Category Archives: Event

โครงการ Eat Local Locallicious

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดประกวด 20 สุดยอดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Food Tourism ภายใต้โครงการ
“Eat Local : Locallicious”

นอกจากจะเปิดตัว  โครงการ “Eat Local : Locallicious” แล้ว  ภายใต้โครงการยัง เน้นโปรโมตเส้นทางอาหารถิ่น เส้นทางเรียนรู้วัตถุดิบพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมด้านอาหารร่วมกับเชฟชุมชน เส้นทางอาหารอร่อย อาหารห้ามพลาด ร่วมกับพันธมิตรส่งเสริมการขาย โดยทุกการใช้จ่ายสามารถรับสิทธิพิเศษมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรองทั่วประเทศ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองโดยใช้อาหารเป็นเครื่องมือในการทำ Destination Marketing ผลักดันสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Food Tourism ให้เป็นจุดขายทางการตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อกระจายโอกาสเชิงรายได้ลงสู่เมืองรอง ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมประกวดจากหลายภาคี อาทิ แพลน บี มีเดีย ในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์หลักของโครงการ HQHotelquickly ในการสนับสนุนดีลพิเศษที่พักของผู้เข้าประกวด สายการบินไทยแอร์เอเชียสนับสนุนตั๋วเครื่องบินการเดินทางแก่ผู้เข้าประกวด รวมถึง Take Me Tour Wongnai และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าประกวดในด้านต่างๆ ซึ่งผลที่ได้รับหลังจากโครงการนั้นจะก่อให้เกิดการแชร์ประสบการณ์กินที่น่าสนใจในหมู่นักท่องเที่ยว เกิดทริปกินเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ได้ยอดขายที่เป็นรูปธรรม ทั้งยังเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวหน้าใหม่

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2018-2020 ซึ่งอาหารเป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราว ของแต่ละชุมชนนั้นๆได้อย่างมากมาย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวีตของคนในท้องถิ่น โดยจากการสำรวจและวิจัยพบว่าเทรนด์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเสาะแสวงหาสถานที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครไป (Off the Beaten Path) มองหาอาหารท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ชอบเสพเรื่องราวและค้นหาความสามารถของตัวเองผ่านการเรียนรู้ร่วมกับคนในท้องถิ่น และมีหัวใจที่ต้องการสนับสนุนสินค้าชุมชนโดยตรง ซึ่ง ททท. มองว่าแคมเปญของ locallicious จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมือรอง สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

การเฟ้นหาสุดยอด 20 ทริปสายกินใน 55 เมืองรองนั้นได้มุ่งเป้าผู้เข้าร่วมประกวดไปที่ กลุ่ม Food Lover กลุ่มเชฟรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักศึกษา Bloggers สายกิน-เที่ยว ​กลุ่มบริษัททัวร์ และ local expert ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านอาหาร (Food Experience) รู้แหล่งกิน-เที่ยวแบบเจาะลึก ทั้งมีความชำนาญและใฝ่รู้ทางด้านอาหาร ซึ่งแนวทางของการออกแบบทริปนั้นสามารถเน้นการทำกิจกรรมลงมือทำผสมกับการได้ชิม ลิ้มลอง อาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน บรรยากาศการกินอาหารในสถานที่แปลกใหม่แบบไทยเท่ห์ ซึ่งการออกแบบทริปสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การเจาะลึกตะลุยแหล่งวัตถุดิบแล้วนำมาเรียนรู้กับเชฟท้องถิ่น การลุยตลาดเด็ดที่ขาชิมไม่ควรพลาด การทำอาหารเมนูสูตรชนเผ่ากับเชฟชุมชน และการสร้างประสบการณ์กินสุดว้าวที่หาจากที่อื่นไม่ได้ โดยเกณฑ์การตัดสินนั้นจะมาจากการการคัดเลือกจำนวน 2 รอบ โดยรอบที่ 1 จะตัดสินจากคัดเลือกบวกกับคะแนนจากการ like และ share โพสต์ของผู้เข้าแข่งขัน โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 40 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการของโครงการจะเป็นผู้ทำการคัดเลือก 20 ทริปสุดท้ายจาก 40 ทริปที่เข้ารอบ โดย 20 ทีมสุดท้ายจะสามารถนำมาทริปมาทำการขายจริงแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินของโครงการนั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านทั้งทางด้านอาหาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด รวมถึงทางด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณนพดล ภาคพรต (รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ) คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร (ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดการตลาดธนาคารไทยพาณิชย์) คุณกิตติ พรศิวะกิจ (นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย) คุณยอด ชินสุภัคกุล (ผู้บริหารจาก Wongnai Media) คุณ ณพีรา เตชาชาญ (ผู้บริหารจาก Napira Travel Stylist) และ คุณนพพล อนุกูลวิทยา (ผู้บริหารบริษัท Take Me Tour)

โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมแรก จะได้รับรางวัลรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 370,000 บาท ในส่วนการแข่งขันรอบที่ 2 ผู้เข้ารอบ 20 ทีมจะมาแข่งขันขายทริปจริง โดยผู้ที่ได้ยอดขายสูงสุด 5 ทีมแรก จะได้รับรางวัลเท่ายอดขาย ยิ่งขายมาก ยิ่งได้มาก

สำหรับระยะเวลาของโครงการนั้นจะถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงได้แก่ช่วงแรกในเดือนมิถุนายน จะเป็นช่วงประชาสัมพันธ์เพื่อรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ช่วงที่ 2 คือเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ผู้เข้าแข่งขันสร้างสรรค์ทริปท่องเที่ยวสุดครีเอทิฟ และช่วงที่ 3 ในเดือนสิงหาคม ผู้เข้าแข่งขันจะทำการประชาสัมพันธ์ทริปของตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ และช่วงสุดท้ายคือเดือนกันยายน จะเป็นช่วงแข่งขาย โดยจะขายทริปผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thelocallicious.com และจะมีการจัดงานขาย 20 สุดยอดฟู้ดทริป “Thailand Food Tourism Mart” ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ โดยมีกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ กิจกรรม workshop กับเชฟชื่อดัง มินิคอนเสริต์จากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมสำหรับครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย โดยตลอดระยะเวลาของโครงการจะมีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องทั้งช่องทาง Online และ Offline และมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากมาย อาทิ แพคเกจ 3 วัน 2 คืนโรงแรม รีสอร์ทห้าดาวในพื้นที่เมืองรองอาทิ สันธิญา เกาะยาวใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา, ภูใจใส, katiliya mountain resort & spa จังหวัดเชียงราย, มันนอกไอส์แลนรีสอร์ท (munnork island resort) เป็นต้น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับเที่ยวเมืองรองจากแอร์เอเชีย และ voucher ร้านอาหารมากมาย และพบกับดีลห้องพักสุดพิเศษจาก HotelQuickly.com สำหรับสมาชิก Locallicious เท่านั้น

