Category Archives: Travel

Travel-Food-Drink-Party

ตามรอยเมืองแห่งตำนาน ๔มรดกโลก

เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่…
เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เรื่องประวัติศาสตร์นี่ไม่ต้องพูด  ถึงยาวนานมาตามลำดับ ตั้งแต่ยุคโบราณอยู่แล้ว ท่านที่ชื่นชอบกับแผ่นดินในแนวเทพนิยายนี่บอกเลยว่าอย่าพลาดเมืองที่มีสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในโลก” เมืองที่ซุกตัวอยู่ใต้เงาของเทือกเขาไม่มีเบื่อเมื่อต้องเดินทาง ฤดูฝนของที่นี่วิวสวยอากาศสบาย อาหารอร่อย ดีใช้ได้ ที่น่าสนใจเยอะแยะมาก สับขา ลางาน แล้วไปเที่ยวกันเถอะ

สำหรับในช่วงวันหยุดสุดสัมปดาห์แบบนี้  ใครที่เบื่องานในเมืองกรุง อยากจะหมายมุ่งตามรอยเมืองแห่งในตำนานมรดกโลก โดยการเริ่มต้นจากการออกเดินทางจากกรุงเทพฯ  มุ่งหน้า จังหวัดที่ฤดูฝนสวยกว่าฤดูหนาวอย่างเพชรบูรณ์  แวะรับประทานอาหารกลางวัน เจ้าแรกในตำนาน ณ. ร้านไก่ย่างตาแป๊ะ 2 ที่ร้านขายไก่ย่างต้นตำรับหนังกรอบเนื้อนุ่ม ของอำเภอวิเชียรบุรี ส่งต่อความอร่อยมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งอยู่ริมถนนสายสระบุรี-หล่มสัก
ว่ากันว่าใครมาถึงเพชรบูรณ์แล้ว ไม่แวะมากินไก่ย่างร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง
เพชรบูรณ์

อิ่มท้องแล้วไปตามจุดหมาย  การเยี่ยมชม  อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่ง ของจังหวัดเพชรบูรณ์ หนึ่งในมกรดกโลก ที่เราอยากไปชมให้เห็นด้วยตาตัวเองคือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นเมืองน่าเที่ยวน่าสัมผัสความเก่าแก่แบบลึกลับ เมื่อก้าวแรกที่ข้ามผ่านประตูเมืองโบราณ เหมือนได้เข้าสู่เมืองเทพนิยาย ตัวเมืองเก่าถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองใหญ่ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงและมีความงดงาม

ศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่อยู่ในท้องที่อำเภอศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า “เมืองอภัยสาลี” ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า “เมืองศรีเทพ” เมื่อปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ ที่ตั้งของเมืองอยู่ในชุมทาง ที่สามารถติดต่อกับภาคอื่นๆ ได้สะดวก
ดังนั้น  จึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียง มาผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น

อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ

เมืองศรีเทพ สร้างขึ้นในยุคของขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่า  มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม สันนิษฐานว่าเจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16

วัดธรรมยาน  เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2554 พระอุโบสถวัดธรรมยานนี้ มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบล้านนา-ล้านช้าง เข้ากับสถาปัตยกรรมไทยแบบร่วมสมัย ที่มีความเรียบง่าย แต่งดงามภายใน

บริเวณสระน้ำด้านหน้าพระอุโบสถ ยังมีประติมากรรมพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตน ตั้งคู่กัน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและสักการะขอพร โดยผู้ที่ออกแบบพระอุโบสถและประติมากรรมพญานาค โดย คุณเทวินทร์ วรรณะบำรุง สถาปนิกอาวุโส บริษัท เอสซีจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างดังกล่าว จึงทำให้พระอุโบสถวัดธรรมยาน และประติมากรรมพญานาค เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประกอบกับความร่มรื่น เงียบสงบภายในบริเวณวัด ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

เพื่อความรู้ ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม  และสิ่งที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเส้นทางเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ศรีเทพ-สุโขทัย-พระนครศรีอยุธยา-หลวงพระบาง มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

Toptotravel  จึงเดินทางไปยัง หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2556 เดิมเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า เมื่อมีการย้ายศาลากลางจังหวัดไปอยู่ศูนย์ราชการ ทางเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ จึงขอใช้สถานที่นี้  เพื่อทำเป็นหอโบราณคดี  โดยมีดำริมาจากบุคคลที่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นห้องโถงต้อนรับ ห้องกาแฟและห้องว่าด้วยของกินในเพชรบูรณ์ ชื่อว่า “ห้องครัวเพชรบูรณ์” การจัดแสดงเรื่องราวของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคศรีเทพ  จัดแสดงในช่วงต่อมาคือ สมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ จนถึงยุคร่วมสมัย มีห้องสมุดทางวัฒนธรรมของเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์อีกด้วย สำหรับชื่อ เพ็ชรบูรณ์อินทราชัยนั้น เป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสอันดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เดินชมด้านในการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ห้องที่ 1 โรงหนังไทยเพชรบูรณ์เป็นการจำลองโรงหนังแห่งแรกของเพชรบูรณ์ ห้องที่ 2 ห้องจากเขาคะนาถึงศรีเทพจัดแสดงเป็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคศรีเทพ ห้องที่ 3 จัดแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองเพชรบูรณ์ในสมัยสุโขทัย พบหลักฐานสำคัญให้ทราบว่าชื่อเดิมของเพชรบูรณ์คือเพชบุระ และห้องที่ 4 จัดแสดงเกี่ยวกับแผนการให้จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองหลวงของไทย มีห้องหลักเมือง ห้องเพชรบูรณ์เมื่อวันวาน ห้องตำนานเพชรบูรณ์ และห้องครัวเพชรบูรณ์ มาที่นี่ครบจบทุกเรื่องราว

 

หลังจากนั้น  เราออกเดินทางต่อไปยัง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งอยู่บริเวณ
ไม่ไกลจากหอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย  เพื่อไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ เป็นแท่งเสาหินทรายสีเทา มีลักษณะปลายป้านโค้งมน มีความสูงจากฐานล่างถึงปลายยอด 184 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 15-16 เซนติเมตร มีจารึกอักษรขอมทั้ง
4 ด้าน ปลายฐานด้านล่างสุดมีลักษณะแผ่ขยายออกคล้ายวงกลมแบน

ในปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ทำการอ่านและแปลศิลาจารึกเสาหลักเมืองเพชรบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สรุปได้ความว่า เป็นการจารึก  ลงในเสาหินทรายสีเทาใน 2 ยุคด้วยกัน คือ ครั้งแรก  เป็นการจารึกในด้านที่ 1 เป็นอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต มีข้อความ 22 บรรทัด จารึกเมื่อมหาศักราช 943 ตรงกับพุทธศักราช 1564 เป็นข้อความการสรรเสริญพระศิวะ
ในศาสนาพราหมณ์ ส่วนการจารึกครั้งที่ 2 เป็นการจารึกใหม่ในด้านที่
เหลือ 3 ด้านเมื่อจุลศักราช 878 ตรงกับพุทธศักราช 2059 เป็นอักษรขอม ภาษาไทย บาลีและเขมร เป็นข้อความเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีข้อความ
ที่ให้ช่วยกันสืบสานพระพุทธศาสนาให้ได้ 5,000 ปี

บนเส้นทาง ท่องวิถี๔มรดกโลก ท่านใดเดินทางมา  จังหวัด เพชรบูรณ์
ต้องแวะ  สักการะและชมความงดงามของ  พระพุทธมหาธรรมราชา พระประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะ  หล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นองค์ประธาน ประดิษฐาน
ณ พุทธอุทยานเพชบุระ ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดพระเกตุบรรจุพระบรม สารีริกธาตุ  ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร มีความหมาย 1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์

อยากเดินเที่ยวถนนคพื้นเดิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอหล่มสัก พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์” สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก” ชุมชนที่มีประวัติมาช้านานและมีความสำคัญอย่างมากของจังหวัดเพชรบูรณ์ มาจัดแสดงไว้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึง  ของเส้นทาง  ท่องวิถี๔มรดกโลก  หากใครที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศถนนคนเดินไทหล่ม สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านถนนคนเดิน ไทหล่ม ตลาดนัดน่าเดินบนถนนสายรณกิจ ถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก ซึ่งตลอดสองฟากฝั่งถนนยังคงความคลาสสิกของบ้านเรือนไม้โบราณ 2 ชั้น ไว้ให้เห็นอย่างงามตา สีสันความคึกคักของถนนคนเดินไทหล่มจะเริ่มต้นทุกเย็นวันเสาร์ตั้งแต่ 5 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม จัดแสดงได้สวยงามมากๆ

ชมวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึงในพิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เราเริ่ม
หิวใกล้กันนั้น เป็นถนนคนเดิน ไทหล่ม จึงออกเดินทางเพื่อไปเพลิดเพลินชมบรรยากาศวิถีชีวิตกับการออกร้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวหล่มสัก ทั้งร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองที่หารับประทานขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ สินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าทำมือของชาวบ้านที่สามารถซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกมากมาย

นอกจากนี้ ที่บริเวณโดยรอบของถนนคนเดินมีการแสดงทางวัฒนธรรม ซุ้มสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ที่สืบทอดช่างฝีมือมานานนับ 100 ปี จากช่างชาวเวียงจันทน์ การแสดงดนตรีพื้นเมือง ตลอดจนกิจกรรมรำวงย้อนยุคให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมรำวงกันอย่างสนุกสนาน

