มหกรรมงานสัญจรครั้งยิ่งใหญ่แห่งภาคอีสาน

The 4th Print & Embroidery
in Northeast 2018

พิธีเปิดงานแสดงสินค้า  เทคโนโลยีการพิมพ์ แอลอีดี และ จักรปัก สัญจร
ครั้งที่ 4 หรือ (The 4th Print & Embroidery in Northeast 2018) ซึ่งมี นางสาวมินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ในฐานะสมาชิกสมาคมงานแสดงสินค้าไทยและออร์แกนไนซ์หลัก
ที่ KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

มินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ออร์แกนไนซ์ ผู้จัด งานแสดงสินค้า ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 โดยได้รับกียรติจาก ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

การจัดงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 จังหวัดขอนแก่น มินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด ออร์แกนไนซ์ ผู้จัด งานแสดงสินค้า ปริ้นท์เทค และจักรปัก สัญจร ครั้งที่ 4 จังหวัด ขอนแก่น เป็นการนำผู้ประกอบการยิ่งใหญ่ 4 ด้าน โดยได้รับกียรติจาก ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

ท่านสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

เนื่องจากเห็นว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตสูงและเป็นจุดศูนย์สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความพร้อมทั้งทางด้านการขนส่ง การศึกษาและเป็นศูนย์กลางด้านขอบพัฒนาแนวเศรษฐกิจกระจายโอกาสในการ สร้างงานสร้างอาชีพสำหรับคนต่างจังหวัด

อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารของภูมิภาคกงสุลใหญ่ของประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว เปรู และฝรั่งเศส นับเป็นอีกหนึ่งที่ชี้วัดว่า
จะเป็นจุดเชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับโลกในอนาคต บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด และผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเล็งเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงเข้ามาขยายตลาดด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป

อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารของภูมิภาคกงสุลใหญ่ของประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว เปรู และฝรั่งเศส นับเป็นอีกหนึ่งที่ชี้วัดว่า
จะเป็นจุดเชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับโลกในอนาคต

บริษัท วันทูวัน ครีเอชั่น จำกัด และผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเล็งเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงเข้ามาขยายตลาดด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป อย่างไรก็ตามการนำสินค้าเหล่านี้มาจัดแสดงและสาธิตการพิมพ์จากเครื่องจักรทั้งราคาถูกถึงราคาแพง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ทำอยู่แล้วและผู้ประกอบการที่เพิ่มเริ่มทำธุรกิจใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามาและต้องการหาเทคโนโลยีใหม่ ด้านเครื่องจักรในการพิมพ์โฆษณาในการพิมพ์

 

ทั้งที่มีไฟจากหลอดไฟแอลอีดี ที่จะมาช่วยเหลือต้นทุนการผลิต และเรื่องของการทำงานให้รวดเร็วและไวขึ้นจากเดิม อีกทั้งยังเป็นงานที่สนับสนุนให้นักธุรกิจได้มาพบปะแลกเปลี่ยนแนวความคิดในการพัฒนาความต้องการของผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล โดยคณะผู้จัดงานทุกคนคาดหวังว่า จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ประกอบการอย่างสูง และมีความุ่งมั่นตั้งใจให้งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีการพิมพ์ แอลอีดี และจักรปัก สัญจรให้มีศักยภาพและมีชื่อเสียงต่อไป

ปริ้นเทคและจักรปัก สัญจร จังหวัดขอนแก่น นำกองทัพจักรปักผ้าคอมพิวเตอร์,จักรอุตสาหกรรมและงานสกรีนบนผ้า วัสดุอุปกรณ์สำหรับงานเสื้อผ้า KICE งานปริ้นท์เทคและจักรปักสัญจร ครั้งที่ 4 พบกับบู๊ทสินค้าจากผู้นำเข้ากว่า 50 บริษัท ที่นำเครื่องมาจัดแสดงในงาน อาทิ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท,มัลติฟังค์ชั่น และอุปกรณ์ก่อนและหลังการพิมพ์ สำหรับศูนย์ถ่ายเอกสารครบวงจร และสินค้าจักรปัก เครื่องพิมพ์เสื้อ เครื่องสกรีน อุปกรณ์สกรีน และสินค้าอื่นๆอีกมากมายและเข้าร่วมกิจกรรม Workshop “การสร้างสีสันบนไม้ด้วยน้ำยา Crystal Ice Resins” พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในงาน ลุ้นรับโชคทอง 10,000 บาทศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น

ติดต่อสอบถามได้ที่
คุณมินท์ธิตา นิธิกรกุลนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
โทร.02-060-0795-96,082-4559642
Website : www.printtechexpo.com
Line : printtechexpo

#โรงงานการ์เม้นท์,#ร้านสกรีนเสื้อ,#ร้านปักเสื้อหมวก,
#ร้านขายผ้าค้าส่ง,#ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า,#ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น,#Fabric

 

Akyra Hotel “อคีรา” แบรนด์โรงแรมบูติกลักซัวรี่สัญชาติไทยแท้

อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป เผยแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
ชูจุดขายโรงแรมปลอดพลาสติก ดัน “อคีรา” แบรนด์โรงแรมบูติกสู่ระดับโลก

AKARYN Hotel Group อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ตบูติกลักชัวรี่ในประเทศไทยและเอเชีย เจ้าของแบรนด์โรงแรมสัญชาติไทยแท้ “อลีนตา” (Aleenta) และ “อคีรา” (akyra) โดยเป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังอย่าง “อลีนตา ภูเก็ต-พังงา” (Aleenta Phuket-PhangNga) และ “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” (Aleenta HuaHin-Pranburi) และบริหารงานให้กับแบรนด์โรงแรม “อคีรา” อีก 4 แห่ง ได้แก่ “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” (akyra Manor Chiang Mai) “อคีรา บีช คลับ ภูเก็ต” (akyra Beach Club Phuket) “อคีรา ทองหล่อ กรุงเทพฯ” (akyra Thonglor Bangkok) และ “อครีา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ” (akyra TAS Sukumvit Bangkok)

โรงแรมใหม่ล่าสุดในเครือฯ นอกจากนั้น ยังได้ก่อตั้งมูลนิธิเพียวบลู (Pure Blue Foundation) ขึ้นในปี 2010 องค์กรการกุศลที่สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทางทะเลหลายด้าน กระทั่งในปี 2015 นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้รับยกย่องให้เป็น “Hero of Philanthropy” โดยนิตยสารฟอร์บเอเชีย จากการอุทิศเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ที่มีคุณค่าของเธอ

อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป (AKARYN Hotel Group) ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ตสไตล์บูติกระดับลักซัวรี่สัญชาติไทยแท้ เผยแผนการขยายตัวของ “อคีรา” (akyra) แบรนด์โรงแรมสุดฮิปและเต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน ภายใต้เครืออัคริณฯ เตรียมเปิดเพิ่มในไทย พร้อมรุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก

ปัจจุบัน “อคีรา” ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตรวม 4 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” (akyra Manor Chiang Mai) โรงแรมสไตล์บูติกระดับ 5 ดาว ขนาด 30 ห้อง ที่โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งหรูหราและมีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งทุกห้อง ตั้งอยู่ในย่านนิมมานเหมินท์ชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ “อคีรา บีช คลับ ภูเก็ต” (akyra Beach Club Phuket) รีสอร์ตและบีชคลับริมทะเลที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว ประกอบด้วยห้องสวีทจำนวน 58 ห้อง ตั้งอยู่บนหาดนาใต้ ตำบลโคกกลอย จังหวัดพังงา “อคีรา ทองหล่อ กรุงเทพฯ” (akyra Thonglor Bangkok) ดีไซน์โฮเทลจำนวน 148 ห้อง ตั้งอยู่ในทองหล่อ ย่านธุรกิจและแหล่งแฮงค์เอาท์สุดหรูของกรุงเทพฯ และ “อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ” (akyra TAS Sukhumvit Bangkok) โรงแรมใหม่ล่าสุดในเครือแบรนด์อคีรา ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ทำเลทองของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ ศูนย์การค้า และความบันเทิง ภายในโรงแรมประกอบด้วยห้องพัก 50 ห้อง มีขนาดกว้างขวางและมีหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นถึงเพดานทุกห้อง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร

ภายในปี 2022 (พ.ศ. 2565) อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้วางแผนการขยายตัวธุรกิจโรงแรม ภายในเครือแบรนด์อคีราเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า คือจาก 4 แห่ง เป็น 12 แห่งในทำเลที่แตกต่างกัน และเป็นครั้งแรกที่ขยายตัวไปยังต่างประเทศ โดยโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมความพร้อม ได้แก่ มาเลเซีย ไฮด์แลนด์ (Malaysian Highlands) ฮานอย ประเทศเวียดนาม และเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ ขณะที่โครงการอื่น ๆ กำลังได้รับการพิจารณาเพื่อขยายตัวไปสู่ตลาดเมืองท่องเที่ยวใน บาหลี โฮจิมินห์ และพนมเปญ ซึ่งจะทำให้แบรนด์อคีราโรงแรมบูติกของไทยกระจายตัวทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

โดยโรงแรมและรีสอร์ตแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตภายใต้แบรนด์ “อคีรา” จะยังคงรักษาปรัชญาหลักของแบรนด์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) การมีส่วนร่วมกับชุมชน และการตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น โรงแรมอคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเอเชียที่ไม่ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use Plastic) ภายในห้องพัก ร้านอาหาร และบาร์

สำหรับ “อคีรา” เป็นมากกว่าแบรนด์โรงแรม เป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง (Lifestyle Choice) และสำหรับผู้ที่มองหาที่พักที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีการออกแบบที่โดดเด่น ตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งในพื้นที่ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Millennial Travellers) และเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ของของชุมชนนั้น ๆ นอกจากนั้น

โรงแรมอคีราแห่งใหม่ในอนาคต ยังจะประกอบด้วยบาร์บนชั้นดาดฟ้า (Rootop Bar) ภายใต้ชื่อ ‘RISE’ (ไรซ์) โดยเปิดให้บริการแล้วที่แรก ณ โรงแรมอคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่ และ อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ เป็นลำดับถัดมา นับเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่ใจกลางเมืองสำหรับผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยให้บริการคราฟเบียร์ ค็อกเทลรังสรรค์แบบแปลกใหม่ และอาหารว่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้คู่ขนานไปพร้อมกับธุรกิจโรงแรมของแบรนด์อคีรา

นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า “อคีราเป็นโรงแรมแนวคิดใหม่ที่จะสร้างรายได้ โอกาส และนวัตกรรมใหม่ ๆ ดังนั้น จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่แบรนด์นี้กำลังจะขยายตัวไปยังต่างประเทศ และก้าวเข้าสู่จุดหมายปลายทางใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเรามั่นใจว่า ความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของเรา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักเดินทางสมัยใหม่ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้แบรนด์อคีรา ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาที่พักที่ทันสมัย มีสไตล์ และมีแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืน โดยทุกโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งใหม่ภายใต้แบรนด์อคีราจะทำให้ผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับจุดหมายปลายทางเพื่อการท่องเที่ยวและการพักผ่อน พร้อมทั้งทำให้การเดินทางแต่ละครั้งมีความหมายมากยิ่งขึ้น ด้วยการรักษ์สิ่งแวดล้อมบนโลกนี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ อัคริณ โฮเทล กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายให้โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเป็นโรงแรมปลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 100% ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 (พ.ศ. 2562) และยังจะใช้คอนเซ็ปต์นี้กับโรงแรมอื่น ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคตอีกด้วย ซึ่งโรงแรม 2 แห่งที่ได้เริ่มใช้นโยบายดังกล่าวแล้ว ได้แก่ อคีรา ทัส สุขุมวิท กรุงเทพฯ และ อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่ (ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ #akyrareduce และ #aleentareduce) นอกจากนี้ ยังเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ “มูลนิธิเพียวบลู” (Pure Blue Foundation) องค์กรการกุศลที่สนับสนุนโครงการทางทะเล อาทิ การฟื้นฟูแนวปะการัง และการอนุรักษ์เต่า

เว็บไซต์ www.akaryngroup.com
Twitter @AKARYN_Group
Instagram @akarynhotelgroup
Facebook and YouTube @akaryn.group

#akyrareduce  #aleentareduce

ต๊อด-ปิติ วิชั่น 3 ปี ปั้นเครือข่ายขนส่งครอบคลุมไทย – ภูมิภาค

โมเดลธุรกิจของ BevChain Logistics ในประเทศไทย ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงลูกค้าร้านปลีก

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลและพัฒนาห่วงโซ่การผลิตหรือ Supply Chain ในเครือบริษัท บุญรอดฯ ทั้งระบบครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการเกิดประสิทธิภาพและลดต้นทุน อีกทั้งยังยกระดับการขนส่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นไปในทิศทางที่ดี

