All posts by Shanya

สุขสยาม เปิดรับสมัครประกวดนางนพมาศ 2 วัย ประชันความสามารถ ตามวิถีไทย


ในเทศกาลลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” ณ ไอคอนสยาม สมัครด่วน!! ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 ตุลาคมศกนี้

“เมืองสุขสยาม” ชั้น G ไอคอนสยาม เมืองสารพัดสุข สนุกแบบไทย ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามและอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งสายน้ำเจ้าพระยาในเทศกาล “ลอยกระทง” ชูมหกรรมศิลปวัฒนธรรมสุดยิ่งใหญ่ในงาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563 ณ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม พร้อมไฮไลท์ “การประกวดนางนพมาศ 2 วัย” ซึ่งคู่ที่คว้ารางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัล พร้อมสายสะพายและเงินรางวัล มูลค่า 10,000 บาท ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล มูลค่า 7,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับสายสะพาย และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท

สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดต้องเป็นเพศหญิงคู่แม่ลูก หรือ คู่ยาย-ย่า+หลาน (เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี / ผู้ใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป) โดยส่งหลักฐานการสมัคร ด้วยการกรอกประวัติส่วนตัว พร้อมภาพถ่ายคู่ เป็นภาพสีจำนวน 1 ภาพ และคลิปวีดิโอแนะนำตัว(คู่) ความยาวไม่เกิน 1 นาที ภายในวันที่ 26 ตุลาคม 2563 โดยจะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบในวันที่ 27 ตุลาคม 2563 เพื่อขึ้นเวทีประกวดรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 ณ ลานเมือง 1 เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม

เกณฑ์การตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาจากการแต่งกาย ความสวยงาม บุคลิกภาพ กิริยามารยาท และความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนรอบชิงชนะเลิศผู้ผ่านเข้ารอบจะต้องเตรียมการแสดงความสามารถพิเศษเพื่อสืบสานประเพณี อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยบนเวที โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจาก ทักษะความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ ความพร้อมเพรียงของคู่ประกวด และปฏิภาณไหวพริบในการตอบคำถาม

ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมประกวดนางนพมาศ 2 วัย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานประเพณีลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ในงาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” ณ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม

กรอกข้อมูลสมัครได้ที่ https://bit.ly/2HlB4CI หรือ QR Code ที่ปรากฏบนแพลทฟอร์ม Facebook Fanpage :: sooksiam หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ คุณณัฏฐ์ธิดา โกสุมขจรเกียรติ์ 062-790-5467 (เวลาราชการ) ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 ตุลาคม 2563

ดีต่อใจใครก็ชอบบุฟเฟต์

วันนี้..ใครที่รู้ตัวว่าเป็นแฟนตัวยงของอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่นชอบอาหารสไตล์บุฟเฟต์
บอกได้เลยว่าห้ามพลาด คือมันคุ้มค่ามาก เริ่มต้นกันด้วยบุฟเฟ่ต์ อิ่มอร่อยกันได้แบบหลากหลายด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ บวกซีฟู้ดแบบไม่อั้น ในบรรยากาศหรูหราแต่ราคาหลักร้อย

ห้องอาหารดิเอมเมอรัลด์ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ (The Emerald Hotel) บริการบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน และมื้อค่ำในราคา สุดคุ้ม ด้วยคุณภาพที่ยาวนานกว่า 16 ปี โดยเชฟฝีมือเยี่ยมที่รังสรรค์เมนูสุดหรูหรา ตระการตากับสุดยอดเมนูบุฟเฟ่ต์ อิ่มคุ้ม ไม่มีกระเป๋าฉีก มีให้ครบทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารทะเลซีฟู้ดไม่อั้น ราคาเดียวสุดคุ้ม รวมเครื่องดื่ม งานนี้ไม่อิ่มไม่เลิกเเน่นอนต้องมาที่นี่เลย รสชาติดี รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ที่นี่โดดเด่นตั้งแต่อาหารจำพวกเมนูปรุงเสร็จที่มีรสชาติกลมกล่อมถูกปากคนไทย ทุกมื้อค่ำวันศุกร์และวันเสาร์ ตลอดเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม นี้ ห้องอาหารดิเอมเมอรัลด์ค็อฟฟี่ช็อพ พร้อมที่จะทำให้ทุกๆท่านตื่นตาตื่นใจ กับอาหารนานาชาติสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวัน ให้ท่านเลือกรับประทานกันได้อย่างเต็มที่ ในสไตล์ที่คุณโปรดปราน ไม่ว่าจะเป็น ฟัวกราส์ เป็ดปักกิ่ง ขาปูยักษ์ไม่อั้น 5 ช.ม. อาหารคุณภาพสดใหม่ หวานฉ่ำ เสิร์ฟเคียงคู่ซอสและเครื่องเคียงต่างๆ มากมาย

ทีนี่จัดเป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติคุณภาพระดับอินเตอร์ที่บอกเลยว่าเพื่อนๆ ที่มาต้องไม่เสียใจ จุดเด่นของที่นี่คือ เมนูเเนะนำก็มีหลายเมนู และมีความหลากหลายของเมนูอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น (ซูชิ-ซาซิมิเกรดพรีเมี่ยม สดหลายชนิด ทั้งเเซลมอน เอนกาวะ ปลาไหล ฟัวกราส์ วากิว ฯลฯ) อาหารไทย จีน อิตาเลียน เเละอาหารตะวันตกที่ทุกเมนูปรุงโดยเชฟมืออาชีพเเละเคล็ดลับสูตรเฉพาะของร้าน

เตรียมตัวให้พร้อม! อิ่มไม่อั้นกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ทั้งฟัวกราส์ เป็ดปักกิ่ง ขาปูยักษ์ไม่อั้น 5 ช.ม.เต็มๆ กับบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ราคาเพียง 919 บาทถ้วน/ต่อคน รอให้ทุกๆ ท่านเข้ามาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์อาหารรสเลิศกับสุดยอดมีอาหารให้เลือกทานเยอะมากเกือบร้อยเมนู แถมแต่ละอย่างเด็ดๆ ทั้งฟัวกราส์ เป็ดปักกิ่ง ซีฟู้ดนานาชนิด มุมชีสหลากหลาย ทานกันเต็มอิ่มจุใจแบบไม่จำกัดเวลา นั่งทานสบายๆ เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม บุฟเฟ่ต์นานาชาติรวมเครื่องดื่มซอฟต์ดริ้งค์ไม่อั้น หรือจะเป็นเมนูสุดแสนอร่อยปรุงรสชาติหลากหลายสไตล์

น้ำจิ้มซีฟู้ด พร้อมเครื่องปรุง / Assorted Sauce and Condiment
ยกทัพ ขาปูอลาสก้า / Alaskan King Crab หอยนางรมสด / Fresh Oyster
กั้งกระดาน / Rock Lobster

เมนูไฮไลท์
ฟัวกราส์ : เสิร์ฟบนข้าวปั้นที่ข้าวน้อย ฟัวกราส์ชิ้นใหญ่ๆ เบิร์นกันสดๆ เสิร์ฟร้อนๆ ราดซอสหอมหวาน ตอนเอาเข้าปากบอกเลยคือ….ฟินมาก ชนิดที่ว่ามีให้เลือกชิมกันแบบเดินดูรอบเดียวเห็นไม่ครบ

ครชอบซีฟู้ด ไม่ควรพลาด กับ บุฟเฟ่ต์อาหารทะเล
อาหารทะเล : ขาปูอลาสก้า ขาใหญ่เนื้อแน่น ชิ้นใหญ่ แกะง่าย เนื้อแน่น คัดไซต์ คัดคุณภาพ เติมตลอดพร้อมหอยนางรมสด กั้งกระดาน และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหวาน กุ้งแม่น้ำ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ตัวใหญ่กุ้งแม่น้ำเผาและกุ้งหวาน ให้ท่านเลือกรับประทานกันได้อย่างเต็มที่ในสไตล์ที่คุณโปรดปราน

อาหารญี่ปุ่น : สั่งตรงให้หายคิดถึง จากห้องอาหารญี่ปุ่นไดอิจิ ชื่อดัง โดยมีซูชิหลายหน้าแบบพรีเมียมหน้า เช่น หน้าเนื้อวากิว และหน้าปลาไหลญี่ปุ่น ซาชิมิสดมีครบทั้งปลาแซลม่อน ทูน่า ปลาหมึกยักษ์

อาหารจีน : ขาหมูรสเด็ดซิกเนเจอร์ / Steamed Rice with Stew Pork จากห้องอาหารจีนหยก ข้าวต้มปลากะพง / Boiled Rice with Seabass ติ่มซำมีหลายชนิด รสชาติดี เป็ดปักกิ่ง ที่ม้วนกันสดๆ หนังเป็ดกรอบ ซอสหอมอร่อย

อาหารฝรั่ง : ไส้กรอกนำเข้านานาชนิด ต้องเลือกชิมอย่างละนิดไม่งั้นอิ่มก่อน ขาหมูเยอรมัน หนังกรอบ ขาแกะมีมันติดเนื้อฉ่ำๆ ที่ครบครันเกือบทุกเมนู

อาหารไทย : ข้าวขาหมู เคี่ยวจนเนื้อเปื่อย หอมยาจีนที่จะมีขาหมูรสเด็ดซิกเนเจอร์ของห้องอาหาร ตุ๋นจนนุ่ม และเข้าเนื้อสุดๆ แถมยังมีข้าวต้มปลากะพง
และ ข้าวต้มรอบดึกทั้งข้าวต้มแดง ข้าวต้มขาว ข้าวต้มเผือกและสารพัดเครื่องเคียงอิ่มจากอาหารคาวแล้วมาแวะที่โซนขนมหวานและผลไม้ก็มีให้เลือกมากมายทุกวัน

ติ่มซำ / Dim Sum

ของหวาน : ทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ ที่ต้องลองและแนะนำคือ กะลอจี๊ หาทานยากมาก กล้วยทอด ขนมครก แถมยังมีสารพันเค้ก เต้าส่วน กล้วยบวดชี มันต้มน้ำตาล เต้าฮวย อีกทั้งยังมีมุมของหวานหลากชนิดพร้อมไอศครีมไว้ตบท้ายและบิงซูที่ยกมาเป็นเครื่องให้ทำเองกันเลย

กะลอจี้ / Kalorjee
ผลไม้สด / Fresh Fruit

สัมผัสความสดใหม่อร่อยโดนใจ ขอเอาใจคนกินจุ กับเมนูอิ่มไม่อั้นสไตล์บุฟเฟ่ต์ ห้องอาหารตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ด้วยอาหารนานาชาติหลากหลายทั้งเอเชีย ยุโรป รวมถึงอาหารไทย ในรูปแบบบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ พบกับความอร่อยความสุขอันไร้ขีดกับนักชิมให้คุณเพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายในราคาสุดคุ้มราคา : 919 บาทถ้วน/คน รวมเครื่องดื่มไม่อั้น หรือสั่งอาหารเมนูตามสั่งมีให้เลือกมากมาย

โปรโมชั่นแบบหมูคณะ มา 11 จ่าย 10

บอกเลยว่า…ถ้ากำลังมองหาอาหารอร่อยๆ มื้อพิเศษกับคนที่รักก็ต้องที่นี่แหละ
โปรโมชัน โปรหมู่คณะ ก็มี มา 11 จ่าย 10

ปักหมุดแล้วก็อย่าลืมโทรไปสำรองที่กันไว้ก่อนด้วยนะคะ
จองล่วงหน้า : โทร 02 276 4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel
เวลาเปิด : มื้อค่ำทุกวัน 18.00 – 23.00 น. (5 ชั่วโมง)

พิกัด : ห้องอาหารดิเอมเมอรัลด์ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์
(The Emerald Hotel) MRT ห้วยขวาง ทางออกประตู 3
ขับรถมาเองทีจอดรถด้านหน้าโรงแรมสะดวกสบายมาก

TheEmeraldHotel #ดิเอมเมอรัลด์ #TheEmeraldCoffeeShop #ดิเอมเมอรัลคอฟฟี่ช็อป #บุฟเฟ่ต์ #อาหารนานาชาติ #toptotravel

“ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 ร่วมสืบสานการทำนาขาวัง

ภูมิปัญญาแห่งลุ่มน้ำบางปะกง แหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศ จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จ.ฉะเชิงเทรา สร้างพื้นที่ต้นแบบโคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ปีที่ 8 จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี ระดมอาสาสมัครเกือบ 400 คน สร้างพื้นที่ต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ ณ ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาของชาวลุ่มน้ำบางปะกงในการจัดการพื้นที่กสิกรรมในระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ที่ประยุกต์เข้ากับการทำโคก หนอง นา ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำบางปะกง แหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศ และสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน พร้อมวางมาตรการความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับภาวะปกติใหม่ (New Normal) อย่างเข้มข้น

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ ภายใต้แนวคิด “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อตอกย้ำว่าศาสตร์พระราชาคือทางรอดจากทุกวิกฤต

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวถึงความสำคัญในการเลือก จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มน้ำบางปะกงเป็นสถานที่จัดกิจกรรมว่า “จ.ฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ 5,351 ตร.กม. หรือประมาณ 3.3 ล้านไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ บริเวณลุ่มแม่น้ำบางปะกง เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของประเทศ โดยพื้นที่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำมีความอุดมสมบูรณ์สูง เหมาะกับการทำเกษตร ด้วยแม่น้ำบางปะกงได้พัดพาดินตะกอนมาทับถมเป็นเวลานาน ก่อนที่จะไหลลงสู่อ่าวไทยที่ อ.บางปะกง โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม คือ การทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้ยืนต้น และมีการทำนาขาวังที่เป็นเอกลักษณ์ อยู่ที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง

สำหรับการทำ ‘นาขาวัง’ เป็นรูปแบบการทำนาในระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของชาวบ้านที่เรียนรู้กลไกธรรมชาติของน้ำขึ้น น้ำลง โดยทำนาข้าวในฤดูฝน ส่วนในฤดูแล้งก็จะปล่อยน้ำเค็มให้ไหลเข้ามาในนาเพื่อเลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา คำว่า ‘ขาวัง’ คือ ร่องน้ำรอบแปลงนา เป็นภูมิปัญญาในการจัดการน้ำของชาวนา ซึ่งปัจจุบันเหลือพื้นที่ทำนาขาวังเพียงแค่ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เท่านั้น กิจกรรมเอามื้อสามัคคีครั้งนี้เป็นการสร้างต้นแบบนาขาวัง ที่ประยุกต์เข้ากับการทำโคก หนอง นา ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ เพื่อสร้างระบบนิเวศให้เอื้อต่อการสร้างความมั่งคั่งทางอาหารอย่างยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา ตลอดจนอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาบรรพชนไม่ให้สูญหาย”

กิจกรรมเอามื้อสามัคคี จ.ฉะเชิงเทรา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ก.ย.2563 วันแรกเป็นกิจกรรมการปั่นจักรยานรณรงค์ ของกลุ่มนักปั่นสะพานบุญ 70 คน ซึ่งมีดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายไตรภพ โคตรวงษา และนายวรเกียรติ สุจิวโรดม คนมีใจเจ้าของแปลงชาวนามหานครร่วมปั่นด้วย โดยเริ่มต้นทางจากแปลงชาวนามหานคร ต.คลองสิบสี่ อ.หนองจอก กรุงเทพมหานคร จนถึงพื้นที่ของนายชัชวาล เกษมสุข ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี เพื่อสร้างต้นแบบโคก หนอง
นาขาวัง ในวันถัดมา รวมระยะทาง 102 กม.

