Category Archives: Lifestyle

XSPACE Art Gallery

“XSPACE Art Gallery” พื้นที่จุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ เส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ งานศิลปะไร้ขีดจำกัด ใจกลางกรุงเทพฯ

ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำให้ปัจจุบันนี้มี ‘คอมมูนิตี้’ หรือ ‘โค เวิร์กกิ้ง สเปซ’ เกิดขึ้นมากมาย เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องการทั้งสถานที่ทำงาน พื้นที่โชว์ศิลปะและงานดีไซน์ หรือแม้แต่คาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ ที่สามารถนั่งทำงานได้ ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลมีเดียได้ ก็ล้วนตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด! “เวอร์ค่อน” ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะยุคใหม่ นำโดย สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวอร์ค่อน (ประเทศไทย) จำกัด จับมือร่วมกับศิลปิน, ดีไซเนอร์ และ Art Curator ชื่อดังของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่าง ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์, สุภิตา เจริญวัฒนมงคล และภูวิชญ์ แห่งธานีราเมศ เปิดตัว “XSPACE Art Gallery” รวมทั้งเปิดตัวเว็บไซต์ www.xspace.gallery อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “XSPACE–THE XPERIENCE” จุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ ผ่านเส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์งานศิลปะไร้ขีดจำกัด โดยมีเหล่าศิลปิน, art curator, art gallery ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะร่วมงานคับคั่ง อาทิ สันติ ลอรัชวี, สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย, วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์, เนียม มะวรคนอง เป็นต้น

สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ XSPACE Art Gallery

สิริมาดา ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการ เผยว่า XSPACE Art Gallery คือพื้นที่ที่เป็นจุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ที่งานสร้างสรรค์หลากสื่อต่างแขนงสามารถเดินทางมาบรรจบพบกัน บนพื้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นเสมือนประตูที่เปิดสู่เส้นทางใหม่ๆ ของพรมแดนแห่งการสร้างสรรค์ โดยเป็นทั้งพื้นที่แสดงงานศิลปะและงานดีไซน์ร่วมสมัย, พื้นที่แสดงผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์, งานออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่เปิดโอกาสให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ หลากหลายสไตล์แบบไร้ขีดจำกัด
“XSPACE Art Gallery เกิดจากการเสาะแสวงหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของงานศิลปะ งานออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ งานออกแบบตกแต่งภายใน และสถาปัตยกรรม เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ของธุรกิจสร้างสรรค์ เพราะบางครั้ง สุนทรียะความงาม กับประโยชน์ใช้สอย ก็ไม่จำเป็นต้องแยกขาดจากกัน หากแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

องค์ประกอบภายในของ XSPACE Art Gallery มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานสร้างสรรค์หลากสื่อหลายแขนง ทั้งงานศิลปะ งานดีไซน์ และงานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ โดยผลงานของศิลปินที่นำมาจัดแสดงภายใน XSPACE นี้ อาทิ ผลงานของ สันติ ลอรัชวี, ธิดารัตน์ จันทเชื้อ, เนียม มะวรคนอง, สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์, ภาวิษา มีศรีนนท์, เต็มใจ ชลศิริ, ศุภชัย เกศการุณกุล,ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์, อดิวิศว์ อังศธรรมรัตน์ และวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ เป็นต้น รวมถึงยังมี Art x Design Store ซึ่งเป็นที่จัดจำหน่ายงานศิลปะ, งานดีไซน์, หนังสือ และสื่อสร้างสรรค์คุณภาพเยี่ยม ที่ผ่านการคัดสรรจาก Art Curator มืออาชีพให้ผู้ที่สนใจและรักงานศิลปะได้เลือกชมเลือกช้อปกันด้วย
ที่สำคัญ XSPACE ยังเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่พร้อมสรรพด้วยงานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับโครงการต่างๆ เช่น สำนักงาน, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, คาเฟ่, ร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ รวมถึงยังมีพื้นที่ XCafé ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มรสชาติเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศอาร์ตแกลลอรี่สุดชิลล์ ที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้กว่า 40 ที่นั่ง พร้อมลานจอดรถที่มีไว้คอยบริการ แล้วทางร้านยังเปิดรับจองสำหรับการจัดเลี้ยงหรือจัดกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย

นอกจากพื้นที่ของ XSPACE แล้ว ยังมีการเปิดตัว www.xspace.gallery เว็บไซต์แรกที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรธุรกิจศิลปะออนไลน์ ซึ่งเปรียบเสมือนคลังข้อมูลสำคัญของการสืบค้นผลงานของศิลปินไทยอิสระและแกลลอรี่พันธมิตร ครบเครื่องในเรื่องข้อมูลผลงานที่ชัดเจน การบริการ (Service) ที่ครบวงจร ไปจนถึงการปิดการขาย การนำส่งงานศิลปะถึงลูกค้า และการคัดเลือกผลงานที่เหมาะสมให้ลูกค้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากเรื่องการขายงานแล้ว เว็บไซต์นี้ยังมีคอนเทนท์สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการช่วยผลักดันกลุ่มศิลปินและแกลลอรี่พันธมิตรในโลกสังคมออนไลน์ อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะที่น่าอ่าน เรื่องเกี่ยวกับงานดีไซน์ รวมทั้งมีหนังสือศิลปะไว้จำหน่ายด้วยเช่นกัน

พบกับความตื่นตาตื่นใจของ XSPACE Art Gallery พื้นที่ซึ่งเป็นจุดตัดทางความคิดแห่งใหม่ ผ่านเส้นทางสู่ธุรกิจสร้างสรรค์งานศิลปะไร้ขีดจำกัด ได้แล้ววันนี้ที่อาคาร XSPACE Art Gallery ตั้งอยู่ในซอยปรีดีพนมยงค์ 14 ถนนสุขุมวิท 71
#Xspace

ชวนคนรักข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ปักหมุด

ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ร้านนี้มีความเก่าแก่มีอายุยาวนานมากกว่า 26 ปี ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์คกลับมาติดตามความอร่อยอย่างต่อเนื่อง อร่อย คุณภาพดี วัตุดิบดี ราคาสมเหตุผล กลับมาแบบอลังการ ในราคาที่สาวกข้ามต้มต้อง กลับมาทานอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

Toptotravel ขอแนะนำ…บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มสุดคุ้ม
เลิกงานดึกมากแล้วยังไม่ได้ทานมื้อเย็น ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะวันนี้เราจะพาไปตามร้านข้าวต้ม ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ ร้านนี้มีความเก่าแก่กว่า 26 ปี กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง Toptotravel ไม่พลาดที่ลองไปติดตามความอร่อย สะอาด คุณภาพดี วัตุดิบดี สะอาดปลอดภัย ตามมาตรฐาน new normal ราคาสมเหตุผล ไลน์บุฟเฟ่ต์เป็นสัดส่วน เดินตักง่าย พนักงานดูแลดีลูกค้าส่วนใหญ่กลับมาทานเอีกเรื่อยๆ ส่วนแอดมิน ติดอกติดใจ ชอบยำปลาอินทรีย์ รสเปรี้ยวหวานมันเค็ม (ยำเองตามที่เราชอบ) ยำกั้งดอง ทานคู่กับข้าวต้มข้าวต้มมีให้เลือก มีรสชาติ ความหอม ที่โดดเด่นมากๆเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ 499 NET (รวมเครื่องดื่ม) นั่งไปเลยยาว 5 ชั่วโมงเต็มๆ กันเลย

เป็ดพะโล้, ไส้ เลือด เต้าหู้พะโล้, ต้มหน้อไม้จีน, ต้มจับฉ่าย, ขาหมูคากิม,กุนเชียง, เกี๊ยมฉ่าย, ปลาข้าวสาร, ไข่เยี่ยวม้า, กาน่าฉ่าย,ไบปอ, กระเทียมโทน

ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ ของที่นี่ มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยติดใจในรสชาติความอร่อย จนมีขาประจำค่อนข้างเยอะมาก ตั้งอยู่ชั้น G อาหารทุกเมนูองที่นี่ถือเป็นสูตรต้นตำรับเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบคุณภาพดี ราคาสมเหตุผล อาหารร้อนๆ มีรสชาติ ความหอม ที่โดดเด่นและด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน …

ส่วนบรรยากาศภายในร้าน มีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย แบ่งออกเป็น 2 โซน โดยหลัก คือ บริเวณด้านนอกริมกระจกใสบานใหญ่ เปิดกว้างให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบายตา ถัดมาอีกโซน เป็นพื้นที่นั่งใกล้กับไลน์อาหาร ซึ่งทั้ง 2 โซนสามารถรองรับได้กว่า 150 ที่นั่ง ทีเด็ดของข้าวต้มที่ยังคงไว้มีให้เลือก 4 แบบ สลับกันไป อาทิ ข้าวต้มเผือก มัน ซ้อมมือ และข้าวต้มขาว มีเอกลักษณ์เด่นแบบดั้งเดิมที่น้ำข้าวต้มสีขาวขุ่น ข้าวนุ่มนวล เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เพราะข้าวต้มยังคงร้อนอยู่ตลอด มีรสชาติ ความหอมนุ่มที่โดดเด่นมากๆ เป็นเอกลักษณ์

อีกหนึ่งไฮไลท์ เมนูหลากหลายมากกว่า เมนูที่ห้ามพลาดเกินห้ามใจ ไลน์อาหารร้อน สำหรับเมนูทางร้าน มีทั้ง ไทย จีน อาทิ ข้าวเฉโป หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ขาหมูคากิ เป็ดพะโล้, จับฉ่าย, หน่อไม้จีนต้มกับ หมูสามชั้น และไลน์สตรีทฟู้ด
ที่ขอแนะนำว่า เด็ดทุกเมนู ต้องลอง อาทิ กั้งดอง ยำกุ้งแห้ง ไข่เยี่ยวม้า ไข่เค็ม แถมท้ายด้วยเมนูอาหารเสิร์ฟร้อนๆแบบจานต่อจานถึงโต๊ะเพื่อเพิ่มเมนูให้นักชิมยิ่งขึ้น อาทิ เส้นหมี่ผัดผักกระเฉดกุ้ง, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ไข่เจียวปู ก่อนปิดท้ายความอร่อย ด้วยของหวานอย่าง บัวลอยน้ำขิง ร้อนๆหอมๆ รสกลมกล่อม อย่าบอกใคร ขนมไอศกรีมผลไม้ เครื่องดื่ม น้ำอัดลม น้ำสมุนไพร อร่อยครบทั้งคาวทั้งหวานและอื่นๆ อีกมากมาย

ใครอยากเจอบรรยากาศแบบนี้ อย่าลืมไปทานที่ ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค

โปรพิเศษตลอดเดือน ตุลาคม นี้ :
เมื่อมา 3 ท่าน จ่าย 2 ท่าน ทุกเย็นวันศุกร์-เสาร์ มีโปร “บุฟเฟ่ต์ทะเลเผา”
จ่ายเพิ่มอีกเพียง 159 บาท ได้อิ่มอร่อยกับพาเหรด บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาในไสตล์ปิ้งย่างแบบไม่อั้น อาทิ กุ้ง ปูม้า ปลาหมึก หอยแมลงภู่ หอยหวาน และอาหารชนิดอื่นๆ อีกมากมาย

ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมรามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 – 22.00 น. ราคา 499 บาท สุทธิ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-290 0125
ติดตามได้ทาง เพจ Facebook: Ramada Chaophya Park

พายเรือคายัค ชมวิว ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ที่ อ่าวท่าเลน

อ่าวท่าเลน จังหวัด กระบี่ ห่างจากสนามบินนานาชาติกระบี่ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุด 33 กม. และมีบริการรถรับส่งสนามบิน

วันนี้เราจะไป พายเรือคายัคด้วยกันคะ การมาเยือน อ่าวเลน นอกจากจะชมวิถีชีวิตของคนในชุมชุนแล้ว ยังมีท้องทะเลที่โอบล้อมไปด้วยเขาหินปูน และป่าโกงกางที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอาหารทะเลสดๆ ให้ไดด้อิ่มอร่อยมากมาย การเริ่มต้นครั้งนี้ ถือเป็นการพายเรือที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเราจะได้ชมวิวสวยระดับหลักล้าน ที่อ่าวท่าเลน เป็นหมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้านเล็กๆ ที่มีสภาพป่าโกงกางอุดมสมบูรณ์พร้อมด้วยภูผาเขาหินปูนโอบล้อมทำให้การเดินทางมาหมู่บ้านนี้ต้องอาศัยการนั่งเรือเพียงอย่างเดียว หยิบไม้พายของคุณขึ้นมาและเพลิดเพลินไปกับความงามของ อ่าวท่าเลน จังหวัดกระบี่ ได้แล้วคะ

ณ.จุดจุดนี้…ไม่ห่างจากท่าเรืออ่าวท่าเลน เราพบกับความสงบร่มเย็นของธรรมชาติ เพลิดเพลินไปธรรมชาติอันงดงามรอบๆ สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นมากมายทั้งพืชและสัตว์ ด้วยการพายเรือคายัคตัดผ่านน้ำทะเล แล้วลัดเลาะเข้าไปในพายคายัคเข้ามาสู่วงล้อมของภูเขาหินปูนซึ่งตั้งเรียงกันอยู่อย่างสลับซับซ้อนจนทำให้ทะเลเหมือนถูกแบ่งเป็นห้องโถงใหญ่ๆ หลายห้อง หรือ ที่เรียกกันว่า ลากูน

การพายเรือคายัคครั้งนี้ toptotravel เลือกแบบ 2 ที่นั่ง โดยมีไกด์ ช่วยพายเพื่อที่เราจะได้ถ่ายรูปสวยๆ มาอวดกัน การพายเล่นในอ่าว และบริเวณโดยรอบชายฝั่ง ถือว่าเป็นการพายเรือที่ไม่ธรรมดา เพราะเราจะได้ชมวิวตลอดสองข้างทางจะพบกับผืนป่าอันสมบูรณ์ และเขาหินปูนที่นักท่องเที่ยวต่างบอกเปฯเสียงเดียวกันว่าสวยระดับโลก

ก่อนเริ่มเส้นทาง การพายเรือคายัค เรามาฟังคำบรรยายวิธีการใช้อุปกรณ์และหลักการพายเรือคายัคให้ถูกวิธีกันจากไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ต่อจากนั้น เริ่มต้นเส้นทางด้วยออกพายเรือคายัค เพื่อชมป่าโกงกางที่สวยงามและสมบูรณ์ ระหว่างพายเรือผ่านผ่านภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ถ้ำจระเข้, และลากูนทะเลใน ของอ่าวท่าเลน ตรงจุดนี้ พบกับธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ รับรองได้ว่า….ต้องประหลาดใจ มองไปข้างหน้า จุดที่สวยที่สุดของอ่าวท่าเลน แนวหน้าผาหินปูนที่โอบขนานไปตลอดทางระหว่างการพายเรือคายัค รวมไปถึงนกนานาชนิด บางจุดเห็นลิงที่หาอาหารทะเลกินด้วยตัวเอง และยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่อีกมากมาย อีกทั้งยังได้พบกับสุสาน ของชาวเล ที่เคยอาศัยมานานหลายร้อยปี

พี่เฮนรี่ (ไกด์) เริ่มต้นพายออกไปจากท่าเรือ โดยแนะนำและสอนวิธีการพายเรือคายัค และเริ่มออกเดินทางตัดผ่านเนินทรายกลางปากอ่าวท่าเลน แล้วเลาะเข้าหาทิวเขาหินปูนที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฝนโปรยปราย เย็นสบาย แนะนำ
ควรสวมหมวก ส่วนเรื่องการถ่ายภาพจากเรือคายัค จากในลำเรือค่อนข้างยาก เพราะเรือโคลงเคลง รวมทั้งการหยุดเรือให้นิ่งจริงๆ แล้วค่อยถ่าย