โครงการ Locallicious ได้จัดพิธีเปิดโครงการไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมี คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมผู้สนับสนุนโครงการ อาทิ PlanB Media, HotelQuickly.com, Air Asia, Major Cineplex, Wongnai Media, TakeMeTour โดยมีกิจกรรมไฮไลท์เปิดตัวโครงการได้แก่ โชว์ทำอาหารจากเชฟกะทะหล่อโดยนายสุรกิจ เข็มแก้ว หรือ เชฟปิง ที่จะมาสร้างประสบการณ์อาหารแบบเชฟเทเบิ้ลจากวัตถุดิบท้องถิ่นในงาน

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการหรือสนใจสมัครเข้าประกวดสามารถรับรายละเอียดได้ที่
Facebook: thelocallicious
เว็บไซต์ www.Thelocallicious.com

การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบการผลิตยานพาหนะสมัยใหม่


ก.วิทย์ฯ-สวทช. จับมือ กลุ่มบริษัทโชคนำชัย
พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์-เรือ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย

ณ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด จ.สุพรรณบุรี: กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด และ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทโชคนำชัย (CNC Group) ผู้ผลิตแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

จัดแถลงข่าวความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบ การผลิตยานพาหนะสมัยใหม่ ที่สามารถนำมาต่อยอด  ในการสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ พร้อมทั้งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยให้สูงขึ้น

นางสุวิภา   วรรณธารพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ  สวทช.  กล่าวว่า สวทช.
ได้มีการดำเนินงานกิจกรรมทางด้านยานยนต์มา กว่า 10 ปี และในอนาคตเทคโนโลยียานยนต์จะมุ่งไปสู่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ รวมถึงการนำระบบอัจริยะต่างๆ มาติดตั้งในยานยนต์ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนที่ยานพาหนะได้หลายรูปแบบ อาทิ จากการขับเคลื่อนผ่านล้อยางเป็นมอเตอร์ใบพัดในลักษณะของการบินหรือเรือ สวทช. จึงได้ทำวิจัยและพัฒนาประเด็นมุ่งเน้นด้านการขนส่งสมัยใหม่ หรือ Modern Transportation ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง ทั้งการจ้างงาน การลงทุน การลดปัญหามลพิษ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างอุตสาหกรรมและบริการใหม่ๆ อีกหลายประเภทในอนาคต ซึ่งทิศทางของแนวโน้มเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้การผลิตยานยนต์แบบเดิมๆ อาจไม่สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ในอนาคต จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัว และใช้โอกาสในช่วงเปลี่ยนแปลงนี้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตต่อไป

ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าต่อว่า ทั้งนี้กลุ่ม  บริษัท โชคนำชัย ได้มีความร่วมมือ กับ สวทช. ทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างเรือ และรถโดยสาร โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เอ็มเทค สวทช. และ DECC โดยใช้กลไกของ โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การยื่นขอรับการพิจารณาบัญชีนวัตกรรม และการลดภาษี 300% ซึ่งการดำเนินโครงการต่างๆ นั้น ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ช่วยให้บริษัท โชคนำชัย และ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่นฯ สามารถพัฒนากระบวนการผลิตโดยมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา

ทั้งนี้จากความสำเร็จที่ผ่านมาทางบริษัทจึงได้เตรียมทำสัญญาลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ สวทช. ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนายานพาหนะสมัยใหม่ รวมถึง ชิ้นส่วน โครงสร้าง และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแม่พิมพ์ และการออกแบบ และผลิตโครงสร้างน้ำหนักเบา ตลอดจนร่วมพัฒนาบุคลากร และกำลังคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียานพาหนะสมัยใหม่ ซึ่งจากความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีความมั่นใจและมีความประสงค์ที่จะมีความร่วมมือกับ สวทช. ในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ และยกระดับศักยภาพในการผลิตยานยนต์

เพื่อคนไทยให้เกิดขึ้นในประเทศต่อไป ​ด้าน นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกลุ่มบริษัท โชคนำชัย และบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทโชคนำชัย (CNC Group) เป็นหนึ่งในองค์กรที่โลดแล่นอยู่
ในวงการอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ผลงานการค้นคว้าวิจัยด้านเทคโนโลยีที่บริษัทได้คิดค้นขึ้น นับเป็นองค์ความรู้สำคัญต่อการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น จนทัดเทียมกับระดับสากล สามารถต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย จนนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม และเพื่อการต่อยอดนวัตกรรมให้มีคุณภาพมากขึ้น บริษัทโชคนำชัยฯ จึงได้ทำความร่วมมือ กับ สวทช. เพื่อนำองค์ความรู้ที่สำคัญต่อการพัฒนาของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบสารสนเทศ  สำหรับการบริหารทรัพยากรขององค์กร (ERP) เข้ามาประยุกต์ใช้งานภายในและทดแทนระบบสารสนเทศที่ใช้อยู่เดิม ก่อให้เกิดความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต่อยอดองค์ความรู้ด้านการผลิตเรืออลูมิเนียมของ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จํากัด อีกหนึ่งบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทโชคนำชัย นั่นก็คือ แนวทางในการออกแบบ เรือ SAKUN โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการคำนวณทางพลศาสตร์ของไหล หรือ CFD ช่วยในการจำลองสภาวะการใช้งานและศึกษาความสัมพันธ์ ตลอดจนผลกระทบจากการไหลของน้ำที่มีต่อเรือ ที่สำคัญ สวทช. ยังมีช่วยให้คำปรึกษา และช่วยในการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างรถโดยสารตัวถังอลูมิเนียม ซึ่ง บริษัท สกุลฎ์ซีฯ ได้นำมาศึกษาและหาแนวทางลดน้ำหนักของโครงสร้างในอนาคต

ซึ่งความรู้ตัวนี้จะช่วยในการลดค่าใช้จ่าย และลดอัตราการกินน้ำมัน สร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมของประเทศได้โดยตรง นายนำชัย กล่าวต่อว่า จากผลงานและความสำเร็จที่เกิดขึ้น จึงทำให้ปีนี้ บริษัทโชคนำชัยได้ร่วมมือกับ สวทช. อีกครั้ง ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะสร้างผลประโยชน์ให้กับวงการเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไทยมากยิ่งขึ้น โดย สวทช. ได้มีการทำโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำมาขยายขีดความสามารถในการผลิตนวัตกรรม และพัฒนากระบวนการผลิตโดยระบบ Automation ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบ ยานยนต์สมัยใหม่ โดยใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา และขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ตอบรับยุค Thailand 4.0 อย่างเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม ในความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทสกุลฎ์ซีและ สวทช. ริเริ่มโครงการพัฒนาเรืออัจฉริยะ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้แอพพลิเคชั่นเก็บข้อมูลและวิเคราะห์การขับขี่ของผู้ขับเรือ สร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น การใช้ระบบ GPS และมอเตอร์ขับเคลื่อน

