Category Archives: Lifestyle

กรมการท่องเที่ยวชูมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย

กรมการท่องเที่ยวชูมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เดินหน้ายกระดับ Supply Side ชวนเที่ยวไทยมั่นใจไปกับช้างชูงวง ตอกย้ำภารกิจก้าวย่างอย่างยั่งยืน

กรมการท่องเที่ยว เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใช้มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า”สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ตอกย้ำภารกิจยกระดับสินค้าและบริการครอบคลุมตลอดทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มุ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บริการท่องเที่ยว บุคลากรด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ รวมถึงการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ตั้งเป้าสู่การเป็น Tourism Hub ของโลก

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงานแถลงข่าวกรมการท่องเที่ยว ก้าวย่างอย่างยั่งยืน “ท่องเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ DOT” ณ ลานอีเดน ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึง การจัดงานในครั้งนี้
“กรมการท่องเที่ยวเดินหน้ายกระดับ Supply Side ชวนเที่ยวไทยมั่นใจไปกับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สัญลักษณ์ช้างชูงวงเริงร่าประกอบลาย ประจำยาม ตอกย้ำภารกิจก้าวย่างอย่างยั่งยืน ด้วยการยกระดับผู้ประกอบการและชุมชนให้
มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม การให้บริการที่ดีกับนักท่องเที่ยว รวมถึงสิ่งสำคัญในปัจจุบันคือเรื่องสิ่งแวดล้อม มีทั้งสิ้น 56 มาตรฐาน ครอบคลุมการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ทั้งที่พัก สินค้าและบริการท่องเที่ยว ด้านกิจกรรมท่องเที่ยว ด้านแหล่งท่องเที่ยว และด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งผู้ที่ได้รับรองมาตรฐานจะเป็นสถานประกอบการที่ภาครัฐรับรองว่ามีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ ตามเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวของรัฐบาล”

นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้กล่าวเสริมถึงการยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยว ว่า “กรมการท่องเที่ยว ดำเนินการเรื่องการออก
ใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การยกเลิก หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว การประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ และการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว
โดยมีสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขา จำนวน 8 แห่ง ในภูมิภาคต่าง ๆ ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา หนองคาย สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และภูเก็ต อีกทั้ง ให้บริการออกใบอนุญาตนอกสถานที่และระบบ e-Service
ในอนาคต สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยผ่านการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บูรณาการการปฏิบัติงาน ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว คุ้มครองการประกอบธุรกิจนำเที่ยว และการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ของคนไทย พร้อมกันนี้มีการพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้วยการฝึกอบรม การตรวจประเมินมาตรฐานธุรกิจนำเที่ยวและมาตรฐานมัคคุเทศก์ มีการประกาศกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในท้องถิ่นหรือชุมชน ให้มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ตามกฎหมาย”

นายบุญเสริม กล่าวเพิ่มเติม ถึงการดำเนินงานด้านต่างประเทศ ว่า
“เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์
อันดีกับต่างประเทศตามกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยส่งเสริมให้มีการพัฒนามาตรฐานสมรรถนะตลอดจนรับรองมาตรฐานสมรรถนะบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียนและข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ดำเนินมาตรการคืนเงินให้กับผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีเงินลงทุนถ่ายทำในประเทศไทยสูง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและกระจายรายได้ไปยังธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์
รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย และประชาสัมพันธ์ภาพแหล่งท่องเที่ยวของไทยสู่ทั่วโลก”

นางณัฏฐิรา แพงคุณ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึงภารกิจด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยว “เพื่อให้เกิดการเดินทางและเกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวจากเมืองท่องเที่ยวหลัก ไปสู่เมืองน่าเที่ยวการพัฒนา
แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ได้คำนึงถึงการออกแบบสิ่งจำเป็นตามโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลหรือ Tourism for All ให้สามารถรองรับและตอบโจทย์
นักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้กับชุมชนทั่วประเทศ ผ่านการตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล สำหรับการพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ได้จัดทำ
มาตรฐานการท่องเที่ยวไทยและตรวจประเมินมาตรฐาน ผ่ากระบวนการ
ที่เป็นสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับด้านการบริการทั้งหมด 36 มาตรฐาน แบ่งเป็นมาตรฐานที่พัก มาตรฐานบริการท่องเที่ยว และมาตรฐานกิจกรรมท่องเที่ยว จนมีสถานประกอบการด้านบริการที่อยู่ระหว่างการรับรองมาตรฐานไม่น้อยกว่า 1,293 แห่ง สร้างมูลค่าเพิ่มผ่านอัตลักษณ์ สินค้า บริการ และกิจกรรมของชุมชนที่ได้มาตรฐาน ต่อยอดเพื่อสร้างจุดขายให้กับนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์ Tourism Trend มีการอบรมเสริมสร้างองค์ความรู้ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ ตลอดจนจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม เพื่อส่งเสริมและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคี
เครือข่ายในการพัฒนาการท่องเที่ยวตามประเด็นต่าง ๆ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับมาตรฐาน ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว

ซึ่งการจัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 จัดขึ้นในวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน”

กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมพัฒนาห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยวสร้างความยั่งยืนสู่ผู้ประกอบการ ชุมชน นักท่องเที่ยว รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมดำเนินการตาม 5 กลยุทธ์ภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาลเพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Tourism Hub มุ่งหวังให้การท่องเที่ยวไทยก้าวย่างอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ได้รับบริการท่องเที่ยวที่ดี พร้อมท่องเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ DOT

รู้จัก โรงแรมแอทพิงค์นคร จากแรงบันดาลใจของ สุนทรี ดอนท้าวไพร

ชวนเพื่อนๆ ไปเช็กอิน แอทพิงค์นคร เชียงใหม่ โรงแรมในอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรม ศิลปะ ประวัติศาสตร์ เห็นวิวตัวเมือง ภูเขามีแต่คนต่างถิ่นเข้ามาเป็นเจ้าของ จึงอยากสร้างโรงแรมที่เป็นของคนเชียงใหม่จริงๆ ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง แอทพิงค์นครเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของเชียงใหม่ ตกแต่งที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะและวัฒนธรรมของเชียงใหม่แถมยังใกล้แหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย

… เชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก เมืองขนาดใหญ่ที่สุด มีวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ เป็นส่วนผสมความงดงามระหว่างศิลปะวัฒนธรรมล้านนาและธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์จากศิลปะร่วมสมัย การคงอยู่ของชุมชนเก่าผสานชุมชนใหม่อย่างลงตัว ที่นี่จึงถือเป็นเมืองหมุดหมายที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเยือนกันอย่างไม่เคยห่างหาย เทศกาลงานเมืองสำคัญๆ ยังคงถูกกล่าวถึงในปฏิทินท่องเที่ยวระดับโลก ที่ต่างกล่าวกันว่า สักครั้ง… ต้องมาเยือน เมืองล้านนา .. เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้วัฒนธรรมและศิลปะล้านนา

… จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดจึงตอบไม่ได้ว่า มาเชียงใหม่กี่ครั้ง บอกเลยว่านับจำนวนครั้งไม่ได้เช่นเดียวกับที่โรงแรมแอทพิงค์นครที่เราเคยได้เข้ามาพักและได้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของการดีไซน์ การออกแบบในแทบจะทุกจุดของโรงแรม พบกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานที่น่าสนใจนี้ไปพร้อมกันเลย …

เรื่องราวความเป็นมาของโรงแรมแอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ โดยได้รับเกียรติจาก คุณสุนทรี ดอนท้าวไพร ประธานกรรมการบริหาร (เจ้าของโรงแรม) ผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารงาน โรงแรมแอทพิงค์นครเชียงใหม่ At Pingnakorn Hotel Nimman โรงแรมแอทพิงค์นครห้วยแก้ว At Pingnakorn Huaykaew Chiang Mai (บริษัท แอทพิงค์นคร จำกัด ) โรงแรมแอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ AtPingnakorn Riverside ( บริษัท แอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ จำกัด) และห้างหุ้นส่วนจำกัดพิงค์นครก่อสร้าง ภายใต้การบริหารของ คุณสุนทรี ดอนท้าวไพร

เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ทำให้คนในจังหวัดตัวเอง มีความรู้สึกว่าอยากกลับมาอยู่เสมอ การเล่าเรื่องรวมร้อยเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นโดย คุณสุนทรี หนึ่งในผู้ร่วมสร้างโรงแรมดาราเทวี โดยโรงแรมแห่งนี้ เคยเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ต้อนรับบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายจากทั่วโลก ด้วยประสบการณ์การการทำธุรกิจ ได้มีโอกาสออกก่อสร้างโรงแรมใหญ่ ๆ คุณสุนทรี ดอนท้าวไพร ผู้บริหารโรงแรมแอทพิงค์นครเชียงใหม่ นิมมาน , โรงแรมแอทพิงค์นครห้วยแก้ว ,โรงแรมแอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดพิงค์นครก่อสร้าง และได้รับพระราชทานปริญญาบัตร มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา

… หลังจากเดินดูความเรียบร้อยภายในห้องอาหารของโรงแรม พี่สุน – คุณสุนทรี เปิดโอกาสให้ทีมงาน Toptotravel ได้พูดคุย สนทนาเรื่องราวต่างๆ ตามเวลานัดหมาย “พี่เป็นคนเชียงใหม่ ไม่ได้มีมรดกอะไร ทุกอย่างสร้างขึ้นมาใหม่ โชคดีเกิดมาจนทำให้เป็นคนขยัน” พี่สุน – สุนทรี เล่ายิ้มๆ ให้ฟังเมื่อเราถามถึงที่มาของการเข้าสู่วงการโรงแรม

ก่อนเริ่มเล่าต่อว่า “… พี่เรียนจบอาชีวะเชียงใหม่ ด้านบัญชี ส่วนสามีจบสถาปนิก พี่จบออกมาเริ่มทำงานออฟฟิศก่อน ส่วนสามีทำงานเขียนแบบก็จะรับเหมาก่อสร้าง จนออกจากงานมาเพื่อช่วยบัญชีทำ สามีรับเหมาดูแลหน้างาน สถาปนิกเขาจะไม่ค่อยละเอียดเรื่องบัญชี เรื่องซื้อของ เราก็ออกมาช่วยกัน จังหวะช่วงนั้นก่อสร้างบูม พี่ดูแลทางด้านบัญชี และดูแลพนักงาน ค่อนข้างต้องเซฟทุกอย่าง ลุยกัน มีกู้แบงค์มาหมุน จังหวะพี่เจอเจ้าของดีดีหลายคนที่จ้างทำงาน”
ต่อมา บริษัทพิงค์นครก่อสร้าง การออกแบบต้องตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ได้เข้ารับเหมาก่อสร้าง โรงแรมดาราเทวีโรงแรมระดับหกดาวที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น ซึ่งบริษัทฯ เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่เข้ามารับงาน ใช้เวลาในการทำงานถึงห้าปี