อ่าวท่าเลน ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาเยือนอย่างมาก ด้วยความโดดเด่นทางธรณีวิทยา ภูมิประเทศ ผาหินปูนที่ตั้งเป็นช่องเหมือนประตูออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นจุดที่ถือว่าสวยงามที่สุดจนทำให้นักพายคายัคทั่วโลกเดินทางมาที่นี่ น้ำใส ล้อมรอบด้วยเกาะและป่าโกงกาง ภูเขาหินปูนที่สูงตระหง่านสวยงาม และยังมีป่าชายเลนที่คงสภาพสมบูรณ์ตลอดเส้นทางภูมิศาสตร์ การเติบโตของพาไปพบกับความงดงามของการชมแนวป่า เขาหินปูน พายเรือคายัคบนแม่น้ำลัดเลาะไปตามป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์รอบ มีพันธุ์ไม้สีเขียวสบายตาปกคลุมอยู่ตามยอด แสงแดดส่องลอดผ่านช่องเขามาเป็นลำ มีลมพัดเย็นๆ พอให้คลายร้อน

ช่วงบ่าย ทำให้พื้นทะเลที่ตื้นเขินโผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนกลายเป็นสันดอนกลางทะเล ทำให้ได้สัมผัสกับความร่มรื่นของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชและสัตว์นานาชนิด ทริปนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวหรือเพือนฝูงที่ต้องการมาสัมผัสกับประสบการณ์มหัศจรรย์ทางทะเลรเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ต้นไม้โกงกางล้อมรอบ ซึ่งเต็มไปด้วยความสงบและความน่าประหลาดใจทุกครั้งที่ได้มาเยือนจริงๆ จัดว่าเป็นทริปพิเศษที่หลายคนไม่ควรมองข้าม ประสบการณ์การพายเรือคายัคครั้งนี้ ถือเป็นการออกกำลังกาย และยังได้ผ่อนคลาย สายตาได้ชมความงดงามของธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกถวิลหา

อ่าวท่าเลน – อ่าวลึก -แหลมจมูกควาย
เส่นทางสุดท้ายของวันนี้หลังจากนั้นก็พายเรือ เดินทางต่อด้วยเรือหางยาวเพื่อไปชมแหลมจมูกความ และกลับยังท่าเรือท่าเรือซึ่งไกด์พี่เฮนรี่ทำได้ดีมากๆ สัมผัสท้องทะเลกระบี่ในอีกมุมกับความแข็งแรง สวยงามของธรรมชาติ การท่องเที่ยวด้วยเรือคายักมุ่งไปข้างหน้าหรือถอยหลังก็ด้วยแรงกายแรงใจ แหลมจมูกควาย Nose Buffalo Cape at Krabi จังหวัดกระบี่ พนังหินเป็นช่องที่เกิดจากการพัดผ่านของกระแสลมจนเกิดเป็นลักษณะที่แปลกตา ความงดงามถือว่าเป็น Unseen สามารถเดินทางโดยเรือหางยาว

มาเที่ยว อ่าวท่าเลน เปิดมุมมองในการท่องเที่ยว จัดเป็นสถานที่ที่มีความสนุกแบบสุดๆ โดยเฉพาะที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมในการ พายเรือคายัค ที่ไม่ธรรมดา เพราะเราจะได้ชมวิวสวยระดับหลักล้านกันเลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวจะเลือก สัมผัสธรรมชาติที่งดงาม กับทริปล่องลากูนนี้ ไกด์เฮรี่ จาก อันดา กระบี่ ซีทัวร์ เพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม หรือเที่ยวกระบี่แพ็คเกจทัวร์ แพ็คเกจทัวร์ภาคใต้ ทัวร์ซิตี้ชมเมืองกระบี่ ทัวร์ทะเลกระบี่ เช่ารถตู้กระบี่ รถบัสเช่าเรือสปีดโบ้ทกระบี่ จัดกรุ๊ ป csr กระบี่

Toptotravel ประทับใจ กระบี่อันดากระบี่ซีทัวร์ จัดว่าเป็นทีมงานมืออาชีพมาก วางใจและรู้สึกปลอดภัย ตามมารตฐาน ไกด์มากประสบการณ์ โปรแกรมทัวร
ท์ี่เราเลือก…..
1 รวมรถรับ-ส่ง ท่าเรือ โรงแรมที่ลูกค้าพัก
2 รวมไกด์ รวมเสื้อชูชีพ/น้ำดื่ม ถุงกันน้ำ
3 รวมเรือแคนนู (เรือ 1 ลำ นั่งได้ 2 คนค่ะ )
4.บาบีคิว 1 มื้อ
5.ราคาสุดพิเศษติดตามที่ : https://www.facebook.com/andakrabi.seatour

จบทริปแบบเต็มอิ่ม ที่ ร้านท่าเลนซีฟู้ด
พายเรือจบแล้วต่อด้วยบาบีคิวหอมๆ ในยามเย็นที่นี่สวยงามมาก ณ. ร้านอาหารทะเลบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวท่าเลนเก่า ครัวฮาลาล อาหารทะเล คุณภาพและรสชาติของอาหารเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดท้องถิ่น ที่มีบรรยากาศงดงาม ใกล้ชิดไปกับวิถีของชาวประมงแบบเรียบง่าย เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเพื่อนฝูงและครอบครัว ลากูนเหล่านี้ก็เหมือนกับที่พักหลบภัย เพราะด้วยลักษณะที่มีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ป้องกันคลื่นลมแรงได้ แถมยังเอาไว้เป็นที่ซ่อนตัวก็น่าจะได้ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ลากูนที่ว่าก็เคยถูกใช้เป็นที่หลบภัยจริงๆ เสียด้วย นั่นก็คือภัยสึนามินั่นเอง นักท่องเที่ยวที่ยังพายไม่ถึงฝั่งก็ได้อาศัยเกราะกำบังธรรมชาติเหล่านี้เป็นตัวลดความรุนแรงของคลื่นในครั้งนั้นจนปลอดภัย แล้วคุณจะประทับใจไม่ลืมเลือน

อยากสัมผัสวิถีชาวประมง และยังคงต้องการความสะดวกสบาย ที่อ่าวท่าเลนอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่เพียง 35 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมืองกระบี่ไปสู่อ่าวท่าเลน ไปตามเส้นทางบ้านในสระ จากนั้นเลี้ยวไปตามเส้นทางโรงเรียนบ้านเขาทอง แล้วจะเห็นป้ายบอกทางไปยังอ่าวท่าเลน นอกจากนั้นภายในตัวเมืองกระบี่ก็มีรถโดยสารและรถสองแถวรับส่งนักท่องเที่ยวมายังอ่าวท่าเลน ส่วนผู้ที่ต้องการให้รถมารับที่โรงแรมที่พักสามารถติดต่อ บริษัท อันดา กระบี่ ซีทัวร์ จำกัด

สะพานไม้อ่าวท่าเลน #พายเรือคายัคอ่าวท่าเลน #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี

สอบถามได้ที่ 697 หมู่ที่ 1 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ 81180
คุณปิงปอง : โทร 081-719-5944
พนักงานออฟฟิศ : โทร 085-888-6127
พนักงานออฟฟิศ : โทร. 096-634-6127

สะพานไม้อ่าวท่าเลน #พายเรือคายัคอ่าวท่าเลน #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี

คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง พระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ลงพื้นที่เยียวยา ผลกระทบอุทกภัย จ.เลย

โครงการ คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง
วันที่ 13 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00น. มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบสิ่งของเยียวยาที่ผู้ได้รับผลกระทบอุทกภัย ชาวบ้านสงเปือย และ บ้านสูบ จ.เลย

องพจนกรโกศล ดร. ผู้ช่วยปลัดซ้ายอนัมนิกาย เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ประธานมูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราห์, พระครูปริยัตินันทวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีภูทอก รองเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน, พระครูจริยสารธรรม เจ้าคณะตำบลท่าสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดป่าจริยธรรม, พระครูบุญประภาการ เจ้าอาวาสวัดโพนงาม