การร่วมทุนกับ บริษัท ลินฟ้อกซ์ โฮลดิ้งส์ 2018 (ประเทศไทย) เกิดจากทัศนคติและความต้องการสร้างเครือข่ายทางการขนส่ง ที่ทันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาค ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ผสานกับความรู้ความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท จึงถือเป็นการจับคู่ธุรกิจที่สมบูรณ์แบบหรือ Perfect Match และการผนึกกำลังกันครั้งนี้ บุญรอดฯ จะใช้จุดแข็งและศักยภาพที่มีตลอด 85 ปีในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเครือข่ายการค้า ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทสามารถส่งสินค้าและบริการเจาะถึงร้านค้าปลีกที่อยู่ตามตรอก ซอก ซอยในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อ เชื่อว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งด้านต้นทุน ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจการค้า เพิ่มโอกาสในการทำตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายปลายทางหรือ Last mileได้มากยิ่งขึ้น

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด

“ภายใน 3 ปีนี้ BevChain Logistics วางเป้าหมายการสร้างเจาะตลาดระดับภูมิภาคอาเซียน รองรับการเติบโตของตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV)เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกทั้งยังเป็นตลาดสำคัญของสินค้าและบริการจากประเทศไทย เมื่อแบรนด์ต่างๆเข้าไปขยายตลาด ทำให้ต้องการบริการด้านโลจิสติกส์ตามไปด้วย และบริษัทพร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกอุตสาหรรม ทุกขนาด ทั้งบริษัทเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อเติบโตไปด้วยกัน ปิติ กล่าวเสริม”

ทั้งนี้ จุดแข็งของลินฟ้อกซ์ คือ ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง ถือเป็นบริษัทให้บริการด้านโลจิสติคส์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค มีธุรกิจครอบคลุมตลาดใน 12 ประเทศ มีคลังสินค้ากว่า 200 แห่ง มีพนักงาน 24,000 คน และมีการให้บริการส่งสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเตอร์ เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค ธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฯ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในประเทศไทยนั้นลินฟ้อกซ์ให้บริการด้านขนส่งสินค้ามานานถึง 25 ปี มีความเข้าใจถึงความต้องการของตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างดี

ขณะที่จุดแข็งของบุญรอด คือประสบการณ์ขนส่งสินค้าและบริการมานาน 85 ปี ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เจาะลึกตั้งแต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่(โมเดิร์นเทรด) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ระบบเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายในทุกๆจังหวัด ลงลึกถึงระดับอำเภอมากกว่า 200 ราย ไปจนถึงร้านค้าย่อยทั่วทั้งประเทศ เมื่อผสานกับความเชี่ยวชาญทางด้านโลจิสติคส์ของ BevChain Logistics เชื่อว่าบริษัทสามารถนำเสนอโซลูชั่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า โครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด สร้างการเติบโตของธุรกิจในอนาคตร่วมกับลูกค้า

สำหรับโมเดลธุรกิจของ BevChain Logistics ในประเทศไทย จะเน้นให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกับในประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ การให้บริการทางด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า การให้บริการทางด้านจัดส่งสินค้า เป็นต้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับ BevChain Logistics ในประเทศไทย คือ การเจาะกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ขนาดปานกลางถึงขนาดย่อม และลูกค้ากลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มต่างๆ ที่ต้องการป้อนสินค้าและบริการถึงลูกค้าเป้าหมายปลายทางหรือ Last Mile

ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย ธุรกิจโลจิสติกส์รวมปี 2018 (215,000 ล้านบาท) แบ่งเป็นธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกในปี 2018 มีมูลค่า 145,100 – 147,300 ล้านบาท ธุรกิจคลังสินค้า ปี 2561 มูลค่า 75,500 – 76,700 ล้านบาท

ตลาดขนส่งสินค้าทางบกเติบโต +5.3-7% PY(137,700 ล้านบาท) คลังสินค้า + 5.3 – 7% PY (71,700 ล้านบาท) ด้วยปัจจัยจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การขยายตัวของ E-commerce ปัจจัยการปรับรูปแบบจาก Offline platform to Online platform ทำให้มีความต้องการคลังสินค้าพรี่เมี่ยมมากขึ้น

การจับมือครั้งนี้ทำให้เครือบุญรอดเป็นพาร์ตเนอร์รายที่ 2 ของลินฟ้อกซ์ และเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้จุดแข็งของลินฟ้อกซ์คือความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง ถือเป็นบริษัทให้บริการด้านโลจิสติกส์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจครอบคลุมตลาดใน 12 ประเทศ มีคลังสินค้ากว่า 200 แห่ง มีพนักงาน 24,000 คน ให้บริการส่งสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเตอร์ เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค ธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฯ มูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่จุดแข็งของบุญรอดคือประสบการณ์ขนส่งสินค้าและบริการมานาน 85 ปี ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เจาะลึกตั้งแต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ระบบเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายในทุกๆ จังหวัด ลงลึกถึงระดับอำเภอมากกว่า 200 ราย ไปจนถึงร้านค้าย่อยทั่วทั้งประเทศกว่า 200,000 ร้าน ซึ่งยอดขายของเครือบุญรอด 80% มาจากกลุ่มนี้ มีเพียง 20% เท่านั้นที่มาจากโมเดิร์นเทรด

ต๊อด-ปิติ บอกว่า BevChain Logistics จะเน้นให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกับในออสเตรเลีย ทั้งการให้บริการทางด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า การให้บริการทางด้านจัดส่งสินค้า เป็นต้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ การเจาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งกลุ่มแรกจะมองในกลุ่มเครื่องดื่ม ก่อนที่จะขยับไปยังอาหารและสินค้า FMCG

เบื้องต้น BevChain Logistics จะเน้นซัพพอร์ตในเครือบุญรอด ทั้งเครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า โซดา เบียร์ และยังมีกลุ่มอาหารอีก 14 บริษัทที่จะเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบุญรอด ในอนาคตจะมีทั้งอาหารแช่แข็ง ร้านอาหาร ดังนั้นการมีซัพพลายเชนจะมารองรับธุรกิจในส่วนนี้ด้วย

สิงห์ คอมเพล็กซ์ คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด และ มร.ปีเตอร์ ฟ้อกซ์ ประธานบริษัท ลินฟ้อกซ์อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป พีทีวาย ลิมิเต็ด ที่ใหญ่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค งานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท บีอาร์เอฟ โลจิสติคส์ จำกัด ภายใต้ชื่อ BevChain Logistics โดยมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง “บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด” และ “บริษัท ลินฟ้อกซ์ โฮลดิ้งส์2018 (ประเทศไทย)” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร พร้อมสื่อมวลชนร่วมงานอย่างคับคั่ง

ต้นตำหรับพิซซ่าแป้งบาง โดนใจทำไมดีขนาดนี้!