“โชคดีมีโอกาสไปก่อสร้างโรงแรมดาราเทวี ทำให้ได้เห็นการทำงานโรงแรมทุกอย่าง ช่วงนั้นเป็นช่วงยุคเฟื่องฟู มีหลายผู้รับเหมา ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อสร้างโรงแรม หลังจากนั้นก็ไปก่อสร้างโรงแรมอีกหลายแห่งในเชียงใหม่”
… เกือบยี่สิบปีก่อนระหว่างทำโรงแรมดาราเทวี ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างอยู่เกือบ 5 ปีจึงแล้วเสร็จ ระหว่างนั้นทางพิงค์นครก่อสร้าง ก็ได้เริ่มทำโรงแรมของตนเองที่ถนนนิมมานเหมินทร์เป็นที่แรกประมาณ ปี 2549 ทั้งหมดมี 46 ห้อง โดยแรกเริ่มทำเป็นอพาร์ทเมนท์ ต่อมาเมื่อปี 2550 ย่านนิมมานเหมินทร์ บูมมาก จึงรีโนเวทปรับโฉมใหม่เพื่อดำเนินกิจการโรงแรม

ก่อนจะเป็นโรงแรมแอทพิงค์นคร
ด้วยความเป็นคนเชียงใหม่ อยากให้ที่นี่เป็นบ้านที่เจ้าของพร้อมเปิดบานประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสมือนเพื่อนคนหนึ่ง ออกแบบและก่อสร้างอาคาร และมาตรฐาน รับเหมาก่อสร้างโรงแรมหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ การทำธุรกิจโรงแรม ก่อนอื่นจะต้องเริ่มคิดและมองในมุมมองของลูกค้าก่อน ว่าลูกค้าชอบอะไรและมีความต้องการประมาณไหน หรืออาจจะสังเกตจากเวลาที่เราไปเที่ยว จึงทำให้เกิดความคิดที่จะทำโรงแรมขึ้นที่สามารถบอกได้ว่าการบริหารงาน การออกแบบ และการต้อนรับตามแบบฉบับคนเชียงใหม่แท้ๆ นำเสนอเรื่องราวที่เชื่อมโยงไปกับการออกแบบและการตกแต่งของโรงแรมในจุดต่างๆซึ่งในปัจจุบันโรงแรมในเชียงใหม่ มีคนพื้นที่เป็นเจ้าของเหลือเพียงไม่ถึง 10 % นอกนั้นเป็นคนต่างถิ่นเข้ามาเทคโอเวอร์บ้าง สร้างขึ้นมาใหม่บ้าง

“พอเราได้ทำโรงแรมดาราเทวี ด้วยความเป็นคนเชียงใหม่ ก็อยากทำโรงแรมขึ้นมา เพราะคิดว่าอยากให้เชียงใหม่มีโรงแรมที่เป็นของคนเชียงใหม่จริงๆ นำเสนอภูมิปัญญาด้านสมุนไพรและวิถีชีวิตของชาวล้านนาโบราณ ในแบบบุคลิกของคนเชียงใหม่ มีการต้อนรับขับสู้ผู้เข้าพักในสไตล์คนล้านนาดั้งเดิม ใช้บุคลิกของคนล้านนาในการให้บริการ การดูแลแขก ดูแลอาหารและห้องที่สะดวก เพราะการไปรับเหมาก่อสร้างก็เดินทางไปหลายที่ หลายประเทศ ได้เห็นสถานที่ต่าง ๆ เมื่อจะสร้างโรงแรมของตนเองจึงออกแบบและบริหารเอง เน้นเรื่องความปลอดภัย”
เพื่อสนับสนุนเชียงใหม่ สู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืน

โรงแรมของคุณสุนทรี ความตั้งใจให้ เป็นโรงแรมล้านนาโคโลเนียลในเชียงใหม่ ได้เห็นความเป็นศิลปะเชียงใหม่ตั้งแต่ที่ล็อบบี้ เปิดให้บริการทั้งสามแห่ง พราะเชียงใหม่มีอะไร เก๋ ๆ เยอะการออกแบบตกแต่งที่สวยงามบรรยากาศภายในจึงคล้ายกับบ้านเก่าในยุโรป มากกว่าให้ความรู้สึกเหมือนห้องพัก ในโรงแรม การ
ใช้เฟอร์นิเจอร์ ที่คลาสสิคทุกมิติของการออกแบบ เป็นหมุดหมายของการมาเยือนเชียงใหม่ จนเป็นที่กล่าวขวัญถึง และได้รับความชื่นชมจากนักท่องเที่ยว เรื่องความรื่นรมย์จากการใช้ชีวิตในโรงแรม ที่ให้ความรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่
บ้าน จนไม่อยากออกไปไหน

คุณสุนทรี เล่าต่อว่า “ ความที่เป็นคนชื่นชอบของเก่า พอมีโจทย์ว่าจะทำโรงแรม เริ่มหาเฟอร์นิเจอร์เก่า ของเก่าเพื่อนำมาแต่ง มาปรับปรุงใหม่ โดยเริ่มหาของเก่าพวกนี้ก่อน รวมไปถึงด้านงานตกแต่งภายในแทบทั้งหมด รวมไปถึงการแบ่งพื้นที่ใช้สอยของห้อง ออกแบบสัดส่วนและรูปแบบของบานประตูหน้าต่าง เลือกเครื่องใช้และวัสดุที่นำมาตกแต่งเป็นอย่างมาก ดูเองว่าเมื่อนำมาแต่งแล้วจะเป็นอย่างไร? ซึ่งเป็นจังหวะที่เดินทางไปรับเหมายังที่ต่างๆ รวมถึงได้มีโอกาสไปเห็นการออกแบบของสถานที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง ก็เก็บเล็กผสมน้อยมาดีไซน์ให้กับโรงแรมโรงแรม นำศิลปะของเชียงใหม่มาประดับไว้มุมนั้นมุมนี้ของห้อง เพื่อให้ที่นี่เป็นอีกหมุดหมายของการพักผ่อนในเชียงใหม่”

ด้วยศักยภาพของการออกแบบตกแต่งแล้ว ผู้บริหารแอทพิงค์นคร เชียงใหม่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวยั่งยืน ด้วยการทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อสนับสนุนชุมชนใกล้เคียง สนับสนุนการสร้างงานของคนเชียงใหม่ เปิดรับนักเรียนนักศึกษาที่จบการศึกษา เปิดโอกาสให้เข้าทำงานในโรงแรม แม้ไม่ได้ตรงกับสาขาด้านการโรงแรม รวมถึงการการเรียนรู้เรื่องอาหาร และเก็บรักษาคุณค่าความเป็นอาหารเหนือในรสชาติดั้งเดิม

“…อาหารเช้าจะทำเป็นอาหารเหนือ ที่ยังคงความเป็นเชียงใหม่ไว้ รสชาติเป็นเชียงใหม่แท้ต้นตำรับ โดยเชฟที่มีประจำทั้งสามแห่งเป็นคนเหนือ เพราะฉะนั้นคุณภาพ รสชาติของอาหารเหนือจะเหมือนกันทั้งสามแห่งเด็กที่อยู่ ด้วยเราจะสอนการให้ มีสูตรของโรงแรมที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว เด็กจบใหม่ ไม่ได้ตรงกับสาขาด้านการโรงแรม เปิดโอกาสให้อาชีพทุกคนที่มาฝึกทำงานที่โรงแรม โดยฝึกให้เด็กทำเป็นทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ห้องครัว ปูผ้า เรียนรู้เสมือนเราเป็นเจ้าของโรงแรมเอง เด็กต้องทำเป็นทุกน้าที่ความรับผืดชอบ เด็กฝึกงานพนักงานทุกคนต้องช่วยกันเหมือนคนในครอบครัว โดยเด็กฝึกงานหรือพนักบางท่านมีโอกาสไปเติบโต ไปมีครอบครัวที่ดี พอถึงที่วันดำหัว หลายท่านก็กลับมาเยี่ยมเยือน ที่นี่เหมือนกับเป็นมหาวิทยาลัย หลายคนสามารถจบออกไปทำงานในโรงแรมได้

ส่วนของการดูแลโรงแรมทั้ง 3 โรง ภายหลังจากสถานการณ์โควิด ความที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีช่างฝีมืออยู่ในมือ ทำให้โรงแรมทั้งสามได้รับการดูแลอย่างดี “ พี่มีช่างอยู่ในมืออยู่แล้ว ด้วยความชื่นชอบเพราะเป็นผู้รับเหมาและในที่สุดก็มาลงตัวในการลงทุนธุรกิจโรงแรม เราจะดูแลอย่างดี ช่วงหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด จึงไม่ได้มีการลงทุนอะไรมาก ตอนนี้รักษาลูกน้องไว้ก่อน
“อยากให้สนับสนุนคนเชียงใหม่ที่เป็นเจ้าของ ที่แอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ อยู่ริมแม่น้ำปิง มีบริเวณ มีพื้นที่สำหรับการจัดงาน สถานที่ตรงนี้เคยจัดงานลอยกระทงที่เป็นสไตล์ล้านนา เรายังคงความเป็นล้านนา ซึ่งนอกจากนี้ก็รับจัดงานแต่งงาน งานเลี้ยงต่างๆ ที่ผู้เข้ามาใช้บริการต้องการ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ การจัดโปร แพคเกจพิเศษสำหรับผู้เข้าพักเป็นต้น ” คุณสุนทรี กล่าว

แม้โลเกชั่นและการตกแต่งของแอทพิงค์นคร จะอยู่ในระดับแถวหน้าของโรงแรมในเชียงใหม่ แต่ราคากลับไม่ได้สูงดังเช่นโรงแรมเชนต่าง ๆ ในจังหวัด
“เรื่องราคาเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราคิดทำโรงแรมขึ้น เพราะอยากให้คนแตะต้องได้ในราคานี้ พี่เป็นคนเชียงใหม่ พื้นฐานเรารู้ว่าคนเชียงใหม่ใช้จ่ายเงินประมาณไหน จะมาใช้บริการได้หรือไม่ และนักท่องเที่ยวคนไทยสามารถเข้ามาสัมผัสโรงแรมแบบนี้ในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม อยากคงความเป็นเชียงใหม่ไว้เพื่อส่งต่อความสุขให้คนไทยมีโอกาสเข้ามาพัก มาทานอาหารมาทานข้าวซอย ที่เป็นรสชาติเชียงใหม่ต้นตำรับ ในราคาที่จับต้องได้”