ด้าน นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของกิจกรรมเอามื้อสามัคคีว่า “กิจกรรมเอามื้อสามัคคีในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 400 คน จากสมาชิกเครือข่ายมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ผู้สมัครร่วมกิจกรรมทางเฟซบุ๊กโครงการตามรอยพ่อฯ และพนักงานของเชฟรอน เพื่อร่วมกันสร้างพื้นที่ต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ บนพื้นที่ของนายชัชวาล เกษมสุข ที่ ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา กิจกรรมที่ทำ ได้แก่ ขุดคลองไส้ไก่ ปลูกแฝก ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพาะผัก ห่มดินแห้งชามน้ำชาม ปล่อยพันธุ์ปลา เป็นต้น โดยมีวิทยากรจากมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ รวมถึง ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อ.ยักษ์) สาธิตและให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมการสร้างพื้นที่ต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติแห่งแรกใน อ.บ้านโพธิ์นี้ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชามาปรับใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนต่อไป”

ด้าน นายไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวถึงการทำ โคก หนอง นาขาวัง แบบ กสิกรรมธรรมชาติว่า “การทำ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ จะแตกต่างจากการทำนาขาวังแบบดั้งเดิมเล็กน้อย โดยจะทำคันดินกั้นระหว่างแปลงนากับคูน้ำ เพื่อประโยชน์ในการกักเก็บน้ำและควบคุมระดับน้ำในแปลงนา และยังสามารถปลูกพืชผักไว้เป็นอาหารบนคันนา การทำนาขาวังในแบบกสิกรรมธรรมชาติจึงปั้นคันนาส่วนนี้เพิ่มขึ้นมาจากการทำนาขาวังตามปกติ นอกจากนี้ยังต้องเป็นการทำเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

สำหรับการออกแบบปรับพื้นที่จากที่นาเดิมให้เป็นต้นแบบ ‘โคก หนอง นาขาวัง’ ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นได้รับความกรุณาจากพระอาจารย์สายชล ขันติธัมโม (พระอาท) เจ้าอาวาสวัดหนองสองห้อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นผู้ออกแบบและปรับพื้นที่ประมาณ 18 ไร่ให้ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทำนาขาวังอินทรีย์ 5 ไร่ ประกอบด้วยการทำขาวังรอบแปลงนา ขุดหนองน้ำ คลองไส้ไก่ ปรับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ให้เป็นโคก ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และพื้นที่ทำสวนผสมผสาน”

ด้าน นายชัชวาล เกษมสุข (แอ้ม) เจ้าของพื้นที่ “โคก หนอง นาขาวัง” ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความเป็นมาและแรงบันดาลใจในการทำแปลงต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติว่า “ครอบครัวมีอาชีพทำขนมเปี๊ยะขายอยู่ในเมืองฉะเชิงเทรา แม้จะขายดีแต่ต้องอดหลับอดนอน จึงเห็นว่าเงินไม่ใช่คำตอบ จึงผันตัวมาทำการเกษตรโดยศึกษาเองจากอินเตอร์เน็ตอยู่ 2 ปี ก่อนจะมีโอกาสได้ไปอบรมกับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน (ศพช.) ชลบุรี กรมการพัฒนาชุมชน ปัญหาของพื้นที่คือ เป็นดินเลน ดินเปรี้ยว ต้องปรับสภาพดินด้วยการห่มดินบำรุงดิน ขุดหลุมกว้างผสมดินเพื่อปลูกต้นไม้ โซนหลังเป็นนา ขุดหนองน้ำ 3 หนอง ซึ่งผมตั้งใจสร้างให้เป็นพื้นที่ตัวอย่างเพื่อสร้างความสุขอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงทางอาหาร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง ให้เห็นว่าเราสามารถสร้างความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ให้เกิดขึ้นได้ และเมื่อที่ของเรามีน้ำอุดมสมบูรณ์ก็สามารถปลูกข้าวได้หลายรอบ สำหรับความฝันในตอนนี้คืออยากปลูกข้าวให้แม่กิน มีข้าว มีผัก มีไข่ มีปลากิน พึ่งตัวเองได้และแบ่งปันเพื่อนบ้าน ตั้งใจว่าจะทำให้พื้นที่นี้สามารถเลี้ยงตัวได้พออยู่พอกินได้ภายใน 5 ปี”

ทั้งนี้ โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”
ปีที่ 8 มีช่องทางสื่อสารในรายการเจาะใจ ซึ่งจะออกอากาศทางช่อง MCOT HD ในเดือนธันวาคม 2563

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลและกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
หรือดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

“ทีเส็บ” เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยงานแสดงสินค้านานาชาติผ่านแผนแม่บท 3 ปี

“ทีเส็บ”เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยงานแสดงสินค้านานาชาติผ่านแผนแม่บท 3 ปี”ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์”พร้อมดึงงานเข้าสู่พื้นที่อีอีซีไม่ต่ำกว่า15งานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติรองรับการจัด Thailand International Air Show เต็มรูปแบบในปี 2568

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)หรือทีเส็บนำคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาภายใต้แผนแม่บทอุตสาหกรรมไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ แผนแม่บทส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้แคมเปญฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์กระตุ้นผู้ประกอบการให้กลับมาจัดงานอีกครั้งด้วยการสนับสนุนด้านต่างๆจากทีเส็บทั้งในด้านของการสนับสนุนทางการเงินและสิทธิประโยชน์อำนวยความสะดวกในการจัดงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอีกครั้งหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

กิจกรรมเสวนาในครั้งนี้ทีเส็บมาพร้อมกับวิทยากรรับเชิญที่มาร่วมพูดคุยถึงความพร้อมและความคืบหน้าของแผนแม่บทดังกล่าว ได้แก่ ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี, คุณรัตนชัย สุทธิเดชานัย ที่ปรึกษาเมืองพัทยาด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมและคุณธเนศ จันทร์เจริญ คณะทำงาน บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัดหรือยูทีเอ/หัวหน้าคณะทำงานด้านวางแผนกลยุทธ์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา โดยมีคณะสื่อมวลชนให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 30 สำนัก

นายจิรุตถ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายของทีเส็บในการเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ผ่านแคมเปญส่งเสริมการจัดงานไมซ์เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยคลี่คลายลงและช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ให้กลับมาเดินหน้าต่อไปได้ผ่านการกระตุ้นด้วยแผนแม่บทไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนด้านงานแสดงสินค้านานาชาติเป็นหลักผ่านการประสานประโยชน์กับพันธมิตรหลักอย่างอีอีซีและเมืองพัทยาในการสนับสนุนด้านต่างๆเช่น การสนับสนุนด้านการเงินในการจัดงานแบบปกติใหม่ (new normal) การสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการสำรวจพื้นที่ค่าประชาสัมพันธ์งาน รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับการอำนวยความสะดวกเมื่อเจ้าของงานเลือกสร้างงานใหม่หรือขยายงานเดิมมาลงยังพื้นที่อีอีซีและพัทยา

แผนแม่บทนี้จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้การจัดงานงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมการบิน และอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การจัดการภัยธรรมชาติและการรับมือโรคระบาด รองรับผู้ประกอบการด้วยสิทธิประโยชน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดงานประสบความสำเร็จ

สำหรับอุตสาหกรรมอวกาศ (Space Industry) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานยุคดิจิทัลที่สำคัญอย่างยิ่ง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 5.6 หมื่นล้านบาท อัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นถึง 10% (ข้อมูลปี พ.ศ. 2562) GISTDA ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจส่งเสริมพัฒนาศักยภาพด้านอุตสาหกรรมอวกาศ จึงเร่งสนับสนุนพัฒนาและประยุกต์เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับสังคม กิจการด้านอุตสาหกรรมอวกาศที่คนทั่วไปรู้จัก เช่น การสำรวจอวกาศ การขนส่งทางอวกาศ ระบบการหาตำแหน่งทั่วโลก (GPS) และ ดาวเทียมและระบบควบคุมเพื่อการต่าง ๆ (เช่น ดาวเทียมสื่อสาร สำรวจพื้นที่และทรัพยากร พยากรณ์อากาศ และทางทหาร)

อย่างไรก็ตาม ทีเส็บเล็งเห็นพันธกิจของ GISTDA ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนแม่บทไทยแลนด์ ล็อกอิน อีเวนท์คือการยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการจัดงานไมซ์ระดับโลกจึงเป็นที่มาของการจับมือกันระหว่าง TCEB และ GISTDA ในฐานะพันธมิตรภายใต้แผนแม่บทนี้และในฐานะเจ้าภาพร่วมการนำหนึ่งในงานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือ Thailand International Air Show ลงพื้นที่ EEC ในอีก 3 ปีข้างหน้านอกจากเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานผ่านการจัดงานไมซ์แล้วอุตสาหกรรมอากาศยานยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศโดยตรงทำให้ส่งเสริมการพัฒนาและแลกเปลี่ยนนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอวกาศในคราวเดียวกัน

จากนั้นเดินทางสู่ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา และเข้าร่วมงานดินเนอร์ทอล์คริมชายหาด เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทีเส็บ โรงแรมดุสิตธานี และ  องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว และการนำเสนอสินค้าชุมชนเข้ากับกิจกรรมของทีเส็บโดยเย็นวันนี้ มีตัวอย่างของดีชุมชนในพัทยามาจัดแสดง ให้ชม ชิม ช้อป และร่วมลองทำด้วยตัวเองอีกด้วย

