พิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ วัดใหม่สิริกมลาวาส

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สามเณร หน่อเนื้อของสมณะ หมายถึงนักบวชชายในพระพุทธศาสนาที่มีอายุน้อย ยังมิได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ คำว่า สามเณร เป็นศัพท์เฉพาะในพระพุทธศาสนา เป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้เรียกนักบวชในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ไม่สาธารณะทั่วไป

ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณร เป็นโอกาสที่เหล่ากุลบุตรจะได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ธรรมะและปฏิบัติธรรมเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ทางพระวินัยกำหนดอายุอย่างต่ำไว้ประมาณ 7 ขวบซึ่งพอช่วยเหลือตัวเองได้ พระวินัยระบุว่าพอจะไล่กาไล่ไก่ได้ ส่วนสูงไม่มีกำหนดไว้ ผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปีจะบวชเป็นสามเณรตลอดไป ไม่บวชเป็นภิกษุก็ได้



วัดใหม่สิริกมลาวาส จัดพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ ระหว่างวันที่  ๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐  โดยพระครูโชติญาณประยุต พระอุปัชฌาย์ (เจ้าอาวาส) ดำเนินการโดย พระอาจารย์ คำนวน กนตสีโล และพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน ณ.วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา) วังหิน กรุงเทพฯ

โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 13/60 ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 แล้วดำเนินโครงการโดยพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลและพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา)วังหิน ลาดพร้าว กรุงเทพฯพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลได้กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยาเสพติด เกม และอบายมุข





ดังนั้นในช่วงปิดภาคเรียนหากเยาวชนได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาโดยผ่าน
การบวช การอบรม การฝึกจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนควรที่ผู้ใหญ่จะร่วมกันสนับสนุนคนละไม้ละมือเพื่อให้ลูกหลานได้มีจิตใจที่อ่อนโยน มีระเบียบวินัยในการดำรงชีวิตต่อไปมากยิ่งขึ้น

อะไร? คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

คำถามชวนสังคมไทยฉุกคิด จากไวรัลวิดีโอสุดซึ้งรับสงกรานต์ที่จะทำให้คุณอิ่มเอมกับคำว่า “ครอบครัว”

มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะรวยจน ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา แต่รากฐานสำคัญที่ชีวิตมนุษย์ทุกคนพึงมีก็คือ ครอบครัว  จุดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรัก  ความอบอุ่น ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ครอบครัวคือปลายทางของความรักความอบอุ่นที่เป็นพลังที่ทำให้ฝ่าฟันกับปัญหาอุปสรรค และนำไปสู่การสร้างสรรค์ให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้มากมาย ทว่าด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่าง ทำให้ คนไทยจำนวนไม่น้อย ต้องเสียสละเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิด และบุคคลอันเป็นที่รัก เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหารายได้เพื่อที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

และเพื่อเป็นการตอบแทนฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัว ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกครอบครัวไทยจะได้มีโอกาสพบปะ หรือ อยู่กันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา  โฟร์โมสต์  ในฐานะผลิตภัณฑ์ นมไทยมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า

60 ปี โดย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ได้แค่ต้องการที่จะสนับสนุนให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงผ่านโภชนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังร่วมสนับสนุนส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้แข็งแรงอีกด้วย จึง

ขอสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ อย่าง โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3  ภายใต้แนวคิด เพราะทุกคนคือ  ฮีโร่ ของครอบครัว”

โดยหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ภายใต้แคมเปญ โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข  ปี3 คือ ไวรัลวิดีโอชวนกลับบ้านในวันสงกรานต์สุดซึ้ง ซึ่ง
โฟร์โมสต์ ได้มอบหมายให้ บริษัท เทอร์มินัล วัน จำกัด ครีเอทีฟเอเจนซี่ เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานภายใต้ชื่อ  ฮีโร่

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นการถ่ายทอดของนักมวยสู้ชีวิตที่ตระเวนออกชกมวยรอบตามงานต่างๆ ในทุหครั้งที่นักมวยถูกชก หยาดเหงื่อแรงงานที่กระเด็นออกมาเปรียบเสมือนเม็ดเงิน แต่จะถูกแบ่งสันปันส่วนให้กับ นายหน้า หรือ โปรโมเตอร์ จะเหลือถึงมือเพียงแค่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้นักมวยลดละความพยายามลงได้ เพียงต้องการหาเงิน  มาจุนเจือครอบครัว โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ความเป็นอยู่ที่สุขสบายของภรรยาและลูกสาวผู้ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งสงกรานต์ปีนี้เขาก็มีโอกาสได้เดินทางกลับบ้านกับโฟร์โมสต์ที่เชิดชูเหล่า ฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัวเฉกเช่นนักมวยผู้นี้ ให้ได้กลับภูมิลำเนาของตน เพื่อได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างอบอุ่น ซึ่งไวรัลวิดีโอชุดนี้ถูกสร้างและดำเนินเรื่องราวจากเค้าโครงจริง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้สังคมฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วความแข็งแรงแบบ 100% ของสถาบัน “ครอบครัว” คือสิ่งสำคัญที่สุด เริ่มออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 31 เมษายน 2560 ผ่านช่องทาง

www.facebook.com/ForemostMomTalk www.youtube.com/Foremostforlife

นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ ยังได้จัดกิจกรรมอาสาพา  ฮีโร่  กลับบ้านพร้อมกัน
ทั่วไทย ในวันที่ 11 เมษายน 2560 นี้ ที่ โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น (Foremost Hero Station) สถานีขนส่งใจกลางเมือง ณ สนามมอเตอร์ สปอร์ต แลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) ถนนพหลโยธิน  กทม.

สงกรานต์สุข…เมื่อทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
โฟร์โมสต์ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทยให้มีความแข็งแรง 100%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ForemostForLife.com/Hero
Foremost Family Facebook Fanpage
หรือ Call Center หมายเลข 02-657-5344

Spice Up Thailand 2017

ทีเส็บ จับมือ วีซ่า และ ททท.
เปิดตัวโครงการ
Spice Up Thailand 2017
กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ผ่านการตลาดดิจิทัล

ทีเส็บ หรือ สำนักงาน ส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ ( องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท
ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ Spice Up Thailand 2017 (สไปซ์ อัพ ไทยแลนด์ 2017) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบอภิสิทธิ์สุดพิเศษให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ อาทิ ส่วนลดสำหรับที่พักโรงแรม 10% ส่วนลดสำหรับบริการ รถเช่ารับ-ส่งสนามบิน 50% คูปองส่วนลด  สำหรับการช้อปปิ้ง 500 บาท ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร 25% และส่วนลดค่ากรีนฟีสนามกอล์ฟ 50% เป็นต้น จากโรงแรม,สปาและโปรแกรมแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ, ช้อปปิ้ง,  ร้านอาหารต่างๆ, กอล์ฟ, บริการรับส่งและเช่ารถจากสนามบิน, บริการรถลีมูซีน, Tourist SIM Card และแพ็กเกจห้องประชุม เป็นต้น

 

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า”การส่งเสริมธุรกิจไมซ์ผ่านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีเส็บใช้เป็นช่องทางกระตุ้นตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริม Digital Economy (ดิจิตอล อีโคโนมี่) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจระดับมหภาค ทีเส็บดำเนินงานแคมเปญ Spice Up Thailand ร่วมกับ 5 พันธมิตร เพื่อกระตุ้นตลาดไมซ์ในต่างประเทศ สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นเวลาถึง 3 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเป้าหมายหลักอย่างตลาดไมซ์เอเซียและกลุ่ม CLMV

คุณสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนงานไมซ์ 46 งาน จาก 16 บริษัทของผู้จัดงาน ลงทะเบียนร่วมแคมเปญฯ  มีจำนวนการแลกรับคูปอง ( Redeem Coupon ) ประมาณ 43,000 ครั้ง สามารถสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ กว่า 20 ล้านวิว  โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับของการแลกรับได้แก่ ร้านอาหารช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวสปา และบริการรถเช่ารับ-ส่งสนามบิน ด้านนักเดินทางกลุ่มไมซ์  ที่มียอดการแลกรับคูปองเพื่อใช้สิทธิพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆ ของแคมเปญสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์เวียดนาม  สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง  ปากีสถาน ออสเตรเลีย แอลจีเรียและไทย  และในปี 2017 นี้ แคมเปญ Spice Up Thailand ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จัดงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโครงการ
กว่า 60 งาน ”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า
“ทางวีซ่าได้คัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกรวมทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยด้วยโดยสิทธิพิเศษในปีนี้มีทั้งรับฟรีของสมนาคุณหรือบัตรกำนัลและส่วนลดสูงสุดถึง50%, จากร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสปา/wellness สนามกอล์ฟบริการรถรับส่ง รถเช่า สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการและที่พิเศษเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ทุกครั้งที่จองโรงแรมในประเทศไทย ผ่าน www.booking.com/visain และชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าจะได้รับคูปองส่วน
ลดคิง-เพาเวอร์มูลค่า7% จากราคาที่จองทุกรายการ นอกจากนี้
วีซ่าได้ร่วมกับ Thai Travel Center (ไทย ทราเวล เซ็นเตอร์) และ
Asia-Discovery (เอเชีย ดิสคัฟเวอรี่) เสนอทางเลือกให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่ต้องการพักผ่อนต่อ และสามารถเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆในประเทศไทยในราคาพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆซึ่งนอกจากสิทธิพิเศษในฐานะนักเดินทางไมซ์โดยเฉพาะแล้ววีซ่ายังมีโปรแกรมสิทธิพิเศษ อีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งคนไทยและต่างชาติรวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับนักเดินทางไมซ์ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถิติการ
ใช้สิทธิพิเศษสูงเป็นอันดับแรกในปีที่ผ่านมา”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย
คุณนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า
“ในภาคอุตสาหรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้ว ยังใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ด้วย  ททท. จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ Spice Up Thailand 2017 เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ และช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมอีกด้วย”

คุณอรอนงค์ สุดกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และวิเคราะห์การตลาด บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรมดาวน์โหลดคูปอง privilege จาก โครงการ Spice Up Thailand  ให้มากยิ่งขึ้น ทีเส็บ
จึงได้จัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ Plan More, Enjoy More (แพลน มอร์, เอ็นจอย มอร์) ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรม  ออกแบบแผนการเดินทางของตนเอง และแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียทาง
Facebook  (เฟซบุ๊ก) หรือ
Twitter Hashtag #PlanMoreEnjoyMore #SpiceUpThailand

ผู้ที่ได้ยอด Like & Share มากที่สุด จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศจากสายการบินไทย 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (โดยจะต้องเป็นประเทศที่
มีเส้นทางบินของสายการบินไทยเท่านั้น ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้น ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2560

ทั้งนี้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถรับสิทธิประโยชน์จากโครงการได้อย่างสะดวกด้วยการลงทะเบียน และดาวน์โหลด Spice Up Privilege Coupon ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ
www.spiceupthailand.com หรือรับSpice Up Privilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้างาน และแสดง Spice Up Privilege เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากบริการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เดือนนี้-ธันวาคม 2560
สอบถามและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.spiceupthailand.com


งานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ Spice up Thailand 2017
ในงานได้รับเกียรติจาก สริตา จินตกานนท์, ธวัชชัย กิตติศรีบูรณ์กุล, สุริพงษ์ ตันติยานนท์, นพดล ภาคพรต, มาลี โชคล้ำเลิศ และ อรอนงค์ สุดกังวาล มาร่วมงาน  ณ ห้องบอลลูม โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก เมื่อเร็วๆนี้

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 เวลา 18.00-20.00 น.
โครงการ จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom ชั้น 8 โรงแรม Sofitel So Bangkok สาทร

 

 

 

ลีวายส์® เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า

เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ฟื้นตำนานสินค้าป้ายส้มสัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®

ลีวายส์®เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S ให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®  นำทัพโดยรุ่น 501® Skinny

สิ่งที่ลีวายส์®ปรับเปลี่ยนจะกลายเป็นมรดกและมีคุณค่ากับแบรนด์ซึ่งเกิดจากการที่ทุกคนที่ให้ความสำคัญกับเราผ่านการสวมใส่แสดงออกถึงตัวตน

พื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S


501®Skinny
ลีวายส์®ได้ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะรุ่นไอคอนตลอดกาลอย่างลีวายส์® 501® ที่มีการปรับเปลี่ยนโฉมกว่า 40 ครั้ง ภายใน 144 ปีที่ผ่านมา ลีวายส์®ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย โดยได้ปลุกตำนานไอคอน ยอดฮิตนำมาปรับโฉม (Remaster) ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ชื่นชอบความเข้ารูป (skinny) อย่างรุ่น 501®CT(Customized & Tapered) ที่นำเอาตำนาน 501® มาปรับโฉมเข้ารูปเล็กน้อยแต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นต้นแบบและแก่นของ 501® ที่มีกระดุมเป็นเอกลักษณ์ (Button Fly) และรุ่น 505C ที่ปรับโฉมมาจาก ยีนส์ชาวร็อคอย่างลีวายส์®505
ขากางเกงถูกออกแบบให้ดูสลิมและเข้ารูปมากขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกด้วยสไตล์เอวสูง โดยในปีนี้ได้สร้างสรรค์อีกหนึ่งไอคอนใหม่ ลีวายส์® 501® สกินนี่(Levi’s® 501® Skinny)

การออกแบบและปรับโฉมที่ใช้เวลากว่า 18 เดือนมีการรับฟังแนวคิดจากแฟนๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่โรงทอผ้ายีนส์โคนมิลล์ เพื่อยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของผ้ายีนส์ 501® ที่แท้จริง ทำให้ 501®Skinny เอกลักษณ์ของเนื้อผ้ายีนส์ที่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สวมใส่ได้จริงทั้งชายและหญิง ด้วยต้นขาและปลายขาเข้ารูปพร้อมรอยขาดแบบวินเทจ

Orange Tab
จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ยุค 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ลีวายส์® ในยุคนั้นได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นออเร้นจ์แท็บขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มนักปฏิวัติด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ราคาเหมาะสม ทำให้ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บกลายเป็นต้นแบบของสตรีทแฟชั่น
มีอิทธิพลต่อการแต่งกายกระแสหลัก 90% ของคนในยุคนั้น ถ้าไม่ได้ใส่
ลีวายส์® ก็จะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของ ออเร้นจ์แท็บ ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะ
สมและคนรักยีนส์ ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้มซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บแบบเรียบง่าย “Line Eight Construction” ใช้ด้าย เป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติการเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก

คอลเลกชั่นลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บแฝงด้วยกลิ่นอายของเหล่าบุปผาชนเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือสาวกลีวายส์®ที่ชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์วินเทจ รวมถึงผู้ที่มองหาความมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สำหรับผู้ชาย รุ่น 510 Skinny ทรงเอวต่ำสวมใส่สบายและตัดเย็บให้แนบกระชับ และ 505C แบบขาสั้นสวมใส่สบาย สำหรับผู้หญิง รุ่น 721 High Rise เอวสูงเข้ารูปตกแต่งด้วยรอยขาด และกระโปรงทรงเอซิปหน้า นอกจากนี้ยังมีแจ็คเก็ตยีนส์กระดุมแป๊กกับเสื้อยืดคอกลมลาย Iconic ซึ่งทุกสินค้ามีเอกลักษณ์ป้ายส้มและจุดเด่นต่าง ๆ ตามแบบวินเทจในอดีต

Levi’s 501® Tailor Truck
และเพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ พบกับลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสกับลีวายส์®ออเร้นแท็บคอลเลกชั่นและลีวายส์® 501® สกินนี่ พร้อมย้อนกลับไปในอดีตภายใต้บรรยากาศในยุค 60S ตื่นตาไปกับโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา

สนุกกับการตกแต่งยีนส์ที่แสดงออกถึงตัวตนของตัวเองกับโซน Levi’s® Tailor Shop พร้อมรับป้ายทอ (Patch) ที่ระลึกจัดทำขึ้นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะสามารถติดตามตารางการเดินทางของ Levi’s 501®Tailor Truck ฟื้นตำนานสินค้าลีวายส์® ป้ายส้ม สัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ยีนส์เคลื่อนที่กับลีวายส์® 501® Tailor Truck

บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาด โดยมุ่งเน้นในภูมิภาคเอเชีย และแบรนด์ลีวายส์® สัญลักษณ์แฟชั่นยีนส์ชั้นนำระดับโลก  นำโดย มร. ปีเตอร์ ฮอร์นบี  รองประธานกรรมการ กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และ วรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน THE LAUNCH OF LEVI’S® REMASTER AND LEVIS® ORANGE TAB COLLECTION

เปิดตัวแคมเปญ ลีวายส์® รีมาสเตอร์ (Levi’s® Remaster) นำสินค้ายอดนิยมอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีสไตล์ในยุคแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมและเสรีภาพกลับมาปรับโฉมใหม่อีกครั้ง นำโดยลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) หรือลีวายส์®ป้ายส้ม ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S และลีวายส์® 501® สกินนี่ (Levi’s® 501® Skinny) น้องใหม่ในตระกูลลีวายส์® 501® ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงนับเป็นการปรับโฉมกางเกงในตำนานครั้งล่าสุดของลีวายส์®ลีวายส์® ได้เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ให้เป็นเสมือนพื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S มารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงเสรีภาพผ่านสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ตามกระแสใคร โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่ลีวายส์® 501® Tailor Truck อันประกอบไปด้วยโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา พร้อมนิทรรศการที่จะพาคุณย้อนกลับไปในอดีตผ่านตำนานในปีต่าง ๆ ของยีนส์501® รวมถึงการจัดแสดงกางเกงยีนส์ 501® ลิมิเต็ด เอดิชั่น ประจำปี 2017 นี้ โดยมี หนุ่มเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ในฐานะที่เคยไปบุกยูเรก้าแล็บซานฟรานซิสโก้ ถิ่นกำเนิดของยีนส์ลีวายส์® ปิดท้ายด้วยแฟชั่นโชว์จากบรรดานายแบบนางแบบที่นำสินค้าคอลเลกชั่นนี้มามิกซ์แอนด์ แมทช์ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว โดยมี จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ รับหน้าที่พิธีกร

คุณวรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “แคมเปญลีวายส์® รีมาสเตอร์ นี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของลีวายส์® จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ปี 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม โดยลีวายส์® ได้เลือกนำยีนส์ไอคอนรุ่นที่เป็นตำนานอย่าง ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ และ ลีวายส์® 501® สกินนี่ มาปรับโฉมใหม่ภายใต้การดำเนินงานของเหล่าดีไซน์เนอร์ผู้เชี่ยวชาญการตัดเย็บยีนส์ของลีวายส์® ซึ่งจะยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายอันเป็นของเอกลักษณ์ในยุคนั้นผสานเข้ากับความนิยมของผู้สวมใส่ในปัจจุบัน”

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของออเร้นจ์แท็บ ที่ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะสมและคนรักยีนส์เป็นอย่างดี ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้ม ซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บเรียบง่ายแบบ “Line Eight Construction” ใช้ด้ายเป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติ การเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก”

ภายในงานได้รับความสนใจจากแขกผู้มีเกียรติผู้ชื่นชอบยีนส์ อาทิ วิภาวี คอมันตร์, นาขวัญ รายนานนท์, รพีพร วงศ์ทองคำ, ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ

เพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ลีวายส์® ได้ส่ง ลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมจัดแคมเปญยิ่งใหญ่ประจำปี ‘ลีวายส์®เท่วันนี้ ลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี’ เพียงซื้อสินค้าลีวายส์® 1 ชิ้น สามารถรับสิทธิลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี ตั้งแต่ วันที่ 17 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2560 สามารถติดตามรายละเอียดการร่วมกิจกรรม และ ตารางการเดินทางของ ลีวายส์® 501® Tailor Truck ได้ที่

www.levisthailand.com
www.facebook.com/levis.thailand
หรือ แฮชแท็ก #LevisOrangeTab #LiveinlevisTH

 

เที่ยว ตาก หลากสไตล์

ไหว้พระขอพรพระเจ้าตากสิน


ตาก มีมากกว่าที่คิด!  
เพราะสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดตาก ที่มากไป
ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งขุนเขา  ป่าไม้  สายน้ำตก วิถีชีวิต วัฒนธรรม วัดวาอารามอันสวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศแห่งการชอปปิ้งของเมืองชายแดนอันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นตากฝั่งตะวันออกที่มีอำเภอเมืองตากเป็นศูนย์กลาง และตากฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอดเป็นศูนย์กลาง


ตาก จังหวัดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล  เป็นสถานที่ที่มีความงดงามทางธรรมชาติและอากาศดี สามารถเที่ยวได้ตลอดปีเป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนล่างของไทย มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ

วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช

มาจังหวัดตาก ต้องห้ามพลาด วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ที่ ริมถนนเลี่ยงเมือง ตำบลแม่ท้อ วัดดอยข่อย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 20 เมตร เป็นที่ตั้งโบราณสถานที่ชาวบ้านเรียกว่า  วัดพระเจ้าตากสิน

สมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ดำรงตำแหน่ง  พระยาตาก พระองค์ได้เสี่ยงทายที่วัดนี้ โดยกล่าวว่า  “ถ้าข้าพเจ้ามีบุญญาบารมีมากพอที่จะเป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ ได้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน ขอให้
ไม้เคาะระฆังที่จะขว้างไปยังถ้วยแก้วซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณ 5 วา ให้ถูกจำเพาะท่อนกลางที่คอดกิ่วของถ้วยแก้วแล้วแตกหักออกไป ขออย่าให้ส่วนอื่นของถ้วยแก้วแตกเสียหาย ฯลฯ”

 

ปรากฏว่า เมื่อพระองค์ขว้างไม้เคาะระฆังออกไป ก็เป็นอย่างที่พระองค์ได้เสี่ยงอธิษฐาน เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของบรรดาพุทธบริษัท  ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยข่อยเขาแก้ว


จนเล่าลือกันว่า พระยาตากเป็นผู้มีบุญญาธิการและบารมีที่มหัศจรรย์ยิ่ง ภายหลังจากการเสี่ยงทายแล้ว พระองค์ได้ให้ช่าง  นำลูกแก้วไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์  วัดดอยข่อยเขาแก้วลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่ง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ขออนุญาตนำไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์วัดกลางสวนดอกไม้ หลายปีผ่านไป ลูกแก้วที่ติดยอดเจดีย์ทั้งสองแห่งนั้น ได้หลุดหายไป เนื่องจากยอดพระเจดีย์ได้หักพังลงมา

วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย โบสถ์ มีใบเสมาคู่ที่แสดงว่า  พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ เจดีย์และพระพุทธบาทจำลองอยู่ในโบสถ์ ด้านหน้ามีเจดีย์ 1 องค์ บรรจุอังคารบิดา มารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันวัดนี้ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2545

เมื่อเวลาผ่านมานับร้อยปี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560  วัดพระเจ้าตากสินมหาราชได้มีการบูรณะ และฉลองพระอุโบสถ เพื่อเป็นศิริมงคล แก่ชาวจังหวัดตากตซึ่งได้คณะท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล  เป็นทุนแรงสำคัญในการสร้างบุญครั้งนี้

แหล่งท่องเที่ยวของ  จังหวัดตาก ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้  แต่จะประทับใจ
สักแค่ไหนคุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้ !!!

ทำไมต้อง เก้าสิบสี่ไนน์ตี้โฟร์ คอฟฟี่?

คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room

เป็นคำถามยอดฮิตประจำร้าน ซึ่งที่มาของ 94°Coffee มาจากการเลือกใช้อุณหภูมิน้ำในการชงกาแฟ ที่ทำให้รสชาติและกิล่นที่ดีที่สุด นั่นคือ 94°C 200°F ทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน94° Coffee


94° Coffee สาขา Golden Place พระราม 9  ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เป็นคาเฟ่ในอารมณ์ของการนั่งเล่น รื่นรมย์ เรียบหรู สไตล์อิตาเลี่ยน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีที่นั่งหลายมุม หลากหลายแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกในสไตล์ที่ชอบ และเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกันในร้านได้ยาวนานขึ้น สถานที่จอดรถกว้างขวางในการชงกาแฟ ซึ่งถือว่า 94 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิของน้ำที่ “ดีที่สุด” ในการชงกาแฟ “ทางร้านเลยตั้งค่ามาตรฐาน การชงกาแฟไว้เท่ากัน หมดที่ 94 องศา

คุณนงนภา วงศ์วารี (กลาง) กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จํากัด สายงานธุรกิจ ร้านกาแฟเป็นคำถามยอดฮิตประจำร้าน ซึ่งที่มาของ 94°Coffee มาจากการเลือกใช้อุณหภูมิน้ำในการชงกาแฟ ที่ทำให้รสชาติและกิล่นที่ดีที่สุด นั่นคือ 94°C 200°F ทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน  94° Coffee   สาขา Golden Place พระราม 9  ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เป็นคาเฟ่ในอารมณ์ของการนั่งเล่น รื่นรมย์ เรียบหรู สไตล์อิตาเลี่ยน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีที่นั่งหลายมุม หลากหลายแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสไตล์ที่ชอบ และเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกันในร้านได้ยาวนานขึ้น สถานที่จอดรถกว้างขวางในการชงกาแฟ ซึ่งถือว่า 94 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิของน้ำที่ “ดีที่สุด” ในการชงกาแฟ “ทางร้านเลยตั้งค่ามาตรฐาน การชงกาแฟไว้เท่ากัน หมดที่ 94 องศา

16 ปี 94°Coffee ร้านกาแฟสด แบรนด์ไทยแบร์นแรกที่ปลุกกระแมกาแฟสด เป็ฯธุรกิจที่ไม่มีวันตาย เป็นเรื่องของ Lifestyle ที่จะอยู่กับคนเราไปตลอด รูปแบบอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และพฤติกรรมของผู้บริโภค
ปัจจุบันลูกค้าไม่ได้มี Loyalty ต่อแบรนด์เพียงอย่างเดียว แต่จะมองหา Experience ที่ดี หาสถานที่ตอบโจทย์กับ Lifestyle ในยุคใหม่ ที่ไม่ได้ยึดติดการทำงานในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว หรือประชุมเพียงในห้องประชุมเพียงเท่านั้น

เชฟตูน เชฟหนุ่มหล่อที่คุ้นหน้ากันดี จากหลากหลายรายการ 94 Coffee กับเชฟตูน

คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room คุณนงนภา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จํากัด สายงานธุรกิจ ร้านกาแฟ (94°Coffee) เตรียมเปิดตัวโฉมใหม่ 94°Coffee คอฟฟี่ คาเฟ่ แบรนด์ไทย ที่มาพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ชิลของลูกค้าในปัจจุบัน ในคอนเซ็ปต์  Simply Luxury Living  ในงาน “94°Coffee Revival” เพิ่มอรรถรสในงานด้วยการคว้า 2 หนุ่ม ศิลปินและนักแสดง คู่เพื่อนซี้สุดจิ้น ที่กลับมาออกงานร่วมกันอีกครั้ง เต๋า – เศรษฐพงศ์ เพียงพอ และ คชา – นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ มาร่วมนำเสนอเมนูอาหารโปรด และลงมือทำเมนูพิเศษให้แฟนๆ ได้ร่วมประมูล เพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนสร้างอาคาร “นวมินทรบพิตร 84 พรรษา” พร้อมพบกับ เชฟตูน – ธัชพล ชุมดวง Guest Chef ของ 94°Coffee จะมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเมนูสุดพิเศษที่รังสรรค์โดยเฉพาะ เพื่อลูกค้าคนสำคัญของ 94°Coffee


เต๋า คชา ควงคู่ ลิ้มลองคอนเซ็ปต์ใหม่ Simply Luxury Living Room ที่ 94°Coffee การเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญไปกับ“94°Coffee Revival” ซึ่งกำหนดจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 16.00 – 19.00 น. ณ ร้านกาแฟ 94°Coffee
(สาขา โกลเด้น เพลซ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม)ราคากลางๆ ไม่แพงมาก

CHARITY WITH TAO – KACHA
อากาศร้อนแบบนี้ 94 coffee ร่วมประมูลเมนูพิเศษของ 94°Coffee กับคู่เพื่อนซี้สุดจิ้น เต๋า – เศรษฐพงศ์ เพียงพอ และ คชา – นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์   รายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำเข้าสมทบทุนสร้างอาคาร “นวมินทรบพิตร 84 พรรษา” พฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 17.00 – 19.30 น.
ณ ร้าน 94°Coffee สาขา โกลเด้น เพลซ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

94° Coffee สาขา Golden Place พระราม 9
ตกแต่งสวย ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ สถานที่จอดรถกว้างขวาง
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 181 ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10130
วันเปิดให้บริการ : ทุกวัน
เวลาเปิดให้บริการ : 07.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 0 2934 4076

 

Beauty Industry Networking Night

สภาอุตสาหกรรม ร่วมกับ อิมแพ็ค
จัดงาน 
Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 

 

ตอบรับตลาดความงามมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาทโตสวนกระแสเศรษฐกิจสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอินฟอร์ม่า เอ็กซิบิชั่น เตรียมจัดงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 หรืองานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตรตอบรับตลาดความงามและเครื่องสำอางที่มีมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจติดอันดับ 1 ใน10 ของโลกในช่วง3-5 ปี โดยงานจัดขึ้นวันที่21-23 กันยายน 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศรวม650 บูธกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมผู้ร่วมเจรจาธุรกิจและชมงานกว่า 20,000 รายจากทั่วโลก สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอด 3 วันของการจัดงานสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ1,750 ล้านบาท

นายเชิญพร เต็งอำนวยรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมพยายามสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถในด้านการตลาด การค้าและการลงทุน การสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็ง โดยในปีนี้การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมฯเชื่อว่างาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017(BBAB2017) จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายหลักในการส่งเสริมผู้ค้ารายย่อยและพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตไทยให้สามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ

นางเกศมณีเลิศกิจจารองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกล่าวว่าอุตสาหกรรมความงามของโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง มาจากประชากรวัยทำงานอันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคด้านสุขภาพและความงามได้รับความนิยมมากขึ้นจากความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในวัยที่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพมีมูลค่าตลาดในประเทศสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกสามารถทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12แสนล้านบาทส่วนในเวทีโลกไทยครองอันดับที่ 17ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ส่วนในเอเชียไทยครองอันดับ 2 และรั้งอันดับ 1 ในระดับอาเซียนอีกด้วย

นายธนวัฒน์ เรืองเทพรัชต์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยกล่าวว่า สถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยหรือ inFASHเป็นสมาชิกกับองค์กรกลางชื่อ อินเตอร์คัลเลอร์ ผู้ดำเนินการจัดการประชุม INTERCOLOR เวทีที่ประเทศชั้นนําด้านการออกแบบของโลกรวมตัวกันเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสีวัสดุและเทรนด์การออกแบบในอนาคต ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลการวางตลาดของสินค้าเป็นระยะเวลา 24 เดือน เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจของการออกแบบในหลายอุตสาหกรรม เช่น แฟชั่นสิ่งทอ เครื่องสําอาง การตกแต่งบ้าน ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นสำหรับ inFASH อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และด้วยองค์ความรู้เหล่านี้สถาบันฯ จึงเข้าร่วมในงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ต่อเนื่องเป็นครั้งสอง จัดสัมมนา“Beyond Beauty Trends Conference” ร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องสี วัสดุ และเทรนด์ในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม อีกทั้งยังร่วมเปิด “Beau Tech – Incubation Zone” เพื่อส่งเสริมให้ผลงานของนักศึกษาเป็นที่รู้จักและสามารถต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย
ด้านนายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์จำกัดกล่าวถึงการจัดงานBeyond Beauty ASEAN-Bangkok ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียนจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4เพื่อผลักดันธุรกิจสุขภาพและความงามให้ก้าวไกล ขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดความงามในปัจจุบันพร้อมโชว์ศักยภาพของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง โดยในปีนี้มีการเปิดตัวโซนสปาและสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดความงาม อีกทั้งยังสานต่อความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทคินเท็กซ์ ผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าจากประเทศเกาหลี นำทัพผู้ประกอบการด้านความงามจากเกาหลีกว่า 250รายร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นปีที่ 2 พร้อมกันนี้ ยังจัดสัมมนาวิชาการให้ความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและแฟชั่นการประชุม ASEAN RETAIL BEAUTY SUMMIT การสัมมนาเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับการสักบนผิวหนังเพื่อความงาม ตลอดจนcentdegrésบริษัทออกแบบระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิ จีวองชีแอร์เมสลองแวงและคาร์เทีย เป็นต้น

สำหรับงาน BBABซึ่งผ่านการรับรองมาตราฐานการจัดงานนิทรรศการจาก UFI หรือสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก โดยในปีที่ผ่านมาได้รับสองรางวัลภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Show หรือ ART Campaign ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ในสาขา Bestof ASEAN Rising Trade Show และ Best of Highest Growth of ASEAN Pavilion เป็นการการันตีถึงคุณภาพของงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ได้เป็นอย่างดีทางคณะผู้จัดฯ จึงมุ่งหวังให้ BBAB 2017จะประสบผลสำเร็จและเป็นจุดนัดพบสำหรับคนในแวดวงอุตสาหกรรมความงามได้พบปะและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่คนในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม

อนึ่งงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2017
จัดขึ้นในวันที่ 21 – 23 กันยายน 2560
ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.beyondbeautyasean.com

 

บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2017 ปีที่ 10

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่  สร้างปรากฏการณ์รันเวย์แฟชั่นวีคครั้งสำคัญของเอเชีย!

การจัดงาน BIFW 2017 ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ ธนาคารซิตี้แบงก์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ทรูมูฟเอช 4 G+, ผลิตภัณฑ์วาโก้ มูด,  บริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน),  บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โอซิม (ประเทศไทย) จำกัด, ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส (ประเทศไทย), โรงแรม วี โฮเต็ล กรุงเทพฯ, นิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์, โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ, เครื่องสำอางแมค และผลิตภัณฑ์ผมลอรีอัล ปรากฏการณ์แฟชั่นวีคครั้งสำคัญของประเทศไทย


Guo Pei, 23 มี.ค. เวลา 19.00 น. ที่สยามพารากอน
งาน BIFW 2017 ครั้งนี้ ขอมอบมงให้กับ Guo Pei (กัว เป่ย) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกพิเศษแก่งสมาพันธ์ห้องเสื้อชั้นสูง แบรนด์โอต์ กูตูร์ระดับโลกของดีไซเนอร์สาวชาวจีน ผู้สร้างสรรค์อาภรณ์สีเหลืองอร่ามสุดอลังการที่ Rihanna ใส่เดินพรมแดงในงาน Met Gala 2016 และได้ยกย่องว่าเป็น Queen of the Night เชียวนะ โดย Guo Pei จะขนชุดคอลเลคชันล่าสุดจากงาน Paris Fashion Week มาโชว์เปิดรันเวย์ เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ สำหรับชาวไทย


กัวเป่ย  ดีไซเนอร์ชาวจีนชื่อดังระดับโลก ร่วมงานเสวนา The Ideaopolis Talk by Guopei and BFS จัดร่วม  กับ  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้กลุ่มดีไซเนอร์เลือดใหม่ของไทยได้รับรู้ถึงการทำงานของวงการแฟชั่นระดับอินเตอร์เนชั่นแนล

อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่พลาดไม่ได้คือการจัดแสดงผลงานการออกแบบของนักศึกษาแฟชั่นจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักออกแบบไทย ทั้งยังเป็นการสนับสนุนและผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ

Guo Pei  ดีไซเนอร์โอต์ กูตูร์ชาวจีน คนแรกและคนเดียวที่ได้รับการยกย่องและยอมรับจากวงการแฟชันปารีสให้ร่วมโชว์ในงาน Fashion Week Paris Haute-Couture เป็นประจำทุกปี และยังเป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกที่คัดเลือกโดย Time Magazine สำหรับโชว์เปิดรันเวย์แฟชั่นวีคโดย Guo Pei ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์โอต์ กูตูร์ จากดีไซเนอร์สัญชาติจีนชื่อดังระดับโลก ผู้ออกแบบชุดราตรีสุดอลังการที่ศิลปินชื่อดังอย่าง “ริฮานน่า” ใส่ร่วมงาน The Met Gala 2015 นั้น ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ยกขบวนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นสุดอลังการมาร่วมโชว์ในงานนี้โดยเฉพาะ


ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“สำหรับการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2017 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ป็นครั้งแรก ที่เราผนึกกำลังของ 3 ศูนย์การค้าเพื่อแสดงศักยภาพความเป็นหนึ่งเดียวของการเป็นผู้นำแฟชั่นของเอเชีย ครั้งนี้เราได้สร้างสรรค์ให้ทั้ง 3 ศูนย์ฯ เต็มไปด้วยกิจกรรมและข้อมูลความรู้ต่างๆ ในแวดวงแฟชั่นที่เรียกได้ว่าครบทุกมิติ ทั้งรันเวย์แฟชั่นโชว์ 4 วันในโดม ที่พาร์ค พารากอน ส่วนที่สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เราจะจัดให้เป็นแหล่งรวมของกูรูและผู้คนในวงการแฟชั่น ที่จะมาสร้างสีสัน พูดคุย บอกเล่าประสบการณ์การทำงานในวงการแฟชั่นไทยทุกมุมมอง โดยทั้ง 3 ศูนย์การค้าถูกแบ่งคอนเซ็ปต์ชัดเจนตามคาแร็คเตอร์ เริ่มต้นจากสยามพารากอน คือ Runway พื้นที่การสร้างสรรค์แฟชั่นโชว์ในระดับเวิลด์คลาส สยามเซ็นเตอร์ คือ Real Way พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์งานแฟชั่นที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และ สยามดิสคัฟเวอรี่ คือ My Way พื้นที่การสร้างสรรค์แฟชั่นในเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบสไตล์ของตัวเอง


เพื่อเชื่อมโลกแฟชั่นเข้ากับโลกของโซเชียลมีเดียด้วยการ Live 360 องศา งานนี้จะสามารถรับชมแฟชั่นโชว์ตลอดการจัดงานแบบเรียลไทม์

ผ่าน www.siamparagon.co.th/bifw

และทาง www.youtube.com/ParagonCorner

พร้อมทั้งจัดพื้นที่พิเศษให้สามารถรับชมแฟชั่นโชว์ผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด VR ที่ช่วยให้ทุกคนได้รับชมแฟชั่นโชว์เสมือนได้เข้าไปนั่งชมอยู่ริมขอบรันเวย์จริงๆ อีกด้วยและเหล่าแฟชั่นนิสต้ายังสามารถติดตามการรายงานเทรนด์ส่งตรงจากรันเวย์จากเหล่า BIFW2017 Influencers by HuaweiP10 กว่า 10 คน คอยอัพเดทแฟชั่นผ่านโซเชี่ยลมีเดียส่วนตัวของพวกเขา

สำหรับแบรนด์แฟชั่นและไทยดีไซเนอร์ที่จะร่วมแสดงโชว์ในรันเวย์แฟชั่นวีคสุดอลังการ ภายใต้โดมสุดอลังการ ณ พาร์ค พารากอน ตลอด 4 วันเต็ม
ระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคม 2560 มีทั้งหมด 11 โชว์ ได้แก่ Guo Pei, ISSUE presented by Wacoal Mood, The Spirit of Thai Designers Proud to be Thai Proud to wear Thai by Paragon Department Store, Tube Gallery,
ASAVA presented Purra, Vatanika presented by CITI, NAGARA presented by TAT, AbsoluteSiam presented by TrueMove H 4G+ (โดย 3 แบรนด์Adhoc, House of PB, Shaka), La Boutique, Fri27Nov. และ Milin presented by Maserati

ส่วนกิจกรรมแฟชั่นต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นที่สยามเซ็นเตอร์ ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริม Young Thai Designer อย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพอย่างไม่สิ้นสุด บนรันเวย์ที่  เอเทรี่ยม 1 สยามเซ็นเตอร์ พร้อมประเดิมโชว์แรกกับ “IAMSIAM_ISH Fashion Show” ที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการแฟชั่นไทยกับการแสดงความเป็นตัวตนของเหล่า Nodels ที่ผ่านการคัดสรรจากโปรเจค IAMSIAMISH นำเสนอผ่านแฟชั่น S/S Collection 2017 จากแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ
ของเมืองไทย, Fuse Present Tabasco x Q Design and  Play,  แฟชั่นโชว์Runway Road Fashion Show No.2 Curate by Jitsing Somboon ผลงานสร้างสรรค์จากนักศึกษา 4 มหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ ม.ศิลปากร, ม.ศรีนครินทรวิโรฒ, ม.รังสิต และ ม.กรุงเทพ ผ่านการคัดสรรโดย จิตต์สิงห์ สมบุญ ดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทย และผลงานแฟชั่นโชว์ FASH by Srinakharinwirot University ผลงานจากนักศึกษา ม.ศรีนครินทรวิโรฒ, Fashion Designer Network โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ ม.เกษตรศาสตร์, CIDI Chanapatana Fashion Show  รวมไปถึงแฟชั่นโชว์จาก Young Thai Designer รุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงกับแบรนด์ KANAPOTAUNSORN ของคณาพจน์ อุ่นศร และแบรนด์ Vinn Patararin ของ 2 ดีไซเนอร์วิณ โชคคติวัฒน์ และ ภทรฤน พงษ์ประสิทธิ์ซึ่งเป็น 2 แบรนด์แฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากเหล่าแฟชั่นนิสต้านอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์คชอปอีกต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Bazaar Fashion Talk “Dress Code”, 65 Model Academy Present Super Model Workshop, Travel Bar Workshop by Wacoal Mood และ Sephora Highlight of
The Season

ในส่วนของสยามดิสคัฟเวอรี่  ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม  ชวนทุกคนสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำไปกับ  Style Factory ชวนคนรักแฟชั่นมาสนุกกับการ
ครีเอทลุคสุดชิคผ่านนวัตกรรม  ดิจิทัล แฟชั่น พรีเซนเทชั่นที่บริเวณ ชั้น M His Lab กับคอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2017 หลากคอลเลคชั่นจากอินเตอร์แบรนด์ภายในสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่นำมาให้ทุกคนได้ลองมิกซ์แอนด์แมทช์ เสื้อผ้าแอคเซสเซอรี่ ผ่านดิจิทัล แฟชั่น พรีเซนเทชั่น ให้ได้เห็นลุคเสมือนจริงก่อนจับจองเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ยังชวนคุณสุภาพบุรุษมา grooming สไตล์การแต่งตัวให้หล่อเนี้ยบกับ BIFW Gentlemen’s Grooming Lounge by PUR•SUIT ที่ชั้น G Her Lab ตลอดจนอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆกับ Bazaar Fashion Talk    Trend of Design จากกูรูชื่อดังที่ My Kitchen ชั้น 4 Play Lab ทั้งนี้เหล่าแฟชั่นนิสต้าสามารถเข้ามาอัพเดทเทรนด์และสัมผัสกับประสบการณ์แห่งแฟชั่นได้ตลอดทุกวันที่สยามดิสคัฟเวอรี่

ที่สุดของงานแฟชั่นวีค ซึ่งระดมพลคนแฟชั่นทุกแขนง  มาร่วมแสดงพลังสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบครบทุกเรื่องแฟชั่น ทั้งในรูปแบบรันเวย์แฟชั่นโชว์ แฟชั่นเอ็กซ์ซิบิชั่น และการจัดเสวนาเรื่องที่ครอบคลุมครบทุกวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบจนจบโชว์ ตลอดจนเปิดพื้นที่ให้เหล่าดีไซเนอร์เลือดใหม่จากสถาบันการศึกษาต่างๆ มาจัดแสดงผลงานตลอดทั้งสัปดาห์ในงาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2017

