Familiarization Trip เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ เชื่อมโยง๔มรดกโลก

ทกจ.เพชรบูรณ์ จัดทริป ดึงผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติ เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เส้นทางประวัติศาสตร์ อุทยานประวัติศาสตร์ อีกแห่งที่นักเรียน นักศึกษา นิยมมาลั๊นลากันอยู่บ่อยครั้งหลายคนอาจจะคุ้นหู และได้ยินคำว่า ‘มรดกโลก’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งมรดกโลกที่ว่านี้ อาจจะ
ไม่ได้หมายถึงแค่เมือง หรืออนุสาวรีย์เสมอไป มาตามรอยเมืองแห่งตำนาน ๔มรดกโลกเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา  จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรม Familiarization Trip ดึงผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติ เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก อยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง พร้อมจัดสัมมนาทางวิชาการและเจรจาธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่าย  ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ดำเนินโครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ให้กับภาคเหนือ และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวใหม่และสนใจการท่องเที่ยวในประเทศไทย และเป็นสื่อแนะนำผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุน

โดยจัดกิจกรรม Familiarization Trip และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยใช้โอกาสด้านศักยภาพที่ตั้งที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างภาคและเชื่อมโยงการพัฒนาตาม North-South Economic Corridor และ East-West Economic Corridor และประตูเชื่อมโยงชายแดนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่จังหวัดตาก และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จังหวัดเลย

Familiarization Trip และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ที่ขึ้นชื่อว่า  เส้นทางดังกล่าวเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยจะมีการสัมมนาทางวิชาการและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมต่อยอดธุรกิจและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลบวกให้กับการท่องเที่ยวรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย

Toptotravel ได้เดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว โดยเราเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวทางมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่สำคัญที่บันทึกประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตมากว่า 5,000 ปี จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๒๑ มุ่งสู่จังหวัดเพชรบูรณ์

ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี และกำลังเสนอรายชื่อเป็น Tentative List เพื่อรับรองให้เป็นมรดกโลกในอนาคตของประเทศไทย จากนั้นเดินทางต่อผ่านเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่าของจังหวัดเพชรบูรณ์

ที่มีวัฒนธรรมไทหล่มที่มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยผ่านด่านพรมแดนบ้านนากระเซ็ง จังหวัดเลย เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากนั้นมุ่งสู่เมืองหลวงพระบาง แหล่งท่องเที่ยวทางมรดกโลกที่สำคัญ จากนั้นกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้ง แล้วเดินทางมุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก คือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองเก่าสุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เชื่อมโยงต่อไปยังจังหวัดตาก และออกจากประเทศไทยอีกครั้งที่ด่านแม่สอด ไปยังประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และหลังจากนั้นเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้งจากด่านแม่สอด จังหวัดตาก มายังจังหวัดพิษณุโลก และกลับสู่กรุงเทพมหานคร

ขอคุณข้อมูลการเดินทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Familiarization Trip
โครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก
ครั้งที่ 1 วันที่ 8-12 มิ.ย. 2561
ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 2561

 

ตามรอยเมืองแห่งตำนาน ๔มรดกโลก

เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวใหม่…
เชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เรื่องประวัติศาสตร์นี่ไม่ต้องพูด  ถึงยาวนานมาตามลำดับ ตั้งแต่ยุคโบราณอยู่แล้ว ท่านที่ชื่นชอบกับแผ่นดินในแนวเทพนิยายนี่บอกเลยว่าอย่าพลาดเมืองที่มีสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในโลก” เมืองที่ซุกตัวอยู่ใต้เงาของเทือกเขาไม่มีเบื่อเมื่อต้องเดินทาง ฤดูฝนของที่นี่วิวสวยอากาศสบาย อาหารอร่อย ดีใช้ได้ ที่น่าสนใจเยอะแยะมาก สับขา ลางาน แล้วไปเที่ยวกันเถอะ

สำหรับในช่วงวันหยุดสุดสัมปดาห์แบบนี้  ใครที่เบื่องานในเมืองกรุง อยากจะหมายมุ่งตามรอยเมืองแห่งในตำนานมรดกโลก โดยการเริ่มต้นจากการออกเดินทางจากกรุงเทพฯ  มุ่งหน้า จังหวัดที่ฤดูฝนสวยกว่าฤดูหนาวอย่างเพชรบูรณ์  แวะรับประทานอาหารกลางวัน เจ้าแรกในตำนาน ณ. ร้านไก่ย่างตาแป๊ะ 2 ที่ร้านขายไก่ย่างต้นตำรับหนังกรอบเนื้อนุ่ม ของอำเภอวิเชียรบุรี ส่งต่อความอร่อยมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งอยู่ริมถนนสายสระบุรี-หล่มสัก
ว่ากันว่าใครมาถึงเพชรบูรณ์แล้ว ไม่แวะมากินไก่ย่างร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง
เพชรบูรณ์

อิ่มท้องแล้วไปตามจุดหมาย  การเยี่ยมชม  อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่ง ของจังหวัดเพชรบูรณ์ หนึ่งในมกรดกโลก ที่เราอยากไปชมให้เห็นด้วยตาตัวเองคือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นเมืองน่าเที่ยวน่าสัมผัสความเก่าแก่แบบลึกลับ เมื่อก้าวแรกที่ข้ามผ่านประตูเมืองโบราณ เหมือนได้เข้าสู่เมืองเทพนิยาย ตัวเมืองเก่าถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองใหญ่ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงและมีความงดงาม

ศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่อยู่ในท้องที่อำเภอศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า “เมืองอภัยสาลี” ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า “เมืองศรีเทพ” เมื่อปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ ที่ตั้งของเมืองอยู่ในชุมทาง ที่สามารถติดต่อกับภาคอื่นๆ ได้สะดวก
ดังนั้น  จึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียง มาผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น

อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ

เมืองศรีเทพ สร้างขึ้นในยุคของขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่า  มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม สันนิษฐานว่าเจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16

วัดธรรมยาน  เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2554 พระอุโบสถวัดธรรมยานนี้ มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบล้านนา-ล้านช้าง เข้ากับสถาปัตยกรรมไทยแบบร่วมสมัย ที่มีความเรียบง่าย แต่งดงามภายใน

บริเวณสระน้ำด้านหน้าพระอุโบสถ ยังมีประติมากรรมพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตน ตั้งคู่กัน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและสักการะขอพร โดยผู้ที่ออกแบบพระอุโบสถและประติมากรรมพญานาค โดย คุณเทวินทร์ วรรณะบำรุง สถาปนิกอาวุโส บริษัท เอสซีจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างดังกล่าว จึงทำให้พระอุโบสถวัดธรรมยาน และประติมากรรมพญานาค เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประกอบกับความร่มรื่น เงียบสงบภายในบริเวณวัด ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

เพื่อความรู้ ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม  และสิ่งที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเส้นทางเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ศรีเทพ-สุโขทัย-พระนครศรีอยุธยา-หลวงพระบาง มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

Toptotravel  จึงเดินทางไปยัง หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2556 เดิมเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า เมื่อมีการย้ายศาลากลางจังหวัดไปอยู่ศูนย์ราชการ ทางเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ จึงขอใช้สถานที่นี้  เพื่อทำเป็นหอโบราณคดี  โดยมีดำริมาจากบุคคลที่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิปัญญาต่าง ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นห้องโถงต้อนรับ ห้องกาแฟและห้องว่าด้วยของกินในเพชรบูรณ์ ชื่อว่า “ห้องครัวเพชรบูรณ์” การจัดแสดงเรื่องราวของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคศรีเทพ  จัดแสดงในช่วงต่อมาคือ สมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ จนถึงยุคร่วมสมัย มีห้องสมุดทางวัฒนธรรมของเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์อีกด้วย สำหรับชื่อ เพ็ชรบูรณ์อินทราชัยนั้น เป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสอันดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เดินชมด้านในการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ห้องที่ 1 โรงหนังไทยเพชรบูรณ์เป็นการจำลองโรงหนังแห่งแรกของเพชรบูรณ์ ห้องที่ 2 ห้องจากเขาคะนาถึงศรีเทพจัดแสดงเป็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคศรีเทพ ห้องที่ 3 จัดแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองเพชรบูรณ์ในสมัยสุโขทัย พบหลักฐานสำคัญให้ทราบว่าชื่อเดิมของเพชรบูรณ์คือเพชบุระ และห้องที่ 4 จัดแสดงเกี่ยวกับแผนการให้จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองหลวงของไทย มีห้องหลักเมือง ห้องเพชรบูรณ์เมื่อวันวาน ห้องตำนานเพชรบูรณ์ และห้องครัวเพชรบูรณ์ มาที่นี่ครบจบทุกเรื่องราว

 

หลังจากนั้น  เราออกเดินทางต่อไปยัง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งอยู่บริเวณ
ไม่ไกลจากหอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย  เพื่อไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ เป็นแท่งเสาหินทรายสีเทา มีลักษณะปลายป้านโค้งมน มีความสูงจากฐานล่างถึงปลายยอด 184 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 15-16 เซนติเมตร มีจารึกอักษรขอมทั้ง
4 ด้าน ปลายฐานด้านล่างสุดมีลักษณะแผ่ขยายออกคล้ายวงกลมแบน

ในปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ทำการอ่านและแปลศิลาจารึกเสาหลักเมืองเพชรบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สรุปได้ความว่า เป็นการจารึก  ลงในเสาหินทรายสีเทาใน 2 ยุคด้วยกัน คือ ครั้งแรก  เป็นการจารึกในด้านที่ 1 เป็นอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต มีข้อความ 22 บรรทัด จารึกเมื่อมหาศักราช 943 ตรงกับพุทธศักราช 1564 เป็นข้อความการสรรเสริญพระศิวะ
ในศาสนาพราหมณ์ ส่วนการจารึกครั้งที่ 2 เป็นการจารึกใหม่ในด้านที่
เหลือ 3 ด้านเมื่อจุลศักราช 878 ตรงกับพุทธศักราช 2059 เป็นอักษรขอม ภาษาไทย บาลีและเขมร เป็นข้อความเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีข้อความ
ที่ให้ช่วยกันสืบสานพระพุทธศาสนาให้ได้ 5,000 ปี