โรงแรมดุสิตธานี พัทยา
การนำเสนอสินค้าชุมชนเข้ากับกิจกรรมของทีเส็บ
การนำเสนอสินค้าชุมชนเข้ากับกิจกรรมของทีเส็บ

อาทิ การสาธิตการทำพวงมโหตร ชมรมผู้สูงอายุตำบลบางเสร่ , เวิร์คช้อปหน้ากากงิ้ว จากชุมชนจีนโบราบ้านชากแง้ว , กุยช่ายไส้ผัก-ฮ่อยจ๊อปู เมนูอร่อย ชุมชนบ้านชากแง้ว , สลัดโรลดอกไม้ เมนูจากผักออร์แกนิค โดยชุมชนวังน้ำดำ อ.บ้านบึง , สาธิตทำผ้าบาติก จากชุมชนบ้านเก่า ตลาดบางเสร่ อ.สัตหีบ

นับเป็นการผสานความพร้อมของศักยภาพที่มีในพื้นที่ เพื่อเตรียมเดินหน้าทันทีหลังสถานการณ์ณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งถือเป็นมิติแห่งความร่วมมือ ที่สามารถดึงพลังของแต่ละหน่วยงานออกมาเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไป โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของแคมเปญสนับสนุนและแผนแม่บท
ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ จากทีเส็บได้ที่ exhibitions@tceb.or.th

XSPACE Art Gallery

“XSPACE Art Gallery” พื้นที่จุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ เส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ งานศิลปะไร้ขีดจำกัด ใจกลางกรุงเทพฯ

ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำให้ปัจจุบันนี้มี ‘คอมมูนิตี้’ หรือ ‘โค เวิร์กกิ้ง สเปซ’ เกิดขึ้นมากมาย เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องการทั้งสถานที่ทำงาน พื้นที่โชว์ศิลปะและงานดีไซน์ หรือแม้แต่คาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ ที่สามารถนั่งทำงานได้ ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลมีเดียได้ ก็ล้วนตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด! “เวอร์ค่อน” ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะยุคใหม่ นำโดย สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวอร์ค่อน (ประเทศไทย) จำกัด จับมือร่วมกับศิลปิน, ดีไซเนอร์ และ Art Curator ชื่อดังของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่าง ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์, สุภิตา เจริญวัฒนมงคล และภูวิชญ์ แห่งธานีราเมศ เปิดตัว “XSPACE Art Gallery” รวมทั้งเปิดตัวเว็บไซต์ www.xspace.gallery อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “XSPACE–THE XPERIENCE” จุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ ผ่านเส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์งานศิลปะไร้ขีดจำกัด โดยมีเหล่าศิลปิน, art curator, art gallery ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะร่วมงานคับคั่ง อาทิ สันติ ลอรัชวี, สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย, วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์, เนียม มะวรคนอง เป็นต้น

สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ XSPACE Art Gallery

สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ เผยว่า XSPACE Art Gallery คือพื้นที่ที่เป็นจุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ที่งานสร้างสรรค์หลากสื่อต่างแขนงสามารถเดินทางมาบรรจบพบกัน บนพื้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นเสมือนประตูที่เปิดสู่เส้นทางใหม่ๆ ของพรมแดนแห่งการสร้างสรรค์ โดยเป็นทั้งพื้นที่แสดงงานศิลปะและงานดีไซน์ร่วมสมัย, พื้นที่แสดงผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์, งานออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่เปิดโอกาสให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ หลากหลายสไตล์แบบไร้ขีดจำกัด
“XSPACE Art Gallery เกิดจากการเสาะแสวงหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของงานศิลปะ งานออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ งานออกแบบตกแต่งภายใน และสถาปัตยกรรม เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ของธุรกิจสร้างสรรค์ เพราะบางครั้ง สุนทรียะความงาม กับประโยชน์ใช้สอย ก็ไม่จำเป็นต้องแยกขาดจากกัน หากแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

องค์ประกอบภายในของ XSPACE Art Gallery มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานสร้างสรรค์หลากสื่อหลายแขนง ทั้งงานศิลปะ งานดีไซน์ และงานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ โดยผลงานของศิลปินที่นำมาจัดแสดงภายใน XSPACE นี้ อาทิ ผลงานของ สันติ ลอรัชวี, ธิดารัตน์ จันทเชื้อ, เนียม มะวรคนอง, สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์, ภาวิษา มีศรีนนท์, เต็มใจ ชลศิริ, ศุภชัย เกศการุณกุล,ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์, อดิวิศว์ อังศธรรมรัตน์ และวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ เป็นต้น รวมถึงยังมี Art x Design Store ซึ่งเป็นที่จัดจำหน่ายงานศิลปะ, งานดีไซน์, หนังสือ และสื่อสร้างสรรค์คุณภาพเยี่ยม ที่ผ่านการคัดสรรจาก Art Curator มืออาชีพให้ผู้ที่สนใจและรักงานศิลปะได้เลือกชมเลือกช้อปกันด้วย
ที่สำคัญ XSPACE ยังเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่พร้อมสรรพด้วยงานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับโครงการต่างๆ เช่น สำนักงาน, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, คาเฟ่, ร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ รวมถึงยังมีพื้นที่ XCafé ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มรสชาติเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศอาร์ตแกลลอรี่สุดชิลล์ ที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้กว่า 40 ที่นั่ง พร้อมลานจอดรถที่มีไว้คอยบริการ แล้วทางร้านยังเปิดรับจองสำหรับการจัดเลี้ยงหรือจัดกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย

นอกจากพื้นที่ของ XSPACE แล้ว ยังมีการเปิดตัว www.xspace.gallery เว็บไซต์แรกที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรธุรกิจศิลปะออนไลน์ ซึ่งเปรียบเสมือนคลังข้อมูลสำคัญของการสืบค้นผลงานของศิลปินไทยอิสระและแกลลอรี่พันธมิตร ครบเครื่องในเรื่องข้อมูลผลงานที่ชัดเจน การบริการ (Service) ที่ครบวงจร ไปจนถึงการปิดการขาย การนำส่งงานศิลปะถึงลูกค้า และการคัดเลือกผลงานที่เหมาะสมให้ลูกค้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากเรื่องการขายงานแล้ว เว็บไซต์นี้ยังมีคอนเทนท์สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการช่วยผลักดันกลุ่มศิลปินและแกลลอรี่พันธมิตรในโลกสังคมออนไลน์ อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะที่น่าอ่าน เรื่องเกี่ยวกับงานดีไซน์ รวมทั้งมีหนังสือศิลปะไว้จำหน่ายด้วยเช่นกัน

พบกับความตื่นตาตื่นใจของ XSPACE Art Gallery พื้นที่ซึ่งเป็นจุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ ผ่านเส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์งานศิลปะไร้ขีดจำกัด ได้แล้ววันนี้ที่อาคาร XSPACE Art Gallery ตั้งอยู่ในซอยปรีดีพนมยงค์ 14 ถนนสุขุมวิท 71
#Xspace

ชวนคนรักข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ปักหมุด

ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ร้านนี้มีความเก่าแก่มีอายุยาวนานมากกว่า 26 ปี ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์คกลับมาติดตามความอร่อยอย่างต่อเนื่อง อร่อย คุณภาพดี วัตุดิบดี ราคาสมเหตุผล กลับมาแบบอลังการ ในราคาที่สาวกข้ามต้มต้อง กลับมาทานอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

Toptotravel ขอแนะนำ…บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มสุดคุ้ม
เลิกงานดึกมากแล้วยังไม่ได้ทานมื้อเย็น ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะวันนี้เราจะพาไปตามร้านข้าวต้ม ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ ร้านนี้มีความเก่าแก่กว่า 26 ปี กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง Toptotravel ไม่พลาดที่ลองไปติดตามความอร่อย สะอาด คุณภาพดี วัตุดิบดี สะอาดปลอดภัย ตามมาตรฐาน new normal ราคาสมเหตุผล ไลน์บุฟเฟ่ต์เป็นสัดส่วน เดินตักง่าย พนักงานดูแลดีลูกค้าส่วนใหญ่กลับมาทานเอีกเรื่อยๆ ส่วนแอดมิน ติดอกติดใจ ชอบยำปลาอินทรีย์ รสเปรี้ยวหวานมันเค็ม (ยำเองตามที่เราชอบ) ยำกั้งดอง ทานคู่กับข้าวต้มข้าวต้มมีให้เลือก มีรสชาติ ความหอม ที่โดดเด่นมากๆเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ 499 NET (รวมเครื่องดื่ม) นั่งไปเลยยาว 5 ชั่วโมงเต็มๆ กันเลย

