Category Archives: ข่าว

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม

ครั้งแรกในไทย หอมนสิการจัดแสดงจิตรกรรมภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิมอันวิจิตร มูลค่านับพันล้าน โดยปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ผู้รังสรรค์สัญลักษณ์มงคลแห่งพระราชวังต้องห้ามอันลือนามที่สุดแห่งงานจิตรกรรมอันวิจิตรงดงามและหาชมยากยิ่งแห่งทศวรรษ กับนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสานด้วยพุทธศาสนาอย่างลงตัว หนึ่งในสถานที่ซึ่งได้รับการโหวตได้รับคะแนนสูงสุดให้เป็นสุดยอด Unseen น่าเที่ยวประจำจังหวัดสระบุรี ขอชวนทุกท่านร่วมชมงานนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย ชมสุดยอดฝีมือไฟน์อาร์ต ท่ามกลางหุบเขางดงาม โดยศิลปินฝีมือลือเลื่องในระดับสากล ปรมาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินผู้ฝากผลงานไว้ในพระราชวังต้องห้าม ณ ประเทศจีน ซึ่งท่านได้ให้เกียรตินำงานศิลป์ที่บรรจงวาดพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยมีเทคนิคพิเศษหนึ่งเดียวในโลก ขนาดยักษ์

สุุดถึง 4 เมตร มาจัดแสดงมากถึง 6 ภาพ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งพันล้านบาท จัดงานแสดงนิทรรศการภาพเขียน “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” โดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ ศิลปินนักวาดภาพพระพุทธศาสนาระดับหอเกียรติยศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำศิลปะแห่งศรัทธาจากฝั่งตะวันออก ได้รับความนิยมจากฝั่งตะวันตก จากความสำเร็จในการแสดงภาพวาดที่โรม ฟลอเรนซ์ ซิดนีย์ ลอนดอน และปารีส ผลงานโดยอาจารย์หวัง ฉางลี่ จึงได้รับการยกย่องจากวงการศาสนาว่าเป็นบุคคลที่สร้างผลงานให้มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งรูปแบบโบราณและสมัยใหม่ จนทำให้พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ พากันสะสม และหลายชิ้นถูกนำไปเป็นของขวัญแห่งชาติ มอบแด่ผู้นำของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ในปี 2014 อาจารย์หวัง ฉางลี่ได้ออกแบบมังกรและหงส์น่ารักคู่หนึ่งชื่อว่า “จ้วงจ้วงและเหม่ยเหม่ย” และได้รับเลือกเป็นสัญลักษณ์มงคลของพระราชวังต้องห้ามอีกด้วย

จากการที่อาจารย์ได้มีโอกาส มาเยือนหอมนสิการ แล้วเกิดความประทับใจในความสงบงามของสถานที่ อาจารย์จึงตัดสินใจนำภาพเขียนสุดพิเศษทั้ง 6 ภาพนี้มาจัดแสดง จึงเกิดงาน แสดงนิทรรศการภาพเขียนต้นฉบับพระโพธิสัตว์กวนอิม ครั้งแรกในประเทศไทย นิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์ครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชิดชูคุณธรรมอันสูงส่งของพระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา คอยขจัดปัดเป่าทุกข์โศก บันดาลพรและความสุขให้มวลมนุษย์ พระองค์เป็นที่ศรัทธาอย่างยิ่งโดยเฉพาะชาวจีน และเพื่อสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันงดงามระหว่างไทยและจีน ผ่านงานศิลปะชั้นสูงที่มีความเป็นสากล โดยสุดยอดฝีมือศิลปินชาวพุทธประจำชาติระดับหอเกียรติยศของสาธารณรัฐประชาชนจีน กับผลงานศิลปะพู่กันจีนที่ถูกยกย่องให้เป็นจิตรกรรมวิจิตรลายเส้นที่งดงามและทรงคุณค่า

อาจารย์หวัง ฉางลี่ ได้สร้างสรรค์เทคนิคพิเศษเพียงหนึ่งเดียว ทั้งกระดาษและสีที่ทำขึ้นเอง ด้วยเคล็ดลับเฉพาะตัวที่ไม่มีการถ่ายทอดให้แก่ผู้ใด ปณิธานของอาจารย์ที่ตั้งมั่นคือการวาดภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนทั้งหมด 33 ปาง ปัจจุบันท่านได้วาดเสร็จแล้วจำนวน 11 ปางด้วยกัน และจะนำมาจัดแสดงให้ทุกท่านเข้าชมในครั้งนี้จำนวนมากถึง 6 ปาง
ปางที่ 1. พระโพธิสัตว์กวนอิมจ้งเป่า ผู้มีพลังอันไร้ขอบเขต และเปี่ยมด้วยคุณงามความดีที่นำมาซึ่งประโยชน์และความมั่งคั่งแก่โลก
ปางที่ 2. พระโพธิสัตว์กวนอิมเหลียนอั้ว ผู้ทรงมีโพธิญาณแห่งการนำโชค สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งทางกายและใจ ช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงอย่างไม่มีอุปสรรค
ปางที่ 3. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยางหลิ่ว ผู้สามารถขจัดภัยพิบัติและโรคภัยทั้งปวง บันดาลลมฝนสม่ำเสมอตกต้องตามฤดูกาล ผลผลิตทางการเกษตร ผลิดอกออกผล ประเทศชาติมั่งคั่ง ประชาชนผาสุก
ปางที่ 4. พระโพธิสัตว์กวนอิมหยวนกวง ผู้ทรงขจัดปัดเป่าภัยพิบัติและความยากลำบากในชีวิตให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นำพาซึ่งความสงบสุขและความยินดีมาให้
ปางที่ 5. พระโพธิสัตว์กวนอิมเต๋อหวัง สัญลักษณ์ของคุณธรรมอันล้ำเลิศ หรือ ธรรมราชา เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้าในงานราชการ ตำแหน่งสูงส่ง และอำนาจยิ่งใหญ่ ประชาชนทุกคนเคารพนับถือ
ปางที่ 6. พระโพธิสัตว์กวนอิมฉือเหลียน ปกปักคุ้มครองลูกหลานให้มีความสามารถโดดเด่นเป็นเลิศ เจริญรุ่งเรือง

ภาพพระโพธิสัตว์กวนอิมทุกภาพ สร้างสรรค์ชิ้นงานบนกระดาษและสีที่สร้างขึ้นเฉพาะด้วยเคล็ดลับที่จะไม่มีวันถ่ายทอดให้กับผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอัจฉริยภาพของศิลปินที่สามารถเขียนภาพพระโพธิสัตว์ให้มีใบหน้างดงาม เปี่ยมล้นด้วยกระแสเมตตาและรายละเอียดในองค์ประกอบน้อยใหญ่ ทำให้ผลงานของอาจารย์หวัง ฉางลี่ มีมูลค่าสูงเริ่มต้นตั้งแต่สองล้านเหรียญสหรัฐ ถูกจัดว่าเป็นภาพวาดที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคนี้อย่างแท้จริง

