NOSTRA ปักหมุดแผนที่ ตามรอยโครงการหลวง และโครงการในพระราชดำริ

พลิกแผ่นดินเสื่อมโทรม  เป็นงดงาม  เปิดลายแทง  9  พื้นที่  ตามรอย กษัตริย์นักพัฒนา “ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ”
จากความแห้งแล้งเป็นชุ่มชื้น แปรเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้เป็นความงดงาม สิ่งเหล่านี้  ไม่ได้ใช้เวลาเพียงวันสองวันที่สร้างขึ้น แต่คือการลงมือทำอย่างตั้งใจตลอดระยะเวลา 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ หลายสถานที่ในเมืองไทยในวันนี้ เราแทบไม่ได้เห็นความเสื่อมโทรมที่เคยมีมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งก็เป็นเพราะโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ  ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ได้ทรงก่อร่างสร้างพื้นฐานจนสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้แก่ประชาชน และเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ ในวันนี้คนไทยทุกคนสามารถตามรอยเส้นทางของสถานที่ต่างๆ

บริษัท โกลบเทค จำกัด  ผู้ให้บริการแผนที่ไทย  NOSTRA  Map  จัดทำข้อมูลพิเศษ  ๙ ตามรอย  โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านแอพพลิเคชันแผนที่นำทาง NOSTRA Map เพื่อรำลึกถึงพระราชกรณียกิจอันสร้างประโยชน์นานัปการแก่ประชาชนชาวไทย

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้แก่

1.สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
นับเป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของเมืองไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเดินทางมาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้   แต่เดิมเป็นป่าเขา ชาวบ้านทำไร่เลื่อยลอย ปลูกฝิ่น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2512 สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวไทยภูเขาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามพระราชดำริ
“ให้ช่วยเขา ช่วยตัวเอง”

2. สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ในปี พ.ศ. 2522  “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์”  ได้ก่อตั้งขึ้น  ตามพระราชประสงค์ของ  พระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อช่วยเหลือชาวไทยภูเขาส่วนใหญ่ในพื้นที่ ให้มีพื้นที่  ทำกินเป็นหลักแหล่ง
เพิ่มรายได้ เลิกการปลูกฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอยบุกรุกป่าอันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ  มากมาย

3. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์  อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่ บ้านวัดจันทร์ และ หมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 ทรงพบว่าราษฎรมีความแร้นแค้น ไม่มีเส้นทางคมนาคม ทรงรับทราบถึงความลำบากความทุกข์ยากของชาวเขาในพื้นที่ ทั้งมีการถางป่าทำไร่เลื่อนลอย ทำนาในพื้นที่ลุ่มระหว่างหุบเขา จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาบ้านวัดจันทร์เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฎร รวมถึงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฏรในพื้นที่

4. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2521 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา โดยการนำผลวิจัยทางการเกษตรไปถ่ายทอดและส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้แบบยั่งยืน โดยทดแทนการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย

5. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
ศูนย์นี้ก่อตั้งตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาอันเกิดจากการขาดแคลนปัจจัยในการดำรงชีพที่ก่อให้เกิดการบุกรุกป่าทำไร่เลื่อนลอย ปลูกพืชเสพติด โดยการนำความรู้ทางด้านเกษตรที่เหมาะสมมาพัฒนาเพื่อให้ราษฏรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
6. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สะป๊อก อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2526 เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฏรโดยการนำพืชผลที่ผ่านการวิจัยมาช่วยเพิ่มผลผลิต ทำให้สามารถสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ เพื่อให้ราษฏรเลิกการปลูกฝิ่นและหยุดทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝังให้เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษป่า อันเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำ ที่สำคัญ ซึ่งช่วยหล่อเลี้ยงชาว
บ้านบริเวณนี้
7. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เดือนมีนาคม พ.ศ. 2521 ชาวเขาเผ่าม้งจากจอมทองได้ยื่นฏีกาถวายต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อขอพระราชทานที่ดินทำกิน ทรงมีรับสั่งให้หม่อมเจ้าภีศเดชรัชนีเข้าไปช่วยเหลือและพิจารณาพื้นที่บ้านห้วยลึกให้แก่ราษฏร จากนั้นจึงได้ก่อตั้งศูนย์ฯ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ให้ยั่งยืน