โดยในการนี้ หม่อมหลวง ภัทรสุดา กิติยากร ได้ร่วมเดินทางไปร่วมเป็นประธานในการมอบสิ่งของและเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในครั้งด้วย
ซึ่งในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้มีภาคส่วนราชการมาให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก โดยมีนายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวต้อนรับคณะ และร่วมมอบสิ่งของให้กับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำป่าไหลหลาก ท่วมบ้านเรือนขาวบ้าน ณ พื้นที่โรงเรียนบ้านสงเปือย ซึ่งมีนายสุพล แก้ววงษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสงเปือย ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย เดินทางมาร่วมในพิธี ซึ่งในการนี้ได้มอบเงินและสิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง และจองใช้ที่จำเป็น ส่งมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ บ้านสงเปือย อ.เชียงคาน จ.เลย จำนวน 60 หลังคาเรือน จากนั้นในเวลา 13.00 น. ทั้งคณะได้เดินทางไปที่ บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย เพื่อมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ และปูนซีเมนต์ ส่งมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย จำนวน 60 หลังคาเรือน โดยมี นาย กิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลย เป็นผู้ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกและร่วมมอบสิ่งของกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อน จากเหตุการณ์ฝายกั้นน้ำแตกในพื้นที่ บ้านสูบ แห่งนี้

หม่อมหลวงภัทรสุดา กิติยากร

ในการนี้ หม่อมหลวงภัทรสุดา กิติยากร กล่าวให้กำลังใจประชาชนผู้ที่ได้รับประสบภัยในพื้นที่ว่า ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีน้ำใจที่ดีให้กันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปัน น้ำหลากที่ไหลมามันได้ลดไปแล้ว แต่ขออย่าให้น้ำใจของพวกเราในสังคม ลดลงไปตามน้ำ หากเราช่วยกันฟื้นฟูดูแลซึ่งกันและกัน อีกไม่นานเราทุกครอบครัวจะกลับมาสู่ภาวะปกติเช่นเดิม ฟ้าหลังฝนย่อมมีฟ้าที่สดใสใหม่เสมอ ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งต่อให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว สำหรับผู้ที่สนใจอยากเข้าร่วมหรือสนับสนุนโครงการ คาราวาน จิตอาสา ฟ้าเปิดทาง

ติดต่อเข้ามาได้ที่
มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์
เบอร์โทรศัพท์ 094-3398484 ,085-1779169

ต้องได้ลอง…ก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย

เปิดตำนานเส้นทางแห่งความอร่อย หลายคนเมื่อพูดถึงก๋วยเตี๋ยวเรือเพนนินต้องร้องอ๋อกันทีเดียว ก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดของแม่ใหม่ ต้นตำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทยกลางห้างหรู ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 น้ำซุปที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันจากวัตุดิบที่ทางร้านคัดสรรคมาอย่างดีเยี่ยม จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและครองใจคอก๋วยเตี๋ยวเรือมาอย่างยาวนาน

เดอะ เพนนินซูล่า พลาซ่า ถือเป็นเจ้าแรก ในยุคนั้นถือว่าเป็นแหล่งช้อปสุดชิคที่เหล่าเซเลบริตี้ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ถูกกล่าวถึง เป็นที่ฮือฮา คือ ร้านอาหาร Le Jardin (เลอ จาร์แดง) ซึ่งเป็นร้านอาหาร ในคอนเซ็ปต์ลอบบี้ เลานจ์ นำก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นมาเสิร์ฟบนห้าง ถือเป็นเจ้าแรก ที่ยกความแซ่บมาตั้งไว้บนห้างหรู เป็นที่ถูกถูกใจบรรดานักธุรกิจและนักชิมจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

ถึงวันนี้เป็นเวลายาวนานกว่า 35 ปีแล้ว จากตำนานอาหารของร้าน เลอ จาร์แดง ที่ถ่ายทอดความอร่อยมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง วันนี้ร้านใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่หลายๆคนคิดถึง ในชื่อ ใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล จากรุ่นคุณยาย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย สู่ คุณสุนงค์ ลูกสาวคนเล็ก และ ล่าสุดรุ่นหลาน คุณมิ้นท์-ชลิตา สาลีรัฐวิภาค

MaiMai Noodle เปิดที่ Icon Siam ก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย มิ้นท์–ชลิตา สาลีรัฐวิภาค ลูกสาวคนโตในจำนวน 4 คนของ พีระพันธุ์–สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค วันนี้ชวนชิมก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อและหมูแบบพรีเมี่ยม อาหารของร้านได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบอาหารไทยของคุณยาย และอาหารฝรั่งของคุณแม่ นำมาปรับให้ทันสมัยกลายเป็นอาหารคงคุณค่าอาหารครบ ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ เมนูต้องมีคุณภาพและรสชาติต้องเลิศ น้ำซุป เข้มข้น และอร่อยแบบไม่ต้องปรุง นอกจากนี้ยังมีเมนูอร่อยแบบดั้งเดิมอื่นๆ อีกมากมาย อาหารทุกจานเป็นสูตรลับเฉพาะของครอบครัวใหม่ใหม่ได้ลิ้มลองความอร่อยอีกมากมาย

ปัจจุบัน คุณมิ้นท์ เข้ามาสานต่อธุรกิจ จากรุ่นคุณยาย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย
สู่ คุณสุนงค์ ลูกสาวคนเล็ก และล่าสุดรุ่นหลาน คุณมิ้นท์ สานต่อความอร่อยระดับตำนาน ร้าน MaiMai Noolde ก๋วยเตี๋ยวเรือแท้ๆ ยกทัพมาให้ทุกท่านได้
อิ่มอร่อยกับท็อปปิ้งและเมนูเครื่องเคียงอีกมากมาย

มิ้นท์–ชลิตา สาลีรัฐวิภาค

แนะนำเมนูห้ามพลาด
ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อริบอายออสเตรเลีย
ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำซุปเข้มข้น ราดร้อนๆ ลงบนเนื้อนุ่มชิ้นใหญ่ คัดสรรเนื้อริบอายจากเชฟระดับโรงแรมด้วยวิธีพิถีพิถัน ทานเข้ากันกับรสชาติแบบก๋วยเตี๋ยวเรือแท้ๆ
เเนื้อริบอาย น้ำซุป ของที่นี่เข้มข้น และอร่อยแบบไม่ต้องปรุง

ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูคุโรบุตะ
ก๋วยเตี๋ยวหมูคุโรบุตะคัดมาแบบเน้นๆ หมูนุ่ม เด้ง เสิร์ฟพร้อมลูกชิ้นหมูสูตรพิเศษอร่อยเต็มคำ ซดคู่กับน้ำซุปหอมกลิ่นเครื่องเทศ

เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน ดัดแปลงมาจากเมนูคัสตาร์ด โคโคนัท เมนูดังในอดีตของโรงแรมดุสิตธานี

เมนูของหวานไฮไลต์ที่ดังยาวนานถึงวันนี้ กล้วยไข่คัดพิเศษจากจังหวัดเพชรบุรี ด้วยเทคนิคการเชื่อมที่หวานฉ่ำชุ่มเข้าเนื้อกำลังดี ราดด้วยน้ำกะทิเข้มข้น หวาน เค็ม หอม อร่อยดี

เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
เครมบรูเล่ มะพร้าวอ่อน
Sukanya Janchoo (General Manager) Chalita Salirathavibhaga (Owner)
ร้าน MaiMai Nooldle Iconsiam : ใหม่ใหม่ นู้ดเดิ้ล

ร้าน MaiMai Nooldle Iconsiam
299 Iconsiam Room R606 Fl.6
Soi Charoen Nakhon 5 Khlong ton sai Bangkok 10600
โทร. 02 1089977
ICONSIAM ชั้น 6, Alangkarn Zone
Line : @MaiMaiNoodle

#MaiMaiNoodle #ต้นตำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นห้างเจ้าแรกในประเทศไทย #ก๋วยเตี๋ยวเรือIconsiam #toptotravel
#ก๋วยเตี๋ยวเรือเพนนิน #ก๋วยเตี๋ยวเรือ #BangkokNoodle

WONDERFUL PEARL ความอลังการแห่งลำน้ำเจ้าพระยา ดื่มด่ำบรรยากาศบนเรือสุดหรูมูลค่า 200 ล้าน ด้วยค่าบริการมิตรภาพ