และเมื่อถามว่า มีแนวโน้มจะเปิดสาขาเพิ่มหรือไม่ ?
คุณสุนทรี เล่าต่อถึงบรรยกาศการสนทนาในวันนั้น “จากวันนั้น……ถึงวันนี้ ถือว่า
โรงงแรมแอทพิงค์นคร มาไกลแล้วทั้งสามแห่ง อยากให้คงอยู่และเติบโตไป ไม่มีความคิดที่จะเพิ่มสาขา แต่อยากปรับปรุงทั้งสามแห่งให้ดีขึ้น ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น อยากทำอะไรอีกเยอะ แต่ตอนนี้ต้องพยุงให้อยู่ให้ได้ในเวลาที่เศรษฐกิจที่ยังไม่ดี” โดยในช่วงโควิดหลังการปรับปรุงโรงแรม คาดหวังว่าจะทำให้โรงแรมมีความใหม่ขึ้น ในสายตาของผู้ใช้บริการ

เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าหลักของโรงแรมมาจากกลุ่มการสัมมนา ซึ่งจะเป็นหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก แต่หากขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเอกชนมากขึ้น ทำให้การปรับราคาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้รวมของโรงแรม

คุณสุนทรี ทิ้งท้ายว่า การทำธุรกิจ อันดับแรกมองเป็นธุรกิจที่ทำแล้วมีความสุข ธุรกิจที่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ที่ทำแล้วมีความสุขไปพร้อม ๆ กับการสร้างรายได้…เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ

วันนี้… โรงแรมแอทพิงค์นครทั้งสามแห่ง ทั้งที่ริเวอร์ไซด์ ริมแม่น้ำปิง ที่ถนนห้วยแก้ว และถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย12 นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเริ่มกลับมาเยือนอีกครั้ง
ไม่ใช่เพียงเพราะความสวยงามของงานดีไซน์สถานที่ ไม่ใช่เพียงเพราะราคาที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียงเพราะมีอาหารแสนอร่อยเสริฟ … แต่ด้วยเพราะ … การบริการด้วยหัวใจในแบบล้านนาของเธอ สุนทรี ดอนท้าวไพร แอทพิงค์นคร

โรงแรม แอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์
ตั้งอยู่เลขที่ 381 ถนนเจริญราษฎร์ ฟ้าฮ่าม ต.วัดเกตุ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่
โทร. 053 249 222
โทร. 093 130 1382
Line Official Account: 093 130 1382

#โรงแรมเชียงใหม่ #ที่พักเชียงใหม่ #เที่ยวเชียงใหม่ #ที่พักเชียงใหม่2023 #รีวิวเชียงใหม่ #แอ่วเชียงใหม่ #เมืองเชียงใหม่ #เชียงใหม่ #เที่ยว #chiangmai #travel #reviewchiangmai #lovechiangmai #hotelchiangmai #hotelcnx #toptotravel
#thailand #แต่งงานเชียงใหม่ #สถานที่แต่งงานเชียงใหม่

อัญญา ออเทนติก ไทยคุยซีน เปิดประตูสู่ความเป็นไทย

ร้าน อัญญา ออเทนติก ไทยคุยซีน Anya Authentic Thai Cuisine
เปิดประตูสู่ความเป็นไทย ลิ้มรสอาหารไทยโบราณหาทานได้ยาก เข้มข้นตามตำรับดั้งเดิม ที่ Anya Authentic Thai Cuisine ภัตตาคารอาหารไทยบนถนนบำรุงเมือง หนึ่งในถนนเก่าแก่ของกรุงเทพที่เต็มไปด้วยเรื่องราว นำเมนูอาหารไทยแท้ๆ ให้กับชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยและได้มาพักที่ 1905 Heritage Corner เกสต์เฮ้าส์สไตล์โคโลเนียลในถนนแพร่งภูธร สู่ไอเดียการเปิดร้านอาหาร Anya Authentic Thai Cuisine นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020

ด้วยทำเลที่ตั้งของร้านที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ไทยอย่างวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะรวบรวมเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยากมาให้บริการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้รู้จักและลองลิ้มรสอร่อยจนต้องยกนิ้ว

นอกจากเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยาก เรายังเลือกเชฟโรงแรมระดับ 5 ดาว มากด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเพื่อมาคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีและเติมความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ปรุงอาหารทั้งเมนูชาววังและอาหารพื้นบ้านด้วยขั้นตอนตามแบบต้นตำรับ โขลกน้ำพริกและเครื่องแกงโดยไม่ใช่เครื่องปั่น ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารทุกจานถูกปรุงอย่างละเมียดละไม ให้รสเครื่องเทศและกลิ่นหอมที่จัดจ้าน เข้ากันดีกับกะทิคั้นสดหอมมัน เพื่อต้อนรับลูกค้าผู้มาเยือนด้วยเมนูชั้นเลิศทั้งคาวหวานที่เรามีพร้อมบริการทุกท่านทั้งในแบบทานที่ร้านและแบบจัดส่งถึงบ้าน

คิดถึงอาหารไทยสไตล์ต้นตำรับ คิดถึง Anya Authentic Thai Cuisine ภายในตกแต่งสวยงาม นั่งสบาย บรรยากาศดี ทางร้านมีเมนูความอร่อยให้เลือกหลากหลาย แนะนำเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ

สัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายความคลาสสิกของกรุงเทพมหานคร รสชาติอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคยและคิดถึง ซึ่งรังสรรค์โดยเชฟมากประสบการณ์ด้านอาหารไทย พร้อมส่งต่อความอร่อยภายในร้าน ตกแต่งสวยงาม นั่งสบาย บรรยากาศดี ทางร้านมีเมนูความอร่อยให้เลือกหลากหลาย รังสรรค์เมนูอาหารรสชาติไทยแท้ๆ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี เสิร์ฟความอร่อยแบบจานต่อจานจากเชฟมากประสบการณ์ ทุกเมนูล้วนเป็นร้านอาหารไทยชื่อดังที่ดึงดูดนักชิมจากทั่วโลกและถูกปากคนไทย

อาหารไทยต้นตำหรับที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน แนะนำเมนูที่ไม่ควรพลาดเอาใจคนรักอาหารไทย อาหารไทยทานเล่นคลายร้อน ข้าวแช่ชาววังแบบใหม่ รังสรรค์เมนูความอร่อยด้วยเชฟมากประสบการณ์ตำรับชาววัง

ข้าวแช่ชาววัง
มักรับประทานในช่วงฤดูร้อน เป็นเครื่องเสวยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเสวยประกอบไปด้วย ข้าวหอมมะลิสุขขัดอบควันเทียนแช่น้ำลอยดอกมะลิ รับประทานกับเครื่องเคียงอาทิ ลูกกะปิ หอมแดงยัดไส้ หมูฝอย ปลากะเบนผัดหวาน ไข่เค็มชุบไข่ เห็ดสวรรค์ ไชโป้วผัดไข่ ไชโป้วผัดหวาน ปลาช่อนแก้ว พริกหยวกยัดไส้ วิธีรับประทานก็แสนง่าย โดยเริ่มจากตักเครื่องเคียงชนิดคาว โดยเริ่มจากลูกกะปิก่อน จากนั้นทานข้าวและน้ำลอยดอกมะลิตาม รับประทานไล่จากคาวไปหวานจนครบ ได้รสชาติที่อร่อยและตามด้วยความหอมแบบไทยที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นและตราตรึงใจ พบความอร่อยระดับตำนาน

“๙ มงคล”
เริ่มต้นที่ “หมี่กรอบ” ของว่างรสชาติกลมกล่อม ที่มีตำนานมาอย่างยาวนานองว่างโบราณที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน ผ่านการถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารที่มีความปราณีวิจิตรบรรจงจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมเสิร์ฟความอร่อยตามแบบฉบับไทยแท้ถึง ๙ ชนิด อาทิ หมูสร่ง กุ้งห่มสไบ ถุงทอง กระทงทอง ม้าฮ่อช้อนทอง หมี่กรอบ จีบนกยูง ช่อม่วง ล่าเตียง ที่รวมไว้ในเซ็ตเดียวให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง

ขนมเบื้องญวนโบราณ
ของว่างตำหรับไทยโบราณที่ได้รับอิทธิพลทางด้านอาหารมาจากชาวมอญเมื่อครั้ง ชาวมอญเข้ามาเป็นเชลยศึกในกรุงสยามเป็นจำนวนมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) จึงมีการทำ “ขนมเบื้องญวน” ครั้งแรกในกรุงสยามและรังสรรค์ให้เป็นที่ถูกปากมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้ ลักษณะของขนมเบื้องญวนโบราณ จะมีแป้งบางกรอบสีเหลืองนวลหน้าตาน่ารับประทาน เกิดจากการนำแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำและไข่ร่อนในกะทะให้ได้แป้งแผ่นบาง ใส่มะพร้าวผัด หัวหอม กระเทียม เต้าหู้ ถั่วงอก ต้นหอม ผักชีและขึ้นฉ่ายลงไป ร่อนเป็นแป้งสีเหลืองนวลแผ่นบางกรอบห่อไส้แล้วนำใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำอาจาดตัดเลี่ยน อร่อยจนตื่นตา พร้อมเสิร์ฟให้สัมผัสความอร่อยตำหรับโบราณ

สาคูและข้าวเกรียบปากหม้อ
ของว่างไทยโบราณชนิดหนึ่งที่สืบทอดกันมายาวนานมากกว่า ๑๐๐ ปี แม้ว่าจะไม่ทราบช่วงเวลาต้นกำเนิดของขนมข้าวเกรียบปากหม้ออย่างแน่ชัด แต่ความอร่อยนั้นถูกส่งต่อ ตกทอดสู่คนรุ่นหลัง คงความอร่อยตำรับไทยโบราณไว้ไม่จางหาย
ข้าวเกรียบปากหม้อแสนอร่อย ของว่างเรียกน้ำย่อยชั้นดี สันนิฐานว่าได้ชื่อนี้มากจากวิธีการทำ เพราะต้องนำผ้าขาวบางมาขึงบนปากหม้อที่มีน้ำอยู่พอประมาณ นำไปตั้งไฟให้เกิดไอความร้อนขึ้นมา จากนั้นนำแป้งที่เตรียมไว้ราดลงไปบนผ้าขาวบางแล้วเกลี่ยให้แป้งเป็นแผ่นบางสวยงาม จากนั้นใส่ไส้ที่เตรียมไว้ลงไป เมื่อแป้งสุกได้ที่พับแป้งทับตัวไส้ ให้ไส้อยู่ตรงกลางแล้วนำลงจานพักไว้ โดยในจานพักให้ใส่น้ำมันไว้เพื่อไม่ให้ตัวแป้งติดกัน จากนั้นนำลงจัดจาน โรยด้วยกระเทียมเจียว รับประทานกับผักกาดหอม ผักชีและพริกขี้หนู รสชาติที่หอมกลมกล่อมทำให้ข้าวเกรียบปากหม้อเป็นของว่างเรียกน้ำย่อยที่ทำให้หลงรักและติดใจกันอย่างงานดาย