8.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
จากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญ ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมรายได้น้อยความเป็นอยู่ยากลำบาก แต่สายพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ยังทรงมองไปถึง ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 300,000 บาท ในปี 2524 เพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์ในการเริ่มต้นก่อตั้งศูนย์ฯ  ในการวิจัยเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการเพาะเห็ดและกาแฟพันธุ์อราบิก้า ให้แก่ราษฏรในพื้นที่ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

9.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ปี พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ทรงเสด็จพระราชดำเนิน  เยี่ยมหมู่บ้านหนองหอย ราษฏรเป็นชาวเขาเผ่าม้งมีอาชีพปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย เพื่อช่วยเหลือราษฏรให้มีชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพร้อมทั้งให้หยุดการปลูกฝิ่นและบุกรุกแผ้วถางป่าจึงทรงมีพระราชดำริก่อตั้ง  ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย

แอพพลิเคชันแผนที่ NOSTRA Map เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และAndroid เพียงเปิดแอพฯ แล้วเลือก Map Layer  “๙ ตามรอยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ”    หรือ   “๙ Royal Projects”
ก็จะสามารถเข้าถึงทั้ง 9 ตำแหน่งได้ทันที

แปรเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้เป็นความงดงาม จากความแห้งแล้งเป็นชุ่มชื้น แปรเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้เป็นความงดงาม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ใช้เวลาเพียงวันสองวันที่สร้างขึ้น แต่คือการลงมือทำอย่างตั้งใจ  ตลอดระยะเวลา 70 ปี  ที่พระองค์ทรงครองราชย์

ดาวน์โหลดแผนที่และใช้งานฟรีได้ที่…
http://map.nostramap.com/download

นิทรรศการและแฟชั่นโชว์
เส้นทางผ้าไทย เส้นใยแห่งภูมิปัญญา  เทิดไท้องค์ราชินี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดนิทรรศการ “เส้นทางผ้าไทย เส้นใยแห่งภูมิปัญญา เทิดไท้องค์ราชินี”
เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระชนมพรรษา 84 พรรษา พร้อมชวนท่องเที่ยววิถีไทย ร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นผ่านเส้นทางผ้าทอไทย พร้อมจับมือนักออกแบบแบรนด์ดัง และดีไซเนอร์รุ่นใหม่ร่วมเนรมิตแฟชั่นโชว์ผ้าไทยสุดอลังการ ณ ศูนย์การสยามพารากอน
 

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เผยว่า “เส้นทางผ้าไทย เส้นใยแห่งภูมิปัญญา เทิดไท้องค์ราชินี” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาในเดือนสิงหาคม ซึ่งทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ  ในด้านการอนุรักษ์  และการส่งเสริมหัตถกรรมผ้าไทย จนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ การจัดงานนี้เป็นการส่งเสริมให้ชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินท่องเที่ยววิถีไทย  ที่เชื่อมโยงกับแหล่งผลิตผ้าในท้องถิ่น  ต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างงาน เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และร่วมอนุรักษ์วิถีชีวิตท้องถิ่นให้อยู่คู่สังคมไทยต่อไป

ภายในงาน “เส้นทางผ้าไทย เส้นใยแห่งภูมิปัญญา เทิดไท้องค์ราชินี”  ประกอบด้วยกิจกรรม  2 ส่วน คือ ส่วนนิทรรศการ ซึ่งจะมีการแนะนำ 15เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ ผู้เข้าชมงานจะสามารถเรียนรู้เส้นทางการท่องเที่ยววิถีไทย ผ่านเรื่องราวของผ้าไทยที่สะท้อนความเป็นมาของวัฒนธรรม ความเชื่อ และสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบวิธีการทอและลายผ้า อันมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น  ภายใน นิทรรศการจะมีสาธิตวิธีการทอผ้าแบบต่างๆ
จัดแสดงผสมผสานกับงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน รวมถึงจะมีการจำหน่ายสินค้าจากแหล่งผลิตที่คัดสรรแล้ว
ให้เลือกซื้อกว่า 20 บูธ

ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ในวันที่ 20 – 21 สิงหาคม 2559
ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์  ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
 

ส่วนที่สอง คือ การแสดงแฟชั่นโชว์ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากนักออกแบบ 5 แบรนด์ดัง ได้แก่  พลพัฒน์ อัศวประภา จากแบรนด์   “อาซาว่า” , พิสิฐ จงนรังสิน และศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ แห่งแบรนด์ “ทูป แกลเลอรี่”, ชัย เจียมกิตติกุล แห่ง  “ชัย โกลด์ ลาเบล”,  ประภากาศ อังศุสิงห์ จากแบรนด์ “ฮุกส์” และ ภูวภนิศ กฤตพบนารา แห่ง  “อิชชู” พร้อมด้วยนักออกแบบหน้าใหม่อีก 15 คน ร่วมสร้างสรรค์คอลเลกชันสุดอลังการถึง 55 ชุด ซึ่งมาจากแรงบันดาลใจที่ได้สัมผัสคุณค่าของผ้าไทยถึงแหล่งผลิตผ้า  ได้เรียนรู้ขั้นตอนตั้งแต่ยังเป็นเส้นด้ายจนกลายเป็นผืนผ้า ซึ่งถือเป็นศิลปะชั้นสูงที่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทย ภายในงานมีนางแบบชั้นนำ อาทิ แพนเค้ก-เขมนิจ  จามิกรณ์ , บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, แนท–อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์  มิส ยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015,  สิ- พิชญ์สินี ตันวิบูลย์,  จี๊ด-แสงทอง เกตุอู่ทอง ร่วมเดินแบบ

ทั้งนี้ ผ้าไทยที่จะนำมาใช้สำหรับการออกแบบตัดเย็บได้คัดเลือกผ้าไทยพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อาทิ ผ้าทอลายน้ำไหล จังหวัดน่าน, ผ้าทอมัดหมี่ จังหวัดลพบุรี, ผ้าย้อมคราม จังหวัดสกลนคร, ผ้าโฮล จังหวัดสุรินทร์ และผ้าพุมเรียง จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ซึ่งแฟชั่นโชว์ชุดนี้จะนำเสนอผ้าไทยในรูปแบบที่ทันสมัย สามารถประยุกต์การใช้งานได้ง่ายสวมใส่ได้หลายโอกาส เพื่อส่งเสริมให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไทยมากขึ้น โดยได้จัดแสดงแฟชั่นโชว์ในวันที่ 20 สิงหาคม 2559 เวลา 18.30 – 20.30 น.
ณ ลานพาร์ค พารากอน

นิทรรศการและแฟชั่นโชว์
เส้นทางผ้าไทย เส้นใยแห่งภูมิปัญญา  เทิดไท้องค์ราชินี
โดยจากวันที่ 21 สิงหาคม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ขยายโอกาสให้กับผู้สนใจทั่วไปได้ชื่นชมในภูมิปัญญาไทย โดยนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการผ้าไทยจาก 5 แหล่งผลิต

ททท. ได้ขยายโอกาสให้กับผู้สนใจทั่วไปได้ชื่นชมในภูมิปัญญาไทย โดยนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการผ้าไทยจาก ๕ แหล่งผลิต ตั้งแต่วันที่ 23 – 28 สิงหาคม 2559
ณ ศูนย์การค้าเพลินนารี่ มอลล์ ชั้น 1

ในการจัดงานครั้งนี้ ททท ได้รับการร่วมมือจาก สยามพารากอน, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
และ  ศูนย์การค้าเพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล