Kaspersky โซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ตามบ้าน

แคสเปอร์สกี้ แลป ประเทศไทย
เปิดตัว Kaspersky 2018

เปิดตัว Kaspersky Total Security 2018 และ Kaspersky Internet Security 2018 รวมถึงโซลูชั่นพื้นฐานอย่าง Kaspersky Anti-Virus 2018
มาพร้อมการปกป้องแบบมัลติดีไวซ์ ในยุค “Household 2.0” คือยุคที่ในบ้านประกอบด้วยอุปกรณ์ต่ออินเทอร์เน็ตเฉลี่ยจำนวน 6.3 ชิ้น  มีผู้พักอาศัย 2.4 คน และสัตว์เลี้ยงอีก 0.3 ตัวต่อครอบครัว!!

ยุคของบ้านพักอาศัย 2.0 คือ ยุคที่ทุกย่างก้าวคือชีวิตออนไลน์ ปัจจุบันพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วในบ้านหนึ่งหลังมีอุปกรณ์ 6.3 ชิ้นเชื่อมต่อออนไลน์ เกิดเป็นชั่วโมงออนไลน์จำนวนมาก และว่าผู้พักอาศัยในบ้านก็ใช้งานเว็บเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อของโปรแกรมและเว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย ในรายงานวิจัยประจำปีของแคสเปอร์สกี้ แลป พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 63% ต่างกังวลใจกับอีเมลฟิชชิ่งและเว็บไซต์ปลอม และเพื่อตอบโจทย์ความกังวลนี้ Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security มีเทคโนโลยีต่อต้านฟิชชิ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการตรวจจับและป้องกันผู้ใช้จากอีเมล์หลอกลวง และสแปมรวมถึงเว็บไซต์ปลอมและลวงข้อมูล นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบ URL Advisor ในการดูแลการค้นหา URL ให้กับผู้ใช้เพื่อรู้ว่าเว็บไซต์ที่ค้นหานั้น
มีความปลอดภัยหรือไม่ มีพิรุธหรืออันตรายหรือว่าเป็นเว็บไซต์หลอกลวงหรืออาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายกับคอมพิวเตอร์อย่างไรหรือไม่ โดยจะแสดงให้เห็นได้ชัดในแต่ละลิ้งก์
แคสเปอร์สกี้ แลป เสนอโซลูชั่นเรือธงชั้นนำล้ำยุคสู่ตลาดไทย เพื่อปกป้องผู้บริโภคโลกยุคที่รูปแบบความทันสมัยในครัวเรือนนั้นกำลังเปลี่ยนโฉมไปอีกครั้ง สู่รูปแบบที่เรียกว่า “บ้านพักอาศัย 2.0” ประกอบตัวเลขเฉลี่ยของผู้พักอาศัย 2.4 คน1 มีสัตว์เลี้ยง 0.3 ตัว2 และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย 6.3 ชิ้น3 ต่อครอบครัว แถมอุปกรณ์เหล่านี้ก็เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นต่อในชีวิตประจำวัน แคสเปอร์สกี้ แลป ประเทศไทย ร่วมกับบริษัท ไอคอม เทค ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคของแคสเปอร์สกี้ แลป อย่างเป็นทางการ จึงได้เปิดตัว Kaspersky Total Security 2018 และ Kaspersky Internet Security 2018 รวมถึงโซลูชั่นพื้นฐานอย่าง Kaspersky Anti-Virus 2018 ที่ได้รับการปรับยกสมรรถนะประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแลอุปกรณ์ส่วนตัวในครัวเรือนเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เราใส่ใจให้การดูแลสมาชิกและสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรา

จากข้อมูลของ Kaspersky Security Network หรือ KSN ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2560 ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ แลป สามารถตรวจจับเหตุการณ์ที่เกิดจากมัลแวร์อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้ถึง 2,947,918 เหตุการณ์ โดยรวมแล้ว มีผู้ใช้งานในประเทศไทยจำนวน 17.6% ที่ถูกโจมตีในช่วงเวลาดังกล่าว

คุณสเตฟาน นิวไมเออร์ กรรมการผู้จัดการ แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ตัวเลขสถิติของ KSN ข้างต้นนั้น ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นขณะท่องเว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ 33 ของโลก จากรูปแบบครัวเรือนในปัจจุบันนี้ พบว่ามีจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงรวมกันเสียอีก และอุปกรณ์เหล่านี้ต่างมีบทบาทในชีวิตประจำวันในบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้งานเพื่อรองรับทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อจับจ่ายซื้อของ หรือแชร์วิดีโอสมาชิกตัวน้อยในบ้าน การเชื่อมต่อเหล่านี้ย่อมพ่วงมากับความกังวลด้านความปลอดภัย แต่อัตราเสี่ยงในทุกวันนี้กลับเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ใช้ทั่วไปยังใช้อุปกรณ์โดยไม่มีการป้องกันการคุกคามทางไซเบอร์กันเลย ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ มัลแวร์ การหลอกลวงการการเงิน และรูปแบบอื่นๆ”

คุณสเตฟาน กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ Kaspersky Total Security และ Kaspersky Internet Security รุ่นล่าสุด ได้รับการออกแบบให้ปกป้องการใช้งานภายในบ้านสมัยใหม่ ช่วยให้ผู้พักอาศัยสมาชิกในครัวเรือนมีศักยภาพที่จะดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และดูแลจังหวะการใช้ชีวิตดิจิทัลให้แก่ทุกคนในครอบครัว ให้เหมือนกับที่เราใส่ใจให้การดูแลสมาชิกและสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรา

านคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลอันมีค่า  จากความหวาดกลัวเว็บไซต์ปลอมก่อให้เกิดความกังวลว่าการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจจะเป็นช่องทางให้สูญเสียข้อมูลที่อยู่ในบรรดาอุปกรณ์ 6.3 ชิ้นในบ้านหลังหนึ่งๆ ได้ โดยข้อมูลที่สุดหวงแหนแห่งยุคคือ รูปภาพ ซึ่งในความจริงแล้ว จากการวิจัยของแคสเปอร์สกี้ แลป พบว่า การสูญเสียภาพถ่ายดิจิทัลของหลายๆ คนทำให้เกิดความเครียดมากกว่าการเลิกคบเพื่อนหรือความเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำไป

จากการที่ข้อมูลกลายเป็นของรักของทุกคนไปแล้ว พบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่าครึ่ง (56%) ต่างกังวลว่าข้อมูลของพวกเขานั้นอาจมีความเสี่ยงที่จะโดนเรียกค่าไถ่ ซึ่งความกังวลนี้เกิดมากขึ้นหลังจากการโจมตีครั้งล่าสุดของ WannaCry และเพื่อช่วยให้ผู้พักอาศัยตามบ้านสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านยุค 2.0 ได้อย่างสงบสุข Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ได้เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและป้องกันโปรแกรมเรียกค่าไถ่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อต่อกรได้แม้กระทั่งแรนซัมแวร์ที่ซับซ้อนมากที่สุด

ทุกครอบครัวต้องการเก็บความลับไว้กับตัวเอง แต่ในยุค “บ้านพักอาศัย 2.0” นั้น ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มักถูกคุกคามทางออนไลน์ ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าข้อมูลอาจจะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลบางส่วนที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน มีผู้ใช้ถึง 44% ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ใช้จะมั่นคงปลอดภัยอยู่กับตัวเอง ด้วยความสามารถใหม่ในการล็อกการทำงานแอพพลิเคชั่นบนมือถือระบบแอนดรอยด์ จึงมีการเพิ่มระดับชั้นของการปกป้องด้วยรหัสลับให้กับผู้ใช้ได้กำหนดในแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น บริการรับส่งข้อความ เครือข่ายสังคม อีเมล หรือข้อมูลลับอื่นๆ ไม่ให้บุคคลอื่นเรียกใช้เข้าถึงได้ โดยที่ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติ Kaspersky Secure Connection service ที่มีอยู่ทั้งใน Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ที่จะช่วยในการเข้ารหัสข้อมูลที่รับและส่งบนเครือข่ายไร้สายที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัยหรือบนเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงอีกชั้นหนึ่งด้วย

การใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็กๆ คือหัวใจที่ต้องดูแลป้องกันภายในครัวเรือน  แม้ว่าจะมีความกังวลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ “บ้านพักอาศัย 2.0” ยังนำมาซึ่งความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อสมาชิกในครอบครัวที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยผู้ใช้ 60% กังวลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลาน ว่าอาจเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ แคสเปอร์สกี้ แลป นำเอาระบบควบคุมการใช้งานโดยผู้ปกครอง (parental controls) ของแคสเปอร์สกี้ แลป มาบรรจุไว้ใน Kaspersky Total Security ล่าสุดนี้ด้วย ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตั้งช่วงเวลาใช้งานสำหรับอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่มีอยู่ในบ้าน รวมถึงกำหนดแอพพลิเคชั่นให้เด็กๆ ได้ใช้งาน รวมถึงป้องกันการเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ภาษาลามกอนาจาร หรือข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดและอื่นๆ ทั้งหมดรวมอยู่แล้วในคุณสมบัติของบริการ Kaspersky Safe Kids

คุณเอเลน่า คาร์เชงโก้ หัวหน้าฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า “อุปกรณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเราและครอบครัว ขยายขอบเขตการใช้งานทั้งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การเรียนรู้ การสื่อสาร และได้เปิดช่องทางให้เกิดธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ แถมยังช่วยให้ทุกคนดำเนินชีวิตได้ต่อเนื่อง และไม่น่าแปลกใจเลยว่าในยุคบ้านพักอาศัย 2.0 จะมีอุปกรณ์เหล่านี้มากกว่าคนและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านเสียอีก”

“แต่สิ่งที่เราพบจากการสำรวจนั้นชี้ว่า การเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลาของเรานำมาซึ่งความกังวลโดยธรรมชาติในเรื่องความปลอดภัยออนไลน์ จากความกลัวที่จะตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง รวมถึงความกังวลในเรื่องการใช้งานออนไลน์ของเด็กๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งความกังวลเหล่านี้ได้ถูกตอบโจทย์ทั้งหมดอยู่แล้วในผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดของ Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ซึ่งถือว่าเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่นำเสนอแนวทางที่ฉลาดที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแลการใช้งานของทั้งครอบครัวในโลกของดิจิทัลโดยที่ไม่ขัดขวางการเปิดประสบการณ์บนโลกออนไลน์”

คุณสเตฟาน กล่าวว่า
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดตลาดหนึ่งของแคสเปอร์สกี้ แลป ติดอันดับหนึ่งในสามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและทรัพยากรบุคคลที่มีการศึกษา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจึงเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้งานออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่จำนวนผู้ใช้เพิ่มสูงขึ้น แต่ความตระหนักรู้ในเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์กลับไม่เพียงพอ จึงเป็นเหตุให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย”

ผลิตภัณฑ์ Kaspersky Total Security 2018, Kaspersky Internet Security 2018 และ Kaspersky Anti-Virus 2018 มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำในราคาต่อไปนี้:-

· Kaspersky Total Security 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 990 บาท

· Kaspersky Total Security 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,890 บาท

· Kaspersky Internet Security 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 890 บาท

· Kaspersky Internet Security 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,780 บาท

· Kaspersky Anti-Virus 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 690 บาท

· Kaspersky Anti-Virus 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,380 บาท