หนึ่งในที่สุดแห่งลำน้ำเจ้าพระยา คือ เรือนำเที่ยว WONDERFUL PEARL มูลค่า 200 ล้านบาท ทั้งคนไทยและต่างชาติที่เคยได้ขึ้นเรือลำนี้ ต่างบอกต่อด้วยความภาคภูมิใจที่ชีวิตนี้ได้มาสัมผัสบรรยากาศสุดอลังการ มองเห็นวิวทิวทัศน์กลางสายน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน พร้อมทั้งอาหารเลิศรสมากมายที่ไว้คอยบริการตลอดการเดินทาง

สื่อสายรีวิวท่องเที่ยว ที่เคยมาในทริปบนเรือ WONDERFUL PEARL ต่างให้คะแนนความเป็นที่สุดเกิน 100 เริ่มตั้งแต่การบริการของพนักงานที่เอาใจใส่ลูกเรือทุกคน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่โควิด-19 ระบาด ยิ่งต้องคอยใส่ใจเป็นพิเศษ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีเจลแอลกอฮอล์ลล้างมือ และการเว้นระยะห่างตามมาตรฐานป้องกันไวรัสโควิด-19

บรรยากาศภายในเรือกว้างขวาง มีทั้งหมด 3 ชั้น พร้อมทั้งเวทีแสดงดนตรีทุกรอบการเดินทาง โดยชั้น 3 เป็นชั้น Open Air กลางแจ้งรับลมธรรมชาติ มีบาร์บริการเครื่องดื่มและค็อกเทลนานาชนิด ส่วนชั้น 1 และ 2 จะมองเห็นเวทีดนตรีสด เล่นดนตรีทั้งร่วมสมัยและย้อนยุค ซึ่งด้านข้างเวทีมีบันไดเลื่อนขึ้นลงระหว่างชั้น 1 และ 2 ได้ ตรงจุดนี้ขอบอกว่าห้ามพลาดเซลฟี่เป็นอันขาด เพราะบันไดเลื่อนบนเรือหรูหาดูได้ไม่ง่ายนัก

อีกมุมที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษ คือ ห้องน้ำสะอาดมาก แถมภายในห้องน้ำแต่ละห้อง ยังเล่นไฟแสงสีเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ใครเกิดมายังไม่เคยเห็นห้องน้ำลักษณะนี้ ถ้าได้ขึ้นเรือ WONDERFUL PEARL ถือว่าโชคดีที่ได้ดูเป็นบุญตา

แต่ละมุมของเรือ WONDERFUL PEARL สามารถ่ายเซลฟี่อวดคนบนโลกโซเชียลได้ภาคอย่างภูมิใจ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ช่วงนี้ ค่าบริการเรือจะราคาถูกกว่าปกติ เพราะต้องการเอาใจลูกค้าคนไทยเป็นพิเศษในช่วงโควิด เพื่อปลดปล่อยคลายล็อคให้กับคนที่ต้องการท่องเที่ยว

คุณพิชิต กุลเกียรติเดช ประธานบริหารเรือวันเดอร์ฟูลเพิร์ล ผู้ที่สั่งสมประสบการณ์จากการทำเรือท่องเที่ยวมากว่า 20 ปี ขอเอาชื่อเสียงของตนเองมาการันตีคุณภาพ “ตลอดกว่า 20 ปีที่ผมทำธุรกิจตรงนี้ ผมทำเรือท่องเที่ยวอย่างเดียว ผมต้องการมุ่งมั่นด้านนี้ให้บรรลุฝันของผม ที่อยากเห็นการท่องเที่ยวทางแม่น้ำเจ้าพระยาของไทย ติดอันดับโลก”

หากมีโอกาสทำในสิ่งที่เป็นที่สุดของชีวิตแล้ว ก็นับว่าเป็นการให้รางวัลตัวเองอันมีคุณค่า ซึ่งเรือท่องเที่ยว WONDERFUL PEARL คือตัวเลือกที่ดีที่จะให้คำตอบความเป็นที่สุดนี้

สนใจดูรายละเอียด หรือ ติดต่อได้ตามช่องทางดังนี้
www.wonderfulpearl.com , Line @ wonderfulpearl
โทร 02 861 0255

เทพรส ทองหล่อ

วันนี้ฉลองปิดท้ายวันศุกร์แบบฟินๆ ที่ร้านเทพรส ทองหล่อ เลือกมาทานโดย
โทรจองที่นั่งล่วงหน้ามาก่อน เพราะร้านนี้ มีเชฟที่มีฝีมือ หรือเชฟฉายาข้าวแกงร้อยล้าน! Top Chef Thailand Season2 คุณธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์ หรือ
เชฟจากัวร์ วันนี้มีโอกาสพบตัวจริง ในมาดหล่อเข้มๆ แบบหนุ่มปักษ์ใต้ เชฟบอกว่า เรื่องของอาหารไทยมันอยู่ในสายเลือด รอชมเมนูที่เชฟแนะนำพวกเราในวันนี้นะคะ

การเดินทางมาร้านนี้แถมเป็นร้านที่อยู่ใกล้บ้านเลยตัดสินใจพาครอบครัวและเพื่อนๆ มาทานกันที่ร้านนี้ มื้อพิเศษทั้งทีก็ต้องหาร้านที่พิเศษฉลองกันสักหน่อย โดยการเดินทางไปยังตัวร้านที่ตั้งอยู่ใน ซอยทองหล่อ13 ป้ายร้านหาได้ไม่ยาก หาข้อมูลมาก่อนจาก Facebook : www.facebook.com/theparosthonglor ในโครงการ Nihonmura Mall ซอย อรรคพัฒน์ ทองหล่อ กรุงเทพ

“เทพรส” อาหารไทย รสจัดจ้าน ย่านทองหล่อ

เพื่อนแนะนำ หากจะนึกถึงร้านอร่อยเมนูเด็ดให้นึกถึง “เทพรส” อาหารไทย รสจัดจ้าน ย่านทองหล่อ มารู้จักกับเจ้าของร้านกันก่อน เราพบกับ เจ้าของร้านใจดี
คุณสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด ( มหาชน) และ คุณสาวิตรี จันทร์ศรีชวาลา ที่มารอต้อนรับด้วยตัวเอง มาถึงพบกับประตูทางเข้าหน้าร้านขวามมือ เรามาถึงตั้งแต่ตอน 12.30 น. ถ้าใครเลิกงานมาอยากมาทาน อาหารที่ร้านนี้ก็ไม่ต้องรีบ เพราะร้านเข้าเปิดทุกวันตั้งแต่ 10.30 – 23.00 น. เรียกได้ว่าเลิกงานหรือหิวตอนดึกแค่ไหนก็เข้ามาทานที่ร้านนี้ได้ ตอนนี้เราเข้าไปในร้านกันเลย

คุณสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด ( มหาชน) และคุณสาวิตรี จันทร์ศรีชวาลา เจ้าของร้าน

บรรยากาศภายในร้านมีการตกแต่งอบอุ่นเต็มไปด้วยอาหารทะเล และเครื่องเคียงเต็มผนัง ร้านมีทั้งหมดสองชั้น ชั้นล่าง เป็นโต๊ะนั่งสบายแบบทั่วไป ชั้นบนสามารถปิดเป็นโซนส่วนตัวใช้จัดงานพบปะสังสรรค์ อาหารชั้นล่าง เรียบหรูนั่งสบายไม่แออัด โต๊ะและเก้าอี้ที่ทางร้านใช้ วัสดุเป็นไม้ บุด้วยนวมนุ่มนั่งสบาย ซึ่งมาที่นี่
โดยรวมแล้วไม่เหมือนร้านอาหารที่อื่น ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งในร้านแบบ Family Restaurant ที่เสิร์ฟอาหารไทย

