เริ่มต้นเดือนตุลาคม นอกจากจะเป็นเดือนที่อากาศกำลังเริ่มเย็นสบายแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้มีโอกาสวางแผนการเดินทางในประเทศอีกครั้ง การท่องเที่ยวในครั้งนี้ ขอขอบคุณ คุณสุชาติ ชายมัน ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช พาท่องเที่ยวและออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์
ล่าสายหมอกแดนใต้ ยังทะเลหมอกที่สวยที่สุดในภาคใต้ ขอบคุณที่ให้โอกาสได้เก็บเกี่ยวความทรงจำใหม่ๆ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กับเส้นทางท่องเที่ยวเสริมพลังกาย-ใจ ในนครแห่งความสุข ภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” ชวนคนเมือง เยือนเมืองคอน ดินแดนแห่งการพักผ่อนเติมพลังธรรมชาติ ชู Unseen อัญมณีแห่งอ่าวไทย ขอพรไอ้ไข่วัดเจดีย์ ชมสีสันแห่งผืนป่า ล่าสายหมอกแดนใต้ พบเสน่ห์ท้องถิ่นอันน่าหลงใหล เที่ยวได้ เที่ยวดี สุขทั้งปี
เที่ยวครั้งนี้ สุขสันต์เบิกบานใจที่เมืองคอน “นครศรีธรรมราช” จังหวัดทางภาคใต้ที่มีความความอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ทะเลและภูเขา เป็นเมืองแห่งธรรมะ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน งดงามด้วยเสน่ห์แห่งวิถีถิ่น พร้อมภูมิปัญญาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” ชวนคนเมืองกรุง มุ่งเมืองคอน เพื่อการพักผ่อน เติมพลังกายใจ โดยได้แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแหล่งธรรมชาติอันงดงาม ทั้งทางทะเลและภูเขา ซึ่งกระจายตัวอยู่ในอำเภอต่างๆ ความสุขเล็กๆ ที่ต้องมาเยือนพร้อมให้นักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่ เข้ามาสัมผัสและผ่อนคลายในนครแห่งความสุขกันได้ทั้งปีเยือนเมืองแห่งธรรมะ ในดินแดนแห่งธรรรมชาติ
นำเที่ยวทริปนี้ โดย นายสุชาติ ชายมัน ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช หากพูดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช ใครจะไปเชื่อว่า เส้นทางท่องเที่ยวเสริมพลังกาย-ใจ ในนครแห่งความสุข ภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” เป็นโครงการที่ชวนคนเมืองเพื่อมาเยือนยังเมืองคอน ดินแดนแห่งการพักผ่อนเติมพลังธรรมชาติ เมืองสำหรับการผ่อนคลายที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและน่าหลงใหล เริ่มจากชายหาดที่น่าประทับใจ ทิวทัศน์สวยงามเสน่ห์ท้องถิ่นอันน่าหลงใหล เที่ยวได้เที่ยวดีเที่ยวได้ทั้งปี สุขขี ที่เมืองคอน
เริ่มต้นจาก ท่าน ผอ.สุชาติ ชายมัน เล่าที่มาที่ไปของโครงการ
“กรุงเทพ-มาหา-นคร” ทริปในครั้งนี้ก่อนว่า หน้าหนาว ให้เที่ยวภูเขา แต่สำหรับพวกเราให้มาเที่ยวนครศรีธรรมราช จังหวัดทางภาคใต้ที่มีความความอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งทะเลและภูเขา อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งธรรมะ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน งดงามด้วยเสน่ห์แห่งวิถีถิ่น พร้อมภูมิปัญญาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” เพื่อการพักผ่อน เติมพลังกายใจ โดยได้แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแหล่งธรรมชาติอันงดงาม ทั้งทางทะเลและภูเขา ซึ่งกระจายตัวอยู่ในอำเภอต่างๆ พร้อมให้นักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่ เข้ามาสัมผัสและผ่อนคลายในนครแห่งความสุขกันได้ทั้งปีเยือนเมืองแห่งธรรมะ ในดินแดนแห่งธรรรมชาติสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนนครสองธรรม แดน “ธรรมะ” และ “ธรรมชาติ” นครศรีธรรมราช คือ การเข้าเที่ยวชมและกราบสักการะพระธาตุเมืองนคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือ ที่ชาวนครเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดพระธาตุ”