ในการควบคุมตำแหน่งของเรือ ลดการเกิดอุบัติเหตุและการแล่นออกนอกเส้นทาง และใช้ระบบข้อมูล IOT เก็บข้อมูลเรือที่จำหน่ายออกไปเพื่อบริหารจัดการข้อมูลคู่ค้า และนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้จุดแข็งการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ  บริษัทโชคนำชัย กับ สวทช. ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือกันพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการวิจัย ด้านการพัฒนา และด้านการบริหารองค์ความรู้ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรในองค์กร  เพื่อสร้างบุคลากร
ที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไทยต่อไป

นาฬิกาสุดแนวภายใต้ชื่อ HYT แบรนด์นาฬิกาอินดี้ชั้นสูงสวิส

HYT Thailand Boutique แห่งแรกในประเทศไทย

​แนวคิดของนาฬิกาน้ำหรือ Clepsydra ในโลกโบราณมารังสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาชั่วโมงด้วยของเหลวชนิดพิเศษ HYT ก่อตั้งเมื่อปี 2012 ในฐานะแบรนด์นาฬิกาอินดี้ค่ายแรกที่นำแนวคิดของนาฬิกาน้ำหรือ Clepsydra ในโลกโบราณมารังสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาชั่วโมงด้วยของเหลวชนิดพิเศษ ซึ่งกว่าแบรนด์จะทำสำเร็จนั้นต่างต้องใช้เวลาในการวิจัยพัฒนายาวนานเพื่อมั่นใจว่าของเหลวที่มีสี 2 ชนิดจะไม่ผสมกันและสามารถทำหน้าที่เป็นเข็มชี้บอกเวลาชั่วโมงได้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา HYT เป็นหนึ่งในแบรนด์อินดี้ที่มีความโดดเด่นทางด้านกลไกบอกเวลา  ด้วยของเหลวและดีไซน์ตัวเรือนล้ำยุคมาก ไม่เพียงเท่านี้ เอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแสดงเวลาของแบรนด์  ทำให้ผู้ชื่นชอบและนักสะสมนาฬิกาทั่วโลก   ต่างให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย  สะท้อนถึงอนาคตอันสดใสของวงการนาฬิกาที่มักใฝ่หานวัตกรรมและนาฬิการูปแบบใหม่อยู่เสมอ

Grand Opening of HYT Thailand Boutique

HYT แบรนด์นาฬิกาอินดี้ชั้นสูงสวิสเปิดตัว HYT Thailand Boutique แห่งแรกในประเทศไทยเพื่อนำเสนอเรือนเวลาซับซ้อนสูงที่ไม่เหมือนใครแก่นักสะสมและผู้หลงใหลนาฬิกาชาวไทยได้ลองสัมผัสสวมใส่กัน โดยบูติกมาพร้อมกับคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดและผลงานอันโดดเด่นหลายเรือนด้วยกันเช่น Ho, H20, H1, H2, H3, H4, และ Skull ทั้งนี้ Mr. Gregory Dourde CEO แห่งแบรนด์และ Mr. David Keel ผู้อำนวยการบริหารจัดการแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวบูติกครั้งสำคัญ

เพื่อสะท้อนว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่แบรนด์ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติที่เป็นนักสะสมนาฬิกาชั้นนำของประเทศไทยและสื่อมวลชนเข้าร่วมบันทึกภาพบรรยากาศพร้อมกับทดลองสวมใส่เรือนเวลาอีกด้วย

เปิดแล้ว ร้านนาฬิกาแบรนด์อินดี้ HYT นาฬิกาที่เด่นด้วยเทคโนโลยีการแสดงเวลาด้วยของเหลวผ่านหลอดที่พัฒนามาเป็นพิเศษแบรนด์เดียวในโลกร้านนาฬิกาหรูสุดอินดี้ HYTชั้นสูงจากสวิสแล้วที่ สยามพารากอน
www.hytwatches.com

#HYTWatches

เผยเคล็ดลับ แผนประกันภัยสุขภาพไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์ 

Thaivivat Health แผนประกันภัยสุขภาพไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์  

ไทยวิวัฒน์ อัดฉีดคน Active Health‎ ซื้อวันนี้รับเลย Fitbit Versa รับส่วนลดค่าเบี้ยถึง40% เมื่อออกกำลังกายตามเกณฑ์ ให้จ่ายเบี้ยเป็น รายเดือน OPD สูงสุด 3,000.-/ครั้ง IPD ค่าห้องถึง 10,000.- เจ็บป่วย ไม่ต้องสำรองจ่าย คุ้มครองกีฬาอันตราย ดีแบบนี้รีบเลย

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ในฐานะผู้ที่พัฒนาด้านนวัตกรรมประกันภัยมาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิด  “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” และเล็งเห็นถึงความสำคัญ ของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการให้สามารถมี  Work Life Balance ไปพร้อมๆ กัน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ โดยการออกผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยสุขภาพ ไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์” เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการออกกำลังเพื่อสุขภาพ รวมถึงชื่นชอบการใช้เทคโนโลยีด้าน Health Tech และ Wearable Technology ในการส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อเป็นการสร้างวินัย และปรับพฤติกรรมผู้ใช้บริการในระยะยาว รวมทั้งผู้ที่กำลังเริ่มต้นออกกำลังกายให้มีแรงผลักดันในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ผู้นำด้าน  นวัตกรรมประกันภัยเจาะเทรนด์สุขภาพปี 2018 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกันภัยสุขภาพ “ไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์” เพื่อสนับสนุนคนไทยให้แอคทีฟ ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยยิ่งลดสูงสุดถึง 40% ทุกเดือน เนื่องจากประกันสุขภาพที่ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดตัว จ่ายเป็นรายเดือน มีสัญญา ปีต่อปี

เพียงทำประกันตามเงื่อนไขก็สามารถรับ อุปกรณ์ Fitbit Versa อุปกรณ์ smart watch รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 8,500 บาทให้ฟรี เพียงใช้เทคโนโลยี IoT ร่วมกับ Smart Watch และแอปพลิเคชัน Thaivivat Health ช่วย Trackข้อมูลการออกกำลังกาย พร้อมเปิดตัวหนังโฆษณา THAIVIVAT ACTIVE HEALTH และดึงพันธมิตร JOOX, Grab food, Fitbit รวมถึงสถาบันการออกกำลังกายและศูนย์ Fitness ต่างๆ ร่วมมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ

แผนประกันภัยสุขภาพไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์ นอกจากจะเป็นแผนประกันที่ช่วยส่งเสริม และสร้างวินัยให้ผู้ใช้บริการใส่ใจสุขภาพแล้ว ยังเป็นแผนที่เพิ่มแรงผลักดันให้ผู้ใช้บริการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้เทคโนโลยี IoT ร่วมกับอุปกรณ์ Smart watch และนวัตกรรมด้าน Wearable Technology เข้ามาเป็นส่วนเสริมในการ Trackข้อมูลการออกกำลังกาย พร้อมกับแอปพลิเคชัน “Thaivivat Health” ที่ถูกออกแบบเพื่อใช้งานควบคู่กับประกันสุขภาพเพื่อบริการข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลด้านการออกกำลังกายในแต่ละวัน ช่วยให้ผู้ใช้บริการวางแผนเรื่องสุขภาพได้ รวมถึงสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ใช้บริการโดยการนำข้อมูลการออกกำลังกายทั้งหมดมาคิดคำนวณเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันทุกเดือนได้สูงสุดถึง 40% เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเกิดพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากจะเป็นประกันที่ช่วยสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังเป็นประกันสุขภาพที่พร้อมดูแลคนไทยแบบครบวงจรโดยให้ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท/ต่อปี   รักษาได้ทุกโรงพยาบาลในเครือโดยไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมกับค่าห้องผู้ป่วยในสูงสุดถึง 10,000 บาทต่อวัน คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD โดย OPD สามารถเบิกได้ถึง 3,000 บาทต่อครั้ง สูงสุดถึง 30 ครั้งต่อปี ที่สำคัญยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเล่นหรือแข่งขันกีฬาอันตราย โดยสามารถใช้ควบคู่กับสวัสดิการอื่นๆได้ รวมถึงคุ้มครองค่ารักษา จากอุบัติเหตุได้ทั่วโลก

ส่วนของสิทธิประโยชน์ด้านความคุ้มครองนั้น นอกจากจะเป็นประกันที่ช่วยสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังเป็นประกันสุขภาพที่พร้อมดูแลคนไทยแบบครบวงจรโดยให้ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาทต่อปี รักษาได้ทุกโรงพยาบาลในเครือโดยไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมกับค่าห้องผู้ป่วยในสูงสุดถึง 10,000 บาทต่อวัน คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD โดย OPD สามารถเบิกได้ถึง 3,000 บาทต่อครั้ง สูงสุดถึง 30 ครั้งต่อปี ที่สำคัญยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเล่นหรือแข่งขันกีฬาอันตราย โดยสามารถใช้ควบคู่กับสวัสดิการอื่นๆได้ รวมถึงคุ้มครองค่ารักษา จากอุบัติเหตุได้ทั่วโลก

นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการตลาดของประกันภัยสุขภาพในปี 2561 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นไปตามนโยบายภาครัฐที่ให้การสนับสนุนด้วยมาตรการลดหย่อนภาษี ทำให้หลายบริษัทตื่นตัว เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ หาจุดขายที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ประกันสุขภาพไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลล์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีอิสระในการเลือกใช้บริการและมีความต้องการทั้งสิทธิประโยชน์ด้านความคุ้มครองและความคุ้มค่า เพราะนอกจากจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังมีอิสระในการกำหนดส่วนลดค่าเบี้ยได้ด้วยตัวเอง ยิ่งออกกำลังกายได้ตามเป้าหมาย เบี้ยประกันยิ่งลดสูงสุดถึง 40% โดยค่าเบี้ย เริ่มต้นเพียง 2,500 บาทต่อเดือน แต่หากออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและได้คะแนนตามเป้า จะสามารถลดค่าเบี้ย โดยจ่ายเบี้ยต่ำสุดเพียง 1,700 บาทต่อเดือนโดยประมาณ พร้อมรับอุปกรณ์ Fitbit Versa อุปกรณ์ smart watch รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 8,500 บาท ทันทีที่ทำประกันภัย

พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวหนังโฆษณา ไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์ ภายในงานที่สื่อให้เห็นถึง  ความทุ่มเทและความแอคทีฟของคนไทย  ที่ถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่หลัก แต่ก็ไม่เคยละทิ้งสุขภาพ ยังคงดูแลสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ในฐานะผู้พัฒนาด้านนวัตกรรมประกันภัยมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่สนับสนุนให้คนไทยใส่ใจสุขภาพ พร้อมดูแลแบบครบวงจร ด้วยประกันภัยสุขภาพไทยวิวัฒน์ แอคทีฟ เฮลท์ ประกันอัดฉีด คน Active

สนใจรายละเอียดศึกษาข้อมูลก่อนทำประกันได้ที่
www.thaivivat.co.th
Facebook Fanpage ประกันภัยไทยวิวัฒน์
สอบถาม โทร. 02-200-7111

ต้อนรับน้องใหม่ Seffer ’s cosmetic แบรนด์ไทยในอีเวนต์ระดับโลก

แบรนด์  Seffer ’s cosmetic
เครื่องสำอางน้องใหม่จากประเทศไทย 

คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ใครในโลก  ด้วยศักยภาพของคนไทย แหล่งวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์ แนวคิดและไอเดียใหม่ๆ ทำให้แบรนด์ไทยน้องใหม่อย่าง  Seffer ’s cosmetic  แบรนด์คุณภาพ เริ่มเฉิดฉายอยู่ในเวทีโลก

Seffer ’s cosmetic บริษัท หางโจว โกลเด้น พิโร้ว และ ห้องเสื้อ HIRUN BANGKOK

ปฏิเสธไม่ได้ การเดินทางของคนไทยที่ไปร่วมงานในระดับนานาชาติถือเป็นอีกหนึ่งสีสันและเป็นการกระตุ้นเรตติ้งของเทศกาลดังกล่าวในหมู่คนไทย แต่ในฐานะพรีเซนเตอร์ของสินค้า กลับได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น ยิ่งกว่าคนไทยที่นำผลงานต่างๆ เพื่อโชว์ไปสร้างชื่อในงานดังกล่าวเสียอีก

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีทั้งกระแสชื่นชมและคัดค้าน พร้อมทั้งกระแสดราม่าที่ตามมามากมาย แต่หนึ่งในผลพลอยได้ที่ไม่อาจมองข้ามจากงานดังกล่าว คือ นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญในการผงาดของแบรนด์ไทยในอีเวนต์ระดับโลกโดย สองสัญชาติ 3 วงการนั่นคือ ประเทศไทย ประเทศจีน วงการเครื่องสำอาง เสื้อผ้า และ วงการ ดารานางแบบระดับเอเชียจากประเทศจีนได้ จับมือ ร่วมกันโดย Seffer ’s cosmetic บริษัท หางโจว โกลเด้น พิโร้ว และ ห้องเสื้อ HIRUN BANGKOK

คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไรก็ไม่แพ้ใครในโลก ด้วยศักยภาพของคนไทย แหล่งวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์ แนวคิดและไอเดียใหม่ๆ ทำให้แบรนด์ไทยหลายแบรนด์เริ่มเฉิดฉายอยู่ในเวทีโลก โกอินเตอร์ให้กับแฟชั่นแบรนด์ไทย พร้อมด้วยดารานางแบบจากจีน นำผลงาน แฟชั่นโชว์จากผ้าไทยภาคเหนือ ดูหรูหราด้วยการตัดเย็บที่ประณีต เห็นชุดก็สนุกแล้ว ซึ่งจะไปแสดงในงาน New York fashion week เป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหมู่แฟชั่นนิสต้า ในครั้งนี้จัดที่ TERMINAL 5 HALL 610 W 56th St,
New York, NY 10019, USA

ณันฑภรณ์ ประโมจนีย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเลี่ยนแคท อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง จำกัด กับการเตรียมความพร้อมกับการขยับตัวครั้งใหญ่   Seffer ’s cosmetic   เครื่องสำอางน้องใหม่!!!