หมึกกรอบไข่เค็ม

สำหรับเมนูใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นนี้ เมนูอาหารมีตั้งแต่อาหารมีมากมาย เป็นเมนูอาหารไทยทั้ง 4 ภาค สำหรับทานแกล้มกับเครื่องดื่ม ไปจนถึงสเต็กเนื้อชั้นดี / หม้อไฟราคาแพงหลักพันบาท มีเมนูให้เลือกมากกว่า 300 เมนู และพนักงานบอกว่าเชฟจากัวร์ ได้วัตถุดิบพิเศษมาก็จะมีเมนูประจำวันที่ปรับเปลี่ยนไปอีกด้วย
วันนี้เราจะให้เชฟจัดเมนูที่คิดว่าดีที่สุดในวันนี้มาให้เราทานดีกว่า มื้อนี้ราคาไม่เกี่ยง ชิมเมนูอาหารไทยประยุกต์ รสชาติไม่ซ้ำใคร จากเชฟจากัวร์-ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์ หรือ เชฟจากัวร์ หล่อเข้มๆ แบบหนุ่มปักษ์ใต้ ที่บอกว่า อาหารไทยอยู่ในสายเลือด เชฟจากัวร์เผยว่า สารพัดตัวเลือกอาหารไทยรสจัดจ้านมาชมเมนูอาหารที่เราทานกันในวันนี้

ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์ หรือ เชฟจากัวร์
หมึกกรอบไข่เค็ม

หมี่สยามเทพรส
เส้นหมี่โบราณของไทยที่หายสาปสูญไปนาน กลับมาเสิร์ฟเนื่องจากรายการ Top Chef Thailand เชฟจากัวร์ ชนะภาระกิจตามหาเมนูโบราณ คือ การผัดหมี่กับพริกเผา
แล้วใส่กะทิคลุกเคล้ากลมกล่อมและหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งแม่น้ำย่าง

ต้มยำเนื้อวากิวน้ำข้นคลั่ก
ร้านเลือกใช้เนื้อวากิวเกรดพรีเมียม ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น นำมาสไลซ์ในขนาดกำลังดี จุ่มในหม้อน้ำซุปต้มยำแบบข้นคลั่ก ความจัดจ้านของมันแทรกซึมในเนื้อวากิวกำลังดี

ต้มยำสมุนไพร ข่า ตะไคร้ พริกขี้หนู จากนั้นเตรียมน้ำต้มยำใส่ไข่แดง 1ฟอง และใส่นมข้นจืด แล้วนำมาใส่มันกุ้งข้นๆ เพื่อให้เห็นถึงความข้นของน้ำต้มยำ เสิร์ฟกับวากิวที่สไลด์บางเพื่อให้เห็นลายของเนื้อวากิว นำมาประยุกต์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ต้มยำเนื้อวากิวน้ำข้นคลั่ก

ซี่โครงหมูอบซอส BBQเทพรส
ซี่โครงหมูแบบเคี่ยวจนนุ่ม กลิ่นหอมเตะจมูกใส่สมุนไพร 8 อย่าง แล้วนำซอส
ไปอบ จนเข้าเนื้อเสิร์ฟกับผักย่าง เช่น ฟักทองย่าง มะเขือเทศ เห็ด เพื่อให้มีกลิ่นหอมของกระทะ

กุ้งนึ่งเทพรส
กุ้งแม่น้ำขนาดกลาง จากอยุธยา กุ้งแม่น้ำสดแกะเปลือกพร้อมทาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรของทางร้านเทพรส

ข้าวกะเพราคั่วเป็ดกรอบ

ข้าวกะเพราคั่วเป็ดกรอบ
เป็นอาหารจานเดียวที่ใครๆบอกว่าหอมกลิ่นคั่วกะเพรา นำเป็ดทอดกรอบมาคั่วกับกะเพราและพริกสับให้หอมแล้วนำข้าวมาคลุก จากนั้นตกแต่งจานพร้อมเสิร์ฟ

ราดหน้าเส้นกรอบหมูนุ่ม
ราดหน้าทั่วไปจะเส้นผัด แต่สูตรของทางร้านเทพรส จะนำเส้นไปทอดกรอบ จากนั้นทำน้ำราดหน้าสูตรพิเศษจากทางร้านมีความหอมน้ำมันงา

ส้มตำปูดองเทพรส

ส้มตำปูดองเทพรส
ปูไข่ดองจากสมุทรสาครส นำมาทำความสะอาดด้วยโซดาแล้วนำมาดองกับสูตรน้ำปลาดี ให้รสชาติเปรี้ยวเค็ม และความรู้สึกแปลกใหม่ หลังจากนั้นนำไปแช่ในช่องแช่แข็งทันที เสิร์ฟความอร่อยกับสุดยอดน้ำจิ้มซีฟู๊ด

หมูกรอบคั่วถั่วลิสง
เมนูที่นำมาประยุกต์ให้รับประทานง่าย มีรสชาติที่อร่อยและแปลกใหม่ หมูกรอบจากการต้มแล้วนำไปจิ้มตรงหนังหมู แล้วนำไปอบเตาไฟฟ้า จนแห้งจากนั้นนำมาทอดจนกรอบฟู เสร็จแล้วเตรียมเครื่องคั่วคือ พริกสับ, ถั่วลิสงตำมือ ปรุงรสให้ครบเครื่อง คลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ

ซี่โครงหมูอบซอส BBQเทพรส

หมึกกรอบไข่เค็ม
จากผลตอบรับของกุ้งกรอบไข่เค็ม ที่เป็นอาหารขายดี เราก็อยากจะนำเสนอ ปลาหมึกกรอบไข่เค็ม คือ การนำแป้งผสมกับไข่แดงเค็ม นำปลาหมึกสดมาชุบแป้งที่ผสมกับไข่เค็ม แล้วนำไปทอดกรอบจากนั้นนำมาพักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วนำมาจัดจาน จากนั้นขูดไข่แดงเค็ม โรยบนปลาหมึกกรอบไข่เค็ม แล้วขูดผิวมะนาวโรยบนปลาหมึกกรอบไข่เค็ม จากนั้นก็นำไปเสิร์ฟได้เลย

แกงปูใบเหลียง

แกงปูใบเหลียง
จากสูตรของเชฟจากกัวร์หนุ่มใต้แท้ๆ เมนูที่ใช้กะทิสดๆ กับแกงปูแบบปักษ์ใต้ ส่วนผสมพริกแกงใต้ใส่เนื้อปูพร้อมใบเหลียงชุมพร จากนั้นใส่กะทิลงไปต้มให้เดือด เสร็จแล้วจัดจานเสิร์ฟพร้อมกับขนมจีนและผัก

มัสมั่นเนื้อน่องลาย
มัสมั่นแกงแก้วตาหอมยี่หร่ารสร้อนแรง เป็นเมนูที่ติดอันดับความอร่อย ที่ใครมาแล้วต้องสั่ง เพราะเลือกน่องมาตุ๋นเคี่ยวจนนุ่มเสร็จแล้ว เติมกะทิให้นำเข้ากับเนื้อใส่เครื่องแกง แล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆจนเข้าเนื้อจากนั้นตักใส่กระทะร้อนพร้อมเสิร์ฟ เพื่อให้ได้รสชาติและสัมผัสนุ่มนวล ปรุงรสซุปเข้มข้น เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มกำลังดี

มัสมั่นเนื้อน่องลาย : theparosthonglor
ราดหน้าเส้นกรอบหมูนุ่ม

“เทพรส” ทองหล่อ เสิร์ฟในรูปแบบผสมผสานความเป็นสากล ทั้งหน้าตาอาหารที่ต้องการชูเอกลักษณ์วัตถุดิบแต่ละจานให้โดดเด่น และการบริการระดับห้าดาวปรุงอย่างพิถีพิถัน สะอาด ปลอดภัย อีกทั้งเชฟและพนักงานทุกคนผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุกวัน และยังผ่านการอบรมแนวทางป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด 19 มาเป็นอย่างดี และทางร้านยังทำการฆ่าเชื้อโรคอุปกรณ์ทำครัว ห้องครัว และเครื่องมือเครื่องใช้เรียบร้อย จึงไว้ใจได้เรื่องความปลอดภัยหายห่วง

ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์ หรือ เชฟจากัวร์
หมูกรอบคั่วถั่วลิสง

Theparos Thonglor : ร้าน เทพรส ทองหล่อ
พิกัด : Nihonmura Mall ซอย อรรคพัฒน์ (ทองหล่อ13) ถ.สุขุมวิท
แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพมหานคร
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 23.00 น.
โทร : 065 549 6565
Facebook : www.facebook.com/theparosthonglor

Fork & Cork Bar & Restaurant Chinatown

ถึงแม้ทุกวันนี้จะมีร้านอาหารมากมาย ทยอยเปิดใหม่ให้ได้ตามไปลิ้มลองความอร่อย แต่ก็มีเพียงไม่กี่ร้านที่รักษามาตรฐานความอร่อยไว้ได้อย่างดีเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลงหนึ่งในนั้นคือ ร้าน ฟอค แอนด์ คอค ไชน่าทาวน์ ออกแบบเมนูสไตล์ Modern Thai ทุกจานที่เสิร์ฟ ร้านตั้งอยู่บริเวณชั้น1 สร้างสีสันใหม่ ซึ่ง ร้านอยู่ใน โรงแรม ดับเบิ้ลยู22 ใกล้วงเวียน 22 กรกฏา Fork & Cork Bar & Restaurant Chinatown เหมาะกับชีวิตสโลว์ไลฟ์ใจกลางกรุง ไปชมบรรยากาศด้วยกัน

ก้าวแรก ผ่านบริเวณโถงล๊อบบี้ภายใน โรงแรม ดับเบิ้ลยู22 ใกล้วงเวียน 22 กรกฏบรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศอย่างบอกไม่ถูก วันนี้หลังเดินเที่ยวชมย่ายเยาวราช Toptotravel มีโอกาสทานอาหารกลางวัน กับผู้บริหารที่มากประสบการณ์ ร้าน ฟอค แอนด์ คอค ไชน่าทาวน์ เปิดเมื่อปลายปี 2562 เชื่อว่าหลายท่านมีโอกาสแวะมา จะรู้สึกได้ว่าที่นี่ มีเสน่ห์ดึงดูดชวนให้ผู้สนใจเดินเข้ามา เมื่อได้นั่งจิบชา กาแฟ แล้วรู้สึกหลงรักได้อย่างไม่รู้ตัว โดยรอบตกแต่ง สไตล์โมเดิร์นอินดัสเทรียล ที่ดูแล้วมีความเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหรูหรา และใช้วัสดุอย่างคุ้มค่าได้ฟิลลิ่งสุดๆ แต่ละมุมสวยจริงๆ โดยสามารถรองรับลูกค้านั่งด้านใน 70 ที่นั่ง ส่วนด้านนอก 30 ที่นั่ง เป็นอีกร้านอาหารและคาเฟ่ บาร์ มีการผสมผสานการตกแต่ง

สไตล์ Loft /Modern Life Style มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กับ ความวินเทจของเฟอร์นิเจอร์และภาพวาดฝีมือพนักงาน เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและสามัคคี  รวมไปถึงของตกแต่งร้าน อย่างโคมไฟสไตล์อินดัสเทรียล วัสดุที่ตกแต่งร้านที่หลายคน คุ้นเคยและพบได้ในย่านวงเวียน 22 ก่อนจะนำมาตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์แบบประยุกต์ อย่างเมนูอาหาร และเครื่องดื่ม ที่ทำจากเหล็กทำสีดำที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว นำมาทำเป็นโครงสร้างบาร์, ป้ายหน้าร้านที่เลือกใช้ฟอนต์สไตล์สวยๆ หรือแม้แต่ภาพวาดลวดลายที่ปรากฏบนภาพวาดจิตรกรรม ก็ดูทันสมัยเข้ากับตัวร้านละแวกนี้ได้เป็นอย่างดี เชื่อไหมว่า สไตล์การตกแต่งร้านมาจากความชอบส่วนตัว ของ Mr.David Paul Shrubso อีกหนึ่งความน่าสนใจทั้งหมด ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของ Fork & Cork Bar & Restaurant

David Paul Shrubso (CEO) : Fork & Cork Bar & Restaurant

David Paul Shrubso CEO อยู่เบื้องหลังความสร้างสรรค์ที่ข้ามผ่านกาลเวลา เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการทำร้านอาหารมาจากการชอบทำอาหารและขนมรวมถึงดูรายการทำอาหารต่างๆ คอนเซ็ปต์การเลือกใช้วัตถุดิบของไทยในการปรุงอาหาร สะสมมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งนี้ครอบครัวก็มักแสวงหาของอร่อยรับประทานเป็นประจำ จึงต้องการเปิดร้านอาหารที่แตกขยายกิจการออกมารวมระยะเวลากว่า 25 ปีมาแล้ว ซึ่งมีความโดดเด่นเอกลักษณ์ด้านอาหารไทย เมนูใส่ใจด้วยความรักตามคอนเซ็ปต์ ฟอค แอนด์ คอค ไชน่าทาวน์ อาหารทุกจานเสริฟมาพร้อมความอร่อย ที่มุ่งให้การบริการอบอุ่นบวกบรรยากาศกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ชาย/หญิง ครอบครัว เพื่อน และคู่รัก

เมนูแนะนำ : ข้าวอบสับปะรด

ที่นี่จัดเสิร์ฟอาหารแบบ All Day Breakfast ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพื่อรองรับแขกของโรงแรมและคนทั่วไป เรียกว่าคุณสามารถมาดื่มด่ำความสนุกสนานแบบสาวน้อยได้ตั้งแต่เช้า กระทั่งเปลี่ยนเป็นสาวเซ็กซี่พร้อมพาคุณไปสนุกสุดเหวี่ยงในบรรยากาศรูฟท๊อปบาร์แสนหวานยามค่ำคืน

เมนูแนะนำ : ภายในร้านมีเมนูอร่อยๆ มากมาย อาหารแบบฟิวชั่น เน้นอาหารไทย
ข้าวอบสับปะรด, ซีฟู้ดผัดผงกระหรี่, ผัดไท, กุ้งแช่น้ำปลา, ส้มตำทอดกุ้งสด ,
ปอเปี๊ยทอด ,ลาบทอด อาหารทุกจาน รสชาติอร่อย และตกแต่งจานได้สวยงามไปด้วยผักสด ผลไม้ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงอย่างดี รสชาติอร่อย

การเดินทาง :
จากหัวลำโพง มุ่งหน้าถนนพระราม 4 เลี้ยงขวาเข้าถนนมิตรพันธ์ประมาณ 100 เมตร ร้าน Fork & Cork Bar & Restaurant ตั้งอยู่ในโรงแรมดับบลิว22 ด้านซ้ายมือก่อนเข้า วงเวียน 22

ที่จอดรถ :
ทางร้านไม่มีบริการที่จอดรถ แต่สามารถจอดบริเวณใกล้เคียงได้ที่ลานจอดอาคารหมอมี หรือ ลานจอดเฉลิมบุรี เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะสะดวกที่สุด (กรณีนำรถส่วนบุคคลมา สอบถามพนักงานร้าน)

เวลาเปิด/ปิด :เวลา 09.00 – 24.00 น.
Fork & Cork Bar & Restaurant / ฟอค แอนด์ คอค ไชน่าทาวน์
Location อยู่ใน โรงแรม ดับเบิ้ลยู22 ใกล้วงเวียน22กรกฏา เยาวราช

Fork & Cork Bar & Restaurant
เปิดให้วันนี้….จนถึงเที่ยงคืน ทุกวัน
422 ถนน มิตรพันธ์
ป้อมปราบ เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย
กรุงเทพมหานคร 1010
Reservation no. 02 117 1996
www.forkandcorkthailand.com

#Fork&CorkBar&Restaurant #sunset #rooftopbar #w22 #w22byburasari

ตามรอยพ่อฯ ปี 8 หนุนสร้างคนรับมือภัยพิบัติ

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”จัดอบรมหลักสูตร CMS สู้ อยู่ หนี รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา ที่ จังหวัดลพบุรี

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ปีที่ 8 จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ในหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต หรือ CMS (Crisis Management Survival Camp) ภายใต้แนวคิด CMS สู้ อยู่ หนี รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก โรงเรียนสงครามพิเศษ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (วัดใหม่เอราวัณ) อ.เมือง จ. ลพบุรี ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับมือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งการเตรียมป้องกัน การพึ่งพาตนเองเมื่อเกิดวิกฤต การฟื้นฟูวิถีชีวิตหลังภัยพิบัติ พร้อมวางมาตรการความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับภาวะปกติใหม่

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”
(ตามรอยพ่อฯ) เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจ
และผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ 

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวถึงความสำคัญในการจัดกิจกรรมว่า “สถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น การเยียวยาผู้ประสบภัยและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการบรรเทาความทุกข์ แต่การเตรียมความพร้อมให้ประชาชนรู้หน้าที่ สามารถรับมือและพึ่งพาตนเอง พร้อมทั้งช่วยเหลือครอบครัวตนเองและผู้อื่นได้ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน จึงเป็นแนวทางที่สำคัญยิ่ง โดยหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต หรือ CMS (Crisis Management Survival Camp) ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ และหลักเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้เพื่อการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกิน เน้นการสร้างแหล่งน้ำไว้ในพื้นที่ของตนเอง เพื่อให้สามารถเก็บน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคและบริโภคได้ตลอดทั้งปี ทั้งในฤดูน้ำหลากยังสามารถช่วยชะลอและเก็บกักน้ำ บรรเทาปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นแหล่งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องใช้สอย และสร้างที่อยู่อาศัย ด้วยการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
ซึ่งสามารถเตรียมการไว้ได้ในภาวะปกติและสามารถรับมือเมื่อเกิดภาวะวิกฤต (ป้องกันและฟื้นฟู) พร้อมทั้งฝึกอบรมเร่งสร้างกองกำลังอาสาสมัครภาคประชาชน เพื่อการเตือนภัยและฟื้นฟูหลังประสบภัยพิบัติ (เตือนภัยและเผชิญเหตุ) ด้วยกระบวนการอบรมทักษะ ความรู้ต่างๆ ควบคู่กับการหนุนนำให้เกิดจิตอาสา มีความเสียสละเพื่อส่วนรวม โดยรู้เท่าทันสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติสามารถประสานงานและเชื่อมโยงกับเครือข่ายความช่วยเหลือทั้งในและนอกพื้นที่ได้ ทำให้เกิดการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายระดับประเทศเพื่อช่วยเหลือกันเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด”

ด้าน นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการฝึกอบรมในครั้งนี้ ว่า การฝึกอบรม CMS เป็นกิจกรรมที่มูลนิธิกสิกรรม ธรรมชาติจัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้นำอาสาสมัครให้มีความพร้อมที่จะสามารถรับมือกับภาวะวิกฤตต่างๆ และช่วยเหลือคนอื่นได้ เนื่องจากปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของโลก ซึ่งนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นและใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที การส่งเสริมให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญเหตุภัยพิบัติจึงเป็นภารกิจที่ทวีความสำคัญ

นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด


โครงการฯ จึงจัดกิจกรรมฝึกอบรมครั้งนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด ‘CMS สู้ อยู่ หนี รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา’ โดยได้ปรับหลักสูตรการฝึกให้เหมาะสมกับผู้เข้ารับการฝึกซึ่งมีทั้งคนเมือง และคนที่เริ่มทำกสิกรรมธรรมชาติ เพื่อสร้างเครือข่ายของคนที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเกิดเหตุภัยพิบัติ การเตรียมป้องกัน การพึ่งตนเองเมื่อเกิดวิกฤต ตลอดจนการฟื้นฟูวิถีชีวิตหลังภัยพิบัติด้วยศาสตร์พระราชา สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติและถ่ายทอดให้คนอื่นๆ
ต่อไป

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ผู้เข้าอบรมทุกคนจะได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับ
ภัยพิบัติทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากวิทยากรชั้นครูของมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ รวมถึงอาจารย์ยักษ์และทีมครูฝึกจากโรงเรียนสงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ โดยเมื่อจบการอบรมจะมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะในการรับมือภัยพิบัติอย่างปลอดภัย สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายอาสาสมัครเพื่อส่งความช่วยเหลือกัน ทั้งด้านกำลังคนและเสบียงอาหารในยามเกิดภัยพิบัติ”

พล.อ.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ประธานคณะทำงานจัดทำหลักสูตรฝึกอบรม พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเพื่อการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต

ด้าน พล.อ.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ประธานคณะทำงานจัดทำหลักสูตรฝึกอบรม พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเพื่อการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต ที่ปรึกษาการฝึกอบรมในครั้งนี้ กล่าวถึงรายละเอียดของหลักสูตรการฝึกอบรมว่า “หลักสูตรการฝึกอบรม ‘CMS สู้ อยู่ หนี รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา’ เป็นหลักสูตรเฉพาะกิจระยะสั้นเพียง 3 วัน 2 คืน

ซึ่งการฝึกอบรมโดยปกติจะใช้เวลา 6 วัน อีกทั้งผู้เข้าอบรมเป็นประชาชนทั่วไปหลากหลายอาชีพ มีทั้งคนเมืองและคนที่เริ่มทำกสิกรรมธรรมชาติ การออกแบบหลักสูตรจึงเน้นความกระชับและมีโอกาสใช้ได้จริง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อต้องเผชิญเหตุ ด้วยการผสมผสานหลักสูตรกสิกรรมธรรมชาติกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ ฐานเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเองในภาวะวิกฤต ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง สมุนไพรใกล้ตัวรักษาโรค และวิชาหลักเศรษฐกิจพอเพียงกับการรับมือวิกฤตในยุค Disruption ผนวกกับวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเผชิญเหตุในสถานการณ์ต่างๆ อาทิ การเรียนรู้เรื่องทัศนสัญญาณ การปฐมพยาบาล การผูกเงื่อนเชือก และการเอาตัวรอดในน้ำ โดยมีการจำลองสถานการณ์ปัญหา 24 ชม.
เพื่อฝึกการดำรงชีพในภาวะวิกฤต

พ.อ.นพ.ภาคย์ โลหารชุน นายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ได้รับฉายา
‘หมอที่แกร่งที่สุดในปฐพี’

นอกจากนี้ยังเชิญ พ.อ.นพ.ภาคย์ โลหารชุน นายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ได้รับฉายา ‘หมอที่แกร่งที่สุดในปฐพี’ มาเล่าประสบการณ์ในการทำหน้าที่ช่วยเหลือปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ที่อยู่กับเด็กๆ ทีมหมูป่า จนสามารถช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน ทั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้ที่ผ่านการอบรมได้รับประสบการณ์ที่นำไปใช้ได้จริง สามารถพึ่งตนเอง และช่วยเหลือผู้อื่นได้ในสถานการณ์คับขัน โดยหลักพื้นฐานเมื่อต้องเผชิญเหตุมีอยู่ 3 อย่าง คือ มีสติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อมีสติจึงจะฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคได้ มีความเพียรในการฝ่าฟัน จึงสามารถรอดพ้นปัญหาและอุปสรรคตั้งแต่เรื่องง่ายไปจนเรื่องยาก และสุดท้าย คือ การนำความรู้ไปแก้ปัญหา”

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลและกิจกรรมในโครงการ
คนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน
 www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking 
รายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

กว่า 73 ปี กับประสบการณ์ที่สั่งสมด้านการเป็นผู้นำทางด้านประกันภัย เราดำเนินงานอย่างโปร่งใส ยึดหลัก “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” มาอย่างต่อเนื่อง คุณภาพด้านการบริหารองค์กรที่ได้ศักยภาพ และคุณภาพการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ให้เป็นบริษัทประกันภัยอันดับหนึ่งมาโดยตลอด เรายังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับคนในสังคม ด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา คำนึงถึงประโยขน์ของทุกฝ่าย และพร้อมที่จะก้าวต่อไปเพื่อเป็นรากฐานบริษัทประกันภัยที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศ เพื่อสังคมไทยที่จะเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงตลอดไป

นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รับมอบทุนสนับสนุนโครงการสวัสดิการทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประจำปี 2563 จำนวน 50,000 บาท จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์  รองผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนมอบ ทั้งนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อจัดหาทุนเป็นสวัสดิการและแบ่งเบาภาระให้แก่สมาชิกของสมาคมฯ โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง ถนน พหลโยธิน แขวง จันทรเกษม เขตจตุจักร