Category Archives: Lifestyle

Austrian Lifestyle Week 2024

Austrian Lifestyle Week 2024 สัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความยั่งยืนของออสเตรีย กิจกรรมตลอดทั้งสัปดาห์ที่จะชูความโดดเด่นทางด้านอาหาร ไวน์ และแฟชั่นของออสเตรีย พร้อมฉลองครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ออสเตรีย

กรุงเทพฯ 21 มีนาคม 2567 – สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย กรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย (Austrian National Tourist Office) และสถานเอกอัครราชทูตออสเตรียแผนกพาณิชย์ (Advantage Austria) จัดงาน ‘Austrian Lifestyle Week 2024’ โดยมี 3 ธีมที่เป็นไฮไลท์สำคัญ (ศาสตร์การทำอาหาร ไวน์ แฟชั่น) เพื่อเน้นย้ำถึงความมีชีวิตชีวาของออสเตรีย และวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 18-24 มีนาคม 2567 มีการจัดงานต่าง ๆ มากมาย เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบความสัมพันธ์ของประเทศไทยและออสเตรีย รวมถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ 155 ปีระหว่างทั้งสองประเทศ และ 70 ปีของภารกิจประจำถิ่นในกรุงเทพฯ และเวียนนา ตามลำดับ

ไฮไลท์ของงาน Austrian Lifestyle Week 2024 ได้แก่ การแข่งขันทำอาหารกระชับมิตร (20 มีนาคม) ระหว่างเชฟชาวออสเตรีย Max Stiegl และเชฟชาวไทย มาโนช พึ่งพร้อม กิจกรรมชิมไวน์สุดพิเศษ (21 มีนาคม) เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น) และแฟชั่นโชว์ที่นำสมัย (22 มีนาคม)

เชฟมาโนชเชื่อว่าหัวใจของอาหารไทยคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบคุณภาพ และเทคนิคการทำอาหารขั้นสูง ความหลงใหลของเขาคือการค้นหาการผสมผสานที่ลงตัวและความสมดุลของรสชาติไทยที่มีทั้งรสหวาน เผ็ด เปรี้ยว และเครื่องเทศต่าง ๆ โดยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น

ในขณะที่เชฟ Max สร้างสรรค์อาหารออสเตรียแบบดั้งเดิมโดยการผสมผสานประเพณีการทำอาหารฝรั่งเศสควบคู่ไปกับอาหารสไตล์บูร์เกนลันด์ (Burgenland) ที่ยั่งยืน ทำให้เกิดความสร้างสรรค์ในอาหารออสเตรียแบบดั้งเดิม เทศกาล Sautanz (หรือ ‘Sow Dance’) ประจำปีของเขาถือเป็นเรื่องในตำนาน นั่นคือการนำหมูมาประกอบอาหารในทุกส่วนเพื่อเป็นการแสดงถึงการรู้คุณของวัตถุดิบ

ชาว Epicureans รวมถึงแอนโทนี บูร์เดน (Anthony Bourdain) ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อลิ้มลองอาหารจานพิเศษที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเชฟ Max เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัตถุดิบตามฤดูกาลของภูมิภาคในการรังสรรค์เมนูของเขา ร้านอาหารของเชฟ Max เสิร์ฟเมนูปลาสดจากทะเลสาบ Neusiedl ที่อยู่ใกล้เคียง เนื้อสัตว์ป่าจากเทือกเขา Leitha เนื้อแกะจากฟาร์มของเขา สัตว์ปีกจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง และสมุนไพรจากสวนส่วนตัวของเขาเอง

เอ็มมานูเอล เลห์เนอร์-เทลิค (Emanuel Lehner-Telic) ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย กล่าวว่า “การแข่งขันทำอาหารไทย-ออสเตรียจะเปิดโอกาสให้คนไทยได้ค้นพบประเพณีการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของออสเตรีย การจัดงานครั้งนี้เป็นการเชิญชวนให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหลากหลายภายในงานและสัมผัสถึงเสน่ห์ของประเทศออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเลิศรส ภูมิประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอยู่มากมาย การท่องเที่ยวด้านอาหารของออสเตรียกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจด้านความยั่งยืน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศในแถบยุโรปหลายแห่ง”

นอกจากนี้ มิชลิน ไกด์ยังได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าจะกลับมาเยือนออสเตรียอีกครั้ง พร้อมกับการคัดเลือกระดับชาติที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 รางวัลนี้ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เชฟ Max รับตำแหน่งเชฟที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก ที่ได้รับดาวมิชลิน ด้วยวัยเพียง 20 ปี และน่าจะโดนใจนักชิมชาวไทยที่ติดตามมิชลิน ไกด์ เห็นได้จากร้านอาหารหลากหลายแห่งในกรุงเทพฯ และภาคใต้ของประเทศไทยที่อยู่ในระดับดาวมิชลิน