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการให้การบริการด้านเทคนิค
สามารถติดต่อศูนย์การบริการแคสเปอร์สกี้ไทย (iCom Tech Co. Ltd.)
ได้ที่ 02-203-7500
เว็บไซต์ www.thaikaspersky.com

ห้ามพลาด งานฮาลาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

Thailand Halal Assembly 2017
ยอมรับจากนานาชาติว่างานฮาลาลที่ดีที่สุด

ฮาลาลไม่ใช่ของใครคนใด แต่เป็นเรื่องของคนทั้งโลก เป็นทรัพย์สินทางปัญญาคนมุสลิมทุกคน เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์ ได้อนุมัติให้บริโภค จากปัจจัยยังชีพที่ทรงประทานลงมาเพื่อคุณค่า

ฮาลาลเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์คุณค่าแก่ผู้บริโภคทั่วโลก และ
ฮาลาลก็ไม่ได้เป็นผลประโยชน์แต่เพียงมุสลิมเท่านั้น  แต่เป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย  การจัดงาน THA 2017 เป็นการส่งเสริมกิจการฮาลาลของไทยในตลาดโลก โดยเฉพาะในตลาดมุสลิม ซึ่งประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
ฮาลาลไม่ได้เป็นของมุสลิมเพียงอย่างเดียว  ผู้ประกอบการฮาลาลส่วนใหญ่ 95 % ไม่ใช่มุสลิม มีผลิตภัณฑ์สินค้าฮาลาล ประมาณ 186,000 ผลิตภัณฑ์ SMEs ไปจนถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ มีรายได้จากการส่งออก ในขณะที่สินค้าอื่นมียอดการส่งออกลดลง แต่สินค้าฮาลาลมียอดส่งออกเพิ่ม 12% นับว่า ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติสูงมาก

-รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย กล่าว

รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย และประธานจัดงาน Thailand Halal Assembly 2017

สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย (สมฮท.) และ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นเป็นปีที่ 4 ในงาน “THAILAND HALAL ASSEMBLY 2017” เพื่อส่งเสริมพัฒนากิจการฮาลาลประเทศไทย ภายใต้หลักการ “ศาสนารับรองและวิทยาศาสตร์รองรับ” อันเป็นผลให้ผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทยเป็นที่เชื่อถือในระดับโลก ชูศักดิ์ศรีของมุสลิมไทยบนเวทีฮาลาลโลก สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย

ภูมิปัญญาฮาลาล : จุดบรรจบของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยาอิสลาม

รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย และประธานจัดงาน Thailand Halal Assembly 2017 กล่าวว่า กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงสร้างปรากฎการณ์ฮาลาลไทยสู่เวทีฮาลาลโลก กับการจัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ “Thailand Halal Assembly 2517” ครั้งที่ 4 โดย สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย (สมฮท.) และ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้แนวคิด “ภูมิปัญญาฮาลาล : จุดบรรจบของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยาอิสลาม” (Halal Wisdom : Convergence of Science, Technology and Islamic Arts) โดยเจตนารมณ์เพื่อแสดงศักยภาพของกิจการฮาลาลประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมและพัฒนากิจการฮาลาลประเทศไทย ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ถึงคุณลักษณะที่โดดเด่นในระบบและกระบวนการดำเนินงาน ภายใต้ “หลักการศาสนารับรองและวิทยาศาสตร์รองรับ” อันเป็นผลให้ผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทยเป็นที่เชื่อถือในตลาดโลก

กลับมาใหม่ ยิ่งใหญ่กว่าเดิม   “Thailand Halal Assembly 2017
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย (สมฮท.) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) และหน่วยงานอื่นๆ มีกำหนดจัดงาน “THAILAND HALAL ASSEMBLY 2017”

จุดบรรจบของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยาอิสลามชูศักดิ์ศรีของมุสลิมไทยบนเวทีฮาลาลโลก

โดยการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ Thailand Halal Assembly 2517  จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2560
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ภายในงานประกอบด้วย การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม และธุรกิจ
ฮาลาล ครั้งที่ 10, งานแสดงสินค้า THAILAND INTERNATIONAL HALAL EXPO 2017 (TIHEX) จากผู้ประกอบการฮาลาลทั้งในและต่างประเทศ กว่า 250 บูท, การประชุมวิชาการนานาชาติว่าด้วยมาตรฐานฮาลาล (THE HALAL CB CONVENTION) จากหน่วยงานตรวจรับรองฮาลาลทั่วโลก, การนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล รวมทั้งการจับคู่เจรจาทางธุรกิจฮาลาล

ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ฮาลาลมีมูลค่ามหาศาลและมีผู้ผลิตทั่วโลกให้ความสำคัญ เพราะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นชาวมุสลิมกระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,800 ล้านคน และคาดว่าภายในปี 2030 จะมีจำนวนมุสลิมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคน หรือคิดเป็น 26.4% ของประชากรทั้งโลก ซึ่งมีตลาดรวมผลิตภัณฑ์ฮาลาลคิดเป็นมูลค่ากว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อปี และมีผู้ค้าหรือผู้ส่งออกรายใหญ่ ได้แก่สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา อินเดีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และ ออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศไทยเองมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นอันดับสิบของโลก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าส่งออกของประเทศต่าง ๆ ประเทศไทยยังส่งออกได้น้อยโดยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของมูลค่าส่งออกสินค้าทั้งหมดของประเทศ ทั้งที่จริง ๆ แล้วประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลมูลค่ากว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปยังประเทศสมาชิกโอไอซี อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้มีไม่ถึง 10%
ที่เป็นสินค้าส่งออกที่ผ่านการรับรองฮาลาล เราจึงจำเป็นต้องให้ผู้ประกอบการส่งออกมาขอรับรองฮาลาล ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะทำให้ฮาลาลไทย
เป็นที่หนึ่งในโลก

การจัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ Thailand Halal Assembly 2517 ในครั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายว่าตลอด 4 วัน มีผู้ร่วมงานกว่า 25,000 คน อีกทั่งยังมุ่งหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะสามารถเผยแพร่องค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเรื่องฮาลาลประเทศไทย ต่อประชาคมโลกให้รับทราบและสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและมาตรฐานสินค้าฮาลาลของประเทศไทย พัฒนาให้สินค้าและบริการฮาลาลไทยสู่ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลติดอัน 1 ใน 5 ของโลก

อีกทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์พัฒนาการทางเทคโนโลยี งานวิจัย และศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลของประเทศไทยให้ผู้สนใจที่เข้าร่วมงานได้รับทราบอีกด้วย รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร กล่าวปิดท้าย

เปิดมุมมองงานฮาลาลระดับนานาชาติ จัดเพียงปีละครั้งเท่านั้น มา Update
กระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพื่อแลกของที่ระลึกอีกมากมายงานมหกรรมสินค้า-อาหารฮาลาล และสุดยอดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ที่ทุกท่านรอคอย

1. HALAL EXPO ผลิตภัณฑ์ฮาลาล
เชื่อเหลือเกินว่า  อาหารฮาลาล ชม ชิม ฟรี จะเป็นที่ปรารถนาของนักชิมหลายๆคน มีให้เลือกชิมมากกว่าไปกว่านั้นคือเราได้รวบรวมอาหารฮาลาลนานาชาติมาอยู่ในงานนี้

2. Science Technology และ Islamic Arts
ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอิสลามิคอาร์ต เชื่อว่าเป็นการแสดงที่เกิดขึ้นครั้งแรกของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ในการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ฮาลาล เทคโนโลยี และอิสลามิคอาร์ต

3. ความรู้ด้าน HALAL แบบ Unlimited edition
แน่นอนหากคุณได้เข้ามาในงาน Thailand Halal Assembly 2017 คุณจะรู้ว่าฮาลาลไม่เพียงอาหาร หรือ ข้าวหมกไก่ โรตีจิ้มแกง มัสมั่นไก่ แต่เป็นอะไรที่มากกว่าเช่น สปาฮาลาล แฟชั่นฮาลาล โรงแรมฮาลาล เครื่องสำอางฮาลาล ฯลฯ

4. นักลงทุนต้องห้ามพลาด
ความรู้ด้านฮาลาลมีมูลค่ามากหากนักธุรกิจรุ่นใหม่ไม่มีความรู้ด้านฮาลาลจะเสียเปรียบเรื่องด้านการลงทุนแบบน่าเสียดายมักมาก

5. ความรู้+ประสบการณ์ และ ของที่ระลึกมากมาย
มาร่วมเปิดมุมมอง  งานฮาลาลระดับนานาชาติจัดเพียงปีละครั้งเท่านั้น

งานเดียวครบ เต็มอิ่มจุใจ! พลาดไม่ได้จริงๆ นะคะ
Website : https://goo.gl/oQFTDm
#THA2017

คิดแต่ไม่เคยพูด อารัช วิทยากรณ์ มิสเตอร์ซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์

อารัช  วิทยากรณ์
กับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่

สืบเนื่องจากภาพ profile ในชุดกีฬา Fitsuits  แห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Tototravel ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับหนุ่มหล่อที่ร้อนแรงที่สุด  วันนี้มีโอกาสมาพร้อมกับบทสัมภาษณ์ของหนุ่มหล่อกระชากใจสาวหลายคน

อารัช  วิทยากรณ์ หนุ่มเข้มลูกครึ่ง ไทย-ปากีสถาน อายุ 24 ปี  ปัจจุบันเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอล ฝ่าฟันภารกิจสุดหิน ที่เป็นบททดสอบทั้งความฟิตและสติปัญญา จนในที่สุด อารัช วิทยากรณ์ สอบผ่านแบบไม่ธรรมดาจริงๆ พิสูจน์แล้วว่ามีความคูลที่สุด จนคว้าตำแหน่ง…ชนะเลิศอันดับ1
Mister supranational thailand 2017

Aratch Wittayagone
Cr: ภาพ FB: Aratch Wittayagone

การประกวด Mister Supranational 2017 เวทีเฟ้นหาสุดยอดนายแบบระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้ทางกองประกวด ทำการเก็บตัวทำกิจกรรมต่างๆ ถึง 2 ประเทศยุโรป ได้แก่ ประเทศโปแลนด์ และ ประเทศ
สาธารณรัฐเช็ก เก็บตัวและร่วมทำกิจกรรมกับกองประกวด ระหว่างวันที่
20 พย. 60 – 2 ธค. 60  รอบตัดสินวันที่ 2 ธค. 60 ที่ประเทศโปแลนด์  ร่วม
กับสุดยอดนายแบบระดับโลก จากประเทศต่างๆ 60 กว่าประเทศ โดยผู้ชนะจะได้เงินรางวัลกว่า 10,000 USD และลงนามทำสัญญาเป็นนายแบบกับกองประกวดอีก 1 ปี

Mister Supranational Thailand 2017 เริ่มเป็นที่รู้จักจากการประกวดเวทีประกวดหนุ่มหล่อที่ร้อนแรงที่สุดและเป็นเวทีค้นหาหนุ่มหล่อทั่วไทยซึ่งเป็นความลับของมนต์เสน่ห์  ที่น่าค้นหา ล่าสุด อารัช  วิทยากรณ์ เตรียมพร้อมสำหรับการ ประกวดที่จะเดินทางไปประกวด Mister Supranational 2017 ที่ประเทศโปแลนด์  ในเดือน พฤศจิกายน 2560