บนเส้นทาง ท่องวิถี๔มรดกโลก ท่านใดเดินทางมา  จังหวัด เพชรบูรณ์
ต้องแวะ  สักการะและชมความงดงามของ  พระพุทธมหาธรรมราชา พระประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะ  หล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นองค์ประธาน ประดิษฐาน
ณ พุทธอุทยานเพชบุระ ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดพระเกตุบรรจุพระบรม สารีริกธาตุ  ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร มีความหมาย 1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์

อยากเดินเที่ยวถนนคพื้นเดิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอหล่มสัก พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์” สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก” ชุมชนที่มีประวัติมาช้านานและมีความสำคัญอย่างมากของจังหวัดเพชรบูรณ์ มาจัดแสดงไว้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นมาและวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึง  ของเส้นทาง  ท่องวิถี๔มรดกโลก  หากใครที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศถนนคนเดินไทหล่ม สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านถนนคนเดิน ไทหล่ม ตลาดนัดน่าเดินบนถนนสายรณกิจ ถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก ซึ่งตลอดสองฟากฝั่งถนนยังคงความคลาสสิกของบ้านเรือนไม้โบราณ 2 ชั้น ไว้ให้เห็นอย่างงามตา สีสันความคึกคักของถนนคนเดินไทหล่มจะเริ่มต้นทุกเย็นวันเสาร์ตั้งแต่ 5 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม จัดแสดงได้สวยงามมากๆ

ชมวิถีชีวิต ของ “เมืองหล่มสัก”ในอีกมุมนึงในพิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เราเริ่ม
หิวใกล้กันนั้น เป็นถนนคนเดิน ไทหล่ม จึงออกเดินทางเพื่อไปเพลิดเพลินชมบรรยากาศวิถีชีวิตกับการออกร้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวหล่มสัก ทั้งร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองที่หารับประทานขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ สินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าทำมือของชาวบ้านที่สามารถซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกมากมาย

นอกจากนี้ ที่บริเวณโดยรอบของถนนคนเดินมีการแสดงทางวัฒนธรรม ซุ้มสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ที่สืบทอดช่างฝีมือมานานนับ 100 ปี จากช่างชาวเวียงจันทน์ การแสดงดนตรีพื้นเมือง ตลอดจนกิจกรรมรำวงย้อนยุคให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมรำวงกันอย่างสนุกสนาน

เช้าวันที่สาม ของการเดินทางท่องวิถี๔มรดกโลก เดินทางไปต่อเพื่อสักการะพระธาตุศรีสองรัก บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ พระธาตุศรีสองรัก  สร้างขึ้นตั้งแต่ในปี พ.ศ.2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา(ไทย) และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) เนื่องจากยุคนั้นพม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่างๆ เพื่อขยายอำนาจ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์จึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง

จึงได้กระทำสัตยาธิษฐานว่า  จะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน พร้อมได้ร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นถวายมีพระนามว่า  “พระธาตุศรีสองรัก”   ริมลำน้ำหมัน เป็นดังสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และจะมีการจัดงานสมโภชพระธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ผู้ที่จะมาสักการะพระธาตุศรีสองห้ามใส่เสื้อผ้า “สีแดง” หรือถือสิ่งของที่มีสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เพราะสีแดง อาจเปรียบได้กับเลือดที่เป็นผลของการทำสงคราม คนโบราณจึงมีการห้ามไม่ให้ผู้ที่สวมเสื้อผ้าสีแดง เข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบันด้วยเช่นกัน

เราเดินทาง ต่อเเพื่อเข้าสู่อำเภอเขาค้อ ด้วยการไปชม วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อ พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ไปแล้วจะหลงรัก ที่นี่เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่งดงามที่พึ่งพิงธรรมชาติอย่างชาญฉลาดไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้าน มองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ  คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป วิถีชีวิตคนที่จังหวัดสุขโขทัย ไปไหนมาไหนยิ้มทักท้าย ดูแล้วมีความสุขจริงๆ

ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม บนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น  มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา มีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาแก้ว อำเภอเขาค้อ  วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเดิมชื่อ  พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม มีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ แต่ขอให้เคารพสถานที่ แต่งกายให้สุภาพ ถ้าอยากจะถ่ายรูป มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดงต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า ผาซ่อนแก้ว พุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขา พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

อุทยานประวัติศาตร์สุโขทัย หรือ เมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่นอกตัวเมืองสุโขทัย ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุโขทัยไป ตามทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย-ตาก ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร

เดินทางสู่ จังหวัดสุโขทัย พักรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊แฮ แล้วไปต่อ  เมื่อผ่านเข้าเขตเมืองเก่า จะแลเห็นยอดพระเจดีย์แบบต่างๆ อันสง่างามและวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ กำแพงเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่ตำบลเมืองเก่า เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นกำแพงพูนดิน 3 ชั้น โดยการขุดเอาดินขึ้นมาถมเป็นกำแพงและพื้นดินที่ขุด ขึ้นยังเป็นคูขังน้ำไว้ ใช้สอยและเป็นกำแพงน้ำขึ้นอีก 2 ชั้น กำแพงด้านทิศเหนือจดทิศใต้ยาว 2,000 เมตร ด้านทิศตะวันตกยาว 1,600 เมตร มีประตูเมือง 4 ประตู ด้านเหนือเรียกว่า “ประตูศาลหลวง” ด้านใต้เรียกว่า “ประตูนะโม” ด้านทิศตะวันออกเรียกว่า “ประตูกำแพงหัก” ด้านทิศ ตะวันตกเรียกว่า “ประตูอ้อ” ภายนอกกำแพงเมืองในรัศมี 5 กิโลเมตร มีโบราณสถานประมาณ 70 แห่ง สร้างขึ้นไว้ในพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม  โดยกรมศิลปากร ได้รับการจัดตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 2537

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะในยุคสุโขทัย ภายในยังคงเหลือร่องรอยพระราชวังและวัด ช่วงเช้าร่วมกิจกรรมตักบาตรรับอรุณ บริเวณวัดตระพังทอง

ครั้งนี้  ในช่วงเช้าเรารีบตื่นมาชมวิถีชีวิตคนไปเที่ยวแบบง่ายๆ คืออัศจรรย์ธรรมชาติที่แท้จริงแล้วอยู่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของผู้คน ที่เมืองนี้นักท่องเที่ยวจะรู้กันเลยว่าผู้คนมีความเป็นมิตรสูงมากๆ เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตำนานเก่าแก่ของเมืองเก่าสุโขทัย

เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่นักเดินทางมากมายต่างอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอดีตราชธานีที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองจำนวนทั้งหมด 33 พระองค์ ในช่วงระยะเวลาอันยาวนานนี้ บรรพชนของไทยได้สร้างสรรค์ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์มากมาย ปรากฏเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า มีพื้นที่โบราณสถานทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ไร่

เคยถูกรุกรานจากกองทัพต่างชาติ เมืองนี้มีความน่ารักสามารถเดินเล่นสบายๆ จัดไว้ในแพลนให้เป็นเมืองผ่านคั่นกลางในการเดินทางได้ดีทีเดียว โดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์โบราณสถานเมืองพระนครศรีอยุธยาภายใต้ชื่อ โครงการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2525 และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมกิจกรรมมากมาย

ขอคุณข้อมูลการเดินทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Familiarization Trip
โครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก
ครั้งที่ 1 วันที่ 8-12 มิ.ย. 2561
ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 2561

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค

ขยายธุรกิจสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์
นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค
ป้อนตลาดเอเชีย

บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค สบช่องคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ รุกตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค นมสด-โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAMจนประสบความสำเร็จเปิดตลาดมานานกว่า 7 ปี มียอดขายพุ่งขึ้นทุกปีๆ ละ 7-10 %พร้อมขยายฐานธุรกิจก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค เพื่อป้อนตลาดเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วเอเชียฯ โดยปีนี้ บัตเตอร์ฟลายตั้งเป้าก้าวกระโดด เน้นเสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยยอดขายรวมที่ตั้งไว้ปี 2018  100 ล้านบาท

นางสาว อาศยา ทรัพย์มนู ประธานบริหาร บริษัท บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค จำกัด เปิดเผยว่า  บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค เป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ภายใต้แบรนด์    บัตเตอร์ฟลาย (Butterfly) โดยได้รับมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited byIFOAM  มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่
ใจคนรักสุขภาพ

ทั้งนี้ ผลตอบรับดีเกินคาด มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปีๆ ละ 7-10 % จากความสำเร็จ ส่งผลให้ปัจจุบัน สามารถขยายฟาร์มวัวนมออร์แกนิคและโรงงานผลิต ที่มีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ป้อนตลาดได้อย่างพอเพียง อีกทั้ง ก้าวสู่ OEM รับผลิตผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ให้แก่นักลงทุนจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย อีกด้วย”

ล่าสุด แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้นำผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต และ นมอัลมอนด์ ยกทัพไปร่วมจัดแสดงภายในงาน ThaiFEX World of Food Asia 2018 โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา บัตเตอร์ฟลายการรุกตลาดจะจัดกิจกรรม บีโลว์เดอะไลน์ ได้แก่ โรดโชว์ เพื่อให้ข้อมูลและแจกให้ทดลองชิมฟรี ได้สัมผัสกับรสชาติที่แตกต่างจากนมโคทั่วไป

ในการรุกตลาดในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ ด้วยการสะท้อนแบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ผ่านสโลแกน Add Value Rhythm Vital “เติมคุณค่าให้ทุกจังหวะชีวิต ผ่านแคมเปญเด็ก Generation Z ซึ่ง โดยมีชื่อกลุ่มว่า Team Talent เป็นการรวมตัวของเด็ก ที่มีพลังเต็มเปี่ยม มีพรสวรรค์ และพรแสวงในการเรียนรู้จากเทคโลโลยียุคใหม่ด้วยตนเอง และก็ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ มั่นใจว่า จะสื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และช่วยผลักดันให้ บัตเตอร์ฟลาย ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ภายใต้แบรนด์ บัตเตอร์ฟลาย ได้รับนมจากวัวที่กินหญ้าออร์แกนิคและไม่ใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ ให้ความใส่ใจต่อการเลี้ยงดูทุกขั้นตอน เพื่อให้วัวมีอารมณ์ดี โดยปล่อยวัวเดินเล่นในทุ่งกว้างใหญ่ ในส่วนของการผลิต จะไม่เติบสารปรุงแต่งรสชาติให้มีความข้นหรือมัน รสของนมวัว จะเป็นไปตามธรรมชาติและฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทำให้มีคุณภาพที่ดีกว่าและมีความปลอดภัยสูงกว่านมทั่วๆ ไป อีกทั้ง นมมอร์แกนิคจะมีกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สูง ช่วยบำรุงสมองและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มีวิตามิน A และ E ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิว นอกจากนั้น ยังมีสารแอนติออกซิแดนท์สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ไม่ทำให้อ้วน และช่วยลดอัตราการเกิดไขมันสะสมอุดตันในเส้นเลือด เพราะให้คลอเลสเตอรอลต่ำ

ปัจจุบัน ตลาดคนรักสุขภาพ มีความต้องการบริโภคนมออร์แกนิคสูงมากขึ้นโดยคาดว่า มูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม มีประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค และ นมอัลมอนด์ จัดอยู่ในกลุ่มนมทางเลือก ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 5% ส่วนอีก 95% จะเป็นกลุ่ม นมวัวและนมถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสการดูแลสุขภาพ ทำให้เซ็กเมนต์ของนมทางเลือกเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมั่นใจว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ นม-โยเกิร์ต ออร์แกนิค ยังคงมีโอกาสเติบโต ตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค ก็มีความพร้อมในการทำหน้าที่ OEM รับจ้างผลิตให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในประเทศต่างๆ ในเขตเอเชียฯ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ผ่านการรับรองจาก Bioagricert (accredited by IFOAM” นางสาว อาศยา กล่าวสรุปในที่สุด

ผลิตภัณฑ์ บัตเตอร์ฟลาย ประกอบด้วย นมออร์แกนิค มี 4 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา, ช็อคโกแลตสูตรไขมันต่ำ ขนาดบรรจุ 180 มล. ราคาขาดละ 38บาท ในส่วนของผลิตภัณฑ์ เซทโยเกิร์ตออร์แกนิคมี 7 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล,วานิลลา,สตรอว์เบอร์รี่,น้ำผึ้งออร์แกนิค,สูตรไม่มีน้ำตาล,สูตรไขมันต่ำและสูตรผสมเมล็ดเจียขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา กระป๋องละ 28 บาท อีกทั้ง ยังมีผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม อีก 4 รส คือ ออริจินัล  วานิลลาสูตรไม่มีน้ำตาล และ สูตรไขมันต่ำ  ขนาดบรรจุ 200 มล. ราคาขวดละ 38  บาท นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ นมอัลมอนด์ ขนาดบรรจุ.180 มล. ราคาขวดละ
35 บาท

โดยมีวางจำหน่ายภายในร้าน Butterfly Organic Place ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 36, ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ท๊อปซุปเปอร์มาร์เก็ต และ วิลล่า มาร์เก็ต ฯลฯ ทั่วประเทศ

โฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ www.facebook.com/butterflyorganicmilk

8 สูตรสำเร็จความร่ำรวย ของ 8 โค้ชระดับประเทศ

Wealth Expert 2018  สัมมนาเพื่อความมั่งคั่งแห่งปีเผยเคล็ดลับ

เคล็ดลับพิชิตเงินล้านและหนทางสู่อิสรภาพทางการเงิน บี ดิฟเฟอเรนซ์ เปิดตัวงานสัมมนาแห่งปี  Wealth Expert 2018  ยกขบวนโค้ชดังระดับประเทศจากโลกออนไลน์  ร่วมเผยเคล็ดลับ ไขกุญแจสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่ง ตอบโจทย์ความต้องการใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด และเคล็ดลับในการทำธุรกิจให้ปัง มั่งคั่ง ในยุค 4.0 รวมเคล็ดลับจาก 8 โค้ชดัง
ในงานเดียว

เก็บเกี่ยวความรู้ได้สุดคุ้ม  8 โค้ชชื่อดังระดับประเทศ รวมพลังเทพ อ.บัณฑิต พี่แมรี่ ครูรุ้ง คุณชนะ โค้ชโรมี่ ผก เบ๊นซ์ พี่พอล ในงานเดียว เก็บเกี่ยวความรู้ได้สุดคุ้ม  พบกันได้ในงานสัมมนาแห่งปี Wealth Expert 2018

คุณเจนจิรา เชื้อสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บี ดิฟเฟอเรนซ์ จำกัด ผู้จัดงานสัมมนา Wealth Expert 2018 กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการจัดงานครั้งนี้ว่า

“เดิมตัวเองก็เป็นคนทำงานธรรมดาทั่วไป แต่มีความสนใจอยากพัฒนาตัวเอง จึงได้ไปเข้าอบรมและฟังสัมมนาในคอร์สต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองมากมายหลายคอร์ส เรียกว่าเป็นนักสัมมนาไปเลยตอนนั้น พอได้แนวคิดได้ความรู้ก็นำมาปรับใช้จนสามารถสร้างธุรกิจที่มั่นคงขึ้นมาได้ เลยเกิดความคิดอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ตรงนี้ให้กับคนทำงานรุ่นใหม่ หรือคนทำงานที่สนใจอยากจะพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวไปสู่การใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองต้องการได้ จึงเป็นที่มาของการจัดสัมมนา Wealth Expert 2018 ซึ่งจะเป็นการรวบรวมสุดยอดโค้ชดังระดับประเทศจากโลกออนไลน์และออฟไลน์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีจำนวน 8 ท่าน มาเผยเคล็ดลับ ไขกุญแจสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่ง

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้ชีวิตที่ไร้ขีดจำกัดอย่างที่หลายคนปรารถนา โดยปกติแล้วโค้ชทั้ง 8 ท่านมีเปิดคอร์สสัมมนาให้ความรู้ของแต่ละท่านอยู่แล้ว และหากต้องการเรียนรู้กับโค้ชท่านไหน เราก็ต้องไปเทคคอร์สกับโค้ชท่านนั้น แต่งานนี้จะเป็นงานเดียวที่เราสามารถจะเข้ามารับฟังแนวทางจากโค้ชทั้ง 8 ท่านได้พร้อมๆ กันก่อนตัดสินใจเรียนรู้ในขั้นต่อๆ ไป ซึ่งโค้ชทั้ง 8 ท่านนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาค่ะ แต่ละท่านก็เตรียมหัวข้อมาพูดคุยและเผยเคล็ดลับอย่างไม่กั๊กกันอยู่แล้วค่ะ ที่สำคัญคือรายได้ส่วนหนึ่งในการจัดงานครั้งนี้เรามอบเป็นการกุศลให้กับศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วยยากไร้ โรงพยาบาลศิริราช และมูลนิธิเดอะบอสส์ ซึ่งทำงานด้านการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของผู้คนในสังคมด้วยค่ะ”

สำหรับโค้ชทั้ง 8 คน ที่มาร่วมสัมมนาในงานครั้งนี้ ได้แก่
ผู้กองเบนซ์ ร้อยตำรวจเอกสี่ทิศ อ่ำถนอม หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อว่าการปรับปรุง พัฒนาตนเองและความรู้จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน เขาคือคนที่พบช่องทางสร้างรายได้จากสติ๊กเกอร์ไลน์และนำมาเผยแพร่จนโด่งดัง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกสอนการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลอีกด้วย หนุ่มคนนี้จะมาไขกุญแจสู่ความสำเร็จในหัวข้อสัมมนา “เปลี่ยนพรแสวงและพรสวรรค์เป็นรายได้”

โค้ชชนะ  วนิชพันธุ์   ชายผู้มีประสบการณ์เป็นผู้บริหารในบริษัทชั้นนำระดับประเทศมากว่า 15 ปี และได้รับการรับรองให้เป็นวิทยากร  ผู้ถ่ายทอดหลักสูตรลิขสิทธิ์ B.A.N.K. ™ Personality Profiling System คนแรกของเอเชีย จะมาไขกุญแจสู่กลยุทธ์และเคล็ดลับในการขายที่จะเพิ่มความมั่งคั่งให้กับธุรกิจ ในหัวข้อ “ถอดรหัสการขายด้วยวิทยาศาสตร์ทางสมอง”

โค้ช Vichai Gambhir หรือ โค้ชโรมมี่ ชายผู้เป็น Blair Singer Certificate คนแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 3 คนในโลกเท่านั้น ที่สามารถสอนคอร์สของ Blair Singer ได้ โค้ชโรมมี่อยู่ในแวดวงการขายมากว่า 15 ปี เคยเป็น Top Sale ของบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ โค้ชโรมมี่จะมาแบ่งปันความรู้และทักษะด้านการขายแบบไม่มีกั๊ก เพื่อให้ผู้ฟังสามารถขายได้ในสไตล์ของตัวเอง กับหัวข้อสัมมนา “ทริคเพิ่มยอดขาย 10 เท่า และขายได้ในสไตล์ที่คุณเป็น”