จากอาหารไปสู่วงการแฟชั่น งานแสดงแฟชั่นโชว์ออสเตรียที่จะจัดขึ้น (Austrian Fashion Show) จะเน้นเทรนด์สไตล์ล่าสุดในโอต์กูตูร์ (Haute couture) โดยมีคอลเลกชันพิเศษจาก Conches, Plural และ Thang de Hoo จากออสเตรีย และคุณเอก ทองประเสริฐ (Ek Thongprasert), Wonder Anatomie และ Sirintra จากประเทศไทย การแสดงนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ค้นพบการออกแบบและเนื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดความยั่งยืนจากทั้งสองประเทศ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่นระดับพรีเมียมอื่น ๆ อีกมากมาย

Austrian Lifestyle Week 2024 ยังตรงกับวันครบรอบ 155 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรีย และครบรอบ 70 ปีของภารกิจประจำกรุงเทพฯ และเวียนนา ไทยและออสเตรียเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ด้วยการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพ การค้า และการเดินเรือ งานนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมสามารถกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและปูทางไปสู่ความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศอีกด้วย

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.advantageaustria.org/th/events/next/en

สารส้ม นวตกรรม ภูมิปัญญาไทยยกระดับเทียบเท่านานาชาติ

เพราะแนวคิดกล้าคิด กล้าทำ กล้าเล่น ของคนขี้แพ้ รติรส จุลชาติ สาววิศวกรเคมี จึงนำธุรกิจเดิมของครอบครัวที่รู้จักดี คือ สารส้ม มาต่อยอดทางธุรกิจ สร้างแบรนด์รติ ที่เป็นผลิตภัณธ์ในกลุ่มดูแลรักษาสุขภาพที่รักษาภูมิปัญญาไทยและสิ่งแวดล้อมสร้างแบรนด์ RATI (ระ-ติ) ที่แปลว่าความรัก สร้างผลิตภัณฑ์จากความรัก ด้วยส่วนผสมที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ ที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคืองต่อร่างกายของเราและทุกคนที่เรา “รัก”

รติรส จุลชาติ Founder & Chief Executive Officer เล่าถึงที่มาของการนำสารส้มมาผสมผสานนวตกรรมใหม่ ใช้เวลาทดลองนานกว่า 3 ปี เพื่อปรับปรุงให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกะบผู้ใช้และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ”ครอบครัว ทำโรงงานเคมีและแร่ธาตุ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีและแร่ธาตุต่างๆ และสารส้มก็เป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่คุ้นเคยมาตลอด ตัวเองเป็นคนที่ชื่นชอบใช้สารส้มเองจริงๆแต่เขินทุกครั้งที่เวลานำสารส้มเป็นก้อนพกติดตัวเวลาเดินทางกับเพื่อนไปยังที่ต่างๆ ประกอบกับสังเกตเห็นว่า ผลิตภัณฑ์จากสารส้มระงับกลิ่นกายในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็นเกรดที่ใช้บำบัดน้ำ ไม่ใช่เกรดที่สัมผัสอาหารได้ (Food Grade) ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า จึงได้คิดค้นและพัฒนาสเปรย์ระงับกลิ่นกายจากสารส้มขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างแรก จากการทดลองใช้เองและคำแนะนำจากผู้ใช้จริง จึงเกิดความคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยที่สุด โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติและความปลอดภัยต่อร่างกายเป็นหลัก เพราะรติ (
) เชื่อว่า อะไรที่เราทานได้ก็ย่อมต้องปลอดภัยต่อผิวหนังและร่างกายของเรา
ดังนั้น วัตถุดิบที่เราได้เลือกนำมาใช้นั้นจึงเป็นเกรดที่ดีที่สุด สามารถใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ (Food Grade) ทำให้ปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง และระงับกลิ่นได้ดีที่สุด โดยไม่มีส่วนผสมอื่นที่ก่อให้อันตรายต่อร่างกายของคุณ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือ น้ำมันสังเคราะห์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองภายใต้วงแขนและเกิดรอยดำที่ไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณเสื้อผ้า รวมถึงไม่มีกลิ่นที่จะรบกวนน้ำหอมราคาแพงที่ฉีดลงบนตัวอีกด้วย

ทั้งนี้จากแนวคิดทั้งหมดของรติ จึงได้พัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ rati Natural Deodorant Spray สเปรย์ระงับกลิ่นกายสูตรธรรมชาติ และ rati Happy Feet
สเปรย์ระงับกลิ่นกายบริเวณเท้าและรองเท้า ที่ได้คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของผู้บริโภค

RATI Natural Deodorant Spray สเปรย์ระงับกลิ่นกายสูตรธรรมชาติ จากสารส้มเกรดที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งแบคทีเรีย พร้อมความรู้สึก สดชื่น จากว่านหางจระเข้ และสารสกัดใบเปปเปอร์มิ้นออร์แกนิค ที่ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง พร้อมถนอมความชุ่มชื้น ให้ผิวเนียนนุ่ม สุขภาพดี ด้วยความสดชื่นจากน้ำแร่ธรรมชาติของผืนป่าเชียงใหม่ โดยปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้และการระคายเคือง “ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น” จึงไม่ทิ้งคราบเหลืองบนเสื้อผ้าและไม่มีกลิ่นรบกวนน้ำหอมที่คุณใช้

RATI Happy Feet สเปรย์ระงับกลิ่นกายบริเวณเท้าและรองเท้า สูตรธรรมชาติ จากสารส้มเกรดที่ปลอดภัยที่สุด ประกอบด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นจากส่วนผสมของสารสกัดน้ำมันจากใบเปปเปอร์มิ้น และสารสกัดจากชาดำ ที่มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ยับยั้งแบคที่เรียที่เป็นแหล่งกำเนิดของกลิ่นบริเวณเท้า โดยปราศจากส่วนผสม ของแอลกอฮอล์และสารเคมี สังเคราะห์ทำให้ไม่ทำให้เกิด คราบสกปรกและความเสียหายแก่หนังและรองเท้าที่มีความบอบบางสูงของคุณ นอกจากสารส้มจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยในเรื่องป้องกันการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย

RATI เชื่อว่าภูมิปัญญาสารส้มในเรื่องการระงับกลิ่นกายที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยตามแบบธรรมชาติที่ดีมากอยู่แล้ว RATI จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่นำวิถีภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย มาเล่าใหม่ในยุคโมเดิร์น และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายจากธรรมชาติ “เพราะร่างกายที่ธรรมชาติให้มา ให้ธรรมชาติดูแล”

พบกับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รักโลก รักสุขภาพ ในงาน STYLE Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ธีม “CHIC NATURE” ตั้งแต่วันนี้ – 24 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พบกับสุนทรียภาพและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนผสมผสานกันอย่างลงตัวในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของแต่งงานบ้าน แฟชั่น ไปจนถึงหัตถกรรมท้องถิ่นที่ประณีตและมีเอกลักษณ์โดดเด่น

#toptotravel

STYLE Bangkok 2024

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิด “งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ” ในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00น. โดยมีนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมให้การต้อนรับ ณ ฮอลล์ 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

STYLE Bangkok 2024 มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2567 แบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ วันพุธที่ 20 – ศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีกวันเสาร์ที่ 23-อาทิตย์ ที่ 24 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ที่สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com Facebook/Instagram/TikTok : Style Bangkok Fair
หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

เครือ รพ. พญาไท-เปาโล รุกตลาด EEC เปิดโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2

ชลบุรี – 19 มีนาคม 2567- เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้าขยายการให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ล่าสุดประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน

โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 เป็นโรงพยาบาลทั่วไป สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้มากถึง 1500 คนต่อวัน และผู้ป่วยในจำนวนรวมทั้งสิ้น 113 เตียง โดยโรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการให้บริการด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชลบุรีและใกล้เคียง โดยสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของโรงพยาบาลพญาไทศรีราชาสาขาแรก ที่ให้บริการแก่ประชาชนมาเป็นเวลากว่า 28 ปี เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กลุ่ม BDMS ให้บริการด้านการแพทย์เฉพาะทางในหลากหลายสาขา โดยเน้นการบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ประกันตน จนเป็นที่ไว้วางใจและยอมรับในเขตอุตสาหกรรม EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นเขตพัฒนาพิเศษที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เป็นโรงพยาบาลที่ทางกลุ่มมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการให้บริการรักษาผู้ป่วยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเล็งเห็นว่าทุกขั้นตอนการรักษามีความสำคัญ อีกทั้งความพร้อมของทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

นายอัฐ กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เป็นสำคัญของโรงพยาบาล โดยเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ได้สรรหาบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่างๆ และมอบทุนการศึกษาต่อสำหรับแพทย์และพยาบาล รวมถึงจัดระบบการเรียนการสอนพิเศษสำหรับทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อเพิ่มความชำนาญในการรักษาโรคเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในกรุงเทพฯ

การนำแอปพลิเคชัน Health Up เข้ามาใช้ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายจบในคลิกเดียวบนมือถือ เช่น ดูประวัติการรักษา นัดหมายแพทย์ ข้อมูลความรู้สุขภาพ รวมถึงบริการ Telecare ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขต EEC มีประชากรหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในพื้นที่กว่าสี่แสนคน และมี lifestyle ของคนยุคใหม่

นายอัฐ เผยว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 และเริ่มเปิดให้บริการประกันสังคมครั้งแรกเมื่อปี 2542 โดยเน้นคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้เพิ่มยอดผู้ประกันตนได้มากถึง 250,000 คน และได้รับรางวัลโรงพยาบาลประกันสังคมในดวงใจในปีที่ผ่านมา ต่อมาปีนี้ได้รับโควต้าเพิ่มอีก 115,000 คน เมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เพิ่มเติมของผู้รับบริการ จึงมีการขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับเหล่านี้ ในเขต EEC ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง ความต้องการในการดูแลสุขภาพก็สูงขึ้น เพื่อรองรับผู้ทำงานและกลุ่มแรงงาน ดังนั้น เครือ รพ. พญาไท-เปาโล ได้ลงทุนในการขยายโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในเขต EEC โดยการเปิดตัวโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2 เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลเดิมและมีความตั้งใจที่จะพัฒนา รพ. พญาไทศรีราชา 2 ให้เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางการแพทย์ในอนาคต ในปี 2568 เครือ รพ. พญาไท-เปาโล
ยังวางแผนลงทุนในการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน จำนวน 225 เตียง เพื่อเป็นที่พึ่งพาทางด้านสุขภาพของชาวชลบุรีและบริเวณใกล้เคียงในอนาคต

ด้าน นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรก ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ มีการพัฒนาทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในพื้นที่ และผู้ประกันตนได้รับการบริการอย่างคุ้มค่า กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา มุ่งมั่นที่จะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในเขต EEC โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม มีระบบที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเครือข่ายที่เข้าถึงได้ง่ายทุกพื้นที่โดยเฉพาะในภาคตะวันออกที่เป็นเขตอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการดูแลประชากรอย่างทั่วถึง จึงมีการขยายบริการให้สามารถรองรับผู้ประกันตนประมาณ 500,000 คน โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 ได้เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกันตนและผู้ป่วยทั่วไป สำหรับ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรกจะพัฒนาเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ โดยปรับปรุงพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับผู้ใช้บริการระดับพรีเมียมและผู้ประกันตนที่ต้องการการรักษาโรคเฉพาะทางหรือโรคซับซ้อน โดยได้เริ่มให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด การผ่าตัดหัวใจ และขยายศูนย์การผ่าตัดผ่านกล้องทุกระบบ นอกจากนี้ยังมีการขยายศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และอีกหลากหลายสาขา ที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวนกว่า 280 ท่าน

ในปีที่ผ่านมาศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับโลก AACI จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับประกาศนียบัตรรับรอง Trauma 3 ในการบริหารจัดการฉุกเฉิน และกำลังดำเนินการขอรับรอง TEMSA ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ยึดหลักความปลอดภัยใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. Patient Safety 2. Personnel Safety และ 3. Public Safety เพื่อพร้อมให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาและเครือข่าย สามารถตอบโจทย์และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ประสบสภาวะอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเชื่อถือ

พญ. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (จำกัด) มหาชน กล่าวถึงการขยายธุรกิจการแพทย์ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ว่า “BDMS มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรม Healthcare ของไทยสามารถดำเนินแนวทางความยั่งยืนตามมาตรฐานโลก โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศ โดยในปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดได้ขยายเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา 2 ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล บนเขตพื้นที่ศรีราชา เพื่อตอบสนองประชาชนและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะในแง่ของการรับมือกับความต้องการด้านการแพทย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในตลาดและความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรในการเป็นผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศและรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่มีอยู่ในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

พญ. ปรมาภรณ์ กล่าวต่อว่า “BDMS ได้รับการจัดว่าเป็นองค์กรที่มีสถานะแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ EEC ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่จะเป็นผู้นำในด้านบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เป็นเลิศบนมาตรฐานสากล รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในวงกว้างของการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับชุมชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านการแพทย์และการลงทุนในสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจพื้นที่เติบโตในระยะยาวด้วย”

นายอัฐ กล่าวปิดท้าย “นับเป็นความภาคภูมิใจของเครือ รพ. พญาไท-เปาโล ที่สามารถขยายบริการและสนองความต้องการของประชาชนได้ทุกกลุ่ม โดยเน้นการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงสุด โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขต EEC ให้มีความยั่งยืนต่อไป ด้วยการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการนำเสนอประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและบริการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ผู้รับบริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

แบรนด์แฟชั่นจิวเวลรี่ฝีมือคนไทย โดย หัสยา ปรีชารัตน์

HATSAYA แบรนด์แฟชั่นจิวเวลรี่ฝีมือคนไทย โดย คุณหัสยา ปรีชารัตน์ สืบทอดศิลปหัตถกรรมทายาทรุ่นที่ 2 ของไทยเบญจรงค์ สร้างเอกลักษณ์ที่ยากจะหาใครเหมือน ทั้งแบบโมเดิร์นและแบบไม่ทิ้งอัตลักษณ์ไทย

การทำเครื่องเบญจรงค์ถือได้ว่า เป็นงานด้านศิลปหัตถกรรมของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ของไทยในอดีต ใช้การสั่งทำที่ประเทศจีนตามความคิดและลวดลายของไท งานเบญจรงค์เป็นศิลปหัตถกรรมแขนงหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งทางด้านรูปทรงและลวดลายต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันได้พัฒนาปรับเปลี่ยนรูปทรง และลวดลายให้เข้ากับยุคสมัย สามารถเข้าถึงผู้คนได้เป็นอย่างดี ยังคงเอกลักษณ์ของงานเครื่องเบญจรงค์ให้ยังคงอยู่ แต่ด้วยความต้องการของผู้คน โดยมีการปรับเปลี่ยน ส่งผลให้การสร้างสรรค์งานเบญจรงค์ต้องมีการปรับตัวอยู่สม่ำเสมอ เติมเต็มความสวยงามอย่างมีระดับให้
กับคุณหรือคนที่คุณรัก

