Category Archives: Event

มหกรรมงานสัญจรครั้งยิ่งใหญ่แห่งภาคอีสาน

The 4th Print & Embroidery
in Northeast 2018

พิธีเปิดงานแสดงสินค้า  เทคโนโลยีการพิมพ์ แอลอีดี และ จักรปัก สัญจร
ครั้งที่ 4 หรือ (The 4th Print & Embroidery in Northeast 2018) ซึ่งมี นางสาวมินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ในฐานะสมาชิกสมาคมงานแสดงสินค้าไทยและออร์แกนไนซ์หลัก
ที่ KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

มินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ออร์แกนไนซ์ ผู้จัด งานแสดงสินค้า ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 โดยได้รับกียรติจาก ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

การจัดงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 จังหวัดขอนแก่น มินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ออร์แกนไนซ์ ผู้จัด งานแสดงสินค้า ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 จังหวัด ขอนแก่น เป็นการนำผู้ประกอบการยิ่งใหญ่ 4 ด้าน โดยได้รับกียรติจาก ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

เนื่องจากเห็นว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตสูงและเป็นจุดศูนย์สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความพร้อมทั้งทางด้านการขนส่ง การศึกษาและเป็นศูนย์กลางด้านขอบพัฒนาแนวเศรษฐกิจกระจายโอกาสในการ สร้างงานสร้างอาชีพสำหรับคนต่างจังหวัด

อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารของภูมิภาคกงสุลใหญ่ของประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว เปรู และฝรั่งเศส นับเป็นอีกหนึ่งที่ชี้วัดว่า
จะเป็นจุดเชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับโลกในอนาคต บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด และผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเล็งเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงเข้ามาขยายตลาดด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป

อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารของภูมิภาคกงสุลใหญ่ของประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว เปรู และฝรั่งเศส นับเป็นอีกหนึ่งที่ชี้วัดว่า
จะเป็นจุดเชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับโลกในอนาคต

บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด และผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเล็งเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงเข้ามาขยายตลาดด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป อย่างไรก็ตามการนำสินค้าเหล่านี้มาจัดแสดงและสาธิตการพิมพ์จากเครื่องจักรทั้งราคาถูกถึงราคาแพง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ทำอยู่แล้วและผู้ประกอบการที่เพิ่มเริ่มทำธุรกิจใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามาและต้องการหาเทคโนโลยีใหม่ ด้านเครื่องจักรในการพิมพ์โฆษณาในการพิมพ์

 

ทั้งที่มีไฟจากหลอดไฟแอลอีดี ที่จะมาช่วยเหลือต้นทุนการผลิต และเรื่องของการทำงานให้รวดเร็วและไวขึ้นจากเดิม อีกทั้งยังเป็นงานที่สนับสนุนให้นักธุรกิจได้มาพบปะแลกเปลี่ยนแนวความคิดในการพัฒนาความต้องการของผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล โดยคณะผู้จัดงานทุกคนคาดหวังว่า จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ประกอบการอย่างสูง และมีความุ่งมั่นตั้งใจให้งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีการพิมพ์ แอลอีดี และจักรปัก สัญจรให้มีศักยภาพและมีชื่อเสียงต่อไป

ปริ้นเทคและจักรปัก สัญจร จังหวัดขอนแก่น นำกองทัพจักรปักผ้าคอมพิวเตอร์,จักรอุตสาหกรรมและงานสกรีนบนผ้า วัสดุอุปกรณ์สำหรับงานเสื้อผ้า KICE งานปริ้นท์เทคและจักรปักสัญจร ครั้งที่ 4 พบกับบู๊ทสินค้าจากผู้นำเข้ากว่า 50 บริษัท ที่นำเครื่องมาจัดแสดงในงาน อาทิ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท,มัลติฟังค์ชั่น และอุปกรณ์ก่อนและหลังการพิมพ์ สำหรับศูนย์ถ่ายเอกสารครบวงจร และสินค้าจักรปัก เครื่องพิมพ์เสื้อ เครื่องสกรีน อุปกรณ์สกรีน และสินค้าอื่นๆอีกมากมายและเข้าร่วมกิจกรรม Workshop “การสร้างสีสันบนไม้ด้วยน้ำยา Crystal Ice Resins” พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในงาน ลุ้นรับโชคทอง 10,000 บาทศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น

ติดต่อสอบถามได้ที่
คุณมินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
โทร.02-060-0795-96,082-4559642
Website : www.printtechexpo.com
Line : printtechexpo

#โรงงานการ์เม้นท์,#ร้านสกรีนเสื้อ,#ร้านปักเสื้อหมวก,
#ร้านขายผ้าค้าส่ง,#ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า,#ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น,#Fabric

 

Akyra Hotel “อคีรา” แบรนด์โรงแรมบูติกลักซัวรี่สัญชาติไทยแท้

อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป เผยแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
ชูจุดขายโรงแรมปลอดพลาสติก ดัน “อคีรา” แบรนด์โรงแรมบูติกสู่ระดับโลก

AKARYN Hotel Group อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ตบูติกลักชัวรี่ในประเทศไทยและเอเชีย เจ้าของแบรนด์โรงแรมสัญชาติไทยแท้ “อลีนตา” (Aleenta) และ “อคีรา” (akyra) โดยเป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังอย่าง “อลีนตา ภูเก็ต-พังงา” (Aleenta Phuket-PhangNga) และ “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” (Aleenta HuaHin-Pranburi) และบริหารงานให้กับแบรนด์โรงแรม “อคีรา” อีก 4 แห่ง ได้แก่ “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” (akyra Manor Chiang Mai) “อคีรา บีช คลับ ภูเก็ต” (akyra Beach Club Phuket) “อคีรา ทองหล่อ กรุงเทพฯ” (akyra Thonglor Bangkok) และ “อครีา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ” (akyra TAS Sukumvit Bangkok)