การได้ชมภาพวาดชั้นสูงในนิทรรศการ “THE PROFOUND BEAUTY ART EXHIBITION” ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามอันลงตัวของความสงบงามและทิวทัศน์ของหุบเขาพระพุทธบาทน้อย ที่สวยงามลงตัวของ “หอมนสิการ” หนึ่งเดียวใน จังหวัดสระบุรี ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากนักท่องเที่ยวในโครงการ UNSEEN NEW CHAPTER 2023 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังสามารถเข้าชมนิทรรศการหลักของหอมนสิการ “Journey to the Life of Buddha” ที่จัดแสดงประวัติองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาลในรูปแบบสื่อผสม พร้อมเข้าสักการะองค์ “พระบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปปิดทองคำแท้เนื้อสัมฤทธิ์ที่ประดิษฐานภายในหอจัตุรัสเพื่อความเป็นสิริมงคล

กำหนดการจัดแสดงนิทรรศการ เริ่มวันที่ 1 กันยายน ถึง 14 ตุลาคม 2567 เปิดใจให้ศิลปะชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยพระมหาเมตตา งดงามยิ่งขององค์พระโพธิสัตว์ นำความเป็นสิริมงคลและความปลื้มปิติ พิสูจน์ความงามที่ถูกจิตรกรเสกสรรจะเปล่งประกายเอิบอาบจิตใจของผู้คนได้เพียงใด เชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสด้วยตนเอง ณ อาคารรับรองหอมนสิการ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นอกจากนี้ผู้ชมยังสามารถเข้าชมหอมนสิการนิทรรศการจำลองมรรคา Journey to the Life of Buddha ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในรูปแบบสื่อผสมอีกด้วย
บัตรเข้าชมจำหน่ายในราคา:

  • คนไทย: 250 บาท
  • ชาวต่างชาติ: 500 บาท
  • เด็กต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียงครึ่งราคา
    ซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่
    https://megatix.in.th/events/wang-changli-at-manasikarn

Sheep ปล่อยใยมัดใจแฟนพันธุ์แท้ยอดมนุษย์แมงมุม ชูลายเคสเรืองแสง&ขยับได้

พร้อมยกระดับงานคอลแลปส์ ดึงศิลปินระดับโลก Tokidoki  ออกแบบลาย Mickey & Friends เปิดตัวพร้อมกัน 2 คอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

แบรนด์ “Sheep” เคสสัญชาติไทยผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ต ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดรวมถึงการให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และตัวตนของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าจากร้าน AppleSheep ที่รวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอทีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ล่าสุดปล่อยหมัดเด็ด ยกระดับงานคอลแลปส์พร้อมกัน 2 คอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ   ด้วยการประกาศเข้าสู่จักรวาล Marvel ต้อนรับการมาขอ Avenger Phrase 2 ออกเคสโทรศัพท์ที่สัมผัสถึงพลังของซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง Marvel  ลาย Spider-Man    และอีกคอลเลคชั่นเป็น อุปกรณ์ตกแต่งมือถือ จากผลงานการออกแบบลาย Mickey&Friends และ Winnie The Pooh  จาก Global Artist อย่าง Simone Legno (Tokidoki)  ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sheep and Friends โดยเปิดตัวในงาน  Disney Toy Expo Thailand 2024          

นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์  Founder&CEO บริษัท  ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด กล่าวว่า “การร่วมงานกับ Marvel (Spider-Man) เป็นการปูทางสำหรับ Marvel Phrase 2 ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายงานออกแบบเป็นอย่างมาก เนื่องจากการออกแบบแต่ละครั้งเราต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะดึงภาพจำและเอกลักษณ์ของ Character นั้นๆ มานำเสนออย่างดีที่สุด ในขณะเดียวกันเราต้องให้ความสำคัญอย่างมากที่สุดต่อภาพพจน์ของผู้ใช้งานสินค้า เป้าหมายของแบรนด์ Sheep ทำให้ผู้ใช้สินค้าต้องดูดีและเข้ากับสไตล์ของผู้ใช้เป็นอย่างดี โดยแน่นอนว่าแฟนตัวยงของ Spider-Man นั้นจะเป็นผู้ชายเป็นส่วนมาก ซึ่งจะเป็นนักสะสมของเล่น เราตีโจทย์ว่าจะต้องทำลายที่มีความพิเศษสุดๆแต่ดูเรียบง่ายไม่หวือหวา เหมือนกับ Spider-Man ที่กลางวันเป็นเด็กธรรมดาแต่กลางคืนกลับกลายเป็นยอดมนุษย์ที่มีพลังลึกลับน่าสนใจโดยรอบนี้เราเลยหยิบเทคนิคการพิมพ์ลายแบบพิเศษมาใช้โดยทำให้ภาพบนเคสขยับได้และเรืองแสงในที่มืดซึ่งเป็นการนำเสนอความเป็น Spider-Man ได้อย่างลงตัว และเป็นลายที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยพลังพิเศษที่ผู้ใช้เท่านั้นถึงจะสัมผัสได้  เคสคอลเลคชั่นนี้รองรับโทรศัพท์ iPhone 13ไปจนถึงเคส iPhone 15และเคสซุมซุง S23/S24 Ultra   นอกจากนั้นยังมีเคส iPad , Macbook, Airpods, Magsafe Wallet, Phone Charm, และ Mousepad และอีกคอลเลคชั่นที่เปิดตัว เป็นอุปกรณ์ตกแต่งมือถือจากผลงานการออกแบบลายโดยไอคอนสตรีทอาร์ตระดับโลก ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ (Simone Legno) ซึ่งหยิบ Mickey&Friends และ Winnie The Pooh มาวาดใหม่เป็น Version Tokidoki  ซึ่งผมและทีมรู้สึกสนุกและภูมิใจมากๆทุกครั้งที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ รอบนี้เรายกระดับไปอีกขั้นจริงๆ

จากการร่วมมือสองฝ่าย เป็นการร่วมมือสามฝ่าย คือ  Sheep x Tokidoki  x Disney ซึ่งความยากของการทำงานสามฝ่ายคือการทำให้ทุกฝ่ายโดดเด่นเท่ากัน ไม่มีฝ่ายไหนหายไปหรือใครเด่นกว่าใคร ซึ่งจะยากกว่าการทำงานแบบสองฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะเราต้องแบ่งสัดส่วนให้ดี โดยผลงานที่ออกมาจะเป็นอุปกรณ์ตกแต่งมือถือ Mickey&Friends และ Winnie The Pooh ที่มีลายเส้นการวาดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Tokidoki โดยมีฟังก์ชั่นแบบ Sheep Style สินค้าที่เป็นไฮไลท์รอบนี้คือ Spinning Magsafe Griptok ที่เราทำหมุนได้ 360 องศา เป็นวงล้อสุ่ม Characters ซึ่งเราตั้งใจเปลี่ยน Gadget ธรรมดาๆให้เป็นจุดเริ่มต้นของความสนุกในวงเพื่อนพ้องที่ชื่นชอบ Disney และทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงกลิ่นไอความรู้สึกของการดูการ์ตูน Mickey&Friends และ Winnie The Pooh ที่เหล่า Character จะมาล้อมวงเล่นสนุกกันตลอดเวลา