เปิดประสบการณ์ความสวยงามอย่างมีระดับ HATSAYA
HATSAYA เครื่องประดับที่ออกแบบมาเพื่อคนที่รักในความสวยงามอย่างมีระดับ มิติใหม่ของเครื่องประดับ ที่จะกลายเป็นที่รักของคุณและผู้ที่พบเห็น  คุณหัสยา ปรีชารัตน์ ทายาทรุ่นที่ 2 ของไทยเบญจรงค์  ผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2566 ด้านงานเครื่องเบญจรงค์ จาก sacit หรือสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) 

HATSAYA สร้างสรรค์งานเบญจรงค์ ถอดรูปแบบกรรมวิธีการผลิตที่เป็นรูปแบบเฉพาะของเบญจรงค์ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการปั้น เคลือบ เผา แบบฉบับของเบญจรงค์ ตลอดจนการเขียนลายน้ำทอง ซึ่งเป็นลายเฉพาะของ HATSAYA 

ปัจจุบัน HATSAYA  พัฒนาปรับเปลี่ยนรูปทรงและลวดลายให้เข้ากับยุคและสมัย เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่ยังคงเอกลักษณ์ของงานเครื่องเบญจรงค์ให้ยังคงอยู่ แต่ด้วยความต้องการของผู้คนมีการปรับเปลี่ยนตลอด
ส่งผลให้การสร้างสรรค์งานเบญจรงค์ มีการปรับตัวอย่างสม่ำเสมอสร้างสรรค์เครื่องประดับที่เน้นลวดลายเครื่องเบญจรงค์ นับเป็นหนึ่งความสำเร็จของการถ่ายทอดผ่านเทคนิค ลวดลายของเครื่องเบญจรงค์ ที่สืบทอดฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์และทรงคุณค่า ต่อยอดจากรุ่นสู่รุ่น  จากงานเครื่องเบญจรงค์ดั้งเดิมของครอบครัว พร้อมประยุกต์เป็นแฟชั่นจิวเวลรี่ร่วมสมัย ผลงานโดดเด่นของ HATSAYA คือ เม็ดชาร์ม (Charm) ที่นำมาร้อยเรียงบนเครื่องเงินแท้โดยทำเป็น
จี้สร้อยคอ ต่างหู และสร้อยข้อมือ มีเฉดสีพรีเมียมให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีทอง
สีแพลทินัมและสีโรสโกลด์ ที่สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมีโอกาสได้ลูกค้าใหม่ๆ เมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยผู้ชื่นชอบเครื่องประดับ และต่างชาติแถบเอเชีย ดูไบ และอาหรับ นิยมซื้อสินค้าเพื่อเป็นของฝากของขวัญ

จากความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ปรับตัวต่อสถานการณ์  ทำให้คุณหัสยา ทำให้วเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย ประจำปี 2566  ต่อยอดงานเครื่องเบญจรงค์ที่ไม่ซ้ำใคร สร้างจุดขายใหม่อยู่เสมอ โดยล่าสุดยังได้พัฒนา “เครื่องเบญจรงค์ตกไม่แตก” ใช้ดินผสมมวลสารต่างๆ เข้าไป เพิ่มความหนาแน่นของดิน สร้างความยืดหยุ่น แข็งแรง และไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดต่างๆ ของลวดลายที่ร่วมสมัย ซึ่งในตลาดยังไม่มีสินค้าประเภทเบญจรงค์ตกไม่แตกแบบนี้สิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งของแบรนด์ HATSAYA การนำเอาองค์ความรู้มาพัฒนาแบรนด์อย่างแท้จริง

คุณหัสยา กล่าวถึง HATSAYA ความสวยงามอย่างมีระดับ ด้วยการนำคุณค่าของเบญจรงค์ไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืน ผสมผสานระหว่างงานเบญจรงค์ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต้องอาศัยความประณีต เพื่อให้ทุกชิ้นงานสามารถบอกเล่าเรื่องราวของงานเบญจรงค์ได้อย่างอย่างมีคุณค่า ปัจจุบันได้นำไปทดสอบตลาดในต่างประเทศฝีมือและการเลือกสรรค์วัตถุดิบพัฒนาต่อยอดสู่เครื่องประดับที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีการเรียนรู้ช่องทางการขายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดที่ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้

เครื่องเบญจรงค์เป็นศิลปหัตถกรรมที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งทางด้านรูปทรงและลวดลายต่างๆ จึงมองว่างานหัตถศิลป์ไทยเหล่านี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความนิยมซื้อเป็นของที่ระลึก มอบของขวัญให้แขกผู้ใหญ่ หรือของขวัญคู่ค้าต่างชาติ เพราะชิ้นงานที่บ่งบอกชัดเจนถึงความเป็นไทย

โดยระยะเวลาที่ผ่านมา HATSAYA เดินสายออก Pop-Up Store ทุกเดือน เพื่อให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่หยุดพัฒนาเปิดตัว Collection ผลงานทุกชิ้นงานคงเน้นอัตลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยลวดลายเครื่องเบญจรงค์ที่มีเอกลักษณ์  อนุรักษ์ เผยแพร่เอกลักษณ์ความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป

แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ความเป็นไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ไทยเบญจรงค์โทรติดต่อ 038-398-022