หมี่กะทิ​ หรือ​ หมี่สยาม​ (มีเซียม)​
ที่หลายคนคงคุ้นตากับเส้นหมี่ผัดสีชมพูพาสเทล​ มีไข่เจียวหอมๆเป็นเส้นๆโรยหน้า​ รับประทานคู่กับถั่วงอกหมี่กะทิ​ ถือเป็นรากของวัฒนธรรมอาหารจานเดี่ยวในยุคก่อน ในสมัยก่อนตัวเส้นจะมีสีแดงระเรื่อ​ ได้มาจากมะเขือเทศเท่านั้น​ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็ได้มีการประยุกต์ต่อมาเรื่อยๆ​ จนกระทั่งในปัจจุบัน​ จะใช้เป็นน้ำซอสเย็นตาโฟมาใส่เพื่อให้ออกสีชมพูสวยงาม


แรกเริ่มเลย หมี่กะทิ นั้นมาจากการผัดเส้นหมี่เข้ากับซอสสามรส คือรสเปรี้ยว เผ็ด และหวาน เคยเป็นอาหารที่นิยมกันมากในสิงคโปร์​ และมาเลเซีย ซึ่งมีวิธีการทำง่ายมากๆ เพียงแค่เตรียมน้ำซอสรสจัดปรุงไว้​ แล้วนำเส้นและวัตถุดิบอื่นๆ​ ลงไปผัด​ ก็เป็นอันเสร็จพิธี​ จึงทำให้มันกลายเป็นรากของอาหารจานเดี่ยวที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก และยังอร่อยมากๆอีกด้วย ในสมัยนั้น หมี่กะทิ จะเป็นเมนูอาหารหนึ่งที่ใช้จัดเลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง เรียกได้ว่าเป็นความอร่อยที่ตราตรึงใจและหารับประทานยากในปัจจุบัน

แตงโมปลาแห้ง
เมนูคลายความร้อนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตามบันทึกจากจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนริทรเทวี หรือ เจ้าครอกวัดโพธิ์ โดยมีชื่อเดิมว่า ”ผัดปลาแห้งแตงอุลิด“ เมื่อครั้งมีการจัดเตรียมงานพระราชพิธีสมโภชน์ พระแก้วมรกตในปี ๒๓๕๒ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ”ปลาแห้งคลุกน้ำตาล“ ที่มักมีติดไว้ในทุกเรือนมาใช้แทน จึงเกิดเป็นเมนู ”ผัดปลาแห้งแตงอุลิด“ หรือ ”แตงโมปลาแห้ง“ ในปัจจุบัน หากอยากลิ้มลองความสดชื่นแบบไทยๆ คล้ายร้อนในแบบฉบับชาวกรุงศรี

ที่ อัญญา ออเทนติก ไทยคุยซีน มีทั้งเมนูอาหารคาวหวานและหนึ่งในเมนูของหวานก็คงจะหนีไม่พ้นไอศกรีม แต่เราจะมาเป็นไอศกรีมเหมือนกันไม่ได้ ไอศกรีมของที่นี่เรียกได้ว่าเป็นเมนูหาทานยากสุดๆ เพราะเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างเมนูของหวานตำหรับไทยกับไอศกรีมจากทางตะวันตก เกิดเป็นเมนูไอศกรีมรสชาติแบบไทยๆ

สำรองที่นั่ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร 02 121 7318
โทร 081 344 9333
Line @anyathaicuisine bit.ly/AnyaThaiCuisine_Line
รวมทุกช่องทางในการติดต่อร้านอัญญา
https://linktr.ee/anya.thaicuisine

𝐎𝐔𝐑 𝐌𝐄𝐍𝐔
MENU: bit.ly/Anya_Menu

𝐎𝐔𝐑 𝐋𝐎𝐂𝐀𝐓𝐈𝐎𝐍
Location:ร้าน อัญญา https://bit.ly/Anya_location

𝐅𝐎𝐎𝐃 𝐃𝐄𝐋𝐈𝐕𝐄𝐑𝐘
Line Man: https://wongn.ai/21ZsPE
Grab: https://bit.ly/46G3b6s
Robinhood: https://bit.ly/44HA0y5
Shopee: https://bit.ly/44CzHVX

#ร้านอาหารไทยต้นตำรับ #ร้านอาหารไทยชาววัง
#ร้านอาหารไทยโดยเชฟโรงแรม5ดาว
#ร้านอัญญา #อัญญาอาหารไทย #AnyaAuthentic
#Cuisine #ร้านอร่อยเสาชิงช้า #อาหารไทยโบราณ
#ตำนานอาหารไทย #ร้านอาหารไทยชาววังตำหรับไทย
#ของอร่อยเสาชิงช้า #ร้านอร่อยถนนบำรุงเมือง

วาร์ปร้านเด็ด The Letter Press Café & Restaurant

วาร์ปร้านเด็ด น่าลอง The Letter Press Café & Restaurant บอกเลยว่าฟีลกู๊ด
ใครที่กำลังมองหาบาร์หรือร้านนั่งชิลช่วงค่ำ ฟีลเหงา รับลมชิลๆ นั่งจิบเครื่องดื่ม หายเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแน่นอนจิบเครื่องดื่มแก้วที่ใช่ตรงบาร์ จะมาเป็นคู่ เปิดโหมดโรแมนติกกับคนพิเศษ หรือจะยกแก๊งค์มาเป็นโขยง ปล่อยจอยค่ำวันศุกร์หลังเลิกงานเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรับลมเย็นๆ ยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กับวิวธรรมชาติ 360 องศา ทอดยาวสุดสายตา และสนุกสนานไปกับวงดนตรีหลากอารมณ์ ทำให้คืนวันศุกร์ มีแต่ความสดชื่น ที่ Rooftop Bar ลับๆ บรรยากาศดีราคาประหยัด ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ

The Press Sky Bar อยู่บริเวณชั้น 5 และชั้น 6 ของ The Printing House Poshtel เป็น open bar ท่ามกลางบรรยากาศกรุงเทพเหมะกับการนัดปาร์ตี้
นั่งชิลล์ ชมวิวภูเขาทอง หรือทานข้าวมื้อเย็น เป็นหมู่คณะหรือมาแบบส่วนตัว เครื่องดื่ม หลากหลาย ทั้งไม่มีแอลกฮอล์และมีแอลกฮอล์ และอาหารหลากหลายพร้อม ดื่มด่ำบรรยากาศแบบสบายๆ และมีบาร์เสริฟเครื่องดื่มตลอด
ส่วนชั้น 6 เป็น rooftop เห็นวิวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ทิวทัศน์ 360 องศา
สามารถนำเครื่องดื่ม ไปจิบเบาๆ เคล้าบรรยากาศได้อีกด้วย ศุกร์-เสาร์ พบกันวงดูโอ มาให้ความเพลิดเพลินอย่างจุใจ เครื่องดื่มมีให้เลือกมากมายหลากหลายสัญชาติ นั่งดื่มเพลินๆ

The Printing House Poshtel – Luxury Hostel ตั้งอยู่ใจกลางกลางพระนคร ย่านถนนดินสอด้านข้างศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร มีการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ในโทนสีเทาดำมีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องอาหาร The Letter Press Café & Restaurant อยู่บริเวณล็อบบี้ เป็นมุมกาแฟสีสันสดใสต้อนรับผู้มาเยือน และห้องอาหาร The Letter Press Café & Restaurant ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเน้นสีสันสดใสในสไตล์โมเดิร์น เน้นแสงสีคอนทราส ให้ความรู้สึกอบอุ่น ห้องนี้รองรับแขกได้ประมาณ 45 คน หรือจะเป็นห้องสัมมนาได้ในบางโอกาส

ในส่วนของห้องพัก สไตล์โมเดิร์น-ลอฟท์ ใน concept โล่ง โปร่ง สะอาด เรียบง่ายแฝงความหรูหรา ทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน จุดเด่นอยู่ที่แต่ละล็อคจะมีทีวีส่วนตัว พร้อมอุปกรณ์การฟังเส่วนตัวห้องพักมีทั้งหมด 15 ห้อง 6 แบบ โดยแบ่งออกเป็น Family Suiteจำนวน 1 ห้อง, Private room จำนวน 3 ห้อง, Six Bunk Beds Ladies, Four Bunk Beds share Bathroom, Six Bunk Beds share bathroom, Eight Bunk Beds


The Press Sky Bar เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์

ตั้งแต่เวลา 18.00 – 23.00 น
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้
โทร 099-439-1331 หรือ 094-934-4848​

𝐅𝐨𝐫 𝐫𝐞𝐬𝐞𝐫𝐯𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧𝐬, 𝐩𝐥𝐞𝐚𝐬𝐞 𝐛𝐨𝐨𝐤 𝐯𝐢𝐚
+𝟔𝟔 (𝟎) 𝟗𝟗 𝟒𝟗𝟑 𝟏𝟑𝟑𝟏
+𝟔𝟔 (𝟎) 𝟗𝟒 𝟗𝟑𝟒 𝟒𝟖𝟒𝟖
𝐋𝐢𝐧𝐞 @𝐓𝐡𝐞𝐏𝐫𝐢𝐧𝐭𝐢𝐧𝐠𝐇𝐨𝐮𝐬𝐞

𝐓𝐡𝐞 𝐏𝐫𝐞𝐬𝐬 𝐒𝐤𝐲 𝐁𝐚𝐫 𝐌𝐚𝐩 https://goo.gl/maps/o197w8jyNtP3nsxo7

#ThePressSkyBar #TheLetterPress #OpenAirRooftop
#ThePrintingHouse #Poshtel #BestPoshtel #SkyBar #ChillingBar #NiceBar #EnjoywithFriend #RomanticView #ร้านอาหารบนดาดฟ้า #ดินเนอร์ #เครื่องดื่มสุดชิว #คอกเทล #ม็อคเทล #ดื่มกับเพื่อน #ดื่มกับคนรัก #คอเหล้า #บาร์นั่งชิว #toptotravel

“หินซ้อน” คลิกออฟ !!