Aratch Wittayagone
Bright Yonng Thing

วันนี้เราจะมาดูกันว่า อารัช  วิทยากรณ์การเตรียมตัว ฟิตร่างกาย และเตรียมอะไรไปโชว์เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงประเทศไทยสู่เวทีนานาชาติ มีแนวคิดและคำแนะนำดีๆ อะไรบ้างที่จะมาฝากแฟนเพจ toptotravel ให้ได้ติดตามกัน และการเดินทางก้าวต่อไปของ อารัช กำลังจะเริ่มขึ้น  ไม่มีใครน่าจับตามองไปกว่า มิสเตอร์ซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์  คนนี้อีกแล้ว

หนุ่มหล่อเข้มลูกครึ่งไทย- ปากีสถาน มีภูมิลำเนา จากจังหวัดเชียงใหม่ อายุ 24 ปี เจ้าของความสูง 190 ซม. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาธุรกิจ
การบินมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต วิทยาเขตหัวหิน เป็นบุตรชายคนโต ของนายเพิ่มศักดิ์ วิทยากรณ์ ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง อารัช จะต้องบินไปร่วมประกวดสุดยอดนายแบบโลก Mister Supranational 2017 กลางเดือนนี้

คุณอารัช วิทยากรณ์  ตัวแทนประเทศไทย ไปประกวด Mister Supranational 2017

การประกวดครั้งแรก เวที 2015  เมื่อก่อนไม่เคยรู้ตัวเลยว่า  ประสบการณ์จากกองประกวดทำให้เราสนุกมากกับการประกวด เอาจริงเพราะผมขี้อายมาก เคยเป็นแต่นักกีฬา  สำหรับเวที เมนส์เฮลธ์ กายส์ ชาลเลนจ์ 2015 ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้การทำงาน และเพราะเป็นงานที่ไม่น่าเบื่อ ทำให้
รู้สึกตื่นเต้น ท้าทายในการทำงานต่างๆ  ซึ่งจากประสบการณ์ หลายครั้งผมโชคดีมากที่ได้รับโอกาสดีดีเข้ามาจากผู้ใหญ่ และผู้สนับสนุนหลักต่างที่
กรุณาให้ความเมตตา  ดีใจที่สุดกับโอกาสที่ได้รับ  การที่ผมติด 1 ใน 10
เวที Men’s Health Guys’ Challenge 2015  ซึ่งการเฟ้นหาที่สุดแห่งสุภาพบุรุษสุขภาพดีล้วนๆ  ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของงานที่ผมรัก    -อารัช กล่าว

วันนี้สำหรับใครที่อยากรู้จักตัวตนหนุ่หล่อวัย 24 ปีคนนี้ มาติดตามคำถามแบบ เปิดใจ  อารัช  วิทยากรณ์ มิสเตอร์ซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ โดยเขาเล่าว่า ตัวเองชอบเล่นกีฬาตั้งแต่อายุ  10 ขวบ เติบโตและเรียนหนังสือจบพอจบมัธยมต้น เขาย้ายไปเรียนโรงเรียนใหม่  ตอนนั้นตั้งใจเรียนมากขึ้น พร้อมกับหารายได้พิเศษไปด้วย โดยเริ่มต้นจากการถ่ายโมษณา จนปัจจุบันเรียนจบปริญาตรี

ด้วยความที่ อารัช วิทยากรณ์ เป็นคนชอบที่ชอบการออกกำลังกาย และเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย คุณสมบัติที่สำคัญและความฝันอยากเป็นนักกีฬาชอบเล่นกีฬา เล่นกีฬาได้เกือบทุกชนิด

สนุกกีฬาที่ชอบได้ทำงานและการรับหน้าที่ในวันนี้  เป็นสิ่งที่ผมทำจะไปได้ไกลที่สุด นับเป็นครั้งแรก  ที่ผมจะเป็นตัวแทนของประเทศไทย เดินทางไปประกวด Mister Supranational 2017 ที่ประเทศโปแลนด์

ถ้าถามว่าแนวทางการทำงานที่สำคัญคือเป็นอีกครั้งที่ได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ ขยันให้มาก อดทนให้เยอะ และทำให้เราหลุดจากกรอบที่เคยทำ  ถ้าอยากเติบโตต้องลงแข่ง ต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง   และสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่ารางวัล คือประสบการณ์ เพราะในทุกการแข่งขันจะได้รับโจทย์ที่ท้าทาย
สิ่งนี้เองที่จะบังคับให้เราลองของใหม่และกล้าหยิบมาใช้ในการทำงาน คิดบวก การคิดลบกับสิ่งใดๆ ตามมันไม่ได้ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นเลย แต่หากเจอปัญหาให้เราคิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป และอย่าไปใส่ใจ หลายๆครั้งเรื่องที่ดูซีเรียส
อารัช วิทยากรณ์ มักมองกลับกันเป็นเรื่องตลก

หากเรามองมันเป็นเรื่องปรกติ มันก็จะเป็นเรื่องปรกติ คือ  ดูแล้วผู้ชายคนนี้พูด ชีวิตคิดบวก ตั้งเป้าหมาย ตั้งใจทำไม่ต้องรีบร้อน สักวันผลลัพท์อาจจะมาเกินความคาดหมาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องยิ้มสู้ และอดทนให้เยอะและทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด  –อารัช  วิทยากรณ์

นอกจากจะเป็น มิสเตอร์ซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายที่รักสุขภาพ ออกกำลังกายฟิตหุ่นอยู่เสมอ มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรหลายคนเวลาที่ต้องควบคุมน้ำหนัก บางคนเลือกอดอาหาร คุณอารัช มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

การอดอาหารทำให้น้ำหนักลดลงในช่วงแรก ระบบเผาผลาญพัง ลดก็จริงนะแต่พอกลับไปกินเหมือนก็ยิ่งอ้วน นน. หนักกว่าเดิม เราไม่ควรที่จะอดอาหารแต่ เราสามารถกำหนดได้เลยว่ามื้อนี่จะทานอาหารชนิดไหน ปริมาณเท่าไหร่ น้ำหนักกี่กรัม เพราะเราสามารถชั่งวัตถุดิบได้ตามความต้องการทั้ง แป้ง เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผักและอาหารชนิดอื่นๆเพื่อที่เราจะได้รู้ปริมาณที่เราทานในแต่ละมื้ออย่างแม่นยำแค่เลือกทานแล้วหันมาออกกำลังกายหุ่นดีขึ้น แถมสุขภาพดีครับ

เชื่อได้ว่าหลายคนคงมองภาพผู้ชายคนนี้มุมมองในการการทำงาน และการบริหารจัดการชีวิต และแง่คิดที่สะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบัน สามารถเป็นแรงบันดาลและกำลังใจให้กับหลายๆคน สู่การเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็น Version ที่ดีที่สุด
ติดตามและให้กำลังใจ อารัช วิทยากรณ์  ตัวแทนประเทศไทย ไปประกวด Mister Supranational 2017 Toptotravel ต้องขอขอบคุณ เทคนิคและแชร์ข้อคิดดีๆ จาก น้องอารัช วิทยากรณ์ ตำแหน่ง ชนะเลิศอันดับ1  Mister Supranational Thailand2017 ให้เราได้รู้จักและยังเป็นตัวแทนนายแบบไทยไปประกวดยังต่างประเทศ

ติดตามข่าวสารข้อมูลการประกวดได้ที่
http://www.mistersupranational.com/
https://www.facebook.com/MisterSupranationalThailand/
https://www.facebook.com/MisterSupranational/

ถูกใจฝากแฟนคลับแชร์วนไปได้เลยนะค่ะ
#MisterSupranationalThailand2017

ความลับที่ซ่อนอยู่ใน ออร่าพลัส

ดื่มแล้วรู้เลยมันจะเนียนๆ เพราะอะไร
ลองอ่านดู!

เพื่อนสาวบอกว่า ออร่า พลัส ดังมากและนี่เป็นของฝากจากเวียงจันทน์ ที่ได้รับความนิยมสุดๆ ณ. เวลานี้  เคยลองและมองหายาสตรีที่จะมาช่วยบำรุงให้เลือด ลม เลือกอาหารการกินยาก อะไรทำให้ผิวแย่? กินอะไรทำให้ผิวสวย?เพื่อให้มีสุขภาพดี พร้อมผิวพรรณสวย เปล่งปลั่ง ขาวเนียนสดใสจากภายใน สู่ภายนอก เอาแบบว่าที่ยิ่งกินยิ่งสุขภาพผิวดี แค่วันละ 1-2 ช้อน กินกับอะไรก็ได้ กินกับใครก็ได้ง่ายๆ สะดวกดี เพราะทุกเดือนอาการที่แสดงออกในผู้หญิงก่อนการมีประจำเดือน และอาการที่เกิดขึ้น มีลักษณะแตกต่างกันแต่ละเดือน เดือนนี้ปวดหัว เดือนหน้าปวดท้อง ท้องเสีย หรือปริมาณของประจำเดือนไม่แน่นอน อาจจะมากหรือน้อย บางอาการทำให้ร่างกายผอมแห้ง ไม่ค่อยสดชื่น ไม่มีแรง โลหิตแห้ง โบราณเรียกว่า เลือดไม่งาม จะแสดงออกทางใบหน้า  ทำให้หน้าตาหมองคล้ำ มีสิวฝ้า กระ ยาน้ำออร่า พลัส ช่วยได้

ได้รับของฝาก ของดี มาก่อนดื่มยาน้ำสตรี ต้องมาทำควารู้จักกัยคำว่า เลือดลมสตรีกันก่อน ในภาษาโบราณจึงไม่ได้หมายความว่า การที่เลือดไม่ดีนั้น คือ การที่ร่างกายขาดธาตุเหล็ก เหมือนอย่างแผนปัจจุบัน และยาบำรุงเลือดในแพทย์แผนไทย ไม่ได้เป็นยามีธาตุเหล็กอย่างแผนปัจจุบันด้วยค่ะ

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุภาพสตรี ช่วยต่อต้านความเสื่อมแห่งวัย รูปร่างและสุขภาพดี จากภายใน สดใสสู่ภายนอก แก้ปัญหาสำหรับผู้หญิง เช่น การ ปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน และประจำเดือนมาไม่สม่ำ เสมอ สีผิวหมองคล้ำ แห้ง หยาบกร้าน เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าอกหย่อนคล้อย ภาวะตกขาว ช่องคลอดไม่กระชับ แห้ง แสบ หมดอารมณ์ทางเพศ อาการวัยทอง ปวดศรีษะ ร้อนวูบวาบ และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ปัญหาเหล่านี้ล้วนมาจากการขาดสมดุลในระบบฮอร์โมนเพศ

รับรู้ได้เลยถึงความพรีเมียมสวยจากข้างใน ปลอดภัยด้วยสมุนไพรธรรมชาติ

สมัยโบราณมีการใช้ยาสำหรับสตรี กันอย่างแพร่หลาย ความลับที่ทุกคนอยากรู้ กับแบรนด์สุดปังยาบำรุงสำหรับสตรีมีคุณสมบัติในการบำรุงเลือดบำรุงร่างกายเจริญอาหารแก้ประจำเดือนไม่ปกติและเป็นยาแทนการอยู่ไฟขับน้ำคาวปลาช่วยฟอกโลหิต ที่ได้จากการทานเบนโลคือผิวพรรณผุดผ่องค่ะรู้สึกว่าตัวเองมีน้ำมีนวลมันช่วยให้เจริญอาหารด้วยส่วนประกอบสำคัญวัตถุดิบหลัก ส่วนผสมของสมุนไพรกว่า 17 ชนิด ส่วนผสมที่มีคุณประโยชน์
หลากหลายชนิด

ว่านชักมดลูก
มีสรรพคุณที่ใช้รักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ตกขาว กระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้อง ที่หย่อนยานจากการคลอดลูก และช่วยกระชับกล้ามเนื้อให้ดูฟิตตลอดเวลา

ตังกุย 
สรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือด ลดการบีบตัวและลดหดเกร็งของมดลูก

ฮอร์โมนแอนโดเจน
เป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการสร้างน้ำมันใต้ผิวหนัง พบมากในเพศชาย แต่ก็พบได้ในผู้หญิงเช่นกัน เมื่อฮอร์โมนนี้มีมากเกินไป หรือวัยเริ่มมีประจำเดือน จะพบปัญหา “สิวจากฮอร์โมน”

ดอกคำฝอย ที่สาวๆ ปลาบปลื้มช่วยบำรุงโลหิต ช่วยขับระดูโลหิตประจำเดือน แก้ประจำเดือนคั่งค้างมาไม่เป็นปกติ ช่วยระงับอาการปวดประจำเดือน ช่วยแก้อาการปวดมดลูก และลดอาการอักเสบของมดลูกช่วยรักษาอาการไข้หลังคลอด

ผงไข่มุก
สมุนไพรจีนที่ใช้ในศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาหลายพันปี ปลอดภัยสูง มีทั้งรูปแบบกิน และทา สรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเรียบ เนียน เปล่งปลั่ง มีออร่า ช่วยชะลอริ้วรอย ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น ช่วยในการผลัดเซลล์และสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดความมันบนใบหน้า

สำหรับวิธีการ  ดื่มยาน้ำออร่าพลัส ดื่มง่ายในแบบของเค้า มีกลิ่นหอมของสมุนไพร หรือกลิ่นคล้ายๆ ยาธาตุน้ำแดง ดื่มรู้สึกว่าดีงาม ที่สุดของที่สุด
คือเหมือนยาขับลม เย็นชุ่มคอ ดื่มแล้วรู้สึกเลยว่าสวยจากภายในปลอดภัยด้วยสมุนไพรธรรมชาติแท้ๆ แบบนี้นี่เอง  ด้วยคุณประโยชน์ของยาบำรุงโลหิตสตรีแผนโบราณที่ช่วยเรื่อง ผิวสวย กระจ่างใส มีออร่า ดูแลร่างกาย ส่งเสริมให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศให้เข้าสู่ภาวะปกติ ตรงใจตรงที่ลดปัญหาสตรีวัยทอง ขับของเสีย ที่คั่งค้างภายในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณมดลูก ป้องกันและลดปัญหาการปวดประจำเดือน และช่วย
ให้ช่องคลอดยกกระชับ ลดอาการตกขาว ลดปัญหา กลิ่นไม่พึงประสงค์
ช่วยปรับผิวให้ขาวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

เคล็ดลับการทานให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สำหรับสาวๆ ที่เริ่มทานยาน้ำสตรีอยากเน้นประโยชน์จริงๆ จากยาน้ำ ออร่าพลัส  Aura Plus  ขอแนะนำว่า  ควรรับประทานติดต่อกัน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ จะช่วยให้ได้ผลเร็ว (เมื่อเปิดขวดแล้ว ควรแช่ไว้ในตู้เย็นเท่านั้น)  อย่าลืม เขย่าขวดก่อนรับประทาน ดื่มเช้า-เย็น หลังอาหารโลด เพราะยาน้ำ  Aura Plus  ส่วนผสมเข้มข้นกว่า และ คัดสรรเฉพาะเพื่อแก้ปัญหาของ
ผู้หญิงอย่างแท้จริง รสชาติดีกินง่าย จึงทำให้เห็นผลไว ผู้ใช้ต่างบอกต่อ หน้าใส ร่างฟิต อกฟู ดูดีมี ออร่า

หมายเหตุ : เป็นไข้, ตัวร้อน, เด็ก , สตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
หรือให้หยุดยาไว้ก่อน

ขอปิดท้ายด้วยเรื่องภายในของผู้หญิงกับผิวพรรณ สำหรับผลลัพธ์ที่เห็นผลเอาจริงๆ เราเป็นคนดูแลตัวเองตลอด ดื่มน้ำค่อนข้างเยอะ และหาเวลาออกกำลังกายสม่ำเสมอ  ทาครีมบำรุงและกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าทุกวัน  ผิวตัวชุ่มชื่นและลื่นปรื้ดอยู่แล้ว ไม่งั้นคงตอบให้ไม่ได้จริงๆ ว่าดื่มยาน้ำ  Aura Plus  สูตรนี้แล้ว ผิวหน้าสดใสจากภายในสู่ภายนอก  ตอบโจทย์และยังช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้หญิงโดยตรง  และลดอาการ ปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน เพราะประจำเดือนเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการสร้างน้ำมันใต้ผิวหนังช่วยให้ผิวเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหน ส่วนตัวมองว่าอยาน้ำสำหรับสตรีทั่วไป ถ้าทานในปริมาณที่เหมาะสมจะเป็นตัวช่วยให้เรามีสุขภาพผิวและสุขภาพกายที่ดีไปนานๆ

สำหรับน้ำยา ออร่า พลัส  Aura Plus  สูตรนี้ ดีเด่นกว่าอื่นเดิมตรงที่มีสารส่วนผสมของสมุนไพรกว่า 17 ชนิด เป็นส่วนผสมที่มีคุณประโยชน์ต่างๆ มาช่วยบำรุงในกลุ่มให้ความชุ่มชื่นของผิว  ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงค่อนข้างเหมาะ
กับคนที่มีกังวลในเรื่องความเสื่อมตามวัย หรือเริ่มเลยคำว่าวัยรุ่นตอนปลายมาแล้ว ส่วนผสมที่เค้าใส่มาคือส่วนประกอบที่เรามีตามธรรมชาติแต่จะลดลงเมื่อสาวอายุเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น  Aura Plus จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ร่างกายเสื่อมตามวัยช้าลง ส่วนผสมช่วยบำรุงร่างกาย แต่ก็ต้องอย่าลืมเรื่องการทานอาหาร ดูแลตัวเองด้านอื่นตามไปด้วย คือ จะมาหวังแต่ว่า ดื่มน้ำยาออร่าพลัส เสริมแล้วแต่ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่เลือกทานอาหาร ไม่ออกกำลังกาย ไม่พักผ่อนให้เพียงพอ
มันก็ไม่ได้ช่วยให้สาวๆ ดูดึขึ้นได้ทันตาเห็นอยู่แล้ว ง่ายๆ กันเลย ถ้าตอนนี้อายุยังน้อยอยากบำรุงร่างกาย ลดเรื่องการปวดประจำเดือน กังวลเรื่องฝ้า
กระ ริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มขึ้น  ประโยชน์จัดเต็มกว่ายาสตรีอื่น แน่นอน

สรุปสั้นๆ เอาว่า น้ำยาออร่าพลัส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่ต้องการดูแลตัวเอง  ด้วยสูตรสมุนไพรแท้ๆ กว่า 17 ชนิด รสชาติทานง่าย ทานหลังกับ อาหาร หรือ ก่อนอน  ไม่ทำให้เจริญอาหาร ไม่ต้องกลัวอ้วน
เป็นแบรนด์จาก ประเทศเพื่อนบ้าน ที่หลายคนรู้จักกันดี ยาน้ำออร่า พลัส ยังได้รับ Good Manufacturing Practice เรียกย่อว่า GMP คือการปฏิบัติที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นระบบประกันคุณภาพที่มีการปฏิบัติในการผลิตอาหาร เพื่อให้ เกิดความปลอดภัย เชื่อถือได้มีมาตรฐานการผลิต แต่อาจจะหาซื้อยากสักนิด

#สวยจากข้างในปลอดภัยจากสมุนไพรธรรมชาติ

 

 

สวนผึ้งไฮแลนด์ หนึ่งในสถานที่เคาท์ดาวน์ดีที่สุดของปี

เคาท์ดาวน์เฟสติวัล 2017

สถานที่เคาท์ดาวน์ที่ดีที่สุดของสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แหล่งท่องเที่ยวในภาคกลาง ที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสวนผึ้งเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ ปีนี้ใครกำลังมองหาสถานที่เคาท์ดาวน์ 2561 Toptotravel  แนะนำให้ไปสัมผัสอากาศเย็นสบายที่ สวนผึ้งไฮแลนด์ อากาศดีมีบอลลูนลอยฟ้า ชมทิวทัศน์สวนผึ้ง ชมฟรีคอนเสริต มานั่งนับดาว ฉลอง Countdown 2018  กับศิลปิน อะตอม ชนกันต์ วงลิปตา วังพอส และสนุกสุดๆ กับวงซีซั่นไฟว์ ร่วมส่งท้ายปี เคาท์ดาวน์เข้าสู่ปี 2018  กับงานที่ยิ่งใหญ่ ณ. สวนผึ้งไฮแลนด์เคาท์ดาวน์ เฟสติวัล 2017  จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 30-31 ธันวาคม นี้ ซึ่งพบกับคอนเสิร์ตจาก ศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความสนุกและความประทับใจ

วันที่ 30 ธันวาคม พบกับ อะตอม ชนกันต์ และ วงลิปตา
วันที่ 31 ธันวาคม พบกับ วงพอส และ วงซีซั่นไฟว์

9 8 7 6 5 4 3 2 1 รีบเลยมามา ชวนกันนับเคาท์ดาวน์  พร้อม สวัสดีปีใหม่  2561  อยากได้ อยากมี อยากเป็นอะไร หาเอาเอง  อย่าได้วอนขอพรจาก
ไหน โชคดีมีกำลังใจเสมอ พร้อมทั้งกิจกรรมบอลลูนที่น่าตื่นตาตื่นใจรอ
ให้ทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษ และ ร่วมเคาท์ดาวน์เข้าสู่ปี 2018 ไปด้วยกัน ณ สวนผึ้งไฮแลนด์ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี…พิเศษ!!! ก่อนใคร


เปิดจำหน่ายบัตร  Early Bird ราคาเพียง 400  บาท

(ตั้งแต่วันที  1 – 7 พฤศจิกายนนี้)

จำหน่ายบัตรราคาปกติ 500 บาท (วันที่ 8 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2560)
บัตรสามารถใช้เข้างานได้ทั้ง 2 วัน พร้อมรับเครื่องดื่มฟรี (บัตร 1 ใบ ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น) บรรยากาศสุดโรแมนติกแล้วพบกันให้ได้นะค่ะ !!!

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-711 7788  www.allticketthailand.com
Facebook : Suanphueng Highland

ตามรอย 111 ปี เสด็จประพาสต้น มณฑลนครสวรรค์

“วันปิยะ”
ชวนตามเสด็จประพาสต้นมณฑลนครสวรรค์

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าวันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี
เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อปวงชนชาวไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศเลิกทาสและ
ไพร่ในประเทศไทย ในปี ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ในเวลานั้นมีการประมาณ
ว่าประเทศไทย เรามีทาสอยู่เป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองทั้งหมด รวมไปถึงพระราชกรณียกิจในการปฏิรูปการปกครอง การริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้ง การก่อตั้ง การประปา การไฟฟ้า กรมไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ การสร้างทางรถไฟ สร้างถนนสมัยใหม่ ขุดคลองหลายแห่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยนึกถึงเกี่ยวกับพระองค์ท่าน คือ
พระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ในการเสด็จประพาสต้นและประพาสหัว
เมืองต่าง ๆ

การเสด็จประพาสต้นเป็นการเสด็จประพาสตามหัวเมืองแบบไม่เป็นทาง
การปกปิดมิให้ใครรู้จักพระองค์ โดยทรงเรือมาดเก๋ง 4 แจวลำหนึ่งเป็นเรือพระที่นั่งแล้วมีเรือบรรทุกเครื่องครัวที่โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหมื่นเสมอใจราช (อ้น) เป็นผู้คุมเครื่องครัว ทรงพระดำรัสเรียกเรือลำนี้ว่า “เรือตาอ้น”
เรียกเร็ว ๆ เสียงเป็น “เรือต้น” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าประพาสต้น สาเหตุที่การเสด็จประพาสต้นนั้นเป็นพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะบำรุงดูแลทุกข์สุขราษฎรอย่างใกล้ชิด โดยบางคราวทรงปลอมแปลงพระองค์เป็นสามัญชนเข้าไปปะปนกับราษฎร เพื่อที่จะทอดพระเนตรเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของราษฏรและการปฏิบัติหน้าที่ของราชการอย่างแท้จริง ทำให้พระองค์ได้ทรงนำสิ่งที่ได้ไปแก้ไขเพื่อประโยชน์สุขแห่งราษฎรสยาม รวมไปถึง  การที่พระองค์ทรงโปรดการถ่ายภาพ ทำให้เราได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ที่หาชมจากที่
ไหนไม่ได้

 

จังหวัดนครสวรรค์ หรือมณฑลนครสวรรค์ในขณะนั้น ได้มีโอกาสรับแสดง
ในคราวประพาสต้นถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2449 และในปี พ.ศ. 2451 ซึ่งพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงแวะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในจังหวัดนครสวรรค์มากมายหลายแห่งในช่วงเวลาดังกล่าว โดยสถานที่น่าสนใจที่ทรงเสด็จประพาสต้นได้แก่

1. วัดบ้านแดน หรือ วัดอรุณราชศรัทธาราม ตั้งอยู่อำเภอบรรพตพิสัย ที่วัดนี้รัชกาลที่ 5 ทรงใช้เป็นที่ประทับแรมในพลับพลาหน้าวัดบ้านแดน เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นครั้งที่ 2 ต่อมาในปี พ.ศ.2452 ได้พระราชทานสิ่งของและเครื่องสังเค็ตในงานพระศพพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ให้กับหลวงพ่อแหยม เจ้าอาวาสวัดบ้านแดนในขณะนั้น ปัจจุบันเครื่องสังเค็ตดังกล่าวที่วัดบ้านแดนได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าไปเยี่ยมชม

2. วัดเขาหน่อ เป็นจุดหมายต่อจากที่ทรงเสด็จวัดบ้านแดนแล้ว โดยได้ทรงพระราชดำเนินโดยแคร่ไม้ไผ่คานหามไปยังเขานอ (เขาหน่อ) มีระยะทางกว่า 87 เส้น หรือประมาณ 3 กิโลเมตร ที่เขาหน่อนี้รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสรงน้ำในสระที่ปัจจุบันได้เรียกว่า สระเสด็จ แล้วมีผู้เล่าเรื่องตำนานเขาหน่อถวายว่า ภูเขาแห่งนี้เป็นที่นางพันธุรัตตามมาพบพระสังข์ โดยมีมนต์มหาจินดาเขียนอยู่ที่แผ่นศิลา ใครที่ได้มาเที่ยวที่เขาหน่อ นอกจากจะได้ตามรอยเสด็จประพาสต้น ยังสามารถปีนบันไดลัดเลาะเหลี่ยมเขาหินปูนขึ้นไปชมทิวทัศน์อันสวยงามบนยอดเขา สัมผัสอากาศเย็นสบาย แล้วกัลลงมานมัสการพระนอน ให้อาหารฝูงลิงกว่าหมื่นตัว ปิดท้ายด้วยการชมขบวนพาเรดค้างคาวนับล้านตัวที่น่าตื่นตาตื่นใจได้ในยามเย็นย่ำของทุกวัน

3. วัดหัวดงใต้ เป็นสถานที่รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเสด็จประพาสต้นและประทับแรมหน้าวัด ทำให้ที่นี้มีพระบรมรูปจำลองของพระองค์ท่าน แกะสลักจากไม้สักทองทรงเครื่องต้นสวยงาม และมีขบวนเรือเสด็จประพาสต้นจำลองให้ศึกษา นอกจากนี้ที่วัดหัวดงใต้ยังมีหลวงพ่อโต พระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านให้กราบนมัสการ

4. วัดเก้าเลี้ยว พระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงเสด็จประพาสต้นที่ชุมชนเก้าเลี้ยว ซึ่งเป็นตลาดเก่าโบราณมีชุมชนชาวจีนหลายกลุ่มอาศัยอยู่ ที่ศาลเจ้าพ่อเก้าเลี้ยวของชุมชนนี้ได้เก็บรักษาเกี้ยวเครื่องดนตรีอายุกว่า 100 ปีที่เคยใช้รับเสด็จ ใครที่มาเที่ยวตลาดเก้าเลี้ยวนอกจากจะมีร้านอาหารอร่อย ๆ และขนมหวานมากมายให้เลือกชิมกันแล้ว ยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น กราบพระบรมสารีริกธาตุ พระมหาเจดีย์พุทธชยันตี 2,600 ปีการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าได้ที่วัดเก้าเลี้ยวที่อยู่ไม่ไกลกันได้

5. วัดมหาโพธิใต้ (วัดหลวงพ่อเฮง) เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี เมื่อปี
พ.ศ. 2199 ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออก ตรงข้ามเป็นวัดเขาดินใต้ ในสมัยนั้น หลวงพ่อเฮง เกจิดังที่รัชกาลที่ 5 ทรงเลื่อมใสได้ปกครองดูแลทั้งสองวัด โดยทรงถวายเครื่องสังเค็ตในงานศพพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชให้กับหลวงพ่อเฮง ปัจจุบันเครื่อง
สังเค็ตนี้เก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของวัดมหาโพธิใต้

6. วัดเขาดินใต้ (วัดพระหน่อธรณินทรใกล้วารินคงคาราม) วัดชื่อยาวที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงนี้ เป็นวัดพี่น้องกับวัดมหาโพธิใต้ที่อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำ เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นทางชลมารค ได้ทรงแวะท่ีวัดเขาดินใต้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2449 ทรงสนธนาธรรมกับหลวงพ่อเฮง แล้วทรงเลื่อมใสในศีลาจารวัตรของหลวงพ่อเฮงมาก จนทรงบริจาคเงิน 100 บาท ร่วมสร้างศาลาวัดเขาดินใต้ และทรงแต่งตั้งหลวงพ่อเฮงให้เป็นพระครูชั้นพิเศษนาม พระครูพิสิษฐสมถคุณ ได้รับนิมนต์ไปในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ตลอดรัชกาล ใครที่มาเที่ยววัดเขาดินใต้ ต้องห้ามพลาดการชมมณฑปเก่าประดิษฐานรอยพระบาทจำลองสำริดหายากเป็น 1 ใน 8 รอยที่มีในประเทศไทย ที่พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานในปี พ.ศ. 2456 เพื่อรำลึกถึงวัดที่พระพุทธเจ้าหลวงเคยทรงเสด็จ แล้วเดินขึ้นบันไดนาคสวยงามเพื่อขึ้นภูเขาหิน ที่มีตำนานเรื่องทาง
เข้าถ้ำลับแล ไม่แน่ว่าอาจแว่วเสียงบรรเลงปี่พากย์โบราณให้ได้ยินในบางเวลาก็เป็นได้

7. วัดเขื่อนแดง (วัดศรีสุวรรณ) ที่หน้าวัดนี้มีศาลาที่ประทับของรัชกาลที่ 5 สมัยที่เคยเป็นที่ตั้งของค่ายทหารนครสวรรค์มาก่อน ครั้งที่เสด็จประพาสต้นมณฑลนครสวรรค์ในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2449 พระองค์ได้ทรงประทับที่ศาลาหน้าวัดแห่งนี้ แล้วเสด็จรับฟังการพิจารณาคดีตามคำปรึกษาของศาลทหารในคดีอ้ายวิม พลทหารที่ฆ่านายสิบตาย ซึ่งพระองค์ได้ทรงตัดสินไปตามพระราชกำหนดกฎหมายข้อบังคับของค่ายทหารที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันค่ายทหารนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้ชื่อว่าค่ายจิรประวัติ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พระองค์เจ้าจิรประวัติ พระราชโอรสของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีความสามารถทางด้านการทหาร ที่ได้ไปศึกษาด้านวิชาทหารในต่างประเทศ จนได้เป็นเสนาธิการทหารบกคนแรก

8. วัดเกาะหงษ์ หรือวัดบ้านเกาะ แม้จะเป็นวัดเล็ก ๆ แต่พระพุทธเจ้าหลวงก็ได้ทรงให้ความสำคัญคราวที่เสด็จประพาสต้น เพราะความแปลกประหลาดของพระสังกัจจายน์ยืนยิ้มกุมท้องแปลกกว่าที่อื่น ซึ่งพระองค์ทรงพอพระทัยเป็นอันมาก จึงขออัญเชิญพระสังกัจจายน์ไปแล้วพระราชทานทรัพย์จำนวน 1 ชั่ง (ประมาณ 80 บาท) เพื่อจัดสร้างองค์ใหม่ทดแทน ความแปลกของวัดเกาะหงษ์ยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีรอยพระพุทธบาทที่ไม่วางอยู่บนแท่น กลับไปอยู่ที่ผนังโบสถ์แทน เป็นปริศนาธรรมอีกชิ้นหนึ่งให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เก็บไปขบคิดหาคำตอบกันเอาเอง

9. วัดพระปรางค์เหลือง วัดโบราณเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในอำเภอพยุหะคีรี มีการคำนวณอายุว่าสร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2305 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย วัดนี้มีชื่อเสียงด้านภูมิปัญญาแพทย์แผนโบราณในการรักษาโรคเคล็ดขัดยอก และอัมพาตโดยวิธีการเหยียบฉ่า

วิธีการรักษาที่สืบทอดมาจากตำราโบราณที่ให้พระหมอใช้เท้าเหยียบยาสมุนไพร แล้วเหยียบลงบนแผ่นเหล็กเผาไฟจนแดงร้อนจัด เหยียบลงบนคนไข้จนเกิดเสียงดังฉ่า จนอาการต่าง ๆ ก็จะบรรเทาอาการลงและสบายขึ้น ซี่งพระพุทธเจ้าหลวงได้เคยเสด็จมาดูวิธีการเหยียบฉ่าช่วงประพาสต้นมนฑลนครสวรรค์ ทรงรับน้ำมนต์มหาจินดาสารพัดนึก น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงิน ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

ช่วงหยุดวันปิยะนี้ ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปไหนก็ลองมาเที่ยวไหว้พระ 9 วัดตามรอยเสด็จประพาสต้นมณฑลนครสวรรค์กันได้ เพราะนอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมวัดเก่าแก่โบราณที่สวยงาม ได้ชื่นชมธรรมชาติในช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้นมัสการทำบุญ ได้ความรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา แล้วยังได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเรา ได้เยอะแยะคุ้มค่าแบบนี้ไม่มาเที่ยวนครสวรรค์ไม่ได้แล้ว

 

บุญเฮ็ด บุญสร่าง

คีตะนครเอนเตอร์เทนเม้นท์
แคสติ้งนักแสดงภาพยนต์ ดราม่าแอคชั่น

เชื่อว่าทุกคนเคยตั้งคำถามว่า ตัวเรานั้นเกิดมาทำไม? เพื่อใคร?  หรือเพื่อตัวเอง? แต่สุดท้ายเราก็ลืมที่จะหาคำตอบ และใช้ชีวิตตามกระแสโลกกันต่อไป บางครั้ง  เมื่อเราประสบอะไรหนักหน่วงในชีวิต  เราก็มักจะคิดคำนึงถึงแม้สุดท้ายเราจะพบแต่ความว่างเปล่า สิ่งสำคัญคือเราได้อะไรจากหนังเรื่องนี้มากกว่า

วันนี้ toptotravel ชวนชมบรรยาการ การแคสติ้ง ภาพยนต์ บุญเฮ็ด บุญสร่างเป็นเรื่องราวของ ความรัก พลัดพราก  วิบาก  บุญกับการ  ชมการ“แคสติ้ง”
ผู้ร่วมแสดงจากเรื่อง บุญเฮ็ด บุญสร่าง  ซึ่งมีนักแสดงเข้าร่วมและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก  ดูแล้วการเป็นดาราไม่ยากเลย  ยิ่งการแคสติ้งก็จะเป็นการทดสอบหน้ากล้อง ทั้งการอ่านบท การเล่น การสัมภาษณ์เพื่อดูทักษะไหวพริบหรือบุคลิกของผู้เข้ามาทำการแคส ก็เป็นโอกาสให้คนได้แจ้งเกิด ขึ้นมาเป็นนักแสดง นักแสดงที่มีชื่อเสียง เริ่มต้นจากการตระเวนแคสติ้งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดมีผู้กำกับเห็นคุณค่าและได้รับบทที่แจ้งเกิด

งานแคสติ้งเพื่อคัดเลือกนักแสดง ภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง” ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็น กรรมวิสัย

แน่นอน! วันนี้เราจึงได้รับเชิญมาร่วมชมบรรยากาศ การแคสติ้ง เรื่องราวของ ภาพยนต์ ความรัก พลัดพราก วิบาก-บุญ ด้วยจำนวนของเรื่องราวและตัวละครที่ค่อนข้างเยอะ ขณะที่ในความเป็นหนังที่นำเสนอเนื้อหาว่าด้วย นักแสดงนำเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนเก่ง กิจกรรมดีเด่น เรียนเก่ง กิจกรรมดีเด่น แต่ประสบปัญหาครอบครัว ชีวิตเลยหักเห พลิกผัน ไปในทางเลวร้าย ในวัยรุ่นติดยาเสพติดใช้ชีวิตเสเพล อบายมุขทุกอย่าง จนเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ถูกตามฆ่า หนีตาย ทำให้ชีวิตรักผิดหวัง พลัดพลาก จึงตัดสินใจบวชจนถึงปัจจุบัน และได้ทำการสร้างศาสนสถาน ถาวรวัตถุ จนเป็นที่รู้จัก
ในขณะนี้ วิบากก็ย่อมมาแต่กรรม ไม่บิวพลิ้วผันแปรไปเป็นอื่น และทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่หลงลืมที่จะมีฉากที่เปิดโอกาสให้ตัวละครได้โชว์ฝีไม้ลายมือทางการแสดงกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภาพยนต์เรื่องนี้ ได้เค้าโครงสร้างจากชีวประวัติชีวิตจริง
ของ พระอาจารย์พล อธิปัญโญ เจ้าอาวาสวัดดานพระอินทร์  ต.ร่มเกล้า อ.นิคมคำสร้อย จ. มุกดาหาร

วัตถุประสงค์หลักของเรื่องราวในการสร้างภาพยนตร์ครั้งนี้ คุณเก็ต กล่าวว่าด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ได้เห็นพร้องต้องกันว่า ประวัติของพระอาจารย์ท่านเป็นพระนักสร้าง มีชีวิตที่น่าจดจำโดยเฉพาะเมื่อจับมาเกี่ยวกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และวิบากกรรม และน้อมนำเพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ และเป็นแก่นแห่งธรรม ในการนำมาสอนในเชิงพุทธศาสนาว่าคนเราเกิดมา “เกิดแต่กรรม ธรรมมะจัดสรร” ว่าเหรียญมี 2 ด้านเสมอ ในความดี มีความร้าย ในความร้าย ก็สามารถกลับมาดีได้ ด้วยเเสงสว่างแห่งธรรม

”ความรัก พลัดพราก วิบาก-บุญ”
นี่คือหนึ่งในการสร้างด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ได้เห็นพร้องต้องกันว่า ประวัติของพระอาจารย์ท่านเป็นพระนักสร้าง มีชีวิตที่น่าจดจำ และน้อมนำเพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ และเป็นก่นแห่งธรรม ในการนำมาสอนในเชิงพุทธศาสนา ว่า คนเราเกิดมา ”เกิดแต่กรรม ธรรมมะจัดสรร” กรรม เราเป็นผู้กำหนด ธรรมะจัดสรร ถ้าพูดโดยรวม ในความหมายของ กฏแห่งธรรม เหรียญมี 2 ด้านเสมอ ในความดี มีความร้าย ในความร้าย ก็สามารถกลับมาดีได้ ด้วยเเสงสว่างแห่งธรรม

บริษัท คีตะนคร เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด แคสติ้งนักแสดงภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง”

นี่คือหนึ่งในทีมบริหารงาน โดยมืออาชีพ คุณเก็ต พัฒน์รดิศ อำนวยการสร้าง คุณวัตร ราชวัตร ผู้กำกับโดย คุณสจกมล อยู่สมบูรณ์  ผู้จัดการพร้อมทีมงาน ดำเนินงานแคสติ้งเพื่อคัดเลือกนักแสดง ภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง” ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็น กรรมวิสัย

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง โดยคาดว่า  จะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ประมาณปลายปี 2561 ติดตามชมกันให้ได้นะค่ะ

เปิดศึก! นวัตกรรมรถ BUS & TRUCK ’17

ประชัน นวัตกรรมรถ  เพื่อการพาณิชย์
กิจการพิเศษ แบรนด์ชั้นนำร่วมโชว์ของเด็ด!!

BUS & TRUCK ’17 งานใหญ่ในรอบปีที่รวบรวมเอาเหล่าขุนพลรถใหญ่แบรนด์ดัง มาจัดแสดงไว้ในที่เดียว พร้อมด้วยนวัตกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน อะไหล่ และอุปกรณ์ติดตั้งต่างๆ ของรถเพื่อการพาณิชย์และกิจกรรมพิเศษ

งานแสดงรถเพื่อการพาณิชย์และกิจการพิเศษ ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายระดมขนกันมาจัดโปรโมชั่นในแบบสุดพิเศษเพื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ และเป็นช่องทางให้ผู้ผลิตยานยนต์และผู้ประกอบกิจการขนส่งได้มีโอกาสดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจระดับประเทศ

งานรถใหญ่ระดับอาเซียนที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 14 ปี  เรียกว่าฮอตกันตั้งแต่กลางปี เพราะมีแบรนด์ชั้นนำอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์ ที่ปักธงพร้อมร่วมโชว์นวัตกรรรมเด็ดในงานทั้งนี้ 3 แบรนด์ดังอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์ แสดงความเชื่อมั่นในงาน BUS & TRUCK ’17 ด้วยการเซ็นสัญญาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และมีการเตรียมนวัตกรรมและของเด็ดของดีมาเปิดตัวและร่วมโชว์ในปลายปีนี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เผยว่า บริษัทฯ จะมีการนำนวัตกรรม
รถใหญ่เบนซ์ 3 รุ่น 3 แบบ อย่าง รถบัส รุ่น 917 รถตู้สปรินเตอร์ และรถหัวลากรุ่น Actrosโฉมใหม่มาให้ได้ชม มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนส่งแน่นอน นอกจากนี้ ไดสตาร์เทค ซึ่งเคยร่วมงานนี้ในก่อนและได้รับฟีดแบ็คที่ดีเนื่องจากกลุ่มรสบัสได้เข้ามาซื้อ Cloud Servers เพราะมีราคาถูกและทำงานได้หลายรูปแบบ ก็คาดว่าจะปีนี้จะมีกลุ่มลูกค้ามาเยี่ยมชมเพิ่มขึ้น โดยได้เตรียมสินค้ารุ่นใหม่และโปรโมชั่นมาให้แบบจัดเต็ม รวมถึงกู๊ดเท็มพ์ ที่ร่วมแสดงสินค้าติดต่อกันมาสองปี และได้รับความสนใจเกินคาดทุกครั้ง ทั้งห้องเย็นและแอร์ติดรถโดยสาร มั่นใจในศักยภาพของลูกค้าที่เข้าร่วมชมงาน ทั้งชาวไทยและในอาเซียนมีเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

คิมเมอร์ นำไฮดรอลิคยกสูงเปิดตัวในงาน BUS & TRUCK ’17 หวังให้กลุ่มขนส่งใช้เป็นช่องทางใหม่ในการลงทุน พร้อมนำวินซ์ตัวลากกระบะให้ลูกค้าได้เลือกใช้งาน มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มขนส่ง

คุณคิม คาทัสมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิมเมอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่าย
ไฮดรอลิคและกระบอกไฮดรอลิค เปิดเผยว่า ด้วยทางบริษัทฯ ได้ทำการนำเข้าและจำหน่ายไฮดรอลิคยกสูงยี่ห้อ HIDROMAS จากกลุ่มประเทศยุโรป จึงได้นำมาเปิดตัวในงาน BUS & TRUCK ’17 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่  2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ  ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ มากที่สุด

คุณภาพการทำงานของ ไฮดรอลิคยกสูงยี่ห้อ HIDROMAS สามารถยกน้ำหนักสิ่งที่บรรทุกมาได้มากกว่า 40 ตัน ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยในเมืองไทย มีเพื่อนพันธมิตรที่จำหน่ายไฮดรอลิคยกสูงอยู่เพียงยี่ห้อเดียว จึงถือว่าเป็นช่องทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มขนส่ง ที่จะช่วยประหยัดต้นทุนและช่วยเพิ่มผลกำไรได้เป็นอย่างมาก

“ด้วยทางบริษัทฯ มองว่าในปี 2560 เป็นต้นไป จะมีโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ทั้งของทางเอกชนและรัฐบาลเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก การนำไฮดรอลิคยกสูงที่ช่วยในการขนถ่าย อิฐ หิน ปูน ทราย ให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงทางบริษัทฯ ยังให้บริการทำการติดตั้งให้อีกด้วย”

นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกตัวที่ทางบริษัทฯ นำไปให้เป็นทางเลือกแก่กลุ่มขนส่งก็คือ วินซ์ ที่สามารถใช้ลากจูงกระบะที่บรรทุกสินค้าอยู่ริมถนนให้ขึ้นมาบนถนนได้ เพื่อให้การขนส่งใช้เวลาที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วยสำหรับสินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายอยู่เดิมนั้นคือ ไฮดรอลิคและกระบอกไฮดรอลิค ทีใช้ในรถขนขยะ อย่างเมื่อเทขยะลงไปในกระบะ
ไฮดรอลิคก็จะดูดขยะให้ไปเก็บไว้ท้ายกระบะ ซึ่งสินค้าทุกอย่างที่บริษัทฯ ทำการจำหน่ายล้วนแต่มีคุณภาพระดับสูงทั้งสิ้น