เด็ดไม่แพ้ต้นตำรับ MAD DADDY PIZZA HOUSE ประชาชื่น 12

ใครที่เป็นแฟนอาหารอิตาเลี่ยน คงพอจะคุ้นเคย กับ Pizza เราเคยคิดว่า ถ้ากินพิซซ่าแป้งหนาๆ เดี๋ยวกินไม่หมดถาด ส่วนตัวไม่ชอบแบบแป้งหนา เพราะมีแต่แป้งจริงๆ ทั้งหนา ทั้งเหนียว มีแต่รสแป้ง แบบขนมปัง ไม่รู้สึกถึงความอร่อยของหน้าพิซซ่าเลย  เอาจริงๆ  มันเหมือนขนมปังรสพิซซ่ามากกว่า

มาเจอ  พิซซ่าร้านนี้แม้ด แด๊ดดี้ พิซซ่า เฮ้าส์  เพราะเพื่อนแนะนำพิซซ่าอิตาเลียน  สไตล์โฮมมี่  บรรยากาศร้านจากบ้านพัก ที่ถูกออกแบบตกแต่งสไตล์ฝรั่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่าย ได้กลิ่นอายของความสุข เสิร์ฟเมนูแป้งพิซซ่า 16 หน้า เหนียวนุ่ม ขึ้นรูปกันสดๆ เอาเข้าเตาอบ

สำหรับเมนูของร้าน เชฟที่นี่ให้ความสำคัญกับทุกวิธีการทำพิซซ่า ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมแป้งที่หมักยีสต์ การนวดแป้งพิซซ่าด้วยมืออย่างเดียว ทำให้แป้งพิซซ่ามีความเหนียว นุ่ม สดใหม่ เก็บในอุณหภูมิที่เมหาะสม  ขึ้นรูปกันสดๆ หลังจากอบ แผ่นแป้งตรงกลาง  จะบางเหนียว-นุ่ม
ตัวขอบโป่งฟู อบด้วยเตาฟืน เวลาทานคำแรก รู้สึกได้ถึงความชุ่มฉ่ำของน้ำมะเขือเทศจากอิตาลี ที่หอมอบอวนอยู่ในปาก ซึ่งความเปรี้ยว อมหวานของมะเขือเทศ มีความอร่อยที่แตกต่าง ทำให้รสชาติของพิซซ่าอร่อยแบบสูตรดั้งเดิม ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง

เพราะพิซซ่า คืออาหารเรียกน้ำย่อย  ดังนั้น วันนี้ เรามาเลือกพิซซ่าในแบบที่เราชอบ หลากหลายถึง 16 แบบ ทุกถาดไม่ธรรมดา สุดยอดความอร่อยแบบชีสเน้นๆ พาครอบครัว คนรัก หรือนัดเพื่อนๆ มาสังสรรค์ นั่งฟังเพลงกันเย็นๆ ชิลล์ๆ กันดีกว่า

Tasteful Pizza

Mad Daddy Pizza House พิชช่าบาง กรอบตรงขอบทำให้กิน Pizza หน้าใดๆ ก็อร่อยยิ่งขึ้น เพลินๆ หมดถาดใหญ่  ง่ายโดยไม่รู้สึกว่าเลี่ยนค่ะ   แป้งบางกรอบ เวลากิน ได้รสชาติของหน้าเต็มๆ กรอบ อร่อยแบบไม่ต้องปรุง
หรือใส่ซอสอะไร

Mad Daddy Pizza House   เป็นพิชซ่า เตาฟืน ร้านอิตาเลียนเล็กๆ  ย่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เพราะว่า พิซซ่า ร้าน Mad Daddy Pizza House จุดเด่น คือ สามารถชมเชฟประกอบอาหาร ทำพิซซ่าได้  อย่างใกล้ชิด เชฟ
เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์  ทำสดใหม่ร้อนๆ ถาดต่อถาด อบจากเตาฟืน สั่งแล้งนั่งรอ ได้กลิ่นกลิ่นหอมฟุ้งเป็นเอกลักษณ์ แบบฉบับอิตาเลียนแท้ และ รสสัมผัสที่หอมอย่างลงตัว

เราไม่ได้แค่ชอบบรรยากาศของร้าน  ร้านไม่ใหญ่มาก ตกแต่งสวย เดินหิวๆ ควรมาจบที่ร้านนี้ อร่อย ราคาน่ารัก ระหว่างรอพิซซ่าแอบคุยกับเชฟ และที่สำคัญเราสามารถชมการทำพิซซ่าได้อย่างใกล้ชิด กับคอนเซ็ปครัวแบบเปิด ไม่ว่าเพื่อนๆ จะไปนั่งทานคนเดียว หรือไปเฮฮากับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวที่นี่เป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์การกินพิซซ่าที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่าแน่นอน ต้องมา

นอกจากพิซซ่าแล้วก็ยังมีพาสต้า สเต็ก สลัด และ อาหารทานเล่นอีกหลายอย่าง นอกพิซซ่าที่นี่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากต่างประเทศ แถมมือหนักให้หน้าเยอะ รสกลมกล่อม สำหรับท่านที่ชอบแอลกอฮอล์ ที่ร้านมีให้ทานกับเบียร์ หรือไวน์ ขายปลีกราคาถูก อิ่มอร่อยราคาสบายกระเป๋า

เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์

ส่วนพิซซ่าเราชอบ   Pizza Prosciutto Crudo & Pizza Saporita
(พิซซ่าพาร์ม่าแฮม & พิซซ่าเบคอนรมควันและมะเขือเทศสด) และ MAD Balloon (ลูกโป่งแป้งพิซซ่าอบเตาฟืน  เสิร์ฟคู่กับซาลซ่ามะเขือเทศสด) ส่วน Caesar Salad  (ซีซ่าร์สลัด) หนึ่งในเมนูพิเศษที่หาทานได้เฉพาะที่
นี่เท่านั้น

มาสัมผัสถึงรสชาติที่ดีที่สุด เป็นเมนูที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี รสชาติประทับใจมากที่ถึงขีดสุด

จนในที่สุด ความอร่อยแบบไม่รู้ลิมิตก็เกิดขึ้น  นอกจากนั้นยังมี Creamy Broccoli Soup  เมนูซุปสุดพิเศษ ที่เป็นซุปบรอคโคลี่ หอมอร่อย ที่เชฟตั้งใจทำสุดๆ อร่อยหอม กรอบนุ่ม ต้องมาลอง เตาฟืนแบบที่ MAD  DADDY  ได้เลยค่ะคุณขา