“หินซ้อน” คลิกออฟ แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำแห่งใหม่สุดอันซีนตำบลหินซ้อน สำหรับคนรักสุขภาพและการผจญภัย

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหินซ้อนร่วมกับฝ่ายปกครอง ภาคเอกชนและชาวชุมชนหินซ้อน จังหวัดสระบุรี เปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำแห่งใหม่ เตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและการผจญภัย ภายใต้สโลแกน หินซ้อนแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรักสุขภาพและการผจญภัย a wellness adventure & ecotourism destination มีนายมนตรี ปรีดา นายอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีเป็นประธานในพิธี

โดย ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ร่วมกับฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอแก่งคอยและท่าคล้อ องค์การบริหารส่วนตำบลหินซ้อน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานีตำรวจภูธรหินซ้อน สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสระบุรี เกษตรอำเภอ ป่าไม้ นิคมสร้างตนเองพระพุทธบาท บริษัทภูมิใจไทยซีเมนต์จำกัด บ้านพักผู้สูงวัยบ้านแสงทอง เรือนแสงธรรมและหน่วยงานราชการ เอกชนหลายแห่ง สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการผจญภัย สื่อมวลชนและชาวชุมชนร่วมงานอย่างคักคัก ณ บริเวณท่าเรือตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

นายมนตรี ปรีดา นายอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดกิจกรรม กิจกรรมล่องป่าสัก ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ พายเรือคายัคและแคนนู พากันมาดูหมีเหนือ เสือใต้ Unseen แห่งใหม่ของชาวสระบุรี ที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน

ที่สำคัญที่สุดคือการได้เห็นบรรยากาศของความสามัคคีพร้อมเพียงของทุกคนในวันนี้ที่จะมาร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำแห่งใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้จังหวัดสระบุรีมีชื่อด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวทางน้ำ และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับหมู่บ้าน ชุมชนทั้งในพื้นที่ของท่าคล้อและหินซ้อน วันนี้ ถือเป็นวันคลิกออฟ ใน วันเสาร์ วันอาทิตย์ ต่อไปด้วยการกิจกรรมแบบนี้ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนที่มาช่วยกัน ซึ่งทางอำเภอได้จัดเตรียมงบประมาณเข้ามาเพื่อปรับปรุงสถานที่บริเวณนี้ ให้สมบูรณ์แบบเพิ่มขึ้น ทั้งตัวอาคาร ท่าลงน้ำ อุปกรณ์และห้องน้ำ


นอกจากนี้เมื่อกลับไป เราจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมเพื่อให้การท่องเที่ยวทางน้ำตรงนี้ได้รับการรู้จักมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพของหมู่บ้านชุมชน กิจกรรมล่องป่าสัก ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ พายเรือคายัคและแคนนู พากันมาดูหมีเหนือ เสือใต้ Unseen แห่งใหม่ของชาวสระบุรี
ด้านนายกิตินันท์ แม้นเลขา ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหินซ้อน เปิดเผยว่า ชมรมฯ นี้เป็นชมรมเล็กๆ ก่อตั้งขึ้นจากกลุ่มคนที่มีความรักในสิ่งเดียวกัน ที่ต้องการให้สถานที่แห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่ของจังหวัดสระบุรี โดยเฉพาะที่ตำบลหินซ้อนแห่งนี้ ที่ไม่ได้ปรากฏเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว ในแผนที่ท่องเที่ยวของจังหวัดมาก่อน


จริง ๆ แล้ว ตำบลหินซ้อน มี location ที่มีศักยภาพหลายด้าน เพียงแต่คนในพื้นที่ยังมองไม่เห็นเนื่องจากส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม แต่เรามองว่าศักยภาพตรงนี้ ซึ่งนอกจากหินซ้อนจะมีแม่น้ำป่าสัก ยังมีถ้ำญาณสังวร มีฟาร์มโคนมหลายแห่ง เป็นเกษตรกรที่ทํากสิกรรมอยู่ในพื้นที่ มีแหล่งอารยธรรมโบราณนับพันปี แต่ตําบลหินซ้อนยังไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่เป็นทาง
ภายใต้การสนับสนุนของภาครัฐและเอกชน ชมรมฯ จึงนำเสนอไอเดียด้านการจัดกิจกรรมในครั้งนี้กับทางภาครัฐตั้งแต่กํานัน ผู้ใหญ่บ้านทั้งตําบลหินซ้อนและข้างเคียง คือตําบลท่าคล้อรวมถึงอบต. อําเภอและจังหวัดและสมาชิกการท่องเที่ยวสระบุรีด้วย


กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นการนำร่องแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเป็นการต่อยอดแนวความคิดของทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีคนใหม่ที่ต้องการทำให้สระบุรีเป็นแซนด์บ็อกซ์ที่ลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ในจังหวัดของเรา รวมถึงจะทำให้เกิดอาชีพและรายได้จากกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่นี้ เพื่อชุมชนที่ยั่งยืนต่อไป

เอิร์ธ สายสว่าง โชว์ผลงานศิลปะสุดเริ่ด!

Earth Saisawang Professional PR ไม่เพียงแต่ทำงานเก่ง เป็นที่ปรึกษาดูแลและภารกิจ มากมาย แต่ใครจะรู้บ้างว่า ในอีกมุมหนึ่งของ คุณเอิร์ธ สายสว่าง ท่ามกลางความรู้สึกวิตกกังวลกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต ศิลปะ คือหนึ่งเครื่องมือสำคัญ
ที่สามารถช่วยเยียวยาจิตใจให้รู้ สึกผ่อนคลายได้ งานศิลปะ กับคิดสร้างสรรค์เพื่อแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกออกมาผ่านผลงานศิลปะด้วยอาชีพเละหน้าที่การงานทำให้ และงานสังคมข้างนอก การใช้เวลาว่างในวันหยุดใช้เวลาว่างในวันหยุด ทำสิ่งที่พี่ชอบและทำอยู่บ่อยครั้งตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องของการวาดรูป ที่ชอบ เพราะ เอิร์ธ สายสว่าง เป็นคนที่รักงานศิลปะ เป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว

นอกเหนือจากการทำงานที่ปรึกษาเวลาว่างของ เอิร์ธ สายสว่าง จะไปวาดรูป บางครั้งก็ไปเรียนวาดรูปเพิ่มเติมที่สตูดิโอ ของอาจารย์ มานิตย์ นิเวน์ศิลป์ ที่ ซ.จวัญสนิทวงค์ 69 หรือไปเป็นทำกิจกรรมหมู่คณะตามโลเกชันต่างๆ ช่วยในเรื่องของการผ่อนคลาย เพราะภาพถ่ายเนี่ยมันจะไม่เท่ากับที่เราเห็นของจริง แต่หากว่าวาดรูปแล้วใส่อารมณ์ความรู้สึกนั้นลงไปในรูปเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นรูปภาพนั้นทุกครั้งเวลาที่มองรูปที่วาดลงไป จะทำให้นึกถึงเหตุการณ์หรือสถานที่นั้นๆ ที่เคยไปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ทุกครั้งที่ดูรูปจะทำให้นึกถึงบรรยากาศและกลุ่มเพื่อนๆที่ให้ไปทำกิจกรรมในแต่ละครั้งร่วมกัน การวาดหรือเขียนภาพมันได้อะไรมากกว่าการถ่ายภาพ ถือเป็นความประทับใจคนละแบบ ลองนึกดูว่าหากเรายื่นภาพถ่ายกับภาพเขียนให้กับเพื่อน คิดว่าเค้าจะประทับใจกับภาพแบบไหนมากกว่า ภาพถ่ายมันได้มาง่ายๆแต่ภาพวาดมันทำให้ใด้ความรู้สึกมากจริง ๆ และถือว่าเป็นตัวแทนของเราที่เราตั้งใจที่จะมอบให้เพื่อนๆ และผู้ใหญ่ที่นับถือในโอกาสต่างๆ การมอบภาพวาดกับใครสักคนแทนความรู้สึกดีๆ ที่อยากมอบให้ อย่างน้อยๆ ก็จะได้นึกถึงคนวาดเวลาที่ได้เห็นภาพนั้นๆ

“ภาพวาดส่วนใหญ่ จะเนันสไตล์ธรรมชาติแบบแลนด์สเคปและวัดวาอาราม โดยไม่เน้นความสวยงามแบบเหมือนจริง แต่จัดองค์ประกอบเองโดยที่ของเก่ายังคงอยู่ ไม่ค่อยซอบวาดงานละเอียดอย่างพวก “ลายกนก” หรือภาพคนเหมือน ไม่ขอบภาพนัดด้วย ส่วนการมอบภาพเขียนให้บุคคลถือเอาลักษณะอุปนิสัยใจคอของคนที่จะมอบให้ในโอกาสต่างๆ ชอบภาพเขียนสไตล์นี้หรือเปล่า บางท่านที่มอบให้ มีคอลเลกชั่นของเรากว่า 5 รูป กลายเป็นของสะสมไปเลย มอบให้ตามรสนิยมของผู้รับ ภาพส่วนใหญ่จะใช้สีน้ำมาโดยตลอด ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนเพราะการวาดสีน้ำมีเทนิคมากมายตามที่ท่านอาจารย์สอน เวลาที่มองออกไปไกล ๆ
ดูเป็นเหมือนภาพ 3 มิติ ดูลึกเข้าไป มีจินตนาการที่กว้างไกลกว่ามองใกล้ ๆ การวาดสีน้ำทำให้รูปทนทานต้องใช้กระดาษ และสีที่มีคุณภาพ ซึ่งราคาอาจจะแพงกว่า แต่คุณภาพดีและสามารถเก็บไว้ได้นานกว่ากระดาษหรือสีธรรมดา คนวาดรูปหรือผู้ที่มีจิตใจเป็นศิลปินทำให้มองโลกสวยงาม ถือเป็นการพักผ่อนและ ศิลปะบำบัดทุกแนวทางช่วยให้ผู้รับการบำบัดได้สำรวจภายในจิตใจของตนเอง เปิดเผยตัวตนและสื่อสารผ่านงานศิลปะอย่างเป็นอิสระ กระบวนการบำบัดช่วยให้ความเครียด ความเศร้า หรือความเจ็บปวด