โรงแรมใหม่ล่าสุดในเครือฯ นอกจากนั้น ยังได้ก่อตั้งมูลนิธิเพียวบลู (Pure Blue Foundation) ขึ้นในปี 2010 องค์กรการกุศลที่สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทางทะเลหลายด้าน กระทั่งในปี 2015 นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้รับยกย่องให้เป็น “Hero of Philanthropy” โดยนิตยสารฟอร์บเอเชีย จากการอุทิศเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ที่มีคุณค่าของเธอ

อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป (AKARYN Hotel Group) ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ตสไตล์บูติกระดับลักซัวรี่สัญชาติไทยแท้ เผยแผนการขยายตัวของ “อคีรา” (akyra) แบรนด์โรงแรมสุดฮิปและเต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน ภายใต้เครืออัคริณฯ เตรียมเปิดเพิ่มในไทย พร้อมรุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก

ปัจจุบัน “อคีรา” ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตรวม 4 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” (akyra Manor Chiang Mai) โรงแรมสไตล์บูติกระดับ 5 ดาว ขนาด 30 ห้อง ที่โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งหรูหราและมีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งทุกห้อง ตั้งอยู่ในย่านนิมมานเหมินท์ชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ “อคีรา บีช คลับ ภูเก็ต” (akyra Beach Club Phuket) รีสอร์ตและบีชคลับริมทะเลที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว ประกอบด้วยห้องสวีทจำนวน 58 ห้อง ตั้งอยู่บนหาดนาใต้ ตำบลโคกกลอย จังหวัดพังงา “อคีรา ทองหล่อ กรุงเทพฯ” (akyra Thonglor Bangkok) ดีไซน์โฮเทลจำนวน 148 ห้อง ตั้งอยู่ในทองหล่อ ย่านธุรกิจและแหล่งแฮงค์เอาท์สุดหรูของกรุงเทพฯ และ “อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ” (akyra TAS Sukhumvit Bangkok) โรงแรมใหม่ล่าสุดในเครือแบรนด์อคีรา ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ทำเลทองของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ ศูนย์การค้า และความบันเทิง ภายในโรงแรมประกอบด้วยห้องพัก 50 ห้อง มีขนาดกว้างขวางและมีหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นถึงเพดานทุกห้อง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร

ภายในปี 2022 (พ.ศ. 2565) อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้วางแผนการขยายตัวธุรกิจโรงแรม ภายในเครือแบรนด์อคีราเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า คือจาก 4 แห่ง เป็น 12 แห่งในทำเลที่แตกต่างกัน และเป็นครั้งแรกที่ขยายตัวไปยังต่างประเทศ โดยโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมความพร้อม ได้แก่ มาเลเซีย ไฮด์แลนด์ (Malaysian Highlands) ฮานอย ประเทศเวียดนาม และเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ ขณะที่โครงการอื่น ๆ กำลังได้รับการพิจารณาเพื่อขยายตัวไปสู่ตลาดเมืองท่องเที่ยวใน บาหลี โฮจิมินห์ และพนมเปญ ซึ่งจะทำให้แบรนด์อคีราโรงแรมบูติกของไทยกระจายตัวทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

โดยโรงแรมและรีสอร์ตแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตภายใต้แบรนด์ “อคีรา” จะยังคงรักษาปรัชญาหลักของแบรนด์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) การมีส่วนร่วมกับชุมชน และการตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น โรงแรมอคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเอเชียที่ไม่ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use Plastic) ภายในห้องพัก ร้านอาหาร และบาร์

สำหรับ “อคีรา” เป็นมากกว่าแบรนด์โรงแรม เป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง (Lifestyle Choice) และสำหรับผู้ที่มองหาที่พักที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีการออกแบบที่โดดเด่น ตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งในพื้นที่ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Millennial Travellers) และเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ของของชุมชนนั้น ๆ นอกจากนั้น

โรงแรมอคีราแห่งใหม่ในอนาคต ยังจะประกอบด้วยบาร์บนชั้นดาดฟ้า (Rootop Bar) ภายใต้ชื่อ ‘RISE’ (ไรซ์) โดยเปิดให้บริการแล้วที่แรก ณ โรงแรมอคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่ และ อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ เป็นลำดับถัดมา นับเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่ใจกลางเมืองสำหรับผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยให้บริการคราฟเบียร์ ค็อกเทลรังสรรค์แบบแปลกใหม่ และอาหารว่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้คู่ขนานไปพร้อมกับธุรกิจโรงแรมของแบรนด์อคีรา

นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า “อคีราเป็นโรงแรมแนวคิดใหม่ที่จะสร้างรายได้ โอกาส และนวัตกรรมใหม่ ๆ ดังนั้น จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่แบรนด์นี้กำลังจะขยายตัวไปยังต่างประเทศ และก้าวเข้าสู่จุดหมายปลายทางใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเรามั่นใจว่า ความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของเรา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักเดินทางสมัยใหม่ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้แบรนด์อคีรา ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาที่พักที่ทันสมัย มีสไตล์ และมีแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืน โดยทุกโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งใหม่ภายใต้แบรนด์อคีราจะทำให้ผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับจุดหมายปลายทางเพื่อการท่องเที่ยวและการพักผ่อน พร้อมทั้งทำให้การเดินทางแต่ละครั้งมีความหมายมากยิ่งขึ้น ด้วยการรักษ์สิ่งแวดล้อมบนโลกนี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายให้โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเป็นโรงแรมปลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 100% ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 (พ.ศ. 2562) และยังจะใช้คอนเซ็ปต์นี้กับโรงแรมอื่น ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคตอีกด้วย ซึ่งโรงแรม 2 แห่งที่ได้เริ่มใช้นโยบายดังกล่าวแล้ว ได้แก่ อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ และ อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่ (ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ #akyrareduce และ #aleentareduce) นอกจากนี้ ยังเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ “มูลนิธิเพียวบลู” (Pure Blue Foundation) องค์กรการกุศลที่สนับสนุนโครงการทางทะเล อาทิ การฟื้นฟูแนวปะการัง และการอนุรักษ์เต่า

เว็บไซต์ www.akaryngroup.com
Twitter @AKARYN_Group
Instagram @akarynhotelgroup
Facebook and YouTube @akaryn.group

#akyrareduce  #aleentareduce

ทริปนี้ไม่เบลอไปเจออะไรมา! ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่

Traveloka พาเที่ยว  :
LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI

สวัสดีเพื่อนๆ Toptotravel ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความใหม่ๆ กับ ทริปนี้ไม่เบลอ ไปเจออะไรมาบ้าง??  ลาลา มูก้า  แปลว่าผ่อนคลาย มาจากภาษาของชนเผ่าในแอฟริกาใต้ เพื่อนว่าจริงมั้ย เวลาไปเที่ยวต้องเน้นเรื่องกิน ฟินเรื่องพักผ่อน นอนหลับสบาย สบาย  ที่พักใหม่ เส้นทางท่องเที่ยว กับสถานที่ยอดฮิตของเขาใหญ่  LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI   บอกเลยว่าได้ลองไปพักสักครั้ง… ประสบการณ์นอนเต็นท์ซาฟารีแบบ Glamping ไม่ต้องไปไกลถึง แอฟริกา เอาเป็นว่าอย่ารอช้าเลยมาต่อกัน
เลยเถอะ

ทริปนี้ของเรา  เริ่มจาก Traveloka พาเที่ยว ซาฟารีมีสไตล์ที่ กินฟรี เริ่มทริปโดยพาสื่อมวลชน  ท่องเที่ยวร่วมทริปเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตใกล้กรุงเทพฯ ด้วยการออกเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณ 9 โมงเช้า  ของวันที่ 16 สิงหาคม 2018  อย่าถามทาง!!  เพราะเราก็ไม่ถามใคร มุ่งตรงสู่เขาใหญ่
ที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เนื่องจากทริปนี้เน้นเรื่องกิน ฟินเรื่องพักผ่อน ดังนั้น สถานที่แรกที่เราทำการเช็คอินคือ ร้านจันผา เขาใหญ่ ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในเขาใหญ่ไม่ว่าใครได้มาเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะแวะลิ้มรสชาติความอร่อยเด็ดขาด

หลังจากอิ่มท้องกันแล้วก็มุ่งตรงสู่ที่พักและเพื่อให้สื่อมวลชนทุกท่านได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติในรูปแบบประสบการณ์ที่แตกต่าง ที่พักจึงเป็นแบบ Glamping หรือที่พักแบบเต็นท์หรูติดแอร์ ณ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ ที่ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นผสานกลิ่นอายซาฟารีอย่างลงตัว โดยในห้องพักยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน นี่จึงเป็นที่พักอีกรูปแบบหนึ่งด้วยบรรยากาศแบบซาฟารีที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายไปกับต้นไม้ใบหญ้า  สำหรับผู้ที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติและดื่มด่ำการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบภายในเต็นท์หรู

เมื่อมาถึง  การบริการต้อนรับด้านหน้า จึงมีการออกแบบให้มีกลิ่นอายความเป็นชนเผ่าด้วยการใช้ไม้ไผ่พันด้วยเชือกป่านเส้นใหญ่และก่อฐานเสาที่ให้อารมณ์เหมือนดินธรรมชาติ

อีกอย่างห้องพักของ  LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI
แบ่งออกเป็น 3 โซน ตามความเหมาะสมของไลฟ์สไตล์ เริ่มเริ่มต้นจาก

โซน อีโค ซาฟารี (Eco Safari Tents) ห้องพักเต็นท์แบบอีโค ห้องน้ำรวม ,

ดีลักซ์ ซาวานนา เต็นท์ (Deluxe Savanna Tents) ห้องพักเต็นท์ที่มีห้องน้ำในตัว เพื่อความเป็นส่วนตัว

ลอท์ฟ ทรี เฮาส์   (Loft Tree House)  บ้านต้นไม้ ที่เหมาะมากเหลือเกิน สำหรับนักเดินทางแบบครอบครัวนั่งฟินเกินจิตนาการมาก ณ. จุดนี้

ไหนๆ ก็ไหนๆ ในช่วงกรีนซีซั่นนี้ ทริปนี้ไม่เบลอ ไปเจออะไรมาบ้าง ?
ที่ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ แน่นอนว่าที่นี่พร้อมให้ทุกท่านมาสัมผัส ประสบการณ์นอนเต็นท์ซาฟารีแบบ Glamping เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ณ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ กริ่นมาขนาดนี้แล้วคงจะอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ มีอะไรดี ตามาตามา

คุณณัฐพล กาญจนวรนันท์  ผู้บริหารฝ่ายการตลาดจาก Traveloka

มาเพิ่มเติมในส่วนของแขกรับเชิญพิเศษ และกล่าวถึงรายละเอียดส่วนอื่นของทริปนี้  เริ่มต้นด้วย คุณณัฐพล กาญจนวรนันท์  ผู้บริหารฝ่ายการตลาดจาก Traveloka ต้อนรับสื่อมวลชน

เรามาดูกันดีกว่าว่า  คำถามที่ส่งไปและคำตอบที่ได้มามีอะไรบ้าง

Q : แนวทางธุรกิจ Traveloka เป็นอย่างไร ?
A :  Traveloka (ทราเวลโลก้า) ผู้ให้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ชั้นนำ (Online Travel Agency หรือ OTA) และยังเป็นอันดับหนึ่ง บริษัทด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Q : Traveloka ในประเทศไทยเป็นอย่างไร?