เป็ดพะโล้, ไส้ เลือด เต้าหู้พะโล้, ต้มหน้อไม้จีน, ต้มจับฉ่าย, ขาหมูคากิม,กุนเชียง, เกี๊ยมฉ่าย, ปลาข้าวสาร, ไข่เยี่ยวม้า, กาน่าฉ่าย,ไบปอ, กระเทียมโทน

ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ของที่นี่ มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยติดใจในรสชาติความอร่อย จนมีขาประจำค่อนข้างเยอะมาก ตั้งอยู่ชั้น G อาหารทุกเมนูองที่นี่ถือเป็นสูตรต้นตำรับเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบคุณภาพดี ราคาสมเหตุผล อาหารร้อนๆ มีรสชาติ ความหอม ที่โดดเด่นและด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน …

ส่วนบรรยากาศภายในร้าน มีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย แบ่งออกเป็น 2 โซน โดยหลัก คือ บริเวณด้านนอกริมกระจกใสบานใหญ่ เปิดกว้างให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบายตา ถัดมาอีกโซน เป็นพื้นที่นั่งใกล้กับไลน์อาหาร ซึ่งทั้ง 2 โซนสามารถรองรับได้กว่า 150 ที่นั่ง ทีเด็ดของข้าวต้มที่ยังคงไว้มีให้เลือก 4 แบบ สลับกันไป อาทิ ข้าวต้มเผือก มัน ซ้อมมือ และข้าวต้มขาว มีเอกลักษณ์เด่นแบบดั้งเดิมที่น้ำข้าวต้มสีขาวขุ่น ข้าวนุ่มนวล เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เพราะข้าวต้มยังคงร้อนอยู่ตลอด มีรสชาติ ความหอมนุ่มที่โดดเด่นมากๆ เป็นเอกลักษณ์

อีกหนึ่งไฮไลท์ เมนูหลากหลายมากกว่า เมนูที่ห้ามพลาดเกินห้ามใจ ไลน์อาหารร้อน สำหรับเมนูทางร้าน มีทั้ง ไทย จีน อาทิ ข้าวเฉโป หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ขาหมูคากิ เป็ดพะโล้, จับฉ่าย, หน่อไม้จีนต้มกับ หมูสามชั้น และไลน์สตรีทฟู้ด
ที่ขอแนะนำว่า เด็ดทุกเมนู ต้องลอง อาทิ กั้งดอง ยำกุ้งแห้ง ไข่เยี่ยวม้า ไข่เค็ม แถมท้ายด้วยเมนูอาหารเสิร์ฟร้อนๆแบบจานต่อจานถึงโต๊ะเพื่อเพิ่มเมนูให้นักชิมยิ่งขึ้น อาทิ เส้นหมี่ผัดผักกระเฉดกุ้ง, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ไข่เจียวปู ก่อนปิดท้ายความอร่อย ด้วยของหวานอย่าง บัวลอยน้ำขิง ร้อนๆหอมๆ รสกลมกล่อม อย่าบอกใคร ขนมไอศกรีมผลไม้ เครื่องดื่ม น้ำอัดลม น้ำสมุนไพร อร่อยครบทั้งคาวทั้งหวานและอื่นๆ อีกมากมาย

ใครอยากเจอบรรยากาศแบบนี้ อย่าลืมไปทานที่ ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค

โปรพิเศษตลอดเดือน ตุลาคม นี้ :
เมื่อมา 3 ท่าน จ่าย 2 ท่าน ทุกเย็นวันศุกร์-เสาร์ มีโปร “บุฟเฟ่ต์ทะเลเผา”
จ่ายเพิ่มอีกเพียง 159 บาท ได้อิ่มอร่อยกับพาเหรด บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาในไสตล์ปิ้งย่างแบบไม่อั้น อาทิ กุ้ง ปูม้า ปลาหมึก หอยแมลงภู่ หอยหวาน และอาหารชนิดอื่นๆ อีกมากมาย

ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 – 22.00 น. ราคา 499 บาท สุทธิ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-290 0125
ติดตามได้ทาง เพจ Facebook: Ramada Chaophya Park

พายเรือคายัค ชมวิว ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ที่ อ่าวท่าเลน

อ่าวท่าเลน จังหวัด กระบี่ ห่างจากสนามบินนานาชาติกระบี่ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุด 33 กม. และมีบริการรถรับส่งสนามบิน

วันนี้เราจะไป พายเรือคายัคด้วยกันคะ การมาเยือน อ่าวเลน นอกจากจะชมวิถีชีวิตของคนในชุมชุนแล้ว ยังมีท้องทะเลที่โอบล้อมไปด้วยเขาหินปูน และป่าโกงกางที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอาหารทะเลสดๆ ให้ไดด้อิ่มอร่อยมากมาย การเริ่มต้นครั้งนี้ ถือเป็นการพายเรือที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเราจะได้ชมวิวสวยระดับหลักล้าน ที่อ่าวท่าเลน เป็นหมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้านเล็กๆ ที่มีสภาพป่าโกงกางอุดมสมบูรณ์พร้อมด้วยภูผาเขาหินปูนโอบล้อมทำให้การเดินทางมาหมู่บ้านนี้ต้องอาศัยการนั่งเรือเพียงอย่างเดียว หยิบไม้พายของคุณขึ้นมาและเพลิดเพลินไปกับความงามของ อ่าวท่าเลน จังหวัดกระบี่ ได้แล้วคะ

ณ.จุดจุดนี้…ไม่ห่างจากท่าเรืออ่าวท่าเลน เราพบกับความสงบร่มเย็นของธรรมชาติ เพลิดเพลินไปธรรมชาติอันงดงามรอบๆ สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นมากมายทั้งพืชและสัตว์ ด้วยการพายเรือคายัคตัดผ่านน้ำทะเล แล้วลัดเลาะเข้าไปในพายคายัคเข้ามาสู่วงล้อมของภูเขาหินปูนซึ่งตั้งเรียงกันอยู่อย่างสลับซับซ้อนจนทำให้ทะเลเหมือนถูกแบ่งเป็นห้องโถงใหญ่ๆ หลายห้อง หรือ ที่เรียกกันว่า ลากูน

การพายเรือคายัคครั้งนี้ toptotravel เลือกแบบ 2 ที่นั่ง โดยมีไกด์ ช่วยพายเพื่อที่เราจะได้ถ่ายรูปสวยๆ มาอวดกัน การพายเล่นในอ่าว และบริเวณโดยรอบชายฝั่ง ถือว่าเป็นการพายเรือที่ไม่ธรรมดา เพราะเราจะได้ชมวิวตลอดสองข้างทางจะพบกับผืนป่าอันสมบูรณ์ และเขาหินปูนที่นักท่องเที่ยวต่างบอกเปฯเสียงเดียวกันว่าสวยระดับโลก

ก่อนเริ่มเส้นทาง การพายเรือคายัค เรามาฟังคำบรรยายวิธีการใช้อุปกรณ์และหลักการพายเรือคายัคให้ถูกวิธีกันจากไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ต่อจากนั้น เริ่มต้นเส้นทางด้วยออกพายเรือคายัค เพื่อชมป่าโกงกางที่สวยงามและสมบูรณ์ ระหว่างพายเรือผ่านผ่านภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ถ้ำจระเข้, และลากูนทะเลใน ของอ่าวท่าเลน ตรงจุดนี้ พบกับธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ รับรองได้ว่า….ต้องประหลาดใจ มองไปข้างหน้า จุดที่สวยที่สุดของอ่าวท่าเลน แนวหน้าผาหินปูนที่โอบขนานไปตลอดทางระหว่างการพายเรือคายัค รวมไปถึงนกนานาชนิด บางจุดเห็นลิงที่หาอาหารทะเลกินด้วยตัวเอง และยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่อีกมากมาย อีกทั้งยังได้พบกับสุสาน ของชาวเล ที่เคยอาศัยมานานหลายร้อยปี

พี่เฮนรี่ (ไกด์) เริ่มต้นพายออกไปจากท่าเรือ โดยแนะนำและสอนวิธีการพายเรือคายัค และเริ่มออกเดินทางตัดผ่านเนินทรายกลางปากอ่าวท่าเลน แล้วเลาะเข้าหาทิวเขาหินปูนที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฝนโปรยปราย เย็นสบาย แนะนำ
ควรสวมหมวก ส่วนเรื่องการถ่ายภาพจากเรือคายัค จากในลำเรือค่อนข้างยาก เพราะเรือโคลงเคลง รวมทั้งการหยุดเรือให้นิ่งจริงๆ แล้วค่อยถ่าย

อ่าวท่าเลน ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาเยือนอย่างมาก ด้วยความโดดเด่นทางธรณีวิทยา ภูมิประเทศ ผาหินปูนที่ตั้งเป็นช่องเหมือนประตูออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นจุดที่ถือว่าสวยงามที่สุดจนทำให้นักพายคายัคทั่วโลกเดินทางมาที่นี่ น้ำใส ล้อมรอบด้วยเกาะและป่าโกงกาง ภูเขาหินปูนที่สูงตระหง่านสวยงาม และยังมีป่าชายเลนที่คงสภาพสมบูรณ์ตลอดเส้นทางภูมิศาสตร์ การเติบโตของพาไปพบกับความงดงามของการชมแนวป่า เขาหินปูน พายเรือคายัคบนแม่น้ำลัดเลาะไปตามป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์รอบ มีพันธุ์ไม้สีเขียวสบายตาปกคลุมอยู่ตามยอด แสงแดดส่องลอดผ่านช่องเขามาเป็นลำ มีลมพัดเย็นๆ พอให้คลายร้อน

ช่วงบ่าย ทำให้พื้นทะเลที่ตื้นเขินโผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนกลายเป็นสันดอนกลางทะเล ทำให้ได้สัมผัสกับความร่มรื่นของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชและสัตว์นานาชนิด ทริปนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวหรือเพือนฝูงที่ต้องการมาสัมผัสกับประสบการณ์มหัศจรรย์ทางทะเลรเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ต้นไม้โกงกางล้อมรอบ ซึ่งเต็มไปด้วยความสงบและความน่าประหลาดใจทุกครั้งที่ได้มาเยือนจริงๆ จัดว่าเป็นทริปพิเศษที่หลายคนไม่ควรมองข้าม ประสบการณ์การพายเรือคายัคครั้งนี้ ถือเป็นการออกกำลังกาย และยังได้ผ่อนคลาย สายตาได้ชมความงดงามของธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกถวิลหา

อ่าวท่าเลน – อ่าวลึก -แหลมจมูกควาย
เส่นทางสุดท้ายของวันนี้หลังจากนั้นก็พายเรือ เดินทางต่อด้วยเรือหางยาวเพื่อไปชมแหลมจมูกความ และกลับยังท่าเรือท่าเรือซึ่งไกด์พี่เฮนรี่ทำได้ดีมากๆ สัมผัสท้องทะเลกระบี่ในอีกมุมกับความแข็งแรง สวยงามของธรรมชาติ การท่องเที่ยวด้วยเรือคายักมุ่งไปข้างหน้าหรือถอยหลังก็ด้วยแรงกายแรงใจ แหลมจมูกควาย Nose Buffalo Cape at Krabi จังหวัดกระบี่ พนังหินเป็นช่องที่เกิดจากการพัดผ่านของกระแสลมจนเกิดเป็นลักษณะที่แปลกตา ความงดงามถือว่าเป็น Unseen สามารถเดินทางโดยเรือหางยาว

มาเที่ยว อ่าวท่าเลน เปิดมุมมองในการท่องเที่ยว จัดเป็นสถานที่ที่มีความสนุกแบบสุดๆ โดยเฉพาะที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมในการ พายเรือคายัค ที่ไม่ธรรมดา เพราะเราจะได้ชมวิวสวยระดับหลักล้านกันเลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวจะเลือก สัมผัสธรรมชาติที่งดงาม กับทริปล่องลากูนนี้ ไกด์เฮรี่ จาก อันดา กระบี่ ซีทัวร์ เพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม หรือเที่ยวกระบี่แพ็คเกจทัวร์ แพ็คเกจทัวร์ภาคใต้ ทัวร์ซิตี้ชมเมืองกระบี่ ทัวร์ทะเลกระบี่ เช่ารถตู้กระบี่ รถบัสเช่าเรือสปีดโบ้ทกระบี่ จัดกรุ๊ ป csr กระบี่

Toptotravel ประทับใจ กระบี่อันดากระบี่ซีทัวร์ จัดว่าเป็นทีมงานมืออาชีพมาก วางใจและรู้สึกปลอดภัย ตามมารตฐาน ไกด์มากประสบการณ์ โปรแกรมทัวร
ท์ี่เราเลือก…..
1 รวมรถรับ-ส่ง ท่าเรือ โรงแรมที่ลูกค้าพัก
2 รวมไกด์ รวมเสื้อชูชีพ/น้ำดื่ม ถุงกันน้ำ
3 รวมเรือแคนนู (เรือ 1 ลำ นั่งได้ 2 คนค่ะ )
4.บาบีคิว 1 มื้อ
5.ราคาสุดพิเศษติดตามที่ : https://www.facebook.com/andakrabi.seatour

จบทริปแบบเต็มอิ่ม ที่ ร้านท่าเลนซีฟู้ด
พายเรือจบแล้วต่อด้วยบาบีคิวหอมๆ ในยามเย็นที่นี่สวยงามมาก ณ. ร้านอาหารทะเลบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวท่าเลนเก่า ครัวฮาลาล อาหารทะเล คุณภาพและรสชาติของอาหารเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดท้องถิ่น ที่มีบรรยากาศงดงาม ใกล้ชิดไปกับวิถีของชาวประมงแบบเรียบง่าย เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเพื่อนฝูงและครอบครัว ลากูนเหล่านี้ก็เหมือนกับที่พักหลบภัย เพราะด้วยลักษณะที่มีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ป้องกันคลื่นลมแรงได้ แถมยังเอาไว้เป็นที่ซ่อนตัวก็น่าจะได้ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ลากูนที่ว่าก็เคยถูกใช้เป็นที่หลบภัยจริงๆ เสียด้วย นั่นก็คือภัยสึนามินั่นเอง นักท่องเที่ยวที่ยังพายไม่ถึงฝั่งก็ได้อาศัยเกราะกำบังธรรมชาติเหล่านี้เป็นตัวลดความรุนแรงของคลื่นในครั้งนั้นจนปลอดภัย แล้วคุณจะประทับใจไม่ลืมเลือน

อยากสัมผัสวิถีชาวประมง และยังคงต้องการความสะดวกสบาย ที่อ่าวท่าเลนอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่เพียง 35 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมืองกระบี่ไปสู่อ่าวท่าเลน ไปตามเส้นทางบ้านในสระ จากนั้นเลี้ยวไปตามเส้นทางโรงเรียนบ้านเขาทอง แล้วจะเห็นป้ายบอกทางไปยังอ่าวท่าเลน นอกจากนั้นภายในตัวเมืองกระบี่ก็มีรถโดยสารและรถสองแถวรับส่งนักท่องเที่ยวมายังอ่าวท่าเลน ส่วนผู้ที่ต้องการให้รถมารับที่โรงแรมที่พักสามารถติดต่อ บริษัท อันดา กระบี่ ซีทัวร์ จำกัด

สะพานไม้อ่าวท่าเลน #พายเรือคายัคอ่าวท่าเลน #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี

สอบถามได้ที่ 697 หมู่ที่ 1 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ 81180
คุณปิงปอง : โทร 081-719-5944
พนักงานออฟฟิศ : โทร 085-888-6127
พนักงานออฟฟิศ : โทร. 096-634-6127

สะพานไม้อ่าวท่าเลน #พายเรือคายัคอ่าวท่าเลน #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี

คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง พระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ลงพื้นที่เยียวยา ผลกระทบอุทกภัย จ.เลย

โครงการ คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง
วันที่ 13 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00น. มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบสิ่งของเยียวยาที่ผู้ได้รับผลกระทบอุทกภัย ชาวบ้านสงเปือย และ บ้านสูบ จ.เลย

องพจนกรโกศล ดร. ผู้ช่วยปลัดซ้ายอนัมนิกาย เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ประธานมูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราห์, พระครูปริยัตินันทวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีภูทอก รองเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน, พระครูจริยสารธรรม เจ้าคณะตำบลท่าสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดป่าจริยธรรม, พระครูบุญประภาการ เจ้าอาวาสวัดโพนงาม

โดยในการนี้ หม่อมหลวง ภัทรสุดา กิติยากร ได้ร่วมเดินทางไปร่วมเป็นประธานในการมอบสิ่งของและเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในครั้งด้วย
ซึ่งในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้มีภาคส่วนราชการมาให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก โดยมีนายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวต้อนรับคณะ และร่วมมอบสิ่งของให้กับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำป่าไหลหลาก ท่วมบ้านเรือนขาวบ้าน ณ พื้นที่โรงเรียนบ้านสงเปือย ซึ่งมีนายสุพล แก้ววงษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสงเปือย ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย เดินทางมาร่วมในพิธี ซึ่งในการนี้ได้มอบเงินและสิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง และจองใช้ที่จำเป็น ส่งมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ บ้านสงเปือย อ.เชียงคาน จ.เลย จำนวน 60 หลังคาเรือน จากนั้นในเวลา 13.00 น. ทั้งคณะได้เดินทางไปที่ บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย เพื่อมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ และปูนซีเมนต์ ส่งมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย จำนวน 60 หลังคาเรือน โดยมี นาย กิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลย เป็นผู้ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกและร่วมมอบสิ่งของกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อน จากเหตุการณ์ฝายกั้นน้ำแตกในพื้นที่ บ้านสูบ แห่งนี้

หม่อมหลวงภัทรสุดา กิติยากร

ในการนี้ หม่อมหลวงภัทรสุดา กิติยากร กล่าวให้กำลังใจประชาชนผู้ที่ได้รับประสบภัยในพื้นที่ว่า ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีน้ำใจที่ดีให้กันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปัน น้ำหลากที่ไหลมามันได้ลดไปแล้ว แต่ขออย่าให้น้ำใจของพวกเราในสังคม ลดลงไปตามน้ำ หากเราช่วยกันฟื้นฟูดูแลซึ่งกันและกัน อีกไม่นานเราทุกครอบครัวจะกลับมาสู่ภาวะปกติเช่นเดิม ฟ้าหลังฝนย่อมมีฟ้าที่สดใสใหม่เสมอ ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งต่อให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว สำหรับผู้ที่สนใจอยากเข้าร่วมหรือสนับสนุนโครงการ คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง

ติดต่อเข้ามาได้ที่
มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์
เบอร์โทรศัพท์ 094-3398484 ,085-1779169

ต้องได้ลอง…ก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย

เปิดตำนานเส้นทางแห่งความอร่อย หลายคนเมื่อพูดถึงก๋วยเตี๋ยวเรือเพนนินต้องร้องอ๋อกันทีเดียว ก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดของแม่ใหม่ ต้นตำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทยกลางห้างหรู ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 น้ำซุปที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันจากวัตุดิบที่ทางร้านคัดสรรคมาอย่างดีเยี่ยม จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและครองใจคอก๋วยเตี๋ยวเรือมาอย่างยาวนาน

เดอะ เพนนินซูล่า พลาซ่า ถือเป็นเจ้าแรก ในยุคนั้นถือว่าเป็นแหล่งช้อปสุดชิคที่เหล่าเซเลบริตี้ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ถูกกล่าวถึง เป็นที่ฮือฮา คือ ร้านอาหาร Le Jardin (เลอ จาร์แดง) ซึ่งเป็นร้านอาหาร ในคอนเซ็ปต์ลอบบี้ เลานจ์ นำก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นมาเสิร์ฟบนห้าง ถือเป็นเจ้าแรก ที่ยกความแซ่บมาตั้งไว้บนห้างหรู เป็นที่ถูกถูกใจบรรดานักธุรกิจและนักชิมจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

ถึงวันนี้เป็นเวลายาวนานกว่า 35 ปีแล้ว จากตำนานอาหารของร้าน เลอ จาร์แดง ที่ถ่ายทอดความอร่อยมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง วันนี้ร้านใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่หลายๆคนคิดถึง ในชื่อ ใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล จากรุ่นคุณยาย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย สู่ คุณสุนงค์ ลูกสาวคนเล็ก และ ล่าสุดรุ่นหลาน คุณมิ้นท์-ชลิตา สาลีรัฐวิภาค

MaiMai Noodle เปิดที่ Icon Siam ก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย มิ้นท์–ชลิตา สาลีรัฐวิภาค ลูกสาวคนโตในจำนวน 4 คนของ พีระพันธุ์–สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค วันนี้ชวนชิมก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อและหมูแบบพรีเมี่ยม อาหารของร้านได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบอาหารไทยของคุณยาย และอาหารฝรั่งของคุณแม่ นำมาปรับให้ทันสมัยกลายเป็นอาหารคงคุณค่าอาหารครบ ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ เมนูต้องมีคุณภาพและรสชาติต้องเลิศ น้ำซุป เข้มข้น และอร่อยแบบไม่ต้องปรุง นอกจากนี้ยังมีเมนูอร่อยแบบดั้งเดิมอื่นๆ อีกมากมาย อาหารทุกจานเป็นสูตรลับเฉพาะของครอบครัวใหม่ใหม่ได้ลิ้มลองความอร่อยอีกมากมาย

ปัจจุบัน คุณมิ้นท์ เข้ามาสานต่อธุรกิจ จากรุ่นคุณยาย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย
สู่ คุณสุนงค์ ลูกสาวคนเล็ก และล่าสุดรุ่นหลาน คุณมิ้นท์ สานต่อความอร่อยระดับตำนาน ร้าน MaiMai Noolde ก๋วยเตี๋ยวเรือแท้ๆ ยกทัพมาให้ทุกท่านได้
อิ่มอร่อยกับท็อปปิ้งและเมนูเครื่องเคียงอีกมากมาย

มิ้นท์–ชลิตา สาลีรัฐวิภาค

แนะนำเมนูห้ามพลาด
ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อริบอายออสเตรเลีย
ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำซุปเข้มข้น ราดร้อนๆ ลงบนเนื้อนุ่มชิ้นใหญ่ คัดสรรเนื้อริบอายจากเชฟระดับโรงแรมด้วยวิธีพิถีพิถัน ทานเข้ากันกับรสชาติแบบก๋วยเตี๋ยวเรือแท้ๆ
เเนื้อริบอาย น้ำซุป ของที่นี่เข้มข้น และอร่อยแบบไม่ต้องปรุง

ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูคุโรบุตะ
ก๋วยเตี๋ยวหมูคุโรบุตะคัดมาแบบเน้นๆ หมูนุ่ม เด้ง เสิร์ฟพร้อมลูกชิ้นหมูสูตรพิเศษอร่อยเต็มคำ ซดคู่กับน้ำซุปหอมกลิ่นเครื่องเทศ

เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน ดัดแปลงมาจากเมนูคัสตาร์ด โคโคนัท เมนูดังในอดีตของโรงแรมดุสิตธานี

เมนูของหวานไฮไลต์ที่ดังยาวนานถึงวันนี้ กล้วยไข่คัดพิเศษจากจังหวัดเพชรบุรี ด้วยเทคนิคการเชื่อมที่หวานฉ่ำชุ่มเข้าเนื้อกำลังดี ราดด้วยน้ำกะทิเข้มข้น หวาน เค็ม หอม อร่อยดี

เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
Sukanya Janchoo (General Manager) Chalita Salirathavibhaga (Owner)
ร้าน MaiMai Nooldle Iconsiam : ใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล

ร้าน MaiMai Nooldle Iconsiam
299 Iconsiam Room R606 Fl.6
Soi Charoen Nakhon 5 Khlong ton sai Bangkok 10600
โทร. 02 1089977
ICONSIAM ชั้น 6, Alangkarn Zone
Line : @MaiMaiNoodle

#MaiMaiNoodle #ต้นตำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย #ก๋วยเตี๋ยวเรือIconsiam #toptotravel
#ก๋วยเตี๋ยวเรือเพนนิน #ก๋วยเตี๋ยวเรือ #BangkokNoodle

คิดถึงอาหารไทยคิดถึงบ้านกลมกิ๊ก

หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารสไตล์ นั่งสบายๆ อบอุ่นแบบบ้านเรียบเก๋ มีสไตล์แบบโมเดิร์น ในบรรยากาศบ้านไม้สองชั้นสีขาว มีอาหารหลากสไตล์ให้อิ่มอร่อย อาหารไทยสไตล์โฮม เมด รสชาติความกลมกล่อมแบบฉบับอาหารไทย ด้วยความใส่ใจทุกการปรุงแต่งจากฝีมือคุณแม่ ที่มีจุดเริ่มต้นจากครัวในบ้าน ด้วยความที่สมาชิกในครอบครัวชอบหาอาหาร ที่ไม่มีบ้านไหนน่าอิจฉาเท่าบ้านกลมกิ๊กนี้อีกแล้ว เป็นร้านอาหาร ที่อบอวลไปด้วยเมนูโปรดของทุกคนในครอบครัวกิจเจริญ ปัจจุบันถูกรังสรรค์ด้วยรสมือต้นฉบับ จากคุณแม่สุชาดา กิจเจริญ สูตรไม่ลับของอาหารทุกจานของครอบครัว จึงกลายเป็นเมนูสูตรเด็ด ที่นักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติชื่นชอบ และอยู่เคียงคู่ทุกครอบครัวมานานกว่า 50 ปี

สำหรับเมนูเด็ดที่ทางร้านขอท้าให้ชิม โดยเจ้าของร้านแนะนำ เมนูจานไฮไลท์ของที่ร้านบ้านกลมกิ๊ก ดังนี้

ข้าวตังหน้าตั้ง
เมนูเรียกน้ำย่อยด้วยข้าวตังทอดแผ่นสวยกรอบดี ทอดมาแบบไม่อมน้ำมัน น้ำจิ้มหน้าตั้งรสกำลังลงตัวพอดีไม่มีรสโด่ที่โดดจนกลบรสอื่น

ข้าวตังหน้าตั้ง

ผัดสะตอกุ้งสด
รายการอาหารจากภาคใต้อันเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ เม็ดสะตอบางคนอาจจะไม่คุ้นกลิ่น แต่เมื่อได้ชิมแล้วจะรับรสมันแม้จะมีกลิ่นฉุนสักหน่อย ผัดกับกุ้งชีแฮ้สดเนื้อกรอบเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ เติมหมูสับผัดกับเครื่องแกงกลิ่นรสค่อนข้างสุภาพ หมายถึงไม่เผ็ดโหดเหมือนกินที่ปักษ์ใต้

แกงเลียงกุ้งสด
ถือเป็นเมนูอาหารของไทย ที่รสชาติเผ็ดร้อน อุดมไปด้วยสมุนไพร น้ำซุปที่หอมหวานด้วยสมุนไพรและเนื้อปลา อันเป็นเอกลักษณ์ของแกงเลียงตามด้วยผักต่างๆที่ช่วยเพิ่มรสสัมผัสเวลาทาน เป็นเมนูโบราณของไทยที่มีคุณประโยชน์

แกงเลียงกุ้งสด

น้ำพริกกะปิ-ปลาทูทอด
ใครชอบอาหารไทยจัดจ้านอย่างน้ำพริกต้องลองน้ำพริกปลาทู บ้านกลมกิ๊ก เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้นถึงขลุกขลิก นะคะ มันอร่อยแซ่บ พร้อเครื่องเคียง
ชะอมไข่ และผักต้ม ปลาทูทอดตัวอวบๆ

น้ำพริกกะปิ-ปลาทูทอด

แกงเขียวหวานไข่มังกร
ลูกชิ้นหมูสอดไส้ไข่เค็ม สูตรกลมกล่อมชิ้นสวยนำมาใส่ในแกงเขียวหวานใส่มะเขือเปาะอ่อนรสเข้มข้นครบเครื่องแกงเขียวหวาน เนื้อนุ่มติดมันกรอบรสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับทานคู่กับขนมจีน

แกงเขียวหวานไข่มังกร

ไข่เจียวสูตรคุณแม่สุชาดา
พูดถึงไข่เจียวอาจจะดูเป็นเมนูที่แสนธรรมดา แต่ไข่เจียวของคุณแม่สุชาดา ถือเป็นสูตรเด็ดที่ตกทอดมาจากคุณย่า ไข่เจียวเนื้อฟูหนานุ่มผสมนมคาร์เนชั่นเพิ่มความหอม นุ่ม เนื้อฟู หนา แน่น ชวนลิ้มลอง หากได้ข้าวสวยร้อนๆ อร่อยแบบบ้านๆ เหมือนทำให้คนในครอบครัวทาน

ไข่เจียว สูตรคุณแม่สุชาดา

ข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนใหญ่เร่ิมตอนกันที่ฤดูร้อน แต่ที่นี่สามารถหามะม่วงสุกหวานหอมมีให้ลูกค้าได้กินตลอดทั้งปีข้าวเหนียวมูนได้กำลังดี ราดหัวกะทิ

ส่วนของหวานล้างปากส่งท้าย ต้องห้ามพลาดที่ทางร้านการันตีว่า เมนูของหวานของที่นี่ อร่อยไม่แพ้ของคาว คือ ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วง

ปัจจุบัน ร้านอาหารบ้านกลมกิ๊ก กับเมนูอาหาร ที่มีแต่ความอบอุ่น ดูแลโดย
คุณเปี๊ยก จรัสพงศ์ จารุโชติพัฒน์ เล่าว่า… ที่ร้าน เสิร์ฟอาหารที่กินง่ายๆ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย ส่วนใหญ่คนในเมืองวันหยุดจะแฮงก์เอาท์ ตื่นสาย มากินข้าวช่วงบ่ายๆ เราเลยอยากทำร้านอาหารที่เข้ากับวิถีชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน

จรัสพงศ์ จารุโชติพัฒน์

“ความสะอาด คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญ ด้วยการตกแต่ง เน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น โปร่ง สบายรวมไปถึงบรรยากาศอบอุ่นของบ้านหลังนี้ จึงเป็นที่มาของ บ้านกลมกิ๊ก เปิดกว้างรับแขก หรือผู้มาเยือนต้อนรับด้วยอาหารรสชาติคุ้นลิ้น และอาหารท้องถิ่นจากทั้งสี่ภาคของเมืองไทย บ้านกลมกิ๊กทำทุกจานด้วยความเอาใจใส่ เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ปรุงอาหารสดสะอาดทุกจาน เพราะเราไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่อยากมอบประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้า”

ทางร้านเปิดให้นั่งทานที่ร้านแล้ว ลูกค้าซื้อกลับบ้านค่อนข้างเยอะ ภายในร้านมีลูกค้ามานั่งทานอาหารเรื่อย น่าจะเพราะโควิดเริ่มผ่อนคลาย ร้านอาหารเริ่มกลับมาเปิดให้นั่งทานภายในร้านกันได้แล้ว เ มนูจานไฮไลท์ของที่ร้าน โดยทางร้านมีความใส่ใจทุกรายละเอียดในการให้บริการลูกค้า เพื่อความปลอดภัยห่วงใยใส่ใจสุขภาพของพนักงานและลูกค้า ทางร้านได้จัดการฉีดซีนป้องกันไข้หวัด 4 สายพันธ์ุ จากกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ให้กับพนักงานทุกท่าน

ร้านอาหารบ้านกลมกิ๊ก เปิดร้านพร้อมเสริฟความอร่อย ขอเชิญลูกค้าทุกท่านแวะเวียนมารับประทานอาหารกัน

การเดินทาง เข้า ซอยร่วมฤดี 1 ประมาณ 300 ม.) หรือ เดินทางจากรถไฟฟ้า 500 ม. จาก BTS เพลินจิต หรือ 600 ม. จาก BTS นานา

ร้านบ้านกลมกิ๊ก
25 ซอย ร่วมฤดี 1 เพลินจิต ลุมพินี กรุงเทพมหานคร 10330
คิดถึงอาหารไทยคิดถึงบ้านกลมกิ๊ก
ต้องการจองโต๊ะ หรือ สั่งอาหาร
To make a reservation OR food delivery:
Tel.: 02-254-4254 / 081-911-1268