ทีวีพี ส่งตัวโม่ 5 คิว พร้อมติดตั้งบนรถใหญ่ทุกยี่ห้อ ตอบโจทย์ลูกค้า งาน BUS & TRUCK ’17

ทีวีพี ออโต้พาร์ท มั่นใจนำตัวโม่ขนาด 5 คิว เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 จุดเด่นด้านราคาที่ประกอบในประเทศ พร้อมทั้งทำการติดตั้งให้กับลูกค้า หากลูกค้าไม่มีรถใหญ่สามารถซื้อได้ที่บริษัทฯ ซึ่งมีการนำเข้ารถใหญ่มือสองนิสสัน ยูดี ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่าย

คุณสมนึก มงคลภิญโญภาส ประธานกรรมการ บริษัท ทีวีพี ออโต้พาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยทางบริษัทฯ ทำธุรกิจจำหน่ายโม่ปูนมาอย่างยาวนาน และในช่วงปลายปีนี้ได้ทำการขยายโรงงานเพื่อจะได้ประกอบตัวโม่เพิ่ม ซึ่งตรงกับช่วงเดียวกันที่งาน BUS & TRUCK ’17 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ จึงทำให้ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงในงานนี้

สินค้าที่ทางบริษัทฯ  นำไปแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 ก็คือ ตัวโม่ขนาด 5 คิว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดก่อสร้างเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่ทางบริษัทฯ จะทำการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มลูกค้าได้ทราบก็คือ ตัวปั๊มและมอเตอร์ ซึ่งได้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้งานได้นานโดยไม่มีปัญหาใด ๆ และเมื่อนำมาใช้กับตัวโม่ขนาด 5 คิว ก็จะช่วยผลักดันให้งานที่ทำอยู่ไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมากก็คือ การให้คนขายตัวโม่ทำการติดตั้งในตัวรถให้ด้วย ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ทำตามที่ลูกค้าต้องการ สามารถติดตั้งได้ในรถใหญ่ทุกยี่ห้อ และหากในงาน BUS & TRUCK ’17
มียอดขายเกินที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก็พร้อมที่จะให้ทางโรงงานเพิ่มเวลาทำงาน สามารถผลิตตัวโม่ได้ตามที่ลูกค้าต้องการภายในเวลาที่รวดเร็ว

ส่วนธุรกิจอีกแผนกหนึ่งก็คือ การนำเข้าและจำหน่ายรถใหญ่มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ยี่ห้อฮีโน่ และนิสสัน ยูดี ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่ารถเก่าที่จำหน่ายในเมืองไทย เพราะตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดอายุการใช้งานของรถใหญ่ไม่เกิน 8 ปี การทำงานก็ไม่สมบุกสมบันเหมือนในเมืองไทย หากลูกค้ารายใดมีรถใหญ่ไม่เพียงพอกับงานที่ได้ทำสัญญามาก็สามารถซื้อรถใหญ่จากบริษัทฯ เพื่อประกอบตัวโม่ได้ในทันที

Hino 500 Victor Limited Edition รุกตลาดแค่ 500 คัน
พร้อมโชว์สมรรถนะ งาน BUS & TRUCK ’17

รถใหญ่ฮีโน่ ฉลองต่อเนื่องในโอกาสที่ทำตลาดขนส่งในเมืองไทยครบรอบ 55 ปี และสามารถทำยอดขายได้มากถึง 3.5 แสนคัน ส่ง  Hino 500 Victor Limited Edition ที่มีเพียง 500 คัน เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560  ที่ไบเทค กรุงเทพฯ

 

Hino 500 Victor Limited Edition ปฏิวัตินวัตกรรมรถบรรทุกกับ 500 Victor ที่รวบรวมจุดเด่นต่าง ๆ ไว้มากมายใน ทั้งรูปโฉมโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยและเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภท ทั้ง Off road & On road มาพร้อมความสะดวกสบาย ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เช่น หัวเก๋งแบบลอยตัวและระบบถุงลมที่นั่งคนขับ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ระบบยกหัวเก๋งด้วยไฟฟ้าสะดวกง่ายดายในการซ่อมบำรุงรักษา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเก๋ง เช่น เปิด-ปิดกระจกหน้าต่างด้วยไฟฟ้า พร้อม central lock แผงหน้าปัด LCD ทันสมัยง่ายในการสังเกตุและมองเห็น ส่วนเรื่องความแข็งแรงทนทาน แชสซีใช้เหล็กที่แข็งแรงทนทานขึ้น ออกแบใหม่ให้สะดวกรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

ตัวถังและอุปกรณ์พิเศษ กับความปลอดภัยเต็มพิกัด ฮีโน่ Victor ทุกรุ่น จะติดตั้งระบบเบรค แบบ Full Air Brake และ Air bag เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม มี ABS ให้ลูกค้าเลือกใช้ พิเศษสุดกับระบบปฏิบัติการขนส่งอัจฉริยะ iQ-san ที่ให้มากกว่า ระบบ GPS ทั่วไป เพราะได้เพิ่มระบบ Safety และ ระบบ training ให้กับคนขับ ที่แสดงทั้งภาพและเสียงเตือนขณะขับขี่ และรายงานผลให้กับผู้เกี่ยวข้อง มาพร้อมกับเครื่องรูดใบขับขี่ ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก

พิเศษ ในโอกาสที่ฮีโน่ฉลองครบรอบ 55 ปี กับ Hino 500 Victor Limited Edition มีทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่ HINO 500 VICTOR – FM1AK1B (Truck Tractor) ; หัวลาก 344 แรงม้า และ HINO 500 VICTOR – FM2PK1B (Truck Tractor ) ; หัวลาก 380 แรงม้า ปรับเปลี่ยนรูปโฉมทั้งภายในและภายนอกสุดทันสมัย ที่สำคัญเอกลักษณ์พิเศษอย่างนี้ มีเพียง 500 คันเท่านั้น

นอกจากนี้ ทางฮีโน่ยังได้วางกลยุทธ์ที่จะดึงให้กลุ่มขนส่งต้องนึกถึงยี่ห้อฮีโน่เมื่อต้องการซื้อรถใหญ่เพื่อใช้งาน โดยจะมีโปรโมชั่นพิเศษที่เหมาะกับการขนส่งในช่วงปลายปี ซึ่งตรงกับช่วงของงาน BUS & TRUCK ’17 ทำให้ลูกค้าของฮีโน่ทำหน้าที่เพียงแค่ใช้รถในการขนส่งเท่านั้น แต่การดูแลรักษารถจะเป็นทางฮีโน่ที่ช่วยดูแลให้

คาร์แทรคโชว์ GPS ระดับ Cloud
พบของจริงในงาน BUS & TRUCK ’17

คาร์แทรค เทคโนโลยี ให้บริการด้านการติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และการจัดการระบบขนส่งอุปกรณ์จีพีเอสของคาร์แทรคมีคุณภาพสูง พร้อมรับประกันอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน สามารถติดตั้งคู่กับเครื่องรูดใบขับขี่แบรนด์มาตรฐานของโลก

คุณสมบัติเด่นของคาร์แทรค GPS Real-Time Monitoring การติดตาม และตรวจสอบยานพาหนะแบบเรียลไทม์ด้วยระบบ 3G คาร์แทรคใช้ระบบคลาวด์ในการให้บริการ ผู้ประกอบการสามารถล็อกอินผ่านอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้ทุกที่ทุกเวลา

Unlimited User ID คาร์แทรคให้จำนวนผู้ใช้งานอย่างไม่จำกัด จะแบ่งกันดูแลรถเป็นกลุ่ม ๆ ตามประเภทรถ ตามหน่วยธุรกิจ ตามระดับการบังคับบัญชา ตามสาขาต่าง ๆ ฯลฯ Live Position Streamingทราบทันทีว่ารถอยู่ที่ไหนด้วย GPS ของคาร์แทรคสภาพรอบ ๆ ณ สถานที่นั้นเป็นอย่างไร เชื่อมโยงผ่าน google earth แล ะgoogle street view

Route Replay  เรียกดูเส้นทางวิ่งย้อนหลัง ได้ถึง 6 เดือนจากหน้าฟลีท และสามารถขอข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 5 ปี Geofence  การสร้างกรอบพื้นที่เพื่อให้ระบบแจ้งเตือนผ่านอีเมล์เมื่อรถไปถึงจุดหมาย การใช้จีโอเฟนซ์อย่างสร้างสรรค์ ช่วยให้ผู้ประกอบการติดตามเส้นทางและสถานที่ที่รถต้องจอดแวะรายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Point of Interest การสร้างจุดสนใจ แลนด์มาร์กไว้ตามเส้นทาง เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร สถานที่ที่ต้องลงสินค้า สี่แยกสำคัญ ๆ ป้อมตำรวจ ฯลฯ การใช้จุดสนใจควบคู่กับจีโอเฟนซ์อย่างสอดคล้องกัน จะช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมดูแลเส้นทางของรถขนส่งได้อย่างสบายใจDriving Behavior& Driving Performanceการ ติดตามดูพฤติกรรมคนขับ ทั้งในรูปแบบ real-time  และการส่งเป็น Alerts/Reports  เมื่อคนขับกระทำพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ประกอบการทราบความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างทุกเรื่อง ทุกเวลา

Report Generation  รายงานของคาร์แทรคมีทั้งแบบมาตรฐาน เกือบ 200 แบบ และแบบที่สร้างเอง (customized report) ตามแบบที่ผู้ประกอบการต้องการโดยเฉพาะ ได้อีกหลากหลายไม่จำกัดจำนวน

โดยกลุ่มบริษัทคาร์แทรคได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ที่ประเทศอัฟริกาใต้ โดยเริ่มต้นจากธุรกิจกู้คืนรถที่ถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Recovery) โดยมีทีมวิจัยและพัฒนามืออาชีพทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (Eco-System) เป็นของตัวเอง ทำให้สามารถกู้คืนรถที่ถูกขโมยได้ถึง 94% ต่อมาจึงได้ขยายธุรกิจในด้านการติดตามยานพาหนะในองค์กรธุรกิจ (Corporate fleet management)ปัจจุบันเปิดดำเนินการใน 24 ประเทศทั่วโลก มีลูกค้าไว้วางใจใช้บริการมากกว่า 658,000 ราย และได้จดทะบียนในตลาดหลักทรัพย์โจฮันเนสเบอร์ก (Johannesburg Stock Exchange – JSE) โดยมีมูลค่าตลาด 8,000 ล้านบาท

ไอวีโก้ ส่ง 3 รุ่นเด่น เอาใจผู้ประกอบการฯ
จัดเต็มโปรโมชั่นเฉพาะงาน BUS & TRUCK ’17

ค่ายไอวีโก้ เตรียมเปิดตัวรถหัวลากรุ่นใหม่ 410 แรงม้า ให้งาน BUS & TRUCK ’17 เป็นเวทีเปิดตัว เจาะกลุ่มขนส่งที่ต้องวิ่งทางไกลทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมนำรถหัวลาก 380 แรงม้า และรถมิกเซอร์ 290 แรงม้า เพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าในงาน เน้นอย่าพลาดมีโปรโมชั่นเด็ดแน่นอน

คุณสุขสมเกียรติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เอส.เค. กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถไอวีโก้ ประเทศอิตาลี เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมแสดงงาน BUS & TRUCK ’17 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ ทางบริษัทฯ ได้ตัดสินใจที่จะจัดงานเปิดตัวรถหัวลากรุ่นใหม่ขนาด 410 แรงม้า ขับเคลื่อนสองเพลา
ซึ่งเหมาะกับกลุ่มขนส่งที่ต้องขนส่งทางไกล ไม่ว่าจะเป็น ทั้งในประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

พร้อมทั้งยังมีรถหัวลากรุ่นเด็ด ขนาด 380 แรงม้า ซึ่งเหมาะกับการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งเพื่อการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงวิ่งขนส่งในประเทศด้วย เท่าที่ผ่านมาพบว่ารถหัวลากรุ่น 380 แรงม้านี้เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากสุด

ส่วนรุ่นมิกเซอร์  290 แรงม้า เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างต้องการเป็นอย่างยิ่ง เพราะในโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ต้องใช้รถมิกเซอร์เพื่อผสมปูนในการก่อสร้างถนนและอาคารต่าง ๆ อย่างมากมาย

“ด้วยทางบริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่ดีกับงาน โเดยเข้าร่วมแสดงติดต่อกันแทบทุกปี ในปีนี้ถือได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นกลับคืนเต็มที่แล้ว งานขนส่งก็มีตามมา ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายรถใหญ่ที่ทางบริษัทฯได้นำเข้าร่วมในงาน BUS & TRUCK ’17 จะต้องขายได้ดีแน่”

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ ที่รถใหญ่ไอวีโก้ได้ร่วมงาน BUS & TRUCK ทุกครั้ง จะต้องมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ มานำเสนอเสมอ และงานในปีนี้ ค่ายไอวีโก้ก็ได้เตรียมแคมเปญเด็ด ๆ ที่เหนือกว่าทุกปีมานำเสนอให้กับกลุ่มขนส่งด้วย พลาดไม่ได้เพราะจะมีเฉพาะในงาน BUS & TRUCK ’17 เพียงงานเดียวเท่านั้น

ไดสตาร์ ส่งเครื่องเสียงใหม่ 24 Vเจาะกลุ่มลูกค้ารถทัวร์
BUS & TRUCK ’17   เปิดตัวเครื่องเสียง 24 V ในงาน BUS & TRUCK ’17 รายแรกของเมืองไทย ราคาถูกกว่าแบบเดิม 12 V ที่ต้องนำมาดัดแปลงใหม่ มั่นใจกลุ่มรถทัวร์ต้องนำไปติดรถสร้างความบันเทิงให้ผู้โดยสาร พร้อมเป็น One Stop Service เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้ติดตลาด

แหล่งข่าวระดับสูง บริษัท ซูเล็ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับงาน BUS & TRUCK ’17 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ ทางบริษัทฯ ได้ตกลงใจที่เข้าร่วมแสดงในงานครั้งนี้ และได้นำสินค้าตัวใหม่เข้าเปิดตัวในงาน คือ เครื่องเสียงรุ่นใหม่ 24 V

เครื่องเสียง 24 V ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับรถบัส รถบรรทุกโดยเฉพาะ เนื่องด้วยในตลาดปกติทั่วไปจะใช้เครื่องเสียงรถบ้าน 12V ไปติดในรถบัสหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟ 24V การติดตั้งนั้นจึงต้องดัดแปลง หรือ เพิ่มอุปกรณ์ ทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง ทาง Distar จึงคิดค้นสินค้าขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย

Distarเป็นผู้ให้บริการแบบ One Stop Service ครบทุก ไลน์โปรดักช์ สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ เช่น GpsTracking ,ระบบ MDVR, ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ(MOD) รวมทั้ง

กล้องติดรถต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งจุดเด่นของสินค้านอกจากเรื่อง ฟังก์
ชั่นการใช้งานแล้ว ยังเน้นเรื่องความแข็งแรงทนทานของวัสดุอุปกรณ์ที่
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในยานพาหนะโดยเฉพาะ

ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี และมีทีมงานทั้งในและต่างประเทศที่มีมากกว่า 800 ชีวิต จึงสามารถให้บริการครบวงจรในรูปแบบ one stop service พร้อม Monitoring Service 24 ชั่วโมง อีกทั้งสินค้ามีความหลากหลายตามความต้องการของประเภทธุรกิจซึ่งออกแบบมาเพื่อรถเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ และผ่านมาตรฐานจากกรมขนส่งทางบก สามารถช่วยลดต้นทุนการจัดการให้กับธุรกิจพร้อมสร้างความแตกต่างให้กับการบริการ นั่นคือเหตุผลที่ต้องเลือก Distar

ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 เข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องหลายปี  เพื่อต้องการที่จะสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้ติดตลาดรถทัวร์ เมื่อลูกค้าที่จะใช้อุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้โดยสารภายในรถก็ต้องคิดถึงยี่ห้อไดสตาร์เป็นหลัก

โปรโมชั่นพิเศษที่จะมีในงาน BUS & TRUCK ’17 บริษัทฯ จะประกาศให้ทราบก่อนงานเริ่มอย่างแน่นอน เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดเฉพาะในงาน BUS & TRUCK ’17 นี้เท่านั้น

เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์
ปักธงพร้อมร่วมโชว์นวัตกรรรมเด็ดในงาน จัดขึ้นช่วงปลายปี 2560 บนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร  วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560
ณ ไบเทค กรุงเทพฯ

โครงการก้าวคนละก้าว

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงินสนับสนุน โครงการ ก้าว คน ละ ก้าว

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงิน จำนวน 24,000,000 บาท แก่ คุณอาทิวราห์ คงมาลัย – ตูน บอดี้สแลม (ที่ 3 จากซ้าย) เพื่อสนับสนุน “โครงการก้าวคนละก้าว” จัดกิจกรรมวิ่งการกุศลเส้นทางจาก อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงอำเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กิโลเมตร

นับเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ภายใต้   “KING POWER THAI POWER
พลังคนไทย”   ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสาธารณสุข โดยมี พลตรี พีระพล ปกป้อง (ที่ 2 จากซ้าย) เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมด้วย

ณ ห้อง Press Room ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ

สายการบินนิวเจน NewGen เฮรับข่าวดี

ICAO ปลดธงแดงประเทศไทย
ขยายเส้นทางบิน50เส้นทาง ธ.ค.นี้

สายการบินนิวเจน NewGen  จุดพลุรับ  ICAO ปลดธงแดงขยายเส้นทางประเดิมเปิดเส้นทางในประเทศ  2 เส้นทาง ปี 61  เปิดเกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย เตรียมขยายเส้นทางการบินเต็มอัตราทั้งเส้นทางบินในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศรวมเป็นมากกว่า 50 เส้นทาง เผย ธ.ค.นี้ เปิดเส้นทางบินในประเทศต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงท้ายปี หลังจับมือภาครัฐ-เอกชน จ.นครราชสีมา ร่วมเปิดเส้นทางบิน

นครราชสีมา-เชียงใหม่
และนครราชสีมา-ภูเก็ต

โดยรองรับผู้โดยสาร ทั้งภาคธุรกิจและภาคท่องเที่ยว รวมถึงบุคคลทั่วไป คาดมีผู้ใช้บริการปีละ 200,000  คน มั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจ.นครราชสีมา คึกคัก พร้อมเตรียมขยายเส้นทางบิน ระหว่างประเทศ อีก 3 ประเทศ  ในปี 2561 ในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย จากปัจจุบัน  มีบินตรงสู่จีน 37 เส้นทาง คาดเพิ่มผู้โดยสารอีก 500,000   ราย จากปี  2560 ที่คาดว่า  จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 1,500,000 ราย


นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน ผู้ให้บริการเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศด้วยบริการเกรดพรีเมี่ยม เปิดเผยว่า หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ   (ICAO)  ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบินระดับโลกได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยออกนั้น ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย เพราะจะทำให้ผู้ให้บริการสายการบินต่างๆเดินหน้าขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อกังวลใดๆ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การให้บริการของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล และจะสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยในส่วนของสายการบินนิวเจนนั้นก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะทำการขยายเส้นทางการบินควบคู่กันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสายการบินนิวเจนประสบความสำเร็จในการให้บริการสายการบินระหว่างประเทศโดยเฉพาะเส้นทาง ไทย-จีน จำนวน 3 เส้นทางนั้น ล่าสุดได้มีแผนที่จะเปิดให้บริการเส้นทางการบินภายในปี 2561 อีก 3 ประเทศ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ให้บริการแบบพรีเมี่ยม และเป็นทางเลือกของผู้โดยสารให้มีความหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดเส้นทางการบินภายในประเทศ โดยได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครราชสีมา หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และตัวแทนจากภาคเอกชนทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมจะเปิดเส้นทางบิน นครราชสีมา – เชียงใหม่ และเส้นทางบินนครราชสีมา – ภูเก็ต ในวันที่ 3 ธันวาคมปีนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวที่จะมีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น รวมถึงผู้โดยสารเดินทางเพื่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปอาทิ นักเรียน – ศึกษา ซึ่งมีความต้องการใช้บริการการเดินทางค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าการเปิดเส้นทางบินใหม่โดยใช้ฐานที่ท่าอากาศยาน จ. นครราชสีมา ทั้ง 2 เส้นทางจะทำให้สายการบินนิวเจนมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ200,000 ราย

ทั้งนี้หลังจากที่สายการบินนิวเจนเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ตามแผนจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประมาณ.500,000ราย และหากรวมกับแผนการขยายเส้นทางการบินต่างประเทศแล้วจะทำให้สายการบินนิวเจนมีเส้นทางการบินรวมทั้งสิ้นมากกว่า 50 เส้นทาง  ภายในปี 2561  ส่วนในปี  2560 นี้ ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 1,500,000 ราย

นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบินนิวเจน

“สาเหตุที่เลือกเปิดเส้นทางบินในประเทศแห่งแรกโดยใช้ท่าอากาศยานนครราชสีมา เป็นศูนย์กลางนั้น เนื่องจาก จังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมหลายด้าน ทั้งสนามบิน และการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นประตูสู่ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคม รวมถึงการท่องเที่ยว เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีประชากรเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GDP สูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นายเจริญพงษ์ กล่าว

สำหรับนโยบายการเปิดเส้นทางบินของสายการบินนิวเจนนั้น เราจะเน้นเส้นทางบินที่ยังไม่มีการเปิดให้บริการหรือมีการเปิดให้บริการที่ยังน้อย เช่นปัจจุบันที่เราประสบความสำเร็จในการบินไทย-จีน ก็เป็นการบินในเส้นทางที่บินไปเมืองรอง ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารที่ไม่ต้องการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินในเมืองใหญ่ และสำหรับการเปิดเส้นทางจากนครราชสีมาไปเมืองต่างๆ ก็เป็นการบินตรง เช่นกัน  จะทำให้ผู้โดยสารสะดวกและประหยัดค่าเดินทางจากเดิมที่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินหลักในเมืองหลวง นอกจากนี้เรากำลังศึกษาเส้นทางต่างๆจากสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเชื่อมโยงไปยังเมืองหลักสำคัญๆในประเทศที่ยังไม่มีเส้นทางบินตรง
ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆนี้”

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น