แล้วทางเดินลอยฟ้าแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับอาคารร้านค้าใกล้เคียง ซึ่งจะมี ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ และเอ้าท์เลตขายสินค้าแบรนด์ต่างๆ มีกิจกรรรมให้ช้อป ให้นั่งชิลล์ ชมเมืองเพียบเลยค่ะ

สถานที่อีกแห่งที่ แพรวา ชอบมากๆ คือ ย่านฮงแด (Hongdae) ตรงนี้จะเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นและฮิปสเตอร์เกาหลี ถ้าไปเดินจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่มีสีสัน ควรไปเดินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า เป็นต้นไป รับรองว่าจะเพลินตา…เพลินใจ กันอย่างแน่นอน เพราะร้านค้าย่านนี้ จะนำสินค้าอัพเดทสไตล์วัยรุ่นเกาหลีมาวางขายแข่งกัน รอบๆ ก็จะมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ แชะภาพ เซลฟี่ อวดเพื่อนๆ ในโซ

แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต…ที่ใครไปเที่ยว กรุงโซล แล้วต้องไปเกือบทุกคน ก็คือ หอคอย N Seoul Tower โดยเฉพาะคนที่มีคนพิเศษไปเที่ยวด้วย ก็จะชื่นชอบที่นี่มาก มีวิวทิวทัศน์สวยงามให้ถ่ายรูป และมีกิจกรรมคล้องกุญแจรัก “โรแมนติกจริงๆ” ก่อนคล้องกุญแจรัก จะเขียนชื่อตัวเองกับคนรัก เมื่อคล้องแม่กุญแจเสร็จ ให้โยนลูกกุญแจทิ้งไป เชื่อว่าจะทำให้ความรักยืนยาวและไม่พรากจากกัน ไปเที่ยวได้ทั้งตอนกลางวัน และ ตอนกลางคืน เพราะสวยสวยไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงฤดูหนาว จะยิ่งเพิ่มดีกรีความโรแมนติกให้มากขึ้นไปอีก แพรวาไปแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ

สิ่งที่แพรวา เลิฟและเชื่อว่าคนไปเกาหลี ส่วนใหญ่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ อาหาร มีหลายๆ เมนูที่กินแล้วติดใจ อย่างเช่น เนื้อย่างเกาหลี, ไก่ตุ๋นโสม,
ต็อกป็อกกี นอกจากนี้ ยังมี ตลาดกวางจัง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก่าแก่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโซล มีของขายเยอะมาก ของกินก็เยอะ มีร้านกินบิบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี ใครอยากลองแบบรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ ต้องมากินที่นี่ เดินเที่ยว…เดินช้อป สนุกมากๆ ค่ะ และที่ กรุงโซล ก็ยังมี ศูนย์การค้าและสวนสนุกที่มีชื่อเสียง Lotte World เรียกได้ว่าไปเที่ยว กรุงโซล ได้ครบทุกอารมณ์ ช้อป ชิม ชิลล์ และโรแมนติก ที่สำคัญเดินทางไปสะดวก และ ราคา
ก็ไม่สูงมากด้วยค่ะ

สำหรับ การจัดงาน I Seoul U ได้จำลองบรรยากาศ “กรุงโซล” มาจัดแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) พร้อมกับมีกิจกรรมเล่นเกมโยนลูกเต๋าท่องเที่ยวกรุงโซล, กิจกรรมล็อกกุญแจคู่รักที่นัมซัน, เดินทะลุมิติไปสู่กรุงโซล พร้อมกับชมจำลองบรรยากาศกรุงโซลในยามค่ำคืน ที่สวยงามและมีสีสัน เพื่อให้
ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสวิถีชีวิตตามแบบฉบับชาวเกาหลี ที่อาศัยอยู่ใน กรุงโซล” และรับข้อมูลการท่องเที่ยวที่อัพเดท

ไฮไลท์ของงาน I Seoul U ก็คือ ผู้เข้าร่วมงานทุกๆ คน จะได้รับ “สิทธิ์ลุ้น” รับบัตรเงินสด T-Money Card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับงาน I Seoul U ซึ่งบนบัตรได้สกรีนภาพศิลปิน BTS ขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังฮอตฮิต และเป็นที่ต้องการของแฟนคลับอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยว “กรุงโซล” สามารถเยี่ยมชม

การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (โซล) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน
จัดงาน I Seoul U ภายใต้คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) ขึ้นที่บริเวณ ลาน Work & Play
ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9

www.visitseoul.net
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email : iseouluthailand@hotmail.com

โครงการ Eat Local Locallicious

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดประกวด 20 สุดยอดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Food Tourism ภายใต้โครงการ
“Eat Local : Locallicious”

นอกจากจะเปิดตัว  โครงการ “Eat Local : Locallicious” แล้ว  ภายใต้โครงการยัง เน้นโปรโมตเส้นทางอาหารถิ่น เส้นทางเรียนรู้วัตถุดิบพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมด้านอาหารร่วมกับเชฟชุมชน เส้นทางอาหารอร่อย อาหารห้ามพลาด ร่วมกับพันธมิตรส่งเสริมการขาย โดยทุกการใช้จ่ายสามารถรับสิทธิพิเศษมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรองทั่วประเทศ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองโดยใช้อาหารเป็นเครื่องมือในการทำ Destination Marketing ผลักดันสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Food Tourism ให้เป็นจุดขายทางการตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อกระจายโอกาสเชิงรายได้ลงสู่เมืองรอง ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมประกวดจากหลายภาคี อาทิ แพลน บี มีเดีย ในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์หลักของโครงการ HQHotelquickly ในการสนับสนุนดีลพิเศษที่พักของผู้เข้าประกวด สายการบินไทยแอร์เอเชียสนับสนุนตั๋วเครื่องบินการเดินทางแก่ผู้เข้าประกวด รวมถึง Take Me Tour Wongnai และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าประกวดในด้านต่างๆ ซึ่งผลที่ได้รับหลังจากโครงการนั้นจะก่อให้เกิดการแชร์ประสบการณ์กินที่น่าสนใจในหมู่นักท่องเที่ยว เกิดทริปกินเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ได้ยอดขายที่เป็นรูปธรรม ทั้งยังเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวหน้าใหม่

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2018-2020 ซึ่งอาหารเป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราว ของแต่ละชุมชนนั้นๆได้อย่างมากมาย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวีตของคนในท้องถิ่น โดยจากการสำรวจและวิจัยพบว่าเทรนด์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเสาะแสวงหาสถานที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครไป (Off the Beaten Path) มองหาอาหารท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ชอบเสพเรื่องราวและค้นหาความสามารถของตัวเองผ่านการเรียนรู้ร่วมกับคนในท้องถิ่น และมีหัวใจที่ต้องการสนับสนุนสินค้าชุมชนโดยตรง ซึ่ง ททท. มองว่าแคมเปญของ locallicious จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมือรอง สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

การเฟ้นหาสุดยอด 20 ทริปสายกินใน 55 เมืองรองนั้นได้มุ่งเป้าผู้เข้าร่วมประกวดไปที่ กลุ่ม Food Lover กลุ่มเชฟรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักศึกษา Bloggers สายกิน-เที่ยว ​กลุ่มบริษัททัวร์ และ local expert ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านอาหาร (Food Experience) รู้แหล่งกิน-เที่ยวแบบเจาะลึก ทั้งมีความชำนาญและใฝ่รู้ทางด้านอาหาร ซึ่งแนวทางของการออกแบบทริปนั้นสามารถเน้นการทำกิจกรรมลงมือทำผสมกับการได้ชิม ลิ้มลอง อาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน บรรยากาศการกินอาหารในสถานที่แปลกใหม่แบบไทยเท่ห์ ซึ่งการออกแบบทริปสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การเจาะลึกตะลุยแหล่งวัตถุดิบแล้วนำมาเรียนรู้กับเชฟท้องถิ่น การลุยตลาดเด็ดที่ขาชิมไม่ควรพลาด การทำอาหารเมนูสูตรชนเผ่ากับเชฟชุมชน และการสร้างประสบการณ์กินสุดว้าวที่หาจากที่อื่นไม่ได้ โดยเกณฑ์การตัดสินนั้นจะมาจากการการคัดเลือกจำนวน 2 รอบ โดยรอบที่ 1 จะตัดสินจากคัดเลือกบวกกับคะแนนจากการ like และ share โพสต์ของผู้เข้าแข่งขัน โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 40 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการของโครงการจะเป็นผู้ทำการคัดเลือก 20 ทริปสุดท้ายจาก 40 ทริปที่เข้ารอบ โดย 20 ทีมสุดท้ายจะสามารถนำมาทริปมาทำการขายจริงแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินของโครงการนั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านทั้งทางด้านอาหาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด รวมถึงทางด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณนพดล ภาคพรต (รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ) คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร (ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดการตลาดธนาคารไทยพาณิชย์) คุณกิตติ พรศิวะกิจ (นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย) คุณยอด ชินสุภัคกุล (ผู้บริหารจาก Wongnai Media) คุณ ณพีรา เตชาชาญ (ผู้บริหารจาก Napira Travel Stylist) และ คุณนพพล อนุกูลวิทยา (ผู้บริหารบริษัท Take Me Tour)

โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมแรก จะได้รับรางวัลรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 370,000 บาท ในส่วนการแข่งขันรอบที่ 2 ผู้เข้ารอบ 20 ทีมจะมาแข่งขันขายทริปจริง โดยผู้ที่ได้ยอดขายสูงสุด 5 ทีมแรก จะได้รับรางวัลเท่ายอดขาย ยิ่งขายมาก ยิ่งได้มาก

สำหรับระยะเวลาของโครงการนั้นจะถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงได้แก่ช่วงแรกในเดือนมิถุนายน จะเป็นช่วงประชาสัมพันธ์เพื่อรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ช่วงที่ 2 คือเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ผู้เข้าแข่งขันสร้างสรรค์ทริปท่องเที่ยวสุดครีเอทิฟ และช่วงที่ 3 ในเดือนสิงหาคม ผู้เข้าแข่งขันจะทำการประชาสัมพันธ์ทริปของตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ และช่วงสุดท้ายคือเดือนกันยายน จะเป็นช่วงแข่งขาย โดยจะขายทริปผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thelocallicious.com และจะมีการจัดงานขาย 20 สุดยอดฟู้ดทริป “Thailand Food Tourism Mart” ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ โดยมีกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ กิจกรรม workshop กับเชฟชื่อดัง มินิคอนเสริต์จากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมสำหรับครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย โดยตลอดระยะเวลาของโครงการจะมีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องทั้งช่องทาง Online และ Offline และมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากมาย อาทิ แพคเกจ 3 วัน 2 คืนโรงแรม รีสอร์ทห้าดาวในพื้นที่เมืองรองอาทิ สันธิญา เกาะยาวใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา, ภูใจใส, katiliya mountain resort & spa จังหวัดเชียงราย, มันนอกไอส์แลนรีสอร์ท (munnork island resort) เป็นต้น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับเที่ยวเมืองรองจากแอร์เอเชีย และ voucher ร้านอาหารมากมาย และพบกับดีลห้องพักสุดพิเศษจาก HotelQuickly.com สำหรับสมาชิก Locallicious เท่านั้น

โครงการ Locallicious ได้จัดพิธีเปิดโครงการไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมี คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมผู้สนับสนุนโครงการ อาทิ PlanB Media, HotelQuickly.com, Air Asia, Major Cineplex, Wongnai Media, TakeMeTour โดยมีกิจกรรมไฮไลท์เปิดตัวโครงการได้แก่ โชว์ทำอาหารจากเชฟกะทะหล่อโดยนายสุรกิจ เข็มแก้ว หรือ เชฟปิง ที่จะมาสร้างประสบการณ์อาหารแบบเชฟเทเบิ้ลจากวัตถุดิบท้องถิ่นในงาน

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการหรือสนใจสมัครเข้าประกวดสามารถรับรายละเอียดได้ที่
Facebook: thelocallicious
เว็บไซต์ www.Thelocallicious.com

การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบการผลิตยานพาหนะสมัยใหม่


ก.วิทย์ฯ-สวทช. จับมือ กลุ่มบริษัทโชคนำชัย
พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์-เรือ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย

ณ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด จ.สุพรรณบุรี: กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด และ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทโชคนำชัย (CNC Group) ผู้ผลิตแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

จัดแถลงข่าวความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบ การผลิตยานพาหนะสมัยใหม่ ที่สามารถนำมาต่อยอด  ในการสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ พร้อมทั้งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยให้สูงขึ้น