เอิร์ธ สายสว่าง

การวาดรูปเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง มองโลกในแง่ดีขึ้นทำให้เกิดความสุขทำให้สุขภาพจิตสดใสไปสู่สุขภาพกายที่แข็งแรง คือได้ปล่อยอารมณ์ของเราที่จะถ่ายทอดออกมา เหมือนกับที่เค้าเรียกว่าอารมณ์ศิสปินเวลาคนที่จิตใจสงบ มีสมาธิ ช่วยระบายคลายเครียด เทนที่จะโมโหนเฉียวก็จะทำให้ผ่อนคลายลงได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

ปักหมุด! ร้านกินรี สุขุมวิท 8 อร่อยยกนิ้ว


มื้อเที่ยงวันนี้ Toptotravel อยู่ที่ ร้านอาหารไทยชื่อดัง ‘กินรี’ ย่านสุขุมวิท ภายในตกแต่งสวยงาม นั่งสบาย บรรยากาศดี ทางร้านมีเมนูความอร่อยให้เลือกหลากหลายรสชาติไทยแรงบันดาลใจเกิดจากความชำนาญ สู่ร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวไทยชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มยุโรป และ เอเชีย ร้านอาหารไทยต้นตำรับบรรยากาศดีที่มีเมนูอาหารอร่อยถูกปากแน่นอน

กินรี เปิดมาสิบเจ็ดปี เมื่อตั้งชื่อร้านกินรี มีเรื่องเล่าที่อยู่ภายใต้ชื่อ กินรี เป็นสัตว์ในวรรณคดีที่มีรูปร่างครึ่งนก ครึ่งผู้หญิง อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ กินรี คนไทยส่วนมากรู้จักกินรีจากนิทาน ชาดก และวรรณคดีเรื่องราวเป็น Love Story ของคนไทย เป็นเรื่องความรักระหว่างเจ้าชายกับกินรี โดยทางร้านตกแต่งร้านให้มีดอกไม้ ใบไม้ ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการออบแบบตกแต่งในเมนูอาหารด้วย ปรับความคิดว่า อาหารธรรมดาของไทย เป็นอาหารที่ชาวต่างชาติ ว้าว!!! หนึ่งในเมนูอาหารที่เมื่อมาเมืองไทยต้องมากิน ร้านนี้จึงเสิร์ฟอาหารไทยเอาใจชาวไทยและต่างชาติ นอกจากอาหารไทยมีรสชาติอร่อยแล้ว​ ที่ร้านยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ​ อีกหลากหลายมุมภายในและบริเวณภายนอก รวมไปถึงมีโซนนั่งชิลจิบ Cocktail อีกด้วย

วนัสนันท์ กนกพัฒนางกูร Vanessa WU ผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรมและที่ปรึกษา ด้านร้านอาหารไทยในต่างประเทศ Kinnaree Gourmet Thai Co,Ltd ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ Kinnaree Gourmet Thai Co,Ltd ( Kin Academy)

เชฟหน่อย เจ้าของร้าน ผู้สรรค์สร้างรสชาติอาหารไทยที่ถูกลิ้นชาวต่างชาติ
สู่การต่อยอดและสร้างอาหารไทยให้แข็งแรงด้วยการศึกษาไกลถึงต่างประเทศ ชวนเปิดประสบการณ์อาหารไทยร่วมสมัยใน Kinnaree สุขุมวิท 8 รังสรรค์เมนูไทยรสชาติต้นตำรับ เพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ในทุกจาน

เพียงเพราะว่า…เชฟอยากให้คนไทย ทานอาหารไทยแท้ที่มีคุณภาพ เสิร์ฟความอร่อยแบบจานต่อจานจากเชฟมากประสบการณ์รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร

วนัสนันท์ กนกพัฒนางกูร (เชฟหน่อย) เจ้าของร้าน
ค้างคาวเผือก

วันนี้ เชฟหน่อยนำเสนออาหาร โดยเริ่มต้นจานแรกอยากให้ทานก่อน เป็นอาหารจานทอด “ค้างคาวเผือก” ชื่อแปลกเป็นอาหารโบราณ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า เชฟแกะจากสูตรโบราณ แล้วนำมาลองทําเป็นอาหารร่วมสมัย ใช้ข้าวเม่ากรอบเพื่อที่ทานควบคู่ไปด้วย นำดอกไม้ตกแต่งสวยงาม (ดอกไม้สามารถทานได้หมด) ทางร้านมีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายเมนูยอดนิยมทั่วประเทศไทย วันนี้ขอแนะนำเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดต่อไปนี้

ยำส้มโอ
ต่อมาเป็น “ยําส้มโอ” เชฟหน่อย เล่าต่อว่า “ใช้ผลไม้ไทยเสริฟ แล้วทําให้เกิดยำแดง คือ สีของน้ำยำ มีส่วนผสมจากน้ำพริกเผาเป็นส่วนช่วยทำให้ออกเป็นสีแดง และเพิ่มความน่าทานด้วยกลิ่นหอมของมะพร้าวคั่วและกลิ่นหอมของน้ำมันน้ำพริกเผา รสชาติของเชฟหน่อยมเปรี้ยวของส้มโอท็อปอัพด้วยหอมเจียว ซึ่งเมนูนี้ใช้เวลานานมากในการเจียวหัวหอม ใช้ฝีมือในการยํา รสชาติไม่เผ็ด เน้นความหอมและความเปรี้ยว เหมาะมากสําหรับทานในหน้าร้อน ซึ่งในเมืองไทยคนต่างชาติชอบมาก เพราะมาถึงร้านกินนรี มาเมืองไทยต้องทานผลไม้ไทย เป็นที่มาของเมนูยำไทย

ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนลำไย
ถัดมาอีกหนึ่งเมนู ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนใส่ลำไย นำความหวานจากลําไย ปกติทานลำใยเป็นผลไม้ หรือขนมหวานข้าวเหนียวเปียกลำไย เชฟนำลำไยใช้ความหวาน เป็นส่วนประกอบอาหารในต้มแซ่บ
ทำให้ความเปรี้ยวเค็มของต้มแซ่บให้เกิดความละมุน พอเราเคี้ยวลําไยไปจะทําให้รู้สึกว่าไม่เผ็ดและกลมกล่อม

เมี่ยงคำ
เสริฟมาในภาชนะที่ต่างชาติเห็นแล้ว ว้าว! อีกเช่นกัน เป็นตัวชูโรงให้อาหารไทยเลยทีเดียว เพราะว่าสมุนไพรไทย ในจานนี้ มีขิง มีพริก มีมะนาวหั่น มีหอมแดง มีมะพร้าว ซึ่งเป็นมะพร้าวซอยและอบทางร้านไม่ใช้กุ้งแห้ง เพราะฝรั่งทานกุ้งแห้งแล้วจะรู้สึกว่าแข็งและมีกลิ่นคาวมากกว่ากุ้งธรรมดา มีไก่ และถั่ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้ำซอสมีความกลมกล่อม หอม เครื่องปรุงรสกลมกล่อม ทานกับใบชะพลู วิธีการห่อแบบคนไทยสมัยโปราณ ทำให้ลูกค้าต่างชาติเห็นว่า คนไทยสมัยโบราณทานอาหารด้วยมือ เพราะฉะนั้น การทานเมื่องคำห่อ เมื่อทานกัดเข้าไปข้างใน ลูกค้าจะชอบเมนูนี้มาก เพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทานอาหารแบบนี้

ลาบเป็ดส้มกินรี
ด้วยความที่เราใช้ผลไม้หลากหลาย เมนูนี้ใช้ส้ม รวมกับความเผ็ดจัดจ้านของลาบ ซึ่งส้มกับเป็ดมันคู่กัน เมื่อทานคู่กันและน้ำลาบแบบอีสาน สิ่งที่เป็นเสน่ห์คือ ของจานนี้ คือ หอมแดงเวลากินลาบแล้วกัดหอมแดงเข้าไปจะรู้สึกเข้ากัน และรู้สึกว่าลงตัวด้วยความสดชื่นของหอมแดง และหมี่กรอบ

ห่อหมกทะเล
เมนูที่มีผลไม้เป็นส่วนประกอบอีกแล้ว มะพร้าว ขูดเอาเนื้อมะพร้าวอ่อนลงมาผัดกับพริกแกงแดง เมนูนี้ว้าวเช่นกัน เวลาทานได้ความหอม ความมันของตัวมะพร้าว บวกกับตัวกะทิและพริกแกงแดง เชฟปรุงแต่งด้วยความสดของเครื่องปรุงรสมีส่วนผสมของซีฟู้ดรวมไปด้วย

ปลาย่างทักษิณา
ถัดมาจึงเป็น ปลาย่างทักษิณา คลุกซอสให้มีรสชาติเค็ม หอม ทักษิณาใช้สะตอผัดกับเนื้อหมู ใช้พริกเหลืองเพื่อให้เกิดความหอม สีสวย สองอย่างนี้ดูไม่เข้ากันนะแต่นำมาทานด้วยกันอร่อยมาก

ข้าวผัดปลาร้า
เชฟใช้สูตรเด็ด น้ำปลาร้าที่มาจากปลาช่อน และยังมีปลาช่อน ปลากะดี่ ที่เชฟทำเป็นกากปลาร้า เพื่อที่จะทำเป็นท็อปอัพและโรยด้านบนของข้างผัด วิธีการคล้ายกับข้าวคลุกกะปิมีหอมแดง พริก ความเปรี้ยวจากมะม่วง คลุกเคล้าเกิดความหอมและความลงตัวที่เกิดจากปลาร้า โดยปกติกินปลาร้าจากส้มตำและเป็นอาหารจานเย็น แต่วันนี้เราทำเป็นอาหารจานร้อน ทำเป็นน้ำแล้วนำมาคลุกเคล้าเป็นเมนูข้าวผัด ข้าวผัดผ่านความร้อนเป็นข้าวผัดปลาร้าบวกกับความลงตัวของ Herb มะม่วงและพริกให้ความลงตัวทานแล้วละมุนปากอยากให้ทานเป็นจานสุดท้าย ให้ความรู้สึกว่าจบ แปลว่าอิ่มสบายท้อง ความทรงจำในรสชาติทั้งหมดจะโหยมาอยู่ในคำสุดท้าย อร่อยคุ้นปากทุกเมนูจริงๆ

สำหรับเมนูขนมหวาน
ข้าวเหนียวมะม่วงและไอติมน้ำตาลโตนด
ปิดท้ายความอร่อยมื้อนี้ด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง จบด้วยไอศกรีมน้ำตาลโตนด โดยได้มาจากหนังสารคดีที่เชฟไปถ่ายทำ ไปเจอคนทำน้ำตาลโตนดรสชาติหวานไทย หวานละมุน