ประเทศไทย เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ  ไม่เพียงแต่สาวไทยเราเท่านั้น
ที่เฝ้ารอคอลเล็กชั่นใหม่ Seffer ’s cosmetic อย่างใจจดจ่อ แบรนด์มีความโดดเด่นสะดุดตาที่กำลังไปได้ดี และเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวในการช่วยโปรโมทแบรนด์ไทยในเวทีโลก อย่างเครื่องสำอางและเสื้อผ้าจากประเทศไทย รวมทั้งดารานางแบบจากเอเชียที่ได้มีโอกาสเชิดฉายสู่สายตาระดับอินเตอร์และถือเป็นโอกาสของแบรนด์ไทย และเอเชียว่าโลกแฟชั่นยุคนี้ไม่ได้จำกัดแค่ดีไซเนอร์จากยุโรป

เครื่องสำอางที่ดีต้องมาจาก ต่างประเทศเท่านั้น และโอกาศที่ดีๆ จะมีแต่ ดีไซเนอร์ยุโรปเท่านั้นอย่าง อเล็กซานเดอร์ แวง ก็มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลก เจสัน วู ดีไซเนอร์ชาวไต้หวันที่ได้ออกแบบชุดให้ มิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ ซึ่งพลังหรือเรื่องราวเหล่านี้ คือ แรงบันดาลใจสำคัญต่อวงการดีไซเนอร์ในเอเชียว่า ต่อให้เป็นดีไซเนอร์จากประเทศเล็กๆ ที่ไม่ใช่เมืองแฟชั่นของโลก ก็มีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีโลกได้เช่นกัน


เอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท เอเลี่ยน แคท อินเตอร์เนชั่แนล เทรดดิ้ง จำกัด
อาคารพร้อมพันธุ์ 3 ชั้น 13 R.1301-1037 ลาดพร้าวซอย3
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. 10900
โทร 02-024-6703 หรือ 062-582-8556

โนโวเทล สุวรรณภูมิ จัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปี 2561

เวิล์ด มิวสิค แอท โนโวเทล

เมื่อเร็วๆ นี้ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต นำโดย คริสตอฟ เจอโฟรย์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไป จัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปี 2561 ในธีม “เวิล์ด มิวสิค แอท โนโวเทล” จำลองบรรยากาศงานคอนเสิร์ตระดับโลก ณ ห้องสุวรรณภูมิ

แกรนด์บอลรูม โดยมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากนักแสดงหน้าเหมือนศิลปินดังจากไทยและต่างประเทศ อาทิ เลดี้ กาก้า, บีเอ็นเค 48, ไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า, เบิร์ด ธงไชย, หญิงลี และติ๊ก ชีโร่ นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมาย โดยมีรางวัลใหญ่คือตั๋วเครื่องบินไป-กลับเมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น พร้อมที่พักโรงแรมเมอร์เคียว ซับโปโรและไอบิซ สไตล์ ซัปโปโร ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลนี้ได้แก่  Vanak Choup (ที่ 4 จากซ้าย),  First Secretary of the Royal Embassy of Cambodia งานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณ, พันธมิตรทางธุรกิจและสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนที่ดีตลอดมา

เมื่อเร็วๆ นี้ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต นำโดย คริสตอฟ เจอโฟรย์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไป จัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปี 2561 ในธีม “เวิล์ด มิวสิค แอท โนโวเทล” จำลองบรรยากาศงานคอนเสิร์ตระดับโลก ณ ห้องสุวรรณภูมิ

แกรนด์บอลรูม โดยมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากนักแสดงหน้าเหมือนศิลปินดังจากไทยและต่างประเทศ อาทิ เลดี้ กาก้า, บีเอ็นเค 48, ไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า, เบิร์ด ธงไชย, หญิงลี และติ๊ก ชีโร่ นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมาย โดยมีรางวัลใหญ่คือตั๋วเครื่องบินไป-กลับเมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น พร้อมที่พักโรงแรมเมอร์เคียว ซับโปโรและไอบิซ สไตล์
ซัปโปโร ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลนี้ได้แก่  Vanak Choup (ที่ 4 จากซ้าย),  First Secretary of the Royal Embassy of Cambodia งานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณ, พันธมิตรทางธุรกิจและสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนที่ดีตลอดมา

ภาพที่ 2 ดร. เทเรซา วิรัชนีพรหมสุนทร (กลาง) อุปนายก สภาวิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซาและสุวัฒน์ เบญจธรรมธร (ที่ 2 จากขวา) มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีแก่ คริสตอฟ เจอโฟรย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป พร้อมวอนมี โร (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดและบุญสิตา เปล่งฮวด (ซ้ายสุด) ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย ภาคองค์กร

ภาพที่ 3 พรเลิศ กาญจนนิตย (ที่ 9 จากซ้าย) รักษาการประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินและกลุ่มสมาชิกให้เกียรติร่วมงาน โดยมี คริสตอฟ เจอโฟรย์ (ที่ 5 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไปและวราภรณ์ ใจการ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการฝ่ายขาย สายการบิน ให้การต้อนรับ


ภาพที่ 4 เจอราลด์ ฮูการ์ดี้ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้จัดการโรงแรมและพรรณพิมล วงศ์ทองศรี (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ, กิจการร่วมค้า ยูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที มอบของรางวัลแก่ผู้โชคดี โดยมี โตชิคุนิ คาชิวากิ (ขวาสุด) ผู้จัดการทั่วไป สายการบิน ออลนิปปอนแอร์เวย์ สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมมอบรางวัลบัตรโดยสารไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียว

ภาพที่ 5 วอนมี โร (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดและปริม เฮลด์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย มอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวดการแสดงลิปซิงค์, รองอันดับหนึ่งและสอง

 ภาพที่ 6 จากซ้ายไปขวา: อัญชลี ศรีมานพ – ผู้บริหารระดับสูง บริษัทมิตซูบิชิอิเล็คทริคกันยงวัฒนา จำกัด, สุดา เหมสมัน – ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด, ปริม เฮลด์ – ผู้อำนวยการฝ่ายขายโรงแรมและอภิรดี วรรณวงศ์สอน – กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภิภาดี จำกัด

ภาพที่ 7 พรกมล อำนรรฆสรเดช (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการกองบริการพิเศษ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)และกลุ่มสายการบิน ร่วมงาน


ภาพที่ 8 การแสดงชุดเลดี้ กาก้า

กลุ่มรถคลาสสิคเชียร์บอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ต บาร์

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

คุณสยาม เศรษฐบุตร ประธานบริหาร เมอร์เซเดส เบนส์ คลับ (ประเทศไทย) เเละ คริสติน่า เศรษฐบุตร ภรรยาสาวไฮโซชื่อดัง และกลุ่มรถคลาสสิค “Classic Car” การลงทุนที่สร้างมูลค่าแถมยังได้ความสุขทางใจ ให้เกียรติมาร่วมเชียร์ศึกฟุตบอลโลก 2018 ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต แห่งแรกและแห่งเดียวในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ชมการแข่งขันอย่างเต็มอรรถรสด้วยจอแอลอีดีขนาดใหญ่กว้างถึง 165 นิ้ว และอีก 7 จอทีวีให้ได้เลือกรับชมพร้อมโปรโมชั่น

นอกจากนี้ ยังมีเกมมันส์ๆ ให้คุณได้สนุกกัน ที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แล้วพบกัน!