A : Traveloka ประเทศไทย ปรับเรื่องคุณภาพการให้บริการอบย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเป็นฐานที่สำคัญอยู่แล้ว รองรับลูกค้าทุกระดับอายุ และให้ความสะดวกสบายแบบคุณภาพที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าที่ใช้บริการและส่งข้อเสนอแนะเข้ามา

Q : Traveloka ให้ความสำคัญกับตลาดนอกประเทศไทยยังไงบ้าง ?
A : Traveloka (ทราเวลโลก้า) ลงทุนเพื่อผู้ใช้บริการทั่วโลก

ต่อจากกิจกรรมพูดคุยเรื่องต่างๆ  ทั้งหลายแล้ว  มาถึงช่วงบ่าย  กับกิจกรรม
ที่ทุกคนรอคอย โดยทาง Traveloka มีกิจกรรม DIY สนุกๆ เพิ่มเติมในทริปนี้ด้วย ริมสระว่ายน้ำ LALA MUKHA TENTED RESORT

นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ และเพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การตอบรับ Traveloka อย่างดีเสมอมา

นอกจากทริปนี้ ทุกท่านกินฟรี นอนฟินแล้ว ยังมีกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้ร่วมสนุกพร้อมจับสลากเล่นเกม  เพื่อชิงรางวัลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท  อาทิ ตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-สิงคโปร์ จาก  มาเลเซีย แอร์ไลน์   (Malaysia Airlines) บัตรของขวัญแทนเงินสดจองตั๋วเครื่องบินและที่พักจาก Traveloka และของที่ระลึกอีกมากมายเช่นกัน

ขอขอบคุณกิจกรรมสนุกๆ จาก Traveloka (ทราเวลโลก้า) ผู้ให้บริการจอง
ตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ชั้นนำ (Online Travel Agency หรือ OTA) อันดับหนึ่งของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุด ในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดกิจกรรม Traveloka พาเที่ยว นอนฟิน กินฟรี ทริปนี้ที่ LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI กิจกรรม การจัดทริปพาสื่อมวลชนไปเที่ยวเป็นครั้งแรกของ Traveloka

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด   เป็นการเลี้ยงฉลองปิดทริป 2 วัน 1 คืน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป  จบทริปการท่องเที่ยวของเราสนุกกันอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องขอขอบคุณทาง Traveloka  ที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้

เอาเป็นว่าทิ้งท้ายบทความนี้ไปด้วยภาพบรรยากาศของ Traveloka พาเที่ยว นอนฟิน กินฟรี กันดีกว่านะ

เห็นรีวิวนี้แล้ว อยากจอง ง่ายมาก!!
คลิกไปเช็คราคาและห้องว่าง หรือจะติดตามโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ www.traveloka.com/th
www.facebook.com/TravelokaTH
โหลดแอปด่วน Traveloka ที่ www.traveloka.com/x/fbapp

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์

โชว์ศักยภาพเมืองประมง อุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว ใจกลางกทม.

เปิดแล้ว!  งานยิ่งใหญ่ สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์  (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยว ที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวในพิธีเปิดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) ว่า  จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การประมง เกษตรกรรม หัตถกรรม การท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์”

นอกจากนี้ยังมีทำเลที่ตั้งที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สะดวกง่ายดายต่อการเดินทาง และในแผนพัฒนาจังหวัด ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเอาไว้ว่า “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เกษตรและอาหารปลอดภัย ท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ สังคมเป็นสุข”

จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การประมง และการเกษตรกรรม จากข้อมูลสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสาครยังคงขยายตัวจากปีก่อน และยังเป็น ๑ ใน ๑๐ ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวอยู่ในระดับสูงตลอดมา

ในด้านของการท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรสาครมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่บันทึกในประวัติศาสตร์เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเลเหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

ดังนั้น  จังหวัดสมุทรสาครจึงร่วมกับภาคเอกชนเตรียมจัดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์”   (SAMUTSAKHON ON THE SHOW)   ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑  ณ. ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณชั้น ๓ โซน  Atrium  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่นำเสนอของดีจังหวัดสมุทรสาคร
ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัส ณ กลางใจเมือง ในรูปแบบทันสมัยและแปลกใหม่ที่ผู้เข้าชมงานจะต้องอัศจรรย์ใจ

บรรยากาศ ภายในงานจะนำเสนอศักยภาพด้านอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นของสมุทรสาคร จำหน่ายผลิตภัณฑ์เด่น ที่คัดเลือกมาแล้วว่าเป็นของที่ขึ้นชื่อภายในจังหวัด รวมกันไว้ในที่เดียว มีให้ชม ชิม ช้อปกันตามอัธยาศัย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยว ที่แบ่งตามความสนใจของกลุ่มที่มีความชอบแตกต่างกัน เช่น เส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน เส้นทางแสนอร่อยสำหรับนักชิม เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฯลฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท่าฉลอม ซึ่งยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิม และเป็นก้าวแรกของชุมชนจีนในสยาม หรือบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน และยังจะได้ชมการประดิษฐ์งานฝีมือเบญจรงค์ที่ผสานไว้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างลงตัว ในงานยังมีวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านที่งดงาม รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอให้ได้ชมกัน

ในงานนี้จะมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกมาร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าจำนวน ๖๐ คูหา โดยผลิตภัณฑ์เด่นจะมีทั้ง อาหารทะเลแปรรูป ปลาสลิดแดดเดียว มะพร้าวน้ำหอม ปลาทูซาเตี๊ยะนึ่งเค็ม เค้กสบันงา น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และ ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว หมี่กรอบบ้านแพ้ว กะปิ และลอดช่องชื่อดัง ทั้งลอดช่องวัดเจษ และลอดช่องสยาม ในส่วนของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ก็มีมาให้ช้อปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แชมพู เกลือขัดผิว
สบู่ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กระเป๋าหนัง ผลิตภัณฑ์จากกระดาษ เป็นต้น