ร้านกินรี สุขุมวิท 8 Kinnaree Sukhumvit 8
เลขที่ 43 ซอย สุขุมวิทซอย 8 ( 250 เมตร)
เปิดบริการ ทุกวันตั้งแต่เวลา 12:00-15:00 | 18:00-24:00
โทร. 094 229 8998
เดินทางรถไฟฟ้า BTS สถานี นานา ซอย 4
Our team pleasured for your visit
Transportation BTS NANA (Exit 4)
https://maps.app.goo.gl/EZWPG6EoqL2JWEsz7?g_st=ic

#kinnaree #kinnareesukhumvit8 #sukhumvit8 #sukhumvit #thairestaurant #authenticthaifood #contemporaryfood #thaifood #toptotravel

เพลินเพลงสุนทราภรณ์ กับ ม.น.ข. เพื่อสนับสนุนการศึกษาเฉพาะกิจ

คอนเสิร์ตการกุศล “การให้ที่ยิ่งใหญ่”

อาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (ม.น.ข.) นางอติพร สุนทรสนาน เสนะวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทายาทของครูเอื้อ สุนทรสนาน เจ้าของวงดนตรี
สุนทราภรณ์และโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ นายกสยามสมาคม  ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ กรรมการบริหาร ม.น.ข.,สยามสมาคม  ในพระบรมราชูปถัมภ์ และที่ปรึกษามูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และดร.วีระชัย ณ นคร ร่วมกันแถลงข่าวการจัดคอนเสิร์ตการกุศลแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ “เพลินเพลงสุนทราภรณ์ กับ ม.น.ข. เพื่อสนับสนุนการศึกษาเฉพาะกิจ” ครั้งที่ 1 (2567) ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน 2567 เวลา  18.00  – 21.00 น. ณ หอประชุมสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ 131  ถนนอโศกมนตรี  แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา  กรุงเทพมหานคร

อาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์

ภายในงานแถลงข่าว มีโชว์การขับร้องเพลงสุนทราภรณ์ จากธัช-กิตติธัช แก้วอุทัย หรือ ธัช แชมป์เพลงเอก  พรศุลี วิชเวช การเวกเสียงใสสุนทราภรณ์  แจ๊บ-ณฤพล ผิวอ่อน และ มุก – มุกอันดา ใจยงค์ คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์

ทั้งนี้อาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ม.น.ข. เผยว่า  ม.น.ข. ดำเนินงานมาแล้วกว่า 60 ปี มีผลงานการมอบทุนการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคแบบ 100% เต็มให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา อย่างต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาแล้วกว่า 20,000 คน เด็กทุกคนที่เกิดมาแม้จะมีความแตกต่างกันทางด้านครอบครัว ถิ่นกำเนิด ภาษา วัฒนธรรม และสถานะทางสังคม แต่สิ่งที่ทุกคนควรจะมีเหมือนกันคือ โอกาส และความเท่าเทียมกันทางการศึกษา 

นายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์

ดังนั้น มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (ม.น.ข.)  มูลนิธิ
สุนทราภรณ์ฯ ซึ่งมีปณิธานในการส่งเสริม และอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทยทางด้านดนตรี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการศึกษามาโดยตลอด และสยามสมาคมฯ สมาคมระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่มีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม จึงผนึกกำลังเพื่อจัดคอนเสิร์ตการกุศลแห่ง “การให้ที่ยิ่งใหญ่” ภายใต้ชื่อ “เพลินเพลงสุนทราภรณ์ กับ ม.น.ข.เพื่อสนับสนุนการศึกษาเฉพาะกิจ”  ครั้งที่ 1  (2567)  

ดร.วีระชัย ณ นคร

ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้  เพื่อจัดหาทุนการศึกษาและจัดสรรทุนให้ครอบคลุมรวมถึงการศึกษาเฉพาะกิจ  และเพื่อประชาสัมพันธ์พันธกิจของ ม.น.ข. ให้องค์กร  หน่วยงาน  และบุคคลทั่วไป  ได้รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางให้แก่ผู้มีจิตศรัทธามีส่วนร่วม “เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่” ในการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศชาติสืบไป การจัดคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ และท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน มาเป็นประธานกิตติมศักดิ์  โดยมี ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ศาสตราจารย์พิเศษประสิทธิ์ โฆวิไลกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวณิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ มาร่วมในงานนี้ด้วย 

ภายในงานจะได้พบกับ 2 ศิลปินรับเชิญ ธัช-กิตติธัช แก้วอุทัย หรือ ธัช แชมป์เพลงเอก เนื้อเสียงเสกได้ทุกอารมณ์  อลิศ-ธนัชศลักษ์ ฮัดสัน หรือ น้องอลิศ สาวสวยวัยใส ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เพชรเม็ดงามแห่งวงการเพลงลูกกรุง และนักร้องกิตติมศักดิ์อีก 9  ท่าน  คือ อาจารย์สุรวัฒน์  ชมภูพงษ์  ประธานกรรมการ บริหาร  ม.น.ข.  คุณวิสูตร  กาญจนปัญญาพงศ์  กรรมการ ม.น.ข. สยามสมาคมฯ และที่ปรึกษามูลนิธิสุนทราภรณ์ฯ คุณอมร  กีรตินารัง ประธานบริษัท เฟมีน่า เลซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ศาสตราจารย์ ทัชมัย  ฤกษะสุต  คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ  คุณบุญเกียรติ  โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  ดร.ภัทรินทร์  ลือกาญจนวนิช  รองประธานกรรมการบริหารนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร คุณปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา  นายกสมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน คุณศรีล สุขุม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบุญรอด บริวเวอรี จำกัด คุณวิรัช  ศรีพงษ์ คลื่นลูกใหม่รุ่นแรกของสุนทราภรณ์ 

บัตรชมคอนเสิร์ต ไม่มีจำหน่ายหน้างาน ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อซื้อล่วงหน้าได้ที่ สำนักงานมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปภัมภ์ (ม.น.ข.) ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศูนย์ดิจิทัลเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขที่  928  ถนนสุขุมวิท  แขวงพระโขนง  เขตคลองเตย  กรุงเทพมหานคร 10110 โทร.02-391-3796 ,  02-391-2324 และ สามารถรับชมออนไลน์“ฟรี”
ผ่านระบบ facebook live ได้ที่เพจ facebook ม.น.ข.

รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้มอบให้แก่ ม.น.ข. ซึ่งจะนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษา เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษา และเป็นอนาคตที่มั่นคงของประเทศ 

สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคทุนการศึกษา สามารถร่วมบริจาคได้ที่
บัญชีมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 
 ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เลขที่บัญชี 186-2-30147-8

เพลินเพลงสุนทราภรณ์ กับ ม.น.ข. เพื่อสนับสนุนการศึกษาเฉพาะกิจ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2567  เวลา 14.00 น.
ณ หอประชุมสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
131 ถ.อโศกมนตรี คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

มท.ชวนเที่ยวงาน OTOP MIDYEAR 2024 หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 67 เวลา 11.00 น. ที่ลาน Eden ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP MIDYEAR 2024 “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” โดยนายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมแถลงข่าว โอกาสนี้ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางอรจิรา ศิริมงคล อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน คุณภาวินี ไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสมชัย อัศวชัยโสภณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย นพขำ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน สื่อมวลชน และภาคีเครือข่าย ร่วมในงาน

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า งานในวันนี้เป็นงานที่รัฐบาลชุดต่าง ๆ ให้ความสำคัญและจัดขึ้นมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยรัฐบาลในปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนนโยบายในการ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน มีหน้าที่ในการพัฒนาคน ส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยทั้งชาติได้มีอาชีพ และพัฒนาศักยภาพเพื่อไปหนุนเสริมสินค้าโอทอป”เราจัดงานมหกรรม OTOP ระดับชาติปีละ 3 ครั้ง คือ OTOP CITY, OTOP MIDYEAR และ OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย และการจัด OTOP ระดับภูมิภาคอีก 4 ครั้ง ครอบคลุมทุกภาค

โดยในปีนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลกรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบนโยบายให้ปีนี้มีการจัดงาน OTOP ระดับกลุ่มจังหวัดตามกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่ม และจะแบ่งสัดส่วนสินค้าในงาน ได้แก่ OTOP 70% และผลิตภัณฑ์จากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 30% เพื่อจะหนุนเสริมให้บทบาทกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในการนำเสนอสิ่งที่ดีต่อสาธารณะ รวมทั้งเสริมเรื่อง Soft Power การพัฒนาอาชีพบุคคล โดยในปีนี้ เราจะจัดประชุมพัฒนากรประจำตำบล เพื่อพัฒนาคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 70 ปีของการก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชนควบคู่การหนุนเสริมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้วย” นายเกรียง กล่าวเพิ่มเติม

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดงาน OTOP MIDYEAR 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 16 มิถุนายน 2567 ภายใต้แนวคิด “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” โดยมีพื้นที่จัดงานมากกว่า 60,000 ตารางเมตร ครอบคลุมชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567

“การจัดงาน OTOP ครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสดังกล่าว โดยโซนแรก โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สะท้อนพระมหากรุณาธิคุณ โครงการพระราชดำริต่าง ๆ แนวคิดการพัฒนาประเทศ และความรู้สึกคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โซนที่ 2 โซนหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี และอีกหลายหน่วยงาน มาจัดแสดงและจำหน่าย โซนที่ 3 OTOP Trader จับคู่ธุรกิจ โซนที่ 4 จำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP มากกว่า 2,000 ร้านค้า ทั้งผ้าไทย เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักสาน อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ โซนที่ 5 OTOP ชวนชิม มากกว่า 160 ร้านค้า ทั้งประเภทอาหารและเครื่องดื่ม

โดยจะเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้เที่ยวชมงานเพื่อจะได้มีที่นั่งรับประทานอาหารเพิ่มเติม นอกจากนี้ โซนศิลปิน OTOP เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาและอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาให้สัมผัส โดยชูภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเป็นแกนกลางของการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนมาให้ทุกคนที่มางานได้แสวงหาความรู้ผ่านการสาธิตต่าง ๆ ควบคู่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงโซนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี แบ่งเป็น 4 ภาค ภาคเหนือ Wellness ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การทอผ้าการผลิตตัดเย็บผ้า ภูมิปัญญาท้องถิ่นวิถีทอผ้า ภาคกลาง หมู่บ้านขนมหวาน ที่ดึงภูมิปัญญาขนมในแต่ละจังหวัด จนกลายเป็นขนมไทย ภาคใต้ เน้นงาน craft เครื่องถมเงิน ถมทอง และโซน First Lady นวัตกรรมสินค้าต่าง ๆ โดยผู้เลือกซื้อสินค้าจะได้ร่วมชิงโชค และพบกับสินค้านาทีทอง และในงานมีการแสดงบนเวทีซึ่งมีศิลปินหลากหลาย ศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาแสดงบนเวทีตลอดการจัดงาน” นายสยาม กล่าวเพิ่มเติม