นายอภินันท์กล่าวต่อว่า “สำหรับแบรนด์ Sheep การหยุดนิ่งเท่ากับถอยหลัง เพื่อเป็นหนึ่งในวงการ และเป็นตัวแทนของแบรนด์ไทยและสินค้าไทย เราจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าให้คุ้มค่าต่อเงินทุกบาทที่ลูกค้ามอบให้เรา เมื่อเทียบกับสินค้าที่ราคาเท่ากันแล้ว สินค้าของแบรนด์ Sheep ต้องดีที่สุดทั้งในเชิงของ การใช้งาน ความสวยงาม และภาพลักษณ์ของผู้ใช้งาน ในปีที่ผ่านมาเราออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่แทบทุกเดือน นอกจากจะเพิ่มตัวเลือกใหม่ให้ลูกค้าเดิมแล้ว การออกคอลเลคชั่นใหม่คือการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า แบรนด์เราไม่เคยหยุดพัฒนา ทุกครั้งที่มีการออกคอลเลคชั่นใหม่ นั้นคือเรามีการพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ไปด้วย

ปัจจุบันเรามีสินค้าหลักเป็นอุปกรณ์เสริม เคสมือถือ เคส iPad, เคส Macbook, เคสAirpods, และทำสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์หลากหลายมากขึ้น รวมถึงกล่องสุ่มสินค้าไอทีด้วยครับ   ปัจจุบันSheep ถือเป็นแบรนด์อันดับต้นๆในไทย ที่มีผลงานการออกแบบร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากขนาดนี้ ที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกับ  Esther Bunny , Disney, Sanrio, Care Bears, One Piece, Doraemon, Shinchan, และ อื่นๆอีกมากมายซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดีซึ่งนอกจากการจัดจำหน่ายในร้าน AppleSheep แล้ว แบรนด์ Sheep ยังได้รับความไว้วางใจจากร้านค้าชั้นนำระดับประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็น Loft, Matchbox, Freak, Seek and Keep Club, Medium and More, Banana, Studio7, B2S, Yumeya, True Shop และ จากทิศทางผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบรนด์เดินหน้าบุกขยายตลาดต่างประเทศเริ่มจากในภูมิภาคอาเชียน เพื่อขยายฐานลูกค้า  เป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์ไทยเรามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ   เราจะนำเสนอสินค้าสร้างสรรค์อย่างไม่รู้จบ” คุณอภินันท์กล่าวทิ้งท้าย  

ปัจจุบัน AppleSheep มีหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าอยู่ 10 แห่งด้วยกัน ร้าน Sheep Exhibition Store ชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์  และ Flagship Store  อีก 9แห่ง เซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลลาดพร้าว ,เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลรามอินทรา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ,เมกา บางนา , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, และอีกสองสาขาต่างจังหวัด เซ็นทรัลเหาดใหญ่ , เซ็นทรัลขอนแก่น ติดต่อช่องทางออนไลน์ได้ที่  www.applesheepth.com,
Line: @applesheep, FB :AppleSheep เคส ipadpro มีที่เก็บปาก, IG applesheepth, Tiktok applesheepth

เริ่มแล้ว! Disney Toy Expo Thailand 2024 วันแรกสุดคึกคัก

แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ตบเท้านำของเล่นของสะสมมาโชว์เต็มลานเซ็นทรัลเวิลด์

( 15 สิงหาคม 2567 ) เปิดฉากวันแรกอย่างยิ่งใหญ่ สิ้นสุดการรอคอยงานใหญ่แห่งปีของสาวกแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์แห่ร่วมงานคับคั้ง เรียกว่าหลายคนที่มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งานนี้จัดเต็มทำถึง เพราะเป็นครั้งแรกในไทยและในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยกกองทัพของเล่นของสะสมทุกคาแรคเตอร์
ที่แฟนๆ ชื่นชอบจาก Disney ,Pixar ,Marvel และ Star Wars ภายใต้ชื่องาน Disney Toy Expo Thailand 2024 งานที่รวบรวมสินค้าลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการมากมาย ของสะสมจากแบรนด์ระดับโลกสินค้ารุ่นลิมิเต็ด คอลเลคชันใหม่จากความร่วมมือของศิลปินชื่อดัง พร้อมเสริฟความบันเทิงใกล้ชิดเหล่าคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่มามอบความสุขสนุกสนานส่งตรงจากต่างประเทศ งานนี้เนรมิตพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น1ถึงชั้น3 ให้เป็นแหล่งรวมความสุขสนุกสนานและย้อนความทรงจำในวัยเด็ก ตลอด4วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่15-18สิงหาคมนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการงานของเล่นของสะสมเลยทีเดียว

คุณปรีชา อาชามงคล ผู้อำนวยการลิขสิทธิ์สินค้าอุปโภคบริโภคประจำประเทศไทยและเวียดนาม และคุณชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ Chief Executive Officer บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมพบกับนักแสดง และนักร้องสุดฮอต โฟร์ท- ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล ที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ การเป็นแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์ และสนุกสุดฟินกันแบบฉ่ำๆ กับการแสดงมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN ปิดท้ายด้วย Mickey & Friends คาแรคเตอร์จะออกมาทักทายแฟนๆอีกด้วย

โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน), บริษัท เอส เอฟคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ขวัญชนกโปรดักชั่น จำกัด,บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด

ภายในงานบรรยากาศสนุกสุดฟินที่แต่ละแบรนด์ต่างครีเอตบูธและสินค้าได้อย่างน่าตื่นตาและน่าสนใจทั่วทุกบริเวณงานทั้ง 3ชั้น มีแบรนด์ชั้นนำเผยโฉมสินค้าแปลกใหม่ของหายาก และเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่สุดพิเศษจากแบรนด์ ต่างๆอาทิ Royal Selangor มาพร้อมกับ BE@RBRICK IRONMAN เปิดตัวครั้งแรกของโลก AppleSheepที่เตรียมเปิดตัวสินค้าจากการร่วมมือสุดพิเศษกับศิลปินชื่อดังระดับโลก ซิโมเน่เล็กจ์โน่ Simonelegno ( Tokidoki) ไอคอนสตรีทอาร์ตที่มีคาแรคเตอร์เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจ นำลายเส้นสไตล์น่ารักอันเป็นเอกลักษณ์มาสู่ Mickey & Friends ด้วย Collection เสื้อผ้าเครื่องประดับหลากหลายอย่างที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน ,แบรนด์Sheepเปิดตัวเคสโทรศัพท์ ลาย Spider-Man โดยมี วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร มาร่วมงาน และ Asaki ที่มาพร้อมกับ Box Set สุดพิเศษ ปิดท้ายด้วย Wongdek Toysland ที่มาพร้อมการเปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุดจากแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Cars จาก Pixarพร้อมพบกับบรรดาแบรนด์ของเล่นของสะสมชั้นนำระดับโลกมากมาย อาทิเช่น LEGO,Royal Selangor, Threezero,funko,Loungefly ,URDU,BEAST KINGDOM, Makeitloud และ AppleSheep รวมร้านค้าทั้งหมดมากกว่า 40 บูธ นอกจากได้พบสินค้าแล้วยังมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การแจก Voucher ผ่าน Shopee Live และโปรโมชั่นประจำบูธลุ้นรับของรางวัลมากมาย