“การจัดงาน  SAMUTSAKHON ON THE SHOW  ในวันนี้เป็นเสมือนการนำผู้เข้าร่วมชมงานเยี่ยมชมจังหวัดสมุทรสาคร โดยได้สัมผัสทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์เด่น อาหารการกิน ของดีพื้นถิ่น รวมทั้งข้อมูลด้านการท่องเที่ยวที่ครบครัน เพื่อสร้างกระแสการรับรู้และเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ใกล้กรุงเทพฯ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวทิ้งท้าย

งาน SAMUTSAKHON ON THE SHOW
ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑
ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่

เน้นสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมพัฒนา
สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

​วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี นำโดย นายสามารถ เที่ยงพูนวงศ์ วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี จัดงาน แถลงข่าว โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ “เที่ยววิถีเท่ บางเสร่ โดยชุมชน” เน้นสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีวัฒนธรรมจังหวัด ชลบุรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานราชการต่างๆ เข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ ลาน กิจกรรมชุมชนบางเสร่ ถนนสายวัฒนธรรมชุมชนประมงพื้นบ้าน ม.4 บางเสร่ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

​จังหวัดชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยว และ กิจกรรมที่มีความหลากหลาย เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวกิจกรรมผจญภัย ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัด ชลบุรีเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกถือว่าจัดอยู่ในระดับหนึ่งของกลุ่มจังหวัด

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น เรื่องราวของวัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของตนเอง คือ ชุมชนชายทะเล มีวิถีชีวิตในการทำประมงพื้นบ้าน จูงใจ ให้นักท่องเที่ยว กลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เข้ามาชมและศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ และศักยภาพของพื้น
ที่ สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ มีเส้นทางเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอสัตหีบเอง หรือพัทยา ซึ่งสามารถพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวได้ สิ่งเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

ตลาดดีวิถีชุมชน ด้วยการพัฒนาแหล่งเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ เป็นกิจกรรมการสานพลังความร่วมมือ ระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจ สนับสนุน และเสริมสร้าง เศรษฐกิจ รากฐานให้เจริญเติบโต ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จทางด้านรายได้ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของ ชุมชน โดยในปีนี้มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

​1. กิจกรรมการประกวดวาดภาพ หัวข้อ “เล่าเรื่องบางเสร่ จากวันวาน สืบสานอย่างยั่งยืน”
​2. กิจกรรมการประกวดการเขียนเรียงความ หัวข้อ “บางเสร่ บ้านฉัน” ​​3. การประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” ​
​4. กิจกรรมประกวดวงดนตรีลูกทุ่งประกอบหางเครื่อง ระดับประเทศ ​
​5. กิจกรรมเดิน-วิ่ง บางเสร่ (Rally ที่บางเสร่) ​
​6. กิจกรรมประกวดวงดนตรีไทย ระดับจังหวัด ​
​7. กิจกรรมเปิดลานวัด ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม ​



ใครอยากหาเวลาไปชิลล์ เปลี่ยนที่นอนเพื่อชาร์จแบท ลองไปกันดูค่ะ ​สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ ในโครงการพัฒนา และปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม ได้ที่ เว็บไซต์ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี

สอบถามได้ที่ โทร 03 827 6407 ต่อ 12
Facebook Fanpage : ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนประมงพื้นบ้าน หมู่ 4
ตำบลบางเสร่ – ตลาดดีวิถีชุมชน

ทำไม Bell & Ross จึงมีราคาแพงระดับรถสปอร์ตระดับหรูหรา ระดับโลก

เบลล์ แอนด์ รอส 

Bell & Ross แบรนด์นาฬิกาสุดยอดนาฬิกาที่แฟนพันธุ์แท้ นาฬิกามากับทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย Bell & Ross ซึ่งยึดแบบของมาตรวัดที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดของเครื่องบิน และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด แต่แทนที่จะเป็นการใช้วัสดุอย่างเหล็ก ไทเทเนียม หรือคาร์บอนไฟเบอร์

แบรนด์ที่สุดคลาสสิคอย่าง Bell & Ross เน้นการพัฒนาตัวเรือนที่ผลิตจาก Sapphire และประสบความสำเร็จ การใช้ Sapphire สำหรับผลิตตัวเรือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะด้วยเหตุที่ Sapphire มีกระบวนการตกผลึกที่ไม่เสถียรการสร้างสีสันให้กับวัสดุประเภทนี้จึงเป็นเรื่องยาก Bell & Ross ติดตั้งกลไกที่ขึ้นชื่อในเรื่องของราคาที่แรงและแพงปัจจุบันมาตรฐานระดับสูงของ เบลล์แอนด์รอส ได้รับการยอมรับจากองค์กรทางการทหารต่างๆ ให้เป็นผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2018 ณ ห้องรับรอง The Cocoona Lounge ที่ชั้น 19 Gaysorn Village เปิดตัวและจัดแสดงคอลเลกชั่นนาฬิการุ่นล่าสุดแห่งปี โดยได้เชิญสื่อมวลชนชั้นนำมาร่วมงานการเปิดตัวและจัดแสดงดังกล่าว ภายในงานนอกจากจัดแสดงนาฬิการุ่นล่าสุดของแบรนด์เช่น
BR 01 Laughing Skull, BR-X1 RS18, BR V2-94 RS18, BR 03-92 Diver Blue, BR 03-92 Diver Bronze, BR V2-94 Racing Bird และอื่นๆ อีกมากมาย