โค้ชพอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ อดีตนักแสดงที่มีชื่อเสียง ผู้ตั้งคำถามกับตนเองถึงชีวิตวัยเกษียณ และพบว่าแม้จะทำงานหนักแค่ไหน แต่หากต้องการจะมีชีวิตครอบครัวที่มั่นคงอย่างที่ฝันไว้นั้น เขาจะต้องมีเงินมากถึง 300 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของการค้นหาแนวทางที่จะทำให้ตัวเอง “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” ซึ่งเขาพบว่ามันทำได้จริง!!! เพียงสร้างพิมพ์เขียวทางด้านการเงินที่ถูกต้อง!!! ซึ่งเขาจะมาเผยเคล็ดลับนั้นในหัวข้อสัมมนา “พิมพ์เขียวสู่อิสรภาพทางการเงิน”

โค้ช Richard Loc นักการตลาดมือทองของเวียดนาม ผู้จะมาเผยเคล็ดลับการสร้างรายได้เพิ่ม 5-10 เท่า และสร้าง Passive Income เพื่อนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ที่จะตอบโจทย์การชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในหัวข้อ “เผยเทคโนโลยีสร้าง Passive Income โฉมใหม่ ที่จะสร้างรายได้แบบ Infinity”

โค้ชรุ้ง พิมพ์ภัทรา พิมพ์รัตนากุล เจ้าของเพจครูรุ้ง พิมพ์ภัทรา : กฏแรงดึงดูด เนรมิตชีวิตได้

โค้ชรุ้ง พิมพ์ภัทรา พิมพ์รัตนากุล เจ้าของเพจครูรุ้ง พิมพ์ภัทรา : กฏแรงดึงดูด เนรมิตชีวิตได้ หญิงสาวผู้สร้างวินัยทางการเงินจนสามารถใช้เงินสดซื้อธุรกิจร้านอาหารในประเทศอังกฤษ และประสบความสำเร็จสูงกับการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจ โดยจะมาเผยเคล็ดลับของการสื่อสารที่จะสร้างโอกาสและดึงดูดเงินเข้าสู่กระเป๋าได้อย่างต่อเนื่องกับหัวข้อสัมมนา “พลังการสื่อสารสู่ความมั่งคั่งที่ไม่รู้จบ”

โค้ชพร นพเก้าไทยแลนด์ (ชนิตา แดงวิชัย) หญิงผู้เคยผ่านมรสุมมากมาย
ในชีวิต ทั้งด้านธุรกิจ สุขภาพ ทั้งของตัวเธอเองและครอบครัว ทุกข์จนแทบจะถอดใจ จนเมื่อเธอตัดสินใจเปลี่ยนความคิด หันเข้าหาวิถีธรรมชาติบำบัด เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในแง่มุมใหม่  เรียนรู้การใช้กฎแรงดึงดูด   เทคนิคการจัดพฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึก (NLP) และ  ธรรมะอย่างลึกซึ้ง จนสามารถสร้างธุรกิจโด่งดังในโลกออนไลน์ และกลายมาเป็นโค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย โดยเธอจะมาเผยเคล็ดลับที่จะทำให้คุณสามารถสร้างรายได้ 7 หลักในหัวข้อสัมมนา “เปลี่ยนความคิด พิชิตเงินล้าน”

โค้ช  บัณฑิต อึ้งรังษี วาทยกรรุ่นใหม่  ที่มีชื่อเสียงระดับโลก  เจ้าของหนังสือขายดี “ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้” และ ”30 วิธีเอาชนะโชคชะตา” ชายผู้มาพร้อมเรื่องราวและเคล็ดลับดีๆ ที่จะพาคุณก้าวสู่ปี 2019 อย่างมั่นคง กับ “14 พลังทวีความมั่งคั่ง 2019”

พบกับเคล็ดลับพิชิตเงินล้านและหนทางสู่อิสรภาพทางการเงิน กุญแจไขสู่ความสำเร็จ ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมอีก นับว่าเป็นสัมนาที่น่าสนใจแห่งปีเลยก็ว่าได้ นอกจากจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม ยังถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในตัวเองอีกด้วย เป็นไปตามที่คุณ Brian Tracy ที่พูดว่า The more you learn, the more you earn. ยิ่งเราเรียนมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้มากขึ้นเท่านั้น

ไฮยาเซลล์ เครื่องสําอางบํารุงผิวระดับพรีเมี่ยม จากสวิตเซอร์แลนด์

เอาใจสาวน้อยสาวใหญ่ ช่วยลดอายุผิวหน้าผิวดูอ่อนเยาว์

HyaCell   จัดงานเปิด ตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นครั้งแรก “HyaCell” (ไฮยาเซลล์)เครื่องสําอางบํารุงผิวคุณภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตในห้องปฏิบัติการสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวและช่วยฟื้ นฟูเซลล์ผิวชั้นใน เพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว ทําให้ผิวแน่นฟูกระชับ เซลล์ผิวจะกลับมาทํางานใหม่เหมือนวัยสาว ผิวที่ขาดน้ำจะทำให้เกิดรอยตีนกา หรือผิวหน้าเหมือนหนังช้าง   เคล็ดลับย้อนเวลาสู่ผิววัยเยาว์ เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลใส่ใจในทุกขั้นตอนดูแลผิว HyaCell ช่วยลดปัญหาผิวแก่ก่อนวัยได้ดี

HYACELL ช่วยให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัย

จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในงาน “HYACELL” Anti – AgingRevolution โดยมีคุณเกมส์-ดวงพร ปฐวีกานต์แบรนด์แอมบาสเดอร์และคุณโอม-ณัฐพงศ์ นาคทองบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง พร้อมเหล่าเซเลบรีตี้คนดังตบเท้าเข้าร่วมคอนเฟิร์มคุณภาพระดับพรีเมี่ยมช่วยให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัย

คุณมด – วารินทิพย์ ทิวารีผู้อํานวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮยาเซลล์ (ไทยแลนด์) จํากัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ HyaCell ได้รับการพัฒนาและผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ HYACELL มีความโดดเด่นด้านมาตรฐานคุณภาพในระดับสูง ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการวิจัยเป็นระยะเวลานานหลายปี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นการการรวมตัวกันของสารต้านอนุมูลอิสระที่จําเป็น ช่วยให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัยแบบไม่พึ่งมือหมอ ประหยัด ปลอดภัย ที่สำคัญไม่เจ็บตัวด้วย

สําหรับผิว คือ กรดไฮยารูโรนิค แอสตาแซนธิน เรสเวอราทรอล และสารออกฤทธิอื่นที่เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ ซึ่งสารสําคัญเหล่านี้จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวชั้นใน ซึ่งทํางาน
ร่วมกับเปปไทด์ที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวชั้นใน เพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว ทําให้ผิวแน่นฟูกระชับ เซลล์ผิวจะกลับมาทํางานใหม่เหมือนวัยสาว ทําให้เห็นผลดีในระยะยาว ซึ่งวัตถุดิบทุกชนิด
เกิดจากการคัดสรรด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญอย่างมีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทําให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีคุณภาพพรีเมี่ยมและมาตรฐานในระดับสูง โดยปราศจากสารต่างกลิ่น นํ้าหอม สารแต่งสี พาราเบน ลิพิดซิลิโคน นํ้ามันแร่ นอกจากนี้ยังไม่มีการทําการทดลองกับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นการทดลองประเภทใดก็ตาม

คุณยี- วรรณพัทร วันสม ผู้อํานวยการฝ่ ายกลยุทธ์ด้านการตลาด บริษัท ไฮยาเซลล์ (ไทยแลนด์) จํากัด กล่าวเพิ่มเติมว่า งาน “HYACELL” Anti – Aging Revolution ถือเป็นการจัดงานเปิด ตัวอย่างเป็นทางการในประเทศ ไทยเป็นครั้งแรก โดยภายในงานครั้งนี้พร้อมเปิดตัว คุณเกมส์-ดวงพร ปฐวีกานต์  แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในประเทศไทย พร้อมร่วมพูดคุยเผยโฉมความโดดเด่น สารสําคัญของผลิตภัณฑ์HyaCell จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจากสวิตเซอร์แลนด์Dr.Juerg Michael Haecki (นายแพทย์ เยิร์ก
มิคาเอล แฮ็คกี้) และ Dr.Alejandro Avila Fe rrufino (นายแพทย์ อเลฮานโดร อวิล่า แฟร์รูฟิโน่) และคุณโอม-ณัฐพงศ์ นาคทอง บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง

สินค้า : Beauty through Science – Made in Switzerland
Triple-Hyaluronsäure-Seren mit Wirkstoffen
Tages- und Nachtpflege
Peeling
Calm & Repair
Vitamin A Créme
Withener

คุณเกมส์-ดวงพร ปฐวีกานต์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ Hyacell

จําหน่ายผ่านตัวแทนขาย และเร็วๆ นี้จะมีการวางจําหน่าย
ที่ร้าน Skin Lab by Xtrastrong ในเดือนกรกฎาคม 2561
ศูนย์การค้าเกสรพลาซ่า

สนใจผลิตภัณฑ์ HyaCell เครื่องสําอางบํารุงผิวระดับพรีเมี่ยม
สั่งซื้อได้ทางช่องทางออนไลน์
www.hyacellthailand.com
Facebook : Hyacell Thailand beauty
IG : hyacellthailandofficial
Line id: @hyacellthailand

Raffles Open House 2018

วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ
เชิญคนดังหลากหลายวงการ แชร์ไอเดีย ภายใต้แนวคิด SUCCESS BY DESIGN

วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ สถาบันสอนการออกแบบและบริหารธุกิจ หลักสูตรนานาชาติแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Raffles Education Corporation  สถาบันการศึกษาภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

พบกับ 4 คนดัง จาก 4 วงการ ที่จะมาจุดประกายแรงบันดาลใจให้คุณ ในงาน Raffles Open House 2018 วันที่ 2 มิถุนายนนี้ ที่วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ

งาน Raffles Open House 2018 กิจกรรม Workshop จากเหล่าอาจารย์ชาวต่างชาติ ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรง ให้เยาวชนได้เข้าร่วม Workshop โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในสาขา Fashion Design, Fashion Marketing, Product Design, Multimedia Design, Graphic Design และ Interior Design ใครสนใจด้านไหนก็ได้ลองเข้าร่วม Workshop ด้านนั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้ค้นพบว่า คือสิ่งที่ ชอบ และ ใช่ หรือไม่ นั่นเอง

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมเชิญคนดังในหลากหลายวงการ มาร่วมแชร์
ไอเดียกับเยาวชน การได้รับมุมมองจากบุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ นอกจากจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้แล้วเป็นการจุดประกายฝัน ในการเลือกแนวทางชีวิตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ฟังบรรยายพิเศษ ฟรี!
โอม ค็อกเทล บรรยายหัวข้อ “เรียนในสิ่งที่ใช่ อะไรก็เป็นไปได้”

ณัฐ ยศวัฒนานนท์ ผู้กำกับเจ้าของผลงานภาพยนต์อนิเมชั่น “9 ศาสตรา” บรรยายห้วข้อ “Animation to Reality”

ณรัล วิวรรธนไกร กรรมการผู้จัดการ สยามเวลเนสกรุ๊ป บรรยายห้วข้อ “Spotting a Business Opportunity”

เมนาท นันทขว้าง ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ แบรนด์ “SODA” บรรยายห้วข้อ “I…creativity, commitment, and continuity”

ร่วมจุดประกายความเป็นนักออกแบบในตัวคุณ ในงาน “Raffles Open House 2018” วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายนนี้ ณ วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์

เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์ในการเรียนการสอน ที่จะพัฒนาชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าจากสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่ ซึ่งได้เชิญคนดังจากหลากหลายวงการ ได้แก่ โอม Cocktail มาบรรยายในหัวข้อ “เรียนในสิ่งที่ใช่ อะไรก็เป็นไปได้”, คุณณัฐ ยศวัฒนานนท์ ผู้กำกับเจ้าของผลงานภาพยนต์  อนิเมชั่น  “9 ศาสตรา”   คุณณรัล  วิวรรธนไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป, คุณเมนาท นันทขว้าง ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ แบรนด์ “SODA” มาร่วมแชร์ไอเดีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ SUCCESS BY DESIGN ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งเยาวชน ผู้ปกครอง บุคคลทั่วไปที่สนใจด้านการออกแบบและบริหารธุรกิจ รวมไปถึงสถาบันแนะแนวการศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ

นายอีธาน หว่อง Sales & Marketing Director วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า “การจัดงาน Raffles Open House 2018 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการเรียนการสอนในภาควิชาต่างๆ เพื่อจะได้เลือกสิ่งที่เหมาะกับความชอบของตนเอง ซึ่งเชื่อว่าการเลือกเรียนจาก Passion จะทำให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าคือสิ่งที่ใช่สำหรับของแต่ละคน

วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ มีหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักศึกษามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการออกแบบและความรู้ทางด้านบริหารธุรกิจ โดยจะฝึกทักษะและการลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงกระบวนการคิดที่เป็นระดับสากล โดยคณาจารย์ของราฟเฟิลส์ที่มาจากนานาประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ไลฟ์สไตล์ของนักศึกษามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภายใต้บรรยากาศการเรียนการสอนที่มีความเป็นกันเอง มีอิสระในการแสดงออกทางความคิด สไตล์การแต่งตัว และกล้าที่จะคิดต่างอย่างสร้างสรรค์

 

ทั้งนี้ หลักสูตรการเรียนการสอนที่ราฟเฟิลส์ เปิดสอนระดับอนุปริญญา (Advanced Diploma) และหลักสูตรปริญญาตรี (Bachelor’s Degree) โดยดำเนินการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 11 สาขา ได้แก่ สาขา ด้านการออกแบบ จำนวน 6 สาขา ได้แก่ การออกแบบแฟชั่น (Fashion Design),แฟชั่นธุรกิจ (Fashion Marketing and Management), การออกแบบกราฟฟิก (Graphic Design), การออกแบบมัลติมีเดีย (Interactive Media Design), การออกแบบตกแต่งภายใน (Interior Design) และ การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)

นอกจากนี้ ยังมี สาขาด้านการบริหารธุรกิจ จำนวน 5 สาขา ได้แก่ การตลาด (Marketing), การจัดการ(Management), การเงินและการธนาคาร (Finance and Banking), การท่องเที่ยวและการบริการ (Tourism and Hospitality) และการจัดการงานอีเว้นท์ (Events Management) ซึ่งนักศึกษาที่จบการศึกษาหลักสูตร 3 ปี จะได้รับวุฒิปริญญาตรีจาก Northumbria University ประเทศอังกฤษ และยังมีโอกาสเข้าร่วมทำงานกับบริษัทเอกชนระดับชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง เช่น ทำธุรกิจทางด้านแฟชั่น สร้างแบรนด์เสื้อผ้า นักออกแบบอิสระ ฯลฯ นอกจากนี้นักศึกษาบางส่วนยังเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท
ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกอีกด้วย

ในเดือนมกราคม ปีการศึกษา 2562 วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ จะเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับปริญญาโท (Master’s Degree) ใน 2 สาขา ได้แก่ การออกแบบกราฟฟิก (Graphic Design) และการออกแบบตกแต่งภายใน (Interior Design) โดยนักศึกษาจะได้เรียนหลักสูตรจาก Coventry University ประเทศอังกฤษ

สำหรับ ผู้สมัครเรียนต้องจบการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า และมีผลคะแนน TOEFL iBT 70 หรือ IELTS 5.0 และ ผู้ที่ยังไม่ได้รับคะแนนภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ วิทยาลัยฯ เปิดโอกาสให้ลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมให้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากสนใจสมัครเพื่อเข้าเรียนในเดือนกรกฎาคมหรือเดือนตุลาคม 2516 นี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อขอรับทุนการศึกษาได้สูงสุดถึง 400,000 บาท

คุณวัลลภ พิชญ์พงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตัล เทรดดิ้ง จำกัด มอบสาหร่ายซีลีโกะ คุณวัลลภ พิชญ์พงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตัล เทรดดิ้ง จำกัด มมอบสาหร่ายซีลีโกะ Double Twist ให้กับวิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ เพื่อสนับสนุนการจัดงาน Raffles Open House

การจัดงาน Raffles Open House 2018 ครั้งนี้ ทางวิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ คาดหวังว่า เปิดประสบการณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ให้กับเยาวชน ผู้ต้องการค้นหาแนวทางที่ชอบและใช่ เพื่อกำหนดแนวทางในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของตน สนุกสนานและได้ความรู้กลับไปมากมาย สามารถช่วยตัดสินใจในการเลือกทางเดินของชีวิตในสายงานอาชีพต่อไป ได้จัดให้มีงาน Raffles Open House 2018
Success by Design ในวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561

นายอีธาน หว่อง Sales & Marketing Director วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ

การจัดงาน Raffles Open House 2018 ครั้งนี้ ทางวิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์ กรุงเทพฯ คาดหวังว่า เปิดประสบการณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ให้กับเยาวชน ผู้ต้องการค้นหาแนวทางที่ชอบและใช่ เพื่อกำหนดแนวทางในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของตน สนุกสนานและได้ความรู้กลับไปมากมาย สามารถช่วยตัดสินใจในการเลือกทางเดินของชีวิตในสายงานอาชีพต่อไป ได้จัดให้มีงาน Raffles Open House 2018
Success by Design ในวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สามารถดูรายละเอียดการสมัครเรียนได้ที่
www.rafflesinternationalcollege.ac.th 
ติดตามผ่านช่องทาง Facebook/IG/Line@ : @rafflesbkk
โทรศัพท์ 02-021-5666, 063-226-9333

#raffles #designschool #fashiondesign #workshop #graphicdesign #interiordesign #productdesign #entrepreneur #creative #inspiration #successbydesign #workshop

แซ่บนัวของกิน เมืองสุรินทร์ถิ่นช้าง อย่ามองข้ามเด็ดขาด

เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน (Gastronomy Tourism)

เดือนนี้ Toptotravel มีโอกาสมาเที่ยว จังหวัดสุรินทร์ โดยได้รับคำเฃิญจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการแนะนำเส้นทางเที่ยว พาเที่ยวสำรวจ เส้นทางสายกิน โดยเฉพาะอาหารพื้นถิ่น ในตำนาน (Gastronomy Tourism) พร้อมทั้งได้สัมผัสธรรมชาติให้ชุ่มฉ่ำกันทั้งปี จำนวน 10 เส้นทาง

นักท่องเที่ยวมาสามรถขับรถเที่ยวเองได้สบายๆ ใช้เวลาตามหาความหมายของชีวิต แล้วก็ได้พบว่าจังหวัดสุรินทร์ ยังคงเป็น สุรินทร์ แบบนี้  ยกให้เลยตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองที่ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติสวยนี่ไม่ต้องพูด และงานย้อนยุคของบ้านเมือง ที่ปัจจุบันเราแทบไม่พบวิถีแบบนี้กันแล้ว ไม่ว่าจะสายธรรมชาติ ไม่ว่าหรือเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เรียกได้ว่าไปเมืองเดียวครบทุกแบบกันเลย

ก่อนออกเดินทาง ขอลาก่อนฤดูร้อน! เพราะ กรมอุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว  Toptotravel อยากชวนมาเที่ยวเส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน สร้างสรรค์และออกแบบสินค้าเส้นทางอาหารไทย (Gastronomy Tourism) เส้นทางสายภูมิปัญญา และผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เกิดการรับรู้ และเป็นไปตาม Lifestyle ของกลุ่มเป้าหมายสำหรับ นักท่องเที่ยว และกลุ่มตลาดในประเทศ เราพบว่าแท้จริงแล้ว หนทางสู่ความเส้นทางท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ รับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการเป็น World Destination ทางด้านอาหาร ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็น World Destination อาหารไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สำคัญสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เข้าใจและสัมผัสแต่ละสถานที่อย่างอิ่มเอม ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและถึงแต่ละสถานที่อย่างแท้จริง