นางสุวิภา   วรรณธารพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ  สวทช.  กล่าวว่า สวทช.
ได้มีการดำเนินงานกิจกรรมทางด้านยานยนต์มา กว่า 10 ปี และในอนาคตเทคโนโลยียานยนต์จะมุ่งไปสู่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ รวมถึงการนำระบบอัจริยะต่างๆ มาติดตั้งในยานยนต์ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนที่ยานพาหนะได้หลายรูปแบบ อาทิ จากการขับเคลื่อนผ่านล้อยางเป็นมอเตอร์ใบพัดในลักษณะของการบินหรือเรือ สวทช. จึงได้ทำวิจัยและพัฒนาประเด็นมุ่งเน้นด้านการขนส่งสมัยใหม่ หรือ Modern Transportation ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง ทั้งการจ้างงาน การลงทุน การลดปัญหามลพิษ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างอุตสาหกรรมและบริการใหม่ๆ อีกหลายประเภทในอนาคต ซึ่งทิศทางของแนวโน้มเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้การผลิตยานยนต์แบบเดิมๆ อาจไม่สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ในอนาคต จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัว และใช้โอกาสในช่วงเปลี่ยนแปลงนี้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตต่อไป

ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าต่อว่า ทั้งนี้กลุ่ม  บริษัท โชคนำชัย ได้มีความร่วมมือ กับ สวทช. ทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างเรือ และรถโดยสาร โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เอ็มเทค สวทช. และ DECC โดยใช้กลไกของ โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การยื่นขอรับการพิจารณาบัญชีนวัตกรรม และการลดภาษี 300% ซึ่งการดำเนินโครงการต่างๆ นั้น ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ช่วยให้บริษัท โชคนำชัย และ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่นฯ สามารถพัฒนากระบวนการผลิตโดยมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา

ทั้งนี้จากความสำเร็จที่ผ่านมาทางบริษัทจึงได้เตรียมทำสัญญาลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ สวทช. ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนายานพาหนะสมัยใหม่ รวมถึง ชิ้นส่วน โครงสร้าง และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแม่พิมพ์ และการออกแบบ และผลิตโครงสร้างน้ำหนักเบา ตลอดจนร่วมพัฒนาบุคลากร และกำลังคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียานพาหนะสมัยใหม่ ซึ่งจากความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีความมั่นใจและมีความประสงค์ที่จะมีความร่วมมือกับ สวทช. ในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ และยกระดับศักยภาพในการผลิตยานยนต์

เพื่อคนไทยให้เกิดขึ้นในประเทศต่อไป ​ด้าน นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกลุ่มบริษัท โชคนำชัย และบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทโชคนำชัย (CNC Group) เป็นหนึ่งในองค์กรที่โลดแล่นอยู่
ในวงการอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ผลงานการค้นคว้าวิจัยด้านเทคโนโลยีที่บริษัทได้คิดค้นขึ้น นับเป็นองค์ความรู้สำคัญต่อการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น จนทัดเทียมกับระดับสากล สามารถต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย จนนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม และเพื่อการต่อยอดนวัตกรรมให้มีคุณภาพมากขึ้น บริษัทโชคนำชัยฯ จึงได้ทำความร่วมมือ กับ สวทช. เพื่อนำองค์ความรู้ที่สำคัญต่อการพัฒนาของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบสารสนเทศ  สำหรับการบริหารทรัพยากรขององค์กร (ERP) เข้ามาประยุกต์ใช้งานภายในและทดแทนระบบสารสนเทศที่ใช้อยู่เดิม ก่อให้เกิดความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต่อยอดองค์ความรู้ด้านการผลิตเรืออลูมิเนียมของ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จํากัด อีกหนึ่งบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทโชคนำชัย นั่นก็คือ แนวทางในการออกแบบ เรือ SAKUN โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการคำนวณทางพลศาสตร์ของไหล หรือ CFD ช่วยในการจำลองสภาวะการใช้งานและศึกษาความสัมพันธ์ ตลอดจนผลกระทบจากการไหลของน้ำที่มีต่อเรือ ที่สำคัญ สวทช. ยังมีช่วยให้คำปรึกษา และช่วยในการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างรถโดยสารตัวถังอลูมิเนียม ซึ่ง บริษัท สกุลฎ์ซีฯ ได้นำมาศึกษาและหาแนวทางลดน้ำหนักของโครงสร้างในอนาคต

ซึ่งความรู้ตัวนี้จะช่วยในการลดค่าใช้จ่าย และลดอัตราการกินน้ำมัน สร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมของประเทศได้โดยตรง นายนำชัย กล่าวต่อว่า จากผลงานและความสำเร็จที่เกิดขึ้น จึงทำให้ปีนี้ บริษัทโชคนำชัยได้ร่วมมือกับ สวทช. อีกครั้ง ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะสร้างผลประโยชน์ให้กับวงการเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไทยมากยิ่งขึ้น โดย สวทช. ได้มีการทำโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำมาขยายขีดความสามารถในการผลิตนวัตกรรม และพัฒนากระบวนการผลิตโดยระบบ Automation ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบ ยานยนต์สมัยใหม่ โดยใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา และขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ตอบรับยุค Thailand 4.0 อย่างเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม ในความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทสกุลฎ์ซีและ สวทช. ริเริ่มโครงการพัฒนาเรืออัจฉริยะ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้แอพพลิเคชั่นเก็บข้อมูลและวิเคราะห์การขับขี่ของผู้ขับเรือ สร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น การใช้ระบบ GPS และมอเตอร์ขับเคลื่อน