Mr. Tong Chee Wei, General Manager Asia แห่งแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ Miss Adelyn Kong, Senior Marcom Manager แห่งแบรนด์ Bell & Ross ได้ก่อตั้งขึ้น ความตั้งใจคือออกแบบนาฬิกา Bell & Ross ได้หยิบเทคโนโลยีทางวัสดุจากรถสูตรหนึ่งเข้ามา โดยตัวเรือนนั้นทำจากเซรามิก หน้าปัดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ตรงขอบสเกลจับเวลาจะใช้อลูมิเนียมและในส่วนสีเหลืองนั้นชุบสีด้วยกรรมวิธีอโนไดซ์

ทั้งนี้ Cortina Watch แห่งประเทศไทยเชื่อมั่นว่า Bell & Ross จะประสบความสำเร็จในประเทศและสามารถทำให้นักสะสมและผู้หลงใหลนาฬิกาชาวไทยรับรู้ถึงแก่นแท้และจิตวิญญาณแห่งแบรนด์ได้อย่างกว้างขวาง

ณ ห้องรับรอง The Cocoona Lounge ที่ชั้น 19
ศูนย์การค้า Gaysorn Village

วางขายที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงการจำหน่ายออนไลน์ www.bellross.com

ทรู ไอดีซี ผนึกกำลัง บีบีไอเอ็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว “บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์)”

ปั้นไทยเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรฐานสากลในเอเชีย

ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ครบวงจรในประเทศไทย ประกาศร่วมทุนกับ บีบีไอเอ็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น (BBIX Inc. Japan) ผู้ให้บริการศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Exchange Point: IXP) อันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น (ถือหุ้นโดยซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป 100%) เพื่อก่อตั้ง บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด (BBIX (Thailand) Company Limited) ให้เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นกลางตามมาตรฐานสากล นำไปสู่การพัฒนาการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการสื่อสารในประเทศไทย และต่างประเทศ ผลักดันประเทศก้าวข้าม
สู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) อย่างสมบูรณ์แบบ

ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป และประธานคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูไอดีซี

ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป และประธานคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูไอดีซี กล่าวว่า “เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน รวมถึงธุรกรรมต่างๆ และจากการใช้งานอย่างก้าวกระโดดนี้ ก่อให้เกิดการรับส่งข้อมูล (Content/Media) บนเครือข่ายมหาศาล ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับส่งข้อมูลบนโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบัน ทรู ไอดีซี ยังคงมุ่งมั่นผลักดัน และตอบสนองนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 ในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทางไอที (Infrastructure) อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหาร จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาล (Data Analytic) นำไปสู่กระบวนการทำงานแบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ชาญฉลาด

เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตให้กับคนยุคใหม่อย่างลงตัวและการร่วมมือกับบริษัท บีบีไอเอ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่เป็นกลางตามมาตรฐานสากลขึ้นในประเทศไทย ให้รองรับการทำงานสำหรับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ ภาครัฐบาล ภาคเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้ให้บริการคอนเทนต์ พร้อมต่อยอดไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ”

มร.เคอิชิ มากิโซโน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ และ บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

 

มร.เคอิชิ มากิโซโน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ และ บริษัท บีบีไอเอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยว่า “เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยมีแนวโน้มในการเติบโตสูง แต่การให้บริการเชื่อมต่อข้อมูลอินเทอร์เน็ตยังพัฒนาไม่เต็มประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา ระบบของ BBIX สามารถรองรับการขยายตัวได้มากกว่า 50 เท่า อย่างมีประสิทธิภาพ จากประสบการณ์ในการพัฒนารูปแบบบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Traffic) ทำให้เราเล็งเห็นว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตด้านอินเทอร์เน็ตอีกมาก เราจึงตัดสินใจร่วมมือกับทรูไอดีซี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลาง และมีมาตรฐานระดับโลก ก่อตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตด้วยการ ใช้เทคโนโลยีระดับสากล โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้กว่า 15 ปี เราจึงมั่นใจว่า บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) จะเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ทันสมัยและมีศักยภาพที่สุดในประเทศ”

จากการผนึกกำลังข้ามชาติระหว่างสองผู้นำในตลาดไอที ก่อให้เกิด บีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์) มีหลักในการพัฒนาการ ให้บริการอินเทอร์เน็ตภายใต้ 3 แนวคิด คือ ลดความยุ่งยากและซ้ำซ้อน (Simple) เพิ่มความเร็ว (Low Latency) และลดค่าใช้จ่าย (Cost) ด้วยการเปลี่ยนการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) แบบ peering มาเชื่อมต่อกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลของบีบีไอเอ็กซ์ (ไทยแลนด์)

โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้สามารถรองรับปริมาณการรับส่งข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้ โดยทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ภาพ และเสียงได้สะดวก รวดเร็ว นำไปสู่การเปิดกว้างในการเลือกใช้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างเสรี ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยที่เป็นศูนย์กลางที่สำคัญ ด้วยกันนี้บีบีไอเอ็กซ์ มีแผนขยายต่อยอดบริการเพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับอาเซียน โดยเริ่มต้นจากประเทศใกล้เคียง ได้แก่ ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชาอีกด้วย

สมุทรสาครเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์”

โชว์ศักยภาพเมืองประมง อุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว ใจกลาง กทม.

จังหวัดสมุทรสาคร เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่   “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยว  ที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน  รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอ

จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การประมง และการเกษตรกรรม จากข้อมูลสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสาครยังคงขยายตัวจากปีก่อน และยังเป็น ๑ ใน ๑๐ ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวอยู่ในระดับสูงตลอดมา

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์  SAMUTSAKHON ON THE SHOW  ในด้านของการท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรสาครมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่บันทึกในประวัติศาสตร์เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเลเหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ สมุทรสาครยังมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนสินค้า OTOP เครื่องปั้นดินเผา ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล สำหรับในด้านตัวเลข ในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดสมุทรสาครทั้งไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๑,๔๔๓,๗๔๖ คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๒.๓๘% และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น ๒,๓๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๕.๘๙%

ในด้านของสินค้า OTOP จังหวัดสมุทรสาคร มีผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน ๒๖๘ ราย รวม ๕๓๒ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดก็คือ เครื่องเบญจรงค์ จังหวัดสมุทรสาครมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ OTOP ในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งสิ้น ๓,๒๗๔ ล้านบาท ซึ่งเฉพาะเครื่องเบญจรงค์อย่างเดียวก็ทำรายได้ถึง ๑๐๘ ล้านบาท

จังหวัดสมุทรสาครจึงร่วมกับภาคเอกชนเตรียมจัดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์โซน C ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium  ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่นำเสนอของดีจังหวัดสมุทรสาคร ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัส ณ กลางใจเมือง ในรูปแบบทันสมัยและแปลกใหม่ที่ผู้เข้าชมงานจะต้องอัศจรรย์ใจ

โดยภายในงานจะนำเสนอศักยภาพด้านอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นของสมุทรสาคร จำหน่ายผลิตภัณฑ์เด่น ที่คัดเลือกมาแล้วว่าเป็นของที่ขึ้นชื่อภายในจังหวัด รวมกันไว้ในที่เดียว มีให้ชม ชิม ช้อปกันตามอัธยาศัย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยว ที่แบ่งตามความสนใจของกลุ่มที่มีความชอบแตกต่างกัน เช่น เส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน เส้นทางแสนอร่อยสำหรับนักชิม เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฯลฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท่าฉลอม ซึ่งยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิม และเป็นก้าวแรกของชุมชนจีนในสยาม หรือบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน และยังจะได้ชมการประดิษฐ์งานฝีมือเบญจรงค์ที่ผสานไว้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างลงตัว ในงานยังมีวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านที่งดงาม รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอให้ได้ชมกัน

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การประมง เกษตรกรรม หัตถกรรม การท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์” นอกจากนี้ยังมีทำเลที่ตั้งที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สะดวกง่ายดายต่อการเดินทาง และในแผนพัฒนาจังหวัด ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเอาไว้ว่า “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เกษตรและอาหารปลอดภัย ท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ สังคมเป็นสุข”

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์ (SAMUTSAKHON ON THE SHOW)
โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน
รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอในงานระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑

ณ ลานกิจกรรมสแควร์โซน C และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

เรื่องราวจากพระราชนิพนธ์สู่ประติมากรรมเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลก

ภายใต้คอนเซปต์  “พระมหาชนก”
ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ร่วมกับ จังหวัดอุบลราชธานี, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, เทศบาลนครอุบลราชธานี,  เทศบาลเมืองแจระแม และบ้านเทียนหอมเดชอุดม ขานรับนโยบาย

ร่วมสร้างสีสันและเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ตอกย้ำการเป็นเซ็นเตอร์อ็อฟไลฟ์ ศูนย์การกลางใช้ชีวิตของจังหวัด สืบสานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จัดงาน Miracle of Candle มหัศจรรย์เทียนพรรษา จากพระราชนิพนธ์สู่ประติมากรรมเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลก ภายใต้คอนเซปต์ “พระมหาชนก”

ภายในงานทุกท่านจะได้พบกับประติมากรรมเทียนหอม แกะสลักสุดวิจิตรตระการตา นำเสนอความงดงามของ เรื่องราวจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ที่ได้แฝงข้อคิดคำสอนในการดำเนินชีวิตที่สามารถปรับเข้ากับทุกยุคทุกสมัย และเป็นต้นแบบของผู้มีความเพียรอย่างแท้จริงเปรียบเสมือนกับการทำเทียนพรรษาที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ และความเพียรพยายามอย่างยิ่ง ประกอบด้วยพระมหาชนกขนาดเท่าคนจริง, นางมณีเมขลา ลอยสูงจากพื้นกว่า 5 เมตร, ปูยักษ์และปลายักษ์ในบรรยากาศท้องทะเลงามยามค่ำคืน

 

ผลงานการออกแบบปั้นและแกะสลักจากช่างฝีมือศิลปินรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสืบทอดงานศิลป์ภูมิปัญญาของแผ่นดิน คุณชาลิดา พูลทรัพย์ (ครูอ้อย) ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม, คณะนักศึกษาแผนกวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ซึ่งใช้เวลาในการสร้างสรรผลงาน ประมาณ 2 เดือน พร้อมชมนิทรรศการประวัติ ความเป็นมาของประเพณีแห่เทียนพรรษา และขั้นตอนการทำเทียน ประเพณีคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดอุบลราชธานี

คุณชาลิดา พูลทรัพย์ ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม

นอกจากนี้ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ยังเปิดให้บริการที่จอดรถสำรองและจัดเตรียมรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวบริเวณลานจอด 2 ประตูทางเข้าเคเอฟซี

เพื่อร่วมชม  ความงดงามของขบวนแห่เทียนอันยิ่งใหญ่ บริเวณทุ่งศรีเมือง ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 รอบการรับส่งทุกๆ  30 นาที  ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00น.  ฟรี

สำหรับพิธีเปิด  ได้รับเกียรติจาก นายเธียรชัย  พุทธรังษี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณชนะศักดิ์ นิยะถิรกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกการตลาดสาขา เขต 3 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน),   คุณธนภร  พูลเพิ่ม   ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี, คุณสมชาติ พงคพนาไกร  ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี และคุณชาลิดา พูลทรัพย์ ศิลปินจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม ร่วมงาน

ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.00 น.
ณ ลานอะควาเรียม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี

ใครกำลังจะไปเที่ยว กรุงโซล เชิญทางนี้

“แพรวา” แชร์ประสบการณ์เที่ยว “กรุงโซล
ประทับใจ…ทุกโมเม้นท์ ในงาน “I Seoul U”


เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล

เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

แพรวา ณิชาภัทร เล่าความประทับใจที่ได้ไปเที่ยว กรุงโซล ให้ฟังว่า ตอนนี้ สถานที่เช็กอินแห่งใหม่ของวัยรุ่นเกาหลี มีชื่อว่า Seoullo 7017 (ซออุลโล 7017) สวนลอยฟ้ากลางเมืองแห่งเดียวของโลก บนทางเดินลอยฟ้า หน้าสถานีรถไฟ Seoul Station ตรงนี้ น่าสนใจมาก เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่คนไปเที่ยวกรุงโซลจะต้องไปเช็กอิน ยิ่งไปตอนอากาศหนาวๆ โรแมนติกมากค่ะ

เส้นทางเดิน Seoullo 7017 ถือได้ว่าน่าเดินและสะดวกมาก เพราะเชื่อมต่อกับสถานี โซลสเตชั่นแล้ว ยังเชื่อมไปถึงตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง และทางไปภูเขานัมซาน ได้อีกด้วย แล้วทางเดินลอยฟ้าแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับอาคารร้านค้าใกล้เคียง ซึ่งจะมี ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ และเอ้าท์เลตขายสินค้าแบรนด์ต่างๆ มีกิจกรรรมให้ช้อป ให้นั่งชิลล์ ชมเมืองเพียบเลยค่ะ

สถานที่อีกแห่งที่ แพรวา ชอบมากๆ คือ ย่านฮงแด (Hongdae) ตรงนี้จะเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นและฮิปสเตอร์เกาหลี ถ้าไปเดินจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่มีสีสัน ควรไปเดินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า เป็นต้นไป รับรองว่าจะเพลินตา…เพลินใจ กันอย่างแน่นอน เพราะร้านค้าย่านนี้ จะนำสินค้าอัพเดทสไตล์วัยรุ่นเกาหลีมาวางขายแข่งกัน รอบๆ ก็จะมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ แชะภาพ เซลฟี่ อวดเพื่อนๆ ในโซ

แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต…ที่ใครไปเที่ยว กรุงโซล แล้วต้องไปเกือบทุกคน ก็คือ หอคอย N Seoul Tower โดยเฉพาะคนที่มีคนพิเศษไปเที่ยวด้วย ก็จะชื่นชอบที่นี่มาก มีวิวทิวทัศน์สวยงามให้ถ่ายรูป และมีกิจกรรมคล้องกุญแจรัก “โรแมนติกจริงๆ” ก่อนคล้องกุญแจรัก จะเขียนชื่อตัวเองกับคนรัก เมื่อคล้องแม่กุญแจเสร็จ ให้โยนลูกกุญแจทิ้งไป เชื่อว่าจะทำให้ความรักยืนยาวและไม่พรากจากกัน ไปเที่ยวได้ทั้งตอนกลางวัน และ ตอนกลางคืน เพราะสวยสวยไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงฤดูหนาว จะยิ่งเพิ่มดีกรีความโรแมนติกให้มากขึ้นไปอีก แพรวาไปแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ

สิ่งที่แพรวา เลิฟและเชื่อว่าคนไปเกาหลี ส่วนใหญ่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ อาหาร มีหลายๆ เมนูที่กินแล้วติดใจ อย่างเช่น เนื้อย่างเกาหลี, ไก่ตุ๋นโสม,
ต็อกป็อกกี นอกจากนี้ ยังมี ตลาดกวางจัง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก่าแก่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโซล มีของขายเยอะมาก ของกินก็เยอะ มีร้านกินบิบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี ใครอยากลองแบบรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ ต้องมากินที่นี่ เดินเที่ยว…เดินช้อป สนุกมากๆ ค่ะ และที่ กรุงโซล ก็ยังมี ศูนย์การค้าและสวนสนุกที่มีชื่อเสียง Lotte World เรียกได้ว่าไปเที่ยว กรุงโซล ได้ครบทุกอารมณ์ ช้อป ชิม ชิลล์ และโรแมนติก ที่สำคัญเดินทางไปสะดวก และ ราคา
ก็ไม่สูงมากด้วยค่ะ

สำหรับ การจัดงาน I Seoul U ได้จำลองบรรยากาศ “กรุงโซล” มาจัดแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) พร้อมกับมีกิจกรรมเล่นเกมโยนลูกเต๋าท่องเที่ยวกรุงโซล, กิจกรรมล็อกกุญแจคู่รักที่นัมซัน, เดินทะลุมิติไปสู่กรุงโซล พร้อมกับชมจำลองบรรยากาศกรุงโซลในยามค่ำคืน ที่สวยงามและมีสีสัน เพื่อให้
ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสวิถีชีวิตตามแบบฉบับชาวเกาหลี ที่อาศัยอยู่ใน กรุงโซล” และรับข้อมูลการท่องเที่ยวที่อัพเดท

ไฮไลท์ของงาน I Seoul U ก็คือ ผู้เข้าร่วมงานทุกๆ คน จะได้รับ “สิทธิ์ลุ้น” รับบัตรเงินสด T-Money Card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับงาน I Seoul U ซึ่งบนบัตรได้สกรีนภาพศิลปิน BTS ขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังฮอตฮิต และเป็นที่ต้องการของแฟนคลับอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยว “กรุงโซล” สามารถเยี่ยมชม

การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (โซล) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน
จัดงาน I Seoul U ภายใต้คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) ขึ้นที่บริเวณ ลาน Work & Play
ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9

www.visitseoul.net
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email : iseouluthailand@hotmail.com