Meet & Greet กับ Mickey &Friends ที่มาสร้างความสนุกสนานอบอุ่นหัวใจให้กับผู้ชมทั่วโลกมานานหลายทศวรรษเตรียมเปิดรับโอกาสสุดพิเศษที่จะได้พบปะ และทักทายกับ Mickey พร้อมผองเพื่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวตลอด 4 วัน ภายในงาน DisneyToy Expo Thailand 2024 เพื่อพบกับแฟนๆ ชาวไทย

กิจกรรมพิเศษจากกลุ่มแฟนชาวไทย การแสดงร้องเพลงจากกลุ่มแฟนๆโดย DMCT จะทำการแสดงขับร้องบรรดาเพลงฮิตของดิสนีย์อันเป็นที่รักของทุกคน ผ่านกลุ่มแฟนๆมากความสามารถพวกเขาตัวกันด้วยความหลงใหลในดนตรีของดิสนีย์โดยพวกเขาเคยถ่ายทำเพลงดิสนีย์เวอร์ชั่นของตัวเองมาแล้วด้วย มาร่วมย้อนสู่วัยเด็กที่ชวนคิดถึงและร้องเพลงท่วงทำนองที่คุ้นเคยผ่านเพลงโปรดของแฟนๆ

บูธจากกลุ่มแฟนๆ โดย 501st Thailandหากคุณเป็นแฟนของ Star Wars ห้ามพลาดบูธของ 501st Legion Thailand กลุ่มแฟนๆที่จะแต่งกายด้วยแรงบันดาลใจจากความหลงใหลใน Star Wars พร้อมเปิดโอกาสในการถ่ายรูปรับของที่ระลึกตามธีม และอื่นๆ อีกมากมายการแสดงคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN กลุ่มศิลปินบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยโดยพวกเขาจะมาสร้างสีสัน มอบความสนุกสนานให้กับแฟนๆ และผู้เข้าร่วมงาน

พบกับงาน Disney Toy Expo Thailand 2024 ตลอด 4 วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่วันนี้ – 18สิงหาคม 2567 ภายในพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram DTX Thailand 2024

สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย ขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Touris


สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย จับมือ ททท. ส่งเสริม “ท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ Organic Tourism” ต่อเนื่องสานพลังเกษตรกรและผู้ประกอบการ สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก ผ่านเมนูอินทรีย์ และ
Earth Points

สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Tourism
ให้เป็นเสน่ห์และจุดขายทางการท่องเที่ยวใหม่ของประเทศ พร้อมสานพลังผู้บริโภค เกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และนักวิชาการ ร่วมขยายสังคมอินทรีย์ทั้งระบบ ชูจุดเด่น คุณค่าของการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ที่ทรงคุณค่า ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ และสัมผัสได้ด้วยตนเองทันที ผ่าน TOCA Platform กิจกรรมสะสมคะแนน “Earth Points” และกิจกรรมสร้างความรู้ สร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ที่จะช่วยนำทางให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลโลก และเริ่มลงมือทำจาก “การกินอาหารอินทรีย์และท่องเที่ยววิถีอินทรีย์” ที่ดีต่อทั้งกาย ดีต่อใจ และดีต่อโลก

นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย เปิดเผยว่า จากการทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกัน ของสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (Thailand Organic Consumer Association หรือ TOCA) และเครือข่ายพันธมิตรตลอดห่วงโซ่สังคมอินทรีย์ ทั้งเกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักวิชาการ และเครือข่ายผู้บริโภคอินทรีย์ ในจังหวัดต่างๆ ที่ TOCA ได้เข้าไปดำเนินงานเชื่อมโยง และจากการพัฒนา แอปพลิเคชัน “TOCA Platform” ให้เป็นจุดเชื่อมต่อคนในสังคมอินทรีย์ทั้งระบบ เป็นที่น่าดีใจที่ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศไทยมีความตระหนักรู้และเข้าใจคุณค่า ประโยชน์ของการบริโภคอาหารอินทรีย์ ในหลากหลายมิติมากขึ้น คือ นอกจากจะบริโภคอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพแล้ว
ยังให้ความสำคัญถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และสถานการณ์โลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน เพื่อขยายคุณค่าของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นการผลิตที่ไม่มีการใช้สารเคมี หรือยาฆ่าแมลง ทำให้มีอาหารปลอดภัย ทั้งยังช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมให้กับโลก และสังคมอินทรีย์ที่มุ่งสร้างระบบอาหารยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร บนฐานการค้าที่เป็นธรรม TOCA จึงได้ร่วมกับ ททท. ภายใต้โครงการ “Amazing Organic Tourism for Sustainable Living ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ หรือ Organic Tourism ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการทำงานเชิงรุกในการสร้างความร่วมมือของเครือข่ายสังคมอินทรีย์ทั้งห่วงโซ่ คือทั้งเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักวิชาการ และผู้บริโภค โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่ 2 จังหวัดใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก คือ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดภูเก็ต ที่ได้เริ่มทำงานร่วมกับชุมชนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566

“เชื่อมั่นว่าจากการทำงานเชิงรุกร่วมกัน เราจะสามารถได้แนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์หรือ Organic Tourism ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าประทับใจและเปี่ยมคุณค่ามากมาย ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง ที่ล้วนเป็นเสน่ห์และสามารถใช้เป็นจุดขายใหม่เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย”

ด้าน นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท. กล่าวว่า แนวคิดและกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ นั้นสอดคล้องและตรงกับกับนโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ของ ททท. ภายใต้ BCG Economy Model เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน ภายใต้แคมเปญ Amazing Organic ททท. มีการสื่อสารและจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อจุดประกาย ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลก ที่สามารถร่วมได้ทันที และทำได้ง่ายมาก คือ เริ่มจาก เปลี่ยนมากินอาหารอินทรีย์ และหันมาท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ที่ในกระบวนการผลิตนอกจากเกษตรกรอินทรีย์ จะไม่ใช้สารเคมีในการทำเกษตรแล้ว ยังช่วยดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ ให้กับโลก

“อยากให้เริ่มจากเรื่องง่ายก่อน นั่นคือ การบริโภคอาหารอินทรีย์ ที่ดีต่อสุขภาพ จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปทำความรู้จักกับเกษตรกรอินทรีย์ ที่ใส่ใจและดูแลผลผลิตของตนเพื่อรักษาคุณภาพ ให้ท่านเล่าเรื่องของท่านให้ฟัง แล้วเราก็จะรู้ว่า อาหารจานหนึ่ง ทำให้เรารู้จักสภาพแวดล้อมและเข้าใจถึงการทำงานของท่านเหล่านั้น เราจะเป็นอีกหนึ่งกำลังที่ช่วยสนับสนุนคนที่ทำดี ซึ่งสิ่งนี้มีความหมายและสำคัญมาก”

ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยววิถีอินทรีย์นำร่อง ซึ่งนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภค สามารถดูข้อมูล ความเป็นมา จุดเด่น และสถานที่ติดต่อบน TOCA Platform ได้แล้ว เช่น ชุมชนแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญา การส่งต่อแนวคิดอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่น ได้รู้จักพื้นผักพื้นบ้าน ผักตามฤดูกาล และการใช้ประโยชน์และรักษาสิ่งแวดล้อม และได้รับประทานอาหารเหนือจากวัตถุดิบอินทรีย์ของชุมชน ขณะที่ชุมชนบ้านบางโรง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ยินดีเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัสประสบการณ์วิถีชีวิตชุมชน อาหารพื้นถิ่น พร้อมนำชมธรรมชาติที่งดงามของทะเลใต้ เป็นต้น