เช้าวันที่สาม ของการเดินทางท่องวิถี๔มรดกโลก เดินทางไปต่อเพื่อสักการะพระธาตุศรีสองรัก บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ พระธาตุศรีสองรัก  สร้างขึ้นตั้งแต่ในปี พ.ศ.2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา(ไทย) และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) เนื่องจากยุคนั้นพม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่างๆ เพื่อขยายอำนาจ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์จึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง

จึงได้กระทำสัตยาธิษฐานว่า  จะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน พร้อมได้ร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นถวายมีพระนามว่า  “พระธาตุศรีสองรัก”   ริมลำน้ำหมัน เป็นดังสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และจะมีการจัดงานสมโภชพระธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ผู้ที่จะมาสักการะพระธาตุศรีสองห้ามใส่เสื้อผ้า “สีแดง” หรือถือสิ่งของที่มีสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เพราะสีแดง อาจเปรียบได้กับเลือดที่เป็นผลของการทำสงคราม คนโบราณจึงมีการห้ามไม่ให้ผู้ที่สวมเสื้อผ้าสีแดง เข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบันด้วยเช่นกัน

เราเดินทาง ต่อเเพื่อเข้าสู่อำเภอเขาค้อ ด้วยการไปชม วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อ พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ไปแล้วจะหลงรัก ที่นี่เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่งดงามที่พึ่งพิงธรรมชาติอย่างชาญฉลาดไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้าน มองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ  คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป วิถีชีวิตคนที่จังหวัดสุขโขทัย ไปไหนมาไหนยิ้มทักท้าย ดูแล้วมีความสุขจริงๆ

ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม บนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น  มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา มีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ  วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเดิมชื่อ  พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม มีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ ถ้าอยากจะถ่ายรูป มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดงต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า ผาซ่อนแก้ว พุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขา พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

อุทยานประวัติศาตร์สุโขทัย หรือ เมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่นอกตัวเมืองสุโขทัย ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุโขทัยไป ตามทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย-ตาก ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร

เดินทางสู่ จังหวัดสุโขทัย พักรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊แฮ แล้วไปต่อ  เมื่อผ่านเข้าเขตเมืองเก่า จะแลเห็นยอดพระเจดีย์แบบต่างๆ อันสง่างามและวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ กำแพงเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่ตำบลเมืองเก่า เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นกำแพงพูนดิน 3 ชั้น โดยการขุดเอาดินขึ้นมาถมเป็นกำแพงและพื้นดินที่ขุด ขึ้นยังเป็นคูขังน้ำไว้ ใช้สอยและเป็นกำแพงน้ำขึ้นอีก 2 ชั้น กำแพงด้านทิศเหนือจดทิศใต้ยาว 2,000 เมตร ด้านทิศตะวันตกยาว 1,600 เมตร มีประตูเมือง 4 ประตู ด้านเหนือเรียกว่า “ประตูศาลหลวง” ด้านใต้เรียกว่า “ประตูนะโม” ด้านทิศตะวันออกเรียกว่า “ประตูกำแพงหัก” ด้านทิศ ตะวันตกเรียกว่า “ประตูอ้อ” ภายนอกกำแพงเมืองในรัศมี 5 กิโลเมตร มีโบราณสถานประมาณ 70 แห่ง สร้างขึ้นไว้ในพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม  โดยกรมศิลปากร ได้รับการจัดตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 2537

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะในยุคสุโขทัย ภายในยังคงเหลือร่องรอยพระราชวังและวัด ช่วงเช้าร่วมกิจกรรมตักบาตรรับอรุณ บริเวณวัดตระพังทอง

ครั้งนี้  ในช่วงเช้าเรารีบตื่นมาชมวิถีชีวิตคนไปเที่ยวแบบง่ายๆ คืออัศจรรย์ธรรมชาติที่แท้จริงแล้วอยู่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของผู้คน ที่เมืองนี้นักท่องเที่ยวจะรู้กันเลยว่าผู้คนมีความเป็นมิตรสูงมากๆ เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตำนานเก่าแก่ของเมืองเก่าสุโขทัย

เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่นักเดินทางมากมายต่างอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอดีตราชธานีที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองจำนวนทั้งหมด 33 พระองค์ ในช่วงระยะเวลาอันยาวนานนี้ บรรพชนของไทยได้สร้างสรรค์ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์มากมาย ปรากฏเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า มีพื้นที่โบราณสถานทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ไร่

เคยถูกรุกรานจากกองทัพต่างชาติ เมืองนี้มีความน่ารักสามารถเดินเล่นสบายๆ จัดไว้ในแพลนให้เป็นเมืองผ่านคั่นกลางในการเดินทางได้ดีทีเดียว โดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์โบราณสถานเมืองพระนครศรีอยุธยาภายใต้ชื่อ โครงการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2525 และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมกิจกรรมมากมาย

ขอคุณข้อมูลการเดินทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Familiarization Trip
โครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก
ครั้งที่ 1 วันที่ 8-12 มิ.ย. 2561
ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 2561

แซ่บนัวของกิน เมืองสุรินทร์ถิ่นช้าง อย่ามองข้ามเด็ดขาด

เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน (Gastronomy Tourism)

เดือนนี้ Toptotravel มีโอกาสมาเที่ยว จังหวัดสุรินทร์ โดยได้รับคำเฃิญจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการแนะนำเส้นทางเที่ยว พาเที่ยวสำรวจ เส้นทางสายกิน โดยเฉพาะอาหารพื้นถิ่น ในตำนาน (Gastronomy Tourism) พร้อมทั้งได้สัมผัสธรรมชาติให้ชุ่มฉ่ำกันทั้งปี จำนวน 10 เส้นทาง

นักท่องเที่ยวมาสามรถขับรถเที่ยวเองได้สบายๆ ใช้เวลาตามหาความหมายของชีวิต แล้วก็ได้พบว่าจังหวัดสุรินทร์ ยังคงเป็น สุรินทร์ แบบนี้  ยกให้เลยตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองที่ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติสวยนี่ไม่ต้องพูด และงานย้อนยุคของบ้านเมือง ที่ปัจจุบันเราแทบไม่พบวิถีแบบนี้กันแล้ว ไม่ว่าจะสายธรรมชาติ ไม่ว่าหรือเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เรียกได้ว่าไปเมืองเดียวครบทุกแบบกันเลย

ก่อนออกเดินทาง ขอลาก่อนฤดูร้อน! เพราะ กรมอุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว  Toptotravel อยากชวนมาเที่ยวเส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน สร้างสรรค์และออกแบบสินค้าเส้นทางอาหารไทย (Gastronomy Tourism) เส้นทางสายภูมิปัญญา และผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เกิดการรับรู้ และเป็นไปตาม Lifestyle ของกลุ่มเป้าหมายสำหรับ นักท่องเที่ยว และกลุ่มตลาดในประเทศ เราพบว่าแท้จริงแล้ว หนทางสู่ความเส้นทางท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ รับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการเป็น World Destination ทางด้านอาหาร ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็น World Destination อาหารไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สำคัญสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เข้าใจและสัมผัสแต่ละสถานที่อย่างอิ่มเอม ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและถึงแต่ละสถานที่อย่างแท้จริง

เพื่อขานรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคของรัฐบาล ด้วยการใช้การท่องเที่ยวมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เส้นทางยอดนิยม 10 เส้นทาง ลองมาอยู่ด้วยกัน จะเหลืออะไรอีกไหมที่ต้องปรับ ต้องรู้จัก ไม่เพียงแค่เปิดตาให้เห็นถึงความ มหัศจรรย์แห่งอาหารไทยที่ทำให้สัมผัสถึงวิถีชีวิต เรื่องราวความน่าสนใจในศาสตร์และศิลป์แห่งศิลปะ วัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิตในแง่มุมต่างๆ แล้ว ยังสนุกเพลิดเพลิน อิ่มเอมไปกับอรรถรสของรสชาติอาหารที่ แตกต่างกัน ในแต่ละพื้นถิ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสัญลักษณ์ ความโดดเด่นของอาหารในแต่ละภูมิภาคได้อย่างชัดเจน

ครั้งนี้ ททท. พิจารณาเลือก 5 เส้นทางได้แก่ จังหวัดตาก สุรินทร์ ตราด สตูล และลพบุรี มาดำเนินการจัดเป็น กิจรรมท่องเที่ยวนำร่องเพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์จริง ทริปนี้เจออะไรใน เส้นทางมาดูกันค่ะ

ปราสาทบ้านพลวง
เริ่มต้นกันที่ ปราสาทบ้านพลวง ความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน มีความสวยงามและล้ำค่าเป็นปราสาทขนาดเล็ก ๑ องค์ ก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว บนฐานศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ ๘ เมตร ยาวประมาณ ๒๓ เมตร ปราสาทมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูทางเข้าออกด้านทิศตะวันออก ส่วนอีก3 ด้าน ทำเป็นประตูหลอก ทับหลังด้านทิศตะวันออกและทิศใต้สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทับหลังด้านทิศเหนือเป็นภาพพระกฤษณะปราบนาคกาลิยะ ส่วนทับหลังด้านทิศตะวันตกไม่ได้สลักภาพ ซึ่งหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นภาพพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ หน้าบันทิศเหนือสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และหน้าบันด้านทิศใต้สลักเป็นภาพบุคคลประทับนั่งเหนือหน้ากาล บริเวณรอบปราสาทมีสระน้ำล้อมรอบเว้นทางเข้าด้านหน้า ลักษณะของปราสาทบ้านพลวง จะคล้ายกับปรางค์น้อยบนเขาพนมรุ้ง ประกอบกับลวดลายที่พบบนหน้าบันและทับหลัง กำหนดรูปแบบทางศิลปะได้ว่าป็นศิลปะขอมแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16

เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่

วนอุทยานพนมสวาย
ที่นี่….เที่ยวง่ายๆ สบายๆ วนอุทยานพนมสวาย  เมืองที่มีความหมายว่า ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาบัว อำเภอเมือง และตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานเมื่อ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2527  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติ และงานย้อนยุคที่มีร่องรอยอารยธรรมของชาวขอมโบราณ หลอมรวมกลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ความสวยของโบราณสถานที่ยังอนุรักษ์กันไว้ได้เหมือนเดิมเด๊ะ ตั้งแต่อตีดยันปัจจุบัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ที่มีชื่อเสียง ทุกปีมีประเพณีสำคัญในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ชาวเมืองสุรินทร์จะชวนกันเดินขึ้นเขาพนมสวาย จนเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดกันมา เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง คำว่า พนมสวาย เป็นคำภาษาพื้นเมืองของชาวสุรินทร์ การเดินทาง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของจังหวัดสุรินทร์ เต็มไปด้วยป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามนอกจากนี้ยังเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติในประเทศไทย และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา

ช้อปปิ้งที่ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์
อยู่บริเวณท่าน้ำลำห้วย  หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ถนน สุรินทร์ – ปราสาท ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวจังหวัด 3 กิโลเมตร โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ร่วมกับ กองกำลังสุรนารี ร่วมก่อตั้ง เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ภายในจังหวัด แวะชิวหาของกินที่นี่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย ในบริเวณตลาดริมน้ำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เลาะเลี้ยวริมฝั่งลำน้ำห้วยเสนงแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงคนสุรินทร์มายาวนาน รวมถึงกิจกรรมนั่งช้างชมป่า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการนั่งช้างไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ 60 ปี การเสด็จประพาสสุรินทร์ ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์

ผ้าไหมทอบ้านท่าสว่าง
ตามแบบฉบับที่ร่ำลือกันว่าหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศไทย บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ลองเที่ยวเมืองที่มีเป็นหนึ่งหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ บ้านท่าสว่างเดิมชื่อบ้านเตรี๊ยะ เป็นภาษาพื้นบ้าน (เขมร) คำว่าเตรี๊ยะ เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ภาษาไทยว่าต้นชาด บรรพบุรุษของชาวบ้านเตรี๊ยะ ได้อพยพมาจากบ้านระเภาร์ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ห่างจากบ้านเตรี๊ยะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2485 ได้รวมหมู่บ้านเตรี๊ยะกับหมู่บ้านอื่นๆ เป็นตำบลท่าสว่าง และบ้านเตรี๊ยะ ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบ้านท่าสว่างตั้งแต่นั้น ทำให้ลวดลายผ้าไหมสวยเก๋น่าซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทุกมุมของที่นี่ช่างน่าเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ทั้งหมด

สวยเริ่ดเชิ่ดได้! เพราะในปี 2553 บ้านท่าสว่าง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหม แห่งเดียวของประเทศ โดยกรมการพัฒนาชุมชนกรมพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาหมู่บ้านที่มีจุดเด่น และมีเอกลักษณ์
ให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในหมู่บ้านจากบริการด้านท่องเที่ยว

ปราสาทศีขรภูมิ
โลกแห่งความจริง ที่ปราสาทศีขรภูมิ ครั้งแรกที่เห็น สวยจนแทบหยุดหายใจ ความสวยงามสงบร่มรื่นดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสำรวจและพักผ่อนที่นี่ แม้ว่าการเดินทางอาจจะไกลสักหน่อย แต่รับรองว่าสุดคุ้ม ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 34 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 226 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปอีก 1 กิโลเมตร ปราสาทศรีขรภูมิประกอบด้วยปรางค์อิฐ 5 องค์ องค์กลางเป็นปรางค์ประธาน มีปรางค์บริวารล้อมรอบอยู่ที่มุมทั้งสี่บนฐานเดียวกันธรรมชาติช่างเสกสรรค์ ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง

ลักษณะโดยรวม ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวคือด้านทิศตะวันออกปรางค์ทั้งห้าองค์มีลักษณะเหมือนกัน คือ องค์ปรางค์ไม่มีมุข มีชิ้นส่วนประดับทำจากหินทรายสลักเป็นลวดลายต่างๆ ทั้งส่วนที่เป็นทับหลังและเสาประดับกรอบประตู เสาติดผนัง และกลีบขนุนปรางค์ ส่วนหน้าบันเป็นอิฐประดับลวดลายปูนปั้น องค์ปรางค์ประธานมีทับหลังสลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระอิศวรกำลังฟ้อนรำ) บนแท่น มีหงส์แบก 3 ตัวอยู่เหนือเศียรเกียรติมุข
มีรูปพระคเนศ พระพรหม พระวิษณุ และนางปารพตี (นางอุมา) อยู่ด้านล่าง เสาประตูสลักเป็นลวดลายเทพธิดาลายก้ามปูและรูป

หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ทวารบาล ศูนย์คชศึกษา หรือ หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนในชุมชนกับช้าง รวมทั้งประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านตากลางแต่ละครัวเรือนจะมีช้างที่เลี้ยงไว้อาศัยอยู่รวมกัน จนช้างที่พวกตนเลี้ยงไว้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของตน ก่อให้เกิดสายใยความผูกพันที่แน่นเฟ้นขึ้น ระหว่างคนกับช้าง ณ บ้านตากลาง จ. สุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก

ชาวบ้านตากลาง ดั้งเดิมเป็น  ชาวส่วย (กูย) หรือ กวย ที่มีความชำนาญใน
การคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเลี้ยงช้าง ส่วนมากต้องเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนต่อเขตประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย ปัจจุบันสภาวะการเมืองระหว่างประเทศทำให้ชาวบ้านตากลาง ไม่สามารถไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อนได้ ชาวบ้านตากลางยังคงเลี้ยงช้าง และฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้าง (Thailand Elephant show)

ชีวิตเป็นของเรา..ออกไปใช้มันสะ ที่นี่ควรค่าแก่การไปทำความรู้จัก หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะการเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลาง เหมือนการเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน นอนร่วมชายคาเดียวกับตน ดังนั้นถ้านักท่องเที่ยวได้ไปที่บ้านตากลาง นอกจากจะได้เห็นสภาพโรงช้างดังกล่าวแล้ว ยังจะได้สัมผัสการดำรงชีวิตของ ชาวส่วย โดยเฉพาะในพื้นที่จะได้พบปะพูดคุยกับหมอช้าง ที่มีประสบการณ์ในการคล้องช้างมาแล้วหลายครั้งได้ตลอดเวลา รวมทั้งยังสามารถเดินทางชมจุดบริเวณที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลไหลมารวมกัน ซึ่งห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่งดงามน่าพักผ่อนหย่อนใจ ชวนให้ศึกษาในเชิงของธรรมชาติด้วย

สถานที่ : ทีกล้า ฟาร์ม จังหวัดสุรินทร์

ทีกล้า ฟาร์ม
มาถึงสูตรเด็ด  มารับทานมื้อเย็นในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน บรรยากาศที่ ทีกล้า ฟาร์ม ในยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ที่นี่เองมีส่วนร่วมในงาน ตามรอยอาหารถิ่น ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศ และ ได้มีโอกาศ ทำอาหารถิ่น อาหารที่ให้ ผลผลิตจากฟาร์ม ชวนชิมอาหารอีสานแซ่บๆ ง่ายๆ กับเมนูอาหารพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์

หมก เป็นอาหารอีสานและอาหารลาวประเภทหนึ่ง เป็นการนำเนื้อสัตว์และผักมาเคล้ากับน้ำพริกแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ห่อด้วยใบตองทรงสูง นำไปนึ่งหรือย่างให้สุก ใส่ต้นหอมและใบแมงลักซึ่งเป็นเครื่องปรุงสำคัญ บางบ้านใส่ผักชีลาวด้วย ตัวอย่างอาหารประเภท หมก ได้แก่ หมกหน่อไม้ หมกไข่ปลา หมกหัวปลี หมกไข่มดแดง หมกปลา หมกเห็ด หมกฮวก เครื่องแกงส่วนใหญ่ประกอบด้วย พริกขี้หนูแห้ง หอมแดง ตะไคร้ซอย ใบมะกรูด เป็นหลัก หรือบางบ้านจะใส่กระชายหรือข่าเข้าไปด้วย

สลอตราว หรือแกงเผือก เป็นอาหารที่มีรสจืด นิยมใส่ปลาเป็นส่วนประกอบ อาจใช้รับประทานเปล่า ๆ คล้ายก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ชาวเขมรและชาวกูย ที่มีฐานะ นิยมปรุงให้จืดเพื่อรับประทานเปล่า ๆ เผือกเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรทสูง ใช้รับประทานแทนข้าวได้ ปลาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง อาจใช้รับประทานเปล่าคล้ายก๋วยเตี๋ยว พร้อมรับประทานขณะร้อนๆ

ซันลอเจก (แกงกล้วย) “ซันลอเจก” เป็นภาษาเขมร หมายถึง “แกงกล้วย” ซันลอ = แกง, เจก = กล้วย เนื่องจากเมื่อก่อน การคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ยังไม่สะดวก อาหารการกินต่าง ๆ ล้วนหาได้จากเรือกสวน ไร่นา และรอบ ๆ บริเวณบ้าน เมื่อมีคนตายในหมู่บ้าน เจ้าของงานจะจัดหาอาหารต้อนรับผู้มาร่วมงานศพ ซึ่งมักจะทำแกงกล้วยเป็นอาหารหลัก เพราะบ้านเกือบทุกหลัง นิยมปลูกต้นกล้วย เพราะต้นกล้วยสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง

อันซอมจรุ๊ก “อันซอมจรุ๊ก” ลักษณะเป็นท่อนยาวๆ ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมกับถั่วลิสง เนื้อหมูและมันหมู ปรุงรสให้ออกเค็มๆ หน่อยแล้วห่อด้วยใบตอง ชิมแล้วก็ถือว่ารสชาติไม่เลวเลยได้รสเค็มๆ มันๆ พร้อมกลิ่นหอมจากใบตอง จะว่าไปรสชาติก็ออกจะคล้ายๆ กับ “บ๊ะจ่าง” อยู่หน่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้มีเครื่องเคราเหมือนกับบ๊ะจ่างของคนจีน

Slive Hotel
มอร์นิ่งงงจ้า เรื่องที่พัก อยากได้ที่พักดีๆ อาหารเช้าอร่อยๆ Slive Hotel ที่พักกลางใจเมืองสุรินทร์เมืองช้าง ที่พักแนวใหม่เอาใจลูกค้า Slive Hotel ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ ตรงกันข้ามโรงพยาบาลสุรินทร์ การเดินทางสะดวก ใกล้7-11 ใกล้สนามบิน แห่งความหรูหราอลังการ Slive Hotel ลองไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษ  โรงแรมมีความสะอาด ทันสมัย คุ้มค่าคุ้มราคา บริการ Wifi ฟรี ทั้งพื้นที่โรงแรม ตื่นจากเตียงนุ่มๆ Slive สบาย Slive Hotel Surin ณ.โรงแรมน่ารักทั้งสถานที่และราคา คุ้มค่าสุดๆ คิดจะพักคิดถึง #Slivehotel
169 Luck Muang Rd,
Muang Surin, Surin, Thailand
@slivehotel โทร 044 060 322

ที่สุริทร์ 2 วัน 3 คืน ชิลล์แค่ไหนต้องลองไปดูด้วยตัวเอง  หลายคนบอกว่ากระแสการท่องเที่ยวโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ส่งผลให้ทุกภาคส่วน ต้องใช้ศักยภาพ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และการขับเคลื่อนกลยุทธ์ความเป็นเลิศทางการตลาด การประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องกำหนดทิศทาง และสร้างความชัดเจนในกระบวนการส่งเสริม ผลักดัน ปรับเปลี่ยน และสร้างสินค้า บริการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

ด้วยเหตุนี้ เมืองไทยจึงไม่ได้มีดีเพียงแค่อาหารริมทาง เมื่อเราเริ่มจากรู้จัก
สไตลสตรีทฟู้ด อาหารไทยที่ชวนสร้าง ความอะเมซซิ่ง ยังมีอาหารถิ่นจานอร่อย สไตล์วิถีไทยดั้งเดิมแบบพื้นบ้าน และอาหารไทยต้นตำรับ ที่เน้นความ วิจิตรบรรจง ในการปรุงแต่ง จัดจานชวนให้ตื่นตาตื่นใจไปกับรูปแบบการนำเสนอ เช่นเดียวกับการยกระดับการพัฒนา เมนูสตรีทฟู้ดพื้นถิ่นแบบโลคัล สู่การเป็นอาหารไทยเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการประยุกต์เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าก็ยิ่งทำให้ อาหารไทยครบรส ทั้งอาหารตา อาหารใจ และอาหารที่คุณสัมผัสรับรู้ถึงรสชาติความอร่อยได้ในแบบที่บางครั้งอาจคาดไม่ถึง สนุกสนานกันได้ทั้งครอบครัว

สุดท้ายแล้ว  ความสุขอยางหนึ่งเมื่อได้มาเที่ยวเมืองไทย นั่นคงไม่พ้นการได้เรียนรู้ เปิดรับประสบการณใหม่ๆ กับเรื่องราวการกิน หนึ่งในซิกเนเจอร์ของเมืองไทย ที่ใครก็พลาดไม่ได้ชม Review ครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะแพลนทริปในใจกันแล้ว ใครแพลนไปเที่ยวอยู่แล้วลองหาเวลาสักวันสองวันแล้วจะได้เรียนรู้ว่า….เมืองไทยมีที่สวยงามมากกว่าที่ีคิด

สวนไทย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของพัทยา

แต่งไทย คลายร้อน เที่ยวแบบไทย สวนไทย พัทยา จังหวัดชลบุรี สถานที่ให้ความรู้ควบคู่กับการพักผ่อนของนักท่องเที่ยว

ใครที่กำลังอยากไป รับรองว่า สวยละลาย สวยบาดใจ ได้ฟีลซัมเมอร์ไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยทีเดียว เสน่ห์แห่งความงดงาม ลักษณะท่องเที่ยวเชิงเกษตร ส่วนหนึ่งของงานถูกจัดให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประเพณีอันทรงคุณค่าของชาวไทยทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค

ร้อนนี้ ชวนมาเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แต่งไทยคลายร้อนกันที่ พัทยา ยังไม่ไกลจากรุงเทพฯ ขับรถเพียง 2 ชม.เท่านั้นเองชวนเที่ยวสวนไทย พัทยา เป็น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดชลบุรีล่องเรือ ขี่ช้าง นั่งรถม้า ห่มสไบไปเที่ยวชมวิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนที่ สวนไทย พัทยา จังหวัดชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ ที่รวมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของไทยเราทั้ง 6 ภูมิภาค สวนไทย พัทยา อาณาจักรแห่งความเป็นไทย บนเนื้อที่ 250 ไร่ จะพาเราย้อนไปใช้ชีวิตกินอยู่แบบไทยดั้งเดิม เรียนรู้วิถีชีวิตคนไทยใน 6 ภูมิภาค คือ เหนือ กลาง ใต้ อีสาน ตะวันตก ตะวันออก และเพลิดเพลินไปกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมหลายแขนง ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้

ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมีอยู่มากมายหลายโซนเลยทีเดียว เริ่มจาก โซนศาสตร์พระราชา..ตำราของพ่อ ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้แก่ นาข้าว 30% แหล่งน้ำ 30% สวนผลไม้ 30% และที่พักอาศัยอีก 10%

ประติมากรรมองค์พญานาคนี้ผ่านการเนรมิต โดยช่างฝืมือของไทยด้วยจินตนาการ ความปราณีตงดงาม อีกทั้งผ่านพิธีกรรมบวงสรวงอย่างครบถ้วน

จึงทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาที่สวนไทย พัทยา ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่อลังการ ความร่มเย็นและความศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยว และชาวสวนไทย พัทยา ได้รับพร และโชคลาภจากองค์ท่าน

มาแวะโซนปางช้างสวนไทย ชมโชว์ศิลปะการต่อสู้ และนั่งช้างชมสวนสวยรอบบริเวณ / โซนสวนไทย การ์เด้น ลอดอุโมงค์พรรณไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยกว่า 99 เมตร / กราบไหว้พระพุทธรูปจาก 9 วัดทั่วประเทศ ด้านใน โซนหอพระ มีหลวงพ่อโสธรเป็นองค์ประธาน / ประติมากรรมแผนที่ประเทศไทยประดับกระจก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงกว่า 20 เมตร

มาต่อกันที่โซนตลาดน้ำวิถีไทย 6 ภาค เลือกอิ่มอร่อยไปกับอาหาร ขนม และผลไม้ไทย นานาชนิด

นอกจากนี้ยังมีโซนถ้ำและน้ำตกพญานาคสุดอลังการ นั่งรถม้าลำปางเที่ยวชมรอบๆ สวนไทย ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค พร้อมอิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติ

โซนปางช้างสวนไทย ชมโชว์ศิลปะการต่อสู้ และนั่งช้างชมสวนสวยรอบบริเวณ / โซนสวนไทย การ์เด้น ลอดอุโมงค์พรรณไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยกว่า 99 เมตร / กราบไหว้พระพุทธรูปจาก 9 วัดทั่วประเทศ ด้านใน โซนหอพระ มีหลวงพ่อโสธรเป็นองค์ประธาน / ประติมากรรมแผนที่ประเทศไทยประดับกระจก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงกว่า 20 เมตร

ที่นี่มีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวมากมาย  ดินแดนแห่งความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่สุดจินตนาการ ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้รู้จักและอนุรักษ์ความเป็นไทย

ค่าเข้าชมคิดเป็น ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท และชาวต่างชาติ 300 บาท สำหรับกิจกรรมบางอย่าง + ค่าเข้า ราคา 200 บาท

มาสัมผัสได้ทุกวันเวลา 09.00-18.00 น. เพียงท่านละ 100 บาท เข้าชมได้ทุกโซน พร้อมทุกกิจกรรมฟรี สำหรับชาวไทย

เคล็ดลับความชิลล์   มาเที่ยวทั้งที แต่งไทยถ่ายรูปได้ความสนุกเพลิดเพลินกับการแต่งชุดไทยทำกิจกรรมและถ่ายภาพแถมได้ความรู้กันแล้ว ได้ของดีราคาถูกติดไม่ติดมือกลับบ้านแน่นอน

Suanthai Pattaya 泰国芭提雅爽泰度假庄园, Amphoe Bang Lamung.
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 313/1 กม.22 หมู่ 3 ตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
วิ่งตรงจากถนนสาย 7 หรือมอเตเวย์จากรุงเทพ พัทยาออกทางออกระยอง เชื่่อมสาย 36 กลับรถมาทางสัตหีบ 4 กิโลเมตรจากแยกพัทยาระยองก็จะถึงสวนไทย พัทยา
โทร.088-0998788 fackbook : suanthaipattaya line : suanthaipattaya

ชวนไปเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เปิดแล้ววันนี้ “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก”
เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง
๔ มรดกโลก กลางใจเมือง

“ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” หรือ “World Heritage Journey” เป็นการนำผู้ชมงานเดินทางท่องเที่ยวไปบนเส้นทาง ๔ มรดกโลก ภายในงานจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ วิถีอารยธรรม (Exhibition Zone) นิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและข้อมูลรายละเอียดของ ๔ มรดกโลก วิถีย้อนอดีต (Photo Zone) เป็นจุดถ่ายภาพที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมงานเก็บบันทึกภาพความประทับใจผ่านเลนส์ โดยจัดสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะเนรมิตให้ผู้ที่ร่วมถ่ายภาพเสมือนหนึ่งได้ไปเยือนทั้ง ๔ มรดกโลก วิถีประเพณีวัฒนธรรม (Performance Zone)

ส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงของศิลปิน กิจกรรมสร้างสีสันให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก และวิถีของดีพื้นถิ่น (Product Zone) โซนร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีจังหวัดต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ที่รวบรวมไว้ทั้ง อาหาร งานฝีมือ สินค้าหัตถกรรม/อุตสาหกรรม ที่พัก ฯลฯ

 

ท่องวิถี ๔ มรดกโลก  จัดโดยสำนักงาน การท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์  เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก  อยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่
มีคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัดมานำเสนอในงานระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวในพิธีเปิดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” ว่า “การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา จากในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยว จำนวน ๑.๙๕ ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น ๒.๒๐ ล้านคนในปี ๒๕๖๐ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็น ๑๒ เมืองต้องห้าม..พลาด ที่ต้องการการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองที่มีศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเพชรบูรณ์มีความพร้อมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้ำ พรรณไม้ระบบนิเวศฯ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอีกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริการมีความสมบูรณ์และสมดุลในเชิงกายภาพทางสังคมสูง มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์อารยธรรมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มีการสั่งสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างมากมาย โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งกำลังรอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมืองโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี”

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการประชาสัมพันธ์และทำตลาดเชิงรุก รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ จึงจัดทำโครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก และจัดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” โดยนำเสนอเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์บนเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงแหล่งมรดกโลก ๔ กลุ่ม คือ พระนครศรีอยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ อารยธรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพรวมแห่งการเป็นอารยธรรมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนสุวรรณภูมิ และสัมผัสกับมิติของการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของตน

ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

แนวคิดของงานครั้งนี้กำหนดเอาไว้ว่า มาเที่ยวทั้งที อาหารและของดีประจำจังหวัด ขอนำเสนอให้ได้ชมกัน มีทั้ง มะขามหวาน ทุเรียนลับแล น้ำพริก ข้าวหลาม ชา กาแฟสด สัปปะรด ผัก ผลไม้ออแกนิค แหนมเห็ด ผลิตภัณฑ์จากขิง กล้วยตาก เห็ดหลินจือ อาหารและเครื่องดื่มจากไร่กำนันจุล รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่มีมาให้เลือกสรรกันอีกมายมาย อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสังคโลก น้ำมันนวด ผ้าทอมือ เครื่องนอนสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จากไม้ ซึ่งรับรองว่าไม่สร้างความผิดหวังให้กับผู้เข้าชมงานอย่างแน่นอน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

เพชรบูรณ์ ชวนเที่ยวท่องวิถี 4 มรดกโลก

มาบอกเล่า ความเป็นมา 4 มรดกโลก

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ในฐานะประธาน  แถลงข่าว นายธนิต จิตละมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพชรบูรณ์ ในฐานะผู้ดำเนินงาน นายยชญ์สุธา วิชัยธนพัฒน์ ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะผู้ร่วม ได้ร่วมแถลงข่าว การจัดงาน “ท่องเที่ยววิถี 4 มรดกโลก”ด้วยการ “เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก อยุธยา–ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์- สุโขทัย – หลวงพระบาง ประเทศลาว ที่เน้นความสำคัญอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และ เป็นเมืองโบราณสถานที่สำคัญของ จ.เพชรบูรณ์ เดิมชื่อ  “เมืองอภัยสาลี”  ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จตรวจราชการ อีกทั้งมีลักษณะเป็นที่ตั้งเมืองอยู่ในชุมทางติดต่อกับภาคอื่นๆได้ จึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียงผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น รวมทั้งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้านนายธนิต ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งพัฒนาเศรษฐกิจของ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา จากในปี 2559 มีนักท่องเที่ยว จำนวน 1.95 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 2.20 ล้านคนในปี 2560 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็น 12 เมืองต้องห้าม..พลาด ที่ต้องการการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองที่มีศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้ำ พรรณไม้ระบบนิเวศฯที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอีกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริการมีความสมบูรณ์และสมดุลในเชิงกายภาพทางสังคมสูง มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์อารยธรรมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มีการสั่งสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างมากมาย ซึ่งทางท่องเที่ยวและกีฬาจ.เพชรบูรณ์ เห็นความสำคัญจึงจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรม สำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

ด้านนายยชญ์สุธา ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ กล่าวเชิญชวนให้มาเที่ยวงานดังกล่าวว่า ทางหอการค้าจ.เพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาร่วมย้อนอดีตไปบนเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยง 4 มรดกโลกรวมถึงร่วมกิจกรรม “ท่องวิถี 4 มรดกโลก” ที่จะได้สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี พร้อมกับการแสดงที่น่าตื่นตาตลอดงาน ได้ชม ชิม ช้อป และเที่ยววิถีไทยในงานไปพร้อมกัน

ภายในงานจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ดังนี้ ได้แก่ วิถีอารยธรรม (Exhibition Zone) นิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและข้อมูลรายละเอียดของ 4
มรดกโลก

วิถีย้อนอดีต (Photo Zone) เป็นจุดถ่ายภาพที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมงานเก็บบันทึกภาพความประทับใจผ่านเลนส์ โดยจัดสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะเนรมิตให้ผู้ที่ร่วมถ่ายภาพเสมือนหนึ่งได้ไปเยือนทั้ง 4 มรดกโลก

วิถีประเพณีวัฒนธรรม (Performance Zone) ส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงของศิลปิน กิจกรรมสร้างสีสันให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก

และวิถีของดีพื้นถิ่น (Product Zone) โซนร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีจังหวัดต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก ที่รวบรวมไว้ทั้ง อาหาร งานฝีมือ สินค้าหัตถกรรม/อุตสาหกรรม ที่พัก ฯลฯ

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรพจน์ รองพ่อเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก ครั้งนี้เน้นความสำคัญอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี และกำลังรอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่ พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัดโดยร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์และหอการค้าของจังหวัด ที่จะยกจังหวัดทั้ง 4 เส้นทาง มาไว้ที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ผู้คน อาหารการกินและของดีพื้นถิ่น รวมทั้งถสานที่พักผ่อน ท่องเที่ยวอย่างครบครัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมพันธ์บรรยากาศอุทยานประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ อ.ศรีเทพ หรือเมืองศรีเทพให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวในวงกว้างและสนใจที่จะเดินมาท่องเที่ยวมากขึ้น ณ ลานกิจกรรม ด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2561

เปิดลายแทง…ทริป “หลงรักษ์ประจวบ”

เริ่มแล้ว ทริป  “หลงรักษ์ประจวบ”
ตอน จากภูผาสู่สมุทร

มาเที่ยวอีกครั้ง  หนีไปดับร้อน ที่กุยบุรี มันชิลดี  3 วัน 2 คืน มาสร้างสีสัน กระตุ้นต่อมการท่องเที่ยวกับเส้นทาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ถึง อำเภอกุยบุรี

เอาจริงๆ กุยบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในประเทศ ใช้เวลา
ในการเดินทาง แปร๊ปเดียว เพียงแค่ 40 นาที จากหัวหิน  ทริปนี้เรามีโอกาสเยี่ยมชมที่พักสวยๆ ที่กุยบุรี ด้วยความการตกแต่งทีงดงามน่ารัก มีสไตล์อย่าง วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท และ วาฏิกา รีโซวิลล่า เป็นสถาให้ความสะดวกสบายเคียงคู่ไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง   ที่นี่มีร้านอาหารซีฟู้ดต่างๆ  ที่พัก มีราคาไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์
กันมากสักเท่าไหร่

เรามาเริ่มเปิดลายแทง “หลงรักษ์ประจวบ” เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ ที่นี่เต็มไปด้วย ความสนุกสนาน ตื่นเต้นของกิจกรรมต่างๆ  ที่ทำให้ผู้มาเยือนสนุปแบบไม่ซ้ำ  สำหรับผู้ที่รักการดำน้ำดูปลาสวยงาม
ดูปะการัง พร้อมความสวยงามของโลกธรรมชาติใต้ทะเล ที่มีความสวย
งามไม่แพ้ทะเลใดในโลก

อำเภอกุยบุรี ค่อนข้างสงบเงียบ ธรรมชาติสวยงาม ที่นี่เป็นส่วนตัวหน่อยๆ
มีอาหารทะเลสดๆ ให้อร่อยกันจุใจรวมไปถึงมีที่พักพูลวิลล่า นอนพักผ่อนสบายๆ ให้ได้ชิลล์ ทริปนี้เราพักที่ วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท

Vartika Adventure Retreatic Resort
วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท
ที่ตั้งอยู่ในเขตบ่อนอก อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หัวใจหลักของ วาฏิกา คือ การอนุรักษ์รักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรีนโฮเทล)
โรงแรม วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท

ทริปหลงรักษ์ประจวบ ตอน จากภูผาสู่สมุทร  เกิดขึ้นจากlสุดยอดแนวคิดของคุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ประจวบ คีรีขันธ์  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียง ชุมชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพและมีความพร้อมบนพื้นฐานของเอกลักษณ์สนับสนุนแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์น้ำ  ลด
การสิ้นเปลืองพลังงาน และลดมลพิษทางอากาศ

ทริบหลงรักษ์ประจวบ คุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว นำพาคณะนำชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดประจวบฯ อาทิ  ท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน  การใช้ลิงกังเก็บมะพร้าวจากต้น ดูแล้วหลงเสน่ห์ในความเรียบง่าย และเงียบสงบของกุยบุรีอย่างแน่นอน

หลังจากเช็คอิน ที่โรงแรม ข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ทานอาหารกลางวัน
ณ.ห้องอาหารบ่อนอก  ห้องอาหารอยู่ข้างสระน้ำ บรรยากาศดี ตั้งอยู่ใน
วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 6.30 – 22.00 น.  อิ่มจัดเต็มแล้ว พร้อมเดินทางเพื่อชมวิถีชาวบ้าน  ด้วยการใช้ลิงเก็บมะพร้าว ด้วยความชำนาญ มาต่อด้วยเยี่ยมชมหมู่บ้าน Otop “บ้านหัวตาลแถว”  OTOP  เพื่อการท่องเที่ยว บ้านหัวตาลแถว ชมกลุ่มเกษตรกรทำผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว บรรยากาศของที่นี่เป็นไปอย่างคึกคัก พวกเราเลือกซื้อสินค้าอย่างสนุกสนาน

 

ทริปนี้ได้มีโอกาส ได้พบนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน  ร่วมให้สัมภาษณ์และนำเที่ยวครั้งนี้ด้วยตนเอง  กิจกรรมท่องเที่ยว 8 อำเภอ ของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พูดคุยและแนะนำการท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆ  เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ให้มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ทะเล เกิดความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย

ต่อด้วยผลิตภัณฑ์์ยอดนิยม คือ การปลูกบ้านปลา มะพร้าว ทำสาหร่าย การทำน้ำปลากู้โลก กิจกรรมและโครงการต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบใกล้ชิดธรรมชาติกับบรรยากาศสวนป่าเขตร้อน ที่นี่เป้นทำให้ชาวบ้านมีอาหารบริโภคอย่างพอเพียง เพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีนำไปสู่ความมีคุณภาพชีวิตที่ดี และพึ่งพาตนเอง ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ชายฝั่งทะเลกุยบุรีให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกต้องและควบคู่ไปกับการฟื้นฟูบูรณะทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดความสมดุล และแก้ปัญหาข้อพิพาทต่างๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดไป

เช้าวันที่สอง รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ไปต่อค่ะ ใครเป็นขาเที่ยวสายทะเลแล้วล่ะก็! ไต้องไปขึ้นเรือนำเที่ยวที่ สะพานสราญวิถี  เรือออกเดินทางไปเกาะจาน  เกาะท้ายทรีย์ และ เกาะเหลือบกัน  หลายคนคงทำหน้างงๆ  เกาะน้องใหม่มาแรงในฤดูนี้ แซงโค้ง เพราะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลใส ฟ้าสวย ที่สุดแสนจะยั่วยวนจิตใจ ให้ได้อดหยิบบีกินีสวย ไปใส่หน้ากากดำน้ำแล้วก้มลงไปดูปะการังสีสวย และเกิดคำถามขึ้นมาทันทีที่

ทริบหลงรักษ์ประจวบ โดยคุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว นำพาคณะนำชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดประจวบฯ

นายอุดมสุข  นิ่มเซียน  นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริหารแบบให้รีสอร์ทอยู่ร่วมกับชุมชนรอบข้างได้อย่างเอื้อเฟื้อเกื้อกูลรายได้และอาชีพให้กับชาวบ้านท้องถิ่น  มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ทะเล เกิดความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
ซึ่งชาวบ้านมีภูมิลำเนาไม่ไกลจากเมืองชายทะเลสุดคลาสสิค

ริมทะเลสีสันยามเย็น BBQ ปิ้ง ย่าง @วาฎิกา บีชเราก็เพิ่งรู้!  ที่นี่เป็นที่เที่ยวดำน้ำแห่งใหม่ของ จ. ประจวบคีรีขันธ์  เป็นจุดดำน้ำตื้นของเหล่านักท่องเที่ยว สำหรับใครที่อยากไปชื่นชมธรรมชาติ ที่นี่แหละ เป็นสวรรค์ของคนรักท้องทะเลทางฝั่งอ่าวไทยและ แหล่งดำน้ำที่มีปะการังและสัตว์ทะเลอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย

 

สำหรับใครที่อยากไปชื่นชมธรรมชาติ เกาะท้ายทรีย์  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ. ประจวบคีรีขันธ์ สามารถเดินเล่นและดำน้ำดูปะการัง โดยไม่อนุญาตให้เดินเที่ยวชมในส่วนอื่นๆ ของเกาะ เนื่อง จากเป็นเกาะที่ได้รับสัมปทานการทำรังนก

นอกจากนี้ ไม่ไกลจาก พื้นที่บริเวณโดยรอบ มีธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สวย งามเช่นกัน  และไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม ที่ตั้ง ราคา รวมถึงแนวความคิด  และการจัดการของผู้บริหาร ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวทางทะเล เช่น ดำน้ำ ชมทิวทัศน์ทางน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก ตกปลา มีที่ปิ้งย่างฯลฯ

กิจกรรม  กินลม ห่มทราย หรือเรียกง่ายๆ ว่า สปาทราย ที่ วาฏิกา รีโซวิลล่า  เป็นอีก1 กิจกรรมเพื่อสุขภาพยอดฮิต หรือ ไฮไลท์ที่จะจัดต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยขจัดสารพิษ เสริมสร้างสมดุลให้กับร่างกายและผิวพรรณเปล่งปลั่ง  ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายแถบชายทะเลเมดิ
เตอร์เรเนียน เรียกว่า ทะเลบำบัด ใครไปเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสมาพักผ่อนที่วาฏิกา กุยบุรี แห่งนี้

CR ภาพ : www.thainewsvision.com โดยคุณพาฝัน  ปิ่นทอง

น้ำปลากู้โลก เป็นอีกหนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อและมีรสชาติดี มาทั้งทีท่านนายกฯ
พาเปิดลายแทงและเผยความลับของ ชื่อและที่มาอันเวอร์วัง และแสดงการทำน้ำปลากู้โลกด้วยตัวท่านเอง ซึ่งเรื่องของชื่อนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เกิดจาก การต่อสู้ของกลุ่มประมงชายฝั่ง และการอนุรักษ์ชายฝั่งที่มีการ รณรงค์อย่างต่อเนื่อง เรื่องการทำประมงปลาเล็ก เช่นปลากะตัก  ปลาไส้ตัน และ เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างเรือพานิชย์และเรือเล็กชายฝั่ง จึงมีความคิดริเริ่มการทำน้ำปลา โดยขอความอนุเคราะห์ไปยังหน่วยส่งเสริมกรมทรัพยา กรทะเล มีการเรียนและการสอน จนเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนของกรรมวิธีที่มาของชื่อ น้ำปลากู้โลก

วิธีการทำน้ำปลากู้โลก นั้นไม่ยากอย่างที่คุณคิด!
1. ใช้ปลาท้องถิ่นได้ทุกชนิดไม่ว่าจะน้ำจืดหรือน้ำทะเล
2 เกลือสมุทร สาเหตุเกลือสมุทรเป็นเกลือที่มีไอโอดีนและให้ความเค็มได้ดี 3 ผลไม้ให้ความหวานและจุลินทรีย์  (เราใช้สับปะรด)  สาเหตุที่ใช้ผลไม้
นอกจากให้ความหอมและยังให้ความหวานแทนน้ำตาลนำมาหมักรวมกันวางโอ่งตากแดดไว้ กลางแจ้งเป็นเวลา 8-1 ปี ก็จะได้น้ำปลา ที่อร่อยหอมหวาน ค่าโซเดียมที่ต่ำและปลอดสารเคมีอีกด้วย
-นายอิฐธิรัตน์ จันทร หรือพี่โอ๊ต กล่าว



มาปิดท้ายทริป  หลงรักษ์ประจวบไม่มีจบนี้ด้วยการ.คืนความสุข และความสมดุล ให้กับ ท้องทะเล กับโครงการ. 9,999 ล้านดวงใจ พื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

ตื่นเต้นกับความสนุกสนานและชมความความสวยงามของธรรมชาติเท่านั้น ที่วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท  ยังมีความสะดวกสบาย และความสนุกสนานตื่นเต้น ของกิจกรรมต่างๆ ที่ทางรีสอร์ทจัดสรรมาให้กับผู้มาเยือน แถมไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย รีบมาตักตวงความสนุก ความบริสุทธิ์จากธรรมชาติ เราเชื่อว่าคุณจะหลงรักษ์ประจวบ  แบบ..ไม่มีจบเหมือนเราอย่างแน่นอน


ขอบคุณข้อมูลและทริปสุดพิเศษ  : คุณอุดมสุข นิ่มเซียน
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
FB: udomsuk nimcean

#หลงรักษ์ประจวบไม่มีจบ
#เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ
#สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สะดุดตา ต้องใจ จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ความหรูหราสไตล์ล้านนา

Chantra Khiri Chalet Chiang Mai

ชมวิวจิบชา ท่ามกลางธรรมชาติ  โอบล้อมด้วยขุนเขาที่จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ห้องอาหาร และ  รีสอร์ตสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ หรูหรา คลาสสิก

การพักผ่อน กับเส้นทางในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน แม้จุดหมายปลายทางอาจจะเป็น สถานที่ หรือจังหวัดเดียวกันก็ตาม แต่ระหว่างทางนั้นเราต่างเจอสภาพแวดล้อม ปัญหาและอุปสรรค ซึ่งเป็นแบบทดสอบชีวิตที่ไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้จะหลอหลอมสร้างให้คุณเป็นคนแบบคุณ
แก้ปัญหาแบบคุณและเก่งในแบบของคุณอากาศร้อนแบบนี้ถ้าได้หลับตานึกถึงสถานที่คลายร้อน เชื่อเลยค่ะ จังหวัด เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในคำตอบ
ของคนส่วนใหญ่  แน่นอนค่ะที่  จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ความหรูหราสไตล์ล้านนา  ดูเข้าตาสุดในจุดนี้  มีจุดหมายแล้ว ถ้าไม่พูดถึงที่พักคงไม่ได้ จันตราคีรี ชาเลต์  ที่พักชื่อเก๋สุด ฮิป ผสมผสานกันระหว่าง วิศวกรรมและงานศิลปะอย่างลงตัว

จันตรา มาจากอักษร จ หมายถึง วาสนา และอักษร ต หมายถึง ทรัพย์ เมื่อรวมกันเป็นจันตราหมายถึง ทรัพย์งาม คีรี หมายถึงภูเขา จันตราคีรี จึงมีความหมายถึงทรัพย์งามบนขุนเขา โดยก่อตั้งขึ้นอันเนื่องจากโดยคุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ผู้ก่อตั้งมาเที่ยวแล้วชอบที่ดินผืนนี้ เมื่อซื้อไว้แล้วก็เลยเปิดเป็นห้องอาหาร เนื่องจากชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม

อีกหนึ่งอัตลักษณ์ของโลโก้คือประกอบไปด้วย 3 ภาษา คือ อักษรธรรมล้านนาหรือตัวเมือง ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยคุณเกรียงศักดิ์เล่าว่า “ที่ใช้ตัวเมืองหรืออักษรธรรมล้านนาประกอบเข้ามาด้วย สะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเชียงใหม่อันเป็นสิ่งที่น่าหวงแหน”

ห้องพักของแต่ละหลังมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป บ้านพักส่วนตัวหรู 5 หลัง จันศรี, จันแก้ว, ยวงจัน, ร้อยจัน และจันเป็ง สร้างขึ้นด้วยไม้สักและไม้เนื้อแข็งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “หลองข้าวของชาวล้านนา” หลองข้าวเป็นของคู่กับบ้านเรือนของคนล้านนา ใช้สำหรับเก็บข้าวเปลือกไว้กินได้ตลอดปีที่เหลือจึงแบ่งขาย “หลองข้าว” สะท้อนถึงความมั่นคงของครัวเรือน ความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน หากชุมชนหรือครัวเรือนใด ประกอบด้วยหลองข้าวขนาดใหญ่แสดงถึงสถานะทางเศรษฐกิจ การถือครองที่ดินเพื่อการเพาะปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรเพื่อการเกษตรและทักษะในการผลิตของเกษตรกร หลองข้าวมีลักษณะเฉพาะเป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง เราจึงเอาหลองข้าวมาเป็นแบบของบ้านพักหรูสุดคลาสสิก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์กลิ่นอายอารยธรรมล้านนา กระเบื้องเคลือบและโถเซรามิกจากแหล่งเลื่องชื่อของประเทศไทย รวมไปถึงภาพวาดสีน้ำจิตรกรรมไทยล้านนา โคมไฟระย้า โดยในแต่ละหลังจะมีช้างไม้แกะสลักบอกหมายเลขของหลองข้าวซึ่งชาวล้านนามีความเชื่อว่าช้างเป็นสัตว์มงคลอีกด้วย บรรยากาศในจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานา เช่น ต้นลิ้นจี่ซึ่งเป็นผลไม้เลื่องชื่อของเมืองเหนือ ดอกไม้เมืองเหนือ เช่น อโศกแดงและเหลือง ดอกข่า กล้วยไม้ ดอกพุด จำปี มะลิและอัญชัน น้ำตกและปลาคาร์ป รีสอร์ตตั้ง อยู่บนพื้นที่ 6 ไร่พร้อมวิวภูเขาสวยอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

จันศรี Chan Sri Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 100 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่นดูโอ่โถง ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวแมกไม้ เขียวขจี ราคา 5,900 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

จันแก้ว Chan Kaew Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 98 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงคู่ สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวแมกไม้ เขียวขจี ราคา 5,900 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

ยวงจัน Yuang Chan Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 180 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 2 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นหมู่คณะเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 10,100 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

ร้อยจัน Roi Chan Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 180 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 1 ห้องนอนและแบบเตียงคู่ 1 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสา เพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นหมู่คณะ เพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น พร้อมลานพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก เตาผิงไว้บริการในฤดูหนาว เหมาะสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืนหรือโอกาสพิเศษสำหรับเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 10,100 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

จันเป็ง Chan Peng Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 274 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 1 ห้องนอนและแบบเตียงคู่ 1 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสา เพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ พร้อมลานพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก พร้อมเตาผิงไว้บริการในฤดูหนาว เหมาะสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืนหรือโอกาสพิเศษสำหรับหมู่คณะเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 14,850 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ตั้งใจออกแบบโลโก้ของรีสอร์ต

คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ นักเดินทางและนักธุรกิจ ผู้รักการปลูกต้นไม้และเลี้ยงสัตว์ เกิดที่จังหวัดสระบุรี จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  และระดับปริญญาโท  สาขาการจัดการจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาจากความสุขหลายรูปแบบในชีวิตและมีความฝันว่าหากสักวันหนึ่งความสุขในรูปแบบที่ชอบจะส่งผ่าน ทำให้คนอื่นรอบกายมีความสุขด้วยบ้างคุณเกรียงศักดิ์ก็จะทำ ความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวและปรารถนาความสุขแบบเรียบง่ายตามทางผ่านที่ไป ครั้งหนึ่งเคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของที่ดินสวนลิ้นจี่แห่งนี้ เลยคิดอยากลงหลักปักฐานที่นี่ อาจมีร้านอาหารเล็ก ๆ เพราะเป็นคนชอบทำอาหาร หลัง ๆ พอเปิดห้องอาหารเสร็จเพื่อน ๆ ยุให้เปิดเป็นบ้านพักสไตล์ล้านนาบ้าง ทนแรงยุไม่ไหวจึงเปิดจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ตามสไตล์ที่ชื่นชอบเป็นส่วนตัว และอยากท้าทายความสามารถของตัวเองเช่นกัน

จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่  เกิดจาก คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ตั้งใจออกแบบโลโก้ของรีสอร์ตเองในวันหนึ่งขณะนั่งคุมงานก่อสร้างโดยวาดขึ้นจากวิวภูเขาตรงหน้าหากยืนบริเวณสระว่ายน้ำในปัจจุบันแล้วหันหน้าออกไปทางภูเขา ซึ่งวิวภูเขาดังกล่าวเป็นวิวภูเขาสวยทางด้านหลังของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยนั่นเอง ซึ่งถือว่าถ้าหากมาที่จันตราคีรีแล้วจุดนี้ถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่คุณลูกค้าไม่ควรพลาดการชมวิวมุมสวยๆ พักผ่อนกับบรรยากาศที่สวยและสุดโรแมนติก

จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ รีสอร์ตหรูโอบล้อมด้วยทิวเขาที่งดงามของดอยสุเทพ-ปุย ประกอบด้วยบ้านพัก/ห้องพัก 2 โซน ได้แก่ บ้านพักสไตล์หลองข้าวล้านนา 5 หลังซึ่งจำลองมาจากหลองข้าวหรือยุ้งข้าวของชาวเหนือประยุกต์ให้มีความทันสมัยแฝงไปด้วยกลิ่นอายและเอกลักษณ์ภูมิปัญญาการปลูกเรือนอยู่อาศัยของชาวล้านนา และในส่วนของห้องพักแบบตะวันตก จำนวน 14 ห้องภายในอาคารร่วมสมัย 3 ชั้น ตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ 5 ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบนีโอ โคโลเนียลผสมผสานจุดเด่นของความเป็นเชียงใหม่

ห้องอาหารจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่
ห้องอาหารไทยรสจัดจ้านมีเมนูหลากหลายทั้งอาหารไทยภาคกลางและอาหารเหนือสูตรเฉพาะของจันตราคีรี ใช้วัตถุดิบคุณภาพจากท้องถิ่นและสวนผักออร์แกนิคของรีสอร์ต ให้บริการทั้งโซนด้านในและด้านนอกขนาดกว่า 50 ที่นั่ง ตกแต่งแบบล้านนาประยุกต์  ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวระหว่างเรือนไม้สักเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งสบาย โคมไฟระย้าสวยหรู ประตูไม้สักอายุหลายร้อยปีสไตล์โปรตุเกส กระเป๋าเดินทางเก๋สไตล์โคโลเนียล กวางไม้แกะสลักสีแดงที่บาร์ รวมไปถึงโซฟาและเก้าอี้บุผ้าลายสีสดและกระจกบานใหญ่ที่ทำให้ลูกค้าทุกท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ภายนอกได้แบบพาโนรามาผ่านทางสระว่ายน้ำไร้ขอบวิวภูเขาหลักล้านด้านหน้า

มาต่อกันที่เมนู  ออร์เดิร์ฟเมือง หมี่ผัดผักกระเฉด น้ำพริกกะปิ มัสมั่นเนื้อ แกงส้มชะอมกุ้ง ต้มข่าไก่ แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิปลาทู ออสเตรเลียริบอายจิ้มแจ่ว ซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิว เป็นต้น ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีให้เลือกนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไวน์ แชมเปญ ค็อกเทล หรือชา กาแฟหอมกรุ่น อร่อยถูกใจมาก

พิกัดอยู่ไม่ไกล ห้องอาหารจันตราคีรี
เปิดให้บริการทุกวัน  ตั้งแต่เวลา  7.00 น. – 22.00  น.

Home

 

มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง

โค้งสุดท้าย…มหกรรมสินค้า และ บริการ
ท่องเที่ยวฯ โรดโชว์สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลางจำหน่าย เน้นคุณภาพ

มหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  ยกทัพของดีภาคกลางโรดโชว์ที่สุพรรณบุรี เน้นสินค้าดี มีคุณภาพ และราคาถูก เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมนำศิลปะพื้นบ้าน ศิลปินชื่อดัง เข้าร่วมโชว์ในงานสุดตระการตา ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า


ในกิจกรรมย่อยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว Road Show/Table top Sale นั้น เป็นการนำผู้ประกอบการจำนวน 100 ราย ซึ่งมาจากจังหวัดสุพรรณบุรีและอีก 18 จังหวัดภาคกลาง ไปจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ใน 5 จุดดำเนินการ ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี และสุพรรณบุรี

การจัดงานดังกล่าว ได้ดำเนินการมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ภายใต้สโลแกน “สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย” นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่สนใจเข้าร่วมชมงานและเลือกซื้อสินค้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นยอดจำหน่ายหน้างาน ยอดสั่งซื้อ ของผู้ประกอบการแต่ละรายในแต่ละจุดดำเนินการเป็นที่น่าพอใจผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักของดี สินค้าเด่น และมีคุณภาพในจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง อันจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคกลางเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการจัดงาน มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้น เป็นจุดดำเนินการที่ 5 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี

การจัดงานครั้งนี้ได้เน้นการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าดี ราคาย่อมเยา โดยได้มีการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาลดพิเศษ ไข่ไก่ฟองละ 1 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสเลือกซื้อ สินค้าคุณภาพดีของภาคกลาง

ผู้ว่าราชการจังวัดสุพรรณบุรี เผยอีกว่า นอกจากการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคกลางแล้ว ภายในงานยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอและบรรยายกาศของการเที่ยวในรูปแบบนิทรรศการ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยว เทศกาล และประเพณีที่สำคัญของสุพรรณบุรี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี

ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทอง ให้ผู้เข้าชมงานได้มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลของแจก และซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ และยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมชม การแสดงจากศิลปินชื่อดังของเมืองไทยที่จะมาสร้างความครื้นเครงสนุกสนานภายในงานอีกด้วย

ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง มาเที่ยวชมงานมหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  มาชม ชิม ช้อป ของดีจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง  ระหว่าง  วันที่ 23-25 มีนาคม นี้  ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี  งานนี้ชมฟรีตลอดงาน

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย ณ.โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ททท. กระตุ้นการท่องเที่ยว
จัดเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสกับ
ว่าวจากทั่วโลก ขบวนฮีโร่แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงานกับกิจกรรมสุดพิเศษ DIY ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้ออกแบบและระบายสีว่าว และบูมเมอแรง ประดิษฐ์กังหันและโมบาย ด้วยตนเอง รวมถึงพื้นที่สำหรับครอบครัวเล่นว่าวได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ พร้อมกับอิ่มอร่อยจากขบวน Food Truck ที่เป็นเมนู Signature ของหัวหิน มีตลาดนัดว่าวที่ใหญ่ที่สุด ให้ได้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลิน ปิดท้ายด้วยการฟังเพลงสบายๆ ผ่อนคลายสไตล์หัวหิน

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวถึงกลยุทธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่า “ในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มีวัตถุประสงค์ที่จะให้กลุ่มกระแสหลักเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อและท่องเที่ยวสูง ซึ่งงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีความน่าสนใจ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของกลุ่มกระแสหลัก จึงคาดว่างานนี้จะสร้างแรงจูงใจ และเร่งการตัดสินใจท่องเที่ยวในประเทศให้กับกลุ่มเป้าหมาย”

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว

นอกจากนี้ นางสุจิตรา ยังกล่าวต่ออีกว่า ช่วงเวลาของการจัดงาน เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวภาคใต้ของประเทศไทย
เป็นจำนวนมาก อันเป็นการสร้างรายได้ใหักับคนในพื้นที่ และขยายวันพักผ่อนของนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย โดยในปีนี้มีแนวคิดหลักของการจัดงานคือ “HERO IN THE AIR…กองทัพแห่งความสุข สนุกยกครอบครัว”

ที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับขบวนฮีโร่ แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงาน

ในงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทยในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับการแสดงว่าว หลากหลายชนิด  จากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ, ชมการแสดงแปลอักษรประกอบดนตรี, Stunt Kite ที่โชว์ทักษะการบินขั้นสูง จากประเทศญี่ปุ่น และเอกลักษณ์ของว่าวไทยกับการต่อสู้ จุฬา – ปักเป้า รวมถึงนิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย เป็นต้น

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เน้นย้ำเรื่องความพร้อมของ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า “ทางจังหวัด ได้มีการประชาสัมพันธ์ภายในจังหวัดให้คนในพื้นที่ ร้านค้า และเจ้าหน้าที่ในทุกภาคส่วน ได้ทราบกันอย่างทั่วถึง ว่าจะมีการจัดงานดังกล่าว ในวันที่ 23 – 25 มี.ค. นี้ ซึ่งคาดว่า จะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดระเบียบเส้นภายในจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานอีกด้วย”

ในส่วนของพื้นที่ใช้ในการจัดงาน พล.ต. ศุภวัฒน์  ธีรเนตร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก กล่าวว่า

“เนื่องด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เลือกให้โรงเรียนนายสิบทหารบกเป็นพื้นที่ในการจัดงานใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ อันเป็นหน้าตา และชื่อเสียงของประเทศ ทางโรงเรียนนายสิบทหารบก จึงเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในพื้นที่กิจกรรม และพื้นที่โดยรอบอย่างเข้มงวด รวมถึงได้วางแผนการจัดสรรยานพาหนะของนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานไว้อย่างรัดกุม เพื่อความคล่องตัวและเกิดปัญหาน้อยที่สุดของผู้ทีมาร่วมงาน”
-พล.ต. ศุภวัฒน์ กล่าว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระตุ้นการท่องเที่ยวจัดงานใหญ่เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย  คาดมีนักท่องเที่ยวร่วมงานมากกว่า 3 หมื่นคน และมีเงินสะพัดมากกว่า 40 ล้านบาท ตลอด 3 วัน  ของการจัดงาน พร้อมกิจกรรมมากมาย ขบวน Food Truck ในบรรยากาศสบายๆ สไตล์หัวหิน
ระหว่างวันที่ 23 – 25 มีนาคม นี้  ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (ติดกับอุทยานราชภักดิ์)

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน หรือต้องการสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  โทร. 1672

ชวนช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย

สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนช้อป ชม ชิม

จังหวัดสุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนชาวปักษ์ใต้ร่วมช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย ในงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2561
ณ สุราษฎร์ธานี ฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี
โดยมี นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็น ประธานเปิดงาน

นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า การจัดงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ครั้งนี้เป็นการจัดงานในจุดดำเนินการที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี โดยนำเอาของดีสินค้าเด่นและบริการด้านการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการใน 19 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 100 ราย ไม่ว่าจะเป็นของฝาก ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว อาหารการกินที่มีเอกลักษณ์ของภาคกลาง โดยครอบคลุมประเภทธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจที่พัก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มาร่วมจัดแสดงและจำหน่ายตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน

การจัดงานมหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและสันทนาการ กิจกรรมหลักที่ 2 : พัฒนาช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต สันทนาการ โดยมีเป้าหมายที่จะนำสินค้าของดีในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ทั้ง ๑๙ จังหวัด ไปโรดโชว์ใน 5 จุดดำเนินการ


เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และทำการตลาด การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคกลางเชิงรุก เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ๓ จุดดำเนินการ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลตอบรับจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ เป็นอย่างดีและในครั้งนี้ก็คาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อีกเช่นกัน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี เผยอีกว่า ภายในงานจะได้ช้อป ชม ชิม สินค้า OTOP ทั้งประเภทอาหารและของฝาก เช่น ขนมทองม้วนขึ้นเครื่อง ปลาสลิดวัดป่าฯ ข้าวเกรียบปลาสลิด กระยาสารทธัญพืช รวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย อย่างผ้าทอบ้านหนองลิง ของดีจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีความ โดดเด่นสวยงามคงทนและสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

นอกจากนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนของจังหวัดสุพรรณบุรี การแสดงพื้นบ้าน กิจกรรม ส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทองที่ทุกท่านจะได้ซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ รวมไปถึง
การแสดงดนตรี และการแสดงของศิลปินดังที่จะมาสร้างสีสัน ความสนุกสนานในวันเปิดงานอีกด้วย