สยาม เศรษฐบุตร (นั่งที่ 3 จากขวา) ประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์คลับ (ประเทศไทย) นำกลุ่มรถคลาสสิคร่วมพบปะสังสรรค์และรับชมฟุตบอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

เมื่อเร็วๆนี้ สยาม เศรษฐบุตร  ประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์คลับ (ประเทศไทย) นำกลุ่มรถคลาสสิคร่วมพบปะสังสรรค์  และรับชมฟุตบอลโลกที่ทัชดาวน์ สปอร์ตบาร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต โดยได้รับเกียรติจาก
เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 และรองทั้ง 3 อันดับร่วมงาน โดยมี นฤมล  เฑียรฆโรจนกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด  ของโรงแรมให้การต้อนรับ

เปรมิกา พาเมล่า (ยืนที่ 5 จากขวา) มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 และรองทั้ง 3 อันดับร่วมงาน โดยมีนฤมลเฑียรฆโรจนกุล (ยืนที่ 3 จากซ้าย)

ภายในงานได้จัดให้มีการจำหน่ายของที่ระลึกและรับบริจาค เพื่อจะนำเงินบริจาคที่มิได้หักค่าใช้จ่ายดังกล่าว  ไปมอบให้กับ  มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย

จากซ้ายไปขวา:เปรมิกา พาเมล่า – มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017, ทวีพร พริ้งจำรัส – รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017, กมลรัตน์ ทานนท์ – รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017และศรุชา นิลจันทร์ – รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017

 

กินกิน เที่ยวเที่ยว ใกล้กรุงกันดีกว่า ตลาดอิงน้ำสามโคก

ตลาดอิงน้ำสามโคกสุดคึกคักฉุดเศรษฐกิจชุมชนโตต่อเนื่อง พร้อมช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น

มาชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิด ตลาดเล็กๆ มีเจ้าเสือพ่นน้ำเป็นสัญลักษณ์ ชาวบ้านใจดี ร้านค้าจัดน่ารัก น่าเดินเล่นและซื้อหาของ ด้วยความผูกพันของชาวชุมชน พร้อมใจกัน  สรรหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาและฝีมือของท้องถิ่นออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ชิม ช้อป อาทิเช่น ข้าวแช่ แกงมะตาด ขนมจีนชาวน้ำ หรือการปักสะไบมอญ  ด้วยอัธยาศัยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวสามโคกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมภายในตลาดอิงน้ำสามโคก

ชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ด้วยบรรยากาศชุมชนที่ยังคงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีความเป็นอยู่ ซึ่งมีแม่น้ำลำคลองเป็นเส้นทางสัญจร เป็นตลาดเก่าดั้งเดิมที่ทำมาค้าขายทางเรือกันมาอย่างราบรื่นหลายชาติพันธุ์ชาวไทย ชาวมอญ ชาวจีน และชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาจาก
เริ่มโครงการจนเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

นอกจากนั้นยังเสริมสร้างให้เด็ก เยาวชน ในท้องถิ่น โดยมีเวทีในการแสดงทางวัฒนธรรม เกิดทัศนคติที่ดีและหวงแหนชุมชน ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองผ่านการแสดงในทุกวันจัดกิจกรรมที่เวทีการแสดง

ธรรมชาติยังดีเหมือนเดิม มีชุมชนอาศัยอย่างปกติทีความเป็นกันเองกับผู้มาเยี่ยมเยือนมีร้านค้าพอสมควรมี ร้านอาหารให้เลือกทานมีร้านอาหารริมน้ำอร่อยมีศาลเจ้าติดริมน้ำมีมุมสวยๆหลายมุมให้จับภาพมี ร้านกาแฟมุมสวยให้พักผ่อน ร้านผัดไทยกุ้งสดขายดี มีร้านหมูสะเต๊ะอร่อย มีร้านทอดมันกุ้งทอดให้ลอง มีกล้วยทอดให้ชิม มีห่อหมกร้านอร่อยให้ซื้อกลับบ้าน แล้วมานั่งทานขนมจีนซาวน้ำ

จังหวัดปทุมธานีเผยผลสำเร็จโครงการถนนสายวัฒนธรรม  ตลาดอิงน้ำสามโคก ชาวชุมชนพร้อมใจต้อนรับนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ จีน มุสลิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของภาครัฐ เตรียมนำความสำเร็จจากโครงการนี้เป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวในงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการ ถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ว่า หลังจากจังหวัดปทุมธานี ได้จัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่าชาวชุมชนที่เคยค้าขายอยู่ในตลาดอิงน้ำสามโคก

ทั้งที่เลิกค้าขายไปแล้วและที่ออกไปค้าขายที่อื่นตามการเปลี่ยนแปลงของชุมชน ได้กลับมาค้าขายในพื้นที่ตลาดอิงน้ำสามโคกอีกครั้งเป็นจำนวนมาก จากที่ก่อนเปิดโครงการมีร้านค้าเพียง 20 กว่าร้าน จนในปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำนวนนักท่องเที่ยวจากที่เคยมีเพียงไม่เกิน 100 คน/วัน ในช่วงวันหยุด ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คนต่อวันและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งจากการประเมินตามร้านค้าพบว่าในแต่ละวันที่ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมมีเงินหมุนเวียนภายในชุมชนกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหากนับจากวันเริ่มโครงการ มีเงินสะพัดภายในตลาดเกือบ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน

“การจัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นการเปิดเส้นทางและพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีพื้นที่ในการนำเสนอและจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ กินดีอยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของภาครัฐ ความสำเร็จที่เกิด
ขึ้นจากโครงการนี้ จะเป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนา เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ อีกมากมาย” รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าว

ตลาดอิงน้ำสามโคก ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พาครอบครัวเดินมาเดิเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำแบบใกล้กรุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ
จีน มุสลิม จากชาวบ้านในพื้นที่ ราคาไม่แพง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น อาคารที่ว่าการอำเภอสมัย รัชกาลที่ 6 อนุสาวรีย์สุนทรภู่ วัดบางเตย ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ
พร้อมมุมถ่ายรูป ชิค ชิคทั้ง  Wall Art  วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยลงทางด่วน ที่ด่านถนนบางพูน (รังสิต-ปทุมธานี) ลงแล้วเลือกไปทางปทุมธานี ขับตรงมาอีกไม่ไกลเจอสามแยกไฟแดงโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส แล้วเลี้ยวขวา ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆไม่ต้องขึ้นสะพานไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ขับตามป้ายปทุมธานีไว้ จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขับข้ามสะพานตรงมา จะเจอสะพานข้ามแยก (สันติสุข) ไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้เลี้ยวขวาใต้สะพานไปทางอำเภอสามโคก ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตปั้ม PT ไว้และต่อมาจะเจอวัดบางเตยนอกและวัดบางเตยกลางจะอยู่ติดกัน ข้ามสะพานข้ามคลองเล็กๆลงมาชิดขวาไว้จะเจอช่องทางให้กลับรถ (ตรงที่กลับรถ มีป้ายบอกว่า สถานีตรวจคนเข้าเมือง  จังหวัดปทุมธานี) เลี้ยวขวาที่ช่องกลับรถเข้าซอยมา จอดรถที่ท่าน้ำ

ตลาดอิงน้ำสามโคก เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น.

ธุรกิจการถ่ายภาพ แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018

เตรียมตัวให้พร้อม  ไปงานของพวกเรา คนรักการถ่ายภาพ 

Toptotravel  มีโอกาสร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว PHOTO FAIR 2018 ผู้ที่รักการถ่ายภาพได้มาร่วมงาน PHOTO FAIR 2018  ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย และจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของการจัดงานในปีนี้ที่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่สนใจ เพราะทุกวันนี้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย เราควรต้องตามให้ทัน

เมื่อวันที่  19 มิถุนายน 2561  ที่  โรงแรมดิเอ็มเมอรรัล ถนนรัชดาภิเษก กทม.สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ จัดพิธีมอบตำแหน่งคณะกรรมการสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปี พร้อมนายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพท่านใหม่ นางณริภา ศรีสว่างวัฒน์ พร้อมแถลงข่าวการเปิดตัวกิจกรรม PHOTO FAIR 2018

สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018
คุณณริภา ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปีบริหาร 2561-2562 หลังจากรับตำแหน่ง พร่้อมทำงานจัดแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม Photo Fair 2018 งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด Photo Graphy Power รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียวกัน สื่อถึงความมีพลังสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

นางณริภา นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพคนใหม่ กล่าวว่า งานกิจกรรม PHOTO FAIR 2018 จุดนัดพบของคนรักการถ่ายภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – วันที่ 2 ธันวาคม 2561 จำนวน 5 วัน ณ ไบเทคบางนา โดยทางสมาคมธุริจการถ่ายภาพได้จัดกิจกรรมนี้มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 ถึงปัจจุบัน ถือเป็นปีที่ 39 บนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร วัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางของผู้ประกอบการธุรกิจการถ่ายภาพที่มีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินการธุรกิจถ่ายภาพต่อไป ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้กับนักถ่ายภาพทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพ ซึ่งจะมีเครื่องมือและเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายภาพใหม่ๆที่ทันสมัยมากมาย รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการด้านการถ่ายภาพที่ตอบรับมาเข้าร่วมงานครั้งนี้จะนำสินค้าที่แตกต่างจากประเทศไทยเ ได้แก่ จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น จึงอยากเชิญชวนผู้ที่รักการถ่ายภาพว่าไม่ควรพลาดที่จะมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้

นางณริภา ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 ปี (บริหาร 2561-2562) หลังจากรับตำแหน่ง พร้อมทำงานจัดแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม PHOTO FAIR 2018 งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด PHOTO GRAPHY POWER รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียว

ประวัตินายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 
คุณณริภา (นวรัตน์) ศรีสว่างวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ สมัยที่ 26 เป็นบุตรสาว นายชัยพันธ์ วงจันทร์ศิลป์ และนางขาเฮียง แซ่อึ้ง เกิดในครอบครัวร้านถ่ายภาพวงจันทร์ เริ่มเป็นช่างภาพตั้งแต่อายุ 13 ปี มีความสามารถตั้งแต่สมัยที่วงการถ่ายภาพใช้ฟิล์มกระจก ซึ่งต่อมาก็เป็นฟิล์มแผ่นจวบจนถึงปัจจุบันนี้กว่า 50 ปี มีความสามารถในการถ่ายภาพทั้งในและนอกสถานที่ รวมทั้งการแต่งรูป แต่งฟิล์ม และขยายภาพ ได้สมรสกับคุณชาริษ (ชาลี) ศรีสว่างวัฒน์ ซึ่งเป็นเจ้าของ บริษัท ภาพยนตร์วีดีโอโปรดักชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนภาพยนตร์โฟโต้ ซึ่งได้มีการถ่ายภาพหมู่โดยใช้กล้องหมุนและถ่ายวีดีโอ พร้อมทั้งถ่ายภาพในการรับพระราชทานปริญญาบัตรในสถานบันมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับเชิญให้ไปถ่ายภาพหมู่กล้องหมุนหลายประเทศ ทั้งประเทศอเมริกา ฝรั่งเศส จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเก๊า มาเลเซีย อินโดนีเซีย เขมร ลาว เป็นต้น ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากมาย

ประวัติทางสังคม

-เป็นอุปนายกสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพหลายสมัย และดูแลฝ่ายต่างประเทศ

-เป็นอุปนายกสมาคมตระกูลเฮ้งแห่งประเทศไทย

-เป็นที่ปรึกษากลุ่มสตรีสมาคมตระกูลเฮ้งแห่งประเทศไทย

-เป็นที่ปรึกษากลุ่มสตรีสมาคมฮงสูนแห่งประเทศไทย

-เป็นสมาชิกไลออนส์ที่เป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากว่า 15 ปี สังกัดสโมสรไลออนส์จอมทอง กรุงเทพ ภาค 310D เคยดำรงตำแหน่งอดีตผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 D ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารสภาภาครวม 310 ประเทศไทย

พิธีมอบตำแหน่งคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพสมัยที่ 26 คุณณริภา (นวรัตน์) ศรีสว่างวัฒน์ ปีบริหาร 2561-2562 และงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม โฟโต้แฟร์ 2018  งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้แนวคิด Photo Graphy Power รวมพลังแห่งการถ่ายภาพอยู่ในงานเดียว สื่อถึงความมีพลังสามัคคี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – วันที่ 2 ธันวาคม 2561ณ ไบเทคบางนา

สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ในงาน ติดต่อสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ
งาน PHOTO FAIR 2018 จุดนัดพบของคนรักการถ่ายภาพ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา บนพื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม.
ติดต่อที่ สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ 02-803-7570-1
โทรศัพท์ 0 2803 7570-1