ในการควบคุมตำแหน่งของเรือ ลดการเกิดอุบัติเหตุและการแล่นออกนอกเส้นทาง และใช้ระบบข้อมูล IOT เก็บข้อมูลเรือที่จำหน่ายออกไปเพื่อบริหารจัดการข้อมูลคู่ค้า และนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้จุดแข็งการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ  บริษัทโชคนำชัย กับ สวทช. ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือกันพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการวิจัย ด้านการพัฒนา และด้านการบริหารองค์ความรู้ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรในองค์กร  เพื่อสร้างบุคลากร
ที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไทยต่อไป

นาฬิกาสุดแนวภายใต้ชื่อ HYT แบรนด์นาฬิกาอินดี้ชั้นสูงสวิส

HYT Thailand Boutique แห่งแรกในประเทศไทย

​แนวคิดของนาฬิกาน้ำหรือ Clepsydra ในโลกโบราณมารังสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาชั่วโมงด้วยของเหลวชนิดพิเศษ HYT ก่อตั้งเมื่อปี 2012 ในฐานะแบรนด์นาฬิกาอินดี้ค่ายแรกที่นำแนวคิดของนาฬิกาน้ำหรือ Clepsydra ในโลกโบราณมารังสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาชั่วโมงด้วยของเหลวชนิดพิเศษ ซึ่งกว่าแบรนด์จะทำสำเร็จนั้นต่างต้องใช้เวลาในการวิจัยพัฒนายาวนานเพื่อมั่นใจว่าของเหลวที่มีสี 2 ชนิดจะไม่ผสมกันและสามารถทำหน้าที่เป็นเข็มชี้บอกเวลาชั่วโมงได้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา HYT เป็นหนึ่งในแบรนด์อินดี้ที่มีความโดดเด่นทางด้านกลไกบอกเวลา  ด้วยของเหลวและดีไซน์ตัวเรือนล้ำยุคมาก ไม่เพียงเท่านี้ เอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแสดงเวลาของแบรนด์  ทำให้ผู้ชื่นชอบและนักสะสมนาฬิกาทั่วโลก   ต่างให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย  สะท้อนถึงอนาคตอันสดใสของวงการนาฬิกาที่มักใฝ่หานวัตกรรมและนาฬิการูปแบบใหม่อยู่เสมอ

Grand Opening of HYT Thailand Boutique

HYT แบรนด์นาฬิกาอินดี้ชั้นสูงสวิสเปิดตัว HYT Thailand Boutique แห่งแรกในประเทศไทยเพื่อนำเสนอเรือนเวลาซับซ้อนสูงที่ไม่เหมือนใครแก่นักสะสมและผู้หลงใหลนาฬิกาชาวไทยได้ลองสัมผัสสวมใส่กัน โดยบูติกมาพร้อมกับคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดและผลงานอันโดดเด่นหลายเรือนด้วยกันเช่น Ho, H20, H1, H2, H3, H4, และ Skull ทั้งนี้ Mr. Gregory Dourde CEO แห่งแบรนด์และ Mr. David Keel ผู้อำนวยการบริหารจัดการแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวบูติกครั้งสำคัญ

เพื่อสะท้อนว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่แบรนด์ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติที่เป็นนักสะสมนาฬิกาชั้นนำของประเทศไทยและสื่อมวลชนเข้าร่วมบันทึกภาพบรรยากาศพร้อมกับทดลองสวมใส่เรือนเวลาอีกด้วย

เปิดแล้ว ร้านนาฬิกาแบรนด์อินดี้ HYT นาฬิกาที่เด่นด้วยเทคโนโลยีการแสดงเวลาด้วยของเหลวผ่านหลอดที่พัฒนามาเป็นพิเศษแบรนด์เดียวในโลกร้านนาฬิกาหรูสุดอินดี้ HYTชั้นสูงจากสวิสแล้วที่ สยามพารากอน
www.hytwatches.com

#HYTWatches

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น