เพื่อขานรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคของรัฐบาล ด้วยการใช้การท่องเที่ยวมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เส้นทางยอดนิยม 10 เส้นทาง ลองมาอยู่ด้วยกัน จะเหลืออะไรอีกไหมที่ต้องปรับ ต้องรู้จัก ไม่เพียงแค่เปิดตาให้เห็นถึงความ มหัศจรรย์แห่งอาหารไทยที่ทำให้สัมผัสถึงวิถีชีวิต เรื่องราวความน่าสนใจในศาสตร์และศิลป์แห่งศิลปะ วัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิตในแง่มุมต่างๆ แล้ว ยังสนุกเพลิดเพลิน อิ่มเอมไปกับอรรถรสของรสชาติอาหารที่ แตกต่างกัน ในแต่ละพื้นถิ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสัญลักษณ์ ความโดดเด่นของอาหารในแต่ละภูมิภาคได้อย่างชัดเจน

ครั้งนี้ ททท. พิจารณาเลือก 5 เส้นทางได้แก่ จังหวัดตาก สุรินทร์ ตราด สตูล และลพบุรี มาดำเนินการจัดเป็น กิจรรมท่องเที่ยวนำร่องเพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์จริง ทริปนี้เจออะไรใน เส้นทางมาดูกันค่ะ

ปราสาทบ้านพลวง
เริ่มต้นกันที่ ปราสาทบ้านพลวง ความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน มีความสวยงามและล้ำค่าเป็นปราสาทขนาดเล็ก ๑ องค์ ก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว บนฐานศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ ๘ เมตร ยาวประมาณ ๒๓ เมตร ปราสาทมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูทางเข้าออกด้านทิศตะวันออก ส่วนอีก3 ด้าน ทำเป็นประตูหลอก ทับหลังด้านทิศตะวันออกและทิศใต้สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทับหลังด้านทิศเหนือเป็นภาพพระกฤษณะปราบนาคกาลิยะ ส่วนทับหลังด้านทิศตะวันตกไม่ได้สลักภาพ ซึ่งหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นภาพพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ หน้าบันทิศเหนือสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และหน้าบันด้านทิศใต้สลักเป็นภาพบุคคลประทับนั่งเหนือหน้ากาล บริเวณรอบปราสาทมีสระน้ำล้อมรอบเว้นทางเข้าด้านหน้า ลักษณะของปราสาทบ้านพลวง จะคล้ายกับปรางค์น้อยบนเขาพนมรุ้ง ประกอบกับลวดลายที่พบบนหน้าบันและทับหลัง กำหนดรูปแบบทางศิลปะได้ว่าป็นศิลปะขอมแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16

เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่

วนอุทยานพนมสวาย
ที่นี่….เที่ยวง่ายๆ สบายๆ วนอุทยานพนมสวาย  เมืองที่มีความหมายว่า ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาบัว อำเภอเมือง และตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีพื้นที่ทั้งหมด 18,145 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานเมื่อ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2527  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ชนะขาดเรื่องของธรรมชาติ และงานย้อนยุคที่มีร่องรอยอารยธรรมของชาวขอมโบราณ หลอมรวมกลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ความสวยของโบราณสถานที่ยังอนุรักษ์กันไว้ได้เหมือนเดิมเด๊ะ ตั้งแต่อตีดยันปัจจุบัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ที่มีชื่อเสียง ทุกปีมีประเพณีสำคัญในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ชาวเมืองสุรินทร์จะชวนกันเดินขึ้นเขาพนมสวาย จนเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดกันมา เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง คำว่า พนมสวาย เป็นคำภาษาพื้นเมืองของชาวสุรินทร์ การเดินทาง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของจังหวัดสุรินทร์ เต็มไปด้วยป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามนอกจากนี้ยังเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติในประเทศไทย และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา

ช้อปปิ้งที่ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์
อยู่บริเวณท่าน้ำลำห้วย  หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ถนน สุรินทร์ – ปราสาท ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวจังหวัด 3 กิโลเมตร โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ร่วมกับ กองกำลังสุรนารี ร่วมก่อตั้ง เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ภายในจังหวัด แวะชิวหาของกินที่นี่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย ในบริเวณตลาดริมน้ำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เลาะเลี้ยวริมฝั่งลำน้ำห้วยเสนงแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงคนสุรินทร์มายาวนาน รวมถึงกิจกรรมนั่งช้างชมป่า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการนั่งช้างไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ 60 ปี การเสด็จประพาสสุรินทร์ ตลาดน้ำราชมงคลสุรินทร์

ผ้าไหมทอบ้านท่าสว่าง
ตามแบบฉบับที่ร่ำลือกันว่าหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศไทย บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ลองเที่ยวเมืองที่มีเป็นหนึ่งหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ บ้านท่าสว่างเดิมชื่อบ้านเตรี๊ยะ เป็นภาษาพื้นบ้าน (เขมร) คำว่าเตรี๊ยะ เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ภาษาไทยว่าต้นชาด บรรพบุรุษของชาวบ้านเตรี๊ยะ ได้อพยพมาจากบ้านระเภาร์ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ห่างจากบ้านเตรี๊ยะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2485 ได้รวมหมู่บ้านเตรี๊ยะกับหมู่บ้านอื่นๆ เป็นตำบลท่าสว่าง และบ้านเตรี๊ยะ ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบ้านท่าสว่างตั้งแต่นั้น ทำให้ลวดลายผ้าไหมสวยเก๋น่าซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทุกมุมของที่นี่ช่างน่าเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ทั้งหมด

สวยเริ่ดเชิ่ดได้! เพราะในปี 2553 บ้านท่าสว่าง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหม แห่งเดียวของประเทศ โดยกรมการพัฒนาชุมชนกรมพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาหมู่บ้านที่มีจุดเด่น และมีเอกลักษณ์
ให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในหมู่บ้านจากบริการด้านท่องเที่ยว

ปราสาทศีขรภูมิ
โลกแห่งความจริง ที่ปราสาทศีขรภูมิ ครั้งแรกที่เห็น สวยจนแทบหยุดหายใจ ความสวยงามสงบร่มรื่นดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสำรวจและพักผ่อนที่นี่ แม้ว่าการเดินทางอาจจะไกลสักหน่อย แต่รับรองว่าสุดคุ้ม ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 34 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 226 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปอีก 1 กิโลเมตร ปราสาทศรีขรภูมิประกอบด้วยปรางค์อิฐ 5 องค์ องค์กลางเป็นปรางค์ประธาน มีปรางค์บริวารล้อมรอบอยู่ที่มุมทั้งสี่บนฐานเดียวกันธรรมชาติช่างเสกสรรค์ ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง

ลักษณะโดยรวม ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวคือด้านทิศตะวันออกปรางค์ทั้งห้าองค์มีลักษณะเหมือนกัน คือ องค์ปรางค์ไม่มีมุข มีชิ้นส่วนประดับทำจากหินทรายสลักเป็นลวดลายต่างๆ ทั้งส่วนที่เป็นทับหลังและเสาประดับกรอบประตู เสาติดผนัง และกลีบขนุนปรางค์ ส่วนหน้าบันเป็นอิฐประดับลวดลายปูนปั้น องค์ปรางค์ประธานมีทับหลังสลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระอิศวรกำลังฟ้อนรำ) บนแท่น มีหงส์แบก 3 ตัวอยู่เหนือเศียรเกียรติมุข
มีรูปพระคเนศ พระพรหม พระวิษณุ และนางปารพตี (นางอุมา) อยู่ด้านล่าง เสาประตูสลักเป็นลวดลายเทพธิดาลายก้ามปูและรูป

หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ทวารบาล ศูนย์คชศึกษา หรือ หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนในชุมชนกับช้าง รวมทั้งประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านตากลางแต่ละครัวเรือนจะมีช้างที่เลี้ยงไว้อาศัยอยู่รวมกัน จนช้างที่พวกตนเลี้ยงไว้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของตน ก่อให้เกิดสายใยความผูกพันที่แน่นเฟ้นขึ้น ระหว่างคนกับช้าง ณ บ้านตากลาง จ. สุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก

ชาวบ้านตากลาง ดั้งเดิมเป็น  ชาวส่วย (กูย) หรือ กวย ที่มีความชำนาญใน
การคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเลี้ยงช้าง ส่วนมากต้องเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนต่อเขตประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย ปัจจุบันสภาวะการเมืองระหว่างประเทศทำให้ชาวบ้านตากลาง ไม่สามารถไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อนได้ ชาวบ้านตากลางยังคงเลี้ยงช้าง และฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้าง (Thailand Elephant show)

ชีวิตเป็นของเรา..ออกไปใช้มันสะ ที่นี่ควรค่าแก่การไปทำความรู้จัก หมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะการเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลาง เหมือนการเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน นอนร่วมชายคาเดียวกับตน ดังนั้นถ้านักท่องเที่ยวได้ไปที่บ้านตากลาง นอกจากจะได้เห็นสภาพโรงช้างดังกล่าวแล้ว ยังจะได้สัมผัสการดำรงชีวิตของ ชาวส่วย โดยเฉพาะในพื้นที่จะได้พบปะพูดคุยกับหมอช้าง ที่มีประสบการณ์ในการคล้องช้างมาแล้วหลายครั้งได้ตลอดเวลา รวมทั้งยังสามารถเดินทางชมจุดบริเวณที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลไหลมารวมกัน ซึ่งห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่งดงามน่าพักผ่อนหย่อนใจ ชวนให้ศึกษาในเชิงของธรรมชาติด้วย