ต่อจากนั้นเราเดินชมบรรยากาศโดยรอบเพื่อไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โบราณสถานสถานอันศักดิ์สิทธิ์ มิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศานิกชน ทั้งหลาย มีความน่าอัศจรรย์ใจอีกอย่างหนึ่งจนผู้คนต่างพากันเรียกว่า “พระธาตุไร้เงา” เนื่องจากองค์พระธาตุจะไม่มีเงาทอดลงพื้นไม่ว่าแสงอาทิตย์จะส่องกระทบไปทางไหน จึงกลายเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์สัญลักษณ์ของจังหวัดผู้ที่เข้ามายังตัวเมืองจะมองเห็นความโดดเด่นของพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศจดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ Unseen สุดไฉไล
ไปต่อที่อัญมณีแห่งอ่าวไทย ชายหาดที่ทอดตัวยาวราว 32 กิโลเมตร ในอาณาบริเวณที่ครอบคลุมอ่าวใหญ่น้อยจำนวน 16 อ่าว คือพื้นที่เหนือสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช แม้จะเป็นอำเภอที่เล็กที่สุดของเมืองนครฯ แต่ “ขนอม” ก็เต็มเปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นอยู่ในวิถีถิ่นอันเข้มแข็ง พร้อมด้วยเรื่องราวที่สนใจ แบบที่หาชมที่ไหนไม่ได้ อ.ขนอม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 100 กิโลเมตร เมืองชายหาดแห่งนี้ยังพาเราออกไปค้นหาความงามของธรรมชาติ และประสบการณ์หนึ่งเดียวที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหน
จะเป็นอย่างไรถ้าเราได้ไปนั่งดูเรือและดูปลาโลมาด้วย กรี๊ดดสิคะ! ใช่ค่ะ
เริ่มต้นจากการออกเรือไปชม “โลมาสีชมพู” ซึ่งพบเห็นได้บริเวณอ่าวเตล็ด เนื่องจากเป็นอ่าวที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทางทะเล มีหญ้าทะเล 5 สายพันธุ์ และปลาหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารของโลมา จึงถือเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องย้ายถิ่น
เดินทางต่อด้วยการ แวะสักการะ “รูปหล่อหลวงปู่ทวด” ประดิษฐานบนเกาะนุ้ย พบกับความอัศจรรย์ใจของ “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตำนานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งใน Unseen ของเมืองไทย เนื่องจากบนเกาะนี้มีบ่อน้ำจืดที่มีรูปร่างคล้ายกับรอยเท้า สามารถมองเห็นได้ในตอนที่น้ำทะเลลดลง หากเป็นช่วงที่น้ำขึ้นจะถูกน้ำทะเลท่วม มีเรื่องเล่าต่อกันมา
เมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวดได้เดินทางด้วยเรือจากสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยา ระหว่างทางเกิดพายุและทำให้เรือขาดแคลนน้ำจืด หลวงพ่อทวดจึงแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการเหยียบน้ำกลางทะเล จนกลายเป็นแอ่งน้ำจืดกลางทะเลให้ลูกเรือได้ดื่ม ขณะที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า บ่อน้ำจืดกลางทะเลแห่งนี้ เป็นช่องเปิดที่เชื่อมต่อกับรอยแตกของชั้นหินใต้ผิวโลกที่ทะลุถึงสายน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล และเมื่อน้ำทะเลลดต่ำลง น้ำจืดด้านล่างก็สามารถดันน้ำเค็มออกไปได้หมด ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด บ่อน้ำจืดกลางทะเลแห่งนี้ ถือเป็นความน่าอัศจรรย์ใจ ที่พร้อมที่ทุกคนเข้ามาพิสูจน์ ท่ามกลางธรรมชาติของท้องทะเลอันงดงาม
ไม่ไกลจากเกาะนุ้ยนอกและอ่าวเตล็ด มีอีกหนึ่ง Unseen ที่ต้องห้ามพลาด คือ “เขาหินพับผ้า” แนวผาหินที่มีลักษณะเฉพาะตัว ดูแปลกตาและงดงาม ราวกับผลงานทางศิลปะที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมา เนื่องจากลักษณะที่คล้ายแผ่นหินเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งมาจากการทับถมของตะกอนหินใต้ท้องทะเลมานานกว่า 280 ล้านปี บางจุดสามารถเดินขึ้นไปชมได้ เช่น “เวทีพุ่มพวง” บริเวณชั้นหินที่มีลานกว้างคล้ายเวที ปรากฎให้เห็นในช่วงน้ำลด เป็นบริเวณที่ชาวประมงมักแวะพักหลบคลื่นลม แวะรับประทานอาหาร หรือ พักผ่อนยามออกเรือด้วยลักษณะคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนๆ กัน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาหินพับผ้า” ส่วนชาวต่างประเทศมักเรียกว่า “แพนเค้กร็อค” (Pancake Rock) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับ Pancake Rock สถานที่ท่องเที่ยวของหมู่บ้าน Punakaiki บริเวณเกาะใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศนิวซีแลนด์
ด้วยแรงศรัทธาเสริมพลังใจ “ไอ้ไข่” อ.สิชล
ด้วยความเชื่อความศรัทธา เป็นหนึ่งในแนวทางเสริมพลังใจให้กับมนุษย์ ที่ อ.สิชล หนึ่งในเมืองชายหาดอันงดงามของจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ติดกับ อ.ขนอม มีสถานที่อันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศมีเรื่องเล่าว่า ในอดีตเมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ได้มาปักกรดอยู่ใน อ.สิชล ขณะนั้น มีลูกศิษย์ชื่อ “ไอ้ไข่” เป็นวิญญาณเด็กผู้ชายอายุประมาณ 9-10 ขวบติดตามมาด้วย เมื่อได้พบว่าสถานที่แห่งนี้มีทรัพย์สมบัติและศาสนสถานที่มีความสำคัญ หลวงปู่จึงได้ให้ไอ้ไข่ สิงสถิตเฝ้าทรัพย์สมบัติอยู่ตั้งแต่นั้นมา จวบจนปัจจุบัน คือพื้นที่ของ “วัดเจดีย์” ต.ฉลอง อ.สิชล ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุราวกว่า 1,000 ปี โดยมีการบูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ.2500
เล่าที่มาที่ไป นานๆ จะมีโอกาสได้พักกับเขาสักที เส้นทางท่องเที่ยวสุดชิลล์บนถนนเส้นใหม่ ชื่อว่า “ถนนพลายจำเริญ” ที่เชื่อมต่อระหว่าง อ่าวท้องหยี อ.ขนอม และ บ้านเขาพลายดำ อ. สิชล เส้นทางการท่องเที่ยวเลียชายทะเลอันงดงามของทะเลฝั่งอ่าวไทย ด้วยโค้งเว้าของถนนเลียบภูเขาและทะเล สามารถมองเห็นเกาะสมุย เกาะพะงัน และเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นท้องฟ้าและท้องทะเลมาบรรจบกันได้อย่างน่าประทับใจ สูดอากาศให้เต็มปอด เดินชิวไปชิวมา อากาศดีมากๆ
อลังการกรุงชิง อิงทะเลหมอกแดนใต้
ตื่นแต่เช้า เพราะกลัวพลาดแบบทริปที่แล้วเป็นอะไรที่ฝังใจมาก! ความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่ง “เขา ป่า นา เล” จึงเต็มไปด้วยความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และหนึ่งในความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาที่งดงามอลังการ อยู่ที่ อ.นบพิตำ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีจุดชมทะเลหมอกยามเช้าอันแสนสดชื่นและสวยงามไม่แพ้ที่ไหน เช่น “จุดชมทะเลหมอกเขาเหล็ก” ชื่อเรียกตามความเป็นมาในอดีต ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อนที่จะปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2512 เขาเหล็กเป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 330 เมตร และมีทะเลหมอกให้ชมเกือบตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นวิวตำบลกรุงชิง ที่โอบล้อมด้วยภูเขาใหญ่น้อยสลับซับซ้อนแบบสุดลูกหูลูกตา
วัดภูเขาเหล็ก
ที่ตั้งอยู่ใน หมู่ 2 บ้านเขาเหล็ก อ.นบพิตำ เป็นวัดที่มีพระอุโบสถที่มีความสวยงาม ทาด้วยสีขาวทั้งหลัง มีพญานาคสีทองอร่ามอยู่ระหว่างทางเข้าอุโบสถ รวมถึงภายในวัดยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่กลางน้ำ อีกทั้งภายในวัดยังพบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าอยู่ภายในถ้ำพระบาท นับเป็นวัดที่งดงามและเงียบสงบ ด้วยความร่มรื่น ร่มเย็น เหมาะแก่การไปเที่ยวชมหรือการปฏิบัติธรรมวิถีรักษ์คลองกลาย สุขใจกับผ้ามัดย้อมธรรมชาติ
วิถีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามทำเลอาศัย แต่ก็มีเป้าหมายในทิศทางเดียวกัน คือการอนุรักษ์วิถีถิ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางภูมิปัญญา พร้อมด้วยการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์สืบไปสายน้ำคลองกลาย ใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีต้นกำเนิดมาจากต้นน้ำบนผืนป่ากรุงชิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวงและอุทยานแห่ง
ชาติเขานัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากอีกผืนหนึ่งของประเทศไทย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีใจรักในการผจญภัยและศึกษาธรรมชาติ
นอกจากนั้น ใน อ.นบพิตำ ยังมีจุดท่องเที่ยว เช่น “บ่อน้ำพุร้อน” ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงไปแช่ตัว แช่เท้า หรือ ทำสปา หรือ “ชุมชนบ้านหมอนมด” ต.นบพิตำ ซึ่งมีคลองหมอนมดเป็นสายน้ำที่แยกจาก คลองกลาย ชุมชนเข้มแข็งที่รวมตัวกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย เพื่อนำผักและผลไม้มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ เช่น การทำสบู่ถ่านไม้ไผ่ สบู่ผักเขลียง สบู่กล้วยหอม รวมทั้งการทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ เช่น มังคุด ต้นกระพ้อ และ ใบเขลียง (หรือใบเหลียง) นำมาสกัดเป็นสีธรรมชาติที่ใช้ย้อมผ้า เกิดเป็นเอกลักษณ์อันสวยงาม พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม พร้อมโชว์ฝีมือการมัดย้อมด้วยตัวเอง
นอกจากนั้นยังมีบริการโฮมสเตย์ ซึ่งถือเป็น “ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน”
ตั้งอยู่ริมสายน้ำคลองกลายอันแสนสดชื่น หากติดต่อมาล่วงหน้าก็จะได้ชิมอาหารท้องถิ่นฝีมือของชาวบ้าน เช่น ขนมจีนที่มีน้ำยาถึง 4 ชนิด คือ น้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำแกงไตปลา และ น้ำยาพริก พร้อมสารพัดผักที่มาแบบจัดเต็ม จนต้องบอกว่า “หรอยจังหู” อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ เติมสุขภาพดีๆ ในบรรยากาศอันแสนสดชื่นนครแห่งความสุขแห่งนี้ไม่ว่าวันไหน หรือ ฤดูกาลใด นครศรีธรรมราช ยังคงเป็นดินแดนแห่งความผ่อนคลาย พร้อมเติมพลังทั้งกายและใจ ให้กับผู้ที่มาเยือน โดยเฉพาะคนในสังคมเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยมลพิษและความรีบเร่ง
สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาทริปสุดพิเศษ โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” จึงขอเป็นหนึ่งในกิจกรรมเสริมพลังแห่งชีวิตด้วยการท่องเที่ยวอันหลากหลายมุมมองของเมืองนคร ที่ได้ชื่อว่า “นครแห่งความสุข” ที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่านด้วยไมตรีจิต
รายละเอียดการติดต่อ
ท่องเที่ยวชุมชน -ชุมชนท่องเที่ยวอ่าวเตล็ด อ.ขนอม
โทร 098-4683842
วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย อ.นบพิตำ
โทร. 084746 7733