“ขอบคุณความร่วมมือของ ททท. และเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ และผู้ประกอบการ นักวิชาการทุกภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมกันส่งเสริมผลักดัน ให้เราสามารถสร้างและขยายแหล่งท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ รวมถึงตลาดชุมชน ให้เข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังยินดีเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ดังเช่น สวนผักฮักร้องขุ้ม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่, ออนใต้ฟาร์ม อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่, โซนสินค้าอินทรีย์ ตลาดจริงใจ Farmers Market เชียงใหม่, ตลาดนัดฅนดี เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม PGS อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต, Pansook Eco Store &Tea Room อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และตลาดสุขใจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น”

สำหรับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ เป็นที่น่าดีใจที่ มีผู้ประกอบการที่เข้าใจมาร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์กับทาง TOCA มากขึ้น พร้อมยินดีให้สิทธิพิเศษเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคได้ร่มกิจกรรม Earth Points เช่น ร้านอาหารเอื้องคำสาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนโยบายใช้วัตถุดิบอินทรีย์ในทุกเมนูให้มากที่สุด มีการติดป้าย โปรโมท Earth Points เพื่อเราเพื่อโลก ตั้งแต่หน้าร้านและในร้าน พร้อมให้สิทธิประโยชน์ จากการแลกคะแนน Earth Points เป็นส่วนลดเครื่องดื่ม

ผู้สนใจร่วมขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ ใช้TOCA Platform หรือคะแนน Earth Points สามารถสมัครเป็นสมาชิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย) โดยดาวน์โหลด TOCA Platform จาก App Store หรือ Play Store หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย www.tocaplatform.org หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ Facebook: TOCA Platform และในวันที่ 15-18 สิงหาคม 2567 นี้

TOCA จะไปร่วมออกบูธในงาน Amazing Green Fest 2024 ซึ่งจัดโดย ททท. และ The Cloud “สามารถมาพบกับเราเพื่อรู้จักเรามากขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ไปด้วยกัน ได้ที่พารากอนฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร”

พม. จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และ 2566

วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชาบดี ชั้น 19A อาคารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566

โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวรายงาน นางภิญญา จำรูญศาสน์ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวเบิกตัวผู้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ

นายอนุกูล กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และ ประจำปี 2566 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2565 และ พุทธศักราช 2566 และทรงให้จัดส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปยังผู้ได้รับพระราชทาน โดยไม่ต้องเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทาน โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติตามขั้นตอนการปฏิบัติของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการประกาศรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ขึ้น เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ตลอดจนเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ และเผยแพร่คุณงามความดีของผู้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ที่ทำประโยชน์นานัปการแก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน ในด้านการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมและพัฒนาสังคม

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า วันนี้ มีผู้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ประจำปี 2565 และ 2566 รวมทั้งสิ้น 44 คน ประกอบด้วย ผู้กระทำความดีความชอบที่เป็นการบริจาคทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์ จำนวน 22 คน ผู้กระทำความดีความชอบที่มีผลงานอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน จำนวน 15 คน และผู้ทุ่มเท เสียสละ และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ในนามของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ด้วยดีตลอดมา จำนวน 7 คน โดยแบ่งเป็น 1) ชั้นตติยดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 1 คน 2) ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 5 คน 3) ชั้นเบญจมดิเรกคุณา
ภรณ์ จำนวน 13 คน 4) ชั้นเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 9 คน และ 5) ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 16 คน

รายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566

  1. ชั้นตติยดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 1 คน ได้แก่
    นางสาวปรางพิสุทธิ์ แดงเดช
  2. ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 5 คน ได้แก่
    1) นางรมณีย์ เธียรประสิทธิ์
    2) นายปณต ประพันธ์ศิลป์
    3) นายมนัส โนนุช
    4) นางสาวพเยาว์ สุกแก้ว
    5) นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ
  3. ชั้นเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 13 คน ได้แก่
    1) นายจิรโรจน์ ลัญฉนะวณิชย์
    2) นายฉัตรชัย ศิริไล
    3) นายปินเดอร์ปาลซิงห์ มาดาน
    4) นางปรียาภรณ์ อาชาภิรมย์ศิลป์
    5) นางสาวพรไพลิน อภิรักษ์คุณวงศ์
    6) นางสาวรณิดา นกไทยเจริญ
    7) นายกิตติภูมิ อภิรักษ์คุณวงศ์
    8) นายชัยรัตน์ นพสันติ
    9) นายเศวต เศวตสมภพ
    10) นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ
    11) นางสาวถิรัญชา เศรษฐี
    12) นางสาวสุวรรณี ชัยสันติกุลวัฒน์
    13) นางสาวโสภณา เศรษฐี
  4. ชั้นเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 9 คน ได้แก่
    1) นายกวิน นิทัศนจารุกุล
    2) นายวิน สุธีรชาติกุล
    3) นางสาวนภัสจิรา อิงคโรจน์ฤทธิ์
    4) นางนริศรา โพธิสุวรรณ
    5) นางสาวสุชาดา กุลตันติกร
    6) นางสาวอารีพรรณ พงศ์สุวรรณ
    7) นายปภาวิน นิธิเมธาวิน
    8) นายวรเทพ ตันติวรวงศ์
    9) นางพัชนี เธียรธวัช
  5. ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 16 คน ได้แก่
    1) นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ
    2) นายพิชญุตม์ เมฆเกรียงไกร
    3) นางวราภรณ์ ศิริบุรานนท์
    4) นางสาวโศภิชฐ์ วงษ์กมลเศรษฐ์
    5) นายบัญชา เธียรสุนทร
    6) นายวัฒนา หยังโรจนกุล
    7) นายสุขชาติ เลิศวุฒิรักษ์
    8) นายวิวัฒน์ ศิริโวหาร (อพม.)
    9) นางสาวดวงกมล สวลีตีเมืองซ้าย (อพม.)
    10) นายอติพล ดำพิลา (อพม.)
    11) นางจันทร์แสง ไชยยงค์ (อพม.)
    12) นางจารุณี กุลปิยะวาจา (อพม.)
    13) นางจินดา ศรีนุรัตน์ (อพม.)
    14) นางชนาพร ตุลยานนท์ (อพม.)
    15) นางพวงแก้ว พรมมิ (อพม.)
    16) นางสารภี บัวเกษ (อพม.)

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 ทุกท่าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศที่จะต้องรักษาไว้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของตนเองและวงศ์ตระกูลต่อไป รวมทั้งขอขอบคุณคณะผู้จัดงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการจัดงานพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์

ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา
#วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม
#พมหนึ่งเดียว #พส #กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
#เครื่องราชอิสริยาภรณ์ #toptotravel

กรมการท่องเที่ยวชูมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย

กรมการท่องเที่ยวชูมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เดินหน้ายกระดับ Supply Side ชวนเที่ยวไทยมั่นใจไปกับช้างชูงวง ตอกย้ำภารกิจก้าวย่างอย่างยั่งยืน

กรมการท่องเที่ยว เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใช้มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า”สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ตอกย้ำภารกิจยกระดับสินค้าและบริการครอบคลุมตลอดทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มุ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บริการท่องเที่ยว บุคลากรด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ รวมถึงการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ตั้งเป้าสู่การเป็น Tourism Hub ของโลก

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงานแถลงข่าวกรมการท่องเที่ยว ก้าวย่างอย่างยั่งยืน “ท่องเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ DOT” ณ ลานอีเดน ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึง การจัดงานในครั้งนี้
“กรมการท่องเที่ยวเดินหน้ายกระดับ Supply Side ชวนเที่ยวไทยมั่นใจไปกับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สัญลักษณ์ช้างชูงวงเริงร่าประกอบลาย ประจำยาม ตอกย้ำภารกิจก้าวย่างอย่างยั่งยืน ด้วยการยกระดับผู้ประกอบการและชุมชนให้
มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม การให้บริการที่ดีกับนักท่องเที่ยว รวมถึงสิ่งสำคัญในปัจจุบันคือเรื่องสิ่งแวดล้อม มีทั้งสิ้น 56 มาตรฐาน ครอบคลุมการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ทั้งที่พัก สินค้าและบริการท่องเที่ยว ด้านกิจกรรมท่องเที่ยว ด้านแหล่งท่องเที่ยว และด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งผู้ที่ได้รับรองมาตรฐานจะเป็นสถานประกอบการที่ภาครัฐรับรองว่ามีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ ตามเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวของรัฐบาล”

นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้กล่าวเสริมถึงการยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยว ว่า “กรมการท่องเที่ยว ดำเนินการเรื่องการออก
ใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การยกเลิก หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว การประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ และการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว
โดยมีสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขา จำนวน 8 แห่ง ในภูมิภาคต่าง ๆ ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา หนองคาย สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และภูเก็ต อีกทั้ง ให้บริการออกใบอนุญาตนอกสถานที่และระบบ e-Service
ในอนาคต สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยผ่านการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บูรณาการการปฏิบัติงาน ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว คุ้มครองการประกอบธุรกิจนำเที่ยว และการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ของคนไทย พร้อมกันนี้มีการพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้วยการฝึกอบรม การตรวจประเมินมาตรฐานธุรกิจนำเที่ยวและมาตรฐานมัคคุเทศก์ มีการประกาศกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในท้องถิ่นหรือชุมชน ให้มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ตามกฎหมาย”

นายบุญเสริม กล่าวเพิ่มเติม ถึงการดำเนินงานด้านต่างประเทศ ว่า
“เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์
อันดีกับต่างประเทศตามกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยส่งเสริมให้มีการพัฒนามาตรฐานสมรรถนะตลอดจนรับรองมาตรฐานสมรรถนะบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียนและข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ดำเนินมาตรการคืนเงินให้กับผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีเงินลงทุนถ่ายทำในประเทศไทยสูง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและกระจายรายได้ไปยังธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์
รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย และประชาสัมพันธ์ภาพแหล่งท่องเที่ยวของไทยสู่ทั่วโลก”

นางณัฏฐิรา แพงคุณ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึงภารกิจด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยว “เพื่อให้เกิดการเดินทางและเกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวจากเมืองท่องเที่ยวหลัก ไปสู่เมืองน่าเที่ยวการพัฒนา
แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ได้คำนึงถึงการออกแบบสิ่งจำเป็นตามโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลหรือ Tourism for All ให้สามารถรองรับและตอบโจทย์
นักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้กับชุมชนทั่วประเทศ ผ่านการตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล สำหรับการพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ได้จัดทำ
มาตรฐานการท่องเที่ยวไทยและตรวจประเมินมาตรฐาน ผ่ากระบวนการ
ที่เป็นสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับด้านการบริการทั้งหมด 36 มาตรฐาน แบ่งเป็นมาตรฐานที่พัก มาตรฐานบริการท่องเที่ยว และมาตรฐานกิจกรรมท่องเที่ยว จนมีสถานประกอบการด้านบริการที่อยู่ระหว่างการรับรองมาตรฐานไม่น้อยกว่า 1,293 แห่ง สร้างมูลค่าเพิ่มผ่านอัตลักษณ์ สินค้า บริการ และกิจกรรมของชุมชนที่ได้มาตรฐาน ต่อยอดเพื่อสร้างจุดขายให้กับนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์ Tourism Trend มีการอบรมเสริมสร้างองค์ความรู้ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ ตลอดจนจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม เพื่อส่งเสริมและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคี
เครือข่ายในการพัฒนาการท่องเที่ยวตามประเด็นต่าง ๆ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับมาตรฐาน ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว

ซึ่งการจัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 จัดขึ้นในวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน”

กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมพัฒนาห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยวสร้างความยั่งยืนสู่ผู้ประกอบการ ชุมชน นักท่องเที่ยว รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมดำเนินการตาม 5 กลยุทธ์ภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาลเพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Tourism Hub มุ่งหวังให้การท่องเที่ยวไทยก้าวย่างอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ได้รับบริการท่องเที่ยวที่ดี พร้อมท่องเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ DOT

มท.ชวนเที่ยวงาน OTOP MIDYEAR 2024 หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 67 เวลา 11.00 น. ที่ลาน Eden ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP MIDYEAR 2024 “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” โดยนายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมแถลงข่าว โอกาสนี้ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางอรจิรา ศิริมงคล อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน คุณภาวินี ไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสมชัย อัศวชัยโสภณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย นพขำ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน สื่อมวลชน และภาคีเครือข่าย ร่วมในงาน

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า งานในวันนี้เป็นงานที่รัฐบาลชุดต่าง ๆ ให้ความสำคัญและจัดขึ้นมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยรัฐบาลในปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนนโยบายในการ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน มีหน้าที่ในการพัฒนาคน ส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยทั้งชาติได้มีอาชีพ และพัฒนาศักยภาพเพื่อไปหนุนเสริมสินค้าโอทอป”เราจัดงานมหกรรม OTOP ระดับชาติปีละ 3 ครั้ง คือ OTOP CITY, OTOP MIDYEAR และ OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย และการจัด OTOP ระดับภูมิภาคอีก 4 ครั้ง ครอบคลุมทุกภาค

โดยในปีนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลกรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบนโยบายให้ปีนี้มีการจัดงาน OTOP ระดับกลุ่มจังหวัดตามกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่ม และจะแบ่งสัดส่วนสินค้าในงาน ได้แก่ OTOP 70% และผลิตภัณฑ์จากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 30% เพื่อจะหนุนเสริมให้บทบาทกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในการนำเสนอสิ่งที่ดีต่อสาธารณะ รวมทั้งเสริมเรื่อง Soft Power การพัฒนาอาชีพบุคคล โดยในปีนี้ เราจะจัดประชุมพัฒนากรประจำตำบล เพื่อพัฒนาคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 70 ปีของการก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชนควบคู่การหนุนเสริมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้วย” นายเกรียง กล่าวเพิ่มเติม

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดงาน OTOP MIDYEAR 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 16 มิถุนายน 2567 ภายใต้แนวคิด “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” โดยมีพื้นที่จัดงานมากกว่า 60,000 ตารางเมตร ครอบคลุมชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567