นายสยาม กล่าวเน้นย้ำว่า โซนไฮไลท์ของการจัดงานครั้งนี้ คือ “โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งเป็นการนำเสนอผลงานแห่งการน้อมนำพระกรุณาคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยทรงต่อยอดด้วยพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น เพื่อทำให้ผ้าไทยใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเวลา ทั้งลวดลายผ้า รูปแบบ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลทำให้เกิดรายได้จากพระกรุณาคุณที่พระราชทานพระดำรินับเป็นเวลา 3 ปีกว่า ผู้ประกอบการมีรายได้รวมทั้งประเทศมากกว่า 70,000 ล้านบาท

ซึ่งในปีนี้จะมีผ้าลายสิริวชิราภรณ์ และลายพระราชทานอื่น ๆ ตลอดจนผลงานที่ได้รับการพัฒนาฝีไม้ลายมือมาให้เลือกซื้อเลือกหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อพวกเราเลือกซื้อเลือกหาผ้าไทย แน่นอนว่าความภาคภูมิใจประการหนึ่ง คือ เม็ดเงินก็จะหมุนเวียนอยู่ในครอบครัวพี่น้องประชาชนเกษตรกรและผู้ประกอบการคนไทยด้วยกัน ไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ และประการที่สำคัญ ในปีนี้เรานำเสนอผลิตภัณฑ์อันเนื่องจากพระดำริ Sustainable Fashion หรือแฟชั่นแห่งความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนของประเทศต่าง ๆ บนโลกนี้ และงานในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของโลกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้นำผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาจัดจำหน่าย

นายสยาม กล่าวในช่วงท้ายว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้กรมการพัฒนาชุมชน พัฒนากระบวนงาน OTOP ให้ประชาชนได้เลือกซื้อเลือกหาสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ควบคู่กับการทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาศักยภาพตนเองเพื่อให้สินค้ามีมาตรฐานในระดับสูงขึ้น

ดังนั้น การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP มาจำหน่ายในงานครั้งนี้ เราจะเข้มงวดการคัดเลือกสินค้าตั้งแต่ 3 – 5 ดาว เพื่อให้พี่น้องคนไทยได้รับประสบการณ์ที่ดี เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในลักษณะเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน คือ 1) คนที่มาเที่ยวจะได้ชม ได้เห็นผลิตภัณฑ์และซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรการสูงยิ่งขึ้น และ 2) พี่น้องชาว OTOP ก็จะต้องปรับตัวในการพัฒนาฝีไม้ลายมือและผลงานให้มีมาตรฐานสินค้าเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ ผู้บริโภคได้สินค้าที่ดีมีมาตรฐาน ผู้ประกอบการได้รับการพัฒนา

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน และแฟนคลับ OTOP เที่ยวงาน OTOP MIDYEAR 2024 “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” ระหว่างวันที่ 8 – 16 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ชม ช็อป ชิม แช๊ะ แชร์ การจัดงานแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย ร่วมอุดหนุนสินค้าไทย เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไทย ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคนไทยไปด้วยกัน”

ด้าน นางสาวณัฏฐ์ณรัณกร แตงเอี่ยม ตัวแทน Excellent Creft by อุไรเบญจรงค์ จากโซนศิลปิน OTOP กล่าวว่า  ผลงานที่นำมาโชว์ผลิตภัณฑ์ครั้งนี้คือองค์พระพิคเณศวร ปางประทานพร ทรงเครื่องจักรพรรดิ เป็นการหล่อองค์พระพิคเณศขึ้นมาใหม่ ใหญ่ที่สุดที่ทำมาจากเซรามิค โดยเป็นการนำน้ำทองวาดลวดลายเป็นลายเบญจรงค์ และวาดลงบนความนูนของลายทรงจักรพรรดิ ทรงเครื่อง ด้วยน้ำทองคำแท้ และลงสีองค์ด้วยสีแดงและตกแต่งด้วยยลายดอกไม้หลากสีจักรี ทรงเครื่อง ปางเสวยสุขประทานพร ใช้เวลา 1 ปี ในการปั้นและการทำลวดลายน้ำทองคำ มีขนาดกว้าง 16 นิ้ว สูง 29 นิ้ว ซึ่งจัดแสดงในโซนศิลปิน OTOP และเป็นการเปิดตัวเบญจรงค์ลายกางเกงช้าง เบญจรงค์ GEN ใหม่ ซึ่งลวดลายบนเครื่องเบญจรงค์นี้ สามารถนำศิลปะที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดมาวาดลงบนจาน ซึ่งมีหลายขนาด สามารถรังสรรค์งานในสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ โดยในงานจะมีการรับออกแบบเทรนด์กางเกงช้างประจำจังหวัดใส่บนภาชนะที่ต้องการได้  ได้รับการให้โอกาสแสดงงานโดย คุณริตยา รอดนิ่ม ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น กรมการพัฒนาชุมชนเป็นครั้งแรกที่นำมาจัดแสดง”

OTOP MIDYEAR 2024 หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย
8 – 16 มิ.ย. 67 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

โอเอซิสสปา สปาอัตลักษณ์ล้านนา เชียงใหม่

Toptotravel อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถได้ตลอดปี มีทั้งทุ่งดอกไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติของน้ำตกและภูเขา จุดเช็กอินที่ทั้งสวย และเงียบสงบสำหรับคนชอบเที่ยว วันนี้เดินเล่นย่านเมือง เก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมมายาวนานกว่า 700 ปี เดินเล่นจากภายในคูเมือง สามารถเดินไปสถานที่สำคัญ ของ จ.เชียงใหม่ได้มากมาย ใครที่ชอบไปเชียงใหม่คงต้องเคยไหว้พระ ที่วัดพระสิงห์สักหนึ่งครั้งที่ได้ไปเยือนเมืองนี้  

บริเวณข้างๆ วัดพระสิงห์ สังเกตุเห็นสปาอัตลักษณ์ล้านนาไทย พร้อมด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่จนดูเขียวขจี แต่ด้านในเปี่ยมเสน่ห์ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานการตกแต่งแบบล้านนา

Oasis Lanna Spa สปาที่มีการผสมผสานสไตล์การตกแต่งแบบล้านนา ภายใต้แนวคิด สปาอัตลักษณ์ล้านนา วิลล่าส่วนตัว ใกล้วัดพระสิงห์ และถนนคนเดิน
ทุกวันอาทิตย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ในบรรยากาศแห่งความเขียวขจี โอเอซิส สปา สปาคุณภาพดีอีกหนึ่งแห่งของเชียงใหม่ แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของ โอเอซิส สปา บริการทรีตเมนต์ให้เลือกมากกว่า 40 รายการ ด้วยการผสมผสานศาสตร์แห่งการบำบัดแบบโบราณเข้ากับเทคนิคการนวดน้ำมันอโรมาอุ่น ทรีตเมนต์กระตุ้นให้ร่างกายของคุณปลดปล่อยการไหลเวียนของร่างกาย ในวันพักผ่อนที่ต้องการผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยของร่างกาย

Thai Tea Latte Body Scrub

เปิดประสบการณ์การทำสปาแบบสุดพรีเมียมไปกัสปาใจกลางเมืองที่มีบรรยากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โปรแกรมที่น่าลองแนะนำ เน้น
การใช้นิ้วมือ ฝ่ามือ และข้อศอก โดยมุ่งลดความตึงเครียดบริเวณสะบัก คอ ไหล่ ต้นคอ และหลังส่วนล่าง จึงเป็นการปรนนิบัติที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ปวดตึงจากการทำงาน

Oasis Spa ร่วมมือกับ Café de Oasis ส่งต่อเอกลักษณ์มหัศจรรย์ของชาไทย เครื่องดื่มสุดฮิต ที่เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว ด้วยประสบการณ์การสครับผิวที่ไม่เหมือนใคร เพียงเลือกการนวด 2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น King of Oasis หรือ Queen of Oasis รับฟรีทันที 60 นาทีโปรแกรมขัดผิว Thai Tea Latte Body Scrub โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผิวหอม และนุ่มชุ่มชื่นขั้นสุด

โปรแกรม การปรนนิบัติผิวกายด้วยบริการขัดผิวอย่างอ่อนโยน ขณะขัดผิวผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจากชาไทย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว พร้อมเผยผิวสวย เรียบ เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ด้วยการขัดผิว ชาไทย ลาเต้ เป็นกาารให้อาหารผิวแบบล้ำลึกจากวิตามินอี หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของชาดำที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวแข็งแรง ผสานกับน้ำมันจมูกข้าว และน้ำมันดอกไม้นานาพรรณ เช่น ดอกคามิเลีย ดอกทานตะวันและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวช่วยฟื้นฟูเร่งด่วนให้ผิวอ่อนล้าหลังออกแดดมีชีวิตชีวาขึ้นทันที

หลังจากทำทรีตเมนท์เรียบร้อยแล้ว  รับฟรี Thai Tea Latte จาก Cafe De Oasis @Chiang Mai ลิ้มรสชาติชาไทยแท้ ให้รอบกายกรุ่นหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นชาไทยที่เป็นเอกลักษณ์ไปทั้งวัน (ขัดผิวชาไทยลาเต้ เพียงทำสปา 2 ชั่วโมง)

โปรแกรมขัดผิว Thai Tea Latte Body Scrub
Thai Tea Latte จาก Cafe De Oasis @Chiang Mai

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ KIN ในคอนเซ็ปต์ A touch of nature in every drop ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ทีเน้นความเป็นธรรมชาติ
ของสมุนไพรไทยและผลไม้สดเป็นหลัก

แบรนด์ KIN ในคอนเซ็ปต์ A touch of nature in every drop

ขอขอบคุณ คุณเอิร์ธ สายสว่าง
แนะนำใช้บริการที่ เดอะโอเอซิสสปา ล้านนา วัดพระสิงห์ เชียงใหม่

สัมผัสประสบการณ์ทรีตเมนต์สปาที่สวยงาม มีความเป็นไทยทั้งบรรยากาศ ธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่ Oasis Lanna Spa เชียงใหม่
ติดต่อสอบถาม: 053-920111
เพจ: https://www.facebook.com/Oasisspapage
ไลน์ : @oasisspa

พิกัด: โอเอซิส สปา สาขาใกล้วัดพระสิงห์ https://goo.gl/maps/Cy2KP7yHJp8qRvZPA