Contact HATSAYA :  081-383-3343

Line official : @hatsaya  or click https://lin.ee/hdBQE2R 
inbox : http://m.me/hatsayaofficial 

line พิมพ์ @thai_benjarong หรือกดที่ลิ้งค์ https://line.me/R/ti/p/%40thai_benjarong

เว็บไซต์  www.ibenjarong.com หรือที่ www.thaibenjarongofficial.com
สอบถามผ่านทาง inbox http://m.me/thaibenjarongofficial

#เครื่องประดับเบญจรงค์ #jewelry #jewellery #classy #beauty #Highclassjewelry#ไทยเบญจรงค์ #เบญจรงค์ #เบญจรงค์ไทย #เครื่องเบญจรงค์ #เครื่องเบญจรงค์ไทย #ศิลปะไทย #เอกลักษณ์ไทย #อัตลักษณ์ไทย

STYLE Bangkok 2024 ภายใต้ธีม ChicNature

เตรียมพบกับความงามที่มีสไตล์และความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมในงาน STYLE Bangkok 2024 ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชื่นชมกับแก่นแท้ของงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของไทย ที่จะบรรจบกับความทันสมัยในผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และงานคราฟท์ฝีมือระดับโลก ผู้ประกอบการมากกว่า 500 รายจากทั่วประเทศ และทั่วโลก นำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงของขวัญ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไปจนถึงเครื่องครัว และอื่นๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการในงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของเอเชีย STYLE Bangkok 2024

  • เผยโฉมแฟชั่นแห่งอนาคต ที่ STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 เป็นยิ่งกว่างานแสดงสินค้า
  • สืบสานมรกดวัฒนธรรมกับความร่วมสมัยที่ STYLE Bangkok 2024
  • สำรวจอนาคตของแฟชั่นและความยั่งยืนที่ STYLE Bangkok
  • จากมวยไทยสู่แฟชั่น ที่ STYLE Bangkok
  • ยกระดับผ้าทอไทยสู่ตลาดโลกที่ STYLE Bangkok 2024
  • ขุมทรัพย์แฟชั่นสุดสร้างสรรค์ที่ STYLE Bangkok 2024
  • หัตถศิลป์ไทยที่ก้าวข้ามกาลเวลา ในงาน STYLE Bangkok
  • ฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่นกับองค์ความรู้สมัยใหม่ ใน STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 ส่งเสริมแฟชั่นไทยบนรากฐานความยั่งยืน

สำหรับผู้ชื่นชอบมวยไทย STYLE Bangkok 2024 นำเสนอผลิตภัณฑ์จากนักมวยไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ภายใต้แบรนด์ “บัวขาว แกลลอรี่” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์ไทย มาอวดโฉมชาวไทยและชาวโลกเมื่อ ซอฟต์พาวเวอร์ของกีฬาและแฟชั่นมาบรรจบกันได้อย่างน่าทึ่ง

ไฮไลท์ยังไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ยังมีมรดกสิ่งทอไทยอันน่าชื่นชมที่บูธ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โครงการตามแนวพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ฟื้นคืนความรู้จากภูมิปัญญาพื้นถิ่นมาบูรณาการร่วมกับองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เกิดเป็นผลงานการถักทอผืนผ้าและงานหัตถศิลป์ไทยที่มีความร่วมสมัยเป็นสากล ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เป็นที่ยอมรับของตลาดภายในและต่างประเทศ

STYLE Bangkok 2024 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการเชิดชูเอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นในมิติต่างๆ จากผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมไปจนถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ จากความคิดริเริ่มระดับรากหญ้าไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บทพิสูจน์ถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ของหัตถศิลป์ไทย ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาที่สืบทอดมานานต่อยอดกับแนวคิดสมัยใหม่และความยั่งยืนที่กำหนดทิศทางอนาคตของแฟชั่นไทย ที่ STYLE Bangkok 2024

STYLE Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ธีม “ChicNature’’ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567

ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.stylebangkokfair.com

IRDP เปิดการฝึกอบรม หลักสูตร Leadership Succession Program รุ่นที่ 15

มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) จัดพิธีเปิดการฝึกอบรม หลักสูตร “Leadership Succession Program” (LSP) รุ่นที่ 15 ระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคม 2567 ณ โรงแรม Holiday Inn พัทยา โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ IRDP และ ประธานกรรมการบริหารหลักสูตร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีและกล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการ โดยมี ดร. เสรี นนทสูตร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส IRDP ดำเนินกิจกรรมแนะนำตนเอง และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยวัฒน์ วงศ์อาษา เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกล่าวปฐมนิเทศแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม

ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร. วรภัทร โตธนะเกษม ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการว่า ในยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนำมาซึ่งความท้าทายที่หลากหลาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กร จะต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้มีองค์ความรู้ และทักษะที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน สำหรับผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรนั้น ปัจจุบันมีโครงการฝึกอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้เข้าศึกษาหาความรู้และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารในระดับเดียวกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อกัน และยังเอื้อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย อย่างไรก็ตามความจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่องค์กรสมัยใหม่เห็นความสำคัญมากยิ่งขึ้น ก็คือการวางแผนสร้างบุคลากรในระดับรองและผู้ช่วยผู้บริหารสูงสุด เพื่อให้มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดขององค์กร (Succession Plan) ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานั้น มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “Leadership Succession Program” (LSP) เพื่อสนองความต้องการนั้นและนับตั้งแต่ปี 2556 และได้จัดหลักสูตร LSP มาแล้วจำนวน 15 รุ่น ดังนั้นจึงขอให้ผู้เข้ารับการอบรมตั้งใจรับฟังการบรรยายและเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์จากท่านวิทยากรที่ให้เกียรติมาบรรยายเพื่อจะได้นำความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

วศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษํท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด

สำหรับโครงการดังกล่าว IRDP จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงขององค์กร รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ องค์การมหาชน หรือ บริษัทจดทะเบียน และบริษัทเอกชนต่าง ๆ อาทิเช่น “คุณสุโชติ เปี่ยมชล ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย” “คุณมงคล ตรีกิจจานนท์ รองผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” “คุณวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษํท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด” “คุณปกิต ภาคธรรม ผู้ช่วยผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค” “คุณนิยม จินดาปทีป รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านระบบดิจิตอล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด” คุณณภัทรา สุวรรณเดช ผู้ช่วยผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง” “คุณสุนันท์ นิ่มฟัก ผู้อำนวยการใหญ่(บริหารจราจรทางอากาศ) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด” เป็นต้น

ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้มีองค์ความรู้ และทักษะที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน สำหรับผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรนั้น ปัจจุบันมีโครงการฝึกอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้เข้าศึกษาหาความรู้และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารในระดับเดียวกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์อันจะเป็น สามารถนำความรู้จากเรื่องที่ได้รับการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ต่อการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาของแต่ละองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SKAL International Bangkok

SKAL International Bangkok สกาลสมาคมผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวสากลกรุงเทพฯ นำโดยเจมส์ เธอร์ลบี้ (อดีตนายกสมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ)ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกสมาคมสกาลสากลประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ ..จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันและการประชุมสามัญประจำปี 2567 โดยมีการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ โดยมี กนกรส วงศ์เวคิน (ผู้อำนวยการ เลอมาร์กอม)  ได้รับการโหวตให้เป็นนายกสมาคมคนใหม่ พร้อมคณะกรรมการอีก 8 ท่าน ณ ห้องอาหารสเปคตรัม โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่สุขุมวิท กรุงเทพฯ 

โดยมีเจ้าของธุรกิจ บุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้บริหารระดับสูงในวงการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาร่วมงานกัน อย่างคับคั่ง อาทิ  เอิร์ธ สายสว่าง (ประธานชมรมสื่อสารการตลาดโรงแรมแห่งประเทศไทย)
แอนดรูว์ เจ. วู้ด อดีตนายกสมาคมสกาลเอเซีย แซมมี่ โคโลรุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่สุขุมวิทกรุงเทพฯ ฟราสซิส ซิมเมอร์แมน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ มาร์วิน บีมานด์,ไมเคิล แบมเบิร์ก, พิชัย วิสูตรีรัตน์, จอนห์น นุ้สซี่ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมชาเทรียมเรสซิเดนซ์สาธร ดร.สก็อต สมิธ, กานต์พิชา คงสมบัติ, พรดา เพ็งสมบัติ เป็นต้น ทั้งนี้กนกรส วงศ์เวคิน (เป็นนายกสมาคมหญิงคนแรก) ตั้งแต่สมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ ก่อตั้งมาเป็นเวลา 30 ปี กนกรสและคณะกรรมการชุดใหม่มีวาระ 2 ปี

สมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ (SKAL Bangkok) จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันและค็อกเทลในโรงแรมระดับ 5 ดาวใจกลางเมือง สลับกันเป็นประจำทุกเดือน โดยเชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงมาบรรยายในหัวข้อที่เป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้สมาชิกและบุคคลที่สนใจได้มีโอกาสเสริมสร้างวิสัยทัศน์ด้านต่างๆ และมีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำธุรกิจร่วมกัน …สมาคมสกาลอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นสมาคมผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก (ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2477 ) โดยมีสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งในยุโรป และเอเซีย สำหรับในประเทศไทย มีสาขาอยู่ในจังหวัดที่เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต สมุย กระบี่ เชียงใหม่ เป็นต้น

สนใจสมัครเป็นสมาชิกสมาคม ติดต่ออีเมล์ : memberships@skalbangkok.com

แอนิเมชัน “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” ติดเทรนด์ บน แอปพลิเคชัน ทรูไอดี

แอนิเมชัน “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” ติดเทรนด์ บน แอปพลิเคชัน ทรูไอดี
ด้วยเรื่องราวและคติสอนใจเหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่
หลังจากการเปิดตัว แอนิเมชันซีรีส์ “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” ทางสตรีมมิ่ง TrueID เป็นที่แรกตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั้น แอนิเมชันซีรีส์ “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในรายการประเภทเดียวกัน มียอดวิวเข้าชมในขณะนี้สูงถึงกว่า หนึ่งแสนหกหมื่นวิวแล้ว เรียกว่าเข้าถึงกลุ่มผู้ชมทั้งเด็ก เยาวชน และครอบครัวยุคใหม่ ได้สมเจตนารมณ์ที่ทีมผู้ผลิตคาดหวัง


แอนิเมชันซีรีส์ “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” สร้างจากแรงบันดาลใจ และหลักธรรมคําสอนของ “พระเมธีวชิโรดม – ว.วชิรเมธี” เป็นแนวคิดหลักของเรื่อง ผ่านตัวละครสามเณร “สติมา” เพื่อหวังปลูกฝัง Global Mindset ที่ว่า “We Are One โลกทั้งผอง เป็นพี่น้องกัน” ที่จะทำให้ประชาคมโลกอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็น และเป็นสุข โดยเล่าเรื่องราวผ่านความสนุกสนานของวิถีชีวิตเยาวชนในชนบท ภายใต้หลักธรรมที่แทรกคำคมธรรมะจาก พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)
ดร.ชวัลวัฒน์ อริยะวรารมย์ CEO : T&B Media Global, เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ และ Executive Producer ของโปรเจคนี้ ได้เปิดเผยว่า “ รู้สึกดีใจที่มีคนให้ความสนใจให้แอนิเมชัน สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ และดีใจที่ยอดวิวในการรับชมที่พุ่งขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า เนื้อหาของแอนิเมชันชุดนี้ ได้เข้าถึงตรงใจคนรักแอนิเมชัน และครอบครัวยุคใหม่ ที่สามารถนำไปให้ลูกหลานได้ชม เป็นหลักธรรมที่ พระเมธีวชิโรดม หรือพระอาจารย์ว.วชิรเมธี ท่านได้สอดแทรกคำสอนที่เข้าใจง่าย ซึ่งกว่าแอนิเมชันเรื่องนี้จะเสร็จสมบูรณ์ใช้เวลาถึงสิบปีเลยทีเดียว หวังว่า เนื้อหาในแต่ละตอน จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้รับชมได้นำไปเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้โลกของเราได้เป็นสุขต่อไปครับ”
“สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” สร้างโดย มูลนิธิวิมุตตยาลัย มูลนิธิพุทธรักษา มูลนิธิอริยวรารมย์ เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล และ ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น ที่ร่วมรังสรรค์ออกมาเป็นแอนิเมชัน

สำหรับเด็กเยาวชนและเหมาะกับครอบครัวยุคใหม่ สามารถรับชม แอนิเมชัน ซีรีส์ “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ” ได้ที่ ทางสตรีมมิ่ง TrueID หรือ https://www.trueid.net/watch/th-th/animation/tvca-kids-cartoon

บีไชน์ เนเจอร์ซี วิตามินซีเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด บำรุงผิวใส

 “บีไชน์ เนเจอร์ซี” วิตามินซีเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด บำรุงผิวใสจัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม เหลือเพียง 189 บาท ช้อปได้ที่ 7-Eleven 

“บีไชน์ เนเจอร์ซี” (B Shine NaturC) วิตามินซีจากธรรมชาติ อะเซโรลา เชอร์รี่ สกัดเข้มข้น  ผสานคุณประโยชน์ของผลไม้สกัด ที่อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์และสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยดูแลสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และภูมิแพ้ พร้อมช่วยบำรุงผิวใส สุขภาพดี “บีไชน์ เนเจอร์ซี” เป็นวิตามินซีธรรมชาติ 100% จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี และคงอยู่ในร่างกายได้นาน ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทั้งยังมีซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ในปริมาณสูงที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายให้ดียิ่งขึ้น บีไชน์ เนเจอร์ซี แบบเม็ด ทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพทั้งวัยหนุ่ม สาวและผู้สูงอายุ 

ส่วนประกอบสำคัญใน 1 เม็ด “บีไชน์ เนเจอร์ซี” มีสารสกัดที่มีประโยชน์จากผลไม้และผักหลากชนิด รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร มื้อเช้าหรือเย็น เพิ่มประสิทธิภาพเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดีต่อผิวพรรณและสุขภาพ ทุกคนต้องหมั่นดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นภูมิต้านทานที่ดีต่อสู้กับเชื้อโรคร้าย และมลภาวะที่เป็นพิษที่อยู่รอบตัวเรา อยากให้ทุกคนพร้อมดูแลตัวเองและช่วยดูแลคนรอบข้างที่เรารักให้มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยความปรารถนาดีจากบีไชน์  

“บีไชน์ เนเจอร์ซี” วิตามินซีธรรมชาติ 100% ขนาดบรรจุ 30 เม็ด แถมฟรีอีก 5 เม็ดในขวด รวมเป็น 35 เม็ด จัดโปรโมชั่นสุดคุ้มลดราคาพิเศษ เหลือเพียง 189 บาท จากปกติ ราคา 249 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 23 มีนาคม 2567 หาซื้อได้ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bshine.co.th,
FB : https://www.facebook.com/naturcacerolacherry และ Line : @Bshine