“การจัดงาน OTOP ครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสดังกล่าว โดยโซนแรก โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สะท้อนพระมหากรุณาธิคุณ โครงการพระราชดำริต่าง ๆ แนวคิดการพัฒนาประเทศ และความรู้สึกคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โซนที่ 2 โซนหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี และอีกหลายหน่วยงาน มาจัดแสดงและจำหน่าย โซนที่ 3 OTOP Trader จับคู่ธุรกิจ โซนที่ 4 จำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP มากกว่า 2,000 ร้านค้า ทั้งผ้าไทย เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักสาน อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ โซนที่ 5 OTOP ชวนชิม มากกว่า 160 ร้านค้า ทั้งประเภทอาหารและเครื่องดื่ม

โดยจะเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้เที่ยวชมงานเพื่อจะได้มีที่นั่งรับประทานอาหารเพิ่มเติม นอกจากนี้ โซนศิลปิน OTOP เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาและอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาให้สัมผัส โดยชูภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเป็นแกนกลางของการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนมาให้ทุกคนที่มางานได้แสวงหาความรู้ผ่านการสาธิตต่าง ๆ ควบคู่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงโซนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี แบ่งเป็น 4 ภาค ภาคเหนือ Wellness ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การทอผ้าการผลิตตัดเย็บผ้า ภูมิปัญญาท้องถิ่นวิถีทอผ้า ภาคกลาง หมู่บ้านขนมหวาน ที่ดึงภูมิปัญญาขนมในแต่ละจังหวัด จนกลายเป็นขนมไทย ภาคใต้ เน้นงาน craft เครื่องถมเงิน ถมทอง และโซน First Lady นวัตกรรมสินค้าต่าง ๆ โดยผู้เลือกซื้อสินค้าจะได้ร่วมชิงโชค และพบกับสินค้านาทีทอง และในงานมีการแสดงบนเวทีซึ่งมีศิลปินหลากหลาย ศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาแสดงบนเวทีตลอดการจัดงาน” นายสยาม กล่าวเพิ่มเติม

นายสยาม กล่าวเน้นย้ำว่า โซนไฮไลท์ของการจัดงานครั้งนี้ คือ “โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งเป็นการนำเสนอผลงานแห่งการน้อมนำพระกรุณาคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยทรงต่อยอดด้วยพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น เพื่อทำให้ผ้าไทยใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเวลา ทั้งลวดลายผ้า รูปแบบ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลทำให้เกิดรายได้จากพระกรุณาคุณที่พระราชทานพระดำรินับเป็นเวลา 3 ปีกว่า ผู้ประกอบการมีรายได้รวมทั้งประเทศมากกว่า 70,000 ล้านบาท

ซึ่งในปีนี้จะมีผ้าลายสิริวชิราภรณ์ และลายพระราชทานอื่น ๆ ตลอดจนผลงานที่ได้รับการพัฒนาฝีไม้ลายมือมาให้เลือกซื้อเลือกหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อพวกเราเลือกซื้อเลือกหาผ้าไทย แน่นอนว่าความภาคภูมิใจประการหนึ่ง คือ เม็ดเงินก็จะหมุนเวียนอยู่ในครอบครัวพี่น้องประชาชนเกษตรกรและผู้ประกอบการคนไทยด้วยกัน ไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ และประการที่สำคัญ ในปีนี้เรานำเสนอผลิตภัณฑ์อันเนื่องจากพระดำริ Sustainable Fashion หรือแฟชั่นแห่งความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนของประเทศต่าง ๆ บนโลกนี้ และงานในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของโลกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้นำผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาจัดจำหน่าย

นายสยาม กล่าวในช่วงท้ายว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้กรมการพัฒนาชุมชน พัฒนากระบวนงาน OTOP ให้ประชาชนได้เลือกซื้อเลือกหาสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ควบคู่กับการทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาศักยภาพตนเองเพื่อให้สินค้ามีมาตรฐานในระดับสูงขึ้น

ดังนั้น การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP มาจำหน่ายในงานครั้งนี้ เราจะเข้มงวดการคัดเลือกสินค้าตั้งแต่ 3 – 5 ดาว เพื่อให้พี่น้องคนไทยได้รับประสบการณ์ที่ดี เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในลักษณะเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน คือ 1) คนที่มาเที่ยวจะได้ชม ได้เห็นผลิตภัณฑ์และซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรการสูงยิ่งขึ้น และ 2) พี่น้องชาว OTOP ก็จะต้องปรับตัวในการพัฒนาฝีไม้ลายมือและผลงานให้มีมาตรฐานสินค้าเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ ผู้บริโภคได้สินค้าที่ดีมีมาตรฐาน ผู้ประกอบการได้รับการพัฒนา

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน และแฟนคลับ OTOP เที่ยวงาน OTOP MIDYEAR 2024 “หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย” ระหว่างวันที่ 8 – 16 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ชม ช็อป ชิม แช๊ะ แชร์ การจัดงานแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย ร่วมอุดหนุนสินค้าไทย เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไทย ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคนไทยไปด้วยกัน”

ด้าน นางสาวณัฏฐ์ณรัณกร แตงเอี่ยม ตัวแทน Excellent Creft by อุไรเบญจรงค์ จากโซนศิลปิน OTOP กล่าวว่า  ผลงานที่นำมาโชว์ผลิตภัณฑ์ครั้งนี้คือองค์พระพิคเณศวร ปางประทานพร ทรงเครื่องจักรพรรดิ เป็นการหล่อองค์พระพิคเณศขึ้นมาใหม่ ใหญ่ที่สุดที่ทำมาจากเซรามิค โดยเป็นการนำน้ำทองวาดลวดลายเป็นลายเบญจรงค์ และวาดลงบนความนูนของลายทรงจักรพรรดิ ทรงเครื่อง ด้วยน้ำทองคำแท้ และลงสีองค์ด้วยสีแดงและตกแต่งด้วยยลายดอกไม้หลากสีจักรี ทรงเครื่อง ปางเสวยสุขประทานพร ใช้เวลา 1 ปี ในการปั้นและการทำลวดลายน้ำทองคำ มีขนาดกว้าง 16 นิ้ว สูง 29 นิ้ว ซึ่งจัดแสดงในโซนศิลปิน OTOP และเป็นการเปิดตัวเบญจรงค์ลายกางเกงช้าง เบญจรงค์ GEN ใหม่ ซึ่งลวดลายบนเครื่องเบญจรงค์นี้ สามารถนำศิลปะที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดมาวาดลงบนจาน ซึ่งมีหลายขนาด สามารถรังสรรค์งานในสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ โดยในงานจะมีการรับออกแบบเทรนด์กางเกงช้างประจำจังหวัดใส่บนภาชนะที่ต้องการได้  ได้รับการให้โอกาสแสดงงานโดย คุณริตยา รอดนิ่ม ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น กรมการพัฒนาชุมชนเป็นครั้งแรกที่นำมาจัดแสดง”

OTOP MIDYEAR 2024 หลากหลายผลิตภัณฑ์ สีสันภูมิปัญญาไทย
8 – 16 มิ.ย. 67 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