#PhotoFair2018
#โฟโต้แฟร์2018
#PhotoFairThailand

รางวัลระดับเอเชียในเมืองหลวงของไทย พร็อพเพอร์ตี้กูรู

ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ปี 2018


โค้งสุดท้าย พร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 13

เตรียมจัดงานมอบ รางวัลชนะเลิศระดับเอเชีย

นับถอยหลัง  กับการมอบรางวัล  พร็อพเพอร์ตี้กูรู  ไทยแลนด์  พร็อพเพอร์ตี้
อวอร์ดส์ ปี 2018 หรือ PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ซึ่งจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 เวทีเฟ้นหานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย และเป็นรางวัลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดในประเทศ

ภายในปีนี้มหกรรมการมอบรางวัลประจำปีดังกล่าว เปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปให้เริ่มส่งรายชื่อโครงการต่างๆ   จนถึงวันที่ 29 มิถุนายนนี้  ส่วนการสมัครในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และดีไซเนอร์จากทั่วประเทศ

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ จำกัด หรือ JLL

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ จำกัด หรือ JLL ประธานคณะกรรมการตัดสินเปิดเผยว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ดังนั้น นักพัฒนาต่างเข้าใจถึงประโยชน์ของการรับรองคุณภาพโดยที่มีความเป็นเลิศในทุกด้านของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ มีระบบการตัดสินที่โปร่งใสและเป็นมืออาชีพ ดำเนินการโดย บีดีโอ BDO เครือข่ายการตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งทำให้ในปีนี้มีจำนวนผู้สมัครจากทั่วประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกปี”

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ดอทคอม

ด้าน นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ดอทคอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า “แม้ว่ารางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ จะเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลเอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ Asia Property Awards ที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก สำหรับรางวัลพร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อสิบสามปีที่ผ่านมา นับได้ว่า เป็นรางวัลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย และเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีการจัดงานมอบรางวัลระดับเอเชียในเมืองหลวงของไทยเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย”

นายพอล แอชเบิร์น ผู้บริหาร บีดีโอ ไทยแลนด์ ให้ความเห็นว่า “รางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเป็นลำดับ โดยได้สร้างระบบแรกที่ได้รับการยกย่องในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของราชอาณาจักรให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกการเพิ่มประเภทการตัดสินที่มากขึ้น ทำให้คณะกรรมการคาดว่า จะต้องมีการประเมินผู้เข้าร่วมประกวดที่มีจำนวนมากขึ้นไปด้วย ต้องมีวิธีการตรวจสอบยังที่ตั้งโครงการสถานที่จริง รวมถึงแนวทางการประเมินเจตนารมณ์ของแต่ละโครงการที่ผู้เข้าประกวดตั้งใจทำและส่งมอบให้กับลูกค้า นอกจากนั้น การมอบรางวัลนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และตัวผู้ประกอบการ เราเชื่อว่า การสนับสนุนให้มีการประกาศรางวัลอันทรงคุณค่า การสนับสนุนโครงการคุณภาพ จะช่วยเป็นตัวอย่างและสนับสนุนให้เกิดความเป็นเลิศต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยรวม”

มหกรรมการมอบรางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์
ปีนี้นำเสนอโดย โคห์เลอร์ Kohler และได้รับการสนับสนุนโดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ DDproperty.com  ในฐานะเว็บไซต์ชั้นนำ  ของวงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย โดยมีการเพิ่มประเภทรางวัลใหม่ รวมเป็น 40 ประเภท ได้แก่ ประเภทการพัฒนา Smart Home Development, การพัฒนา Best Co-working Space และการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สงอายุ และในปีนี้ยังมีรางวัลสำหรับนักออกแบบ (Designer) ด้วยรางวัลสาขาต่าง ๆ อาทิ Best Hotel Architectural Design เป็นต้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้ประกาศรางวัลพิเศษเพิ่มขึ้น ให้กับอาคารเพื่อการอำนวยสาธารณะประโยชน์ ซึ่งมอบให้กับอาคารที่มีการเปิดใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งการดูแลสุขภาพอนามัย การศึกษา บริการสาธารณะ การขนส่ง การบำเพ็ญประโยชน์และกิจกรรมทางศาสนาไม่ว่าอาคารนั้นจะเป็นของเอกชน หรือองค์กรภาครัฐก็ตาม ได้แก่  รางวัล Best Green Development,  Best Universal Design Development และ Special Recognition for Public Facility โดยคัดเลือกจากโครงการทั่วประเทศ ได้แก่​ กรุงเทพฯ​ เชียงใหม่ ตะวันออก หัวหิน เขาใหญ่ เกาะสมุย ภูเก็ต
พังงา สงขลา และตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ ในปีนี้คณะกรรมการตัดสินได้ให้ความสำคัญกับการได้รับความนิยมที่เติบโตสูงขึ้นของ co-working space ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากของออฟฟิสใหม่ ๆ และอาคาร multi-purpose เพื่อจะจัดบริการให้กับพนักงานหลากหลายประเภทในทุกวันนี้ รวมไปถึงบุคคลที่ทำงานอย่างอิสระผ่านช่องทางออนไลน์ที่จำเป็น และไม่ต้องการที่จะทำงานภายใต้สภาพห้องทำงานแบบเดิม ๆ อีกตลาดเฉพาะ (niche) ที่ควรได้รับความสนใจ ได้แก่ ตลาดที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างเล็กแต่มีศักยภาพสูงมากที่จะเติบโต ประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคเป้าหมายที่จะมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุงานสำหรับชาวต่างช าติรวมไปถึงคนท้องถิ่นที่มีฐานะร่ำรวยจำนวนมาก หากนำไปรวมกับอัตราค่าครองชีพที่เหมาะสมและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สามารถจ่ายได้แล้ว เชื่อว่า ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงหุ้นส่วนของพวกเขาจะต้องเข้ามาสู่ตลาดนี้ในเวลาอีกไม่นาน  จะปิดรับรายชื่อในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ได้ทาง AsiaPropertyAwards.com/nomination/thailand

โดยผู้เข้าร่วมประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง และวีไอพี  จำนวนกว่า 600 ท่าน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลในสาขาหลักจะได้รับการส่งไปประกวดใน Property Guru Asia Property Awards ครั้งที่ 8 รอบสุดท้าย ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นงาน Grand Final ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีเพื่อฉลองความสำเร็จของนักพัฒนาและนักออกแบบในสิงคโปร์ พม่า ฟิลิปปินส์ และมองโกเลีย จะเข้าร่วมด้วยเพื่อรับรางวัลในเวทีระดับภูมิภาคที่จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย นอกเหนือจากการประกวดใน PropertyGuru Asia Property Awards แล้วนั้น ทางผู้จัดงานยังมีงานสัมมนาหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ PropertyGuru Asia Real Estate Summit เช่นกัน  ในวันที่ 8 – 9 พ.ย. 2561

สำหรับงานกาลาดินเนอร์เพื่อแจกรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 13 จัดขึ้น ณ โรงแรมดิแอทธินี กรุงเทพฯ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
E-mail : awards@propertyguru.com
เว็บไซต์: AsiaPropertyAwards.com