สถานที่ : ทีกล้า ฟาร์ม จังหวัดสุรินทร์

ทีกล้า ฟาร์ม
มาถึงสูตรเด็ด  มารับทานมื้อเย็นในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว เส้นทางสายกิน อาหารถิ่นในตำนาน บรรยากาศที่ ทีกล้า ฟาร์ม ในยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ที่นี่เองมีส่วนร่วมในงาน ตามรอยอาหารถิ่น ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศ และ ได้มีโอกาศ ทำอาหารถิ่น อาหารที่ให้ ผลผลิตจากฟาร์ม ชวนชิมอาหารอีสานแซ่บๆ ง่ายๆ กับเมนูอาหารพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์

หมก เป็นอาหารอีสานและอาหารลาวประเภทหนึ่ง เป็นการนำเนื้อสัตว์และผักมาเคล้ากับน้ำพริกแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ห่อด้วยใบตองทรงสูง นำไปนึ่งหรือย่างให้สุก ใส่ต้นหอมและใบแมงลักซึ่งเป็นเครื่องปรุงสำคัญ บางบ้านใส่ผักชีลาวด้วย ตัวอย่างอาหารประเภท หมก ได้แก่ หมกหน่อไม้ หมกไข่ปลา หมกหัวปลี หมกไข่มดแดง หมกปลา หมกเห็ด หมกฮวก เครื่องแกงส่วนใหญ่ประกอบด้วย พริกขี้หนูแห้ง หอมแดง ตะไคร้ซอย ใบมะกรูด เป็นหลัก หรือบางบ้านจะใส่กระชายหรือข่าเข้าไปด้วย

สลอตราว หรือแกงเผือก เป็นอาหารที่มีรสจืด นิยมใส่ปลาเป็นส่วนประกอบ อาจใช้รับประทานเปล่า ๆ คล้ายก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ชาวเขมรและชาวกูย ที่มีฐานะ นิยมปรุงให้จืดเพื่อรับประทานเปล่า ๆ เผือกเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรทสูง ใช้รับประทานแทนข้าวได้ ปลาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง อาจใช้รับประทานเปล่าคล้ายก๋วยเตี๋ยว พร้อมรับประทานขณะร้อนๆ

ซันลอเจก (แกงกล้วย) “ซันลอเจก” เป็นภาษาเขมร หมายถึง “แกงกล้วย” ซันลอ = แกง, เจก = กล้วย เนื่องจากเมื่อก่อน การคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ยังไม่สะดวก อาหารการกินต่าง ๆ ล้วนหาได้จากเรือกสวน ไร่นา และรอบ ๆ บริเวณบ้าน เมื่อมีคนตายในหมู่บ้าน เจ้าของงานจะจัดหาอาหารต้อนรับผู้มาร่วมงานศพ ซึ่งมักจะทำแกงกล้วยเป็นอาหารหลัก เพราะบ้านเกือบทุกหลัง นิยมปลูกต้นกล้วย เพราะต้นกล้วยสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง

อันซอมจรุ๊ก “อันซอมจรุ๊ก” ลักษณะเป็นท่อนยาวๆ ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมกับถั่วลิสง เนื้อหมูและมันหมู ปรุงรสให้ออกเค็มๆ หน่อยแล้วห่อด้วยใบตอง ชิมแล้วก็ถือว่ารสชาติไม่เลวเลยได้รสเค็มๆ มันๆ พร้อมกลิ่นหอมจากใบตอง จะว่าไปรสชาติก็ออกจะคล้ายๆ กับ “บ๊ะจ่าง” อยู่หน่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้มีเครื่องเคราเหมือนกับบ๊ะจ่างของคนจีน

Slive Hotel
มอร์นิ่งงงจ้า เรื่องที่พัก อยากได้ที่พักดีๆ อาหารเช้าอร่อยๆ Slive Hotel ที่พักกลางใจเมืองสุรินทร์เมืองช้าง ที่พักแนวใหม่เอาใจลูกค้า Slive Hotel ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ ตรงกันข้ามโรงพยาบาลสุรินทร์ การเดินทางสะดวก ใกล้7-11 ใกล้สนามบิน แห่งความหรูหราอลังการ Slive Hotel ลองไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษ  โรงแรมมีความสะอาด ทันสมัย คุ้มค่าคุ้มราคา บริการ Wifi ฟรี ทั้งพื้นที่โรงแรม ตื่นจากเตียงนุ่มๆ Slive สบาย Slive Hotel Surin ณ.โรงแรมน่ารักทั้งสถานที่และราคา คุ้มค่าสุดๆ คิดจะพักคิดถึง #Slivehotel
169 Luck Muang Rd,
Muang Surin, Surin, Thailand
@slivehotel โทร 044 060 322

ที่สุริทร์ 2 วัน 3 คืน ชิลล์แค่ไหนต้องลองไปดูด้วยตัวเอง  หลายคนบอกว่ากระแสการท่องเที่ยวโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ส่งผลให้ทุกภาคส่วน ต้องใช้ศักยภาพ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และการขับเคลื่อนกลยุทธ์ความเป็นเลิศทางการตลาด การประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องกำหนดทิศทาง และสร้างความชัดเจนในกระบวนการส่งเสริม ผลักดัน ปรับเปลี่ยน และสร้างสินค้า บริการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

ด้วยเหตุนี้ เมืองไทยจึงไม่ได้มีดีเพียงแค่อาหารริมทาง เมื่อเราเริ่มจากรู้จัก
สไตลสตรีทฟู้ด อาหารไทยที่ชวนสร้าง ความอะเมซซิ่ง ยังมีอาหารถิ่นจานอร่อย สไตล์วิถีไทยดั้งเดิมแบบพื้นบ้าน และอาหารไทยต้นตำรับ ที่เน้นความ วิจิตรบรรจง ในการปรุงแต่ง จัดจานชวนให้ตื่นตาตื่นใจไปกับรูปแบบการนำเสนอ เช่นเดียวกับการยกระดับการพัฒนา เมนูสตรีทฟู้ดพื้นถิ่นแบบโลคัล สู่การเป็นอาหารไทยเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการประยุกต์เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าก็ยิ่งทำให้ อาหารไทยครบรส ทั้งอาหารตา อาหารใจ และอาหารที่คุณสัมผัสรับรู้ถึงรสชาติความอร่อยได้ในแบบที่บางครั้งอาจคาดไม่ถึง สนุกสนานกันได้ทั้งครอบครัว

สุดท้ายแล้ว  ความสุขอยางหนึ่งเมื่อได้มาเที่ยวเมืองไทย นั่นคงไม่พ้นการได้เรียนรู้ เปิดรับประสบการณใหม่ๆ กับเรื่องราวการกิน หนึ่งในซิกเนเจอร์ของเมืองไทย ที่ใครก็พลาดไม่ได้ชม Review ครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะแพลนทริปในใจกันแล้ว ใครแพลนไปเที่ยวอยู่แล้วลองหาเวลาสักวันสองวันแล้วจะได้เรียนรู้ว่า….เมืองไทยมีที่สวยงามมากกว่าที่ีคิด

สวนไทย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของพัทยา

แต่งไทย คลายร้อน เที่ยวแบบไทย สวนไทย พัทยา จังหวัดชลบุรี สถานที่ให้ความรู้ควบคู่กับการพักผ่อนของนักท่องเที่ยว

ใครที่กำลังอยากไป รับรองว่า สวยละลาย สวยบาดใจ ได้ฟีลซัมเมอร์ไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยทีเดียว เสน่ห์แห่งความงดงาม ลักษณะท่องเที่ยวเชิงเกษตร ส่วนหนึ่งของงานถูกจัดให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประเพณีอันทรงคุณค่าของชาวไทยทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค

ร้อนนี้ ชวนมาเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แต่งไทยคลายร้อนกันที่ พัทยา ยังไม่ไกลจากรุงเทพฯ ขับรถเพียง 2 ชม.เท่านั้นเองชวนเที่ยวสวนไทย พัทยา เป็น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดชลบุรีล่องเรือ ขี่ช้าง นั่งรถม้า ห่มสไบไปเที่ยวชมวิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนที่ สวนไทย พัทยา จังหวัดชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ ที่รวมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของไทยเราทั้ง 6 ภูมิภาค สวนไทย พัทยา อาณาจักรแห่งความเป็นไทย บนเนื้อที่ 250 ไร่ จะพาเราย้อนไปใช้ชีวิตกินอยู่แบบไทยดั้งเดิม เรียนรู้วิถีชีวิตคนไทยใน 6 ภูมิภาค คือ เหนือ กลาง ใต้ อีสาน ตะวันตก ตะวันออก และเพลิดเพลินไปกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมหลายแขนง ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้

ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมีอยู่มากมายหลายโซนเลยทีเดียว เริ่มจาก โซนศาสตร์พระราชา..ตำราของพ่อ ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้แก่ นาข้าว 30% แหล่งน้ำ 30% สวนผลไม้ 30% และที่พักอาศัยอีก 10%

ประติมากรรมองค์พญานาคนี้ผ่านการเนรมิต โดยช่างฝืมือของไทยด้วยจินตนาการ ความปราณีตงดงาม อีกทั้งผ่านพิธีกรรมบวงสรวงอย่างครบถ้วน

จึงทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาที่สวนไทย พัทยา ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่อลังการ ความร่มเย็นและความศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยว และชาวสวนไทย พัทยา ได้รับพร และโชคลาภจากองค์ท่าน

มาแวะโซนปางช้างสวนไทย ชมโชว์ศิลปะการต่อสู้ และนั่งช้างชมสวนสวยรอบบริเวณ / โซนสวนไทย การ์เด้น ลอดอุโมงค์พรรณไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยกว่า 99 เมตร / กราบไหว้พระพุทธรูปจาก 9 วัดทั่วประเทศ ด้านใน โซนหอพระ มีหลวงพ่อโสธรเป็นองค์ประธาน / ประติมากรรมแผนที่ประเทศไทยประดับกระจก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงกว่า 20 เมตร

มาต่อกันที่โซนตลาดน้ำวิถีไทย 6 ภาค เลือกอิ่มอร่อยไปกับอาหาร ขนม และผลไม้ไทย นานาชนิด