พนิตตา ศรีสอาด ควงสองหนุ่ม บุรินทร์ นาคเจริญ และวีรศักดิ์ ชุณหจักร สังสรรค์วันคล้ายวันเกิดโมเมนต์นี้อบอุ่นหัวใจ

ฉลองวันเกิดปีนี้ พนิตตา ศรีสอาด ควงสองหนุ่ม บุรินทร์ นาคเจริญ (โจ๊บ) และวีรศักดิ์ ชุณหจักร (อิ่ม) ฉลองวันเกิดที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ในปีนี้ถูกจัดขึ้นที่ห้องอาหารเกาหลี “หยาง” พร้อม เสิร์ฟความอร่อยหลากหลายเมนูแบบต้นตำรับ
เกาหลีแนวฟิวชั่นรสเลิศสุดๆ

สร้างสรรค์โดย “เชฟจอร์แดน” มาพลิกโฉมอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม อาหารเกาหลีสไตล์ฟิวชั่น….อร่อย คุ้นลิ้น ที่สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษฯ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศสุดมันส์

โดยมีดารา นักแสดง เซเลบริตี้ชื่อดัง ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา (ดร.เอ๊าะ) กับเอิร์ธ สายสว่าง และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอวยพรวันเกิดร่วมแสดงความยินดีที่ องอาหารเกาหลี “หยาง”

หมอเพื่อน หวนคืนวงการนางงาม

เปิดตัวกันมาเรื่อยๆ สำหรับ การประกวด Miss Universe Thailand 2024  ของแต่ละจังหวัด ปีนี้ น่าจับตามองคงไม่พ้น MUT Khonkaen ที่มี คุณหมอเพื่อน แพทย์หญิงกอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์  Premier Life Center รพ.พญาไท 2 ดีกรี รองนางสาวไทย อันดับ 1 ปี 2552 หวนคืนวงการนางงามอีกครั้งในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ MUT Khonkaen จังหวัดบ้านเกิด และยังสนับสนุนการประกวดในครั้งนี้ ในนามคลินิกหมอเพื่อนที่จังหวัดขอนแก่นด้วย

เห็นหมอเพื่อน ออกสื่อให้ความรู้สุขภาพและตรวจคนไข้ประจำโรงพยาบาล รวมถึงเป็นแพทย์อาสา แต่ยังจัดสรรเวลาในวงการบันเทิงและนางงามให้เราได้ลุ้นกันว่า สาวๆ จังหวัดขอนแก่นท่านไหนจะเข้าตากรรมการ เป็นตัวแทนไปแข่งขันต่อ ใน Miss Universe Thailand 2024 

ผู้เข้าประกวด MUT khonkaen 2024  ได้แก่ โอปอ  ณัฐนันณ์ วงษ์ทรัพย์ , เบ็นซ์  อังชนาภรณ์ โมในยกุล  , จีจี้   ชนิดา  กงวงษ์ , เบนซ์   อริสา ชยปาลกุล , พิซซ่า   ศิริยศ  ชุปวา , กวางตุ้ง  อภิญญา กันสา , ฟิล์ม   ชาริสา ทรัพย์แสงเพิ่ม , นุ่น   สุวัจนี ศรีพละธรรม , โรส   ฐานิตา สีกวนชา , บุ๋มบิ๋ม   ชิชาดา นาสมยนต์ , ตานิว   วิลาวัณย์ กาศสันเทียะ , มิ้ว   ภัคพิชา เตชะเจริญทรัพย์ , กุ๊กกิ๊ก  ณัฐณิชา เนื่องโคคะ , เฟญ่า นภัสสรณ์ โสสิงห์

MUT Khon Kaen ปี 2024 ภายใต้ Motto The Metropolis Khon Kaen Never Stop มหานครที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พัฒนาอย่างยั่งยืน เรียนรู้ไปกับการเปลี่ยนแปลง ในทุกมิติความเจริญ ทันสมัย ของจังหวัดขอนแก่น ด้วย กลยุทธ การชู ความทันสมัยในทุกด้าน ให้ โลกรับรู้ บนจักรวาลความงาม ปีนี้ ผู้เข้าร่วมประกวด 14 สาวงาม ร่วมทำกิจกรรม เก็บตัวระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2567

ติดตามได้ ผ่านทางเพจ MUT KhonKaen และวันประกวดวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 19.30 น. ณ Khonkaen Hall  ชั้น5  เซ็นทรัลขอนแก่น รับชมถ่ายทอด
ผ่านทาง Live TPNG

ฟรี Thai Tea Latte จาก Cafe De Oasis @Chiang Mai

Oasis Spa ร่วมมือกับ Café de Oasis ส่งต่อเอกลักษณ์มหัศจรรย์ของชาไทย เครื่องดื่มสุดฮิต ที่เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว ด้วยประสบการณ์การสครับผิวที่ไม่เหมือนใคร เพียงเลือกการนวด 2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น “King of Oasis” หรือ “Queen of Oasis” รับฟรีทันที 60 นาทีโปรแกรมขัดผิว Thai Tea Latte Body Scrub โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผิวหอม และนุ่มชุ่มชื่นขั้นสุด

พิเศษกว่านั้น รับฟรี ‘Thai Tea Latte’ จาก Cafe De Oasis @Chiang Mai ลิ้มรสชาติชาไทยแท้ ให้รอบกายกรุ่นหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นชาไทยที่เป็นเอกลักษณ์ไปทั้งวัน พร้อมเผยผิวสวย เรียบ เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ด้วยการขัดผิว ชาไทย ลาเต้ ให้อาหารผิวแบบล้ำลึกจากวิตามินอี หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของชาดำที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวแข็งแรง ผสานกับน้ำมันจมูกข้าว และน้ำมันดอกไม้นานาพรรณ เช่น ดอกคามิเลีย ดอกทานตะวันและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวช่วยฟื้นฟูเร่งด่วนให้ผิวอ่อนล้าหลังออกแดดมีชีวิตชีวาขึ้นทันที

การขัดผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยพาความเหนื่อยล้าของวันวานออกไป ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจากชาไทย

จองด่วน มาผ่อนคลายกายและใจกับโปรโมชั่น Thai Tea Latte Body Scrub ที่โอเอซิสสปา ทั้ง 8 สาขา ลิ้มรสชาติชาไทยแท้ ให้รอบกายกรุ่นหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นชาไทย

ฟรีทันที ขัดผิวชาไทยลาเต้ เพียงทำสปา 2 ชั่วโมง ชาไทยลาเต้ เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของเรา รอเสิร์ฟเติมความสุขให้ทุกท่านอยุ่ที่ Cafe De Oasis เชียงใหม่

เงื่อนไขโปรโมชั่น :

  • สามารถใช้บริการได้ที่โอเอซิสสปาทุกสาขา กรุงเทพ ฯ เชียงใหม่ ภูเก็ตและพัทยา
  • ส่วนลดนี้สำหรับการจองออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2567 เท่านั้น
  • ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆ หรือคูปองส่วนลดอื่นๆ หรือบัตรสมาชิกโอเอซิสสปาได้

แผนกรับจองสปา
เชียงใหม่ +66 5392 0111
กรุงเทพ +66 2262 2122
ภูเก็ต +66 7633 7777
พัทยา +66 3811 5888
อีเมล์ res@oasisspa.net
Line @oasisspa