Category Archives: ข่าว

สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย จัดงานแสดงความยินดีแด่ผู้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต

ปลาบปลื้มใจกับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกับ 2
ด็อกเตอร์ คนใหม่

สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย จัดงานแสดงความยินดีแด่ผู้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต กับ ด็อกเตอร์ คนใหม่ ท่าน ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ ดุษฎีบัณฑิต จากการทุ่มเท  เวลาเรียน เพื่อคว้า  ปริญญาเอก และ รับพระราชทานปริญญาบัตร ปรัชญดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์   สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์  จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ด็อกเตอร์ คนใหม่ ท่าน ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

 

ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ ดุษฎีบัณฑิต ปริญญาบัตร ปรัชญดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์   สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์  จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ในตอนเย็นวันที่ 29 มิถุนายน 2560  สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย ได้จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดี  แด่ผู้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต   ณ.ครัวพฤกษา เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา กรุงเทพฯ

พิธีการเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 19.00 น. ณ ครัวพฤกษา เลียบทางด่วนรามอินทรา
ได้รับเกียรติจาก หม่อมราชวงศ์  จิราคม  กิติยากร  ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน  โดยการกล่าวขอแสดงความยินดี  กับผู้ที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
ทุกท่านทั่วประเทศ  ความสำเร็จเป็นของคนที่ใช้ความพยายาม   ในความวิริยะ อุสาหะ มานะ พากเพียร จนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ขอให้ใช้ความ
รู้ที่มี พัฒนาชาติไทยให้เจริญ



หม่อมราชวงศ์ จิราคม กิติยากร  แสดงความยินดีต่อ ผู้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ และ ดร.อาภาภัทร หินซุย ประธานบริษัท สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย จำกัด ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงาน ในหน้าที่สำคัญต่างๆ เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ในฐานะแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจการ บริษัท สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย จำกัด   ให้ก้าวหน้าต่อไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย ในการรักษาความเป็นผู้นำใน ด้านมิวสิคแอนด์มีเดีย อย่างแข็งแกร่ง พร้อมด้วย คุณเวชท์ หินซุย ประธานกรรมการบริษัท เค เอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และแขกกิติมศักดิ์ และเพื่่อนๆ หลายท่าน รวมทั้งสื่อมวลชน เข้าร่วมงานแสดงความยินดี


ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ ปัจจุบันท่านทำงาน  บริษัทการบินไทย จำกัด  (มหาชน)
ตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญ สายการบิน ท่านจบปริญญาเอก ปรัชญดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์   มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ในเรื่องการศึกษา
-ปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์
สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง

– ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์
สาขาวิชาเอกการปกครอง วิชาโทกฎหมาย มหาวิทยาลัยรามคำแหง

-ประธานนักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประธานนักศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

-The Best Practices To Grow Your Business And Wealth by
JAY ABRAHAM 14-15 June 2016 Muang Thai GMM Live House,
Central World.

พร้อม ด้วยทีมที่ปรึกษา พร้อมผ่านการอบรมหลักสูตรมามากมาย อาทิ
วิชาและหัวข้อที่บรรยาย
การสร้างผู้นำในองค์กร
การสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กร
การเพิ่มมศักยภาพผู้นำยุคใหม่
การเพิ่มมศักยภาพผู้บริหารยุคใหม่
การฝึกอบรมระบบค่ายด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์, กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ Family Rally, Rally Activity และ Jungle Rally สาหรับการพัฒนา
นักบริหาร เป็นต้น

ดร.อาภาภัทร หินซุย ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว หลายคนอาจจะรู้จักแต่อีกด้านของเธอ ดร.อาภาภัทร หินซุย (แม็ก)  ดำรงตำแหน่ง  ประธานบริษัท สมาย มิวสิคแอนด์มีเดีย จำกัด ด้วยดีกรีปริญญาดุษฎีบัณฑิต ในวันนี้ ดร.อาภาภัทรมีโอกาสร่วมพัฒนาร่วมผลักดันให้โอกาส ด้านการศึกษา  ของบ้านเราเปิดกว้าง เธอมักจะให้  ข้อคิดเรื่องแนะแนวการศึกษา และการใช้ชีวิต ปัญหาของการพัฒนาประชากร  สนับสนุนให้รู้จักใช้ทรัพยากรและโอกาสอย่างเต็มที่  ขยายพื้นที่ความคิดในเรื่องการศึกษา ให้กับความเจริญของประเทศ

และในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีแก่ ดร. ศรศักดิ์ ชูดำ และ ดร.อาภาภัทร หินซุย ในความตั้งใจ มุ่งมั่น  ในการบริหารงาน และ การสร้างรากฐานที่มั่นคง แข็งแกร่ง จนประสบความสำเร็จ ตามแนวคิดของ  ดร.อาภาภัทร  หินซุย
ที่ว่า……

อย่ากังวลกับสิ่งที่มาไม่ถึง…แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ…สิ่งที่มองไม่เห็นคือใจคน…สิ่งที่ต้องอดทนคือใจเรา หนึ่งครั้งที่ผิดพลาด…อาจทำให้…ไม่มีโอกาสได้แก้ไข…คิดก่อนที่จะทำอะไรลงไป…จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในสิ่งที่ทำ…คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต…บางคนเป็นมิตร…บางคนเป็นศัตรู…แต่ทั้งหมดล้วนเป็นครู

ภาพบรรยากาศงานเลี้ยงดร. ศรศักดิ์ ชูดำ  และ ดร.อาภาภัทร หินซุย

ในโอกาสนี้ ผู้บริหารจากคณะ/หน่วยงานต่างๆ ได้มอบของที่ระลึก พร้อมช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร พร้อมด้วยคุณเวชท์  หินซุย  ประธานกรรมการ  บริษัท เค เอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด   และ
แขกกิติมศักดิ์   จากหน่วยงานต่างๆ เพื่อน และ  สื่อมวลชน เป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นบรรยากาศงานที่เป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อผู้ได้รับพระราชทานดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และเป็นความภาคภูมิใจ

ข่าว/ภาพ : ชัญญา จันทะรังษี

ฝนเทกี่ทีไม่มีคำว่าเหงา Singing In The Rain

ข้ามผ่านจากฤดูร้อน…
สู่จังหวะความท้าทายในฤดูแห่งสายฝน

ฝนตกทีไรก็ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลคำว่า “เหงา” ออกไปทุกที หน้าฝนนี้
ชวนเพื่อนซี้คนดี ออกมาเปลี่ยนฤดูเหงา ให้เป็นฤดูของเรา ใน Chang Music Connection Presents Singing In The Rain 2Gether  สุดยอดเทศกาลดนตรี อารมณ์ดีไม่กลัวฝน อยากชวนทุกคนโดดออกจากความเหงา แล้วมาฟังเพลงสนุกไปด้วยกัน  บนบรรยากาศสนามหญ้านุ่มๆ สุดๆ  สีเขียวชอุ่มสุดชิลล์  สนุกเต็มอิ่มไปกับเสียงดนตรี อารมณ์ดีสุด Fin กับกองทัพ Fin Food Market และกิจกรรมสุดชิคมากมาย