นอกจากนี้ยังมีโซนถ้ำและน้ำตกพญานาคสุดอลังการ นั่งรถม้าลำปางเที่ยวชมรอบๆ สวนไทย ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค พร้อมอิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติ

โซนปางช้างสวนไทย ชมโชว์ศิลปะการต่อสู้ และนั่งช้างชมสวนสวยรอบบริเวณ / โซนสวนไทย การ์เด้น ลอดอุโมงค์พรรณไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยกว่า 99 เมตร / กราบไหว้พระพุทธรูปจาก 9 วัดทั่วประเทศ ด้านใน โซนหอพระ มีหลวงพ่อโสธรเป็นองค์ประธาน / ประติมากรรมแผนที่ประเทศไทยประดับกระจก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงกว่า 20 เมตร

ที่นี่มีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวมากมาย  ดินแดนแห่งความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่สุดจินตนาการ ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้รู้จักและอนุรักษ์ความเป็นไทย

ค่าเข้าชมคิดเป็น ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท และชาวต่างชาติ 300 บาท สำหรับกิจกรรมบางอย่าง + ค่าเข้า ราคา 200 บาท

มาสัมผัสได้ทุกวันเวลา 09.00-18.00 น. เพียงท่านละ 100 บาท เข้าชมได้ทุกโซน พร้อมทุกกิจกรรมฟรี สำหรับชาวไทย

เคล็ดลับความชิลล์   มาเที่ยวทั้งที แต่งไทยถ่ายรูปได้ความสนุกเพลิดเพลินกับการแต่งชุดไทยทำกิจกรรมและถ่ายภาพแถมได้ความรู้กันแล้ว ได้ของดีราคาถูกติดไม่ติดมือกลับบ้านแน่นอน

Suanthai Pattaya 泰国芭提雅爽泰度假庄园, Amphoe Bang Lamung.
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 313/1 กม.22 หมู่ 3 ตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
วิ่งตรงจากถนนสาย 7 หรือมอเตเวย์จากรุงเทพ พัทยาออกทางออกระยอง เชื่่อมสาย 36 กลับรถมาทางสัตหีบ 4 กิโลเมตรจากแยกพัทยาระยองก็จะถึงสวนไทย พัทยา
โทร.088-0998788 fackbook : suanthaipattaya line : suanthaipattaya

ชวนไปเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เปิดแล้ววันนี้ “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก”
เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง
๔ มรดกโลก กลางใจเมือง

“ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” หรือ “World Heritage Journey” เป็นการนำผู้ชมงานเดินทางท่องเที่ยวไปบนเส้นทาง ๔ มรดกโลก ภายในงานจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ วิถีอารยธรรม (Exhibition Zone) นิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและข้อมูลรายละเอียดของ ๔ มรดกโลก วิถีย้อนอดีต (Photo Zone) เป็นจุดถ่ายภาพที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมงานเก็บบันทึกภาพความประทับใจผ่านเลนส์ โดยจัดสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะเนรมิตให้ผู้ที่ร่วมถ่ายภาพเสมือนหนึ่งได้ไปเยือนทั้ง ๔ มรดกโลก วิถีประเพณีวัฒนธรรม (Performance Zone)

ส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงของศิลปิน กิจกรรมสร้างสีสันให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก และวิถีของดีพื้นถิ่น (Product Zone) โซนร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีจังหวัดต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ที่รวบรวมไว้ทั้ง อาหาร งานฝีมือ สินค้าหัตถกรรม/อุตสาหกรรม ที่พัก ฯลฯ

 

ท่องวิถี ๔ มรดกโลก  จัดโดยสำนักงาน การท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์  เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก  อยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่
มีคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัดมานำเสนอในงานระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวในพิธีเปิดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” ว่า “การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา จากในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยว จำนวน ๑.๙๕ ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น ๒.๒๐ ล้านคนในปี ๒๕๖๐ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็น ๑๒ เมืองต้องห้าม..พลาด ที่ต้องการการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองที่มีศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเพชรบูรณ์มีความพร้อมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้ำ พรรณไม้ระบบนิเวศฯ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอีกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริการมีความสมบูรณ์และสมดุลในเชิงกายภาพทางสังคมสูง มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์อารยธรรมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มีการสั่งสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างมากมาย โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งกำลังรอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมืองโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี”

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการประชาสัมพันธ์และทำตลาดเชิงรุก รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ จึงจัดทำโครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก และจัดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” โดยนำเสนอเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์บนเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงแหล่งมรดกโลก ๔ กลุ่ม คือ พระนครศรีอยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ อารยธรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพรวมแห่งการเป็นอารยธรรมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนสุวรรณภูมิ และสัมผัสกับมิติของการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของตน

ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

แนวคิดของงานครั้งนี้กำหนดเอาไว้ว่า มาเที่ยวทั้งที อาหารและของดีประจำจังหวัด ขอนำเสนอให้ได้ชมกัน มีทั้ง มะขามหวาน ทุเรียนลับแล น้ำพริก ข้าวหลาม ชา กาแฟสด สัปปะรด ผัก ผลไม้ออแกนิค แหนมเห็ด ผลิตภัณฑ์จากขิง กล้วยตาก เห็ดหลินจือ อาหารและเครื่องดื่มจากไร่กำนันจุล รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่มีมาให้เลือกสรรกันอีกมายมาย อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสังคโลก น้ำมันนวด ผ้าทอมือ เครื่องนอนสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จากไม้ ซึ่งรับรองว่าไม่สร้างความผิดหวังให้กับผู้เข้าชมงานอย่างแน่นอน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

ชาวฮิปฮอปต้องห้ามพลาด มาร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญวงการ

เทศกาลฮิปฮอปเมืองไทย งานใหญ่แห่งปี
THAILAND  HIPHOP FESTIVAL 2018

 

การรวมตัวฮิปฮอปไทยระดับตำนานจนถึงปัจจุบัน เริ่มต้นในใจ จนกลายเป็นวันนี้…วัฒนธรรมฮิปฮอปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เจอกัน
“THAILAND HIPHOP FESTIVAL : THE LEGEND”
@HARD ROCK CAFÉ ได้มาเจอ B-BOY รุ่นบุกเบิก / DJ. และ GRAFFITI
ระดับประเทศ อีกทั้งศิลปินฮิปฮอป จะมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ RASTAFAH/ B-KING/ CHOM CHUMKASIAN AND 1 FLOW/ PP’ DREAMS/ CP SMING/ JSR YOUNGBONG/ YOUNGOHM/ FIIXD/ CLEO-P “VKL X Sweed Gangz”/ MAIYARAP/ BOMB AT TRACK/ RAP AKE

บรรยากาศการแถลงข่าวสุดติ่ง : โชว์ RAP สดๆ จาก
RASTAFAH, B-KING และ RASTAFAH Ft. B-KING
ชม VTR : พูดคุยกับ 4 ELEMENT OF HIPHOP | MC | DJ | B-BOY | GRAFFITI

โดยงานจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน @JJ Mall JATUJAK (ชั้น 6 เจ.เจ.มอลล์ จตุจักร)ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน  HIPHOP นำทีมโดย THAITANIUM/ DAJIM/ RASTAFAH/ B-KING/ CHOM CHUMKASIAN AND 1 FLOW/ PP’ DREAMS/ POK MINDSET/ URBOY TJ/ CP SMING/ JSR YOUNGBONG/ YOUNGOHM/ FIIXD/ CLEO-P “VKL X Sweed Gangz”/ MAIYARAP
B-BOY นำทีมโดย B-BOY OMAN/ B-BOY AJAY/ B-BOY 60ROCK/ B-BOY PRAI-1/ B-BOY GURU
DJ. นำทีมโดย DJ.WHATDATFROG/ DJ.KONG/ DJ.BONNIE/ DJ.DEEBOY/ DJ.DOGGA

เด็ดแบบไม่มีที่ไหน GRAFFITI ระดับประเทศมาพ่นบนกำแพงยาว 30 เมตร นำทีมโดย PAKORN/ JESUS103 RUA MHS/ BOWS/ QUCAN/ GHOST TRAPPERS

นำโดยทีมใหญ่  THAITANIUM / DAJIM / RASTAFAH /
B-KING / CHOM CHUMKASIAN AND 1 FLOW /
PP’ DREAMS / POK MINDSET / URBOYTJ /
CP SMING / JSR / YOUNGBONG / YOUNGOHM / FIIXD/ CLEO-P / “VKL X Sweed Gangz”/ MAIYARAP /
BOMB AT TRACK / RAP AKE

B-BOY นำทีมรุ่นบุกเบิกบ้านเรา และอีกมากจริงๆเวทีน่าจะแน่นๆ  อย่าง…
Bboy Oman
Bboy Ajay
Bboy 60Rock
Bboy Prai-1
Bboy Guru

DJ เป็นการรวมตัวกันรุ่นบุกเบิกจนถึงปัจจุบัน บนเวทีวางเครื่องกันเต็มจำนวนและจะมีพี่ๆ DJ ตามสมทบอีกมากมาย
Dj Whatdatfrog
Dj Kong
Dj Bonnie SWG
Dj Deeboy
Dj Dogga

GRAFFITI ระดับประเทศรุ่นบุกเบิกถึงปัจจุบัน รวมกันพ้น
บนกำแพงยาว 30เมตร
PAKORN BNA
JESUS103 RUA MHS
BOWS
QUCAN
Ghost Trappers

เปิดขายบัตรแล้ววันนี้ ที่ 7- Eleven ทุกสาขา
โปรโมชั่น จาก 700 บาท เหลือ 600 บาท จำกัดจำนวนเพียง 1,000 ใบเท่านั้น ชาวฮิปฮอปต้องห้ามพลาด!
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 ณ JJ MALL HALL
ตั้งแต่เวลา 14.00 – 00.00 น.

ผู้สนับสนุนหลัก U BEER
ติดตามข่าวสาได้ที่ https://www.facebook.com/Thailandhiphopfestival

#thailandhiphopfestival #hiphop #พลังฮิปฮอป #heavyorganizer #HipHopไทย

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น