Bangkok International Fashion Week 2017

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการแฟชั่นไทย กับการรวมตัวของไทยดีไซเนอร์และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำกว่า 36 แบรนด์ เพื่อร่วมแสดงโชว์ในงานแฟชั่นวีค  ที่เกิดจากการผนึกกำลังของ 3 ศูนย์การค้าชั้นนำอย่างสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียมจัดงาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2017 (Bangkok International Fashion Week 2017) ปรากฏการณ์ทางแฟชั่นมิติใหม่แบบรอบด้าน เนรมิตแฟชั่นวีคสุดอลังการเนื่องในโอกาสครบ 10 ปี ของที่สุดแห่งรันเวย์แฟชั่นโชว์งานหนึ่งของประเทศไทย

โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-26 มีนาคม 2560
ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่

Merz Silky Matte Lips ลิปสติกแบรนด์ใหม่ Charmer Clinic

Merz Silky Matte Lips
เมอรซ์  ซิลกี้  แมท ลิป

ครั้งแรกในประเทศไทย เมอรซ์ ซิลกี้ แมท ลิป ลิปสติกเนื้อแมท ติดทนนานมากกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อริมฝีปากสวยสดใส ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ ที่มีความทันสมัย ชัดเจน

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย กับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Merz Silky Matte Lips (เมอรซ์ ซิลกี้ แมท ลิป) ผลิตภัณฑ์ในเครือ Charmer Clinic คลินิกความงามซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการ 5 สาขา ด้วยกัน

ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Merz Silky Matte Lips (เมอรซ์ ซิลกี้ แมท ลิป) ผลิตภัณฑ์ในเครือ Charmer Clinic

ล่าสุด จัดงานเปิดตัวลิปสติกใหม่ ภายใต้แบรนด์ Merz ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่น ด้วยเม็ดสีแน่น ติดทนนานมากกว่า 12 ชั่วโมง และไม่ทำให้ปากแห้ง ริมฝีปากสวยสดใส ไม่ดำคล้ำ พร้อมให้ความชุ่มชื้นด้วยวิตามินอี ที่ช่วยบำรุง เติมเต็มปากสวย อิ่มน้ำ แก้ไขทุกปัญหาของ ลิปเนื้อแมท ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ที่มีความชัดเจน บ่งบอกความเป็นตัวเองได้อย่างมั่นใจ

บริษัท บีสลิม เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง “Merz” ลิปสติกใหม่ล่าสุดแบรนด์ในเครือ Charmer Clinic คลินิกความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากและมีกระแสอย่างต่อเนื่อง ก่อตั้งและบริหารงาน โดย คุณนันท์นภัส อัครวงษ์ภาคิน ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจด้านคลินิกความงาม ล่าสุดลุยตลาดเครื่องสำอางเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงไทย ที่ต้องการสวยแบบปลอดภัย

ด้วยราคา ที่สมเหตุสมผล โดยในครั้งนี้ได้จัดงาน “Thank you Party” พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Merz Silky Matte Lips อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Merz Silky Matte Lips
(เมอรซ์ ซิลกี้ แมท ลิป) ที่ติดทนนานมากกว่า 12 ชั่วโมง ไม่ทำให้ปากแห้ง ริมฝีปากสวยสดใส ไม่ดำคล้ำ พร้อมให้ความชุ่มชื้นด้วยวิตามินอี ที่ช่วยบำรุง เติมเต็มปากสวย อิ่มน้ำ โชว์เสน่ห์เรียวปากได้อย่างมั่นใจ พร้อมตอบโจทย์ทุกปัญหาของลิป เนื้อแมท สำหรับเวิร์กกิ้งวู้แม้น ที่มีคาแร็กเตอร์ เปรี้ยว เท่ห์ ทันสมัย ชัดเจน เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกโอกาส ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจากดาราชื่อดัง แซมมี่ เคาวเวลล์ พร้อมเหล่าหนุ่มหล่อ Secret Guys และ Fashion Dance และกิจกรรมถ่ายภาพ  Photo Magnet สนุกสนานกับบรรยากาศปาร์ตี้ สุดคลาสสิก แสนอบอุ่น ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น ณ เดอะพุด การ์เด้น เลียบทางด่วนรามอินทรา-เกษตรนวมินทร์


แบรนด์ Merz (เมอรซ์) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชั้นนำ ที่ได้รับการยอมรับ
จากกลุ่มสาวๆ ยุคใหม่ที่รักสวยรักงาม และมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะ เปรี้ยว ซ่า เท่ห์ ท้าทาย มีเสน่ห์ โดยในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Merz Silky Matte Lips สู่ตลาดความงามอย่างเป็นทางการ ชูจุดขายด้วยเนื้อลิปสติกที่มาพร้อมคุณภาพสีนำเข้าจากอเมริกาโดยไม่ทำให้ปากแห้งแตก หรือคล้ำดำ ผสานส่วนผสมโซเดียมไฮยาลูโรเนต หรือ ไฮยารูลอนิค เอซิด ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ทำให้ปากดูอิ่มไม่เป็นร่อง เหมือนเติมฟิลเลอร์ให้ริมฝีปาก และวิตามินอี ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น จากญี่ปุ่น ทำให้ปากไม่แห้งดำคล้ำ ซึ่งขณะนี้มีให้เลือกกว่า 12 เฉดสี ได้แก่ Orange Joop, Lovly Pink, Pink Rosie, Mocha Choco, Sugar Brown,  Peach Nudy, Fever Glam, Secret Love, Red Wine, Please me, Muffin Brick, Red Rose

คุณนันท์นภัส อัครวงษ์ภาคิน กล่าวว่า Merz ได้ให้ความสำคัญในการ เลือกใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุด มีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้หญิงไทยสวย ปลอดภัย ในราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งมีประสิทธิภาพเดียวกันแต่ราคาสูงมาก นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีแผนการผลิต ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์เพิ่มเติมในกลุ่มเมคอัพ เช่น Eyeliner ซึ่งมีแผนในการจำหน่ายในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านความงาม และประสบความสำเร็จ กับ  Charmer Clinic คลินิกความงาม  ปัจจุบัน มี 5 สาขา ต้องการขยายธุรกิจในกลุ่มเครื่องสำอางค์ และสกินแคร์ เพื่อรองรับกับกระแสด้านความงามที่ยังได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างโตเนื่อง โดยวางแผนด้านการตลาดเน้นการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก  รวมถึงโซเชียลมีเดีย ที่ได้รับความนิยม และสำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขาย ไว้ที่ 5-10 % โดยมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเช่นโปรโมชั่นต่างๆ และการสะสมแต้มรับสิทธิ์แลกซื้อสินค้าในเครือ โดยใช้ช่องทางการขายออนไลน์, ตัวแทนจำหน่าย, และคาดว่าจะวางจำหน่ายที่ ร้าน Evenandboy ในเร็วๆ นี้

พบกับผลลัพธ์อันน่าประทับใจ เพื่อเสน่ห์แห่งเรียวปาก แต้มสีสันสวยสดใส ด้วยผลิตภัณฑ์ Merz Silky Matte Lips ราคาแท่งละ 350 บาท  พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษมากมาย และสะสมแต้ม สามารถนำมาแลกเป็นสินค้าในเครือ

พิเศษสุด! สำหรับตัวแทนจำหน่าย ที่มียอดขายสูงสุด รับสิทธิ์ลุ้นรับทองคำ และตั๋วเครื่องบินท่องเที่ยวต่างประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
จัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น

ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560 เวลา 18.00 น.
ณ เดอะพุด การ์เด้นเลียบทางด่วนรามอินทรา-เกษตรนวมินทร์
ติดตามรายละเอียดได้ที่   FB: Merz cosmetics

เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ AAS Harley-Davidson(R) of Bangkok ย่านวิภาวดี รังสิต

ขอต้อนรับ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
AAS Harley-Davidson® of Bangkok

เปิดโชว์รูม AAS Harley-Davidson(R) of Bangkok  ย่านวิภาวดี  รังสิตค็อก ไรเดอร์ ทุ่มงบกว่า 400 ล้าน  เปิดโชว์รูม ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ย่านวิภาวดี-รังสิต เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2560 

Totptotravel เข้าร่วมงาน แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson®) ได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรมาตรฐานระดับสากลแห่งที่ 6 ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “AAS Harley-Davidson® of Bangkok” บนถนนวิภาวดี-รังสิต โดย AAS Harley-Davidson® of Bangkok เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม

โดย  โลโก้ AAS Harley Davidson® ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนุมาน
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครเอกของวรรณคดีรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งหนุมานถือเป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก ได้ชื่อว่าเป็นอมตะ มีความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ ทำงานที่มอบหมายได้สำเร็จเสมอ มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ มีวินัย แต่ก็ยังเป็นตัวแทนของความสนุกสนาน

บริษัท แบงค็อก ไรเดอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson®) ได้เปิดโชว์รูม  และศูนย์บริการครบวงจรมาตรฐานระดับสากลแห่งที่ 6 ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ AAS Harley-Davidson® of Bangkok บนถนนวิภาวดี-รังสิต โดย AAS Harley-Davidson® of Bangkok เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม  รวมถึงตั้งเป้าบุกเบิกลูกค้ากลุ่มใหม่ซึ่งเป็น Young Generation พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ของชาวสองล้อแบบครบวงจรบนพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางและทันสมัยที่สุดในประเทศไทย

จากความสำเร็จของโชว์รูม ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน สาขาแรกของบริษัทในเครือที่พัทยาภายใต้ชื่อ Harley-Davidson® of Pattaya ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2559 ซึ่งได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าหลากหลายกลุ่ม และในการเปิดตัวครั้งนั้นเองก็ยังถือเป็นการเปิดตลาดในภาคตะวันออก  อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อีกด้วย

มิสเตอร์ ปีเตอร์ แม็คเคนซีย์ กรรมการผู้จัดการ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เขตตลาดเศรษฐกิจใหม่ในเอเชีย กล่าวว่า ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน มีการเติบโตอย่างเหลือเชื่อในประเทศไทย ต้องขอขอบคุณบรรดาแฟนๆ ฮาร์เล่ย์ ที่ให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดีตลอดมา ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน เองนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะของตัวแทนแห่งอิสรภาพ ความเป็นปัจเจกชนแต่เต็มไปด้วยการแสดงออกของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นฉันพี่น้องระหว่างเพื่อนผู้หลงใหลในสิ่งเดียวกันนั่นก็คือการได้ครอบครองและขับขี่ฮาร์เล่ย์ฯ ที่จะนำพาพวกเขาไปสู่อิสรภาพที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์รถจักรยานยนต์อื่นใด เราขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสกับประสบการณ์ ที่ไม่เหมือนใคร  ในโชว์รูม  AAS Harley-Davidson® of Bangkok แห่งนี้


บริษัท แบงค็อก ไรเดอร์ จำกัด โดย คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ผู้มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน ได้สานต่อนโยบายที่วางไว้ พร้อมเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะตลาดในกรุงเทพมหานครและภาคตะวันออก จึงทุ่มงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เปิดโชว์รูม Flagship Dealership และศูนย์บริการแห่งใหม่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อันทันสมัย บนถนนวิภาวดี-รังสิต บนพื้นที่กว่า 2,400 ตารางเมตรภายใต้ชื่อ “AAS Harley-Davidson® of Bangkok”

คุณอนุวัชร เผยว่า  สำหรับโชว์รูม AAS Harley-Davidson® of Bangkok แห่งนี้ เปรียบเสมือน Homequarter (บ้านหลังที่ 2) ของชาวไบค์เกอร์
ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ความชอบที่เหมือนกัน เราจะสร้างโชว์รูม

แห่งนี้ให้เป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ของชาวสองล้อที่ครบครัน ทั้งในส่วนของโชว์รูมและศูนย์บริการซึ่งเราจะเน้นระบบการทำงานและเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ให้สมกับเป็นศูนย์บริการที่ได้รับการคาดหมายจาก  ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อเมริกาว่าจะเป็น Flagship Dealership  แห่งใหม่ของภูมิภาคนี้  นอกจากนั้นทางเรายังมีความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับฮาร์เล่ย์ฯแก่ลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้าง และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์

กับลูกค้า และที่จะขาดไม่ได้เลย  คืองานบริการที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึงโชว์รูมแห่งนี้

สำหรับภายในพื้นที่โชว์รูมมีการจัดแสดงรถฮาร์เล่ย์ฯ รุ่นล่าสุด สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์การขับขี่ และอุปกรณ์ตกแต่งรถมากมายพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่หลงใหลในแบรนด์ไม่แพ้กัน ศูนย์บริการเองก็สามารถรองรับรถที่จะเข้ามาใช้บริการได้เดือนละกว่า 400 คัน โดยทีมงานที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ นอกจากนี้ภายในโชว์รูมยังมี Exclusive Customer Lounge ไว้บริการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นพิเศษอีกด้วย

ในส่วนของสมาชิก H.O.G (Harley-Davidson Owners Group) มีห้องรับรองโดยเฉพาะได้รับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมี่ยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ครบครันเพื่อให้บริการกลุ่ม

ผู้ขับขี่ฮาร์เล่ย์ฯ รวมถึงเป็นศูนย์กลางสังคมของผู้ขับขี่ ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน ประเทศไทย ที่จะรองรับการพบปะสังสรรค์ เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างสาธารณะประโยชน์แก่สังคมอีกด้วย”

“อีกหนึ่งในไฮไลท์มากมายในงานนี้ คือแอพลิเคชัน AAS H-D ที่ได้รวบรวมเอาข้อมูลสินค้าบริการ การนัดหมายเข้ารับบริการซ่อมบำรุง ข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ มาไว้เพียงปลายนิ้วสัมผัสแล้ว ที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับสมาชิก  H.O.G Chapter ในกลุ่มของ  AAS Harley-Davidson® of Bangkokและ Pattaya ก็คือสิทธิพิเศษในการใช้บริการกับ partner อันหลากหลายของเราตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ  ฟิตเนส และโรงแรมชื่อดังต่างๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งอิสรภาพแบบฮาร์เล่ย์ในสไตล์ของAAS Harley-Davidson® ที่รับรองว่าจะไม่มีที่ใดเหมือนแน่นอน”คุณอนุวัชร กล่าว


AAS Harley-Davidson® of Bangkok ตั้งอยู่เลขที่ 99 ถนนวิภาวดีรังสิต (ติดซอยวิภาวดีรังสิต 66)
แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
www.aasharley-davidsonbangkok.com
https://www.facebook.com/aasharleybangkok
IG: @aasharleybkk
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02 521 4545

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น