เรียกว่า  ต่อให้ฝนเทกี่ที ก็ไม่มีคำว่าเหงา  กับงานดนตรี   Chang Music Connection Present  Singing In The Rain 2Gether  อยากให้มาเปิดประสบการณ์การฟังดนตรีที่สนุก แบบไม่ซ้ำใคร ไปกับประสบการณ์ความ
ชุ่มฉ่ำ ในบรรยากาศสุดชิลล์บนพื้นหญ้าสนามกอล์ฟที่น่าทิ้งตัวทุกตารางนิ้ว ชวนคุณและเพื่อนซี้โดดออกจากความเหงาเปลี่ยนวันเศร้า ๆ ให้มีแต่เราไปด้วยกันในแบบ  2gether ข้ามผ่านจากฤดูร้อนสู่จังหวะความท้าทายในฤดูแห่งสายฝน ที่ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรีคลับ นครราชสีมา

วันนี้กับงานแถลงข่าวสุดชิว  Singing in the rain 2gether  โดย บริษัท ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการจัดคอนเสิร์ต  ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ แถลงข่าว  เปิดคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ  ในวันที่ 14 มิถุนายน 2560   ณ Billboard Café @ Siam Discovery ณ Billboard Café @ Siam Discovery  พร้อมตัวแทนศิลปิน อาทิ วง Mild , Tattoo Colour , Jelly Rocket  กอดคอร่วมพูดคุยบนเวที

​คุณญาณกร อภิราชกมล กรรมการบริหาร  บริษัท ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด กล่าวว่า เทศกาลดนตรีท่ามกลางสายฝน บนสนามที่จัดงานสุดชิลล์ Singing In The Rain 2Gether เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จากการจัด Season of Love Song 6.1 จากการฉีกรูปแบบการจัดคอนเสิร์ตบนเวทีกลางแจ้ง อย่างไม่กลัวฝน  แฟนคอนเสิร์ตผู้รักเสียงเพลงเตรียมกรี๊ดสนั่น! ไปกับเหล่าศิลปิน 9 วง ได้แก่ Room 39, Lula , Sqweez Animal, Scrubb, Paradox , Tattoo Colour , Jelly Rocket , Mild , Two Popetorn (ตู่ ภพธร) จะมาร้องเพลงสร้างความอิ่มเอม เสิร์ฟพร้อมความอิ่มอร่อยจากร้านเด็ด เมนูดังในโซนอาหารสุดฮิปที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี สร้างความอิ่มอกอิ่มใจและอิ่มท้องได้ในงานเดียวบนพื้นหญ้าที่เขียวชอุ่มของ  สนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์คันทรีคลับ   จังหวัดนครราชสีมา





ในปีนี้ บริษัท ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด มีความมุ่งหวังที่จะจัดโชว์บิซหรือคอนเสิร์ตอีเวนต์ ที่มุ่งการพัฒนาคอนเทนส์ใหม่ ๆ ที่แหวกแนวและแตกต่าง เพื่อเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภค  ที่ต้องการสร้างสีสัน  ความสนุกให้กับชีวิตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานคอนเสิร์ต เก่ ๆ ที่จะเปลี่ยนวันเหงาๆให้เป็นวันของสองเรา “Chang Music Connection Present “Singing In The Rain 2Gether” ในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม นี้ ชวนเพื่อนรัก…มาซื้อบัตรราคา 1,200 บาท และพิเศษกว่าถ้ามาคู่ 2gether ซื้อบัตร 2 ใบ ราคาใบล่ะ 1,000 บาท เฉพาะ วันที่ 17 มิถุนายน 2560 เท่านั้น

Chang Music Connection Present “Singing in the rain 2gether”
เตรียมเปิดประสบการณ์การฟังดนตรีที่สนุก ไม่ซ้ำใคร ในเทศกาลดนตรีกลางสายฝนปีที่ 2 และเตรียมกรี๊ดสนั่นไปกับเหล่าศิลปินสุดป๊อป
Artist : Room 39 / Lula / Sqweez Animal / Scrubb / Paradox /
Tattoo Colour / Jelly Rocket / Mild / Two Popetorn

Singing in the rain 2gether มาเปลี่ยนฤดูเหงา…ให้เป็นฤดูของเรา
สอบถามข้อมูลและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง
โทร. 02 105 3833, 08 9811 1901
แฟนเพจ www.facebook.com/singingintherainfest
Singing in the rain 2gether
August 5 @ 6:00 pm – 10:00 pm.

วันจัดการแสดง : วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560
สถานที่ : สนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรีคลับ จังหวัดนครราชสีมา (เขาใหญ่-ปากช่อง)
ผู้จัด : CREATE INTELLIGENCE

Chang Music Connection Presents Singing In The Rain 2Gether
สถานที่แสดง : แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรีคลับ, นครราชสีมา,
ประตูเปิด : ก่อนการแสดงเริ่มประมาณ 30 นาที
วันจำหน่ายบัตร : ตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2560 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป
ราคาบัตร : 1,200 บาท

 

 ilovePAY ทำดีเพื่อสังคม

แอพพลิเคชั่น  ilovePAY ทำดีเพื่อสังคม

บริษัท บางกอกบิซิเนส ออนไลน์ จำกัด ผู้ดำเนินงานธุรกิจหยอดเหรียญและ ตู้เติมเงินมือถือออนไลน์อีกทั้งยังมี แอพพลิเคชั่น  ilovePAY บริการระบบเติมเงิน ชำระบิล ที่ครอบคลุมทุกบริการตลอด 24 ชม.ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 ไอดี  เลิฟทุกค่าย จ่ายทุกบิล แอพพลิเคชั่นเติมเงินมือถือ และ ชำระบิล 24 ชม.

 

จัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุ ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี (รังสิตคลอง 5)

ภายใต้การบริหารงานของคุณ วีรสุภางค์ ศศิอานนท์
เจ้าของและกรรมการผู้จัดการ

โอกาสนี้ทางบริษัทฯ ได้ทำการคืนกำไรสู่สังคม โดยทั้งผู้บริหารและพนักงานในบริษัทฯร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม IloveIdo ครั้งที่ 2
ในธีม  รักษ์ไทย (ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น ผู้ชายผ้าขาวม้าคาดเอว)
มีวงดนตรีเพื่อสร้างความบันเทิง และ มอบสิ่งของทั้งของกินของใช้ที่จำเป็น พร้อมด้วยการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุ ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี (รังสิตคลอง 5)

การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมนี้ ทางบริษัทฯ ได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆ เดือน




งานนี้มี คุณอนุสรณ์ ยอดปราง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เป็นแม่แรงในการจัดงาน ถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองวันเกิดพีอาร์สาวสวย พี่หนุ่ย สาวน้อยร้อยกิโล เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์คนเก่ง ได้ทั้งทำบุญและเลี้ยงลูกน้องในโอกาสเดียวกัน

ครั้งแรก การประชันความงามประกวดมิสเฮโย

Miss Haeyo Rainbow Queen 2017

เฮโย คลีนิค พร้อมเปิดให้บริการให้กับลูกค้าทุกท่านที่สนใจด้านความงาม จัดการประกวดสาวสวยประเภท 2 ขึ้น โดยได้รับเกียรติจากพลเอก อุทิศ สุนทร สมาชิกสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ  ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ เป็นประธานในพิธีการประกวด พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ตัดสิน  และผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ร่วมตัดสินเป็นจำนวนมาก

โดยทางกองประกวด กำหนดให้ผู้ร่วมเข้าประกวด  แต่งกายในชุดราตรีผ้าไทย, ชุดราตรีสั้น ผ้าไทย แต่งกายงามอย่างไทย  ซึ่งผู้เข้าประกวดแต่ละคน ที่เข้ารอบจะได้รับตำแหน่ง เช่น ขวัญใจนิตยสารเดอะริช ขวัญใจทีวี ขวัญใจเฟคคลับ และนางงามพยายามสวย  ณ บริเวณลานอเนกประสงค์   ห้างเดอะสตรีท รัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ท่ามกลางประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมชมจำนวนมาก

นับเป็นครั้งแรก  การจัดการประกวดสาวงามประเภทสอง ขึ้นเพื่อต้องการเป็นเวทีให้ผู้เข้าประกวดสาวประเภทสอง ได้มีโอกาสสมัครเข้ามาประชันความงาม  และความสามารถแบบไม่มีข้อจำกัดเรื่องการทำศัลยกรรม หากในโอกาสต่อไปกระแสตอบรับในการจัดการประกวด”มิสเฮโย”มีเสียงตอบรับที่ดี ก็อาจจะจัดการประกวดขึ้นอีก คุณจิดาภา ยิ้มพงษ์ ประธานบริษัทเฮโยคลีนิก กล่าว

การประกวดมิสเฮโย ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติ จากหม่อมหลวง ปวริศรฺ กิติยากร ร่วมเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ การประกวด Miss Haeyo Rainbow Queen 2017

การประกวดที่มีเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
ผู้ชนะในเวทีนี้
เงินรางวัลมูลค่ากว่า 30,000 บาท
มงกุฎประจำตำแหน่ง
สายสะพาย
ถ้วยเกียรติยศ
บัตรกำนัลจากเฮโยคลินิก
ยังได้เป็นพรีเซ้นเตอร์ให้กับเฮโยคลินิก

พลเอก อุทิศ สุนทร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะ ประธานกิตติมศักดิ์ ให้เกียรติสวมมงกุฎ และสายสะพายให้กับ น้องติว วรัญดา วัฒนามนตรี ผู้ชนะเลิศอันดับ 1

พลเอก อุทิศ สุนทร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะ  ประธานกิตติมศักดิ์ ให้เกียรติสวมมงกุฎ และสายสะพายให้กับ น้องดิว
วรัญดา วัฒนามนตรี  ผู้ชนะเลิศอันดับ 1
Miss Haeyo Rainbow Queen

ส่วนรองอันดับ 1 คือ น้องแอ๋ม กตัญญุตา ธาระยาน   และรองอันดับ 2 คือ น้องแน๊ต  อิสรีย์  มุ่งมั่น ส่วนรางวัลชมเชย ได้แก่  น้องมัดไหม ชนกวนันท์กร ปัญญาคำ  และ น้องทักทาย  อินวริตา  มาบุญธรรม

ดิว วรัญดา คว้ามงกุฎ Miss Haeyo Rainbow Queen 2017

ซึ่งในการจัดประกวดมิสเฮโยครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวง ปวริศร์
กิติยากร รวมทั้งคนดังมากมาย  จากหลากหลายแวดวง  ร่วมในการเป็นสักขีพยาน อาทิ ชนุชตรา สุขสันต์ นักแสดงช่อง 7 สี  คุณทิพย์ กัญพิชชา ผู้จัดละครช่อง 7 สี,  มิสเตอร์ จอง นัม ลี นักธุรกิจจากประเทศเกาหลีใต้,   โจแอน, กริม CEO หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ และนักร้องอารมณ์ดี   เจเน็ต  เขียว​

น้องติว   คุณวรัญดา ผู้ที่คว้ามงกุฎ   Miss  Haeyo  Rainbow  Queen 2017
​ผู้ร่วมเข้าประกวดแต่งชุดราตรี ผ้าไทย, ชุดราตรีสั้นผ้าไทย แต่งกายงาม  ซึ่งแต่ละคนที่เข้ารอบจะได้รับตำแหน่ง เช่น ขวัญใจนิตยสารเดอะริช ขวัญใจทีวี ขวัญใจเฟคคลับ และนางงามพยายามสวย


สำหรับผลการตัดสิน ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวด
Miss Haeyo Rainbow Queen 2017

วรัญดา วัฒนามนตรี น้องติว  อายุ 17 ปี

รองอันดับ 1  ได้แก่  กตัญญุตา ธาระยาน  น้องแอ๋ม
รองอันดับ 2  ได้แก่ อิสรีย์ มุ่งมั่น  น้องแน๊ต
รางวัลชมเชย ได้แก่ ชนกวนันท์กร ปัญญาคำ น้องมัดหมี่
รางวัลชมเชย ได้แก่ อินวริตา มาบุญธรรม  น้องทักทาย

การจัดประกวด Miss Haeyo Rainbow Queen 2017
เฮโยคลินิก เป็นหนึ่งผู้ให้การสนับสนุนในการประกวดครั้งนี้ รวมทั้งบุุคคล
ที่มีชื่อเสียงให้เกียรติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจัดงาน  ดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จและราบรื่น เมื่อวันเสาร์ที่  27  พฤษภาคม  2560

ชั้น 2   ณ ห้าง The Street Ratchada (เดอะสตรีท รัชดาภิเษก)

Haeyo Clinic
139 ห้างเดอะสตรีทรัชดา ชั้น 2 ห้อง2105 ถ.รัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ  10140 Bangkok, Thailand
FB:Haeyo Clinic
ติดต่อสอบถาม 
คุณพลอย  โทร. 089-9225838

4 ผู้บริหาร ผู้ก่อตั้งหลักสูตร อัลตร้า เวลท์ Ultra Wealth Group

อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป  ( Ultra Wealth Group )  

หลักสูตร ซุปเปอร์คอนเน็คชั่น
เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรการบริหารการลงทุน
เพื่อนักธุรกิจระดับท็อป

บริษัท อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป จำกัด โดย 4 ผู้บริหาร ผู้ก่อตั้งหลักสูตร อัลตร้า เวลท์  (Ultra Wealth Group)  อาทิ  คุ ณชัชวาลย์ เจียรวนนท์
อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป (Ultra Wealth Group) เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรการบริหารการลงทุนเพื่อนักธุรกิจระดับท็อป เปิดหลักสูตรรุ่นที่ 3 ยกระดับหลักสูตร เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ ความเข้าใจในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ได้จริง มั่นใจสามารถบริหารซุปเปอร์คอนเนคชั่น ขยายเครือข่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม  CLMV  ASEAN  อีกหลายประเทศ ในแถบยุโรป และอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้และมองหาความร่วมมือกันของนักลงทุนจากทั่วโลก

4 ผู้บริหารผู้ก่อตั้งหลักสูตร อัลตร้า เวลท์
คุณชัชวาลย์  เจียรวนนท์  ประธานกลุ่มอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป
คุณปิยะมาน  เตชะไพบูลย์  กรรมการอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป
คุณสุพร  วัธนเวคิน       กรรมการอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป
ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์   กรรมการอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป

เพื่อยกระดับ หลักสูตรการบริหารการลงทุนเพื่ออนาคต หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วจากรุ่นแรกและรุ่นที่ 2 อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป จัดหลักสูตรคุณภาพ ที่ให้ความรู้ทางด้านการลงทุน การแนะนำเพื่อใช้ต่อยอดทางธุรกิจ และขยายเครือข่ายซุปเปอร์คอนเนคชั่น ให้ผู้เข้าร่วมสามารถเดินไปด้วยกันกับอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป พร้อมโชว์ความเป็นตัวจริงของนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์ สามารถมองเห็นภาพรวมของหลักสูตรได้อย่างชัดเจน สร้างโอกาสเพิ่มช่องทาง และความมั่นใจในการลงทุน สร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่า จากความร่วมมือของเหล่านักลงทุนตัวจริง

ชัชวาลย์  เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป กล่าวว่า
“การลงทุนในยุคนี้ต้องประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

ส่วนที่ 1 กลุ่มทุน ก็คือพวกเรานักธุรกิจที่มีธุรกิจหรือมรดกตกทอดที่จะสามารถเป็นแรงสนับสนุนในการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนที่ 2 คือคอนเนคชั่นที่แข็งแรง จำเป็นต่อการต่อยอดธุรกิจ ถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ เพราะธุรกิจไม่สามารถดำเนินไปทิศทางที่ดีได้โดยปราศจากความช่วยเหลือและร่วมมือกันจากองค์กรพันธมิตร

ส่วนที่ 3 คือ ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ ที่ข้อมูลข่าวสารถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ใครที่รู้เยอะกว่ายิ่งได้เปรียบ ซึ่ง อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป พยายามถือเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม โดยปัจจุบันมีผู้เรียนในหลักสูตรทั้ง 3 รุ่น รวมทั้งหมดกว่า 300 คน โดยทั้งหมดครอบคลุมในแวดวงธุรกิจ
กว่า 80%  กล่าวได้ว่า  เราเป็นส่วนสนับสนุน  ซัพพอร์ตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ไทยแลนด์ 4.0 หรือ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งโครงการ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งถือเป็นนโยบายใหม่ของรัฐบาล
ที่จะเร่งพัฒนา 3 จังหวัดภาคตะวันออก คือ ชลบุรี  ระยอง และ ฉะเชิงเทรา โดย อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป เป็นกรุ๊ปที่สามารถรวบรวมนักธุรกิจไว้ด้วยกัน ย่อมหมายถึงการช่วยให้เกิดการแอ็กทีฟในตลาดทุนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีสภาพคล่องเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการลงทุนร่วมกัน โดยปัจจัยหลัก 3 ด้าน
ที่ต้องวิเคราะห์สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่เหลือ ต้องวิเคราะห์จาก 1) การส่งออก 2) การท่องเที่ยวและบริการ และ 3) การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ถือว่า  ข้อ 1 และ 2  อยู่ในภาวะที่ดี แต่จำเป็นต้องเร่งในส่วนข้อที่ 3 เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างดี ทั้งนี้ อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป จัดทำหลักสูตรขึ้น  โดยหัวใจหลัก ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) Ultra Investment  2) Ultra Network  3) Ultra Deal และ
4) Ultra Wealth Club”

กรรมการอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป ทั้ง 3 ท่าน กล่าวถึงการบริหารในครั้งนี้ โดยเริ่มจาก ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ เปิดเผยว่า  “ปีนี้  เราก็จะเน้นในเรื่องทางเลือกต่างๆ ในการลงทุน ซึ่งโครงสร้างจะเหมือนเดิม แต่วิทยากรจะมีการอัพเดตข้อมูลมากขึ้น มีความช่ำชองการนำเสนอมากขึ้น อาทิ คุณชาญ บุญกุล ซึ่งเป็นที่รู้จักมานาน ท่านไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ท่านก็ให้เกียรติ  กับอัลตร้า เวลท์ นอกจากนี้  เราก็จะมีไปดูงานที่ประเทศอังกฤษ  ตอนนี้ค่าเงินปอนด์ (ปอนด์สเตอริง) ถูกลง ทำให้หลายๆ คนสนใจจะไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่อยากจะให้คนไทยไปลงทุนที่ต่างประเทศ และเนื่องจากเราเป็นการร่วมกันของเอกชน ทำให้เราจะทำงานสามารถยืดหยุ่นได้ ทันต่อเหตุการณ์  เช่น  รุ่นแรกที่เราไปประเทศจีน   มีการแลกเปลี่ยนทัศนคติการลงทุนกัน ธุรกิจสามารถเอื้อประโยชน์ต่อกัน  และนี่คือสิ่งที่เรา
จะเน้นในปีนี้ ”

ในขณะที่ สุพร วัธนเวคิน ที่รับผิดชอบด้าน Ultra Investment เผยว่า “การลงทุนของ อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป จะเป็นการลงทุนเพื่อต่อยอดของนักธุรกิจที่มีความแตกต่างจากลงทุนทั่วไป เช่น การลงทุนทั่วไปนักลงทุนต้องเริ่มจากการทำการบ้าน ศึกษาข้อมูล หาที่ปรึกษาที่ดี ถึงจะกล้าลงมือทำ นำเม็ดเงินไปลงทุน ซึ่งมีความเสี่ยงสูง แต่ อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมในคลาสด้วยกัน มีโอกาสได้ทำความรู้จัก ทำให้ได้ทราบถึงแบ็กกราวด์ทางธุรกิจ ความมั่นคงและน่าเชื่อถือ ก่อให้เกิดการต่อยอดในการลงทุน รวมถึงการจัดดูงานที่อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป จะมีการเดินทางไปที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นอกจากจะมีกิจกรรมต่างๆ ที่สานสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนแล้ว ยังจะได้ไปดูงานด้านการลงทุนระดับโลก รวมถึงการเจรจาธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วย”


ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์ กรรมการอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป ได้กล่าวว่า “ทิศทางของอัลตร้า เวลท์ เริ่มจากรุ่น 1 และ 2 ที่ผ่านมา ซึ่งได้กระแสตอบรับจากผู้เข้ามาเรียนที่ดีมาก เกิดการต่อยอดการลงทุนใหม่ๆ และเมื่อถึงรุ่นนี้ สิ่งที่เราทำคือ การต่อยอด โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) อัลตร้า เวลท์ คลับ คือ การให้ความรู้นอกคลาสเรียน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือบุคคลที่อยู่ในห้องเรียน เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาส อย่างการต่อยอดคอนเนคชั่นกับกลุ่มที่อยู่ในเขตประเทศ CLMV (ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีแนวโน้นเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแร่ธาตุและทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อาทิ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) 2) Ultra Education คือ นอกเหนือจากหลักสูตรที่เรียนในคลาสแล้ว ในอนาคตอาจจะมีการจัดตั้งหลักสูตรอื่นที่พิเศษขึ้นมาอีก และ 3) Ultra Investment คือ การลงทุนในระดับอัลตร้า ที่มีดีลที่พิเศษกว่าการลงทุนทั่วไป โดยการลงทุนเหล่านั้น จะเน้นในด้านที่มีพัฒนาและเติบโต เช่น ด้านเทคโนโลยี เป็นต้น”


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป
www.ultrawealthgroup.com
info@ultrawealthgroup.com

แคมเปญยักษ์ระดับโลก ชวนคนไทยร่วมโหวตให้กับทีม Siam Organic

The Chivas Venture ปีที่3

แคมเปญยักษ์ระดับโลกเชิญชวนคนไทยร่วมโหวตให้กับทีม Siam Organic
เป็นสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมของโลก
ชิงเงินรางวัลสูงสุดหนึ่งล้านเหรียญฯ

Siam Organic ชนะเลิศโครงการ Chivas The Venture ปี 3 เป็นตัวแทนนักธุกิจเพื่อสังคมไปแข่งระดับโลก  สยาม ออร์แกนิก เป็นกิจการเพื่อสังคมที่มุ่งแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยใช้รูปแบบธุรกิจบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำผ่านผลิตภัณฑ์สินค้าอินทรีย์ภายใต้แบรนด์ แจสเบอร์รี่  (Jasberry)  ถึงแม้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ส่งข้าวออกเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่เกษตรกรไทยกลับมีรายได้ต่ำกว่าเกษตรกรในประเทศอื่นๆ กว่า 10 เท่า สยาม ออร์แกนิก เข้ามาร่วมทำงานกับเกษตรกรรายย่อย ส่งเสริมการปลูกข้าว ลดต้นทุน เพื่มผลผลิต ผ่านกระบวนการต่างๆ ทำให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการกว่า 1,500 ราย มีรายได้ที่สูงขึ้นจากการจำหน่ายข้าว แจสเบอร์รี่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม (Social Impact) กว่า 65 ล้านบาทในปี 2016

ชีวาส รีกัล (Chivas Regal) สก็อตช์วิสกี้ระดับโลกประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากการเปิดตัวแคมเปญยักษ์ “The Chivas Venture” โดย มร.เควนติน จ็อบ กรรมการผู้จัดการบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัดยังคงเล็งเห็นความสำคัญที่มีต่อสังคมตอกย้ำเจตนารมณ์ด้วยการสานต่อบิ๊กแคมเปญ  The Chivas Venture ปีที่3   เฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจผู้มีแนวคิดสร้างสิ่งดีๆ เพื่อสังคม ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาตระหนักถึงความสำคัญของการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการทำเพื่อสังคม ในคอนเซ็ปต์ Win the Right Way และในปีนี้ผู้ชนะได้แก่ปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ จากทีม Siam Organic คว้ารางวัลชนะเลิศในระดับประเทศอย่างสวยงาม ซึ่งมีจุดประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรในประเทศไทยผ่านนวัตกรรมสินค้าอินทรีย์ที่เจาะตลาดผู้บริโภคจากทั่วโลกภายใต้ชื่อสินค้า
แจสเบอร์รี่ (Jasberry)

ทางชีวาส รีกัล ขอเชิญชวนคนไทยช่วยกันโหวตให้กับ Siam Organic ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม ถึงวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2560 เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ ได้ที่  www.chivas.com/the-venture/ ทุกคะแนนโหวต
จะเปลี่ยนเป็นเงินรางวัล  สำหรับช่วยเหลือสังคม โดยมีเงินทุนจากคะแนนโหวต 250,000 เหรียญดอลลาร์ ซึ่งเงินรางวัลจากการโหวตส่วนหนึ่งจะนำไปช่วยเหลือความยากจนของเกษตรกรที่มีสาเหตุจากการปลูกข้าวต้องใช้ต้นทุนสูงแต่กลับได้ผลกำไรที่ต่ำ เพราะการแทรกแซงจากพ่อค้า คนกลางและนำกลับมาพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป Siam Organic เล็งเห็นปัญหาว่า ถึงแม้ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศของเรากลับมีรายได้โดยเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดในอาเซียน สยามออร์แกนิคทำงานผ่านนวัตกรรมด้านการเกษตร ทั้งการปลูกข้าวและระบบบริหารจัดการแบบอินทรีย์มาตรฐานสากลและการปล่อยกู้ในระบบmicro-financing ซึ่งสามารถทำให้เกษตรกรภายใต้โครงการมีรายได้ที่สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยถึง 14 เท่า ในปัจจุบันสยามออร์แกนิคทำงานร่วมกับเกษตรกรมากกว่า 1,000 ครัวเรือนในภาคอีสาน เพื่อเพิ่มผลกระทบทางด้านสังคม (Social Impact) เราต้องการการสนับสนุนจากคุณเพื่อช่วยเกษตรกรมากกว่า 20,000 ครัวเรือน หลุดพ้นจากความยากจนได้อย่างถาวร

ในฐานะของตัวแทนสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมจากประเทศไทย จะได้เป็นตัวแทนเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายกับสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมอีก 29 ประเทศจากทั่วทุกมุมโลกในเดือนกรกฎาคมที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา พิชิตเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์

ชีวาส รีกัลจึงขอเชิญชวนช่วยกันโหวตให้กับ Siam Organic
สนับสนุนทีมไทยไปสู่เวทีโลกได้ที่ ช่วยกันโหวตคนไทยด้วยนะค่ะ
เพราะ ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก
https://www.chivas.com/th-th/the-venture/finalists/people/th-siam-organic

เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ
โรงหนังหรู จับตรงจุด ยึดกลยุทธ์พันธมิตรขยายฐานผู้ชม ปีนี้เพิ่มอีก 3 ราย

ล่าสุดพร้อมรับส่งผู้ชมผ่านบริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท คาดส่งยอดขายตั๋วผ่านพันธมิตรทะลุ 60% ของยอดตั๋วทั้งหมด
มั่นใจทั้งปีรายได้รวมโตง่ายๆ อีก 10%

นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท  เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า  ภาพรวมรายได้ของโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ ในปี 2560 นี้เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ พันธมิตรจากเดิม 8 ราย ปีนี้จะเพิ่มอีก 3 ราย, สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี เปิดให้บริการครบทุกพื้นที่ เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้น  และรายชื่อภาพยนตร์เข้าฉายในปีนี้เป็นหนังทำเงินค่อนข้างมาก

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทำการตลาดหนักกว่าปีนี้เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้มากขึ้น ส่งผลให้ปีก่อนมีการเติบโตถึง 18% แต่ในปีนี้จากฐานผู้ชมและพันธมิตรที่ดีขึ้น
รูปแบบการทำตลาดทำได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน บวกกับปัจจัยบวกต่างๆ จึงทำให้ปีนี้การเติบโต 10% มีความเป็นไปได้สูงมาก ส่วนสำคัญมาจากกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อและยังพร้อมใช้จ่ายกับการชมภาพยนตร์ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม

รูปแบบการจับมือกับพันธมิตรเพิ่มมูลค่าบริการพิเศษให้แก่ลูกค้า ถือเป็นรายได้ที่บริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ปีนี้บริษัทมุ่งจับมือกับพันธมิตรอีกอย่างน้อย 3 ราย ในกลุ่ม ยานยนต์, ไอศกรีม แลอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มโรงพยาบาล ในระดับพรีเมียม มั่นใจว่าจะทำให้ยอดตั๋วหนังที่เกิดจากพันธมิตรยังมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60% และอีก 40% มาจากการเข้ามาซื้อที่หน้าโรงเช่นปีที่ผ่านมา จากปกติต่อเดือนจะจำหน่ายตั๋วหนังได้ราว 8,000 ที่นั่ง ปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ที่นั่ง หรือเฉลี่ยต่อโรงมียอดเข้าชมที่ 40% จากราคาตั๋วหนังตั้งแต่ 900-1,400 บาท กับโรงภาพยนตร์ 5 โรง รวม 208 ที่นั่ง และกำลังพยายามเพิ่มอีก 20 ที่นั่ง

ล่าสุดปีนี้ได้จับมือกับบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด รุกทำตลาดรูปแบบมูฟวี มาร์เกตติ้ง เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

ร่วมมือระหว่างยนตรกรรมระดับโลกรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์กับโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมทสกรีน ให้บริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท  รับส่งลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มลูกค้า VIP   ซื้อบัตร Embassy Gift Card มูลค่า 12,000 บาท  รวมถึงทำมูฟวี มาร์เกตติ้งในรูปแบบต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นนำเสนอสื่อโฆษณาแนวสร้างสรรค์ โปรโมชันส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ตลอดทั้งปี

จากแผนในปีนี้ที่จะเน้นทำ CRM มีการทำดาต้าเบส แมเนจเมนต์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอย่างมีระบบเพื่อให้ลูกค้าประทับใจการให้บริการแบบเพอร์ซันนัลลิสต์เซอร์วิส โดยแต่ละเดือนจะมีโปรแกรมสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยโปรแกรม Because you’re special!

ใน ขณะเดียวกัน จากกระแสดิจิตอล ดิสรัปทีฟ จึงมีการอินทิเกรตสื่ออนไลน์ออฟไลน์ นำเสนอช่องทางและรูปแบบสื่อสารมัลติ  แพลตฟอร์ม ที่สามารถสร้าง Brand Excitement ให้กับสินค้าของลูกค้า  เชื่อว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมโตขึ้นอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 65-70% มาจากตั๋วหนังและเครื่องดื่ม 30%มาจากสปอนเซอร์และโฆษณา และอีก 5% มาจากงานอีเวนต์ที่จัดในโรงภาพยนตร์

ขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีจาก Guardian System

เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System
ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะ

สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี อุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง เพื่อการรณรงค์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

และอีกหนึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัย  บริษัท  เกียรติธนาขนส่ง  จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) รุกก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด บริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง
ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีจาก Guardian System ประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมแนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT  ตั้งเป้าเติบโตรวม 10%  ในปีนี้

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์ และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษในประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 62.5 ล้านบาท เป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเติบโต พร้อมทั้งพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่กับการเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมุ่งยกระดับมาตรฐานการขนส่งของประเทศสู่มาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัย

KIAT กำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เติบโตรวม 10% ในปี 2560 นี้
และตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจใหม่

นอกเหนือจากการเติบโตจากธุรกิจหลักในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษ ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัท เคจีพี จำกัด ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันเรื่องการขับขี่ปลอดภัยโดยตรง โดยเฉพาะกับรถบรรทุกขนส่งที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงสุด” นายคีรินทร์กล่าว
เกียรติธนาขนส่ง รุกขยายธุรกิจ ตั้งบริษัทลูก ลุยธุรกิจโซลูชั่นขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี

ย้ำอุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ
เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยี

กล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง
ล่าสุด บริษัท เคจีพี จำกัด ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าและเทคโนโลยีทั้งหมดจาก Guardian System
แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Guardian System เข้ามาทำตลาดในประเทศ เพื่อเป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT โดยระบบดังกล่าวเป็นโซลูชั่นป้องกันอุบัติเหตุ

ตั้งแต่ในห้องโดยสารของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ KIAT คาดหวังว่าระบบดังกล่าว จะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบการขนส่งบนท้องถนนในประเทศและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งในทุกภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด

ทางด้าน นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขนส่งสินค้าบนท้องถนนมีความปลอดภัยนั้น
นอกจากความพร้อมในด้านตัวรถที่ต้องมีมาตรฐานสูงแล้ว ผู้ขับขี่รถ ยังถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ บนท้องถนน ซึ่งจากข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่ากว่า 70 % ของสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ได้แก่ การขับรถเร็วเกินกำหนด การละสายตา การหลับใน และสาเหตุอื่น ๆ
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การควบคุมชั่วโมงการขับขี่และการพักผ่อน การจัดหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย นโยบายหยุดงาน การย้ำเตือน การสุ่มตรวจ รวมถึงการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์ GPS และ กล้อง IVMS ซึ่งยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุที่ผู้ขับขี่ได้ บริษัท เคจีพี จำกัด จึงได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System เข้ามาแนะนำให้กับผู้ประกอบการ หลังจากได้ทดลองใช้จริงกับรถขนส่งทุกคันของ KIAT เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานการขับขี่ปลอดภัยของรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อการขนส่งของประเทศ เพื่อความปลอดภัยให้กับคนในภาคอุตสาหกรรมขนส่งในประเทศและสังคมโดยรวม” นายเมฆกล่าว

นายเมฆ กล่าวต่อ เบื้องต้น บริษัทฯ ได้แนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยี โดยระบบดังกล่าวประกอบด้วย กล้องจับสายตาของผู้ขับขี่ กล้องส่องถนน อินฟราเรท กล่องรับสัญญาณ มอเตอร์สั่นใต้ที่นั่งผู้ขับขี่ และกล่องประมวลผล ชุดอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในห้องโดยสารของผู้ขับขี่นี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่แบบ Real Time ตลอดเวลาของการขับขี่ ด้วยการสื่อสารผ่านดาวเทียมส่งข้อมูลและบันทึกภาพเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่ตลอดการปฏิบัติหน้าที่แบบ Real Time ซึ่งจะมีการตรวจสอบและประมวลผลตลอดเวลา ทันทีที่ตรวจพบเหตุการณ์ที่จะ

นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการละสายตาหรือการเหนื่อยล้า หรือการหลับในของผู้ขับขี่ ระบบจะส่งสัญญาณไปที่มอเตอร์ให้ทำการสั่นเตือนจากใต้ที่นั่งของคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่ ในขณะเดียวกัน ระบบก็จะส่งรายงานเหตุการณ์ไปยัง SafeGuard Center ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลางของ Guardian System เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ก่อนส่งกลับมาให้ผู้ประกอบการที่ใช้ระบบดังกล่าว โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ จะใช้เวลาทั้งหมดเพียง 2 นาที โดยที่ทีมงานบริหารการขนส่งของผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบรถบรรทุกทุกคันของบริษัทผ่านการเชื่อมต่อทาง Internet ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มาใช้นี้ นับเป็นการมีส่วนสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานธุรกิจการขนส่งในประเทศสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนให้ธุรกิจขนส่งไทยเติบโตบนรากฐานความมั่นคงอย่างยั่งยืน

ระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มีให้เลือกใช้บริการ 2 รูปแบบ คือ การซื้อระบบ หรือ การใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน
กรณีซื้อระบบ ราคาอุปกรณ์เริ่มต้นที่ 59,500 บาท ต่อคัน และมีค่าใช้บริการโปรแกรม SafeGuard เดือนละ 2,000 บาทต่อคัน

กรณีใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน ราคาค่าใช้บริการอุปกรณ์และค่าใช้บริการโปรแกรม Safe Guard ราคาเริ่มต้นเดือนละ 4,500 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเบอร์โทรศัพท์ 0-2501-7330-8

Spice Up Thailand 2017

ทีเส็บ จับมือ วีซ่า และ ททท.
เปิดตัวโครงการ
Spice Up Thailand 2017
กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ผ่านการตลาดดิจิทัล

ทีเส็บ หรือ สำนักงาน ส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ ( องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท
ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ Spice Up Thailand 2017 (สไปซ์ อัพ ไทยแลนด์ 2017) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบอภิสิทธิ์สุดพิเศษให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ อาทิ ส่วนลดสำหรับที่พักโรงแรม 10% ส่วนลดสำหรับบริการ รถเช่ารับ-ส่งสนามบิน 50% คูปองส่วนลด  สำหรับการช้อปปิ้ง 500 บาท ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร 25% และส่วนลดค่ากรีนฟีสนามกอล์ฟ 50% เป็นต้น จากโรงแรม,สปาและโปรแกรมแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ, ช้อปปิ้ง,  ร้านอาหารต่างๆ, กอล์ฟ, บริการรับส่งและเช่ารถจากสนามบิน, บริการรถลีมูซีน, Tourist SIM Card และแพ็กเกจห้องประชุม เป็นต้น

 

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า”การส่งเสริมธุรกิจไมซ์ผ่านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีเส็บใช้เป็นช่องทางกระตุ้นตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริม Digital Economy (ดิจิตอล อีโคโนมี่) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจระดับมหภาค ทีเส็บดำเนินงานแคมเปญ Spice Up Thailand ร่วมกับ 5 พันธมิตร เพื่อกระตุ้นตลาดไมซ์ในต่างประเทศ สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นเวลาถึง 3 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเป้าหมายหลักอย่างตลาดไมซ์เอเซียและกลุ่ม CLMV

คุณสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนงานไมซ์ 46 งาน จาก 16 บริษัทของผู้จัดงาน ลงทะเบียนร่วมแคมเปญฯ  มีจำนวนการแลกรับคูปอง ( Redeem Coupon ) ประมาณ 43,000 ครั้ง สามารถสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ กว่า 20 ล้านวิว  โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับของการแลกรับได้แก่ ร้านอาหารช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวสปา และบริการรถเช่ารับ-ส่งสนามบิน ด้านนักเดินทางกลุ่มไมซ์  ที่มียอดการแลกรับคูปองเพื่อใช้สิทธิพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆ ของแคมเปญสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์เวียดนาม  สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง  ปากีสถาน ออสเตรเลีย แอลจีเรียและไทย  และในปี 2017 นี้ แคมเปญ Spice Up Thailand ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จัดงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโครงการ
กว่า 60 งาน ”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า
“ทางวีซ่าได้คัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกรวมทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยด้วยโดยสิทธิพิเศษในปีนี้มีทั้งรับฟรีของสมนาคุณหรือบัตรกำนัลและส่วนลดสูงสุดถึง50%, จากร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสปา/wellness สนามกอล์ฟบริการรถรับส่ง รถเช่า สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการและที่พิเศษเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ทุกครั้งที่จองโรงแรมในประเทศไทย ผ่าน www.booking.com/visain และชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าจะได้รับคูปองส่วน
ลดคิง-เพาเวอร์มูลค่า7% จากราคาที่จองทุกรายการ นอกจากนี้
วีซ่าได้ร่วมกับ Thai Travel Center (ไทย ทราเวล เซ็นเตอร์) และ
Asia-Discovery (เอเชีย ดิสคัฟเวอรี่) เสนอทางเลือกให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่ต้องการพักผ่อนต่อ และสามารถเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆในประเทศไทยในราคาพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆซึ่งนอกจากสิทธิพิเศษในฐานะนักเดินทางไมซ์โดยเฉพาะแล้ววีซ่ายังมีโปรแกรมสิทธิพิเศษ อีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งคนไทยและต่างชาติรวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับนักเดินทางไมซ์ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถิติการ
ใช้สิทธิพิเศษสูงเป็นอันดับแรกในปีที่ผ่านมา”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย
คุณนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า
“ในภาคอุตสาหรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้ว ยังใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ด้วย  ททท. จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ Spice Up Thailand 2017 เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ และช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมอีกด้วย”

คุณอรอนงค์ สุดกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และวิเคราะห์การตลาด บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรมดาวน์โหลดคูปอง privilege จาก โครงการ Spice Up Thailand  ให้มากยิ่งขึ้น ทีเส็บ
จึงได้จัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ Plan More, Enjoy More (แพลน มอร์, เอ็นจอย มอร์) ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรม  ออกแบบแผนการเดินทางของตนเอง และแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียทาง
Facebook  (เฟซบุ๊ก) หรือ
Twitter Hashtag #PlanMoreEnjoyMore #SpiceUpThailand

ผู้ที่ได้ยอด Like & Share มากที่สุด จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศจากสายการบินไทย 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (โดยจะต้องเป็นประเทศที่
มีเส้นทางบินของสายการบินไทยเท่านั้น ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้น ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2560

ทั้งนี้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถรับสิทธิประโยชน์จากโครงการได้อย่างสะดวกด้วยการลงทะเบียน และดาวน์โหลด Spice Up Privilege Coupon ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ
www.spiceupthailand.com หรือรับSpice Up Privilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้างาน และแสดง Spice Up Privilege เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากบริการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เดือนนี้-ธันวาคม 2560
สอบถามและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.spiceupthailand.com


งานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ Spice up Thailand 2017
ในงานได้รับเกียรติจาก สริตา จินตกานนท์, ธวัชชัย กิตติศรีบูรณ์กุล, สุริพงษ์ ตันติยานนท์, นพดล ภาคพรต, มาลี โชคล้ำเลิศ และ อรอนงค์ สุดกังวาล มาร่วมงาน  ณ ห้องบอลลูม โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก เมื่อเร็วๆนี้

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 เวลา 18.00-20.00 น.
โครงการ จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom ชั้น 8 โรงแรม Sofitel So Bangkok สาทร

 

 

 

Beauty Industry Networking Night

สภาอุตสาหกรรม ร่วมกับ อิมแพ็ค
จัดงาน 
Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 

 

ตอบรับตลาดความงามมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาทโตสวนกระแสเศรษฐกิจสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอินฟอร์ม่า เอ็กซิบิชั่น เตรียมจัดงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 หรืองานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตรตอบรับตลาดความงามและเครื่องสำอางที่มีมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจติดอันดับ 1 ใน10 ของโลกในช่วง3-5 ปี โดยงานจัดขึ้นวันที่21-23 กันยายน 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศรวม650 บูธกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมผู้ร่วมเจรจาธุรกิจและชมงานกว่า 20,000 รายจากทั่วโลก สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอด 3 วันของการจัดงานสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ1,750 ล้านบาท

นายเชิญพร เต็งอำนวยรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมพยายามสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถในด้านการตลาด การค้าและการลงทุน การสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็ง โดยในปีนี้การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมฯเชื่อว่างาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017(BBAB2017) จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายหลักในการส่งเสริมผู้ค้ารายย่อยและพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตไทยให้สามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ

นางเกศมณีเลิศกิจจารองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกล่าวว่าอุตสาหกรรมความงามของโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง มาจากประชากรวัยทำงานอันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคด้านสุขภาพและความงามได้รับความนิยมมากขึ้นจากความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในวัยที่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพมีมูลค่าตลาดในประเทศสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกสามารถทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12แสนล้านบาทส่วนในเวทีโลกไทยครองอันดับที่ 17ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ส่วนในเอเชียไทยครองอันดับ 2 และรั้งอันดับ 1 ในระดับอาเซียนอีกด้วย

นายธนวัฒน์ เรืองเทพรัชต์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยกล่าวว่า สถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยหรือ inFASHเป็นสมาชิกกับองค์กรกลางชื่อ อินเตอร์คัลเลอร์ ผู้ดำเนินการจัดการประชุม INTERCOLOR เวทีที่ประเทศชั้นนําด้านการออกแบบของโลกรวมตัวกันเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสีวัสดุและเทรนด์การออกแบบในอนาคต ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลการวางตลาดของสินค้าเป็นระยะเวลา 24 เดือน เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจของการออกแบบในหลายอุตสาหกรรม เช่น แฟชั่นสิ่งทอ เครื่องสําอาง การตกแต่งบ้าน ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นสำหรับ inFASH อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และด้วยองค์ความรู้เหล่านี้สถาบันฯ จึงเข้าร่วมในงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ต่อเนื่องเป็นครั้งสอง จัดสัมมนา“Beyond Beauty Trends Conference” ร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องสี วัสดุ และเทรนด์ในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม อีกทั้งยังร่วมเปิด “Beau Tech – Incubation Zone” เพื่อส่งเสริมให้ผลงานของนักศึกษาเป็นที่รู้จักและสามารถต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย
ด้านนายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์จำกัดกล่าวถึงการจัดงานBeyond Beauty ASEAN-Bangkok ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียนจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4เพื่อผลักดันธุรกิจสุขภาพและความงามให้ก้าวไกล ขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดความงามในปัจจุบันพร้อมโชว์ศักยภาพของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง โดยในปีนี้มีการเปิดตัวโซนสปาและสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดความงาม อีกทั้งยังสานต่อความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทคินเท็กซ์ ผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าจากประเทศเกาหลี นำทัพผู้ประกอบการด้านความงามจากเกาหลีกว่า 250รายร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นปีที่ 2 พร้อมกันนี้ ยังจัดสัมมนาวิชาการให้ความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและแฟชั่นการประชุม ASEAN RETAIL BEAUTY SUMMIT การสัมมนาเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับการสักบนผิวหนังเพื่อความงาม ตลอดจนcentdegrésบริษัทออกแบบระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิ จีวองชีแอร์เมสลองแวงและคาร์เทีย เป็นต้น

สำหรับงาน BBABซึ่งผ่านการรับรองมาตราฐานการจัดงานนิทรรศการจาก UFI หรือสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก โดยในปีที่ผ่านมาได้รับสองรางวัลภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Show หรือ ART Campaign ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ในสาขา Bestof ASEAN Rising Trade Show และ Best of Highest Growth of ASEAN Pavilion เป็นการการันตีถึงคุณภาพของงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ได้เป็นอย่างดีทางคณะผู้จัดฯ จึงมุ่งหวังให้ BBAB 2017จะประสบผลสำเร็จและเป็นจุดนัดพบสำหรับคนในแวดวงอุตสาหกรรมความงามได้พบปะและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่คนในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม

อนึ่งงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2017
จัดขึ้นในวันที่ 21 – 23 กันยายน 2560
ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.beyondbeautyasean.com