ปิดท้ายด้วย Strawberry Panna Cotta (พานาคอตต้าสตรอเบอรี่) เป็นเมนูที่รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว

อิ่มที่สุด!  มื้อนี้พลาดหนัก เพราะความหิวมันเรียกร้อง ปลอบใจตัวเองเพราะผู้หญิงอ้วนคือผู้หญิงอบอุ่น  ถ้ามาที่ร้านขอแนะนำว่าต้องนั่งทานด้านในร้านบรรยากาศเตาฟืน ที่เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์   นวดแป้งและทำพิซซ่าโชว์กลางร้าน หอมกรุ่นเกินห้ามใจ

ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
อร่อย ราคาน่ารัก ไม่พูดเยอะเจ็บคอไปชิมกัน
ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
FB : MAD DADDY PIZZA HOUSE
TEL : 096-225-3964

 

กลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออก ชวนเที่ยวงานสีสันตะวันออก ครั้งที่ 15

ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ
The Colors of the Vibrant Sea

​สีสันตะวันออก ครั้งที่ 15 ประจำปี 2561 ภายใต้คอนเซปต์  “The Colors of the Vibrant Sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ”
จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 ภายในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 48 ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่ง 4 จังหวัดนี้ สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลนานาชาติ เชิงนิเวศ เชิงเกษตร เชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน

โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว การสร้างความหลากหลายของกิจกรรมการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งภายในงานนี้ ได้รวมธุรกิจผู้ประกอบการชั้นนำ มากคุณภาพ ทั้งผู้ประกอบการ การท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก และสินค้าท้องถิ่นของภาคตะวันออก มากมายกว่า 76 บูธ อาทิ แพ็คเกจที่พักจาก โรงแรมซีวิว รีสอร์ท ระยองชาเล่ต์, การ์เด้น ซีวิว รีสอร์ท, เกาะกูด คาบาน่า บัตรเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว จาก Frost Magical Ice of Siam, Teddy Bear Museum, Oasis Sea World และยังสามารถเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นคุณภาพ อาทิ ผลไม้แปรรูป, ผลไม้สดจากสวน, ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร, น้ำมันเหลือง, เพชร พลอย จิวเวลรี่ เอกลักษณ์เฉพาะของภาคตะวันออกเรียกได้ว่า มางานเดียว เที่ยวครบ 4 จังหวัด พร้อมโปรโมชั่น ช้อปครบตั้งแต่ 3,000 บาท เป็นต้นไป แลกรับผลิตภัณฑ์โอท็อปจากภาคตะวันออก พร้อมลุ้นรางวัลโรงแรม ที่พัก จำนวน 20 รางวัล และ รางวัลสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิธีเปิดงานจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 น. โดยประธานในพิธี นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยตัวแทนจากจังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ให้เกียรติร่วมงานพร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน กับการแสดงพิธีเปิด “Colors of the vibrant sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ” สื่อถึงสีสันในฤดูหนาวและฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยสีสันของกิจกรรมริมชายหาดและทางทะเล สัมผัสประสบการณ์สีสันของเมืองชายทะเลนานาชาติที่โด่งดังระดับโลก นอกจากนี้ยังมีโซนนิทรรศการ การท่องเที่ยวชายทะเลนานาชาติ และกิจกรรมทางทะเลของภาคตะวันออก พร้อมชมการแสดงสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นเอกลักษณ์เฉพาะภาคตะวันออก อาทิ สาธิตเกลือสปาและสมุนไพรดับกลิ่น สูตรเฉพาะจากจังหวัดชลบุรี, การทำยาดมจากลูกกระวาน สมุนไพรท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี และ สาธิตการทำสบู่เหลวกฤษณาและยาดมสมุนไพรแท้จันดารานาสิก จากจังหวัดระยอง และ การทำตะลิงปลิงแช่อิ่มและสาธิตการสานกระเป๋าจากพลาสติก จากจังหวัดตราด และในทุกวันงานชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมถ่ายรูปคู่กับแลนด์มาร์คสีสันตะวันออก ไลค์ & แชร์ รับของรางวัล ตลอด 4 วันงาน

​วางแผนเที่ยวรับลมทะเลกันที่ งานสีสันตะวันออก ครั้งที่ 15 “The Colors of the Vibrant Sea ท่องเที่ยวหลากสีสัน เมืองชายทะเลนานาชาติ”

วันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 48
ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์​

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/colorsoftheeastbyimc

ทริปนี้ไม่เบลอไปเจออะไรมา! ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่

Traveloka พาเที่ยว  :
LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI

สวัสดีเพื่อนๆ Toptotravel ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความใหม่ๆ กับ ทริปนี้ไม่เบลอ ไปเจออะไรมาบ้าง??  ลาลา มูก้า  แปลว่าผ่อนคลาย มาจากภาษาของชนเผ่าในแอฟริกาใต้ เพื่อนว่าจริงมั้ย เวลาไปเที่ยวต้องเน้นเรื่องกิน ฟินเรื่องพักผ่อน นอนหลับสบาย สบาย  ที่พักใหม่ เส้นทางท่องเที่ยว กับสถานที่ยอดฮิตของเขาใหญ่  LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI   บอกเลยว่าได้ลองไปพักสักครั้ง… ประสบการณ์นอนเต็นท์ซาฟารีแบบ Glamping ไม่ต้องไปไกลถึง แอฟริกา เอาเป็นว่าอย่ารอช้าเลยมาต่อกัน
เลยเถอะ

ทริปนี้ของเรา  เริ่มจาก Traveloka พาเที่ยว ซาฟารีมีสไตล์ที่ กินฟรี เริ่มทริปโดยพาสื่อมวลชน  ท่องเที่ยวร่วมทริปเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตใกล้กรุงเทพฯ ด้วยการออกเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณ 9 โมงเช้า  ของวันที่ 16 สิงหาคม 2018  อย่าถามทาง!!  เพราะเราก็ไม่ถามใคร มุ่งตรงสู่เขาใหญ่
ที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เนื่องจากทริปนี้เน้นเรื่องกิน ฟินเรื่องพักผ่อน ดังนั้น สถานที่แรกที่เราทำการเช็คอินคือ ร้านจันผา เขาใหญ่ ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในเขาใหญ่ไม่ว่าใครได้มาเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะแวะลิ้มรสชาติความอร่อยเด็ดขาด

หลังจากอิ่มท้องกันแล้วก็มุ่งตรงสู่ที่พักและเพื่อให้สื่อมวลชนทุกท่านได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติในรูปแบบประสบการณ์ที่แตกต่าง ที่พักจึงเป็นแบบ Glamping หรือที่พักแบบเต็นท์หรูติดแอร์ ณ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ ที่ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นผสานกลิ่นอายซาฟารีอย่างลงตัว โดยในห้องพักยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน นี่จึงเป็นที่พักอีกรูปแบบหนึ่งด้วยบรรยากาศแบบซาฟารีที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายไปกับต้นไม้ใบหญ้า  สำหรับผู้ที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติและดื่มด่ำการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบภายในเต็นท์หรู

เมื่อมาถึง  การบริการต้อนรับด้านหน้า จึงมีการออกแบบให้มีกลิ่นอายความเป็นชนเผ่าด้วยการใช้ไม้ไผ่พันด้วยเชือกป่านเส้นใหญ่และก่อฐานเสาที่ให้อารมณ์เหมือนดินธรรมชาติ

อีกอย่างห้องพักของ  LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI
แบ่งออกเป็น 3 โซน ตามความเหมาะสมของไลฟ์สไตล์ เริ่มเริ่มต้นจาก

โซน อีโค ซาฟารี (Eco Safari Tents) ห้องพักเต็นท์แบบอีโค ห้องน้ำรวม ,

ดีลักซ์ ซาวานนา เต็นท์ (Deluxe Savanna Tents) ห้องพักเต็นท์ที่มีห้องน้ำในตัว เพื่อความเป็นส่วนตัว

ลอท์ฟ ทรี เฮาส์   (Loft Tree House)  บ้านต้นไม้ ที่เหมาะมากเหลือเกิน สำหรับนักเดินทางแบบครอบครัวนั่งฟินเกินจิตนาการมาก ณ. จุดนี้

ไหนๆ ก็ไหนๆ ในช่วงกรีนซีซั่นนี้ ทริปนี้ไม่เบลอ ไปเจออะไรมาบ้าง ?
ที่ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ แน่นอนว่าที่นี่พร้อมให้ทุกท่านมาสัมผัส ประสบการณ์นอนเต็นท์ซาฟารีแบบ Glamping เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ณ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ กริ่นมาขนาดนี้แล้วคงจะอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ มีอะไรดี ตามาตามา

คุณณัฐพล กาญจนวรนันท์  ผู้บริหารฝ่ายการตลาดจาก Traveloka

มาเพิ่มเติมในส่วนของแขกรับเชิญพิเศษ และกล่าวถึงรายละเอียดส่วนอื่นของทริปนี้  เริ่มต้นด้วย คุณณัฐพล กาญจนวรนันท์  ผู้บริหารฝ่ายการตลาดจาก Traveloka ต้อนรับสื่อมวลชน

เรามาดูกันดีกว่าว่า  คำถามที่ส่งไปและคำตอบที่ได้มามีอะไรบ้าง

Q : แนวทางธุรกิจ Traveloka เป็นอย่างไร ?
A :  Traveloka (ทราเวลโลก้า) ผู้ให้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ชั้นนำ (Online Travel Agency หรือ OTA) และยังเป็นอันดับหนึ่ง บริษัทด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Q : Traveloka ในประเทศไทยเป็นอย่างไร?

A : Traveloka ประเทศไทย ปรับเรื่องคุณภาพการให้บริการอบย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเป็นฐานที่สำคัญอยู่แล้ว รองรับลูกค้าทุกระดับอายุ และให้ความสะดวกสบายแบบคุณภาพที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าที่ใช้บริการและส่งข้อเสนอแนะเข้ามา

Q : Traveloka ให้ความสำคัญกับตลาดนอกประเทศไทยยังไงบ้าง ?
A : Traveloka (ทราเวลโลก้า) ลงทุนเพื่อผู้ใช้บริการทั่วโลก

ต่อจากกิจกรรมพูดคุยเรื่องต่างๆ  ทั้งหลายแล้ว  มาถึงช่วงบ่าย  กับกิจกรรม
ที่ทุกคนรอคอย โดยทาง Traveloka มีกิจกรรม DIY สนุกๆ เพิ่มเติมในทริปนี้ด้วย ริมสระว่ายน้ำ LALA MUKHA TENTED RESORT

นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ และเพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การตอบรับ Traveloka อย่างดีเสมอมา

นอกจากทริปนี้ ทุกท่านกินฟรี นอนฟินแล้ว ยังมีกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้ร่วมสนุกพร้อมจับสลากเล่นเกม  เพื่อชิงรางวัลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท  อาทิ ตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-สิงคโปร์ จาก  มาเลเซีย แอร์ไลน์   (Malaysia Airlines) บัตรของขวัญแทนเงินสดจองตั๋วเครื่องบินและที่พักจาก Traveloka และของที่ระลึกอีกมากมายเช่นกัน

ขอขอบคุณกิจกรรมสนุกๆ จาก Traveloka (ทราเวลโลก้า) ผู้ให้บริการจอง
ตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ชั้นนำ (Online Travel Agency หรือ OTA) อันดับหนึ่งของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุด ในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดกิจกรรม Traveloka พาเที่ยว นอนฟิน กินฟรี ทริปนี้ที่ LALA MUKHA TENTED RESORT KHAO YAI กิจกรรม การจัดทริปพาสื่อมวลชนไปเที่ยวเป็นครั้งแรกของ Traveloka

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด   เป็นการเลี้ยงฉลองปิดทริป 2 วัน 1 คืน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป  จบทริปการท่องเที่ยวของเราสนุกกันอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องขอขอบคุณทาง Traveloka  ที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้

เอาเป็นว่าทิ้งท้ายบทความนี้ไปด้วยภาพบรรยากาศของ Traveloka พาเที่ยว นอนฟิน กินฟรี กันดีกว่านะ

เห็นรีวิวนี้แล้ว อยากจอง ง่ายมาก!!
คลิกไปเช็คราคาและห้องว่าง หรือจะติดตามโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ www.traveloka.com/th
www.facebook.com/TravelokaTH
โหลดแอปด่วน Traveloka ที่ www.traveloka.com/x/fbapp

สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์

โชว์ศักยภาพเมืองประมง อุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว ใจกลางกทม.

เปิดแล้ว!  งานยิ่งใหญ่ สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์  (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) โชว์ภาพลักษณ์เมืองประมง แหล่งท่องเที่ยว ที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวในพิธีเปิดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์” (SAMUTSAKHON ON THE SHOW) ว่า  จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การประมง เกษตรกรรม หัตถกรรม การท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์”

นอกจากนี้ยังมีทำเลที่ตั้งที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สะดวกง่ายดายต่อการเดินทาง และในแผนพัฒนาจังหวัด ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเอาไว้ว่า “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เกษตรและอาหารปลอดภัย ท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ สังคมเป็นสุข”

จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การประมง และการเกษตรกรรม จากข้อมูลสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสาครยังคงขยายตัวจากปีก่อน และยังเป็น ๑ ใน ๑๐ ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวอยู่ในระดับสูงตลอดมา

ในด้านของการท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรสาครมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่บันทึกในประวัติศาสตร์เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเลเหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

ดังนั้น  จังหวัดสมุทรสาครจึงร่วมกับภาคเอกชนเตรียมจัดงาน “สมุทรสาคร ออน เดอะ โชว์”   (SAMUTSAKHON ON THE SHOW)   ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑  ณ. ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณชั้น ๓ โซน  Atrium  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่นำเสนอของดีจังหวัดสมุทรสาคร
ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัส ณ กลางใจเมือง ในรูปแบบทันสมัยและแปลกใหม่ที่ผู้เข้าชมงานจะต้องอัศจรรย์ใจ

บรรยากาศ ภายในงานจะนำเสนอศักยภาพด้านอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นของสมุทรสาคร จำหน่ายผลิตภัณฑ์เด่น ที่คัดเลือกมาแล้วว่าเป็นของที่ขึ้นชื่อภายในจังหวัด รวมกันไว้ในที่เดียว มีให้ชม ชิม ช้อปกันตามอัธยาศัย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยว ที่แบ่งตามความสนใจของกลุ่มที่มีความชอบแตกต่างกัน เช่น เส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน เส้นทางแสนอร่อยสำหรับนักชิม เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฯลฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท่าฉลอม ซึ่งยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิม และเป็นก้าวแรกของชุมชนจีนในสยาม หรือบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน และยังจะได้ชมการประดิษฐ์งานฝีมือเบญจรงค์ที่ผสานไว้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างลงตัว ในงานยังมีวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านที่งดงาม รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัด มานำเสนอให้ได้ชมกัน

ในงานนี้จะมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกมาร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าจำนวน ๖๐ คูหา โดยผลิตภัณฑ์เด่นจะมีทั้ง อาหารทะเลแปรรูป ปลาสลิดแดดเดียว มะพร้าวน้ำหอม ปลาทูซาเตี๊ยะนึ่งเค็ม เค้กสบันงา น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และ ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว หมี่กรอบบ้านแพ้ว กะปิ และลอดช่องชื่อดัง ทั้งลอดช่องวัดเจษ และลอดช่องสยาม ในส่วนของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ก็มีมาให้ช้อปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แชมพู เกลือขัดผิว
สบู่ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กระเป๋าหนัง ผลิตภัณฑ์จากกระดาษ เป็นต้น

“การจัดงาน  SAMUTSAKHON ON THE SHOW  ในวันนี้เป็นเสมือนการนำผู้เข้าร่วมชมงานเยี่ยมชมจังหวัดสมุทรสาคร โดยได้สัมผัสทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์เด่น อาหารการกิน ของดีพื้นถิ่น รวมทั้งข้อมูลด้านการท่องเที่ยวที่ครบครัน เพื่อสร้างกระแสการรับรู้และเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ใกล้กรุงเทพฯ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวทิ้งท้าย

งาน SAMUTSAKHON ON THE SHOW
ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑
ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

จ.ชลบุรี เชิญร่วมประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้”

ร้อยเรื่องราวบางเสร่ …
ชุมชนชายทะเลที่เราหลงรัก

กระทรวงวัฒนธรรม และจังหวัดชลบุรี จัดประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” ในโครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนบางเสร่ “เที่ยววิถีเท่ บางเสร่ โดยชุมชน” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกันของทุกภาคส่วน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กิจกรรมประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” เน้นแนวความคิด ร้อยเรื่องราวบางเสร่ ชุมชนชายทะเลที่เราหลงรัก ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ผู้สนใจสามารถส่งภาพถ่ายฟิล์มหรือดิจิตอลได้ไม่เกินท่านละ 3 ภาพ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 4 – 15 สิงหาคม 2561

พร้อมดูรายละเอียดเพิ่มเติม และวิธีสมัคร ได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี โทร 038 276407 ต่อ 12 หรือFacebook Fanpage : ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนประมงพื้นบ้าน หมู่ 4 ตำบลบางเสร่ – ตลาดดีวิถีชุมชน

การประกวดถ่ายภาพ
๑. หัวข้อการประกวด”บางเสร่ยิ้มได้”
๒. ระดับการประกวด ประชาชนทั่วไป
๓. กติกา
• เป็นภาพถ่ายสีจากกล้องฟิลม์ขนาด ๓๕ มม. หรือกล้องดิจิตอลความละเอียด ๕ ล้านพิกเซล ขึ้นไป โดยจะต้องส่งภาพพร้อมฟิลม์หรือ ไฟล์ภาพบันทึกลงแผ่น CD โดยไม่อนุญาตให้มีการตกแต่งภาพ
• ผู้ส่งภาพประกวดสามารถส่งภาพเข้าประกวดได้ประเภทละไม่เกิน ๓ ภาพ
• ภาพที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นภาพของตนเอง ซึ่งไม่เคยเผยแพร่ ในที่สาธารณะหรือเคยได้รับรางวัลมาก่อน
• ผู้ส่งภาพเข้าประกวดจะต้องระบุรายละเอียดของการถ่ายภาพ ชื่อภาพ และระบุการถ่ายภาพโดยใช้กล้องประเภท ใด ชนิดเลนส์สถานที่ถ่ายภาพ รูรับแสง ความไวชัตเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆพร้อมทั้งบรรยายประกอบภาพ พอสังเขป
• ผู้ส่งผลงานจะต้องกรอกรายละเอียดให้ชัดเจน ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับภายหลัง
• รวบรวมภาพถ่ายและรายละเอียดภาพ ฉายผ่านจอ ทีวีขนาด ๕o นิ้ว แก่คณะกรรมการ
• การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่มอบรางวัลหนึ่งรางวัลใด กรณีที่เห็นว่าไม่เหมาะสม
๔. เกณฑ์การตัดสิน
• ๑. การจัดองค์ประกอบของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๒. วามคมชัดและความสวยงามของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๓. การสื่อความหมายของภาพถ่าย ๒๐ คะแนน
• ๔. ความเหมาะสมของรายละเอียดภาพ ๒๐ คะแนน
• ๕. ชื่อภาพสอดคล้องกับภาพถ่าย ๑๐ คะแนน
• ๖. ความคิดสร้างสรรค์ ๑๐ คะแนน
รวมทั้งหมด ๑๐๐ คะแนน
๔.การใช้ภาษา (กะทัดรัด เข้าใจง่าย ชัดเจน) ๑๐ คะแนน
ภาษา กะทัดรัด เข้าใจง่าย ชัดเจน
๕. สํานวนภาษาสละสลวย ถูกต้องเหมาะสม ๑๐ คะแนน
รวมทั้งหมด ๑๐๐ คะแนน

โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่

เน้นสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมพัฒนา
สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

​วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี นำโดย นายสามารถ เที่ยงพูนวงศ์ วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี จัดงาน แถลงข่าว โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ “เที่ยววิถีเท่ บางเสร่ โดยชุมชน” เน้นสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีวัฒนธรรมจังหวัด ชลบุรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานราชการต่างๆ เข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ ลาน กิจกรรมชุมชนบางเสร่ ถนนสายวัฒนธรรมชุมชนประมงพื้นบ้าน ม.4 บางเสร่ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

​จังหวัดชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยว และ กิจกรรมที่มีความหลากหลาย เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวกิจกรรมผจญภัย ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัด ชลบุรีเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกถือว่าจัดอยู่ในระดับหนึ่งของกลุ่มจังหวัด

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น เรื่องราวของวัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของตนเอง คือ ชุมชนชายทะเล มีวิถีชีวิตในการทำประมงพื้นบ้าน จูงใจ ให้นักท่องเที่ยว กลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เข้ามาชมและศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ และศักยภาพของพื้น
ที่ สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ มีเส้นทางเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอสัตหีบเอง หรือพัทยา ซึ่งสามารถพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวได้ สิ่งเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

ตลาดดีวิถีชุมชน ด้วยการพัฒนาแหล่งเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ เป็นกิจกรรมการสานพลังความร่วมมือ ระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจ สนับสนุน และเสริมสร้าง เศรษฐกิจ รากฐานให้เจริญเติบโต ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จทางด้านรายได้ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของ ชุมชน โดยในปีนี้มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

​1. กิจกรรมการประกวดวาดภาพ หัวข้อ “เล่าเรื่องบางเสร่ จากวันวาน สืบสานอย่างยั่งยืน”
​2. กิจกรรมการประกวดการเขียนเรียงความ หัวข้อ “บางเสร่ บ้านฉัน” ​​3. การประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “บางเสร่ยิ้มได้” ​
​4. กิจกรรมประกวดวงดนตรีลูกทุ่งประกอบหางเครื่อง ระดับประเทศ ​
​5. กิจกรรมเดิน-วิ่ง บางเสร่ (Rally ที่บางเสร่) ​
​6. กิจกรรมประกวดวงดนตรีไทย ระดับจังหวัด ​
​7. กิจกรรมเปิดลานวัด ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม ​



ใครอยากหาเวลาไปชิลล์ เปลี่ยนที่นอนเพื่อชาร์จแบท ลองไปกันดูค่ะ ​สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ ในโครงการพัฒนา และปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบางเสร่ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม ได้ที่ เว็บไซต์ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี

สอบถามได้ที่ โทร 03 827 6407 ต่อ 12
Facebook Fanpage : ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนประมงพื้นบ้าน หมู่ 4
ตำบลบางเสร่ – ตลาดดีวิถีชุมชน

ทำไม Bell & Ross จึงมีราคาแพงระดับรถสปอร์ตระดับหรูหรา ระดับโลก

เบลล์ แอนด์ รอส 

Bell & Ross แบรนด์นาฬิกาสุดยอดนาฬิกาที่แฟนพันธุ์แท้ นาฬิกามากับทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย Bell & Ross ซึ่งยึดแบบของมาตรวัดที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดของเครื่องบิน และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด แต่แทนที่จะเป็นการใช้วัสดุอย่างเหล็ก ไทเทเนียม หรือคาร์บอนไฟเบอร์

แบรนด์ที่สุดคลาสสิคอย่าง Bell & Ross เน้นการพัฒนาตัวเรือนที่ผลิตจาก Sapphire และประสบความสำเร็จ การใช้ Sapphire สำหรับผลิตตัวเรือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะด้วยเหตุที่ Sapphire มีกระบวนการตกผลึกที่ไม่เสถียรการสร้างสีสันให้กับวัสดุประเภทนี้จึงเป็นเรื่องยาก Bell & Ross ติดตั้งกลไกที่ขึ้นชื่อในเรื่องของราคาที่แรงและแพงปัจจุบันมาตรฐานระดับสูงของ เบลล์แอนด์รอส ได้รับการยอมรับจากองค์กรทางการทหารต่างๆ ให้เป็นผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2018 ณ ห้องรับรอง The Cocoona Lounge ที่ชั้น 19 Gaysorn Village เปิดตัวและจัดแสดงคอลเลกชั่นนาฬิการุ่นล่าสุดแห่งปี โดยได้เชิญสื่อมวลชนชั้นนำมาร่วมงานการเปิดตัวและจัดแสดงดังกล่าว ภายในงานนอกจากจัดแสดงนาฬิการุ่นล่าสุดของแบรนด์เช่น
BR 01 Laughing Skull, BR-X1 RS18, BR V2-94 RS18, BR 03-92 Diver Blue, BR 03-92 Diver Bronze, BR V2-94 Racing Bird และอื่นๆ อีกมากมาย

Mr. Tong Chee Wei, General Manager Asia แห่งแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ Miss Adelyn Kong, Senior Marcom Manager แห่งแบรนด์ Bell & Ross ได้ก่อตั้งขึ้น ความตั้งใจคือออกแบบนาฬิกา Bell & Ross ได้หยิบเทคโนโลยีทางวัสดุจากรถสูตรหนึ่งเข้ามา โดยตัวเรือนนั้นทำจากเซรามิก หน้าปัดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ตรงขอบสเกลจับเวลาจะใช้อลูมิเนียมและในส่วนสีเหลืองนั้นชุบสีด้วยกรรมวิธีอโนไดซ์

ทั้งนี้ Cortina Watch แห่งประเทศไทยเชื่อมั่นว่า Bell & Ross จะประสบความสำเร็จในประเทศและสามารถทำให้นักสะสมและผู้หลงใหลนาฬิกาชาวไทยรับรู้ถึงแก่นแท้และจิตวิญญาณแห่งแบรนด์ได้อย่างกว้างขวาง

ณ ห้องรับรอง The Cocoona Lounge ที่ชั้น 19
ศูนย์การค้า Gaysorn Village

วางขายที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงการจำหน่ายออนไลน์ www.bellross.com

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น